คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : สี่สายลับสาวออกปฏิบัติการ..
***************************************************
สี่สายลับสาว เปรี้ยว แสบ ซ่า
ตอนที่ 1
....ณ องค์กรลับแห่งหนึ่ง เป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นมาเพื่อปราบปรามทุจริตและเหล่าวายร้าย หน่วยงานนี้มีสายลับผู้เป็นตัวแทนองค์กรด้วยกันอยู่สี่คน แล้วพวกเธอก็ล้วนแต่เป็นหญิงสาวสวยด้วยกันทั้งนั้น องค์กรที่ว่านี่คือ เด๊บส์...
“เอมี่..” เสียงกระหืดกระหอบของแม็กซ์ดังขึ้น ปลุกให้หญิงสาวตื่นได้ในเวลาไม่นานนัก
“ให้ตายเถอะแม็กซ์ ฉันอยู่ตรงนี้ทำไมต้องตะโกนด้วยนะ” เอมี่ตะโกนตอบกลับไป
เมื่อแม็กซ์เดินเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของเอมี่เพื่อนสาว เธอก็กระเสือกกระสนให้ดูใบปลิวขนาด เอสี่ ที่เผยถึงความต้องการของหัวหน้าองค์กรที่ชื่อว่านางเพรสทรี
“นี่ เอมี่ เธอดูนี่สิ คุณเพรสทรีรับสมัครหัวหน้าหน่วยงานแผนกจู่โจมด้วยล่ะ สักวันนึงฉันจะต้องทำงานตรงนั้นให้ได้” แม็กซ์เอ่ยอย่างมีความหวัง
“จ้ะแม็กซ์ เธอพูดถูก สักวันนึงเธอคงจะได้เป็นแบบนั้น” เอมี่ยิ้มให้เพื่อนสาว
สักครู่ผ่านมาก็มีประกาศดังลั่นมาจากห้องนั่งเล่น
“สาวๆทั้งหลาย เตรียมตัวกันมาเดี๋ยวนี้ ผมมีข่าวด่วน รีบมารายงานตัวเร็วเข้า D.E.B.S” เสียงห้าวของคุณพีตัวแทนกลุ่มสี่สาวตะโกนปลุกให้ทุกคนตื่นตัวโดยเร็วที่สุด
“เร็วเข้านะเอมี่ เราต้องไปแล้ว เดี๋ยวฉันจะไปปลุกเจเน็ตกับโดมินิค” แมกซ์พูดจบก็รีบสะบัดก้นอันงอนได้รูปของเธอจ้ำอ้าวออกไปด้วยความเชื่อมั่นเหมือนเคย ขณะที่เอมีก็รีบรุดแต่งยูนิฟอร์มประจำองค์กรของเธอ เสื้อเชิ๊ตสีขาว ผูกเนคไทด์สีน้ำเงิน บวกกับกระโปรงลายสก๊อตสี่ฟ้าตัวเก่ง เธอดูสูงชะลูดที่สุดในกลุ่มแล้ว
“ปี๊ป..ปี๊ป” สัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่อยู่บนหน้าปัดนาฬิกาดังขัดจังหวะการแต่งตัวของเธอ
“ฮัลโหล นี่เอมี่พูดนะ ให้ตายเถอะบ๊อบบี้ เวลานี้มันไม่เหมาะเลยจริงๆ” เอมีพูดขึ้นหลังจากรู้ว่าคู่สายเป็นใคร บ๊อบบี้แฟนเก่าเธอนั่นเอง
“โธ่ เอมี่ ฟังผมก่อน ผมอยากจะรู้ว่าเรา..” บ๊อบบี้พูดได้แค่นั้น เอมี่ก็รีบตัดสายไปด้วยความร้อนรน
“เอ..มี่..” เสียงแม็กซ์ตะโกนมาสุดเสียง หลังจากที่ทุกคนพร้อมหมดแล้ว รอเธออยู่ที่หน้าบันไดชั้นล่าง
“รู้แล้วๆ จะรีบไปเดี๋ยวนี้” เอมี่คว้ากระเป๋าเป้สีดำใบจิ๋ว ก่อนจะรีบลงไปหาเพื่อนๆ
รถโฟคมินิคันงาม ป้ายทะเบียน D.E.B.S รีบบึ่งออกจากบ้านพักของสี่สาวในทันที โดยการขับของแม็กซ์ เธอซิ่งสุดสปีด ขับฉวัดเฉวียนมาตามทาง ปาดหน้ารถคันใดก็ตามที่ชักช้าร่ำไรอยู่ไม่ทันใจเธอ และระหว่างที่ทั้งสี่สาวอยู่ในรถนั้นเอง
“ฉันเลิกกับบ๊อบบี้แล้ว” เอมี่พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“จริงหรอ ฉันว่าเค้าน่ารักจะตาย” เจเน็ทพูดอย่างเสียดาย
“แต่ฉันว่าเค้าไม่เข้าใจฉันเลยน่ะสิ” เอมี่ตอบกลับไป
“ใช่” โดมินิคพึมพำออกมา
“เธอว่าไงนะ” เอมี่ตะโกนถามแข่งกับความเร็วรถที่แม็กซ์ขับ
“ใช่..” โดมินิคเบิ่งตาโตออกมาอย่างรำคาญ เธอเอาแต่สูบบุหรี่ตลอดเวลา เป็นสิงห์อมควันตัวยง
เมื่อรถแล่นมาจอดที่องค์กรลับ
“ฉันคิดว่าฉันไม่ได้รักเค้าน่ะ” เอมี่เอ่ยออกมาเบาๆ
“อะไรนะ” แม็กซ์หันมาถาม
“ฉันบอกว่า..ฉันอยากมีความรักน่ะ” เอมี่ตะโกนออกมาเสียงดังลั่นรถจนเจเน็ทอดบ่นขึ้นมาไม่ได้
“ทำไมต้องตะโกนซะดังขนาดนั้นด้วยนะ” เจเน็ทชำเลืองมองเอมี่อย่างไม่สบอารมณ์นัก
ทั้งสี่สาวลงจากรถ แล้วมุ่งหน้าไปยังโรงอาหาร ที่มีคุณพีนั่งรอสี่สาวอยู่
“สวัสดีค่ะคุณพี” แม็กซ์เอ่ยทักก่อนใครเพื่อน
“อย่าเรียกฉันว่าคุณพีเลยนะ ขอร้อง” พีบ่นออกมา
“สวัสดีค่ะคุณพี” ทั้งสามสาวที่เหลือไม่ได้ฟังที่เค้าบอกมาเลย แล้วทั้งหมดก็เอ่ยเรียกชื่อคุณพีตลอดทั้งสี่คน พีส่ายหน้า แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก
“ว่าแต่วันนี้คุณพี มีเรื่องอะไรเร่งด่วนหรอคะ ถึงเรียกพวกเรามาแต่เช้า” เอมี่เริ่มเข้าประเด็น โดยที่อีกสามสาวพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย
“เดี๋ยวผมจะให้พวกคุณพบกับคุณเพรสทรีก่อนนะ เธออยากเจอพวกคุณน่ะ” พีเอ่ย พร้อมๆกับที่คุณเพรสทรีโผล่แว่บขึ้นมาท่ามกลางความตกตะลึงของสี่สาว โดยเฉพาะแม็กซ์ สาวผิวดำผู้ทะเยอทะยานที่สุดในกลุ่ม
“ว้าว คุณเพรสทรี” แม็กซ์เป็นปลื้มที่ได้เจอกับผู้นำองกรค์คนเก่งของเธอ
“สวัสดีสาวๆ” มาดามเพรสทรียิ้มน้อยๆด้วยความสง่าก่อนจะบอกถึงเรื่องที่ต้องเรียกพวกสาวๆมาเจอกันในวันนี้
“ลูซี่เธอกลับมาเข้ามาในประเทศนี้แล้ว ฉันหวังว่าพวกเธอคงต้องตื่นตัวกันไว้ เอาล่ะ แสดงฝีมือกันหน่อยสาวๆ” พูดจบเธอยิ้มราบเรียบทีหนึ่งก่อนจะหายไป
ทั้งสี่สาวได้แต่อึ้งที่เจอตัวคุณเพรสทรีที่นานๆทีจะมีโอกาสได้เจอผู้นำองค์กรใกล้ชิดแบบนี้
“ไม่อยากเชื่อว่าเธอจะกลับมา..” เอมี่พึมพำเบาๆคนเดียว
“เอาล่ะ มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า” คุณพีเริ่มเกริ่น
“ว่าแต่ลูซี่คือใครคะ” เจเน็ทสาวน้อยผู้ดูอ่อนหัดสุดในกลุ่มถามขึ้นมา
“เอาล่ะ มาดูกัน” คุณพีพูดจบก่อนจะฉายภาพเคลื่อนไหวอันล้ำสมัย ถ่ายทอดเรื่องราวภารกิจให้สาวๆได้รู้กัน
“ลูซี่ ไดมอนด์ เธอเป็นทายาทของนักโจรกรรมเลื่องชื่อนามว่าเทรวิส หลังจากที่พ่อของเธอต่อกรกับพวกฮาลี่คู่อริ สงครามนองเลือดคราวนั้น เธอเสียพ่อแม่เธอไป และอยู่ตัวคนเดียวเรื่อยมา.” คุณพีทยอยเล่า
“ฉันกำลังทำวิทยานิพนธ์เรื่องเธออยู่พอดี” เอมี่พึมพำออกมาแทบจะไม่มีใครได้ยิน
“เอาล่ะ ต่อนะ ตอนนี้ลูซี่เธอกลับมาแล้ว โดยมีพวกของเธอคอยคุ้มครอง กลุ่มชายฉกรรณ์ที่นำโดยนายคนนี้ สกั๊ด” คุณพีเล่าผ่านแผนภาพที่ฉายดำเนินมาถึงรูปหน้าของชายผู้คอยคุ้มครองเธอ
“แต่แล้วคืนนี้ เธอมีนัดกับนักฆ่าสาวชาวรัสเซียนามว่า ฟีนอสชิกา นาโปว่า ที่ร้านเลดูอาร์มอร์ คืนนี้สองทุ่มนี่ล่ะ ที่ผมจะให้พวกเราไปสืบมาว่าลูซี่มีแผนการทำลายล้างอะไรตอนนี้” คุณพีจบเรื่องราวด้วยภาพค้างระหว่าง ลูซี่ ไดมอนด์ กับนักฆ่าสาวชาวรัสเชียไว้แค่นั้น
“ให้ตายเถอะ เธอเป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ” โดมินิคเอ่ยขึ้นมากหลังจากเงียบไปนาน
“แล้วน่ากลัวยังไงหรอ” เจเน็ทเอ่ยขึ้นมาอย่างใสซื่อ
“น่ากลัวตรงที่ ไม่มีใครที่ปะทะตัวต่อตัวกับลูซี่ แล้วเล็ดรอดกลับมาเล่าให้ฟังได้น่ะสิ” คุณพีพูดหน้าขรึม ทำให้สี่สาวขยาดไปตามๆกัน ผิดกับเอมี่ที่คิดสงสัยอยู่คนเดียว
“อยากรู้นักว่าอาชญากรรมเลื่องชื่อผู้ชาญฉลาดและโดดเดี่ยวจะมีอะไรกับนักฆ่าชาวรัสเซียนะ” เอมี่พึมพำออกมา เธออดที่จะสงสัยไม่ได้ขณะมองไปที่รูปลูซี่ ไดมอนด์
ขณะเดียวกันที่ EVERLAST แหล่งกบดานของลูซี่ ไดมอนด์
จากเบื้องหลัง สาวผมยาวสลวยสีดำขลับ กำลังนั่งดูแผนการนัดพบที่ สกั๊ดเป็นคนนำพาให้มารู้จักกับนักฆ่าสาวชาวรัสเซียอยู่นั้น
“ลูซี่ เธอคิดว่า ฟีนอสชิกาเป็นไงล่ะ” สกั๊ดขอความเห็น เค้าไม่อาจคาดเดาความรู้สึกของลูซี่ได้
“อืม ก็ใช้ได้น่ะนะ” ลูซี่ตอบเสียงเรียบง่าย ก่อนจะหมุนเก้าอี้กลับมาเผชิญหน้ากับสกั๊ดลูกน้องคนสนิทของเธอ ดูจากเบื้องหน้าแล้ว ดวงตาเฉียบคม ประกอบกับรูปหน้าอันรับกันดีกับทรงผมแล้ว เธอช่างดูเป็นโจรสาวที่เซ็กซี่ยิ่งนัก
“แล้วตกลงเธอจะไปมั้ยลูซี่” สกั๊ดคาดคั้นเอากับเธอ
“ยกเลิกไปซะ สกั๊ด” ลูซี่บอกอย่างไม่สบอารมณ์หลังจากมองดูรูปหน้าตาของนักฆ่าที่เธอจะไปพบด้วยแล้ว
“ไหงงั้นล่ะลูซี่ ทุกอย่างถูกเตรียมไว้หมดแล้วนะ” สกั๊ดพูดอย่างหัวเสีย ลูซี่เดินเลี่ยงออกมาจากตรงนั้นทันที โดยมีสกั๊ดเดินตามมาติดๆ
“ก็ฉันยังไม่มีอารมณ์จะไปพบเจอใครอีกทั้งนั้นล่ะ” ลูซี่บ่นอย่างหัวเสีย
“ฉันรู้ ว่าเธอน่ะเพิ่งหลุดออกมาจากความสัมพันธ์คนก่อน เธอถูกทิ้งนะลูซี่” สกั๊ดพูดจี้ใจดำนักโจรกรรมสาวคนนี้ยิ่งนัก
“ฉัน ไม่ได้ถูกทิ้งสกั๊ด” เธอหันหน้ามาต่อกรกับลูกน้องคนสนิทอย่างฉุนเฉียว
“เธอถูกทิ้งลูซี่ จำไม่ได้หรอ ว่าเธอหลบไปเลียแผลใจไกลถึงโมรอคโคนั้นน่ะ” สกั๊ดมิวายโต้ตอบ
“ฉันไม่ได้หนีไปสกั๊ด ก็ดูคนนั้นสิ เค้าพูดเสียงดังเกินไปน่ะ” ลูซี่เดินเลี่ยงไปต่อที่ห้องของเธอ
“เธอหนีเค้าไง แล้วอ้างเหตุผลเรื่องอาหารเป็นพิษนั่นน่ะ เธอจำไม่ได้หรือไงนะ” สกั๊ดพยายามจะอธิบายให้ลูซี่ฟัง
“ต่อไปนี้เธอต้องเปิดใจนะลูซี่” สกั๊ดพูด
“เปิดใจเรื่องอะไร” ลูซี่หันมาถามหลังจากที่เธอเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อเตรียมเปลี่ยนเสื้อ
“เรื่องความรัก” สกั๊ดเอ่ยออกมาจากหนักแน่น จนลูซี่ชักสีหน้าเบ้ใส่ เธอยอมไปนัดบอดตามที่สกั๊ดจัดฉากไว้ให้เธอ ด้วยความที่เห็นว่าสกั๊ดซื่อสัตย์และหวังดีเพียงใดกับเธอ
เวลาประมาณหัวค่ำของคืนวันนัดบอดของลูซี่..
สี่สาวได้เตรียมซุ่มรอคอยการมาของลูซี่ ไดมอนด์อย่างพร้อมเพียง โดยทั้งสี่สาวนั่งอยู่บนคานสูงเหนือจุดที่นั่งขึ้นมา
“นี่เอมี่..ดูสิ คุณเพรสทรีเค้าต้องการคนเข้าไปร่วมงานที่หน่วยกรองข่าวอีกนะ เธอว่าฉันจะได้เข้าไปทำมั้ย” แม็กซ์เอ่ยมาอย่างตื่นเต้น ขณะที่เธอชี้ชวนให้เพื่อนรักดูวารสารประจำองค์กร
“ใช่แม็กซ์ เธอมีสิทธิเต็มที่ล่ะ” เอมี่เอ่ยเอาใจเพื่อนรัก ขณะที่แม็กซ์ยิ้มไม่หุบ
“อืม..แล้วเธอว่าคุณพีจะให้ชั้นลาหลังจาก เอนเกมส์มั้ย” เอมี่เอ่ยออกมาในสิ่งที่ต้องการจะพูดมานาน
“อะไรน่ะเอมี่ เธอน่ะเป็นเฟอร์เฟ็คสกอส์เชียวนะ เธอมีสิทธิจะเข้างานในหน่วยงานใหญ่ๆตั้งเยอะแยะ” แมกซ์ค้านอย่างไม่เชื่อหูตัวเองนัก
“ไม่รู้สิ..ฉันอยากเข้าเรียนโรงเรียนศิลปะน่ะ” เอมี่พูดในสิ่งที่ตัวเองฝัน
“โรงเรียนศิลป์นะเอมี่ แต่เธอได้เฟอร์เฟก สกอร์นะ เธอมีสิทธิเลือกงานที่ไหนก็ได้ที่เธอถนัดน่ะ” แม็กซ์ถามต่อเมื่อเอมี่เอาแต่เงียบ
“เอาล่ะเอมี่..ใครคือเพื่อนสนิทของเธอ” แม็กซ์เกริ่นถาม
“เธอไงแม็กซ์เพื่อนสนิทของฉัน” เอมี่ตอบตามที่แม็กซ์ต้องการ
“แล้วเธอจำวันแรกที่ฉันพูดกับเธอเอาไว้ยังไงได้มั้ย” แม็กซ์พูด
“ออกไปให้พ้นจากเตียงฉันนะนังโง่” เอมี่พูดตามตรง ถึงกับทำให้แม็กซ์หน้าเจื่อนไปนิดนึง
“ไม่ๆแล้ว..เอ่อหลังจากนั้นล่ะ” แม็กซ์พูด
“เด๊บส์ อยู่ด้วยกัน” เอมี่ลองพูดใหม่
“อ่ะ ใช่แล้ว เราผ่านสี่ปีนรกนี่มา แล้วตอนนี้เธอเป็นมือหนึ่งใช้ม้า เรากำลังจะได้แต่สิ่งดีๆ เฮ้อ..เธอจะไม่ทำลายทุกอย่างด้วยการเข้าโรงเรียนศิลปะนะ ถูกหรือเปล่า” แม็กซ์มองหน้าเอมี่คาดคั้นถาม
“เธอถูกเสมอล่ะ” เอมี่ยิ้มเจื่อนๆ เธอไม่อยากจะพูดอะไรออกไปอีก เพราะรู้ว่าพูดไปก็ไม่มีใครเข้าใจเธอเลยสักคน
ขณะเดียวกันก็มีสัญญาณแทรกมาที่สี่สาวโดยเจเน็ทเป็นคนรับสาย
“ฮัลโหล นี่เจเน็ทพูด เปลี่ยน” เจเน็ทกรอกเสียงแหว๋วของเธอไปตามสาย
“เจเน็ท ขอฉันพูดกับเอมี่หน่อยสิ” เสียงตามสายของบ๊อบบี้ดังแว่วมา
“เค้าอยากพูดกับเธอน่ะเอมี่” เจเน็ทหันไปหาเอมี่ที่ได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่นะ บอกเค้าไปว่าฉันไม่มีอะไรจะพูดกับเค้าอีกแล้ว” เอมี่ตะโกนบอกไปตามนั้น
“ฟังนะบ๊อบบี้ เอมี่บอกไม่อยากจะคุยกับเธอน่ะ เปลี่ยน” เจเน็ทบอกตามที่เอมี่พูด
“ให้ตายสิ บอกเธอทีว่าฉันอยากคุยด้วยจริงๆ” เสียงบ๊อบบี้ยังร้อนรนมาตามสาย
“อะไรกันนักกันหนาเนี่ยะ บ้าจริงๆเล้ย” โดมินิคระเบิดออกมาอย่างรำคาญ
“เอ้า เอาไปเถอะเอมี่ เค้าอยากคุยกับเธอจริงๆนะ” เจเน็ททำหน้าร้อนรนพร้อมกับส่งวิทยุสื่อสารไปให้เอมี่ หญิงสาวรับมาอย่างเสียไม่ได้
“บ๊อบบี้ เราจบกันไปแล้วนะ ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับเธอแล้ว เปลี่ยน” เอมี่กรอกเสียงไปตามสายด้วยความรำคาญเต็มทน แต่แล้วชายหนุ่มคู่กรณีก็โหนตัวลงมาข้างกายเอมี่ จนหญิงสาวตกใจตั้งตัวไม่ทัน
“ให้ตายเถอะ บ๊อบบี้ เธอมาทำอะไรที่นี่น่ะ” เอมี่ถามอย่างตกใจ
“คิดว่าคนที่มาเฝ้าลูซี่จะมีแต่พวกเธองั้นหรอ ดูนั่นสิพวกรัฐบาล แล้วก็ซีไอเอนั่นน่ะ” บ๊อบบี้ชี้ให้เอมี่ดู แล้วเธอก็พบว่ามีหน่วยงานต่างๆมาดักซุ่มเช่นเดียวกันกับเธอเยอะแยะ
“เอาล่ะ เธอทีอะไรจะคุยกับฉันอีก” เอมี่พูดอย่างหงุดหงิด
“ก็ในเมื่อแฟนบอกเลิกหลังจากคบกันมาแปดเดือนน่ะ ฉันไม่เข้าใจ ไหนเธอลองบอกมาสิว่าฉันผิดตรงไหนเอมี่” บ๊อบบี้คาดคั้น
“ก็เธอ..ไม่” เอมี่พูดติดขัด
“พูดมาสักข้อหนึ่งสิ ฉันไม่ดีตรงไหน” บ๊อบบี้จะเอาคำตอบให้ได้
“ก็ฉัน ไม่ได้รักเธอน่ะ” เอมี่โพล่งออกไปตามตรง ทุกคนอึ้งไปตามๆกันที่รู้เหตุผล ทั้งสามสาวที่เหลือหันมามองที่ทั้งคู่แบบอยากรู้อยากเห็น
“อ้อ..คงไม่มีใครจะคู่ควรกับมิสเฟอร์เฟค สกอร์แบบเธอสินะ” บ๊อบบี้หน้าหุบลง
“หุบปากน่ะ บ๊อบบี้” เอมี่ร้อนใจ อีกใจเธอก็เสียใจที่พูดแรงออกไปแบบนั้น
“ก็ได้..เธอจะกลับมา” บ๊อบบี้พูดจบก็ดีดตัวขึ้นไปประจำที่เดิม
ขณะเดียวกัน หน้าร้านอาหารลูซี่มาถึงโดยมีสกั๊ดเป็นคนขับรถมาส่งเธอเอง โดยก่อนที่จะลงจากรถ เธอก็มิวายบ่นกับสกั๊ด
“ทำไมนะสกั๊ด ฉันจับโลกทั้งโลกเป็นตัวประกันได้ แต่กลับต้องมากลัวกับการนัดบอดน่ะ” ลูซี่พึมพำกับสมุนคู่กาย
“ก็เพราะความรักน่ะ มันยากกว่าอาชญากรรม ..โอเคฆ่ามันเลย” สกั๊ดเร่งเร้าให้ลูซี่ออกไป
“แต่อย่าฆ่าจริงๆนะ” เข้าพูดเมื่อเห็นว่าลูซี่กำลังจะลงจากรถ เธอหันมายิ้มน้อยๆให้สกั๊ดก่อนที่จะเดินเข้าร้านอาหารแสนหรูนั้นไป
*********************************************************************************************************
ความคิดเห็น