ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic Attack on Titan] My Spy ฉันขอหัวใจของนายนะ (รีไวxเอเลน)

    ลำดับตอนที่ #19 : 19

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.92K
      133
      22 พ.ค. 57

    บทที่ 19

     ตั้งแต่จำความได้ เอเลนรู้จักความรักและได้เรียนรู้วิธีการรักจากหลายคน พ่อแม่ที่เลี้ยงดูเขาอย่างห่วงใย ใส่ใจทุกอย่างแม้กระทั่งวันสุดท้ายที่เห็นพวกท่าน ป้าที่นานๆจะมาเยี่ยมสักครั้ง แต่ก็ติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอมิได้ขาด มิคาสะที่ดูแลเขาทุกเรื่อง คอยปกป้องอยู่ตลอดเวลา ทำให้ชีวิตของเขาเติบโตอย่างมีความสุข

    เอเลนเคยคิดว่า เขาไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว จนมาเจอกับเอฟบีไอปากร้ายที่ชื่อรีไว เพียงครั้งแรกที่เจอ เด็กหนุ่มก็ประทับใจในความเก่งกาจ และนิสัยที่โดดเด่นกว่าทุกคน มองภายนอกเขาอาจจะเป็นคนหยาบ ไม่ค่อยสนใจความรู้สึกของคนอื่นแต่พอเข้าใกล้ ได้สัมผัสกับตัวตนที่แท้จริงแล้ว กลับพบว่ารีไวเป็นผู้ชายที่มีแต่ความอบอุ่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำใจ

    ความรู้สึกแปลกๆที่แล่นไปทั่วร่างทุกครั้งเมื่อเห็นหน้า ทำให้เอเลนเริ่มกังวล เพราะไม่แน่ใจว่ามันเป็นความรู้สึกอะไร ระหว่างความรัก ความหลงใหลหรือความคลั่งไคล้แบบเด็กๆ ครั้นจะพูดออกไปตรงๆ ก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะรังเกียจ แต่พอเก็บงำเอาไว้ในใจ ก็มีแต่ความอึดอัดทรมาน ยิ่งโดนรีไวยั่วเย้าด้วยการกระทำแปลกๆด้วยแล้ว เด็กหนุ่มก็ยิ่งไม่กล้าแสดงอะไรออกมา เพราะไม่รู้ว่า เขาหยอกเพื่อความสนุก หรือมีความรู้สึกผูกพันจริงๆ

    กระทั่งคำสารภาพหลุดจากปาก

    ฉันรักนาย

    แม้จะเป็นการพูดแค่ครั้งเดียวแต่ประโยคนั้นกลับสะท้อนกลับไปกลับมาอยู่ในหัวอย่างไม่มีวันจบสิ้น เอเลนรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งร่าง หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดจากอก ความปลื้มปีติเพิ่มทวีอย่างท่วมท้นและวิ่งพล่านไปทั่วกายจนเด็กหนุ่มอยากจะตะโกนออกมาดังๆ แต่สิ่งที่หลุดจากปากกลับเป็น

    “อะไรนะครับ”  

    ช่างเป็นคำถามที่ปัญญาอ่อนสิ้นดี เอเลนคิดอย่างเจ็บใจและรีบเบือนหน้าหนีด้วยความอาย แต่รีไวกลับยิ้มและไล้จมูกลงมาที่ซอกคอ

    “ฉันรักนาย”

    เสียงทุ้มนุ่มน่าฟังกระซิบข้างหูทำให้คนฟังใจสั่น ดวงตาสีเขียวเลื่อนไปสบกับเนตรเรียวสีเข้มอย่างประหม่า

    “จริงหรือครับ”

    “ฉันไม่ชอบพูดเล่น” รีไวพูดอย่างเคร่งขรึม เอเลนเม้มปากน้อยๆ

    “ต...แต่ผม”

    “ฉันไม่สนว่านายจะคิดยังไง” ชายหนุ่มพูดพลางจุมพิตหน้าผากอย่างแผ่วเบา “แค่อยากจะบอกให้รู้ถึงความรู้สึกของฉันที่มีต่อนายเท่านั้น ถึงแม้ว่านายรังเกียจความรักของฉัน ฉันก็จะยังคงปกป้องนายเหมือนเดิม”

    เขาถอยใบหน้าออกห่าง เอเลนคว้าไหล่เอาไว้

    “ผมไม่เคยรังเกียจคุณเลยนะครับ” เด็กหนุ่มรีบพูดด้วยหน้าที่แดงจัด นิ้วเขี่ยเสื้อของอีกฝ่ายอย่างเขินอาย “ความจริงแล้วผมน่ะ...”

    เอเลนหยุดคำพูดไว้แค่นั้นและเลื่อนสายตาหลบ ก่อนจะเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่น

    “คุณรีไวจำเรื่องที่พูดวันก่อนได้ไหมครับ ที่ว่าถ้าใครได้ผมไปเป็นแม่บ้านแล้วจะโชคดี”

    “ฉันจำได้ นายยังบอกเลยว่า ไม่อยากเป็นแม่บ้านให้ฉัน”

    “ผมไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย” เด็กหนุ่มพูดอย่างงอนๆ “ความจริงแล้วผมอยากจะบอกว่า อยากเป็นแม่บ้านให้คุณรีไวคนเดียวต่างหาก แต่ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าคุณคิดยังไงกันแน่ เลยไม่กล้าพูดออกไป”

    เอเลนเหลือบตามองชายหนุ่มอย่างอายๆ

    “ผมชอบคุณนะครับ”

    “แค่ชอบเท่านั้นเหรอ” อีกฝ่ายถามอย่างเจ้าเล่ห์ หน้าที่แดงอยู่แล้ว แดงจัดขึ้นไปอีก มือขยุ้มเสื้อของรีไวแน่น

    “ร...รัก” คำพูดตะกุกตะกักเหมือนไม่กล้าหลุดปากออกไป ชายหนุ่มจึงเชยคางเอเลนให้หันมามองตรงๆ

    “ฉันไม่ได้ยินเลย”

    เด็กหนุ่มหน้าร้อนผ่าว เขาสูดลมหายใจเข้าหลับตาแน่นและโพล่งออกมา

    “ผมรักคุณรีไวครับ”

    เอเลนคิดว่าถ้าความอายที่มีอยู่ในตอนนี้เป็นเปลวไฟ คงเผาตัวเขาจนไหม้เป็นเถ้าถ่านไปหมดแล้ว ยิ่งคิดว่าเพิ่งหลุดปากพูดประโยคที่ไม่เคยคิดว่าจะได้สารภาพออกไป ก็ยิ่งเขินจนไม่กล้าแม้แต่จะลืมตามองหน้า จนความอบอุ่นของลมหายใจสัมผัสลงบนแก้ม เด็กหนุ่มจึงปรือตาขึ้นอย่างกระดาก แทนที่จะพบกับใบหน้าที่เคร่งขรึม เขากลับเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนบนเรียวปากของรีไว

    “ฉันรู้แล้วล่ะ”

    “อ...อะไรนะครับ ท..”

    เอเลนไม่มีโอกาสได้ถามเพราะรีไวก้มหน้าลงมาจูบอย่างนุ่มนวล ความอ่อนหวานที่ได้รับสร้างความดื่มด่ำอย่างลึกซึ้งจนเด็กหนุ่มเผยอปากตอบรับอย่างลืมตัว รีไวจึงสอดลิ้นเข้าไปกวาดไล้ทุกซอกทุกมุมอย่างเชื่องช้าเหมือนต้องการเก็บเกี่ยวความหวานให้สมกับที่รอคอย

    “คุณ...รีไว”

    เสียงของเอเลนหลุดรอดจากปากเมื่อจุมพิตผละออก แต่ชายหนุ่มกลับจูบเขาอีกครั้ง อย่างหนักหน่วงและเร่าร้อนกว่าเดิม เอเลนส่งเสียงครางด้วยความรัญจวนก่อนตอบโต้ด้วยการแทรกลิ้น โลมเลียเขาอย่างดูดดื่มไม่แพ้กัน รีไวถึงกับคำรามในลำคอ

    “ร้ายเหมือนกันนี่ เจ้าหนู” เขาพูดเบาๆหลังถอนริมฝีปาก และก้มลงหอมพวงแก้มแดงปลั่งเหมือนผลเชอรี่ฟอดใหญ่ เอเลนหลบตาเขาอย่างเอียงอาย

    “ขอโทษครับ”

    “หยุดพูดเลย” ชายหนุ่มห้ามพร้อมกับทิ้งตัวลงนอนข้างๆและผ่อนลมหายใจยาว โดยสองแขนยังคงสวมกอดเอเลนเอาไว้ “ฉันควรเป็นฝ่ายขอโทษนายมากกว่า”

    “เรื่องอะไรหรือครับ”

    “ที่ฉันเกือบ...”เขาเหลือบมองเด็กหนุ่มไปทั่วทั้งตัวและกลืนน้ำลายก่อนจะรีบเบือนหน้าไปทางอื่น “ช่างเถอะ”

    เอเลนมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจนัก ก่อนจะขยับเข้าไปซุกอก

    “คุณรีไวครับ”

    “หือ”

    “เราจะได้อยู่ด้วยกันไหมครับ” ปากบางๆเม้มเล็กน้อยเหมือนลังเล “ผมหมายถึง แบบครอบครัวเหมือนคนอื่น”

    รีไวมองเด็กหนุ่มด้วยดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก

    “แน่นอน” พูดพลางจูบหน้าผากเบาๆ “เสร็จคดีนี้เมื่อไหร่ ฉันจะอยู่กับนายตลอดไป”

    “สัญญานะครับ”

    “ฉันสัญญา”

    เอเลนยื่นหน้าขึ้นไปจูบคางชายหนุ่มและส่งยิ้มให้อย่างดีใจ

    “ผมจะรอ” พูดพลางซบศีรษะลงบนอก “รักคุณรีไวที่สุดเลยครับ”

    เสียงงึมงำอย่างงัวเงีย รีไวลูบผมสีน้ำตาลของเด็กหนุ่มด้วยความเอ็นดูพร้อมกับกระซิบ

    “ฉันก็รักนายมากที่สุดเหมือนกัน”

    เสียงลมหายใจเข้าออกที่ดังอย่างสม่ำเสมอบอกให้รู้ว่าคนข้างตัวหลับไปแล้ว ชายหนุ่มจึงดับไฟแต่ยังคงนอนมองเพดานอยู่ในความมืด ร่างกายที่ยังคงปั่นป่วนไปด้วยความร้อนรุ่มทำให้เขาไม่สามารถข่มตาให้หลับลงไปได้ ต้องโทษเจ้าหนูที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ คิดพลางชำเลืองมองเอเลน ไม่สิ เขาควรจะกล่าวโทษตัวเองมากกว่าที่เผลอปล่อยใจไปตามอารมณ์ โชคดีที่ยังยั้งความรู้สึกเอาไว้ได้ทันไม่อย่างนั้นเขาคงต้องมานั่งกลุ้มใจกับการกระทำของตัวเอง

    ดวงตาเลื่อนกลับไปที่เพดานอีกครั้งและถอนใจยาว ใช่ว่าไม่ต้องการ ความจริงแล้วเขาปรารถนาจะครอบครองเด็กหนุ่มใจแทบขาด แต่เพราะคดีของแอนนี่ ทำให้ต้องระวังทุกฝีก้าว สิ่งที่รีไวกลัวคือ ถ้าตัวเขาเกิดมีอันเป็นไป คนเสียใจที่สุดก็คือเอเลน

    เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องข่มใจรออีกนิด เสร็จคดีนี้เมื่อไหร่ เขาจะพาเจ้าหนูมาอยู่เคียงข้างโดยไม่สนว่าใครจะว่ายังไง ต่อให้ต้องลาออกจากการเป็นเอฟบีไอ เขาก็ยอม  

    เสียงพึมพำเบาๆจากเอเลนดึงความคิดทั้งหมดกลับมา รีไวรั้งเด็กหนุ่มเข้ามาไว้ในอ้อมแขนและเรือนผมนุ่มอย่างแผ่วเบา พร้อมกับกระซิบ

    “ฝันดีนะเอเลน”    

    */*/*/*/*/*

    รถยนต์สีดำที่วิ่งมาจอดหน้าร้านทำให้แจนที่กำลังเรียงโต๊ะหันไปมอง พอเห็นว่าเป็นใครเขาก็รีบร้องบอกมิคาสะ เพราะรู้ว่าเธอกำลังเป็นห่วง

    “เอเลนมาแล้ว”

    พูดพลางส่งยิ้มกว้างให้เด็กหนุ่ม “อรุณสวัสดิ์เอเลน”

    “อรุณสวัสดิ์ครับคุณแจน” เด็กหนุ่มตอบอย่างร่าเริงและตรงไปหามิคาสะทันที แจนมองตามอย่างนึกเอ็นดูก่อนจะหันกลับไปที่ประตูอีกครั้งเพื่อเตรียมทักคนที่ก้าวตามเข้ามา พอเห็นสภาพอิดโรยของรีไวเขาก็ขมวดคิ้ว

    “ทำไมนายถึงโทรมแบบนั้น” แจนหรี่ตาลง “อย่าบอกนะว่านอนไม่หลับ”

    “เออ” อีกฝ่ายตอบสั้นๆก่อนจะหย่อนตัวนั่งเก้าอี้ “ขอกาแฟแก้วสิเอเลน”

    “ครับ” เด็กหนุ่มขานรับเสียงใส ส่วนแจนทำตาโต

    “โอ้...สนิทกันถึงขนาดเรียกชื่อกันแล้วเหรอเนี่ย”

    รีไวมองเพื่อนด้วยหางตา

    “ไม่เรียกชื่อแล้วจะให้เรียกว่าอะไร”

    “เห็นเมื่อก่อนนายเรียกเอเลนว่าเจ้าหนูเฉยๆ” พูดพลางขยับเข้าไปใกล้อีกนิดและก้มลงถาม “ไปถึงขั้นไหนกันแล้วล่ะ”

    “นายอยากโดนเชือดใช่ไหม แจน” รีไวมองตาขวางพูดเสียงขุ่น อีกฝ่ายรีบยกมือขึ้นพร้อมกับถอยออกห่าง

    “แค่ถามเล่นๆเท่านั้น ไม่ต้องตอบก็ได้” เขาหันไปทางเอเลนที่กำลังวางถ้วยกาแฟให้รีไว “ใช่ไหมเอเลน”

    “ครับ” ตอบทั้งที่ไม่รู้ว่าแจนกำลังพูดถึงเรื่องอะไร เขาเลยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนฉวยโอกาสถาม

    “เมื่อคืนทำงานกันดึกเหรอ”

    “ไม่นะครับ พอไปถึงผมก็ทำมื้อค่ำให้คุณรีไว เสร็จแล้วก็เข้านอน”

    “นอนเฉยๆเหรอ” แจนยังซักไม่เลิก เอเลนพยักหน้ารับพร้อมกับตอบด้วยใบหน้าใสซื่อ

    “ครับ นอนเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไร”

    “ว้า” แจนร้องออกมาอย่างผิดหวัง “น่าเสียดายนะ ว่าไหม” คำพูดสุดท้ายหันไปทางเพื่อน คิ้วของรีไวขมวดเข้าหากัน แต่เขากลับยกกาแฟขึ้นดื่มโดยไม่ตอบโต้อะไร มองจากภายนอกเหมือนชายหนุ่มไม่ได้โกรธเคืองอะไรนัก แต่คนที่ทำงานมาด้วยกันอย่างแจน รู้ดีว่านั่นเป็นสัญญาณอันตรายของภูเขาไฟที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเวลา เขาจึงแกล้งทำเป็นมองนาฬิกาข้อมือ

    “สายขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย” พูดพลางหันไปทางมิคาสะ “ผมต้องไปแล้วนะครับ ค่ำๆจะกลับมาใหม่”

    พูดจบก็ก้าวพรวดออกไปโดยไม่รอคำตอบ อารามรีบร้อนทำให้ไม่รู้ว่ารีไวแกล้งยื่นขามาขัด แจนจึงสะดุดล้มหน้าคว่ำ ส่วนคนแกล้งกลับวางถ้วยกาแฟอย่างใจเย็น

    “ซุ่มซ่ามจังเลยนะ แจน”

    พูดพลางลุกขึ้นและแกล้งเดินเหยียบไปบนตัวเพื่อน แต่ก่อนจะก้าวพ้นประตูเขาก็หันกลับมาส่งยิ้มให้เอเลน

    “เตรียมอาหารเย็นไว้ด้วยนะ”

    “ครับ”

    เด็กหนุ่มรับคำด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พอเอฟบีไอทั้งสองออกจากร้านไปแล้ว มิคาสะซึ่งเก็บความสงสัยไว้นานรีบหันไปถามทันที

    “เมื่อคืนมีอะไรกันหรือเปล่า”

    เอเลนหน้าแดงและลูบท้ายทอยตัวเองแก้เขิน

    “นิดหน่อยครับ”

    ความหมายของเด็กหนุ่มก็คือ เขากับรีไวผิดใจกันเล็กน้อยแต่มิคาสะกลับคิดไปอีกทาง

    “หมายความว่าอะไรเอเลน” เธอถามด้วยใบหน้าตระหนกและเขย่าตัวเอเลน “เธอโดนหมอนั่นจัดการไปแล้วอย่างนั้นเหรอ เขาทำแบบนี้ลงไปได้ยังไง เธอยังเป็นเด็กอยู่เลยนะ”

    เอเลนมองหญิงสาวแล้วกะพริบตาปริบๆ

    “เราสองคนทะเลาะกันนิดหน่อยเองครับ คุณรีไวขอโทษผมแล้วด้วย”  

    มิคาสะหยุดชะงัก และมองหน้าเด็กหนุ่ม

    “อะไรนะ แค่ทะเลาะกันอย่างนั้นเหรอ”

    “ครับ” เอเลนพูด ใบหน้าเริ่มมีสีแดงระเรื่อ “ผมเข้าใจคุณรีไวผิดไปเลยต่อว่าไปสองสามคำ แต่เขาไม่โกรธแถมยังกินอาหารที่ผมทำให้จนหมด”

    เขามองมิคาสะและส่งยิ้มให้พร้อมกับเอียงคอน้อยๆแบบเด็กขี้อ้อน

    “ผมขอไปค้างกับคุณรีไวอีกคืนนะครับ”
                หญิงสาวทำหน้าง้ำ ตอบห้วนๆ

    “ไม่ได้”

    “ทำไมละครับ”

    “มันไม่ปลอดภัย”

    เด็กหนุ่มทำหน้างง “มิคาสะคิดผิดแล้วละครับ คุณรีไวช่วยผมมาโดยตลอด อยู่กับเขาแล้วปลอดภัยที่สุด”

    คราวนี้มิคาสะไม่เถียง เธอชี้มือไปที่ถังน้ำพร้อมกับออกคำสั่ง

    “ไปทำความสะอาดร้านได้แล้ว”

    “ครับ” เอเลนรับคำและหยุดชะงักเหมือนึกขึ้นได้ “จริงสิ มิคาสะยังไม่รับปากผมเลย”

    “เรื่องอะไร”

    “อนุญาตให้ไปนอนค้างกับคุณรีไว”

    หญิงสาวนิ่วหน้า “ไว้ตอนเย็นฉันจะบอก แต่ต้องดูจากงานที่เธอทำวันนี้ก่อน”

    พอได้ยินแบบนั้นเด็กหนุ่มก็รีบเดินไปหยิบไม้ถูพื้นและหันมายิ้มให้

    “วันนี้ผมจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเลยครับ”

    พูดจบก็ลงมือทำงานอย่างแข็งขัน มิคาสะมองแล้วถอนใจออกมาอย่างกลัดกลุ้ม ความจริงแล้วเธอเข้าใจความรู้สึกของรีไวกับเอเลน แต่ติดตรงที่ฝ่ายหนึ่งมีอาชีพเสียงอันตราย ส่วนเอเลนก็ยังเด็กเกินกว่าจะปล่อยให้ไปใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่น ในขณะเดียวกันหญิงสาวก็ไม่อยากขัดขวางความรักของทั้งสองคน เอถอนใจหนักๆออกมาอีกครั้งพร้อมกับพูดเบาๆ

    “ฉันควรทำยังไงดี”

      

    */*/*/*/*

     


    เพิ่งเห็นว่าโพสต์ขาดไปหนึ่งหน้า เลยมาเติมให้ค่ะ ^ ^

    บทที่ 20 จะมาเร็วๆนี้นะคะ 




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×