ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    "lies" ปฏิบัติการรักเปลี่ยนหัวใจ

    ลำดับตอนที่ #4 : ไอ้พี่รหัส

    • อัปเดตล่าสุด 9 ส.ค. 56


                รถเดินทางมาถึงที่หมายในตอนเช้า ผมมองไปรอบๆ มีแต่ต้นไม้เต็มไปหมด มีหมู่บ้านเล็กๆบ้านแต่ละหลังตั้งอยู่ห่างๆกัน บ้านส่วนใหญ่หลังคาทำจากหญ้า ส่วนผนังทำจากไม้ไผ่ นี่มันธรรมชาติแท้ๆเลย พอผมและคณะนักศึกษาคนอื่นๆลงจากรถ  ชาวบ้านหลายคนต่างก็มายืนต้อนรับอย่างอบอุ่น ดูทุกคนสนใจและตื่นเต้นกับการมาของพวกผมมาก เพราะผมเชื่อว่าคงไม่บ่อยนักที่จะมีคนภายนอกเข้ามาในหมู่บ้านกลางหุบเขาแบบนี้….ผมเองก็ตื่นเต้นเหมือนกันคับ แทบจะอดไม่ได้ที่จะยกกล้องขึ้นมาแชะภาพรอยยิ้มของทุกๆวันมาเก็บไว้ในกล้องของผม ทุกคนน่ารักมาก เด็กๆวิ่งเล่นกันอยู่ลานบ้าน แก้มแดงยังกะมะเขือเทศ บางคนมีรอยแตกเป็นขุยอยู่บนแก้มทั้งสองข้าง เพราะอากาศหนาวมาก แต่ก็น่ารักชะมัด

                แต่อยู่ๆไม่รู้อะไรดนใจให้ผมหันเลนส์กล้องไปแชะภาพคนคนนึงเข้า….โอเบย์กำลังกล่าวทักทายชาวบ้านในนามของผู้ดำเนินการจัดค่ายครั้งนี้หมอนั่นทั้งพูดทั้งยิ้มอยู่ตลอดเวลา ผมไม่เคยเห็นคนอย่างมันยิ้มแบบนี้เลยแฮะ เมื่อเสร็จสิ้นจากภารกิจทุกอย่าง ทุกคนก็เตรียมกระเป๋าสพายขึ้นบนบ่า เพื่อนเดินทางไปโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านช้างเผือก ซึ่งอยู่ห่างจากหมูบ้านเป็นระยะทางหนึ่งกิโลเมตร และรถก็เข้าไม่ถึง ทำให้พวกผมต้องเดินเข้าไป โดยมีผู้นำหมู่บ้านและชาวบ้านส่วนหนึ่งเป็นคนนำทาง

    “มาเดี๋ยวช่วย” ผมหันไปมองด้านหลัง เห็นไอ้แม็ซแย่งกระเป๋าจากมือไอ้เฟิร์สมาถือ  แต่ดูเหมือนว่าไอ้เฟิร์สจะไม่เต็มใจเลยแฮะ มันแย่งกระเป๋าคืนมา ให้ตายเถอะสองคนนี้มันเป็นไรของมัน  แย่งกันไปมาอยู่ได้ ทำไมผมไม่มีใครมาอาสาถือกระเป๋าให้บ้างฟระ >,.<

    “ให้มีนช่วยนะ” ผมวิ่งไปเดินข้างๆพรีม ลืมบอกไป ออกค่ายคราวนี้พรีมก็มาด้วยคับ อ้ากกกกก ดีใจอ่ะ

    “ขอบใจจ้ะ” พรีมยื่นกระเป๋าใบเล็กให้ผม ผมรับมันมา ฉีกยิ้มแทบถึงหู ….ไม่ใช่และ นั่นมันหมา =,.=

    “เอ่อมมมมมม ” ผมคิดหาคำพูดที่จะคุยกับพรีม อยากทำความรู้จักให้มากกว่านี้ ไม่อยากเป็นแล้วแค่คนที่แอบชอบ ถ้าขืนชักช้า ไอ้โอเบย์คาบไปกินแน่….แต่ทำไมมันพูดไม่ออกฟระ สมอตื้อไปหมด

    “มีนชอบออกค่ายรึเปล่า รู้ไหมทันทีที่รู้ว่ามีค่ายนี้ พรีมรีบลงชื่อสมัครเลย อยากมาทำประโยชน์ในพื้นที่ห่างไกลแบบนี้นานแล้ว” พรีบพูดไปพรางยิ้มไป เหมือนเธอจะมีความสุขกับที่นี่ซะเหลือเกิน

    “ชอบสิ ชอบมากเลย มีนก็อาสามาเหมือนกัน….ว่าแต่เราชอบเหมือนกันเลยเนอะ” ^_^  พูดเพื่อให้ตัวเองดูดีอีกและ ทั้งๆที่ความจริงถูกบังคับ ยังไงก็มาสร้างภาพแล้ว สร้างมันเลยละกัน อิอิ

    “คงงั้นมั้ง” พรีมหน้าแดง แล้วหันไปชมทิวทัศน์ข้างทาง เขิลใช่ไหมล่ะ >////<

    “เอ่ออ มีนมีเรื่องอยากบอกพรีม” อ้ากกกกกกก บอกรักตรงนี้เลยดีไหมฟระ ท่ามกลางธรรมชาติอันดรแมนติก รวมไปถึง เพื่อนร่วมทางอีกมากหน้าหลายตาที่ไม่ต้องการ =,.=^

    “หืม? ว่าไง”

    “พรีมกับโอเบย์รู้จักกันนานรึยัง” เอ้ย ไหงเป็นงี้วะ กะว่าจะบอกรัก แต่สมองดันสั่งการให้ถามเรื่องนี้ โอ้ววว เวลาแบบนี้ไม่ควรมีชื่อโอเบยืมาเกี่ยวข้องนะไอ้มีน

    …..รู้จักนานแล้ว ตั้งแต่จำความได้”

    “หะ หา?” O,.o!!! รู้จักกันมาตั้งแต่จำความได้ อ้ากกกก มันมาก่อนผม รู้จักกันได้ไง หรือว่ามันจีบพรีมมาตั้งแต่เด็ก (แก่แดดไปไหม) รึว่ามันเป็นคนข้างบ้าน หรือว่าเรียนโรงเรียนเดียวกัน ห้องเดียวกัน หรือว่าพ่อแม่จับหมั้นกันตั้งแต่ยังไม่เกิด >O<!!!! ม่ายยยย

    “พรีม พี่บอกให้ใส่หมวกไง แดดร้อน เดี๋ยวก็ไม่สบาย” ไอ้โอเบย์โผล่มาจากไหนไม่รู้ หยิบหมวกจากกระเป๋าตัวเอง มาสวมให้พรีม อ้ากกกก เตรียมมาให้กันด้วยเหรอฟระ ผมมองแบบอึ้งกิมกี่ ความสัมพันธ์ของสองคนนี้คงไม่ธรรมดา ….ไม่สิ มันอาจจะเป็นแค่คนข้างบ้าน ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ไม่มี….ไม่มี…. แต่ทำไมพรีมยิ้มให้โอเบย์ซะน่ารักเลยอ่า T,.T

    “กระเป๋าอยู่ไหน เอามาให้พี่ เดี๋ยวช่วยถือ” เดินไปคุยไป ชิ อิจฉา เอ้ย หมั่นใส้โอเบย์

    “อยู่กับมีน” พรีมยิ้มให้โอเบย์

    “เอามานี่เลยไอ้กุ้งแห้ง” พูดจบโอเบย์ก็เดินมาจับกระเป๋า ไม่สิ กระชากกระเป๋าออกไปจากไหล่ผม แล้วรีบเดินจ้ำอ้าวนำหน้าคณะนักศึกษา ชนิดที่แบบว่าผมเรียกมันไม่ยอมหันกลับมามองเลย ….ผมเรียกมันทำไมน่ะเหรอ มันขอกระเป๋าพรีม แต่กระเป๋าผมติดมือมันไปด้วยอ่ะดิ ไอ้ตาถั่วเอ้ยกระเป๋าใบเบ้อเร่อยังดึงติดมือไปได้….ผมคงไม่คิดหรอกว่ามันตั้งใจจะช่วยถือกระเป๋าให้ผมด้วยอ่า…..ถะ.....ถือกระเป๋า....ระ...รึว่ามัน....เอ้ยๆ ผมส่ายหัวไปมา ห้ามคิดเด็ดขาด คนอย่างมันไม่เคยมีน้ำใจให้กับผม หรือใครทั้งนั้น….นอกจากพรีมอ่ะนะ….พรีมที่กำลังเดินยิ้มอยู่ข้างๆผมเนี่ย....มองผมกับโอเบย์สลับกันแล้วยิ้ม  ยิ้มแบบนั้นหมายความว่าไงอร่า....

     

     

     

    กว่าจะเดินมาถึงโรงเรียนทำเอาผม ลิ้นห้อย เอ้ย เหนื่อยหอบเลยทีเดียว หนึ่งกิโล โคตรไกลเลยสำหรับการเดินของผม

                พอมาถึงก็ไกล้เที่ยงแล้ว ทุกคนแยกย้ายกันตั้งเต้นรอบๆโรงเรียน ไม่สิดูไม่ออกเลยว่าเป็นโรงเรียน มีแค่อาคารไม้ชั้นเดียว ผนังด้านข้างดูผุพัง ข้างในมีโต้ะ กับเก้าอี้เก่าๆ ราวๆสิบตัว มองไปหน้าห้อง มองเห้นกระดานที่จะพังแหล่มิพังแหล่….มันขากแคลนมากกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีก ภายนอกไม่มีสนามกีฬา หรืออุปกรกีฬาอะไรเลย มีเพียงต้นไม้รอบข้าง จะดีหน่อยก็แค่หลังอาคารเรียนมีทุ่งหญ้ากว้างๆพอให้เด็กๆได้วิ่งเล่นกันเท่านั้น และตอนนี้ทุ่งหญ้านั่น กลายเป็นที่ตั้งเต้นท์ของพวกผมไปเรียบร้อยแล้วทุกคนนอนแผ่หลาอยู่บนพื้นหญ้า เดินทางมาเหนื่อยๆแบบนี้ นอนรับกลิ่นไอธรรมชาติซักงีบคงรู้สึกดีชะมัด

    “คิดอะไรอยู่ คืนนี้จะไม่นอนรึไง ไปช่วยฉันกางเต้นหน่อย” โอเบย์มายืนอยู่ข้างหลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่ฟระ

    “ตรงไหน” ผมถามแบบเซ็งๆ ทำไมน่ผมต้องไปช่วยมันกางเต้นท์น่ะเหรอคับ….เพราะกฎของการทำค่ายข้อแรกคือ ทุกคนต้องอยู่ในความดูแลของพี่รหัส นอนกับพี่รหัส ทำงานกับพี่รหัส บลาบลาๆๆๆ และบังเอิญมันเป็นพี่รหัสผมด้วยอ่ะ ก้เลยต้อง นอน กับมัน จ้ากกกกก

    “ตรงโน้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน” ดูท่าจะไกลมาก ข้ามภูเขาอีกลูกไปเลยไหม

    “ก็เดินนำไปสิ” >oo<

    “งั้นนายก็เลิกทำจมูกบานแล้วเดินตามมา” พูดจบโอเบย์ก็เดินนำหน้าผมไป มองจากด้านหลังแล้วอดขำไม่ได้ มันแบกสัมพาระเต็มหลังจนแทบจะมองไม่เห็นคน แบกทั้งเต้นท์ ทั้งกระเป๋า ของมัน….และของผม

    “เมื่อไหร่จะถึงอ่ะ เราเดินมาไกลจากคนอื่นมากแล้วนะ” ผมดึงชายเสื้อโอเบย์แบบเด็กๆ ก็มันเหนื่อยอ่ะ

    “ถึงและ” โอเบย์ทอดสายตาออกไปตรงหน้า พรางยิ้มน้อยๆ

    “ว้าววววว ” ผมถึงกับอ้าปากค้างกับภาพที่อยู่ตรงหน้า นี่ผมกำลังยืนอยู่บนน้ำตก ด้านล่างของน้ำตกเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ รอบข้างตัวผมมีต้นไม้แปลกตาเยอะแยะ รวมถึง ดอกไม้หลายชนิดขึ้นอยู่ตามซอกหิน ตรงที่ผมยืนจะเป็นลานหินกว้างๆ มองออกไปเห็นภูเขาหลายลูกจนสุดลูกหูลูกตา ไม่น่าเชื่อว่าบนเขาเนี่ยจะมีที่สวยๆด้วยแฮะ

    “เราจะกางเต้นท์ที่นี่ โอเคไหม” โอเบย์หันมาถามผม หลังจากที่ผมอึ้งไปนาน

    “มะมันก็ดี แต่ฉันว่ามันอยู่ไกลคนอื่นมากไป กลับเถอะ” พูดจบผมก็หันหลังจะเดินกลับ แต่โดนโอเบย์ดึงข้อมือไว้ก่อน

    “นายไม่ชอบที่นี่เหรอ” จะว่าชอบ มันก้ชอบ ชอบมากด้วย แต่จะให้ผมมานอนอยู่กับมัน แถมยังห่างไกลคนอื่นแบบนี้ไม่เอาหรอก ถ้าเกิดมันคิกจะฆ่าผมปิดปาก คงไม่มีใครเห็น บรึ๋ย น่ากลัวชะมัด ไม่เอาด้วยหรอก

    “เลิกทำจมูกบานได้แล้ว นอนตรงนี้แหละ เชื่อฉัน” พูดจบโอเบย์ก็จัดแจงเอาเต้นท์ออกมากางโดยที่ไม่สนใจว่าผมจะคัดค้านยังไง บ๊ะ ไอ้นี่ก้บอกว่าไม่ไง

    “งั้นนายนอนนี่ ฉันจะกลับโว้ย” ไปขอนอนกับไอ้แม็ซก็ได้ฟระ

    “เราจะกลับไปกางเต้นท์ที่โรงเรียนก้ได้นะ แต่คงต้องเสี่ยงหน่อย”

    “เสี่ยงอะไร” กำลังจะเดินกลับ ผมก็ต้องหันกลับไปค้อนโอเบย์ มันจะพูดอะไรของมัน

    “ถ้าฉันอยู่ใกล้พรีม ฉันอาจอดใจไม่ไหวก็ได้ พักนี้ดึกๆฉันคึกเหมือนม้าเลยอ่ะ….พรีมคงไม่ขัดใจฉันหรอกนะ”

    “นายนี่มัน” ผมมองหน้าโอเบย์อย่างเดือดสุดๆให้ตายเถอะมันขู่ผมเหรอ ไอ้บ้าเอ้ย พูดออกมาได้หน้าตาเฉย คึกเหมือนม้างั้นเหรอ….>,.<”

    “พวกนาย มากางเต้นท์ไกลจัง….ไม่ยักรู้เลยนะว่านายยังจำที่นี่ได้” พี่นัทเดินเข้าไปพูดกับโอเบย์ ออ พี่นัทเป็นเพื่อนโอเบย์อ่ะ คิดว่านะ ก็เห็นว่าสองคนนี้ไปไหนมาไหนด้วยกันค่อนข้างบ่อย ผมก็รู้จักพี่นัทเหมือนกันคับ เพราะพี่เขาเป็นพี่รหัสไอ้เฟิร์สอ่ะ ก็เลยรู้จักกัน

    “เป็นไงบ้างมีน ชอบที่นี่ไหม” พี่นัทนั่งลงข้างๆผม

    “ก็ชอบคับ สวยดี” ผมยิ้มให้พี่นัท แบบแห้งๆ ถึงจะชอบ แต่ไม่อยากอยู่ที่นี่หรอก อยู๋เพราะจำใจ

    “แล้วนายมาทำไม” โอเบย์ถามพี่นัท ถ้าไม่ได้คิดไปเองเหมือนโอเบย์จะไม่ค่อยพอใจนะ ที่พี่นัทมาที่นี่

    “ฉันก็แค่….คิดถึงที่ที่..

    “กลับไปได้แล้ว นายควรจะกลับไปดูโรงเรียนแล้วจัดแผนงานของวันพรุ่งนี้นะ ” เหมือนพี่นัทยังพูดไม่จบแล้วโอเบย์แทรกขึ้นมาก่อน ผมนั่งมองสองคนคุยกัน รู้สึกว่าบรรยากาศตรึงเครียดยังไงไม่รู้

    “ฉันกลับก็ได้  พี่กลับนะมีน” พี่นัทหันมายิ้มให้ผมก่อนจะเดินออกไป ทิ้งความสงสัยมากมายไว้บนหัวของผม ทำไมโอเบย์ต้องทำท่าไม่พอใจ พี่นัทต้องการจะพูดอะไร แล้วทำไมโอเบย์ทำเหมือนไม่อยากให้พูด….

    มันมีเรื่องอะไรที่ผมไม่ควรรู้เหรอ ผมนึกว่าสองคนนี้สนิทกันมากซะอีก แต่ทำไมมันดูตรึงเครียดจังเวลาเขาคุยกัน เหมือนมันมีอะไรซ่อนอยู่ระหว่างสองคนนี้อะไรนะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×