ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic Attack on Titan] My Spy ฉันขอหัวใจของนายนะ (รีไวxเอเลน)

    ลำดับตอนที่ #7 : 7

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.19K
      163
      29 เม.ย. 57


                ทุกเช้ากิจวัตรประจำวันของรีไวคือ ออกกำลังกาย อาบน้ำ แต่งตัว ดื่มกาแฟพร้อมกับทบทวนงานไปด้วย จะมีบ้างที่มีงานด่วนเข้าจนเขาต้องยกเลิกกิจกรรมบางอย่าง แต่โดยส่วนใหญ่แล้วชายหนุ่มจะเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการทำแบบเดิมซ้ำ ๆไม่มีการเปลี่ยนแปลง

    ยกเว้นวันนี้

    รีไวลืมตาตื่นตามปรกติแต่พอจะลุกกลับขยับตัวไม่ได้ ตอนแรกเขาก็งงแต่พอเห็นต้นเหตุที่กำลังนอนหนุนอยู่บนหน้าอกแถมยังแขนทั้งสองข้างยังโอบรอบตัวเขาเหมือนกอดหมอนข้าง ชายหนุ่มถึงกับนอนตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก

    เจ้าหนูนี่มานอนกับเขาได้ยังไง

    คำถามแรกพุ่งวาบเข้าไปในหัว พอคิดทบทวนถึงได้นึกขึ้นได้ว่าเอลวินส่งเด็กคนนี้มาดูแลเขาที่ป่วยเป็นไข้หวัด ที่นอนเตียงเดียวกันเพราะกลัวเรื่องที่เขาแต่งขึ้นมาขู่เมื่อคืน

    รีไวมองคนที่ยังคงนอนหนุนอกเขาต่างหมอนแล้วถอนใจออกมาเบาๆพร้อมกับสบถในใจ

    ให้ตายเถอะ! ทั้งที่เมื่อคืนกว่าเขาจะข่มตาให้หลับได้ก็ปาเข้าไปครึ่งค่อนคืน เพราะมัวหักห้ามใจไม่ให้เผลอทำอะไรลงไป แต่พอตื่นเช้าขึ้นมากลับกลายเป็นว่าเจ้าเด็กบ้านี่เข้ามากอดเขาเฉยเลย  

                ชายหนุ่มคิดพลางมองใบหน้าที่กำลังหลับอย่างมีความสุข

    น่ารักเป็นบ้า!

    เขานึกพลางค่อยๆยกแขนขึ้นโอบรอบลำตัวของเอเลนและจุมพิตผมสีน้ำตาลนุ่มละเอียดเบาๆพลางคิดเล่นๆถึงวิธีปลุกหลายแบบ แล้วอมยิ้มน้อยๆอย่างซุกซนเมื่อคิดได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหนลงท้ายก็เหมือนกัน คือทั้งเขาและเจ้าหนูคนนี้ยังคงนอนอยู่บนเตียงเหมือนเดิม

    บางทีอาจจะหนักกว่าเก่าเลยด้วยซ้ำ เพราะมันอาจทำให้เขายุ่งจนไม่ได้นอนทั้งวันทั้งคืน

    กำลังคิดเพลินๆ ร่างในวงแขนก็ขยับตัว รีไวรีบคลายอ้อมกอดพร้อมกับแกล้งหลับตาให้ดูเหมือนยังไม่ตื่น ซึ่งได้ผล เพราะพอเอเลนรู้สึกตัวก็ลุกพรวดขึ้น พอเห็นรีไวยังคงหลับสนิท เด็กหนุ่มก็ถอนใจออกมา

    “ค่อยยังชั่ว” เสียงพึมพำเบาๆ ด้วยความโล่งอก เพราะถ้าคนเจ้าอารมณ์รู้ว่าโดนเขานอนทับอาจโดนกำปั้นหรืออะไรสักอย่างที่ทำให้มีสภาพไม่ต่างไปจากจิ้งจกโดนหน้าต่างหนีบ แต่ถึงจะกลัว เด็กหนุ่มก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้ มือเลื่อนไปแตะหน้าผากอย่างแผ่วเบา พอเห็นว่ารีไวตัวไม่ร้อน เขาก็ยิ้ม

    “ดีจัง ไม่มีไข้แล้ว”

    น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสบายใจจนคนฟังอดหรี่ตาขึ้นมองไม่ได้ แต่คนพูดก็ลุกจากเตียงเดินหายเข้าไปในครัวเสียแล้ว

    ความจริงรีไวอยากนอนต่ออีกสักหน่อย เพราะอยากรู้ว่าคนเฝ้าไข้จะทำอะไรต่อไป แต่พอนึกได้ว่าเด็กหนุ่มต้องกลับไปช่วยที่ร้านและตัวเขาเองก็มีงานต้องทำ ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นอาบน้ำ การที่ต้องนอนซมอยู่กับเตียงถึงหนึ่งวันเต็มๆ แถมพิษไข้ยังทำให้เหงื่อออกจนเหนียวเหนอะหนะไปทั้งตัว  รีไวจึงตกลงใจสระผมด้วย พอสะอาดหมดจดตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าแล้วเขาก็ออกจากห้องน้ำในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียว

    เพียงเพื่อให้เอเลนที่กำลังถือถาดอาหารเช้าเข้ามาในห้องต้องยืนตกตะลึงอ้าปากค้าง

    “ค...คุณรีไว” เด็กหนุ่มเรียกและไล่ดวงตามองสำรวจไปทั่วร่างของอีกฝ่ายและหน้าแดงก่ำเมื่อหยุดตรงตำแหน่งที่ผ้าขนหนูผืนน้อยห่อหุ้มอยู่

    “ดูอะไรเหรอไอ้หนู” เสียงห้วนๆถาม เอเลนสะดุ้งเฮือกและรีบหันหน้าหนีทันที

    “ป....เปล่าครับ” เด็กหนุ่มพูดพลางสูดลมหายใจเข้าปอดหลายครั้งเพื่อไม่ให้ใจที่กำลังเต้นแรงหลุดออกมาจากอก “เอ่อ ผมเอามื้อเช้าไปวางไว้ที่โต๊ะนะครับ”

    พูดจบก็หมุนตัวเดินออกไปทันทีโดยไม่สนใจว่าคนที่อยู่ในห้องจะพูดอะไรออกมา พอวางถาดอาหารแล้วเด็กหนุ่มก็ถอนใจออกมาอย่างโล่งอกที่รอดพ้นจากกำปั้นของเอฟบีไอเจ้าอารมณ์มาได้ แต่พอย้อนนึกถึงภาพที่เห็นเมื่อครู่อีกครั้ง แก้มก็ร้อนผ่าวขึ้นมา เขารีบสะบัดหัวแรงๆเพื่อไล่มันออกไปพร้อมกับตั้งคำถามในใจว่าจะต้องตื่นเต้นไปทำไม ในเมื่ออีกฝ่ายก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน แถมยังตัวเตี้ยกว่าอีกต่างหาก

    แต่เป็นเจ้าเตี้ยที่หล่ออย่างร้ายกาจ แถมร่างกายยังอัดแน่นไปด้วยความสมบูรณ์ชนิดที่ไม่ว่าใครเห็นเป็นต้องอดใจเต้นไม่ได้ ต่อให้เป็นผู้ชายด้วยกันเองก็เถอะ

    “หิวจัง” เสียงทุ้มดังข้างหู ทำเอาเอเลนถึงกับผวาเฮือกและผงะถอยหนี

    “ค...คุณรีไว”

    อีกฝ่ายชำเลืองมองด้วยหางตา

    “เออ ฉันเอง” พูดพลางหย่อนตัวนั่งบนเก้าอี้และมองมื้อเช้าบนโต๊ะ “ไข่เบเนดิกเหรอ แปลกแฮะที่คนอย่างนายทำของแบบนี้เป็นด้วย”

                เอเลนหน้าแดง(อีกแล้ว)

                “แปลกตรงไหนกันครับ ของง่ายๆแบบนี้ใครๆก็ทำกันได้”

                “นั่นสินะ” เสียงรีไวเรียบเฉยขณะที่เจ้าตัวใช้มีดตัดทั้งไข่และเบคอนขนาดพอคำก่อนส่งเข้าปาก “อร่อยดีนี่”

                เขาชมและอมยิ้มน้อยๆ “แบบนี้ต้องเป็นภรรยาที่ดีแน่”

                “หมายความว่ายังไงกันครับ” เอเลนร้องเสียงหลง หน้าแดงจัดกว่าเดิม มือกำชายเสื้อแน่น “ผมเป็นผู้ชายนะครับคุณรีไว”

                “เหรอ” อีกฝ่ายพูดด้วยสีหน้านิ่งพลางยกกาแฟขึ้นดื่มและมองคนตัวเล็กด้วยหางตา “ว่าแต่นายกินอะไรแล้วหรือยัง นั่งด้วยกันไหม ฉันจะป้อนให้”

                “ผมเรียบร้อยแล้วครับ” เอเลนรีบปฏิเสธพร้อมกับขยับถอยหนี พอเห็นเด็กหนุ่มทำแบบนั้นรีไวก็ร้องออกมาเบาๆ

                “โฮ่” เขาหันกลับไปที่ถาดอาหาร “ไม่ต้องทำท่ากลัวขนาดนั้นก็ได้ ฉันยังไม่จับนายกินตอนนี้หรอกน่า”

                “ตอนไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้นครับ” เอเลนร้องและเม้มปากแน่นก่อนตัดสินใจถาม “คุณรีไวหายดีแล้วใช่ไหมครับ”

                ชายหนุ่มแกล้งใช้มือแตะหน้าผากของตัวเอง

                “ก็น่าจะอย่างนั้น”

                “งั้นผมขอกลับร้านนะครับ”

                “อ้าวไม่รอให้ฉันกินเสร็จก่อนล่ะ จะได้ออกไปพร้อมกัน”

                “ไม่ดีกว่าครับ” เอเลนพูดพลางคว้าแจ็คเก็ตมาสวม “เมื่อคืนก็ไม่ได้กลับบ้าน ขืนไปสายมีหวังโดน

    มิคาสะเชือดตายคาร้านแน่”

                เด็กหนุ่มเดินไปเปิดประตู แต่ไม่ลืมหันกลับมาบอก “ผมไปก่อนนะครับ”

                “เดี๋ยวไอ้หนู” รีไวเรียกพลางยื่นของบางอย่างให้ “นายลืมโทรศัพท์”

                เอเลนตะปบกระเป๋ากางเกงของตัวเองและขมวดคิ้วเพราะเขาจำได้ว่าตั้งแต่เมื่อคืน ตอนวางสายจากมิคาสะแล้วเขาก็ยัดมันไว้ในกางเกงและไม่ได้หยิบออกมาใช้อีกเลย แล้วมันไปอยู่กับรีไวได้ยังไงกัน

                “นายทำหล่นตอนลุกจากเตียง”

                เอฟบีไอหนุ่มอธิบายเหมือนรู้สิ่งที่เด็กหนุ่มกำลังคิด เอเลนจึงพยักหน้า

                “งั้นเองเหรอ ขอบคุณมากครับ”

                มือยื่นไปรับโทรศัพท์ พอจะชักกลับก็โดนอีกฝ่ายตะปบเอาไว้และดึงร่างเล็กๆเข้าไปหา

                “เดินระวังด้วยล่ะ” รีไวกระซิบข้างหูและฉวยโอกาสใช้ปลายจมูกแตะแก้มเด็กหนุ่มเบาๆ อีกฝ่ายรีบผลักออกอย่างเร็ว

                “คุณ...”คำพูดชะงักค้างเมื่อเห็นชายหนุ่มหันกลับไปกินอาหารต่อด้วยสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เอเลนจึงคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นแค่เหตุบังเอิญ ผู้ชายด้วยกันคงไม่ทำอะไรประหลาดแบบนั้นแน่

    “ครับ” เขารับคำเสียงแผ่ว “ผมจะระวัง ขอบคุณมากครับ”

    เสียงปิดประตูดังหลังจากที่เด็กหนุ่มพูดจบ แสดงวาเจ้าหนูนั่นออกจากห้องไปแล้ว รีไวคิดพลางถอนใจออกมาอย่างนึกเสียดาย แต่พอนึกได้ว่าเขายังมีงานสำคัญต้องทำ จึงรีบจัดการอาหารต่อ พอล้างถ้วยชามเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงเดินทางไปยังที่ทำการของเอฟบีไอ

    พอไปถึง รีไวต้องแปลกใจเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของเขามีใบหน้าที่เคร่งเครียด บางคนมีสีหน้าโกรธแค้นและทำท่าเหมือนอยากไปฆ่าใครสักคน ด้วยนิสัยที่ไม่ค่อยได้พูดจากับคนอื่นมากนักชายหนุ่มจึงได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ จนเมื่อพบกับเอลวินและทีมในห้องประชุมนั่นแหละจึงรู้คำตอบ

    “มาร์โคตายแล้ว”

    หัวหน้าทีมกล่าวอย่างเคร่งขรึม รีไวมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความงุนงง มาร์โคเพิ่งทักทายเขาก่อนออกไปทำงานแท้ๆ จะตายได้ยังไง

    “เกิดอะไรขึ้น”

    ถามด้วยใจประหวั่นเมื่อนึกได้ว่า เมื่อวานทั้งเขาและมาร์โคต้องไปสอบปากคำเจ้าหน้าที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าว่ามีส่วนเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมหรือไม่ คำตอบที่ได้รับทำให้ชายหนุ่มต้องกำหมัดแน่น

    “เขาโดนยิงหน้าบ้านอุปถัมภ์”

    “ไม่มีตำรวจคุ้มกันเลยเหรอ” รีไวซัก เอลวินส่ายหน้า

    “มี แต่มาร์โคลงรถไปก่อน กว่าตำรวจจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเขาก็ถูกยิงไปแล้ว”

    “รู้หรือเปล่าว่าคนร้ายเป็นใคร”

    “เจ้าหน้าที่ของที่นั่น” เอลวินตอบ “แต่เรายังไม่ทันได้สืบสวนอะไรเพราะเขาโดนตำรวจยิงตายระหว่างหลบหนี”

    รีไวนั่งนิ่งพูดอะไรไม่ออก ในใจอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกทั้งโกรธและเจ็บใจ หากเมื่อวานนี้เขาไม่ได้ป่วย คงเดินทางไปที่นั่นพร้อมกับมาร์โคและคงปกป้องเพื่อนร่วมทีมเอาไว้ได้ ดูเหมือนเอลวินจะเข้าใจสิ่งที่ชายหนุ่มกำลังคิด เพราะเขาเปรยออกมาพอให้อีกฝ่ายได้ยิน

    “ถ้านายอยู่กับมาร์โค วันนี้ฉันคงเสียลูกน้องไปพร้อมกันสองคน”  

    รีไวขบกรามแน่นและไม่พูดอะไรออกมา ฮันซี่จึงแตะไหล่เขาเบาๆ

    “หัวหน้าพูดถูก คนร้ายดักยิงมาร์โคที่หน้าประตู ถ้านายไปด้วยคงไม่รอดเหมือนกัน เพราะฉะนั้นอย่าโทษตัวเองเลยรีไว”

    ชายหนุ่มนิ่วหน้าเหมือนอยากจะแย้งว่าไม่เห็นด้วยกับความคิดของฮันซี่ แต่พอเห็นสาวผมยาวสีน้ำตาลเข้มกำลังเดินหอบเอกสารกองโตเข้ามาในห้องก็ทำตาโต เพราะจำได้ว่าตอนกำลังมีไข้ เขาได้ยินเสียงของเอลวินสั่งให้เธอตามมาร์โคไปด้วย

    “ซาช่า”

    หญิงสาวหันมามอง รีไวจึงเห็นว่าใบหน้าที่เคยมีรอยยิ้มแต้อยู่เสมอหมองเศร้าอย่างน่าสงสาร

    “รีไว ฉัน” พูดออกมาได้แค่นั้นก็หยุดเพราะก้อนสะอื้นวิงขึ้นมาจุกในลำคอ เอลวินจึงเป็นฝ่ายพูดเอง

    “ซาช่าไปถึงที่นั่นหลังมาร์โคถูกยิงไปแล้วห้านาที ยังนับว่าโชคดีมากเพราะถ้าเดินทางไปพร้อมกัน เธออาจโดนฆ่าไปด้วย”

    พอเห็นรีไวนั่งนิ่งไม่พูดจา เขาจึงเลื่อนแฟ้มอันหนึ่งให้

    “นี่เป็นข้อมูลของคนร้ายที่ฆ่ามาร์โค ถึงช่วยอะไรได้ไม่มากแต่ก็ทำให้พวกเราสามารถขอหมายปิดบ้านอุปถัมภ์แห่งนั้นรวมถึงดึงข้อมูลสำคัญหลายอย่างออกมาได้ เพราะฉะนั้นฉันอยากให้นายพาแจนกับโคนี่ไปตรวจค้นที่นั่นอย่างละเอียด และสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องให้หมดทุกคน”

    “ฉันทำแน่ แถมวิธีพิเศษด้วย” รีไวพูดลอดไรฟัน “รับรองได้เลยว่าพวกมันต้องยอมคายทุกอย่างให้เราฟังแน่”

    “ระวังหน่อยรีไว” เอลวินเตือน “อย่าลืมว่าคนพวกนี้มีผู้มีอำนาจหนุนหลังอยู่”

    “งั้นฉันจะกระชากมันลงมาด้วย” รีไวพูดพร้อมกับรวบแฟ้มทุกเล่มเอาไว้ด้วยกัน “จะให้ลงมือเมื่อไหร่”

    “หมายมาถึงตอนไหน นายลงมือได้เลย”

    */*/*/*/*

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×