ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic Attack on Titan] Counter Attack Mankind

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 7 ขบวนทัพแบบใหม่ของเอลวิน

    • อัปเดตล่าสุด 16 ก.ย. 57


    7

    ขบวนทัพแบบใหม่ของเอลวิน

    การมาของเอเลน ไม่เพียงสร้างความยินดีต่อเพื่อนพ้องรุ่น 104 เท่านั้น ยังทำให้ฮันซี่ โซ หัวหน้าหมู่ผู้ปราดเปรื่องของหน่วยสำรวจพลอยตื่นเต้นไปด้วย ทันทีที่ออกจากห้องประชุม เธอก็ตรงดิ่งไปหาเด็กหนุ่มที่ยังคงรวมกลุ่มอยู่กับเพื่อนๆ พอเห็นหน้าก็ร้องทักอย่างร่าเริง

    “ไงจ๊ะ เอเลน” หญิงสาวปราดเข้าไปกุมมือส่วนสายตามองสำรวจไปทั่วร่างอย่างถี่ถ้วนชนิดที่เรียกได้ว่า ทุกซอกทุกมุม ทำให้เอเลนเริ่มเขินขึ้นมานิดๆ

    “สวัสดีครับคุณฮันซี่”

    “หวัดดีจ้า ไม่ได้เจอกันตั้งนาน เป็นไงบ้าง สบายดีไหม รีไวแกล้งอะไรเธอบ้างหรือเปล่า” ฮันซี่ยิงคำถามใส่เป็นชุด โดยเฉพาะประโยคสุดท้าย มิคาสะซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆอดไม่ได้จะถาม

    “นั่นสิ เจ้าเตี้ยนั่นแกล้งอะไรเธออีกไหม”

    “แหม ทำไมทุกคนถึงได้มองหัวหน้ารีไวแบบนั้นกันครับ” เอเลนย้อน “หัวหน้าเป็นคนเข้มงวดก็จริง แต่ไม่เคยลงมือหรือทำอะไรรุนแรงกับผมเลย”

    “แล้วที่ศาลทหารล่ะ” มิคาสะสวนคำถามกลับพร้อมกับกำหมัดแน่น ความโกรธที่รีไวบังอาจเตะคนสำคัญที่สุดในชีวิตของเธอ ทำให้หญิงสาวสาบานกับตนเองว่า จะไม่มีวันยกโทษให้หัวหน้าทหารตัวกะเปี๊ยกนั้นอย่างเด็ดขาด

    “นั่นเป็นการช่วยฉันจากกองสารวัตรทหาร” เอเลนอธิบายอย่างอ่อนใจ เพราะรู้ดีว่าต่อให้พูดยังไง มิคาสะก็คงไม่มีวันเข้าใจในเรื่องนี้ “เธอเลิกความคิดที่จะแก้แค้นหัวหน้าได้แล้วมิคาสะ”

    “ไม่มีวัน” เด็กสาวตอบ เอเลนส่ายหน้าอย่างเอือมระอาก่อนจะหันไปทางฮันซี่ “หัวหน้ารีไวและรุ่นพี่ในหน่วยพิเศษใจดีกับผมมากครับ นอกจากตอนนอนแล้วก็ไม่มีอะไร”

    ฮันซี่ผงกศีรษะช้าๆเพราะเข้าใจถึงสิ่งที่เด็กหนุ่มพูด

    “ช่วยไม่ได้นี่นะ มันเป็นคำสั่ง พวกเขาก็ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด”

    “หมายความว่าอะไรเหรอคะ” มิคาสะหันมาถามด้วยความสงสัยและนิ่วหน้าอย่างไม่พอใจเมื่อเห็น ฮันซี่แกล้งทำเป็นหัวร่อร่าเพื่อกลบเกลื่อน

    “ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร” หัวหน้าสาวสติเฟื่องหยุดนิ่งเล็กน้อยก่อนก้มลงไปกระซิบ “ตั้งแต่ครั้งนั้น เธอก็ไม่เคยแปลงร่างอีกเลยใช่ไหม”

    “ครับ”

    “กระทั่งตอนที่ตกใจ หวาดกลัวหรือบาดเจ็บงั้นหรือ”

    “ครับ” เอเลนพูดพร้อมกับพยักหน้ารับ ฮันซี่จึงถอยออกมาเล็กน้อยและยืนพิจารณาเด็กหนุ่มตรงหน้าพร้อมกับใช้นิ้วเคาะปลายคางของตัวเองเบาๆเหมือนกำลังใช้ความคิด

    “ถึงจะยังไม่แน่ใจนัก แต่ฉันก็พอจะเดาเงื่อนไขการกลายร่างของเธอออกบ้างแล้ว” หยุดคำพูดไว้อึดใจและทำหน้าเหมือนนึกอะไรบ้างอย่างขึ้นมาได้ “จริงสิ พรุ่งนี้จะมีการฝึกแผนการเดินทัพแบบใหม่ หน่วยพิเศษของรีไวก็ต้องเข้าร่วมด้วย ได้ยินว่าเอลวินจัดห้องพิเศษสำหรับเธอไว้...”

    “แต่ผมอยากอยู่กับเพื่อนๆ” เอเลนแย้งเบาๆ ฮันซี่ทำตาโต

    “เธอก็รู้ว่าไม่ได้”

    “ได้โปรดเถอะครับคุณฮันซี่ ผมสัญญาว่าจะทำตัวเป็นปรกติ ไม่สร้างปัญหาอะไรให้กับหน่วยสำรวจอย่างเด็ดขาด”

    เด็กหนุ่มอ้อนวอนพร้อมกับให้คำมั่นสัญญาด้วยดวงตาจริงจัง ฮันซี่นิ่งอยู่อึดใจก่อนจะผงกศีรษะ

    “งั้นก็ได้ ฉันจะพูดกับเอลวินให้เอง”

    “ขอบคุณมากครับคุณฮันซี่” เอเลนพูดด้วยความดีใจและหันไปทางอาร์มินกับมิคาสะ “เยี่ยมเลย ฉันมีเรื่องจะเล่าให้พวกเธอฟังเยอะแยะ มีหวังได้คุยกันจนถึงเช้า”

    “อ๊ะ อ๊ะ ไม่ได้นะเอเลน พรุ่งนี้พวกเธอต้องเรียนรู้และร่วมฝึกการเดินทางแบบใหม่ ห้ามนอนดึกอย่างเด็ดขาด”

    ฮันซี่รีบปราม เอเลนลูบท้ายทอยตัวเองแก้เขินและรับคำเบาๆ

    “ครับ”

    ฮันซี่ทำท่าเหมือนจะพูดต่อแต่ถูกขัดจังหวะจากทหารคนสนิทซึ่งเห็นหัวหน้าของตัวเองหายไปนานจึงเข้ามาตาม

    “ได้เวลาเดินทางแล้วครับ หัวหน้าหมู่ฮันซี่”

    “อ้าว เหรอ ว้าเสียดายจังฉันมีเรื่องที่อยากจะถามเอเลนอีกตั้งเยอะแยะ” สาวสติเฟื่องกลอกตาขึ้นและร้องออกมาอย่างผิดหวังก่อนจะหันกลับมาที่เอเลนอีกครั้ง “ยกสัมภาระเข้าไปในหอนอนได้เลย

    เอลวินต้องยอมให้เธอพักกับเพื่อนๆแน่ ฉันรับรอง”

                เธอบีบไหล่เด็กหนุ่มค่อนข้างหนักก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป แทนที่จะทำตามตามที่ฮันซี่แนะนำ

    เอเลนกลับยังยืนรีรอเหมือนไม่แน่ใจกับคำพูดของเธอเท่าใดนัก

                “ทำไมคุณฮันซี่จึงแน่ใจว่าผบ.เอลวินจะอนุญาตให้ฉันนอนร่วมกับเพื่อนๆ”

                “เพราะเธอมีเหตุผลที่น่าเชื่อถือ” อาร์มินตอบ “ฉันคิดว่าหัวหน้าหมู่ฮันซี่อนุมานจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาว่า นายต้องมีเหตุจูงใจบางอย่างถึงจะกลายร่างเป็นไททันได้”

                เอเลนตีหน้าเครียด

                “ฉันเองก็ไม่แน่ใจในเรื่องนั้น”

                “อย่าคิดมากสิเอเลน ในเมื่อคุณฮันซี่บอกว่าได้ ก็หมายความว่าได้” มิคาสะพูดพลางคว้าข้อมือเด็กหนุ่มลากให้เดินไปด้วยกัน “เตียงบนของอาร์มินยังว่าง นายไปนอนที่นั่นก็ได้”

                “เดี๋ยวสิมิคาสะ อย่าบอกนะว่าเธอจะเข้ามานอนให้หอชาย” เอเลนโพล่งถามออกมาและนิ่งเงียบในทันทีเมื่อเห็นสายตาของมิคาสะ

                “แปลกตรงไหน เพื่อนกันเองทั้งนั้น”

                “แต่ เธอเป็นผู้หญิง” เอเลนแย้งไม่เต็มเสียงนักและอดกลืนน้ำลายอย่างสยองไม่ได้เมื่อได้ยินประโยคที่อีกฝ่ายตอบกลับมา

                “ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่ ถ้าใครมีปัญหามากนักฉันจะทำให้เงียบแล้วโยนออกมาเอง”

                ทุกอย่างเป็นไปตามที่ฮันซี่บอก เพราะหลังจากเข้าไปในเรือนพักได้ไม่นาน ทหารคนสนิทของเธอก็ย้อนกลับมาแจ้งเด็กทั้งสามว่า ผบ.เอลวินอนุญาตให้เอเลนนอนพักร่วมกับคนอื่นได้ โดยมีข้อแม้ว่าห้ามเขาออกไปข้างนอกอย่างเด็ดขาดและให้แค่คืนนี้เพียงคืนเดียวเท่านั้น มันทำให้เอเลนดีใจจนแทบกระโดด เพราะนับตั้งแต่ไปอยู่กับหน่วยพิเศษ นี่เป็นคืนแรกที่เขาได้รับอนุญาตให้นอนโดยไม่มีเครื่องพันธนาการ

                ไม่สิ นับเป็นครั้งที่สองต่างหาก เพราะในคืนก่อน รีไวปล่อยให้เขานอนโดยไม่สวมตรวนที่ข้อมือ

                เอเลนหันไปมองที่ประตูพลางแอบคาดหวังเล็กๆว่าจะได้เห็นหัวหน้ายืนจ้องมาทางเขาด้วยดวงตาคมกริบ แต่พอนึกได้ว่า รีไวต้องเดินทางเข้าเมืองพร้อมกับฮันซี่และเอลวิน เด็กหนุ่มก็ถอนใจ และขมวดคิ้วจนหน้ายุ่งเมื่อคิดได้ว่าตัวเองกำลังหวังในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้   

                การเป็นคนพิเศษของหัวหน้ารีไว

                ช่างเป็นความคิดที่ไร้สาระ หัวหน้ารีไวให้ความรักและเชื่อใจลูกน้องเท่าเทียมกันหมดทุกคน โดยเฉพาะรุ่นพี่ทั้งสี่ของหน่วยพิเศษ ไม่มีทางที่จะมอบความสนิทสนมอย่างเกินหน้าเกินตากับเด็กใหม่ที่คอยสร้างแต่ปัญหาอย่างเขาอยู่แล้ว

                เอเลนถอนใจออกมาอีกครั้งก่อนจะหันกลับไปที่อาร์มินกับมิคาสะ และพูดจาเล่นหัวกับเพื่อนร่วมรุ่นจนกระทั่งเนสเข้ามาเตือนให้ทุกคนเข้านอน พอเทียนทุกเล่มถูกดับลงแล้ว เด็กหนุ่มจึงนอนมองดวงจันทร์ที่กำลังฉายแสงนวลอันเย็นเยือกผ่านเข้ามาทางหน้าต่างและผล็อยหลับไป

    */*/*/*/*

    วันต่อมา เนสได้อธิบายถึงการเคลื่อนทัพรูปแบบใหม่อีกครั้ง แต่เพิ่มเติมรายละเอียดว่าทหารแต่ละหน่วยว่าต้องอยู่ในตำแหน่งไหน ยกเว้นหน่วยรีไวที่เขาไม่ได้ชี้ชัดลงไปว่าอยู่ตรงจุดไหนของขบวน

    เมื่อเข้าใจกันดีแล้วเนสจึงออกคำสั่งให้ทหารทุกคนไปเตรียมม้า เพื่อฝึกการเคลื่อนทัพตามวิธีที่เรียนมาโดยทหารรุ่นพี่ที่ผ่านการสู้รบมาอย่างโชกโชนจะประจำอยู่ที่ปีกทั้งสองข้าง ส่วนทหารใหม่จะกระจายไปอยู่ตามหมู่ต่างๆ และเพราะเป็นการฝึกครั้งแรก เอลวิน มิเกะ รีไวและฮันซี่ ซึ่งเป็นนายทหารระดับสูงจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าร่วม เมื่อจัดกระบวนทัพเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดก็เคลื่อนพลออกจากศูนย์บัญชาการ 

    การเดินทัพที่เอลวินคิดค้นขึ้น ต่างจากการเดินทัพที่ทหารใหม่เคยเรียนมาแล้วอย่างสิ้นเชิง ช่วงครึ่งวันแรก ทุกอย่างจึงดำเนินไปอย่างทุลักทุเล เนสจึงสั่งให้ทุกคนหยุดพักและเรียกมาอธิบายอีกครั้ง จากนั้นก็เริ่มต้นซ้อมกันใหม่ แม้จะไม่สมบูรณ์นักและมีอุปสรรคอยู่บ้าง แต่ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

    เอเลนร่วมฝึกกับเพื่อนและทหารในหน่วยสำรวจอย่างตั้งอกตั้งใจจนกระทั่งถึงตอนเย็น เนสจึงยุติการฝึกไว้เพียงแค่นั้นและสั่งให้ทุกคนกลับศูนย์บัญชาการ ม้าทุกตัวต่างบ่ายหน้ากลับไปในทิศทางเดียวกันยกเว้นม้าของหน่วยพิเศษทั้งห้าที่วิ่งแยกไปอีกด้าน มุ่งหน้ากลับปราสาทซึ่งตั้งอยู่อีกฟากหนึ่งของกำแพง

    การแยกตัวอย่างปุบปับทำให้เอเลนไม่มีโอกาสได้กล่าวลากับเพื่อนๆ ตอนแรกเด็กหนุ่มไม่ค่อยสบายใจนักและทำท่าหงุดหงิดอยู่หลายครั้ง แต่พอกุนเทอร์อธิบายให้ฟังว่าเป็นคำสั่งของรีไว เขาจึงหยุดและควบม้าตามรุ่นพี่โดยไม่ปริปากพูดอะไรออกมาอีกเลย 

    ระยะทางระหว่างศูนย์บัญชาการกับปราสาทนั้นห่างไกลกันมาก กว่าขบวนของหน่วยพิเศษจะเดินทางไปถึงก็ค่อนข้างดึกแถมความเหน็ดเหนื่อยจากการฝึกที่มีมาตลอดทั้งวันทำให้ทุกคนแทบไม่มีแรงเหลือที่จะทำอะไร พอเอาม้าเข้าคอกแล้ว ทั้งห้าก็เดินชักแถวกันเข้าไปในห้องพักผ่อน แต่ก็ต้องพบกับความแปลกใจเมื่อเห็นรีไวกำลังนั่งดื่มชารออยู่

    “พวกแกมาช้ากว่าที่ฉันกะเอาไว้มาก” เขาพูดเสียงเรียบพลางกวาดตามองลูกน้องไล่ไปทีละคนและหยุดไว้ที่เอเลน “มัวโอ้เอ้อะไรกันอยู่”

    “มีปัญหาระหว่างการฝึกนิดหน่อยครับ” กุนเทอร์ตอบ “เนสต้องเรียกทหารใหม่ทุกคนมาอธิบายรูปแบบกระบวนอีกครั้ง เลยใช้เวลานานกว่าทุกอย่างจะเข้าที่”

    “แล้วพวกแกล่ะ” รีไวถามเหมือนไม่ได้เจาะจงไปที่ใคร แต่ดวงตากลับจ้องนิ่งอยู่ที่เอเลน กุนเทอร์ซึ่งเข้าใจคำถามนั้นดีจึงรีบตอบ

    “เอเลนทำได้ดีเกินคาดครับ”

    “งั้นก็ดี” หัวหน้าของเขาตัดบทและดื่มชาเข้าไปหนึ่งอึกก่อนจะปรายตาไปยังห่อผ้าที่วางไว้กลางโต๊ะ “นึกแล้วว่าพวกแกต้องมาช้า ฉันเลยเตรียมของพวกนี้เอาไว้ให้”

    เพตร้าเดินไปแกะผ้าออกและยิ้มกว้างเมื่อพบว่าของที่อยู่ในนั้นคือขนมปังอบมาใหม่ๆกับเนยแข็งชิ้นโต

    “หัวหน้าเตรียมมื้อค่ำไว้ให้พวกเราด้วย” เธอพูดอย่างดีใจ “ขอบคุณมากค่ะ”

    “ขอบคุณมากครับ หัวหน้ารีไว” กุนเทอร์ เอลโด้ ออรูโอ้พูดขึ้นมาพร้อมกันและล้อมวงหยิบขนมปังกับเนยแข็งมากินอย่างเอร็ดอร่อย เอเลนยืนมองรุ่นพี่ที่กำลังรับประทานกันอย่างมีความสุขก่อนจะหันไปมองคนหน้าตายที่กำลังดื่มชาไปเรื่อยๆด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ เด็กหนุ่มไม่เคยคิดเลยว่า คนเฉยชา แข็งกระด้างอย่างหัวหน้ารีไว จะมีน้ำใจเตรียมอาหารไว้รอลูกน้อง

    “ขอบคุณมากครับ” เขาพูดเบาๆพร้อมกับส่งรอยยิ้มน้อยๆให้กับรีไว อีกฝ่ายชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะแกล้งทำเป็นเลื่อนสายตาไปด้านอื่น กระนั้นก็ยังหลุดปากตอบ

    “เออ”  

    เป็นคำพูดห้วนสั้นแต่น้ำเสียงกลับนุ่มน่าฟังจนเอเลนถึงกับใจเต้น ความรู้สึกแปลกๆที่วิ่งพล่านไปทั่วตัวทำให้เด็กหนุ่มร้อนผ่าวไปทั้งร่าง ยิ่งโดนดวงตาสีเทาคมกริบจ้องด้วยแล้ว ทำให้เขาบังเกิดความขัดเขินไม่กล้าขยับเขยื้อนไปไหน

    “อย่ามัวแต่ยืนใจลอยสิเอลน ถ้าไม่รีบมากิน เดี๋ยวออรูโอ้ก็แย่งไปหมดนะ”

    เสียงเพตร้าดึงความรู้สึกทั้งหมดกลับคืนมา เด็กหนุ่มรีบเดินไปคว้าขนมปังยัดใส่ปากโดยพยายามไม่หันไปทางรีไว

    มื้อค่ำเสร็จเร็วกว่าทุกวัน หลังจากอาบน้ำชำระล้างร่างกายจนสะอาดกันทุกคนแล้ว ทั้งหมดก็กลับมารวมตัวกันที่ห้องพักผ่อนอีกครั้งและพูดคุยเรื่องภารกิจครั้งต่อไป ผ่านไปได้พักใหญ่รีไวจึงสั่งให้ทุกคนเข้านอน พอลูกน้องแยกย้ายเข้าห้องกันหมดแล้ว เขาก็หันมาทางเอเลน

    “เตรียมใจสำหรับคืนนี้ไว้แล้วหรือยัง”

    จู่ๆก็ถามขึ้นมา เด็กหนุ่มกะพริบตาปริบๆอย่างงุนงง

    “เรื่องอะไรหรือครับ”

    “แกต้องกลับลงไปนอนในห้องใต้ดิน” รีไวตอบด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างห้วน ใบหน้าของเอเลนสลดลงไปในทันที

    “ผมต้องถูกล่ามอีกแล้วใช่ไหมครับ”

    “ใช่” รีไวตอบสั้นๆ เด็กหนุ่มก้มหน้าลงมองมือของตัวเองเหมือนต้องการทำใจนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงผงกศีรษะและลุกขึ้นยืน

    “ผมเข้าใจแล้ว ไปกันเถอะครับ”

    พูดจบก็เดินนำออกไป รีไวมองตามจนอีกฝ่ายพ้นประตูห้องจึงคว้าตะเกียงลุกขึ้นและก้าวตาม ระหว่างที่ลงบันได จู่ๆเอเลนก็หันมาถาม

    “หัวหน้าครับ”

    “หือ” รีไวขานรับไม่ดังนัก พอเห็นเด็กหนุ่มมีสีหน้าลังเลเหมือนคิดไม่ตกว่าควรจะพูดต่อไปดีหรือไม่ เขาก็ถาม “มีอะไร”

    “คือ...”หยุดเล็กน้อยก่อนถามต่อ “ผมไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงดี”

    “หมายความว่าอะไร” ย้อนถามเสียงห้วน แต่เจ้าตัวกลับมองคนที่กำลังเดินอยู่ตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง เอเลนขมวดคิ้วจนแทบจะผูกเป็นปม และเม้มปากน้อยๆก่อนพูดต่อ

    “การที่ผมได้เข้ามาอยู่ในหน่วยพิเศษ เพราะมีพลังของไททัน แต่ผมกลับคิดไม่ออกว่าจะใช้พลังที่ว่านี่ช่วยทุกคนได้ยังไง”

    “รอจนกว่าจะถึงเวลา แล้วแกก็จะรู้เอง” รีไวตอบ “สิ่งสำคัญคือการตัดสินใจ เพราะเมื่อถึงตอนนั้น แกอาจจะต้องเลือกว่าควรทำแบบไหน และไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาในรูปใด ก็อย่าได้เสียใจอย่างเด็ดขาด”

    เอเลนฟังหัวหน้าพูดจนจบ และถอนใจออกมาเบาๆ

    “ถ้าทุกอย่างล้มเหลวละครับ เอ่อ ผมหมายถึงถ้าการสำรวจในครั้งนี้พวกเราไปไม่ถึงชิกันชิน่าร์”

    “แกจะกังวลไปทำไม ปล่อยเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของฉันกับเอลวินดีกว่า สิ่งที่ควรทำในตอนนี้ก็คือ พักผ่อนให้เต็มที่ เพราะพรุ่งนี้แกจะต้องเจอการฝึกที่หินกว่าทุกครั้ง”

    พูดพลางไขประตูกรงและปล่อยให้เอเลนเดินเข้าไปก่อน พอเด็กหนุ่มนั่งลงบนเตียงแล้วก็หันไปถาม

    “พรุ่งนี้ผมต้องฝึกอะไรบ้างครับ”

    “ความพร้อมของร่างกาย” รีไวพูดพลางหยิบตรวนข้อเท้ามาถือไว้ แต่พอเห็นดวงตาสีเขียวฉายแววเศร้าออกมาแล้วเขาก็ถอนใจและวางมันลง จากนั้นก็หย่อนตัวนั่งบนเตียงข้างเอเลน

    “ฉันรู้ว่าแกไม่อยากโดนทำแบบนี้ และฉันเองก็ไม่อยากล่ามแกเหมือนกัน” พูดพลางมองเด็กหนุ่ม ซึ่งปรกติแล้วเขามักจะเฝ้าดูอยู่ห่างๆ และรู้สึกมีความสุขแทบทุกครั้งที่เห็นดวงหน้าแสนสวย แต่พอได้พินิจใกล้ๆแล้วยิ่งใจเต้น เพราะใบหน้าอันหมองเศร้าของเอเลนช่างงดงามเสียจนเขาต้องตะลึงงันและเผลอยื่นมือไปแตะแก้มโดยไม่รู้ตัว

    “หัวหน้า...” เสียงของเอเลนเบาเหมือนเรียกมาจากที่ไกลแสนไกล กระนั้นยังทำให้รีไวสะดุ้ง พอรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรเขาก็รีบชักมือกลับ

    “แกดูเซียวกว่าทุกวัน” ชายหนุ่มรีบหาเรื่องเบี่ยงประเด็น “เพราะฉะนั้นนอนได้แล้ว”

    พูดจบก็คว้าตรวนสวมฉับเข้าที่ข้อมือและข้อเท้า พอห่มผ้าให้เอเลนแล้ว รีไวก็ออกจากห้อง ปิดประตูและยืนดูจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้วจึงก้าวออกจากห้องใต้ดิน ในใจนึกด่าตัวเองด้วยความโกรธที่เผลอทำเรื่องไม่เข้าท่า แต่พอหวนนึกถึงใบหน้าของเอเลนแล้ว ความว้าวุ่นทั้งหลายก็หายวับไป

    “เจ้าเด็กเหลือขอ”

    รีไวพึมพำที่หน้าห้องของเขา และถอนใจออกมาเบาๆก่อนจะเปิดประตูและก้าวหายเข้าไปด้านใน  

     

    */*/*/*/*/*

       

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×