ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic Attack on Titan] My Spy ฉันขอหัวใจของนายนะ (รีไวxเอเลน)

    ลำดับตอนที่ #14 : 14

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.55K
      142
      8 พ.ค. 57


    มือถือที่วางอบู่บนหัวเตียงสั่นเป็นจังหวะเพราะสายเรียกเข้า แม้จะไม่มีเสียง รีไวก็ยังรีบคว้ามากดรับโดยไม่ได้ดูว่าเป็นใคร เพราะกลัวจะทำให้เอเลนตกใจตื่น พอได้ยินเสียงเรียกชื่อเขาอย่างกระตือรือร้นชายหนุ่มก็ทิ้งศีรษะลงกับหมอนพร้อมกับพูด

    “มีอะไรเหรอฮันซี่”

    “มาที่นี่เดี๋ยวนี้เลยได้หรือเปล่า” เอฟบีไอสาวถาม ไม่ต้องบอกรีไวก็รู้ดีว่า ที่นี่ของเธอก็คือห้องชันสูตรในแผนกนิติเวชของเอฟบีไอ ชายหนุ่มเหลือบดูนาฬิกา

    “รู้หรือเปล่าว่านี่มันเวลาเท่าไหร่”

    “หกโมงเช้า ฉันรู้ว่านายยังไม่ตื่น แต่ฉันก็ยังไม่ได้นอนเหมือนกัน” ฮันซี่พูด หากเป็นคนอื่นรีไวคงมีความเห็นใจบ้าง แต่กับนักวิทยาศาสตร์สาวสติเฟื่องที่ทำงานข้ามวันข้ามคืนเป็นประจำอย่างเธอ เขากลับมองว่าเป็นเรื่องปรกติธรรมดา

    ไม่ใช่แค่ฮันซี่เท่านั้น ทุกคนในทีมของเอลวินรวมถึงตัวเขาเองก็เช่นกัน

    “มีอะไร”

    “บอกตอนนี้ไม่ได้ นายต้องมาดูเอง” ฮันซี่พูดด้วยความตื่นเต้น รีไวมองเอเลนที่ยังคงหลับสนิทและถอนใจออกมาเบาๆ

    “ขอเวลาสามสิบนาที”

    “ทำไมนานนักล่ะ ปรกติแค่สิบนาทีนายก็เตรียมตัวเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ” เสียงฮันซี่ดังออกมาจากโทรศัพท์ และเงียบไปอึดใจก่อนจะส่งเสียงหัวเราะคิกคัก “หรือว่าเมื่อคืนมีใครมานอนด้วย”

    “พูดมากน่า” รีไวตัดบทและวางสายโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรต่อจากนั้น เขาหันไปมองเอเลนที่ยังคงกอดหมอนด้วยท่าทางเหมือนเด็ก

    “น่ารักเป็นบ้า” พูดพลางปัดผมสีน้ำตาลที่ปรกหน้าก่อนก้มลงไปหอมแก้มอย่างอดใจไม่ได้ เด็กหนุ่มยกมือขึ้นปัดพร้อมกับพูดพึมพำ

    “คุณรีไวนี่ละก็” เสียงงึมงำเบาๆและพลิกตัวนอนหงาย “อย่ากวนสิครับ”

    ตอนแรกชายหนุ่มอมยิ้มเพราะขำกับคำพูด แต่พอเห็นท่านอนที่ดูเหมือน ยั่ว ของเอเลนแล้วเขาต้องกลืนน้ำลาย  

    “เจ้าเด็กบ้านี่” เขาพูดเบาๆพลางมองคอเสื้อที่แหวกออกจนเห็นอกสีชมพูสวย ทันใดนั้นลำคอของชายหนุ่มก็เกิดอาการแห้งผากขึ้นมา ความรู้สึกของเขาในตอนนี้คือ อยากจะก้มลงไปกลืนกินความหวานนุ่มของผิวเนื้อเพื่อดับกระหาย

    “ให้ตายเถอะ!

    รีไวสบถออกมาเบาๆก่อนตัดสินใจลงจากเตียงคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ หลังจากใช้ความเย็นราดรดบนร่าง ดับความร้อนของเพลิงอารมณ์ที่ลุกโหมอยู่ในกายให้มอดลงแล้วชายหนุ่มจึงออกมาเปิดตู้เสื้อผ้าและจัดแจงแต่งตัวโดยพยายามไม่หันไปมองคนที่ยังนอนอยู่บนเตียง สักพักก็ได้ยินเสียงถาม

    “จะไปทำงานแล้วหรือครับ”

    “ใช่” รีไวตอบพร้อมกับหันไปทางคนพูด ก็เห็นเอเลนกำลังนั่งหัวยุ่งหน้าตาตื่นเหมือนกำลังตกใจ

    “ขอโทษครับ ผมนอนเพลินไปหน่อย” พูดพลางลุกขึ้นเก็บที่นอนและหมอนให้เข้าที่ จากนั้นก็ทำท่าจะเดินเข้าครัว

    “เช้านี้ไม่ต้องทำอะไรหรอก” รีไวห้าม พอเห็นอีกฝ่ายทำหน้างงก็อธิบาย “พอดีมีงานด่วนน่ะ นายเองก็รีบอาบน้ำแต่งตัว จะได้ออกไปพร้อมกัน”

    “ครับ”

    รับคำและเดินเข้าห้องน้ำตามสั่งทันที ใช้เวลาไม่นานเด็กหนุ่มก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย แต่ก่อนจะออกจากห้อง รีไวก็ดึงเอเลนเข้ามากอด

    “อย่าทำแบบเมื่อคืนอีก เข้าใจไหม”

    “หมายถึงไปกับคุณเอลวินหรือครับ”

    “ฉันหมายถึงที่นายขัดคำสั่ง หนีออกมาข้างนอกตามลำพังต่างหาก”

    “แต่ผม...”

    เอเลนไม่มีโอกาสเถียงเพราะโดนรีไวปิดปากด้วยการจูบ พอถอนหน้าออก ชายหนุ่มก็พูดเบาๆ

                “รับปากฉันได้ไหม”

                เด็กหนุ่มใจเต้นหน้าแดงก่ำ เขาก้มหน้าลงอย่างเขินอาย

                “ค...ครับ”

                “ดีมาก” รีไวพูดด้วยความโล่งใจและจุมพิตหน้าผากเอเลนเบาๆ “งั้นไปกันเถอะ”

    */*/*/*/*

                เสียงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาให้ห้องไม่ได้ทำให้ฮันซี่ต้องละสายตาจากงานที่กำลังทำ เพราะรู้ดีว่าคนที่กำลังเดินมาหาเป็นใคร

                “มาช้าจัง” เธอพูดทั้งที่มือยังสาละวนอยู่กับการหยิบหลอดทดลอง รีไวมองอวัยวะภายในที่ถูกชำแหละออกมาจากร่างของไรเนอร์ก่อนหันไปมองหญิงสาวที่กำลังยุ่งอยู่กับการนำขวดเล็กๆไปใส่ในอุปกรณ์บางอย่าง

                “รถติดน่ะ”

                “รถติดหรือติดอย่างอื่นกันแน่” หญิงสาวกระเซ้าและหันหน้ามามอง พอเห็นชายหนุ่มทำหน้ามุ่ย เธอก็หัวเราะออกมาดังลั่น “ฉันพอจะเดาออกแล้วว่านายติดอะไร”

                “เธอเรียกฉันมาพูดเรื่องพวกนี้หรือ” รีไวถามเสียงเย็น รอยยิ้มของฮันซี่จางหายไปในทันที

                “ฉันรู้แล้วว่าไรเนอร์เป็นใคร” เธอพูดพร้อมกับส่งกระดาษปึกหนึ่งให้ พอเห็นว่าเป็นตารางพันธุกรรมรวมถึงรหัสดีเอ็นเอแล้ว ชายหนุ่มก็นิ่วหน้า

                “เธอก็รู้ว่าฉันดูของพวกนี้ไม่รู้เรื่อง”

                “นั่นเป็นผลจากดีเอ็นเอที่ฉันดึงมาจากไรเนอร์ ไม่สิ ต้องเรียกว่า โทมัส บอทส์ น่าจะถูกต้องกว่า”

                รีไวทำหน้าแปลกใจ

                “ไม่ยักรู้ว่าเรามีรหัสดีเอ็นเอเขาด้วย”

                “ความจริงแล้วไม่มีหรอก ตอนแรกฉันใช้วิธีค้นจากลายนิ้วมือ แต่ข้อมูลถูกปกปิดเลยต้องควานลึกลงไปกว่านั้นแต่เสียเวลาไปตั้งค่อนคืนก็ยังหาอะไรไม่เจอ ฉันก็เลยดึงตับ ไต ไส้พุงรวมถึงเล็บกับเส้นขนทุกเส้นของเขาออกมาตรวจ จนพบตัวยาบางอย่างซึ่งพอตรวจสอบแล้วตรงกับคนไข้ที่ต้องเข้ารับการบำบัดอาการทางจิต ซึ่งก็คือโทมัส บอทส์ พอเจาะลึกลงไปถึงได้รู้ว่าเขามีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับเบลทรูท”  

                “พวกเขาเป็นพี่น้องกัน”

                “เหมือนเป็นญาติกันมากกว่า แต่ทั้งคู่เคยอยู่บ้านอุปถัมภ์เดียวกับแอนนี่”

                รีไวนิ่งคิด

                “บอกเรื่องนี้ให้เอลวินรู้แล้วหรือยัง”

                “ฉันเพิ่งบอกนายเป็นคนแรก” ฮันซี่พูดพลางรวบรวมข้อมูลทั้งหมดไว้ด้วยกัน “พอเสร็จจากตรงนี้ก็ว่าจะแวะเข้าบ้าน ล้างหน้าล้างตากินกาแฟสักถ้วยแล้วค่อยไปหาเอลวิน”

                “แล้วเรื่องกระสุนอีกนัดล่ะ” รีไวถาม หญิงสาวตอบโดยที่มือยังสาละวนอยู่กับการจัดหน้ากระดาษ

                “ฉันมีแค่สองมือเท่านั้นนะรีไว”

                “หมายความว่ายังไม่ได้เรื่อง”

                “แหงละ ก็พวกแผนกอาวุธเขาทำงานกันเฉพาะตอนกลางวันนี่นา” พูดพลางชี้ไปที่ซองพลาสติกบนโต๊ะ “งั้นฝากนายเอาไปให้เขาด้วย”

                ชายหนุ่มเดินไปหยิบมันขึ้นมาพิจารณา

                “น่าจะเป็น.22 แต่เสียหายขนาดนี้คงตรวจอะไรได้ยาก”

                “ไม่หรอกรีไว ถึงแผนกอาวุธจะงี่เง่า แต่เจ้าพวกนั้นก็มีฝีมือพอดู ถึงจะน้อยกว่าฉันไปหน่อยก็เถอะ” ฮันซี่พูดอย่างภูมิใจพลางดึงกระดาษแจ้งผลออกจากเครื่อง พอกวาดตาอ่านก็ส่ายหน้า “ไม่ได้เรื่องอะไรเลย”

                บ่นพลางยัดกระดาษแผ่นนั้นใส่กระเป๋าและลงมือเก็บอุปกรณ์เครื่องใช้ให้เข้าที่ จากนั้นก็รอจนกระทั่งแพทย์ชันสูตรรอบเช้าเข้ามาทำงาน พอส่งบันทึกการชันสูตรศพของไรเนอร์เพื่อให้เขาดำเนินการต่อแล้ว เธอจึงหันไปชวนรีไว

                “ไปกันเถอะ”

                ทั้งคู่เดินออกจากห้องชันสูตรโดยรีไวแยกตัวไปที่แผนกอาวุธ ส่วนฮันซี่ขับรถกลับบ้าน หลังจากจัดการกับตัวเองรวมทั้งผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แล้ว หญิงสาวก็มุ่งตรงไปยังโรงพยาบาล พอไปถึงก็พบว่าแจน โคนี่ ซาช่าและเพตร้าได้มาถึงก่อนหน้านั้นแล้ว

                “ไงฮันซี่” แจนเอ่ยทักพร้อมกับส่งกาแฟให้ “ฉันรู้ว่าเธอยังไม่ได้กินอะไรแน่”

                “เยี่ยม” พูดพร้อมกับรับกาแฟมาดื่มเข้าไปอึกใหญ่ พอเอาถ้วยออกจากปากหญิงสาวก็ยิ้ม “รู้ใจกันแบบนี้มาเป็นเจ้าสาวของฉันเถอะ”   

                “ไม่ดีกว่า” แจนรีบปฏิเสธ ส่วนฮันซี่หัวเราะอย่างชอบอกชอบใจก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังหนุ่มน้อยที่นั่งอยู่ข้างเตียงของหัวหน้า

                “ไงอาร์มิน”

                “สวัสดีครับคุณฮันซี่” เขาตอบด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม และเลื่อนสายตามองผ่านตัวเธอเลยไปยังด้านหลัง “สวัสดีครับคุณรีไว”

                “สวัสดี” ตอบห้วน สั้น ตามนิสัยและเดินไปหยุดยืนข้างเตียงเอลวิน “เป็นไงบ้าง”

                น้ำเสียงราบเรียบ เฉยชาเหมือนไม่ใส่ใจมากนัก แต่ทุกคนก็รู้ดีกว่าเขาเป็นห่วงเอลวินไม่น้อยไปกว่าใคร

                “ดีขึ้นมาก ฉันตั้งใจว่าจะออกไปทำงานวันนี้”

                “ไม่ได้นะครับ” อาร์มินรีบห้าม “ถึงจะไม่โดนจุดสำคัญ แต่การออกแรงหักโหมมากเกินไปอาจทำให้แผลอักเสบหรือติดเชื้อได้ง่าย”

                “แต่ฉันก็ทนนอนอยู่เฉยๆแบบนี้ไม่ได้เหมือนกัน” เอลวินแย้งแต่พอเห็นสีหน้าของอาร์มินแล้วเขาก็ถอนใจ “เธอต้องเข้าใจนะอาร์มิน ถ้าฉันมัวนอนอยู่อย่างนี้ อาจมีผู้เคราะห์ร้ายเพิ่มขึ้นอีกคน”

                “ผมทราบครับ แต่คุณสั่งการจากตรงนี้ก็ได้นี่ครับ” เด็กหนุ่มพูดพลางหันไปทางเอฟบีไอสาวสติเฟื่อง “ผมคิดว่าคุณฮันซี่คงจะได้ข้อมูลมาแล้วบ้าง โดยเฉพาะตัวจริงของไรเนอร์”

                “ฉันว่าเธอมาทำงานกับพวกเราดีกว่านะอาร์มิน” ฮันซี่กระเซ้า แต่หนุ่มน้อยกลับส่ายหน้า

                “ผมชอบดอกไม้มากกว่าครับ”

                “น่าเสียดาย” ฮันซี่พูดด้วยสีหน้าแบบนั้นจริงๆ ก่อนจะหันไปส่งสัญญาณให้แจนปิดประตูห้อง จากนั้นก็ดึงข้อมูลที่เธอรวบรวมมาออกจากกระเป๋าแล้วส่งให้เอลวิน

                “นี่เป็นผลการชันสูตรศพของไรเนอร์ ส่วนนี่เป็นชื่อจริงรวมทั้งบันทึกประวัติอาชญากรรมของเขา”

                จากนั้นฮันซี่ก็เริ่มอธิบายรายละเอียดให้ทุกคนฟัง ระหว่างนั้นเอลวินค่อยๆอ่านข้อมูลประวัติไปทีละหน้าพร้อมกับคิดไปพร้อมกัน  

                “แสดงว่าไรเนอร์ เบลทรูทและแอนนี่มีความเกี่ยวข้องกันจริงๆ” หัวหน้าทีมพูดหลังจากฟังทุกอย่างจนเข้าใจ “แต่ใครคือฆาตกร”

                “สำหรับคนที่ลงมือฆ่าไรเนอร์ ฉันคิดว่าต้องเป็นเบลทรูทแน่ๆ เพราะจากแฟ้มประวัติ เขามีผลงานการยิงปืนยอดเยี่ยมที่สุดในกรม คำถามก็คือ ในเมื่อทั้งสองคนเป็นญาติกัน แล้วเขาจะทำไปเพื่ออะไร”

                รีไวเสนอความคิด เอลวินพยักหน้าช้าๆ

                “ฉันก็คิดแบบเดียวกับนาย” หยุดคิดเล็กน้อยก่อนออกคำสั่ง “ถ้าอย่างนั้นรีไว นายกับแจนเดินทางไปสถานีที่เบลทรูทประจำการ แล้วสืบดูว่าเมื่อวานนี้เขาเข้าเวรตามปรกติหรือเปล่า ถ้าไม่ก็ตามดูว่าเขาไปที่ไหน และได้มีการติดต่อกับแอนนี่หรือเปล่า อย่าลืมว่าผู้ชายคนนี้เป็นบุคคลอันตราย ดังนั้นขอให้ระวังตัวกันให้ดี”

                “ส่วนซาช่ากับเพตร้า คุณสองคนคอยติดตามแอนนี่ ส่วนโคนี่ คุณกลับไปที่บ้านอุปถัมภ์อีกครั้ง สืบหาทุกอย่างที่พอจะสาวไปถึงตัวทั้งสามคนและคอยประสานงานกับเพตร้าและซาช่า”

                “ครับ” โคนี่รับคำอย่างแข็งขัน เอลวินส่งเอกสารบางส่วนคืนให้ฮันซี่

                “ฉันจะกลับไปที่แล็ป เผื่อจะได้อะไรเพิ่มเติมขึ้นมาบ้าง” หญิงสาวพูด เอลวินผงกศีรษะ

                “ก็ดี” มือแตะแผลที่ไหล่และขมวดคิ้วเหมือนเจ็บใจที่ไม่สามารถออกไปตามล่าคนร้ายด้วยตัวเอง เขาสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดและผ่อนออกมายาวๆเหมือนต้องการระบายความอัดอั้นก่อนพูด

     “ฝากด้วยนะ”

                ทุกคนรับคำอย่างหนักแน่นจากนั้นก็แยกย้ายกันออกไป

    */*/*/*/*/*

    เฮ้อ พอดีวันนี้ออกไปทำธุระข้างนอก กลับมาก็รีบนั่งปั่นกันตาหูเหลือก (หลังจากกรี๊ดรุ่งอรุณของรีไวไปหนึ่งรอบ)
    โขคดีที่เสร็จ นึกว่าจะปิดบทไม่ทันวันนี้ซะแล้ว = =lll
    ฉากหวานๆ ยังมีอยู่นะคะ สลับกับการสืบสวนบ้าง กลัวคนอ่านจะเป็นเบาหวานกันก่อนค่ะ
    ก็นะ รีไวมุ้งมิ้ง น่ารักจะตายไป ปากหนหัก แต่เวลาจะซึ้งขึ้นมาก คนเขียนเองยังกรี๊ดเบาๆตามไปด้วยเลยะค่ะ >///<
    บทต่อไป อยากให้หวานในระดับไหนดี 
    A. หอมแก้ม มุ้งมิ้ง
    B.แอบจูบ เจ้าเล่ห์นะคะ
    C.กอด ว้ายยยย เขิน
    D.จับกดไปเลยค่ะ เฮย์โจววววว
    ^,.^

    อันนี้แฟนนิยายทำให้ค่า.....



                

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×