ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สืบดีนาทีเดียว - ภาคค้นหาความฝันตามหาตัวตน

    ลำดับตอนที่ #1 : สืบดีนาทีเดียว #1 ปล้นกลางแดด

    • อัปเดตล่าสุด 11 ธ.ค. 56


    แดดยามบ่ายที่ร้อนระอุทำให้สุรศักดิ์ต้องเดินเข้ามาหลบในค๊อฟฟี่ช๊อป ของโรงแรม เขาสั่งน้ำส้มปั่น1แก้วก่อนที่จะเลือกที่นั่งตรงบริเวณกระจกหน้าร้าน มองออกไปข้างนอก

     ข้างนอกนั้นเป็นลานกว้างขนาดสนามฟุตบอล มีที่ไว้จอดรถทัวร์ซึ่งเขาเพิ่งลงมาเมื่อสักครู่นี้ มีรถจอดตากแดดอยู่ประปราย รอบๆลานนี้เป็นตึกแถวที่ส่วนใหญ่เป็นร้านค้า ร้านขายเสื้อผ้า รองเท้า ร้านตัดผม ฯลฯ  ... และที่ดูเด่นชัดที่สุดเห็นจะเป็นตึกร้านทองซึ่งทาสีแดงไว้ที่หน้าร้านสดใส กว่าตึกอื่นรอบๆ
     
     ระหว่างที่จ้องมองอยู่นั้นสุรศักดิ์สังเกตเห็นผู้ชายร่างท้วมคนหนึ่ง ที่น่าจะเป็นเจ้าของร้าน เดินออกไปยังร้านหนังสือฝั่งตรงข้าม  จังหวะนั้นก็มีรถยนต์คันนึงมาจอดตรงกลางลาน มีชายสองคนในเสื้อเชิ๊ตสีฟ้าเดินลงมาจากรถ คนหนึ่งถือถุงกระดาษหูหิ้วสีน้ำตาลอยู่ในมือ อีกคนเดินตามประกบแจตรงเข้าไปในร้านทอง
     
     "รับอะไรเพิ่มอีกไหมคะ" เสียงเจ้าของร้านถามชายหนุ่มที่กำลังดูดน้ำส้มอยู่
     
     "งั้นขอเค้กไวท์ช๊อค ที่นึงแล้วกันครับ" สุรศักดิ์ตอบก่อนจะมองออกไปข้างนอกต่อ ... และสะดุดตากับมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งที่คนขับใส่ชุดเสื้อหนังสีดำ หมวกกันน๊อคดำ ขับจากร้านหนังสือไปยังร้านทอง ... คนขับวิ่งตรงเข้าไปในร้านก่อนจะกลับออกมาพร้อมหิ้วถุงกระดาษสีน้ำตาลใบหนึ่ง ออกมาด้วยมือซ้าย ... แต่ที่น่าตกใจกว่าคือในมือขวาของชายคนนั้นถือปืนพกชี้เข้าไปในร้าน ... ซึ่งเมื่อเห็นว่าไม่มีใครตามออกมา ชายคนนั้นก็บึ่งมอเตอร์ไซค์ออกไปทันที สวนกับเจ้าของร้านทองที่เดินออกมาจากร้านหนังสืออย่างงุนงง

    "เอ๋ะ ... พี่ครับ นี่เค้าถ่ายหนังอะไรกันอยู่หรือเปล่าครับ" ชายหนุ่มถามขึ้นพร้อมๆกับที่เสียงสัญญาณเตือนภัยแผดออกมาจากร้านทองพอดี
     

    *************

    สุรศักดิ์เดินลงมาที่ค๊อฟฟี่ช็อปอีกครั้งเพื่อมากหาข้าวเย็นกิน ... ต่างจากเมื่อครู่นี้สักหน่อยที่ตอนนี้มืดแล้ว และที่ลานกว้างมีรถตำรวจจอดอยู่หลายคัน ในค๊อฟฟี่ช๊อปเองมีตำรวจนั่งอยู่สองสามคน


    "นั่นไงคะจ่า เขามาพอดีเลย" เสียงเจ้าของร้านพูดขึ้นเมื่อสุรศักดิ์เปิดประตูเข้ามาในร้าน
    "มีอะไร เหรอครับ" ชายหนุ่มถาม
    "เมื่อ บ่ายนี้มีการปล้นทองที่ร้านทองฝั่งตรงข้าม โน้น ... " ตำรวจชี้ไปที่ร้านทองฝั่งตรงข้าม "ผมเข้าใจว่าคุณเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เลยอยากจะขอคุยด้วยสักหน่อยนึง"

    สุรศักดิ์ไม่ว่าอะไรนอกจากเดินตามตำรวจไปที่โต๊ะ นั่งตอบข้อซักถาม

    ประตูร้านเปิดออกพร้อมกลุ่มคนที่เดินเข้ามา เป็นคนในร้านทองในขณะเกิดเหตุ เจ้าของร้านและตำรวจอีกกลุ่ม

    "ผมอยากให้เรื่องนี้เงียบที่สุด เพราะไม่งั้นถ้ามีข่าวออกไปเจ้าหนี้ต้องแห่กันมาเล่นงานผมแน่นอน" ชายในเชิ้ตสีฟ้าคนที่สุรศักดิ์เห็นถือถุงเดินเข้าร้านทองเอ่ยขึ้น "แล้วผมก็อยากรู้ว่าผมจะได้รับการชดใช้ไหม"

    "แกไม่มีทางได้อะไรทั้งนั้น" เจ้าของร้านทองตะโกนขึ้นมา กำหมัดแน่นหน้าตาแดงก่ำด้วยความโกรธ

    "อะไรกัน ผมโทรคุยกับคุณว่าจะเอาทองมาให้คุณตีราคา พอถึงเวลาคุณกลับไม่อยู่ร้าน แล้วก็จำเพาะว่าบังเอิญหัวขโมยก็ขี่รถมาปล้นผมพอดีเนี่ยนะ ... ของที่เอาไปผมก็ยกเอาไปแสดงให้คนในร้านคุณดูแล้วด้วยซ้ำ ไม่ใช่กุเรื่องขึ้นมา"

    สารวัตรหยิบซีดีใส่ลงไปในเครื่องเล่นของร้าน เปิดภาพวงจรปิดช่วงดังกล่าวเห็นภาพการเดินเข้าไปในร้าน หยิบแท่งทองขนาดเท่าก้อนอิฐมอญขึ้นมาจากถุงกระดาษรวม8ก้อนวางไว้ที่ตู้โชว์ แหวน ก่อนที่หัวขโมยจะถือปืนเข้ามาแล้วก็กวาดทองลงถุงก่อนจะยกออกไป

    "ผมจำเป็นต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วนภายในวันอังคารหน้า ผมอยากรู้ว่าใครจะชดใช้ให้ผมกับการที่มีขโมยบังเอิญรู้การนัดหมายของเราแล้ว มาปล้นผมพอดิบพอดี"

    "แกนั่นแหละขโมย แกให้คนโทรไปบอกว่าแกอยู่ที่ร้านหนังสือ" เจ้าของร้านทองโมโหจนน่าแดงก่ำ
    "สงสัยคงต้องสอบกันยาวแน่ๆ" จ่าส่ายหน้า "หลักฐานก็ไม่มีสักอย่าง"
    "ไม่หรอกครับ หลักฐานครบแล้ว นั่นไงครับสารวัตรควักกุญแจมือขึ้นมาแล้ว " สุรศักดิ์พยักหน้าให้จ่าหันกลับไปดู
     
    ใครเป็นหัวขโมย แล้วสารวัตรรู้ได้อย่างไร?
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    สุรศักดิ์ยืนดูอย่างใจเย็นขณะที่จ่าก็สงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
    แล้วสารวัตรก็สับกุญแจมือลงไปที่มือของชายเชิ้ตฟ้าที่อ้างว่าเป็นเจ้าของทองคำที่ถูกขโมยไป

    "เฮ้ย คุณตำรวจ มาจับผมทำไม ผมทำอะไรผิด ผมเป็นเจ้าทุกข์นะ เป็นผู้เสียหายนะ" ชายคนนั้นร้องขึ้น "อ๋อ นี่รวมหัวกันใช่ไหม"

    "ผมขอจับคุณในข้อหาฉ้อโกง" สารวัตรพูดก่อนจะเรียกจ่าให้เข้าไปคุมตัว "คุณอยากรู้ไหมว่าคุณพลาดตรงไหน"
    ชายคนนั้นเงียบไม่พูดอะไร สีหน้าทั้งโมโหแค้นและงุนงงระคนกัน
    "ทองคำของจริงๆน่ะ หนัก หนักมากด้วย" สารวัตรตอบ
    "ดังนั้นทองคำขนาดอิฐที่เห็นในวงจรปิด แต่ละก้อนจะหนักประมาณ 10-15กิโล ถุงกระดาษประเทศไหนกันที่ใส่ของหนัก 100 กิโลได้วะ แกแค่เอาสีมาทาก้อนอิฐก็สารภาพมา!"
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×