ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic Attack on Titan] My Spy ฉันขอหัวใจของนายนะ (รีไวxเอเลน)

    ลำดับตอนที่ #5 : 5

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.87K
      179
      25 เม.ย. 57



                   ด้านเอลวิน พอรีไวออกไปแล้วเขาก็รวบแฟ้มทุกเล่มเดินออกจากห้องประชุมกลับไปยังห้องทำงานของตัวเอง แต่แทนที่จะกลับบ้านเขากลับหยิบรายงานของเพตร้ามาอ่านทบทวนอีกครั้ง ระหว่างที่ก้มหน้าก้มตาอ่าน หางตาก็เห็นเงาของใครบางคนเคลื่อนไหวอยู่นอกห้อง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันส่วนมือเลื่อนไปดึงปืนออกจากซองและย่องไปที่ประตู พอได้จังหวะชายหนุ่มก็เปิดผลัวะออกไป การโผล่อย่างปุบปับทำให้คนที่กำลังเดินเข้ามาใกล้อุทานดังลั่นปล่อยเอกสารที่หอบมาเต็มอ้อมแขนตกกระจาย

    หัวหน้าเอลวิน เจ้าหน้าที่โคนี่เรียกด้วยน้ำเสียงตระหนก ยังไม่กลับอีกหรือครับ

    ฉันต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายถาม เอลวินพูดพลางเก็บปืนกลับเข้าซอง ดึกป่านนี้แล้วทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่

    ผมกำลังเคลียร์รายงานของแผนกอยู่ครับ โคนี่ตอบพร้อมกับก้มลงเก็บเอกสารมากองเข้าไว้ด้วยกันและหอบมันทั้งหมดขึ้นมา พอเห็นสายตาฉงนของหัวหน้าหน่วยสืบสวน เขาก็ยิ้มแห้ง ผมแพ้พนันไรเนอร์น่ะครับ เลยต้องทำส่วนของเขาด้วย

    พนัน เอลวินทวนคำด้วยน้ำเสียงตำหนิ ทำไมถึงเล่นอะไรกันแบบนี้ คุณเป็นเอฟบีไอนะโคนี่

    ขอโทษด้วยครับหัวหน้า ครั้งต่อไปผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว เจ้าหน้าที่โคนี่รีบพูดอย่างสำนึกผิด เอลวินพยักหน้าช้าๆ

    ไม่เป็นไร เขามองกองเอกสารที่สูงท่วมหัวคนถือ นี่ก็ดึกมาแล้ว รีบทำงานให้เสร็จแล้วกลับบ้านซะ พรุ่งนี้จะได้ไม่มาทำงานสาย

    ครับหัวหน้า โคนี่รับคำก่อนจะเดินไปสองสามก้าวแล้วหยุดหันกลับมา อ้อ ผมวางรายงานเรื่องคดีพบศพที่ริมแม่น้ำไว้บนโต๊ะของหัวหน้าแล้วนะครับ

    เอลวินชำเลืองไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองและพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ พอเห็นผู้ใต้บังคับบัญชาเดินห่างไปแล้วเขาก็กลับเข้าห้อง ปิดประตูก่อนเดินไปนั่งที่โต๊ะและเอื้อมมือเตรียมหยิบรายงานที่อ่านเมื่อครู่ แต่พอเหลือบเห็นรายงานของโคนี่เขาก็ปลี่ยนใจ หลังจากอ่านไปได้สักพัก เอลวินก็ขมวดคิ้วและหยิบโทรศัพท์มือถือมากดปุ่ม พอได้ยินเสียงรับเขาก็พูดทันที

    โทษทีที่โทร.มากวน แต่ฉันสะกิดใจกับอะไรบางอย่างเลยอยากวานให้นายช่วยไปตรวจสอบดูให้หน่อย

    เขานิ่งฟังสียงปลายสายซึ่งถามมาสั้นๆว่า จะให้ทำอะไร มือข้างที่ว่างเลื่อนไปหยิบรายงานของโคนี่และจ้องนิ่งอยู่อึดใจก่อนบอกเรื่องข้อสงสัยและอธิบายสิ่งที่ต้องการให้อีกฝ่ายสืบหาฟัง สั่งสร็จก็กล่าวขอบคุณก่อนวางสายและนั่งจมกับความคิดของตัวเองไปจนกระทั่งโคนี่เข้ามากล่าวคำอำลา หลังจากรอจนแน่ใจว่าไม่ใครอยู่ในสำนักงานแล้วเอลวินจึงเลือกเฉพาะรายงานสำคัญใส่กระเป๋า จากนั้นจึงเก็บแฟ้มงานทั้งหมดกลับเข้าลิ้นชัก ล็อคกุญแจ และตรวจดูอีกรอบจนแน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วจึงขับรถออกจากที่ทำงาน มุ่งหน้ากลับบ้านพักของตัวเอง

      แสงไฟที่สว่างวาบขึ้น ตามด้วยเสียงลั่นเปรี้ยงของสายอสนีบาตทำให้หลายคนสะดุ้งด้วยความตกใจ เอเลนยืนมองสายฝนที่ตกกระหน่ำลงมาอย่างหนักด้วยความรู้สึกไม่สบายใจนัก ยังดีที่ก่อนหน้านั้นเอลวินพาลูกน้องมานั่งดื่มกาแฟกันก่อน ร้านของเขาเลยไม่ถึงกับเงียบเหงานัก ตรงกันข้ามกับร้านของอาร์มินที่จำเป็นต้องปิดเพราะไม่มีลูกค้า และที่สำคัญหากปล่อยให้ดอกไม้โดนละอองฝนนานๆอาจช้ำจนขายไม่ได้

    ขอกาแฟอีกแก้วสิเอเลน

    เสียงเอลวินดึงความคิดที่กำลังลอยไปกับสายฝนให้กลับคืนมา เด็กหนุ่มจึงเดินไปหยิบเหยือกกาแฟมาเติมให้กับทุกคน

    คุณรีไวไม่มาด้วยหรือครับ เขาถามด้วยความสงสัย เอลวินส่งยิ้มอบอุ่นอย่างที่เคยทำประจำ

    เขาไปสืบอะไรนิดหน่อยน่ะ

    ที่ไหนเหรอครับ เอเลนถามและรีบตะครุบปากตัวเองเมื่อนึกได้ว่าไม่ควรพูดแบบนั้นออกมา ขอโทษครับ ผมเห็นคุณรีไวหายไปหลายวันเลยอดถามไม่ได้

    เป็นห่วงล่ะสิ เอลวินแกล้งแหย่ และอมยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพู

    ปละ...เปล่านะครับ ผมแค่ไม่อยากเสียลูกค้าดีๆไปเท่านั้น เขารีบแก้ตัวซึ่งดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผลเพราะเอลวินแกล้งนั่งเท้าคางมองด้วยสายตารู้ทัน

    ลูกค้าดีๆที่ไหนกัน ได้ยินว่าหมอนั่นชอบเข้ามากินกาแฟหลังปิดร้านไปแล้วไม่ใช่เหรอ

    คำพูดของเขาทำให้มิคาสะหูผึ่ง

    จริงหรือเอเลน ทำไมเธอไม่บอกฉันเลยสักคำ

    ผมไม่อยากกวนมิคาสะนี่ครับ อีกอย่างเขามาแค่สองครั้งเท่านั้นเอง เอเลนตอบเบาๆ หญิงสาวเม้มปากแน่นอย่างไม่พอใจ

    พวกเอฟบีไอนี่เป็นอะไรกันไปหมดนะ ชอบย่องเข้ามากินกาแฟตอนดึก แถมตอนกลางวันยังมานั่งจับกลุ่มจนลูกค้าหนีไปหมด

    ถึงจะดึกแต่ผมก็ซื้อกลับบ้านนะครับ เอลวินรีบแก้ตัว แล้ววันนี้ร้านคุณก็ไม่มีลูกค้าด้วย

    ลมเย็นกับกลิ่นฝนฟุ้งกระจายเข้ามาในร้านทำให้รู้ว่าประตูถูกเปิด เมื่อทุกคนหันไปมองก็พบว่าผู้เข้ามาใหม่คืออาร์มิน มิคาสะนิ่วหน้าอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นเด็กหนุ่มกำลังสะบัดหยาดน้ำที่เกาะพราวบนเสื้อกันฝน เอเลนจึงรีบพูด

    เดี๋ยวผมจัดการให้ครับ พูดจบก็หายไปหลังร้านและกับออกมาอีกครั้งพร้อมไม้ถูพื้น พอเห็นหนุ่มน้อยหน้าใสถอดเสื้อกันฝนสีเหลืองสดออกแล้ว เอลวินจึงเรียก

    มานั่งนี่สิอาร์มิน

    เด็กหนุ่มเดินไปนั่งอย่างว่าง่ายและกล่าวคำทักทายทุกคน

    สวัสดีครับคุณแจน คุณมาร์โก คุณฮันซี่ เขาหยุดและกวาดตามองหา คุณรีไวไม่ได้มาด้วยหรือครับ

    เขาไปทำงานน่ะ เอลวินตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยพลางหันไปสั่งเอเลน ขอชาร้อนให้อาร์มินถ้วยนึงนะ

    ได้ครับ เด็กหนุ่มตอบ พอถูพื้นเสร็จก็รีบนำชามาเสิร์ฟให้ตามสั่งและเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อได้ยินเอลวินกับฮันซี่กำลังคุยถึงคดีที่พวกเขาสืบสวนกันอยู่กับอาร์มิน เตรียมจะเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย ประตูร้านก็ถูกเปิดอีกครั้ง พอหันไปมองหัวใจของเอเลนก็เต้นแรง เพราะผู้ที่ก้าวเข้ามาคือหนุ่มตัวเตี้ยที่เขากำลังคิดถึง    

    รีไว เอลวินเรียกพลางมองร่างที่เปียกโชกตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า อย่าบอกนะว่านายเดินมา

    ใช่ อีกฝ่ายตอบพร้อมกับถอดสูทที่ชุ่มด้วยน้ำออก แต่ความที่กลัวว่าร้านของมิคาสะจะเปื้อนเลอะเทอะ เขาจึงยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ความหนาวเย็นของอากาศทำให้ชายหนุ่มมีอาการสั่นน้อยๆ พอเห็นดังนั้น

    เอเลนจึงรีบเผ่นขึ้นห้องหยิบผ้าขนหนูแห้งมาสองผืน

                    รีบเช็ดตัวให้แห้งก่อนดีกว่าครับ เขาพูดพลางส่งผ้าให้ ตอนแรกรีไวก็ทำอิดออดไม่ยอมรับแต่พอโดนลมเย็นๆเข้าก็หนาวจนตัวสั่น สุดท้ายจึงจำต้องคว้าผ้าจากมือของเด็กหนุ่มมาซับน้ำโดยเริ่มที่ผมซึ่งเปียกฉ่ำจนลู่ลงมาปรกหน้า จากนั้นก็เป็นแขนทั้งสองข้างและลำตัว

                    เอเลนมองการเคลื่อนไหวของรีไวด้วยหัวใจเต้นระทึก เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ค่อนข้างเข้ารูปพอเปียกน้ำแล้วทำให้เห็นรูปกายของชายหนุ่มชัดเจนขึ้น แม้จะมีรูปร่างเตี้ยที่สุดในทีม แต่ความหนั่นแน่นของกล้ามเนื้อไม่ว่าจะเป็นต้นแขนหรือแผ่นอกกลับไม่เป็นรองใคร พอเลื่อนสายตาลงไปมองสะโพก เด็กหนุ่มต้องกลืนน้ำลายอย่างลืมตัวเมื่อเห็นความรัดรึงกระชับได้สัดส่วนกับขนาดของสิ่งที่อยู่ภายใต้กางเกงชัดเต็มตา

                    “อ...เอ้อ เปลี่ยนกางเกงสักหน่อยดีไหมครับ” หลังจากยืนตะลึงอยู่นาน ที่สุดก็หลุดปากพูดออกมาจนได้ รีไวก้มหน้าลงมองเสื้อผ้าของตัวเองก่อนส่ายหน้า

                    “ไม่จำเป็น”

                    “แต่อากาศมันหนาวนะครับ ใส่เสื้อเปียกๆแบบนี้เดี๋ยวก็เป็นหวัดกันพอดี” เอเลนเตือนด้วยความเป็นห่วง แต่กลับถูกอีกฝ่ายโยนผ้าขนหนูใส่หน้า

                    “ฉันไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอกน่ะ” พูดจบก็เดินไปนั่งรวมกลุ่มกับเอลวินโดยไม่ลืมร้องสั่ง “ขอกาแฟแก้วนึงด้วย”

                แว่วเสียงมิคาสะบ่นมาพอได้ยินว่า ร้านฉันไม่ใช่ที่หลบฝน แต่เอลวินทำเป็นหูทวนลมและหันไปกล่าวขอโทษอาร์มินที่เขาต้องขอให้ย้ายไปนั่งที่อื่น ซึ่งเด็กหนุ่มยอมทำตามอย่างว่าง่าย หลังจากเอเลนนำกาแฟร้อนมาให้รีไวแล้ว หัวหน้าทีมสอบสวนจึงเริ่มซักถามถึงข้อมูลที่ให้ไปสืบมา

                    หลังจากตกกระหน่ำมากว่าสองชั่วโมง ในที่สุดฝนก็หยุด แสงสีส้มของแดดยามบ่ายส่องผ่านกระจกเข้ามาในร้าน ในขณะที่ผู้คนเริ่มทยอยออกมา ร้านที่เงียบเหงากลับคึกคักเพราะคนเข้ามาหากาแฟหรือชาร้อนๆดื่มเพื่อคลายความหนาว พอเห็นลูกค้าเข้ามามาก อาร์มินจึงขอตัวกลับไปที่ร้านดอกไม้ของเขา ส่วนเอลวินยุติการประชุมและสั่งให้ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อนโดยตัวเขาขับรถพารีไวไปส่งถึงที่พัก ระหว่างที่นั่งอยู่ด้วยกัน เอฟบีไอหนุ่มร่างเล็กจึงเอ่ยเตือน

                    “นายไม่ควรลากคนอื่นมาเกี่ยวข้อง”

                    “หมายถึงใคร”

                    “มิคาสะ เอเลนกับอาร์มิน” รีไวตอบ เอลวินอมยิ้มน้อยๆ

                    “ฉันแค่อยากเห็นมุมมองความคิดของคนที่อยู่นอกวงการบ้าง แต่ก็ไม่ได้เล่าทุกอย่างให้เด็กคนนั้นฟังจนหมด”

                    “ถ้าฆาตกรไม่ได้คิดแบบนั้นล่ะ”

                “คนพวกนั้นไม่ใช่เป้าหมาย ฆาตกรไม่สนใจพวกเขาหรอก”

                    “คิดง่ายไปหรือเปล่า” รีไวเตือน เอลวินหัวเราะเบาๆ

                    “นายเองก็เถอะ คิดมากเกินไปหรือเปล่า ฆาตกรเป็นคนฉลาด เขารู้ดีว่าพวกเราระมัดระวังเรื่องการสืบสวนมาก ไม่มีทางปล่อยให้ข้อมูลรั่วไหลไปเข้าหูคนอื่นแน่”

                    “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ นายไม่ควรเข้าไปวุ่นวายในร้านของเจ้าหนูนั่น” รีไวพูด อีกฝ่ายนิ่งไปเล็กน้อยเหมือนกำลังงงก่อนจะเปลี่ยนเป็นเลิกคิ้วสูง

                    “เจ้าหนูที่พูดนี่หมายถึงเอเลนใช่ไหม” เขาถามและยิ้มกว้างเมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งหน้างอ “นายเป็นห่วงหรือหึงกันแน่”

                    “ฉันกลัวงานจะเสียต่างหาก” หนุ่มตัวเล็กกว่าสวนกลับทันควันและยืดตัวนั่งตรง “จอดตรงนี้แหละ ฉันจะเดินไปเอง”

                    เอลวินพยายามข่มตัวเองไม่ให้ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาและยอมจอดรถแต่โดยดี รีไวล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูทดึงถุงพลาสติกที่บรรจุแฟลชไดรฟ์เอาไว้ออกมา

                    “รายละเอียดทั้งหมดอยู่ในนี้แล้ว”

                    เขายัดถุงใบนั้นใส่มือเอลวินก่อนลงจากรถและเดินจากไปโดยไม่พูดหรือร่ำลาอะไร ส่วนอีกฝ่ายพอเห็นลูกน้องไปไกลแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ

                    “สงสัยนายจะตกม้าตายกับเจ้าหนูร้านกาแฟนี้แล้วล่ะ รีไว”

    */*/*/*/*

     

                   

                         

     

     

         

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×