คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 4 ความขัดข้องของอุปกรณ์เคลื่อนย้ายสามมิติ
4
ความขัดข้องของอุปกรณ์เคลื่อนย้ายสามมิติ
วันต่อมาเอเลนถูกรีไวปลุกให้ตื่นแต่เช้าเช่นเดียวกับเมื่อวาน หลังจากสั่งงานต่างๆรวมทั้งกำชับถึงเรื่องการฝึกที่จะเริ่มขึ้นในตอนสายแล้ว เขาก็ขี่ม้าเข้าไปในเมืองเพื่อเข้าประชุมแผนการสำรวจครั้งต่อไปกับเอลวินและฮันซี่ พอล้างหน้าล้างตาเสร็จ เด็กหนุ่มก็เดินเข้าไปในโรงครัวเพื่อเตรียมอาหารเช้า แต่กลับต้องแปลกใจเมื่อเห็นเพตร้ากำลังก้มหน้าก้มตาเรียงฟืนลงไปในเตาเพื่อก่อไฟอย่างขะมักเขม้น
“คุณเพตร้า” เขาเรียกพลางเดินเข้าไปหาทหารรุ่นพี่ หญิงสาวหันมาส่งยิ้มให้
“อรุณสวัสดิ์จ้ะเอเลน เช้านี้อากาศดีจังเลยนะ”
ไม่พูดเปล่า เธอยังสูดลมหายใจเข้าอย่างเต็มที่โดยลืมไปว่าตอนนี้ตัวเองกำลังอยู่หน้าเตา จึงสูดควันไฟเข้าไปอย่างเต็มเปาจนสำลักพรวดออกมา
“แค่ก!!”
“คุณเพตร้า” เอเลนร้องด้วยน้ำเสียงตระหนกพลางดึงหญิงสาวให้ห่างจากกลุ่มควัน จากนั้นก็รีบนำผ้าไปชุดน้ำและยื่นส่งให้กับเธอ “เช็ดหน้าก่อนครับ”
“ขอบใจจ้ะ” เพตร้าพูดพลางรับผ้าจากเอเลนและไอไปด้วย “อุตส่าห์จะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นแท้ๆกลับเผลอทำอะไรเปิ่นๆไปได้ น่าอายจัง”
พูดพร้อมกับส่งยิ้มแก้เก้อ เอเลนจึงลูบท้ายทอยตัวเอง
“แค่ได้เข้ามาอยู่ในหน่วยพิเศษกับพวกคุณ ผมก็รู้สึกดีมากแล้วครับ อีกอย่าง” เขาหลุบตาลงมองรอยช้ำที่เกิดจากการล่ามตรวน “ถึงจะต้องนอนให้ห้องใต้ดิน เตียงที่หัวหน้าเตรียมไว้ให้ก็ทำให้ผมหลับสบาย เงื่อนไขบางอย่างอาจทำให้รู้สึกอึดอัดบ้างนิดหน่อยแต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรถึงขนาดนั้น”
คำพูดที่ดูเหมือนการถูกล่ามเป็นเรื่องปรกติสำหรับเขา ทำให้เพตร้าต้องมองด้วยความประหลาดใจ เพราะคิดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มอย่างเอเลนจะเข้าใจเรื่องต่างๆได้ง่ายขนาดนี้
“เธอไม่โกรธหัวหน้าเหรอ”
“เรื่องอะไรหรือครับ” เอเลนย้อนถามและส่งยิ้มให้กับหญิงสาวก่อนหมุนตัวหันไปหยิบฟืนหย่อนเข้าไปในเตา “ถ้าเป็นเรื่องการจำกัดพื้นที่ในห้องนอน ผมเข้าใจดีว่านั่นเป็นเงื่อนไขและเป็นสิ่งที่พวกคุณจำต้องปฏิบัติตาม”
เขาชะงักไปเล็กน้อยขณะนึกถึงสีหน้าของรีไวขณะสวมตรวนให้ในคืนที่ผ่านมา ถึงจะใช้กิริยาและคำพูดที่ฟังแล้วเหมือนเป็นการข่มขู่แต่เด็กหนุ่มกลับแน่ใจว่าเขาเห็นความสงสาร กับความอ่อนโยนทอแสงจางๆอยู่ในดวงตาสีเทาที่ดุดัน
“อีกอย่าง ผมคิดว่าหัวหน้ารีไว คงไม่อยากทำแบบนั้นจริงๆหรอกครับ”
คำพูดสุดท้ายเหมือนกำลังบอกกับตัวเองมากกว่า เพตร้าขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเพราะได้ยินไม่ค่อยถนัด
“เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ”
“อ...เอ้อ ผมบอกว่าหัวหน้าจะกลับมาที่นี่ก่อนเที่ยง เราต้องรีบทำงานกันแล้วละครับ”
เอเลนรีบเปลี่ยนเรื่องพูดเพราะถึงเพตร้าจะดูใจดีมากที่สุด เขาก็ไม่ควรพูดอะไรเกี่ยวกับหัวหน้ารีไวบุคคลที่ทุกคนให้ความเคารพมากจนเกินไป ซึ่งก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะพอได้ยินดังนั้น หญิงสาวคนเดียวของหน่วยก็ลุกพรวด เดินฉับๆไปคว้าหม้อ ตักน้ำใส่จนเกือบเต็ม จากนั้นก็นำไปวางไว้บนเตา
“เธอไปหยิบขนมปังมาวางไว้ที่โต๊ะ ฉันจะจัดการกับมันฝรั่งพวกนี้เอง”
มื้อเช้าเสร็จทันทุกคนตื่นพอดี เมื่อรับประทานอาหารจนอิ่มหนำ หน่วยพิเศษทั้งห้าก็แยกย้ายกันไปปฏิบัติภารกิจประจำวัน โดยเอเลนแยกไปทำความสะอาดคอกม้า ดูแลเรื่องอาหารและตรวจอานรวมถึงอุปกรณ์ทุกชิ้นว่าอยู่ในสภาพเรียบร้อยดีหรือไม่ ส่วนเพตร้ารับผิดชอบดูแลเครื่องเคลื่อนย้ายสามมิติ และเติมก๊าซจนเต็มทุกถัง เพราะแผนการฝึกในวันนี้คือการลาดตระเวนผ่านทุ่งหญ้าเข้าไปในป่าสนยักษ์เลยไปจนถึงเทือกเขาที่อยู่ห่างจากปราสาทไปราวครึ่งวัน
พอถึงช่วงสาย รีไวก็กลับเข้ามาในปราสาท เมื่อเห็นลูกน้องเตรียมตัวกันพร้อมหมดทุกคนแล้วเขาก็ควบม้านำหน้าออกไป โดยให้เอเลนอยู่ตรงกลาง ออรูโอ้และเพต้าขนาบซ้ายขวา ส่วนเอลโด้และกุนเทอร์คอยระวังหลัง ทั้งหกบังคับม้าผ่านทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ไปจนกระทั่งถึงป่าสนยักษ์ ป่าดึกดำบรรพ์ที่มีอาณาบริเวณกว้างขวาง ที่เรียกเช่นนี้เพราะสนทุกต้นมีขนาดใหญ่โต ลำต้นสูงกว่าสามสิบเมตร เหมาะสำหรับการใช้เครื่องเคลื่อนย้ายสามมิติเพื่อโจมตีไททัน ยามที่หน่วยสำรวจออกปฏิบัติการนอกกำแพง
แน่นอนว่าทหารฝีกหัดทุกคนย่อมเคยฝึกการโจมตีไททันในป่าสนยักษ์แบบนี้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วพวกเขามักจะรู้ถึงตำแหน่งของเป้าหมายที่ถูกกำหนดเอาไว้ล่วงหน้า แต่การฝึกกับหน่วยพิเศษของรีไวไม่ได้เป็นเช่นนั้น ความเป็นหน่วยที่มีหน้าที่พิฆาตพวกไททันโดยเฉพาะ พวกเขาจึงเน้นการต่อสู้ที่รวดเร็ว มีการตัดสินใจเฉียบขาด และร่วมมือกันเป็นทีม การเคลื่อนที่แต่ละครั้งจึงต้องสอดประสานกันเพื่อให้การทำลายได้ผลสูงที่สุด
ก้าวแรกของกีบอาชาที่ล่วงเข้าไปในป่า เอเลนยังไม่ตระหนักถึงการฝึกในครั้งนี้มากนัก จนเมื่อรีไวส่งสัญญาณให้ลูกน้องทั้งสี่ใช้เครื่องเคลื่อนย้ายสามมิติ ลอยตัวขึ้นจากหลังม้า เลื่อนไหลไปในระหว่างต้นไม้อย่างรวดเร็ว การเคลื่อนตัวอันคล่องแคล่วของทุกคนทำให้เอเลนถึงกับอ้าปากค้าง และสำนึกได้ในเวลานั้นเองว่า ฝีมือของเขายังอยู่ห่างจากคนเหล่านี้มาก
“โฮ่ย มัวใจลอยอะไรอยู่ ทำไมไม่ตามพวกเขาไป”
เสียงทุ้มห้วนของรีไวดังขึ้น เอเลนสะดุ้งเฮือกและรีบกดไกยิงสลิงออกไปทันที ความรีบร้อนทำให้มันตรึงกับต้นไม้ในระดับต่ำกว่าที่ควรจะเป็น เด็กหนุ่มสบถกับตัวเองเบาๆพร้อมกับยิงมันออกไปอีกครั้ง เมื่อขึ้นไปยืนบนกิ่งสนระดับสูง รีไวซึ่งตามมาทันจึงพูดด้วยน้ำเสียงดุ
“ถ้าเป็นการออกสำรวจจริงๆ ป่านนี้แกโดนไททันกินไปแล้ว” เขาจ้องเด็กหนุ่มเขม็ง “ฉันเคยบอกแล้วไม่ใช่หรือว่า ตั้งสติให้ดี อย่าใจลอยเป็นอันขาด เพราะความผิดพลาดพวกนั้นจะทำให้คนอื่นต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย”
“ขอโทษครับ” เอเลนพูดสีหน้าที่แสดงความสำนึกผิดออกมาอย่างเห็นได้ชัด รีไวมองเขานิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงเบนสายตามองลูกน้องที่กำลังเคลื่อนหายเข้าไปในป่าทึบ
“นี่ไม่ใช่เวลามาทำเรื่องไร้สาระ รีบตามพวกเขาไปเร็ว”
“ครับ”
รับคำจบก็รีบยิงสลิงไปที่ต้นไม้อีกต้น เพื่อดึงตัวให้เลื่อนออกไปจากที่นั่น ถึงตอนเรียน เอเลนทำจะคะแนนได้ดีจากการใช้เครื่องเคลื่อนย้ายสามมิติ แต่พอต้องตามทหารที่ได้ชื่อว่า สุดยอด ของหน่วยสำรวจแล้ว เด็กหนุ่มกลับรู้สึกราวกับว่า เขาเป็นเด็กเพิ่งหัดคลาน
“บ้าจริง!”
เอเลนพึมพำกับตัวเองด้วยความเจ็บใจพร้อมกับยิงสลิงให้เร็วขึ้นเพื่อที่จะตามคนอื่นให้ทัน ช่วงแรกดูเหมือนจะได้ผลแต่เพราะความใจร้อนบวกกับอารามรีบเร่ง ทำให้ฉมวกดอกหนึ่งวิ่งพลาดเป้า ร่างที่กำลังลอยคว้างอยู่กลางอากาศจึงหล่นวูบลง เด็กหนุ่มจึงรีบกดสลิงอีกข้างโดยเล็งไปที่ต้นไม้ต้นเดิมแต่ต้องใจหายวาบเมื่อได้ยินเสียงดัง แชะ ดังออกมาจากเครื่องยิง
“ไกค้าง !”
เด็กหนุ่มอุทานและกดไกอีกครั้งซึ่งก็พบว่าเครื่องยิงที่ใช้ได้เมื่อครู่กลับขัดข้องเช่นเดียวกัน ร่างผอมบางจึงลอยละลิ่วลงสู่เบื้องล่างอย่างรวดเร็ว
“แย่แล้ว”
เอเลนนึกพลางมองพื้นดินที่เลื่อนเข้ามาใกล้ด้วยความตระหนก เขาพยายามคิดหาทางรอดแต่ก็นึกออกได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือ แปลงร่างเป็นไททัน ปัญหาก็คือ จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น เพราะการกลายร่างแบบปุบปับ อาจทำให้หน่วยพิเศษของรีไวเข้าใจผิดและลงมือสังหารเขาได้
นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมากังวลเรื่องนั้น เสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวของเอเลน เด็กหนุ่มมือเลื่อนไปที่ปากและคงจะกัดมันไปแล้ว หากอ้อมแขนของใครบางคนไม่โอบรอบร่างของเขาเอาไว้เสียก่อน
“อย่าเชียวนะ” เสียงของรีไวดังข้างหู ตามด้วยเสียงของเครื่องยิงที่ปล่อยสลิงออกไปปักกับต้นไม้ที่อยู่ใกล้กันดึงร่างของทั้งคู่เหวี่ยงไปตามความยาวของสายจนกระทั่งถึงเบื้องล่าง พอเท้าสัมผัสพื้น หัวหน้าหน่วยพิเศษก็ปล่อยมือจากเด็กหนุ่มและถามเสียงห้วน
“มัวทำบ้าอะไรอยู่”
น้ำเสียงไม่ได้เกรี้ยวกราดอะไรนัก แต่สีหน้าจริงจังทำให้หัวใจของเอเลนแทบจะร่วงลงไปที่ตาตุ่ม เขาทำพลาดอีกแล้วสินะ เด็กหนุ่มคิดพร้อมกับก้มหน้าลง กระนั้นก็ยังคงตอบด้วยเสียงที่แหบแห้ง
“อุปกรณ์ผมมีปัญหานิดหน่อยครับ”
ดวงตาสีเทาจ้องเขม็งไปที่เด็กหนุ่มก่อนจะเลื่อนลงไปยังเครื่องยิงที่ยังถืออยู่ในมือ
“เมื่อเช้าแกไม่ได้ตรวจสอบมันก่อนออกมาเหรอ”
เอเลนเม้มปากน้อยๆ เพราะคนที่ตรวจเครื่องสามมิติคือเพตร้า และเขาแน่ใจว่าเธอจะต้องดูแลอุปกรณ์ทุกชิ้นอย่างรอบคอบ ที่มันเกิดขัดข้องขึ้นมาอาจจะเป็นเพราะความใจร้อนของเขาที่มุ่งแต่จะตามคนอื่นให้ทัน จึงกดไกยิงเต็มแรงแบบไม่ยั้ง แต่ก็นั่นแหละ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ความผิดมันก็ต้องตกอยู่ที่คนตรวจอยู่ดี
“ผมตรวจแล้วครับ แต่คงจะรีบไปหน่อยก็เลย”
“ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัว” รีไวตัดบทด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความหงุดหงิดอย่างเต็มที่พลางผลัก
เอเลนค่อนข้างแรงจนหลังกระแทกกับต้นไม้และใช้มือข้างหนึ่งกดไหล่เอาไว้ “ห้ามแกทำอะไรสะเพร่าแบบนี้อีกอย่างเด็ดขาด เข้าใจไหม”
“ค...ครับ” เอเลนรับคำเสียงสั่น หัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อรีไวยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“เพื่อความไม่ประมาท นับจากนี้ก่อนการฝึก แกจะต้องเอาอุปกรณ์ทุกชิ้นไปให้ฉันตรวจอีกครั้ง”
“ครับ” เด็กหนุ่มรับคำเสียงแผ่ว คิ้วของรีไวขมวดเข้าหากัน
“ฉันไม่ได้ยิน”
“ครับผม ก่อนการฝึก ผมจะนำอุปกรณ์ไปให้หัวหน้าที่ห้องเพื่อทำการตรวจทุกครั้งครับ”
รีไวผงกศีรษะอย่างพอใจ “ดี” เขาพูดพลางขยับถอยออกห่าง “ถอดเครื่องเคลื่อนย้ายสามมิติของแกออกมาเดี๋ยวนี้เอเลน”
“ค...คุณจะทำอะไรหรือครับ” เด็กหนุ่มเผลอหลุดปากถาม และยืนตัวแข็งเมื่อโดนอีกฝ่ายจ้องด้วยดวงตาลุกวาว
“เอามาทุบหัวโง่ๆของแกมั้ง” รีไวพูดเสียงขุ่น “อย่ามัวแต่พูดมาก รีบถอดมันออกมา”
เขาเว้นระยะเล็กน้อยก่อนพูดด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม
“เร็ว!”
“ค...ครับ” เด็กหนุ่มรับคำอย่างลนลานและก้มลงปลดอุปกรณ์ของตัวเองเป็นพัลวัน อารามรีบร้อนประกอบกับมือที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ พอจับสลักยึดมันก็ลื่นจนไม่สามารถแกะออกมาได้ หลังจากพยายามอยู่ครู่ใหญ่ รีไวซึ่งยืนกอดอกรอจึงโพล่งออกมาอย่างหงุดหงิด
“ไม่ต้องแล้ว” เขาเดินเข้าไปหาด้วยสีหน้าที่ดูเหมือนอยากจะสับอีกฝ่ายให้เป็นชิ้น เอเลนรีบถอยหนีพร้อมกับถามอย่างหวาดกลัว
“จ...จะทำอะไรหรือครับหัวหน้ารีไว”
“ฉันจะซ่อมอุปกรณ์ให้แก” พูดพลางมองหน้าที่ซีดเผือดของเด็กหนุ่มและขมวดคิ้ว “เลิกทำหน้าแบบนั้นสักที เห็นแล้วหงุดหงิดเป็นบ้า”
เอเลนพยายามกลืนน้ำลายที่แข็งเหมือนหินลงคออย่างยากลำบากก่อนหลุดปากถาม
“หน้ายังไงหรือครับ” เขาหยุดไว้แค่นั้นเมื่อนึกได้ว่า มันเป็นคำพูดที่ไม่เข้าท่าเลยสักนิด ซึ่งก็เป็นความจริงเพราะรีไวคว้าหมับเข้าที่คอเสื้อและยื่นหน้าเข้ามาจนเกือบชิด
“ก็ไอ้หน้าที่เหมือน กลัวว่าฉันจะเข้ามาปล้ำแกไง เห็นแล้วมันน่าขยะแขยง”
“ผ...ผมไม่ได้”
“เลิกพล่ามได้แล้ว” รีไวตัดบทก่อนคลายมือออกและคุกเข่าลง จากนั้นก็ไล่ตรวจเครื่องเคลื่อนย้ายสามมิติของเอเลนไล่ไปทีละชิ้น เด็กหนุ่มมองการกระทำของคนเป็นหัวหน้าด้วยหัวใจที่เต้นตุ้มต่อมจนแทบไม่เป็นจังหวะพลางภาวนาขออย่าให้เอลโด้ กุนเทอร์ เพตร้าหรือออรูโอ้ ย้อนกลับมาในตอนนี้ ไม่อย่างนั้นมีหวังได้เกิดเรื่องใหญ่
แน่ล่ะ ขืนพวกเขามาเห็นหัวหน้าหน่วยพิเศษคนสำคัญกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าทหารฝึกหัด เด็กหนุ่มคงไม่แคล้วโดนสับเป็นชิ้นโยนลงหม้อซุป
“ขอดูไกยิงหน่อย” เสียงสั่งสั้นๆดึงความคิดทั้งหมดกลับคืนมา เด็กหนุ่มจึงยื่นส่งให้ รีไวรับมันไปพิจารณาอย่างละเอียด
“ก็ปรกติดี” พูดพร้อมกับส่งคืนให้และยื่นหน้าเข้าไปตรวจเครื่องยิงจนแทบจะชิด “อืม ที่ใช้สลิงไม่ได้เพราะมีเศษไม้เข้าไปขวางช่องอยู่นี่เอง”
เขาค่อยๆสอดนิ้วล้วงเข้าไปในช่องเพื่อดึงสิ่งที่พูดถึงออกมา ใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังก้มๆเงยๆอยู่แถวสะโพกกับมือที่ขยับเคลื่อนไหวไปมาตรงช่วงเอว สร้างความรู้สึกบางอย่างที่บอกไม่ถูกว่าคืออะไร แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ใจก็คือ มันทำให้เอเลนร้อนวูบวาบไปทั้งตัว
“เรียบร้อยแล้ว” รีไวพูดพร้อมกับลุกขึ้นและขมวดคิ้วเมื่อเห็นใบหน้าแดงก่ำของเอเลน “เป็นอะไร”
“ป...เปล่าครับ” เด็กหนุ่มตอบและรีบก้มหน้าลงหลบ อีกฝ่ายจ้องนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดสั้นๆ
“ทดสอบดูสิว่าใช้ได้หรือยัง”
เอเลนเม้มปากแน่นพลางปัดความคิดประหลาดที่กำลังวิ่งวุ่นออกจากหัว พอสงบสติอารมณ์ลงไปได้ เด็กหนุ่มจึงหันไปทางต้นไม้ใหญ่และขยับนิ้วกดไป หัวฉมวกพร้อมสายสลิงพุ่งออกไปปักบนเนื้อไม้อย่างแม่นยำ
“ใช้ได้แล้ว” เขาพูดพร้อมกับเปิดรอยยิ้มกว้าง แต่ต้องรีบหุบลงแทบจะทันทีเมื่อหันไปเห็นสายตาดุของรีไว
“งั้นจะมัวยืดยาดอยู่ทำไม รีบตามพวกนั้นไปเร็ว”
หัวหน้าร่างเตี้ยพูดด้วยน้ำเสียงห้วนคล้ายไม่พอใจ เอเลนจึงกดปุ่มบังคับให้สลิงดึงตัวเขากลับขึ้นไปบนต้นไม้ และเริ่มออกเดินทางต่อเพื่อตามทุกคนให้ทัน ไม่ช้า ทั้งเขาและรีไวก็พ้นจากป่าทึบ เบื้องล่างตรงหน้าเป็นลานดินที่มีหญ้าต้นเล็กๆขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น ทอดยาวไปจนสุดสายตามองดูราวกับพรมสีเขียวที่ปูทางไว้รอพวกเขาไปจนถึงเทือกเขาหินที่เห็นอยู่ไกลๆ
“หัวหน้ารีไว” กุนเทอร์ซึ่งยืนรออยู่เอ่ยทักพร้อมกับจูงม้าของรีไวมาด้วย เขามองผมของเอเลนที่อยู่ในสภาพยุ่งเหยิงอย่างนึกเอะใจ “เกิดอะไรขึ้นหรือครับ”
“ไม่มีอะไร” รีไวตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบพร้อมกับยื่นมือไปรับบังเหียนม้าจากผู้ใต้บังคับบัญชาและเหวี่ยงตัวขึ้นไปนั่งบนหลังอาชาคู่ใจด้วยท่าทางที่คล่องแคล่ว จากนั้นก็หันมาออกคำสั่ง
“อย่ามัวแต่โอ้เอ เราต้องไปให้ถึงภูเขานั่นก่อนค่ำ”
ทั้งหมดแยกย้ายกันไปขึ้นม้าและควบออกไปอย่างพร้อมเพรียงกัน โดยยังคงรูปแบบของแถวเช่นเดิมคือ รีไวเป็นคนนำ ตามด้วยออรูโอ้ เพตร้า ส่วนเอเลนนั้นอยู่ตรงกลาง ส่วนกุนเทอร์และเอลโด้ปิดท้าย พวกเขาขี่ม้าผ่านทุ่งหญ้าไปโดยไม่หยุดพักจนกระทั่งเขาเขตของหุบเขา รีไวจึงลงจากหลังม้าและออกคำสั่ง
“ต่อไปจะเป็นการฝึกการโจมตีในหุบเขา” พูดและจ้องเป๋งไปที่เอเลนโดยเฉพาะ “ทหารฝึกใหม่อย่างแกคงไม่เคยเจอการเคลื่อนทัพแบบนี้”
“ครับ” เอเลนตอบพลางมองภูผาหินที่สลับซับซ้อน “เราต้องเดินทางเข้าไปในนี้หรือครับ”
“ใช่ มีปัญหาอะไรรือเปล่า” รีไวตอบและย้อนถามกลับ เด็กหนุ่มนิ่งอย่างลังเลก่อนตัดสินใจพูดต่อ
“คือ ผมไม่แน่ใจว่าอุปกรณ์ของเราจะเจาะหินพวกนี้ได้”
“ฉันถึงต้องฝึกแกไง” หัวหน้าหน่วยพิเศษสวนคำตอบแทบจะทันที “บางครั้งหน่วยสำรวจต้องเจอกับไททันในภูมิประเทศที่มีแต่ภูเขาหิน ดังนั้นแกจึงต้องสังเกตให้ออกว่า ตรงไหนมีหินแข็งเกินไปจนเครื่องมือเจาะไม่เข้า หรือตรงไหนร่วนจนสลิงยึดไม่อยู่”
เอเลนเงยหน้าขึ้นมองยอดเขาสูงทะมึนตรงหน้าอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก เขานึกแย้งเงียบๆภายในใจว่าต่อให้หนีไททันขึ้นไปบนนั้น พวกมันก็ปีนตามไปได้อยู่ดี
“ข้อดีของภูเขาหินพวกนี้คือ เราโจมตีพวกไททันได้ง่าย” กุนเทอร์พูดเสริมพลางชี้นิ้วไปตามตำแหน่งของหน้าผา “พวกมันต้องใช้มือทั้งสองข้างในการปีนทำให้ไม่มีโอกาสตอบโต้พวกเรา”
“แล้วถ้าเราเกิดร่วงลงมาระหว่างการโจมตีละครับ” เอเลนถามด้วยความกังวล กุนเทอร์ขยับจะตอบแต่ต้องหยุดเมื่อออรูโอ้พ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด
“เฮ้ย เลิกตั้งคำถามเสียทีได้ไหม ไอ้เด็กใหม่ การเคลื่อนที่บนภูเขาน่ะ พวกเราต้อง....”
“ดูนี่ เอเลน” เสียงรีไวโพล่งขัดขึ้นมา พอเอเลนหันไปมองเขาก็ยิงสลิงและเคลื่อนตัวขึ้นไปด้านบนอย่างรวดเร็ว แต่ในระหว่างที่ห้อยอยู่กลางอากาศ เนื้อหินกลับปริแตก หัวฉมวกที่ปักเอาไว้จึงเลื่อนหลุดออกมา แต่หัวหน้าหน่วยร่างเตี้ยกลับไม่มีทีท่าว่าจะตกใจเลยสักนิด ตรงกันข้ามเขากลับยิงสลิงสลับกันไปมาและเหวี่ยงตัวขึ้นไปยืนบนยอดเขาด้วยท่วงท่าที่สง่างาม
“สิ่งที่แกต้องทำก็คือ ช่างสังเกต ควบคุมสติให้ดีและคิดให้ไว”
เขาหยุดพูด กุนเทอร์จึงใช้เครื่องเคลื่อนย้ายสามมิติดึงตัวเองไปบนยอดเขาเป็นคนแรก ตามด้วยเพตร้า และเอลโด้ ส่วนออรูโอ้ซึ่งอยู่รั้งท้ายหันไปทางเอเลนและพูดเสียงห้วน
“แกขึ้นไปก่อน”
“ครับ” เด็กหนุ่มรับคำอย่างว่าง่ายและยิงสลิงออกไปในทันที ช่วงแรกเขาสะดุดแง่หินนิดหน่อยแต่ก็ได้ออรูโอ้ซึ่งตามมาติดคอยช่วย จึงสามารถดึงตัวให้เลื่อนขึ้นไปสมทบกับทุกคนบนยอดเขาได้ภายในเวลาไม่นานนัก การเรียนรู้อย่างรวดเร็วของเขาสร้างความพึงพอใจต่อรีไวพอควร เพราะเขามองเอเลนด้วยหางตา ก่อนจะเลื่อนไปที่ลูกน้องทั้งสี่และออกคำสั่งเสียงเรียบ
“พวกนายนำหน้ากันไปก่อน”
“แล้วเอเลนละคะ” เพตร้าถามพลางหันไปทางเด็กหนุ่ม เพราะเป็นห่วงว่าความเป็นเด็กใหม่อาจทำให้เขาพลาดตกลงจากเขา แต่รีไวกลับตัดบท
“ฉันจะดูแลเขาเอง”
เพียงเท่านั้น เพตร้าก็หันกลับไปรวมกับเพื่อนและเริ่มต้นใช้เครื่องเคลื่อนย้ายสามมิติลัดเลาะไปในระหว่างช่องเขา โดยแต่ละคนจะทิ้งระยะห่างกันประมาณสามช่วงตัว ฝ่ายรีไว พอเห็นลูกน้องทุกคนอยู่ห่างกันพอสมควรแล้วจึงหันไปทางเอเลน
“ไปได้แล้ว”
“ครับ” เด็กหนุ่มรับคำและยิงสลิงออกไปทันที เพราะความที่ยังไม่คุ้นกับหลักยึดชนิดนี้ ทำให้เขาต้องเหวี่ยงตัวไปตามโขดหินอย่างระมัดระวัง ตาก็คอยสังเกตอยู่ตลอดเวลาว่า หินที่อยู่ด้านหน้าส่วนไหนเหมาะที่จะใช้เป็นตัวยึด และส่วนไหนเปราะบางแตกหักง่าย ผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง เขาก็เริ่มคุ้นเคยมากขึ้น จากการเคลื่อนอย่างเชื่องช้า เป็นการเหวี่ยงตัวไปมาอย่างรวดเร็ว จนรีไวเองยังต้องแปลกใจ
เป็นเด็กที่มีความมุ่งมั่น ซ้ำยังมีความกระตือรือร้นสูงอย่างน่าตกใจ เขาคิดด้วยความเป็นห่วง เพราะจากประสบการณ์ที่เห็นตอนอยู่ในห้องสอบสวน แม้เอเลนจะเป็นคนดี มีเป้าหมายชัดเจนอันแรงกล้า แต่พอโกรธกลับกลายเป็นคนขาดสติเอาง่ายๆ นี่เองกระมังที่ทำให้เขาเผลอทำร้ายเพื่อนสนิทตอนกลายร่างเป็นไททัน และถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นซ้ำอีกครั้งระหว่างที่อยู่กับหน่วยพิเศษล่ะ เขาจะทำอย่างไร
รีไวตั้งคำถามกับตัวเองและถอนใจออกมาเบาๆ แน่นอนว่าเขาย่อมเลือกหนทางปลอดภัยที่สุดสำหรับทุกคน นั่นก็คือสังหารเอเลน แต่พอคิดอีกแง่ กลับดูไม่เป็นธรรมต่อเด็กหนุ่มเท่าใดนัก เพราะเอเลนเองก็พยายามที่จะควบคุมตัวเองและตั้งใจฝึกฝนเพื่อที่จะได้ออกไปต่อสู้กับไททัน หากเลือกได้ เขาคงจะหาทางเลี่ยงในเรื่องการกำจัด ด้วยเหตุผลง่ายๆคือ เวลานี้ เอเลนเป็นหนึ่งในสมาชิกของหน่วยพิเศษ
เมื่อเป็นลูกน้องของเขาแล้ว ก็ต้องให้ความคุ้มครองและดูแลอย่างดีที่สุด รีไวคิดพลางเร่งความเร็วของตัวเองจนทันกับเอเลน พอเข้าใกล้จนอยู่ในระยะได้ยิน เขาก็ออกคำสั่ง
“เราจะหยุดพักตรงจุดนัดพบที่อยู่ข้างหน้า”
“ตรงไหนเหรอครับ” เอเลนตะโกนถาม มีเสียงดัง ฮึ ดังมาจากรีไวก่อนที่เขาจะตอบ
“เห็นพวกนั้นยืนรวมตัวกันตรงไหน ก็ตรงนั้นแหละ”
เอเลนพยักหน้ารับอย่างเข้าใจพลางเหวี่ยงตัวขึ้นไปยืนบนหินก้อนหนึ่ง แต่ยังไม่ทันคิดว่าจะไปทางไหนต่อ พื้นใต้เท้าซึ่งเป็นทรายร่วนก็เกิดอาการสั่นอย่างรุนแรงและยุบตัวลงอย่างรวดเร็ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เด็กหนุ่มตัดสินใจยิงสลิงไปยังหน้าผาด้านตรงกันข้ามและเหวี่ยงตัวหนี ช่วงที่กำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศเขาก็ต้องใจหายวาบเมื่อหินที่ใช้เป็นตัวยึด เลื่อนหลุดออกจากหน้าผาทั้งก้อน หมุนกลิ้งไปตามเนินลงไปยังเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว แม้จะอยู่ในอาการตระหนก เอเลนก็พยายามควบคุมสติและกดไกเพื่อถอนหัวฉมวกออกจากก้อนหินแต่มันกลับติดแน่นไม่ยอมขยับ ร่างของเด็กหนุ่มจึงถูกลากให้ลอยละลิ่วตามลงไปด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันทำให้รีไวเบิกตากว้าง
“เอเลน !“
เขาร้องเรียกด้วยความเป็นห่วงก่อนจะรีบพุ่งตัวตาม
*/*/*/*/*
ความคิดเห็น