คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 3
เสียงแกรกๆคล้ายของแหลมเคาะบนกระจกทำให้รีไวลืมตาขึ้น เขาชำเลืองมองนาฬิกาปลุกที่วางไว้ข้างเตียงและถอนใจออกมาเบาๆก่อนลุกนั่ง พอเห็นตัวเองยังอยู่ในชุดของเมื่อวานชายหนุ่มจึงขมวดคิ้วนึกทบทวน เมื่อวานหลังออกจากร้านของเจ้าหนูผมสีน้ำตาลที่ชื่อเอเลนแล้วเขาก็ตรงดิ่งกลับที่พัก และนั่งจมอยู่กับคดีที่กำลังทำจนหลับคากองเอกสาร ชายหนุ่มเหลือบตามองภาพถ่ายของเหยื่อรายล่าสุด เนื่องจากเป็นการพบหลังการเสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมง สภาพศพจึงยังคง สด กว่ารายที่ผ่านมา ทำให้เขาคิดว่าเช้านี้จะแวะไปที่ห้องชันสูตรก่อนเข้าที่ทำงาน คิดพลางเก็บเอกสารที่กระจายเกลื่อนที่นอนลงแฟ้มก่อนใส่ไว้ในกระเป๋าถือ จากนั้นก็ลุกขึ้นไปล้างหน้าตา อาบน้ำ แต่งตัว
ตอนกำลังสวมเสื้อผ้า รีไวก็ได้ยินเสียงแกรกที่หน้าต่างอีกครั้ง พอหันไปมองจึงเห็นนกพิราบสามตัวกำลังใช้จะงอยปากเคาะกระจก ชายหนุ่มอมยิ้มน้อยๆอย่างเอ็นดู พอกลัดกระดุมเสื้อเสร็จเขาก็คว้ากล่องขนมปังกรอบเดินไปเปิดหน้าต่างและโปรยให้พวกมัน
“โทษทีที่หายไปนาน” เขาพูดเบาๆขณะมองนกจิกอาหารอย่างเอร็ดอร่อยจากนั้นก็ทอดสายตามองออกไปด้านนอก ผ่านไปตามช่องว่างระหว่างตึกและหยุดไว้ที่อาคารอันเป็นตำแหน่งที่ตั้งร้านของมิคาสะ พลางนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ความจริงแล้วหลังเสร็จจากการตรวจที่เกิดเหตุ เขาตั้งใจตรงกลับบ้านแต่ขากลับพาไปที่ร้านกาแฟฝุ่นเขรอะของมิคาสะเอาดื้อๆ
“เสร็จคดีเมื่อไหร่จะสอนให้เจ้าพวกนั้นรู้จักวิธีการทำความสะอาดที่ถูกต้อง” เขาพูดอย่างหงุดหงิดและหยุดนิ่งไปเล็กน้อย “แต่กาแฟที่เจ้าหนูนั่นชงอร่อยจริงๆ”
เขาเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว พอนึกขึ้นได้ก็รีบปรับสีหน้าให้เป็นปรกติและแต่งตัวจนเสร็จ สำรวจข้าวของทุกอย่างรวมถึงปืนพกทั้งสองกระบอกแล้ว ชายหนุ่มจึงออกจากที่พักตรงไปยังสำนักงานนิติเวชเพื่อตรวจสอบร่างของผู้เสียชีวิตตามแผนที่วางไว้
ภายในร้านของมิคาสะ กลุ่มของเอลวินยึดมุมด้านหนึ่งของร้านนั่งพูดคุยกันอย่างเงียบๆแต่เต็มไปด้วยความจริงจังสร้างบรรยากาศมืดทะมึนจนลูกค้าหลายคนอดเสียวสันหลังวาบไม่ได้ บางรายถึงกับเปลี่ยนใจจากการนั่งจิบกาแฟสบายๆภายในร้านเป็นซื้อกลับบ้าน บางคนแค่เปิดประตูเข้ามา พอเห็นชายในชุดดำนั่งกันเป็นกลุ่มก็หันหลังกลับออกไปดื้อๆ
“พวกคุณจะนั่งกันอีกนานไหม” พอเห็นลูกค้าเผ่นกันหมด มิคาสะจึงเดินมาถามหน้าตาย เอลวินส่งยิ้มอย่างอ่อนหวาน
“ก็จนกว่าจะประชุมกันเสร็จครับ”
“ก็แล้วอีกนานแค่ไหนกันล่ะ” หญิงสาวข่มใจถาม คราวนี้เอลวินไม่พูดอะไรแจนจึงยื่นหน้าไปตอบแทน
“จนกว่าพวกเราจะมากันครบทีมครับ” พูดพลางชะเง้อไปที่ตู้ขนม “วันนี้คุณมิคาสะทำบานอฟฟี่อร่อยมาก ผมขออีกชิ้นนะครับ”
มิคาสะนิ่วหน้าอย่างไม่สบอารมณ์แต่ก็เดินไปหยิบขนมตามที่แจนต้องการ มาร์โคจึงถือโอกาสสั่งสคอร์นเพิ่มอีกสองชิ้น เสร็จแล้วทั้งสามก็หันกลับไปพูดคุยกันต่อโดยไม่สนใจคนรอบตัวอีกเลยแม้กระทั่งตอนที่เอเลนนำขนมไปให้ ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าจะวางตรงไหนเพราะเอกสารกระจายเต็มโต๊ะ เอลวินจึงเลื่อนบางชิ้นออกพอให้มีที่ว่างทำให้ภาพถ่ายใบหนึ่งโผล่ออกมา เด็กหนุ่มจึงมองด้วยความสนใจ
“คดีที่คุณเอลวินทำหรือครับ” เขาถามด้วยความอยากรู้พลางหวนนึกถึงตอนที่รีไวแกล้งให้ดูภาพผู้เคราะห์ร้าย ซึ่งเป็นคนเดียวกับภาพถ่ายตรงหน้า แสดงว่าคดีที่พวกเอลวินทำในตอนนี้เป็นคดีสำคัญ แต่ทำไมถึงมานั่งคุยกันในร้านกาแฟเล็กๆแทนที่จะเป็นในสำนักงานของเอฟบีไอ
“ใช่” เอลวินตอบสั้นๆพลางเลื่อนแฟ้มมาปิดเหมือนไม่ต้องการให้เอเลนตกใจกลัว และเพื่อเป็นการเลี่ยงเขาจึงแกล้งสั่ง “ขอกาแฟอีกแก้วสิเอเลน”
“ได้ครับ” เด็กหนุ่มรับคำก่อนเดินไปหยิบเหยือกกาแฟ พอรินให้ครบทุกคนแล้วแทนที่จะไปบริการโต๊ะอื่นเขากลับยืนดูพวกเอลวินต่อด้วยความอยากรู้กระทั่งเก้าอี้ด้านข้างถูกเลื่อนออกพร้อมใครบางคนเข้ามานั่ง ยังไม่ทันหันไปมองเขาต้องสะดุ้ง
“ขอกาแฟถ้วยสิ ไอ้หนู”
เสียงห้วนแบบมะนาวไม่มีน้ำกับวิธีเรียกที่ไม่น่าฟังทำให้เอเลนรู้ทันทีว่าคนมาใหม่เป็นใคร คิ้วของเด็กหนุ่มขมวดเข้าหากันและหันหน้าไปทางคนสั่งทันที
“ผมชื่อเอเลนครับ”
“กาแฟ” รีไวพูดเสียงเข้ม “ไอ้หนู” สองคำสุดเน้นย้ำเหมือนเจตนายั่ว ทำให้เด็กหนุ่มตัวสั่นด้วยความโกรธเขาพยายามนับหนึ่งถึงสิบวนกลับไปกลับมาหลายครั้งเพื่อระงับตัวเองไม่ให้เผลอเทกาแฟลงหัวผู้ชายปากเสียตัวกะเปี๊ยกตรงหน้า
“รอสักครู่ครับ”
เป็นการพูดอย่างสุภาพแต่เต็มไปด้วยความประชดประชันแต่อีกฝ่ายไม่สนใจเลยสักนิดเพราะมัวแต่มองผู้ร่วมทีมที่นั่งอยู่ก่อนหน้าแล้ว
“ห้องประชุมที่หน่วยก็มีทำไมไม่ใช้” ประโยคแรกหลุดจากปาก เอลวินเหลือบตามองรอบตัวก่อนตอบพอให้อีกฝ่ายได้ยิน
“มันไม่ปลอดภัย”
ถึงจะเป็นคำตอบสั้นๆ แต่รีไวก็เข้าใจได้ในทันทีว่าภายในหน่วยงานของพวกเขามีหนอนบ่อนไส้ อาจทำให้ข้อมูลของคดีที่กำลังทำรั่วไหลไปถึงหูฆาตกร
“แล้วที่นี่ปลอดภัยเหรอ”
เอลวินตาเหลือบมองด้วยสายตาที่รีไวไม่ชอบเลยสักนิด เพราะมันแสดงความหมายว่าเขากำลังรู้ทันความคิดบางอย่าง ยิ่งมีรอยยิ้มแต้มบนมุมปากด้วยแล้ว ชายหนุ่มยิ่งไม่ชอบใจจนอยากจะลุกออกไปดื้อๆ
“ก็ปลอดภัยพอที่ใครบางคนจะเข้ามานั่งดื่มกาแฟตอนดึกได้อย่างสบายใจ”
หมอนี่รู้ รีไวคิดอย่างตระหนก ใบหน้าเฉยชาบูดบึ้งจนแทบจะงอง้ำซึ่งตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความโกรธหรืออาย ระหว่างที่จิตใจกำลังว้าวุ่นอยู่นั้นเขาก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียง แกรก ดังข้างตัว พอชายหนุ่มเหลือบตามองถึงรู้ว่ามันเป็นเสียงของถ้วยกาแฟที่เอเลนนำมาวาง
“ได้แล้วครับ” เด็กหนุ่มพูดด้วยกิริยาสุภาพตามมารยาทของพนักงานที่ดี รีไวผงกศีรษะอย่างเคร่งขรึมก่อนเลื่อนมือไปหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาดื่มแต่พอเห็นสายตาของเอลวินเขาก็สำลักพรวดออกมา ความที่ไม่อยากให้คนอื่นผิดสังเกต ชายหนุ่มจึงแกล้งพูดเสียงดัง
“โฮ่ย ไอ้หนู”
เอเลนชะงักเหยือกที่กำลังรินกาแฟให้ลูกค้าอีกคนและนิ่วหน้าเมื่อเห็นรีไวชูถ้วยในมือ
“กาแฟไม่ร้อนเลย”
“ว่าไงนะครับ ก็ผมเพิ่ง...”
“ฉันบอกว่ามันไม่ร้อน” เอฟบีไอหนุ่มสวนคำอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมกับกระแทกถ้วยลงบนโต๊ะ ลูกค้าทั้งร้านพากันเงียบกริบ ส่วนเอเลนหน้าบึ้งด้วยความไม่พอใจ
“คุณตั้งใจหาเรื่องผมใช่ไหมครับ” เขาถาม อีกฝ่ายแหงนหน้าขึ้นมองด้วยสายตาที่กวนประสาทอย่างที่สุด
“ใช่”
ตอบสั้นๆและมองเด็กหนุ่มนิ่งอยู่อย่างนั้น ถ้าไม่เกรงใจเอลวิน แจนกับมาร์โค เอเลนคงเอาเหยือกในมือทุบหัวเจ้าคนตัวเตี้ยให้ย่นลงไปกว่าเดิม
“งั้นรอสักครู่ ผมจะไปชงมาให้ใหม่”
เขาพูดก่อนฉวยถ้วยกาแฟเดินกลับไปที่เคาท์เตอร์ มาร์โคซึ่งนั่งดูเงียบๆจึงเอ่ยปากถาม
“นายตั้งใจแกล้งเขาใช่ไหม”
“เปล่า” รีไวตอบสั้นๆก่อนหันไปให้ความสนใจกับงานตรงหน้า หลังจากพูดคุยปรึกษากันไปได้สักพัก จู่ๆเอลวินก็พูดขึ้น
“จะไม่ถามหน่อยหรือ”
“เรื่องอะไร” รีไวตอบเสียงเรียบ ดวงตาไล่อ่านข้อมูลที่มาร์โคค้นมา หัวหน้าทีมมองเขานิ่งก่อนพูดต่อ
“เพทตร้ากับซาช่า นายไม่ถามฉันสักคำว่าพวกเธอหายไปไหน”
“ไม่เห็นต้องถามเลยนี่ ของมันรู้กันอยู่ว่านายส่งสองคนนั่นไปสืบคดี” รีไวพูดอย่างไม่ใส่ใจ แต่แล้วกลับชะงักและเหลือบตาขึ้นมอง “ว่าแต่นายไม่คิดจะถามหรือว่าทำไมฉันถึงมาช้า”
“จะต้องถามไปทำไมในเมื่อรู้อยู่แล้วว่านายแวะไปที่หน่วยนิติเวชก่อน” เอลวินพูด “เจออะไรน่าสนใจบ้างไหม”
“นิดหน่อย แต่ก็ไม่พอที่จะสาวไปถึงตัวฆาตกร” รีไวตอบ “แต่เมื่อคืนฉันลองตรวจประวัติเหยื่อรายล่าสุดดูอีกครั้ง กลับพบว่าเขาไม่ได้เป็นเด็กกำพร้า และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานรับเลี้ยงเด็กเลยสักนิด ทำไมเจ้าฆาตกรถึงเลือกเขา”
“อาจจะเป็นเพราะสิ่งนี้” เอลวินพูดพลางส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้ รีไวไล่สายตาอ่านอย่างเร็ว
“ใบรับเงิน”
“ใช่” เอลวินพูด “ถึงไม่มีความเกี่ยวข้องโดยตรง แต่มีหลักฐานว่าเหยื่อคนสุดท้ายพัวพันกับการบริจาคเงินให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และเป็นคนจัดการเรื่องเช็คสำหรับพ่อแม่อุปถัมภ์ซึ่งฉันแน่ใจว่าต้องมีอะไรตุกติก”
“นายกำลังหมายถึงการยักยอกเงิน” รีไวพูดพลางไล่สายตาอ่านข้อความไปเรื่อยๆจนสะดุดกับชื่อที่พิมพ์เป็นตัวอักษรสีเข้ม “สถานเลี้ยงเด็กของเหยื่อรายก่อนๆ”
“แสดงให้เห็นว่าฆาตกรไม่ได้ลงมือสะเปะสะปะ” เอลวินพูด “เขายังคงมีเป้าหมายเดิม คือกำจัดทุกคนที่เกี่ยวข้องกับสถานรับเลี้ยงเด็กแห่งนี้ คำถามต่อไปก็คือ ทำไม”
“คงต้องไปถามโดยตรง” รีไวพูดพลางส่งเอกสารแผ่นนั้นคืนให้เอลวิน เขาผงกศีรษะ
“ฉันเองก็คิดเอาไว้เหมือนกัน แต่เราต้องวางแผนให้รัดกุม เพราะถ้าสถานรับเลี้ยงเด็กแห่งนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการยักยอกหรือพวกมิจฉาชีพจริง คงไม่มีวันคายอะไรออกมาง่ายๆ”
รีไวพยักหน้าเห็นด้วยพลางเลื่อนมือไปข้างตัวเพื่อหยิบถ้วยกาแฟแต่ต้องหยุดเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาสั่งให้เอเลนชงมาให้ใหม่ ชายหนุ่มมุ่นคิ้วเข้าหากันอย่างนึกขัดใจ เพราะตั้งแต่สั่งจนถึงตอนนี้ก็กินเวลาเกือบยี่สิบนาที กาแฟแก้วใหม่ควรมาถึงตั้งนานแล้ว
“โฮ่ย...” ร้องได้แค่นั้นเอเลนก็ก้าวเข้ามาหาพร้อมถ้วยที่มีควันกรุ่น
“กาแฟร้อนได้แล้วครับ” เขาเน้นคำว่าร้อนอย่างจงใจและวางกาแฟถ้วยนั้นไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็ถอยออกมาหนึ่งก้าวโดยยังคงจ้องเอฟบีไอหนุ่มเขม็งพลางวางแผนในใจว่าถ้าเจ้าเตี้ยนั่นเป่าเมื่อไหร่ เขาจะโวยให้ลั่น ชนิดให้ได้อายกันเลยทีเดียว
หัวใจของเอเลนเต้นระรัวเมื่อเห็นรีไววางมือรอบปากถ้วยและยกขึ้นดื่มโดยไม่เป่าเลยสักนิด ตอนแรกเด็กหนุ่มคิดว่าหมอนี่คงแกล้งทำ แต่พอดูสีหน้าของเขาแล้วแผนการที่อุตส่าห์วางไว้อย่างดีก็พังทลาย เพราะมันไม่แสดงอารมณ์หรือความรู้สึกใดออกมาเลย
“คนหรือเปล่าเนี่ย”
เด็กหนุ่มคิดในใจและสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นอีกฝ่ายเหลือบตามอง
“มีอะไร” รีไวถามเสียงห้วน เล่นเอาคนฟังใจฝ่อ แข้งขาเกิดอาการสั่นพาลจะล้มพับเอาง่ายๆ
“อ...เอ่อ ผมแค่อยากถามว่าจะเอาอะไรเพิ่มอีกไหม”
“ไม่” ตอบสั้นๆและดื่มกาแฟเข้าไปอีกอึก จากนั้นก็หันไปพูดกับสมาชิกในทีมต่อโดยไม่สนใจเอเลนที่ยืนเก้ๆกังๆทำอะไรไม่ถูก โชคดีที่มีลูกค้าอีกสองคนเข้ามาในร้านตามด้วยหนุ่มน้อยผมทองหน้าใสที่มีห่อกุหลาบสีแดงในมือ กลิ่นหอมที่ฟุ้งกำจรจายเข้ามาในร้านทำให้เอลวินกับแจนเหลือบตามอง พอเห็นว่าเป็นใครทั้งคู่ก็กลับไปสนใจงานต่อ ในชณะที่เอเลนเอ่ยทัก
“ไงอาร์มิน ทำไมวันนี้มาช้าจัง”
“โทษที มัวแต่หาดอกไฮยาซินตามที่ลูกค้าสั่งอยู่น่ะ”
หนุ่มน้อยหน้าใสตอบพลางส่งดอกไม้ทั้งห่อให้เอเลนและหันไปส่งยิ้มให้มิคาสะที่กำลังผสมเครื่องดื่มให้ลูกค้า “อรุณสวัสดิ์ครับคุณมิคาสะ”
“นี่มัน 11 โมงแล้วอาร์มิน” น้ำเสียงตำหนิอยู่ในทีว่าอีกฝ่ายส่งดอกไม้สาย อาร์มินยิ้มแห้งและพึมพำพอให้อีกฝ่ายได้ยินว่า “ขอโทษครับ” ก่อนหันไปทักทายกลุ่มเอฟบีไอ “สวัสดีครับคุณเอลวิน คุณแจน คุณมาร์โค เอ้อ....”
เขาหยุดคำพูดเมื่อเห็นรีไว คนเป็นหัวหน้าจึงยิ้ม
“เจ้าหน้าที่พิเศษรีไวน่ะ เขามาทำคดีกับพวกเรา”
“สวัสดีครับคุณรีไว” อาร์มินพูดอย่างสุภาพ อีกฝ่ายมองเขาด้วยหางตาก่อนตอบเสียงกระด้าง
“สวัสดี” พูดจบก็ก้มหน้าก้มตาอ่านรายงานต่อโดยไม่สนใจคนทักว่าจะทำหน้ายังไง เอลวินจึงแกล้งถามเพื่อไม่ให้หนุ่มน้อยเก้อ
“มาส่งดอกไม้หรืออาร์มิน”
“ครับ” หนุ่มผมทองตอบพลางมองกองเอกสารบนโต๊ะ “ทำงานกันอยู่หรือครับ”
“ใช่” เอลวินพูดพร้อมกับกวักมือเรียกให้อาร์มินเข้าไปหา “ดูข่าวเช้าหรือยัง” เขาถาม หนุ่มน้อยพยักหน้า
“ที่ว่าพบศพริมแม่น้ำใช่ไหมครับ ผมเห็นแล้วยังอดนึกไม่ได้ว่าน่าจะเกี่ยวกับคดีที่คุณเอลวินทำ เพราะคนตายมีบาดแผลคล้ายกับเหยื่อรายก่อนๆ”
รีไวหันมามองหน้าเขาทันที
“รู้ได้ยังไง”
“ผมได้ยินพวกตำรวจคุยกันครับ ว่าเปลือกตาของเหยื่อถูกเชือดทิ้ง แถมผิวหนังบางส่วนยังถูกลอกออกไปด้วย”
“อยากเห็นของจริงไหม” เอลวินกระซิบถาม อาร์มินทำสีหน้าลังเลเล็กน้อยก่อนผงกศีรษะอย่างไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก
“ครับ”
หัวหน้าทีมจึงหยิบภาพผู้เคราะห์ร้ายสองคนมาวางให้หนุ่มน้อยดู ตอนแรกเขาทำหน้าตกใจและทำท่าจะถอยหนีแต่กลับหยุดเหมือนเห็นอะไรบางอย่างที่ผิดสังเกต
“มีอะไรหรือ” เอลวินถาม อาร์มินคว้ารูปทั้งสองใบขึ้นมาดูจนเกือบชิดกับหน้า
“ถึงจะดูคล้ายกัน แต่สภาพของศพต่างกันนิดหน่อยครับ”
“ยังไง”
เอลวินถาม อาร์มินจึงวางภาพถ่ายทั้งสองใบลงบนโต๊ะพร้อมกับชี้มือไปบนร่องรอยบาดแผลบนร่างกายของเหยื่อ
“ผมไม่มั่นใจว่ามันจะเกี่ยวกับสถานที่และระยะเวลาพบศพหรือเปล่า แต่ถ้าตัดเรื่องผิวหนังที่เปื่อยจากการแช่น้ำแล้ว บาดแผลของเหยื่อทั้งสองรายมีบางจุดที่ไม่เหมือนกัน คนแรกมีร่องรอยของการถูกมัดก็จริง แต่ก็แค่มือกับเท้าเท่านั้น ส่วนคนที่เจอเมื่อวาน” เขาจิ้มไปที่บริเวณลำคอ “มีการรัดคอด้วย”
เอลวินพยักหน้าช้าๆ “แล้วอะไรอีก”
“เนื่องจากเป็นภาพถ่ายเต็มตัว ผมจึงเห็นบาดแผลที่เปลือกตาไม่ชัด แต่การลอกหนังที่อกกับหน้าท้องแตกต่างกัน รายแรกคนร้ายมีความประณีตมากเพราะคมมีดกรีดลงไปแค่ผิวหนัง ไม่โดนกล้ามเนื้อเลยสักนิด แต่รายที่สองกินลึกลงไปจนเห็นได้ชัดแถมวิธีการลอกยังต่างกันนิดหน่อย เห็นได้จากส่วนท้องที่เหยื่อรายแรกถูกปาดเป็นรูปครึ่งวงกลม ส่วนเหยื่อรายที่สองโดนเชือดเป็นรูปสี่เหลี่ยม”
เอลวินเหลือบตามองรีไวที่แม้จะไม่แสดงอารมณ์ทางสีหน้าแต่สายตาของเขาฉายแววทึ่งออกมาน้อยๆ
“เหมือนที่นายคิดหรือเปล่า” หัวหน้าทีมถาม หนุ่มตัวเล็กว่าผงกศีรษะ
“ฆาตกรมีสองคน คนหลังเป็นพวกลอกแบบ”
“บางทีเหยื่อที่พบเมื่อวานอาจเป็นการฆ่าล้างแค้นธรรมดา” เอลวินพูดอย่างเคร่งขรึมพลางเบภาพถ่ายทั้งสองใบกลับเข้าแฟ้ม อาร์มินมองคนทั้งสองสลับกันไปมาอย่างงุนงง
“ผมพูดอะไรผิดหรือเปล่าครับ”
“ไม่หรอก ข้อสันนิษฐานของเธอเป็นประโยชน์กับเรามาก” เอลวินพูดเสียงนุ่มพลางตบไหล่หนุ่มน้อยเบาๆ “รบกวนเวลาของเธอมามากแล้ว กลับไปดูร้านเถอะ”
“ครับ งั้นผมต้องขอตัวก่อน สวัสดีอีกครั้งครับ” อาร์มินพูดและส่งยิ้มน่ารักให้กับทุกคนก่อนเดินตัวปลิวออกจากร้าน รีไวมองตามด้วยความสงสัย
“เจ้าหนูนั่นเป็นใคร”
“เด็กร้านขายดอกไม้ธรรมดาๆคนหนึ่ง แต่ฉลาดไม่เบา”
“ให้มายุ่งกับคดีแบบนี้จะไม่เป็นไรหรือ” รีไวถามด้วยความกังวลแต่เอลวินกลับยักไหล่
“ก็ยังดีกว่าให้พวกเอฟบีไอบางคนมาวุ่นวาย อีกอย่าง” เขามองหน้างอง้ำของคนตัวเตี้ย “ไม่ใช่แค่ฉันคนเดียวหรอกที่ทำแบบนี้” ดวงตาสีฟ้าสดใสหรี่ลงอย่างรู้ทันก่อนพูดเหมือนดักคอ “ ใช่ไหมรีไว”
ความคิดเห็น