ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic Attack on Titan] My Spy ฉันขอหัวใจของนายนะ (รีไวxเอเลน)

    ลำดับตอนที่ #3 : 3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.32K
      186
      21 เม.ย. 57


    เสียงแกรกๆคล้ายของแหลมเคาะบนกระจกทำให้รีไวลืมตาขึ้น เขาชำเลืองมองนาฬิกาปลุกที่วางไว้ข้างเตียงและถอนใจออกมาเบาๆก่อนลุกนั่ง พอเห็นตัวเองยังอยู่ในชุดของเมื่อวานชายหนุ่มจึงขมวดคิ้วนึกทบทวน เมื่อวานหลังออกจากร้านของเจ้าหนูผมสีน้ำตาลที่ชื่อเอเลนแล้วเขาก็ตรงดิ่งกลับที่พัก และนั่งจมอยู่กับคดีที่กำลังทำจนหลับคากองเอกสาร ชายหนุ่มเหลือบตามองภาพถ่ายของเหยื่อรายล่าสุด เนื่องจากเป็นการพบหลังการเสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมง สภาพศพจึงยังคง สด กว่ารายที่ผ่านมา ทำให้เขาคิดว่าเช้านี้จะแวะไปที่ห้องชันสูตรก่อนเข้าที่ทำงาน คิดพลางเก็บเอกสารที่กระจายเกลื่อนที่นอนลงแฟ้มก่อนใส่ไว้ในกระเป๋าถือ จากนั้นก็ลุกขึ้นไปล้างหน้าตา อาบน้ำ แต่งตัว

    ตอนกำลังสวมเสื้อผ้า รีไวก็ได้ยินเสียงแกรกที่หน้าต่างอีกครั้ง พอหันไปมองจึงเห็นนกพิราบสามตัวกำลังใช้จะงอยปากเคาะกระจก ชายหนุ่มอมยิ้มน้อยๆอย่างเอ็นดู พอกลัดกระดุมเสื้อเสร็จเขาก็คว้ากล่องขนมปังกรอบเดินไปเปิดหน้าต่างและโปรยให้พวกมัน

    “โทษทีที่หายไปนาน” เขาพูดเบาๆขณะมองนกจิกอาหารอย่างเอร็ดอร่อยจากนั้นก็ทอดสายตามองออกไปด้านนอก ผ่านไปตามช่องว่างระหว่างตึกและหยุดไว้ที่อาคารอันเป็นตำแหน่งที่ตั้งร้านของมิคาสะ พลางนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ความจริงแล้วหลังเสร็จจากการตรวจที่เกิดเหตุ เขาตั้งใจตรงกลับบ้านแต่ขากลับพาไปที่ร้านกาแฟฝุ่นเขรอะของมิคาสะเอาดื้อๆ

    “เสร็จคดีเมื่อไหร่จะสอนให้เจ้าพวกนั้นรู้จักวิธีการทำความสะอาดที่ถูกต้อง” เขาพูดอย่างหงุดหงิดและหยุดนิ่งไปเล็กน้อย “แต่กาแฟที่เจ้าหนูนั่นชงอร่อยจริงๆ”

    เขาเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว พอนึกขึ้นได้ก็รีบปรับสีหน้าให้เป็นปรกติและแต่งตัวจนเสร็จ สำรวจข้าวของทุกอย่างรวมถึงปืนพกทั้งสองกระบอกแล้ว ชายหนุ่มจึงออกจากที่พักตรงไปยังสำนักงานนิติเวชเพื่อตรวจสอบร่างของผู้เสียชีวิตตามแผนที่วางไว้

    ภายในร้านของมิคาสะ กลุ่มของเอลวินยึดมุมด้านหนึ่งของร้านนั่งพูดคุยกันอย่างเงียบๆแต่เต็มไปด้วยความจริงจังสร้างบรรยากาศมืดทะมึนจนลูกค้าหลายคนอดเสียวสันหลังวาบไม่ได้ บางรายถึงกับเปลี่ยนใจจากการนั่งจิบกาแฟสบายๆภายในร้านเป็นซื้อกลับบ้าน บางคนแค่เปิดประตูเข้ามา พอเห็นชายในชุดดำนั่งกันเป็นกลุ่มก็หันหลังกลับออกไปดื้อๆ

    “พวกคุณจะนั่งกันอีกนานไหม” พอเห็นลูกค้าเผ่นกันหมด มิคาสะจึงเดินมาถามหน้าตาย เอลวินส่งยิ้มอย่างอ่อนหวาน

    “ก็จนกว่าจะประชุมกันเสร็จครับ”

    “ก็แล้วอีกนานแค่ไหนกันล่ะ” หญิงสาวข่มใจถาม คราวนี้เอลวินไม่พูดอะไรแจนจึงยื่นหน้าไปตอบแทน

    “จนกว่าพวกเราจะมากันครบทีมครับ” พูดพลางชะเง้อไปที่ตู้ขนม “วันนี้คุณมิคาสะทำบานอฟฟี่อร่อยมาก ผมขออีกชิ้นนะครับ”

    มิคาสะนิ่วหน้าอย่างไม่สบอารมณ์แต่ก็เดินไปหยิบขนมตามที่แจนต้องการ มาร์โคจึงถือโอกาสสั่งสคอร์นเพิ่มอีกสองชิ้น เสร็จแล้วทั้งสามก็หันกลับไปพูดคุยกันต่อโดยไม่สนใจคนรอบตัวอีกเลยแม้กระทั่งตอนที่เอเลนนำขนมไปให้ ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าจะวางตรงไหนเพราะเอกสารกระจายเต็มโต๊ะ เอลวินจึงเลื่อนบางชิ้นออกพอให้มีที่ว่างทำให้ภาพถ่ายใบหนึ่งโผล่ออกมา เด็กหนุ่มจึงมองด้วยความสนใจ

    “คดีที่คุณเอลวินทำหรือครับ” เขาถามด้วยความอยากรู้พลางหวนนึกถึงตอนที่รีไวแกล้งให้ดูภาพผู้เคราะห์ร้าย ซึ่งเป็นคนเดียวกับภาพถ่ายตรงหน้า แสดงว่าคดีที่พวกเอลวินทำในตอนนี้เป็นคดีสำคัญ แต่ทำไมถึงมานั่งคุยกันในร้านกาแฟเล็กๆแทนที่จะเป็นในสำนักงานของเอฟบีไอ 

    “ใช่” เอลวินตอบสั้นๆพลางเลื่อนแฟ้มมาปิดเหมือนไม่ต้องการให้เอเลนตกใจกลัว และเพื่อเป็นการเลี่ยงเขาจึงแกล้งสั่ง “ขอกาแฟอีกแก้วสิเอเลน”

    “ได้ครับ” เด็กหนุ่มรับคำก่อนเดินไปหยิบเหยือกกาแฟ พอรินให้ครบทุกคนแล้วแทนที่จะไปบริการโต๊ะอื่นเขากลับยืนดูพวกเอลวินต่อด้วยความอยากรู้กระทั่งเก้าอี้ด้านข้างถูกเลื่อนออกพร้อมใครบางคนเข้ามานั่ง ยังไม่ทันหันไปมองเขาต้องสะดุ้ง

    “ขอกาแฟถ้วยสิ ไอ้หนู”

    เสียงห้วนแบบมะนาวไม่มีน้ำกับวิธีเรียกที่ไม่น่าฟังทำให้เอเลนรู้ทันทีว่าคนมาใหม่เป็นใคร คิ้วของเด็กหนุ่มขมวดเข้าหากันและหันหน้าไปทางคนสั่งทันที

    “ผมชื่อเอเลนครับ”

    “กาแฟ” รีไวพูดเสียงเข้ม “ไอ้หนู” สองคำสุดเน้นย้ำเหมือนเจตนายั่ว ทำให้เด็กหนุ่มตัวสั่นด้วยความโกรธเขาพยายามนับหนึ่งถึงสิบวนกลับไปกลับมาหลายครั้งเพื่อระงับตัวเองไม่ให้เผลอเทกาแฟลงหัวผู้ชายปากเสียตัวกะเปี๊ยกตรงหน้า

    “รอสักครู่ครับ”

    เป็นการพูดอย่างสุภาพแต่เต็มไปด้วยความประชดประชันแต่อีกฝ่ายไม่สนใจเลยสักนิดเพราะมัวแต่มองผู้ร่วมทีมที่นั่งอยู่ก่อนหน้าแล้ว

    “ห้องประชุมที่หน่วยก็มีทำไมไม่ใช้” ประโยคแรกหลุดจากปาก เอลวินเหลือบตามองรอบตัวก่อนตอบพอให้อีกฝ่ายได้ยิน

    “มันไม่ปลอดภัย”

    ถึงจะเป็นคำตอบสั้นๆ แต่รีไวก็เข้าใจได้ในทันทีว่าภายในหน่วยงานของพวกเขามีหนอนบ่อนไส้ อาจทำให้ข้อมูลของคดีที่กำลังทำรั่วไหลไปถึงหูฆาตกร

    “แล้วที่นี่ปลอดภัยเหรอ”

    เอลวินตาเหลือบมองด้วยสายตาที่รีไวไม่ชอบเลยสักนิด เพราะมันแสดงความหมายว่าเขากำลังรู้ทันความคิดบางอย่าง ยิ่งมีรอยยิ้มแต้มบนมุมปากด้วยแล้ว ชายหนุ่มยิ่งไม่ชอบใจจนอยากจะลุกออกไปดื้อๆ

    “ก็ปลอดภัยพอที่ใครบางคนจะเข้ามานั่งดื่มกาแฟตอนดึกได้อย่างสบายใจ”

    หมอนี่รู้ รีไวคิดอย่างตระหนก ใบหน้าเฉยชาบูดบึ้งจนแทบจะงอง้ำซึ่งตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความโกรธหรืออาย ระหว่างที่จิตใจกำลังว้าวุ่นอยู่นั้นเขาก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียง แกรก ดังข้างตัว พอชายหนุ่มเหลือบตามองถึงรู้ว่ามันเป็นเสียงของถ้วยกาแฟที่เอเลนนำมาวาง

    “ได้แล้วครับ” เด็กหนุ่มพูดด้วยกิริยาสุภาพตามมารยาทของพนักงานที่ดี รีไวผงกศีรษะอย่างเคร่งขรึมก่อนเลื่อนมือไปหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาดื่มแต่พอเห็นสายตาของเอลวินเขาก็สำลักพรวดออกมา ความที่ไม่อยากให้คนอื่นผิดสังเกต ชายหนุ่มจึงแกล้งพูดเสียงดัง

    “โฮ่ย ไอ้หนู”

    เอเลนชะงักเหยือกที่กำลังรินกาแฟให้ลูกค้าอีกคนและนิ่วหน้าเมื่อเห็นรีไวชูถ้วยในมือ

    “กาแฟไม่ร้อนเลย”

    “ว่าไงนะครับ ก็ผมเพิ่ง...”

    “ฉันบอกว่ามันไม่ร้อน” เอฟบีไอหนุ่มสวนคำอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมกับกระแทกถ้วยลงบนโต๊ะ ลูกค้าทั้งร้านพากันเงียบกริบ ส่วนเอเลนหน้าบึ้งด้วยความไม่พอใจ

    “คุณตั้งใจหาเรื่องผมใช่ไหมครับ” เขาถาม อีกฝ่ายแหงนหน้าขึ้นมองด้วยสายตาที่กวนประสาทอย่างที่สุด

    “ใช่”

    ตอบสั้นๆและมองเด็กหนุ่มนิ่งอยู่อย่างนั้น ถ้าไม่เกรงใจเอลวิน แจนกับมาร์โค เอเลนคงเอาเหยือกในมือทุบหัวเจ้าคนตัวเตี้ยให้ย่นลงไปกว่าเดิม

    “งั้นรอสักครู่ ผมจะไปชงมาให้ใหม่”

    เขาพูดก่อนฉวยถ้วยกาแฟเดินกลับไปที่เคาท์เตอร์ มาร์โคซึ่งนั่งดูเงียบๆจึงเอ่ยปากถาม

    “นายตั้งใจแกล้งเขาใช่ไหม”

    “เปล่า” รีไวตอบสั้นๆก่อนหันไปให้ความสนใจกับงานตรงหน้า หลังจากพูดคุยปรึกษากันไปได้สักพัก จู่ๆเอลวินก็พูดขึ้น

    “จะไม่ถามหน่อยหรือ”

    “เรื่องอะไร” รีไวตอบเสียงเรียบ ดวงตาไล่อ่านข้อมูลที่มาร์โคค้นมา หัวหน้าทีมมองเขานิ่งก่อนพูดต่อ

    “เพทตร้ากับซาช่า นายไม่ถามฉันสักคำว่าพวกเธอหายไปไหน”

    “ไม่เห็นต้องถามเลยนี่ ของมันรู้กันอยู่ว่านายส่งสองคนนั่นไปสืบคดี” รีไวพูดอย่างไม่ใส่ใจ แต่แล้วกลับชะงักและเหลือบตาขึ้นมอง “ว่าแต่นายไม่คิดจะถามหรือว่าทำไมฉันถึงมาช้า”

    “จะต้องถามไปทำไมในเมื่อรู้อยู่แล้วว่านายแวะไปที่หน่วยนิติเวชก่อน” เอลวินพูด “เจออะไรน่าสนใจบ้างไหม”

    “นิดหน่อย แต่ก็ไม่พอที่จะสาวไปถึงตัวฆาตกร” รีไวตอบ “แต่เมื่อคืนฉันลองตรวจประวัติเหยื่อรายล่าสุดดูอีกครั้ง กลับพบว่าเขาไม่ได้เป็นเด็กกำพร้า และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานรับเลี้ยงเด็กเลยสักนิด ทำไมเจ้าฆาตกรถึงเลือกเขา”

    “อาจจะเป็นเพราะสิ่งนี้” เอลวินพูดพลางส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้ รีไวไล่สายตาอ่านอย่างเร็ว

    “ใบรับเงิน”

    “ใช่” เอลวินพูด “ถึงไม่มีความเกี่ยวข้องโดยตรง แต่มีหลักฐานว่าเหยื่อคนสุดท้ายพัวพันกับการบริจาคเงินให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และเป็นคนจัดการเรื่องเช็คสำหรับพ่อแม่อุปถัมภ์ซึ่งฉันแน่ใจว่าต้องมีอะไรตุกติก”

    “นายกำลังหมายถึงการยักยอกเงิน” รีไวพูดพลางไล่สายตาอ่านข้อความไปเรื่อยๆจนสะดุดกับชื่อที่พิมพ์เป็นตัวอักษรสีเข้ม “สถานเลี้ยงเด็กของเหยื่อรายก่อนๆ”

    “แสดงให้เห็นว่าฆาตกรไม่ได้ลงมือสะเปะสะปะ” เอลวินพูด “เขายังคงมีเป้าหมายเดิม คือกำจัดทุกคนที่เกี่ยวข้องกับสถานรับเลี้ยงเด็กแห่งนี้ คำถามต่อไปก็คือ ทำไม”

    “คงต้องไปถามโดยตรง” รีไวพูดพลางส่งเอกสารแผ่นนั้นคืนให้เอลวิน เขาผงกศีรษะ 

    “ฉันเองก็คิดเอาไว้เหมือนกัน แต่เราต้องวางแผนให้รัดกุม เพราะถ้าสถานรับเลี้ยงเด็กแห่งนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการยักยอกหรือพวกมิจฉาชีพจริง คงไม่มีวันคายอะไรออกมาง่ายๆ”

    รีไวพยักหน้าเห็นด้วยพลางเลื่อนมือไปข้างตัวเพื่อหยิบถ้วยกาแฟแต่ต้องหยุดเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาสั่งให้เอเลนชงมาให้ใหม่ ชายหนุ่มมุ่นคิ้วเข้าหากันอย่างนึกขัดใจ เพราะตั้งแต่สั่งจนถึงตอนนี้ก็กินเวลาเกือบยี่สิบนาที กาแฟแก้วใหม่ควรมาถึงตั้งนานแล้ว

    “โฮ่ย...” ร้องได้แค่นั้นเอเลนก็ก้าวเข้ามาหาพร้อมถ้วยที่มีควันกรุ่น

    “กาแฟร้อนได้แล้วครับ” เขาเน้นคำว่าร้อนอย่างจงใจและวางกาแฟถ้วยนั้นไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็ถอยออกมาหนึ่งก้าวโดยยังคงจ้องเอฟบีไอหนุ่มเขม็งพลางวางแผนในใจว่าถ้าเจ้าเตี้ยนั่นเป่าเมื่อไหร่ เขาจะโวยให้ลั่น ชนิดให้ได้อายกันเลยทีเดียว

    หัวใจของเอเลนเต้นระรัวเมื่อเห็นรีไววางมือรอบปากถ้วยและยกขึ้นดื่มโดยไม่เป่าเลยสักนิด ตอนแรกเด็กหนุ่มคิดว่าหมอนี่คงแกล้งทำ แต่พอดูสีหน้าของเขาแล้วแผนการที่อุตส่าห์วางไว้อย่างดีก็พังทลาย เพราะมันไม่แสดงอารมณ์หรือความรู้สึกใดออกมาเลย

    “คนหรือเปล่าเนี่ย”
     

    เด็กหนุ่มคิดในใจและสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นอีกฝ่ายเหลือบตามอง

    “มีอะไร” รีไวถามเสียงห้วน เล่นเอาคนฟังใจฝ่อ แข้งขาเกิดอาการสั่นพาลจะล้มพับเอาง่ายๆ

    “อ...เอ่อ ผมแค่อยากถามว่าจะเอาอะไรเพิ่มอีกไหม”

    “ไม่” ตอบสั้นๆและดื่มกาแฟเข้าไปอีกอึก จากนั้นก็หันไปพูดกับสมาชิกในทีมต่อโดยไม่สนใจเอเลนที่ยืนเก้ๆกังๆทำอะไรไม่ถูก โชคดีที่มีลูกค้าอีกสองคนเข้ามาในร้านตามด้วยหนุ่มน้อยผมทองหน้าใสที่มีห่อกุหลาบสีแดงในมือ กลิ่นหอมที่ฟุ้งกำจรจายเข้ามาในร้านทำให้เอลวินกับแจนเหลือบตามอง พอเห็นว่าเป็นใครทั้งคู่ก็กลับไปสนใจงานต่อ ในชณะที่เอเลนเอ่ยทัก

    “ไงอาร์มิน ทำไมวันนี้มาช้าจัง”

    “โทษที มัวแต่หาดอกไฮยาซินตามที่ลูกค้าสั่งอยู่น่ะ”

    หนุ่มน้อยหน้าใสตอบพลางส่งดอกไม้ทั้งห่อให้เอเลนและหันไปส่งยิ้มให้มิคาสะที่กำลังผสมเครื่องดื่มให้ลูกค้า “อรุณสวัสดิ์ครับคุณมิคาสะ”

    “นี่มัน 11 โมงแล้วอาร์มิน” น้ำเสียงตำหนิอยู่ในทีว่าอีกฝ่ายส่งดอกไม้สาย อาร์มินยิ้มแห้งและพึมพำพอให้อีกฝ่ายได้ยินว่า “ขอโทษครับ” ก่อนหันไปทักทายกลุ่มเอฟบีไอ “สวัสดีครับคุณเอลวิน คุณแจน คุณมาร์โค เอ้อ....”

    เขาหยุดคำพูดเมื่อเห็นรีไว คนเป็นหัวหน้าจึงยิ้ม

    “เจ้าหน้าที่พิเศษรีไวน่ะ เขามาทำคดีกับพวกเรา”

    “สวัสดีครับคุณรีไว” อาร์มินพูดอย่างสุภาพ อีกฝ่ายมองเขาด้วยหางตาก่อนตอบเสียงกระด้าง

    “สวัสดี” พูดจบก็ก้มหน้าก้มตาอ่านรายงานต่อโดยไม่สนใจคนทักว่าจะทำหน้ายังไง เอลวินจึงแกล้งถามเพื่อไม่ให้หนุ่มน้อยเก้อ

    “มาส่งดอกไม้หรืออาร์มิน”

    “ครับ” หนุ่มผมทองตอบพลางมองกองเอกสารบนโต๊ะ “ทำงานกันอยู่หรือครับ”

    “ใช่” เอลวินพูดพร้อมกับกวักมือเรียกให้อาร์มินเข้าไปหา “ดูข่าวเช้าหรือยัง” เขาถาม หนุ่มน้อยพยักหน้า

    “ที่ว่าพบศพริมแม่น้ำใช่ไหมครับ ผมเห็นแล้วยังอดนึกไม่ได้ว่าน่าจะเกี่ยวกับคดีที่คุณเอลวินทำ เพราะคนตายมีบาดแผลคล้ายกับเหยื่อรายก่อนๆ”

    รีไวหันมามองหน้าเขาทันที

    “รู้ได้ยังไง”

    “ผมได้ยินพวกตำรวจคุยกันครับ ว่าเปลือกตาของเหยื่อถูกเชือดทิ้ง แถมผิวหนังบางส่วนยังถูกลอกออกไปด้วย”

    “อยากเห็นของจริงไหม” เอลวินกระซิบถาม อาร์มินทำสีหน้าลังเลเล็กน้อยก่อนผงกศีรษะอย่างไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก

    “ครับ”

    หัวหน้าทีมจึงหยิบภาพผู้เคราะห์ร้ายสองคนมาวางให้หนุ่มน้อยดู ตอนแรกเขาทำหน้าตกใจและทำท่าจะถอยหนีแต่กลับหยุดเหมือนเห็นอะไรบางอย่างที่ผิดสังเกต

    “มีอะไรหรือ” เอลวินถาม อาร์มินคว้ารูปทั้งสองใบขึ้นมาดูจนเกือบชิดกับหน้า

    “ถึงจะดูคล้ายกัน แต่สภาพของศพต่างกันนิดหน่อยครับ”

    “ยังไง”

    เอลวินถาม อาร์มินจึงวางภาพถ่ายทั้งสองใบลงบนโต๊ะพร้อมกับชี้มือไปบนร่องรอยบาดแผลบนร่างกายของเหยื่อ

    “ผมไม่มั่นใจว่ามันจะเกี่ยวกับสถานที่และระยะเวลาพบศพหรือเปล่า แต่ถ้าตัดเรื่องผิวหนังที่เปื่อยจากการแช่น้ำแล้ว บาดแผลของเหยื่อทั้งสองรายมีบางจุดที่ไม่เหมือนกัน คนแรกมีร่องรอยของการถูกมัดก็จริง แต่ก็แค่มือกับเท้าเท่านั้น ส่วนคนที่เจอเมื่อวาน” เขาจิ้มไปที่บริเวณลำคอ “มีการรัดคอด้วย”

    เอลวินพยักหน้าช้าๆ “แล้วอะไรอีก”

    “เนื่องจากเป็นภาพถ่ายเต็มตัว ผมจึงเห็นบาดแผลที่เปลือกตาไม่ชัด แต่การลอกหนังที่อกกับหน้าท้องแตกต่างกัน รายแรกคนร้ายมีความประณีตมากเพราะคมมีดกรีดลงไปแค่ผิวหนัง ไม่โดนกล้ามเนื้อเลยสักนิด แต่รายที่สองกินลึกลงไปจนเห็นได้ชัดแถมวิธีการลอกยังต่างกันนิดหน่อย เห็นได้จากส่วนท้องที่เหยื่อรายแรกถูกปาดเป็นรูปครึ่งวงกลม ส่วนเหยื่อรายที่สองโดนเชือดเป็นรูปสี่เหลี่ยม”    

    เอลวินเหลือบตามองรีไวที่แม้จะไม่แสดงอารมณ์ทางสีหน้าแต่สายตาของเขาฉายแววทึ่งออกมาน้อยๆ

    “เหมือนที่นายคิดหรือเปล่า” หัวหน้าทีมถาม หนุ่มตัวเล็กว่าผงกศีรษะ

    “ฆาตกรมีสองคน คนหลังเป็นพวกลอกแบบ”

    “บางทีเหยื่อที่พบเมื่อวานอาจเป็นการฆ่าล้างแค้นธรรมดา” เอลวินพูดอย่างเคร่งขรึมพลางเบภาพถ่ายทั้งสองใบกลับเข้าแฟ้ม อาร์มินมองคนทั้งสองสลับกันไปมาอย่างงุนงง

    “ผมพูดอะไรผิดหรือเปล่าครับ”

    “ไม่หรอก ข้อสันนิษฐานของเธอเป็นประโยชน์กับเรามาก” เอลวินพูดเสียงนุ่มพลางตบไหล่หนุ่มน้อยเบาๆ “รบกวนเวลาของเธอมามากแล้ว กลับไปดูร้านเถอะ”

    “ครับ งั้นผมต้องขอตัวก่อน สวัสดีอีกครั้งครับ” อาร์มินพูดและส่งยิ้มน่ารักให้กับทุกคนก่อนเดินตัวปลิวออกจากร้าน รีไวมองตามด้วยความสงสัย

    “เจ้าหนูนั่นเป็นใคร”

    “เด็กร้านขายดอกไม้ธรรมดาๆคนหนึ่ง แต่ฉลาดไม่เบา”

    “ให้มายุ่งกับคดีแบบนี้จะไม่เป็นไรหรือ” รีไวถามด้วยความกังวลแต่เอลวินกลับยักไหล่

    “ก็ยังดีกว่าให้พวกเอฟบีไอบางคนมาวุ่นวาย อีกอย่าง” เขามองหน้างอง้ำของคนตัวเตี้ย “ไม่ใช่แค่ฉันคนเดียวหรอกที่ทำแบบนี้” ดวงตาสีฟ้าสดใสหรี่ลงอย่างรู้ทันก่อนพูดเหมือนดักคอ “ ใช่ไหมรีไว”             

     

                

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×