คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : 5
ด้านเอลวิน พอรีไวออกไปแล้วเขาก็รวบแฟ้มทุกเล่มเดินออกจากห้องประชุมกลับไปยังห้องทำงานของตัวเอง แต่แทนที่จะกลับบ้านเขากลับหยิบรายงานของเพตร้ามาอ่านทบทวนอีกครั้ง ระหว่างที่ก้มหน้าก้มตาอ่าน หางตาก็เห็นเงาของใครบางคนเคลื่อนไหวอยู่นอกห้อง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันส่วนมือเลื่อนไปดึงปืนออกจากซองและย่องไปที่ประตู พอได้จังหวะชายหนุ่มก็เปิดผลัวะออกไป การโผล่อย่างปุบปับทำให้คนที่กำลังเดินเข้ามาใกล้อุทานดังลั่นปล่อยเอกสารที่หอบมาเต็มอ้อมแขนตกกระจาย
“หัวหน้าเอลวิน” เจ้าหน้าที่โคนี่เรียกด้วยน้ำเสียงตระหนก “ยังไม่กลับอีกหรือครับ”
“ฉันต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายถาม” เอลวินพูดพลางเก็บปืนกลับเข้าซอง “ดึกป่านนี้แล้วทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่”
“ผมกำลังเคลียร์รายงานของแผนกอยู่ครับ” โคนี่ตอบพร้อมกับก้มลงเก็บเอกสารมากองเข้าไว้ด้วยกันและหอบมันทั้งหมดขึ้นมา พอเห็นสายตาฉงนของหัวหน้าหน่วยสืบสวน เขาก็ยิ้มแห้ง “ผมแพ้พนันไรเนอร์น่ะครับ เลยต้องทำส่วนของเขาด้วย”
“พนัน” เอลวินทวนคำด้วยน้ำเสียงตำหนิ “ทำไมถึงเล่นอะไรกันแบบนี้ คุณเป็นเอฟบีไอนะโคนี่”
“ขอโทษด้วยครับหัวหน้า ครั้งต่อไปผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว” เจ้าหน้าที่โคนี่รีบพูดอย่างสำนึกผิด เอลวินพยักหน้าช้าๆ
“ไม่เป็นไร” เขามองกองเอกสารที่สูงท่วมหัวคนถือ “นี่ก็ดึกมาแล้ว รีบทำงานให้เสร็จแล้วกลับบ้านซะ พรุ่งนี้จะได้ไม่มาทำงานสาย”
“ครับหัวหน้า” โคนี่รับคำก่อนจะเดินไปสองสามก้าวแล้วหยุดหันกลับมา “อ้อ ผมวางรายงานเรื่องคดีพบศพที่ริมแม่น้ำไว้บนโต๊ะของหัวหน้าแล้วนะครับ”
เอลวินชำเลืองไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองและพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ พอเห็นผู้ใต้บังคับบัญชาเดินห่างไปแล้วเขาก็กลับเข้าห้อง ปิดประตูก่อนเดินไปนั่งที่โต๊ะและเอื้อมมือเตรียมหยิบรายงานที่อ่านเมื่อครู่ แต่พอเหลือบเห็นรายงานของโคนี่เขาก็ปลี่ยนใจ หลังจากอ่านไปได้สักพัก เอลวินก็ขมวดคิ้วและหยิบโทรศัพท์มือถือมากดปุ่ม พอได้ยินเสียงรับเขาก็พูดทันที
“โทษทีที่โทร.มากวน แต่ฉันสะกิดใจกับอะไรบางอย่างเลยอยากวานให้นายช่วยไปตรวจสอบดูให้หน่อย”
เขานิ่งฟังสียงปลายสายซึ่งถามมาสั้นๆว่า จะให้ทำอะไร มือข้างที่ว่างเลื่อนไปหยิบรายงานของโคนี่และจ้องนิ่งอยู่อึดใจก่อนบอกเรื่องข้อสงสัยและอธิบายสิ่งที่ต้องการให้อีกฝ่ายสืบหาฟัง สั่งสร็จก็กล่าวขอบคุณก่อนวางสายและนั่งจมกับความคิดของตัวเองไปจนกระทั่งโคนี่เข้ามากล่าวคำอำลา หลังจากรอจนแน่ใจว่าไม่ใครอยู่ในสำนักงานแล้วเอลวินจึงเลือกเฉพาะรายงานสำคัญใส่กระเป๋า จากนั้นจึงเก็บแฟ้มงานทั้งหมดกลับเข้าลิ้นชัก ล็อคกุญแจ และตรวจดูอีกรอบจนแน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วจึงขับรถออกจากที่ทำงาน มุ่งหน้ากลับบ้านพักของตัวเอง
แสงไฟที่สว่างวาบขึ้น ตามด้วยเสียงลั่นเปรี้ยงของสายอสนีบาตทำให้หลายคนสะดุ้งด้วยความตกใจ เอเลนยืนมองสายฝนที่ตกกระหน่ำลงมาอย่างหนักด้วยความรู้สึกไม่สบายใจนัก ยังดีที่ก่อนหน้านั้นเอลวินพาลูกน้องมานั่งดื่มกาแฟกันก่อน ร้านของเขาเลยไม่ถึงกับเงียบเหงานัก ตรงกันข้ามกับร้านของอาร์มินที่จำเป็นต้องปิดเพราะไม่มีลูกค้า และที่สำคัญหากปล่อยให้ดอกไม้โดนละอองฝนนานๆอาจช้ำจนขายไม่ได้
“ขอกาแฟอีกแก้วสิเอเลน”
เสียงเอลวินดึงความคิดที่กำลังลอยไปกับสายฝนให้กลับคืนมา เด็กหนุ่มจึงเดินไปหยิบเหยือกกาแฟมาเติมให้กับทุกคน
“คุณรีไวไม่มาด้วยหรือครับ” เขาถามด้วยความสงสัย เอลวินส่งยิ้มอบอุ่นอย่างที่เคยทำประจำ
“เขาไปสืบอะไรนิดหน่อยน่ะ”
“ที่ไหนเหรอครับ” เอเลนถามและรีบตะครุบปากตัวเองเมื่อนึกได้ว่าไม่ควรพูดแบบนั้นออกมา “ขอโทษครับ ผมเห็นคุณรีไวหายไปหลายวันเลยอดถามไม่ได้”
“เป็นห่วงล่ะสิ” เอลวินแกล้งแหย่ และอมยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพู
“ปละ...เปล่านะครับ ผมแค่ไม่อยากเสียลูกค้าดีๆไปเท่านั้น” เขารีบแก้ตัวซึ่งดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผลเพราะเอลวินแกล้งนั่งเท้าคางมองด้วยสายตารู้ทัน
“ลูกค้าดีๆที่ไหนกัน ได้ยินว่าหมอนั่นชอบเข้ามากินกาแฟหลังปิดร้านไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
คำพูดของเขาทำให้มิคาสะหูผึ่ง
“จริงหรือเอเลน ทำไมเธอไม่บอกฉันเลยสักคำ”
“ผมไม่อยากกวนมิคาสะนี่ครับ อีกอย่างเขามาแค่สองครั้งเท่านั้นเอง” เอเลนตอบเบาๆ หญิงสาวเม้มปากแน่นอย่างไม่พอใจ
“พวกเอฟบีไอนี่เป็นอะไรกันไปหมดนะ ชอบย่องเข้ามากินกาแฟตอนดึก แถมตอนกลางวันยังมานั่งจับกลุ่มจนลูกค้าหนีไปหมด”
“ถึงจะดึกแต่ผมก็ซื้อกลับบ้านนะครับ” เอลวินรีบแก้ตัว “แล้ววันนี้ร้านคุณก็ไม่มีลูกค้าด้วย”
ลมเย็นกับกลิ่นฝนฟุ้งกระจายเข้ามาในร้านทำให้รู้ว่าประตูถูกเปิด เมื่อทุกคนหันไปมองก็พบว่าผู้เข้ามาใหม่คืออาร์มิน มิคาสะนิ่วหน้าอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นเด็กหนุ่มกำลังสะบัดหยาดน้ำที่เกาะพราวบนเสื้อกันฝน เอเลนจึงรีบพูด
“เดี๋ยวผมจัดการให้ครับ” พูดจบก็หายไปหลังร้านและกับออกมาอีกครั้งพร้อมไม้ถูพื้น พอเห็นหนุ่มน้อยหน้าใสถอดเสื้อกันฝนสีเหลืองสดออกแล้ว เอลวินจึงเรียก
“มานั่งนี่สิอาร์มิน”
เด็กหนุ่มเดินไปนั่งอย่างว่าง่ายและกล่าวคำทักทายทุกคน
“สวัสดีครับคุณแจน คุณมาร์โก คุณฮันซี่” เขาหยุดและกวาดตามองหา “คุณรีไวไม่ได้มาด้วยหรือครับ”
“เขาไปทำงานน่ะ” เอลวินตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยพลางหันไปสั่งเอเลน “ขอชาร้อนให้อาร์มินถ้วยนึงนะ”
“ได้ครับ” เด็กหนุ่มตอบ พอถูพื้นเสร็จก็รีบนำชามาเสิร์ฟให้ตามสั่งและเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อได้ยินเอลวินกับฮันซี่กำลังคุยถึงคดีที่พวกเขาสืบสวนกันอยู่กับอาร์มิน เตรียมจะเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย ประตูร้านก็ถูกเปิดอีกครั้ง พอหันไปมองหัวใจของเอเลนก็เต้นแรง เพราะผู้ที่ก้าวเข้ามาคือหนุ่มตัวเตี้ยที่เขากำลังคิดถึง
“รีไว” เอลวินเรียกพลางมองร่างที่เปียกโชกตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “อย่าบอกนะว่านายเดินมา”
“ใช่” อีกฝ่ายตอบพร้อมกับถอดสูทที่ชุ่มด้วยน้ำออก แต่ความที่กลัวว่าร้านของมิคาสะจะเปื้อนเลอะเทอะ เขาจึงยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ความหนาวเย็นของอากาศทำให้ชายหนุ่มมีอาการสั่นน้อยๆ พอเห็นดังนั้น
เอเลนจึงรีบเผ่นขึ้นห้องหยิบผ้าขนหนูแห้งมาสองผืน
“รีบเช็ดตัวให้แห้งก่อนดีกว่าครับ” เขาพูดพลางส่งผ้าให้ ตอนแรกรีไวก็ทำอิดออดไม่ยอมรับแต่พอโดนลมเย็นๆเข้าก็หนาวจนตัวสั่น สุดท้ายจึงจำต้องคว้าผ้าจากมือของเด็กหนุ่มมาซับน้ำโดยเริ่มที่ผมซึ่งเปียกฉ่ำจนลู่ลงมาปรกหน้า จากนั้นก็เป็นแขนทั้งสองข้างและลำตัว
เอเลนมองการเคลื่อนไหวของรีไวด้วยหัวใจเต้นระทึก เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ค่อนข้างเข้ารูปพอเปียกน้ำแล้วทำให้เห็นรูปกายของชายหนุ่มชัดเจนขึ้น แม้จะมีรูปร่างเตี้ยที่สุดในทีม แต่ความหนั่นแน่นของกล้ามเนื้อไม่ว่าจะเป็นต้นแขนหรือแผ่นอกกลับไม่เป็นรองใคร พอเลื่อนสายตาลงไปมองสะโพก เด็กหนุ่มต้องกลืนน้ำลายอย่างลืมตัวเมื่อเห็นความรัดรึงกระชับได้สัดส่วนกับขนาดของสิ่งที่อยู่ภายใต้กางเกงชัดเต็มตา
“อ...เอ้อ เปลี่ยนกางเกงสักหน่อยดีไหมครับ” หลังจากยืนตะลึงอยู่นาน ที่สุดก็หลุดปากพูดออกมาจนได้ รีไวก้มหน้าลงมองเสื้อผ้าของตัวเองก่อนส่ายหน้า
“ไม่จำเป็น”
“แต่อากาศมันหนาวนะครับ ใส่เสื้อเปียกๆแบบนี้เดี๋ยวก็เป็นหวัดกันพอดี” เอเลนเตือนด้วยความเป็นห่วง แต่กลับถูกอีกฝ่ายโยนผ้าขนหนูใส่หน้า
“ฉันไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอกน่ะ” พูดจบก็เดินไปนั่งรวมกลุ่มกับเอลวินโดยไม่ลืมร้องสั่ง “ขอกาแฟแก้วนึงด้วย”
แว่วเสียงมิคาสะบ่นมาพอได้ยินว่า ร้านฉันไม่ใช่ที่หลบฝน แต่เอลวินทำเป็นหูทวนลมและหันไปกล่าวขอโทษอาร์มินที่เขาต้องขอให้ย้ายไปนั่งที่อื่น ซึ่งเด็กหนุ่มยอมทำตามอย่างว่าง่าย หลังจากเอเลนนำกาแฟร้อนมาให้รีไวแล้ว หัวหน้าทีมสอบสวนจึงเริ่มซักถามถึงข้อมูลที่ให้ไปสืบมา
หลังจากตกกระหน่ำมากว่าสองชั่วโมง ในที่สุดฝนก็หยุด แสงสีส้มของแดดยามบ่ายส่องผ่านกระจกเข้ามาในร้าน ในขณะที่ผู้คนเริ่มทยอยออกมา ร้านที่เงียบเหงากลับคึกคักเพราะคนเข้ามาหากาแฟหรือชาร้อนๆดื่มเพื่อคลายความหนาว พอเห็นลูกค้าเข้ามามาก อาร์มินจึงขอตัวกลับไปที่ร้านดอกไม้ของเขา ส่วนเอลวินยุติการประชุมและสั่งให้ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อนโดยตัวเขาขับรถพารีไวไปส่งถึงที่พัก ระหว่างที่นั่งอยู่ด้วยกัน เอฟบีไอหนุ่มร่างเล็กจึงเอ่ยเตือน
“นายไม่ควรลากคนอื่นมาเกี่ยวข้อง”
“หมายถึงใคร”
“มิคาสะ เอเลนกับอาร์มิน” รีไวตอบ เอลวินอมยิ้มน้อยๆ
“ฉันแค่อยากเห็นมุมมองความคิดของคนที่อยู่นอกวงการบ้าง แต่ก็ไม่ได้เล่าทุกอย่างให้เด็กคนนั้นฟังจนหมด”
“ถ้าฆาตกรไม่ได้คิดแบบนั้นล่ะ”
“คนพวกนั้นไม่ใช่เป้าหมาย ฆาตกรไม่สนใจพวกเขาหรอก”
“คิดง่ายไปหรือเปล่า” รีไวเตือน เอลวินหัวเราะเบาๆ
“นายเองก็เถอะ คิดมากเกินไปหรือเปล่า ฆาตกรเป็นคนฉลาด เขารู้ดีว่าพวกเราระมัดระวังเรื่องการสืบสวนมาก ไม่มีทางปล่อยให้ข้อมูลรั่วไหลไปเข้าหูคนอื่นแน่”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ นายไม่ควรเข้าไปวุ่นวายในร้านของเจ้าหนูนั่น” รีไวพูด อีกฝ่ายนิ่งไปเล็กน้อยเหมือนกำลังงงก่อนจะเปลี่ยนเป็นเลิกคิ้วสูง
“เจ้าหนูที่พูดนี่หมายถึงเอเลนใช่ไหม” เขาถามและยิ้มกว้างเมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งหน้างอ “นายเป็นห่วงหรือหึงกันแน่”
“ฉันกลัวงานจะเสียต่างหาก” หนุ่มตัวเล็กกว่าสวนกลับทันควันและยืดตัวนั่งตรง “จอดตรงนี้แหละ ฉันจะเดินไปเอง”
เอลวินพยายามข่มตัวเองไม่ให้ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาและยอมจอดรถแต่โดยดี รีไวล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูทดึงถุงพลาสติกที่บรรจุแฟลชไดรฟ์เอาไว้ออกมา
“รายละเอียดทั้งหมดอยู่ในนี้แล้ว”
เขายัดถุงใบนั้นใส่มือเอลวินก่อนลงจากรถและเดินจากไปโดยไม่พูดหรือร่ำลาอะไร ส่วนอีกฝ่ายพอเห็นลูกน้องไปไกลแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ
“สงสัยนายจะตกม้าตายกับเจ้าหนูร้านกาแฟนี้แล้วล่ะ รีไว”
*/*/*/*/*
ความคิดเห็น