คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : บทที่ 12 บุก !
12
บุก !
รีไว กุนเทอร์และออรูโอ้เคลื่อนตัวติดตามร่องรอยที่เอลโด้ทำไว้บนลำต้นของสนป่าไปอย่างเงียบเชียบ แต่รวดเร็ว จนเกือบถึงบริเวณที่มีต้นไม้ขึ้นอย่างหนาแน่น ใบหนาทึบของมันบดบังแสงอาทิตย์ ทำให้แถบนั้นมีแสงสว่างอย่างรำไร นกกาที่เคยพบอย่างดาษดื่นกลับไม่มีให้เห็น ไร้กระทั่งรวงรัง บรรยากาศโดยรอบจึงเงียบสงัด วังเวงจนน่าขนลุก
สิ่งเดียวที่ทำให้รู้ว่ามีมนุษย์อยู่ในที่แห่งนั้นคือกลิ่นเนื้อย่างกับควันไฟ มันลอยไปตามลมกระทบจมูกของรีไว เขารีบยกมือขึ้นส่งสัญญาณบอกลูกน้องทั้งสองให้เพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น เพราะไม่รู้ว่าเจ้าของกองไฟดังกล่าวคือพรานป่า นักเดินทางหรือกลุ่มโจรที่พวกเขากำลังตามล่า แต่พอเห็นเอลโด้ที่กำลังส่งสัญญาณมือเรียก ข้อสงสัยก็กระจ่างในบัดดล
“ว่าไง” รีไวถามปากแทบไม่ขยับ เอลโด้ชี้มือไปข้างหน้า ลงไปยังเบื้องล่าง ห่างจากจุดที่ทุกคนซุ่มดูพอสมควร
“พวกมันหยุดพักที่นี่ และกำลังขนเครื่องเคลื่อนย้ายสามมิติเข้าไปในนั้นครับ” เขารายงานพลางไล่นิ้วไปยังบ้านไม้ยกพื้นเก่าคร่ำคร่ากับกระต๊อบหลังเล็กที่อยู่ถัดไปทางด้านหลัง
“แสดงว่าพวกมันใช้บ้านหลังนี้เป็นที่ซ่อน” รีไวพูด ดวงตาสีเทากวาดไล่ไปรอบๆเหมือนประเมินสถานการณ์ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันคล้ายวางแผนบางอย่างไว้ในใจ “ทั้งหมดกี่คน”
“สิบคนครับ” เอลโต้ตอบพร้อมกับชี้ไปที่ฮักเบิร์ต “ดูเหมือนเจ้าตัวใหญ่นั่นจะเป็นหัวหน้า ส่วนคนข้างๆน่าจะเป็นสมุนมือขวา นอกนั้นเป็นแค่ลูกกระจ๊อกทั่วไป”
“อาวุธล่ะ”
“เท่าที่ผมสังเกต ตัวหัวหน้าเหน็บปืนพกไว้สองกระบอก ปืนยาวอีกหนึ่ง มือขวาของมันก็เหมือนกัน นอกนั้นมีปืนพกกับปืนยาวคนละกระบอกครับ”
“หมายความว่าเรามีความเสี่ยงกับลูกปืนถึง 22 นัด” กุนเทอร์พึมพำแทรกขึ้นมาก่อนหันไปทางรีไว “เอายังไงดีครับหัวหน้า”
“จับตาดูพวกมันเอาไว้ก่อน รอจนกว่าเอลวิน...”รีไวหยุดคำพูดไว้แค่นั้นเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากทางด้านหลัง ความคุ้นเคยที่คลุกคลีอยู่ในหน่วยสำรวจมานานทำให้เขารู้ได้ในทันทีว่า มันเป็นเสียง สลิงจากเครื่องเคลื่อนย้ายสามมิติ คำถามคือผู้ที่ใกล้เข้ามานั้นเป็นใคร จะว่าเป็นพวกโจรก็ไม่น่าใช่ เพราะพวกมันไม่มีทางหยิบของซึ่งเปรียบเสมือนสมบัติอันมีค่าออกมาใช้อย่างเด็ดขาด ส่วนทหารของหน่วยสำรวจก็ไม่น่าจะเดินทางมาได้เร็วขนาดนั้น
“ระวังตัวให้ดี” สั่งพร้อมกับดึงดาบออกมาอย่างช้าๆและใช้สายตาบอกให้ทุกคนซ่อนตัว ทั้งหมดจ้องเงาสีดำที่กำลังเคลื่อนตรงเข้ามาหาอย่างรวดเร็วพลางกระชับดาบแน่นและคิดว่าหากคนผู้นั้นเป็นโจร พวกเขาต้องรีบปิดปากเพื่อไม่ให้คนที่อยู่ด้านล่างรู้ตัว
รีไวขยับตัวให้อยู่ในท่าเตรียมพร้อม พอเสียงนั้นเข้ามาใกล้เขาก็ปรับดาบให้อยู่ในระดับจู่โจม ใบหน้าคมได้รูปยังคงความเฉยชาปราศจากอารมณ์แต่สมองของชายหนุ่มกลับวางแผนการโจมตีรอไว้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแค่การทำให้ไอ้หมอนั่นสลบเหมือดคาที่หรือเชือดคอให้สิ้นเรื่องสิ้นราว แต่พอบุคคลลึกลับปรากฏตัว รีไวถึงกับใจหายวาบ ปลายดาบทั้งสองก็ลดต่ำลง ดวงตาเรียวสีเทาเบิกกว้างด้วยความตระหนกและแปลกใจ
“เอเลน !” เขาเรียกเบาๆพร้อมกับขยับไปข้างหน้า “มาที่นี่ทำไม ฉันสั่ง...”
คำพูดชะงักค้างไว้แค่นั้นเมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวของคนด้านล่าง รีไวรีบหันไปมอง พอเห็นฮักเบิร์ตกำลังเหลือบตาขึ้นกวาดไปรอบๆอย่างระแวดระวังชายหนุ่มก็นิ่วหน้าในทันที
“พวกมันรู้ตัวแล้ว”
“เป็นไปได้ยังไง พวกเราระวังกันทุกฝีก้าวแล้วนี่ครับ”
ดวงตาดุของรีไวชำเลืองกลับไปทางเอเลน แน่นอนว่ามันฉายแววตำหนิเอาไว้อย่างเต็มที่ หากไม่อยู่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานแล้วเขาคงจับเจ้าเด็กเหลือคนนี้ขอห้อยกับต้นไม้หรืออะไรที่น่ากลัวกว่านั้น
“ถ้าเราได้ยินเสียงของเด็กเวรนี่ เจ้าพวกนั้นก็ต้องได้ยินเหมือนกัน” หัวหน้าทหารตอบและหันกลับไปให้ความสนใจกับกลุ่มโจรด้านล่างซึ่งตอนนี้คว้าปืนและกระจายไปตามจุดต่างๆ ส่วนคนที่กำลังขนเครื่องเคลื่อนย้ายสามมิติก็เริ่มยกมันออกจากที่เก็บทยอยกลับขึ้นไปบนเกวียน เหมือนเตรียมการหลบหนีอีกครั้งหากทหารหรือใครก็ตามบุกเข้ามา
“พวกมันกำลังจะหนี” รีไวพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ลูกน้องทั้งสามรู้ดีว่าหัวหน้าของพวกเขากำลังอยู่ในอารมณ์หงุดหงิดอย่างที่สุด “กุนเทอร์ นายไปจัดการพวกที่กำลังขนเครื่องเคลื่อนย้ายสามมิติ เอลโด้กับออรูโอ้ เก็บพวกที่ซ่อนตัวอยู่ตามต้นไม้ ฉันจะจัดการเจ้าตัวหัวหน้ากับคนที่เหลือ ส่วนแก...”
ประโยคสุดท้ายหันไปทางเอเลน
“รออยู่ตรงนี้ ห้ามลงไปอย่างเด็ดขาด เข้าใจไหม !” เสียงห้วนดุดันกว่าที่ตอนสั่งให้เฝ้าม้าในครั้งแรก พอเห็นเด็กหนุ่มอ้าปากเพื่อค้าน รีไวจึงพูดย้ำ “ถ้าแกอยากรนหาที่ ฉันก็จะไม่ห้ามแต่อย่าลากคนอื่นให้พลอยตายไปด้วย”
นั่นเองที่ทำให้เอเลนได้คิด เขาก้มหน้าลงและรับคำเบาๆ “ครับ”
“เข้าใจแล้วก็ดี” หัวหน้าทหารพูดและจ้องเด็กหนุ่มเขม็งด้วยสายตาที่ทุกคนเดาไม่ออกว่า แสดงความรู้สึกใด จากนั้นเขาก็หันกลับไปยังกลุ่มโจรอีกครั้ง “พยายามจับเป็น แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ลงมือขั้นเด็ดขาด ระวังปืนของพวกมันเอาไว้ด้วย”
“ครับ !” ทั้งสามรับคำอย่างพร้อมเพรียงก่อนแยกกันไป กุนเทอร์อาศัยต้นไม้ในการกำบัง เคลื่อนตัวไปจนถึงกระต๊อบด้านหลัง พอได้จังหวะก็พุ่งลงมาซัดคนบนเกวียนและพวกที่กำลังลำเลียงของจนหมอบกระแตไปทั้งสามคน ส่วนออรูโอ้และเอลโด้ แยกกันเข้าโจมตีคนร้ายที่แอบอยู่หลังต้นไม้ แต่มันกลับไหวตัวทันหันปืนเข้าใส่ กระสุนนัดนั้นคงดับลมหายใจของจอมปากมากประจำกลุ่มไปแล้วหากรีไวไม่กระโจนลงไปฟันมือคนยิงจนขาด แต่ทั้งคู่ต้องเผ่นกลับขึ้นไปบนต้นไม้อีกครั้งโดยมีเสียงลั่นเปรี้ยงจากปืนหลายกระบอกดังไล่หลัง
“หยุดยิงได้แล้วไอ้พวกโง่ !” เสียงทุ้มห้วนของฮักเบิร์ตตวาดลั่น เหล่าบริวารจึงยุติการสาดกระสุน แต่ดูเหมือนจะเป็นการออกคำสั่งช้าเกินไปเพราะตอนนี้ปืนทุกกระบอกถูกใช้ไปจนเกือบหมดแล้ว
“พวกกองสารวัตรทหารงั้นเหรอ” ฟอร์คเกอร์ซึ่งหมอบตัวสั่นอยู่ข้างๆกระซิบถาม”พวกมันเจอเราได้ยังไง”
“ไม่ใช่” ฮักเบิร์ตกระชากเสียงตอบและเผลอกัดปากของตัวเองจนเลือดไหลออกมาเป็นทางด้วยความเดือดดาลก่อนพูดต่อเสียงต่ำ “ตอนที่เจ้านั่นลงมาตัดมือแบรด ฉันเห็นตราสัญลักษณ์รูปปีกนกบนผ้าคลุมของมัน”
เขาดึงปืนออกมาจากซองและขึ้นไกเพื่อเตรียมยิง
“หน่วยสำรวจ”
“หา !ว่าไงนะ หน่วยสำรวจอย่างนั้นหรือ” ฟอร์คเกอร์ร้องเสียงหลงจนเพื่อนต้องหันมาถลึงตาปราม เขารีบตะปบปากตัวเองก่อนพูดเบากว่าเดิม “แต่พวกมันไม่มีหน้าที่ในการจับคนร้ายนี่นา”
“ไนล์คงไปขอความร่วมมือ” ฮักเบิร์ตพูดทั้งที่ดวงตายังคงจ้องไปตามยอดไม้ “แต่ที่น่ากลัวมันไม่ใช่แค่นั้นหรอก ถ้าฉันจำไม่ผิด เจ้าคนที่กระโดดลงมาคือรีไว”
“ใครกัน ?” ฟอร์คเกอร์ถาม ฮักเบิร์ตหันมาจ้องหน้าเพราะนึกไม่ถึงว่าเพื่อนของตัวเองจะโง่เง่าถึงขนาดไม่เคยได้ยินชื่อของผู้ที่มีกิตติศัพท์อันเลื่องลือที่สุดของกองทัพ
“หัวหน้าทหารของหน่วยสำรวจที่ได้ชื่อว่าเก่งที่สุด”
“แล้วมันมายุ่งกับเราทำไม” ฟอร์คเกอร์ถาม คิ้วดกหนาของฮักเบิร์ตขมวดเข้าหากันจนแทบจะผูกเป็นปม
“อย่างที่บอก ไนล์คงไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยสำรวจ แค่เจอกับเจ้าทหารพวกนั้นก็แย่พออยู่แล้ว คนล่ายังเป็นหมอนั่นอีก แบบนี้พวกเรามีหวังแย่แน่”
“คงไม่มั้ง” ฟอร์คเกอร์พูดพลางชะเง้อหน้าขึ้นมาจากที่ซ่อน “เราหยุดยิงไปตั้งนานแล้วพวกมันยังไม่โผล่หัวออกมาเลยสักคน คงกลัวจนหางจุกตูดไปแล้วละ”
คำพูดแบบไร้สมองของเพื่อนทำให้ฮักเบิร์ตถอนใจเฮือกอย่างนึกฉิว
“แกจะโง่ไปถึงไหนกันวะ ที่พวกมันไม่บุกเพราะรู้ว่าฉันกับแกยังไม่ได้ยิงเลยสักนัด ขืนบุ่มบ่ามเข้ามามีหวังโดนเป่าหัวกระจุย”
พูดยังไม่ทันขาดคำ ทั้งสองก็ได้ยินเสียงอุทานและเสียงร้องโอดโอยดังมาจากที่ซ่อนของบรรดาลูกน้อง พอหันไปมองก็เห็นเพียงผ้าคลุมสีเขียวลอยหายขึ้นไปบนต้นไม้เสียแล้ว
“บ้าจริง !มันอาศัยจังหวะที่กำลังใส่กระสุนเล่นงานพวกเรา” หัวหน้าโจรพึมพำอย่างโกรธจัดเมื่อเห็นลูกน้องถูกเล่นงานจนร่วงไปอีกคน ฟอร์คเกอร์จึงถือโอกาสเยาะ
“ไหนแกบอกว่าพวกมันยังไม่กล้าลงมือ”
“หุบปากของแกไปเลย ฟอร์คเกอร์ !” ฮักเบิร์ตตวาดเพื่อนอย่างหงุดหงิดก่อนหันไปออกคำสั่งให้ลูกน้องที่เหลือรีบบรรจุกระสุนและรวมตัวกันเอาไว้เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายบุกเข้ามาโจมตีโดยง่ายดายเหมือนที่ผ่านมา ถึงจะรู้ว่าคู่ต่อสู้คือหน่วยสำรวจซึ่งมีความชำนาญการรบมากกว่าทหารกลุ่มอื่น กระนั้นเขาก็ยังพยายามเพ่งตามองเข้าไปในดงไม้หนาทึบเพื่อค้นหา แต่ก็คว้าน้ำเหลวเมื่อไม่เห็นแม้แต่เงา
ฝ่ายรีไวหลังจากจัดการโจรร้ายไปได้สี่คน เขาก็สั่งให้กุนเทอร์ ออรูโอ้และเอลโด้แยกไปซ่อนตัวบนต้นไม้เพื่อคอยจังหวะโจมตี จากประสบการณ์ของการต่อสู้ทำให้เขาสามารถประเมินพฤติกรรมของคนที่เหลือได้ด้วยเวลาเพียงน้อยนิด จากที่เห็นฮักเบิร์ตเป็นคนเจ้าเล่ห์และแข็งแกร่ง แต่ฟอร์คเกอร์กลับมีนิสัยตรงกันข้าม ส่วนลูกน้องที่เหลือเป็นนักสู้ที่มีฝีไม้ลายมือพอควร เรียกว่าเก่งพอที่จะรับมือพวกห่วยๆจากกองสารวัตรทหารได้สบาย
หลังจากเฝ้าดูได้เกือบชั่วโมง ในที่สุดพวกโจรก็เป็นฝ่ายเผยจุดอ่อนออกมาก่อนเมื่อลูกน้องคนหนึ่งของฮักเบิร์ตปล่อยปืนให้เลื่อนหลุดจากมือ กุนเทอร์จึงพุ่งออกจากที่ซ่อน โจมตีมันอย่างรวดเร็วแต่ยังช้ากว่าหัวหน้าโจรร้ายซึ่งรอจังหวะอยู่แล้ว พอเห็นอีกฝ่ายเท่านั้นเขาก็หมุนปืนยาวไปหาพร้อมกับเหนี่ยวไก
เปรี้ยง !!!
เสียงกระสุนกัมปนาทลั่นป่า ร่างของกุนเทอร์หมุนกลิ้งไปบนพื้นแต่ฮักเบิร์ตไม่ยอมหยุดเพียงแค่นั้น เขารีบหันไปทางลูกน้องซึ่งยังคงยืนตกตะลึงและออกคำสั่ง
“มัวยืนทื่ออยู่ได้ ฆ่ามันเร็ว !”
ไม่จำเป็นต้องเตือนอีกครั้ง สมุนทั้งสามยกปืนขึ้นยิงไปยังร่างที่นอนคุดคู้อยู่ใต้ผ้าคลุมสีเขียวทันที จัดการเสร็จวายร้ายคนหนึ่งรีบบรรจุกระสุนส่วนอีกคนค่อยขยับเข้าไปตรวจดูว่าเป้าหมายของตัวเองดับดิ้นไปแล้วหรือยัง พอเข้าใกล้จนเห็นอีกฝ่ายชัดเต็มตาเท่านั้นมันก็ผงะถอยหลังพร้อมกับร้อง
“เราโดนหลอก !”
เสียงของมันทำให้คนที่เหลือหันไปมอง พอเห็นว่าสิ่งที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมของหน่วยสำรวจเป็นเพียงไม้ท่อนหนึ่ง ฮักเบิร์ตถึงกับระเบิดคำผรุสวาทออกมาดังลั่นและหันกลับไปยังป่าตรงหน้าแต่ช้าไปเสียแล้ว เพราะรีไวอาศัยช่วงจังหวะที่ทุกคนกำลังละความสนใจพุ่งออกจากที่ตั้งกระแทกร่างที่สูงกว่าจนกระเด็นล้มกลิ้งไปด้วยกัน ส่วนออรูโอ้หันไปเล่นงานคนที่ยังมัวยืนตกตะลึง กุนเทอร์ใช้ดาบตัดปืนในมือของฟอร์คเกอร์จนขาดสองท่อนก่อนหันไปเตะสมุนอีกคนจนหงายหลัง เอลโด้เล่นงานโจรที่ยังก้มหน้าก้มตาบรรจุกระสุนกับเพื่อนของมันอีกคนด้วยการใช้สันดาบฟันเข้าที่ก้านคอ
ฮักเบิร์ตที่ถูกเล่นงานเป็นคนแรกรีบลุกขึ้น พอเห็นลูกน้องของตัวเองโดนจัดการจนล้มระเนระนาด ก็โกรธจนตัวสั่น เขาหันไปจ้องคนตัวเตี้ยที่กำลังย่างสามขุมเข้ามาหาด้วยดวงตาอาฆาต
“รีไว”
เสียงคำรามลอดไรฟันอย่างคั่งแค้น มือข้างหนึ่งเลื่อนไปข้างหลังกระชากปืนกระบอกสุดท้ายขึ้นมาเล็งแต่รีไวซึ่งระวังตัวอยู่แล้วหมุนตัวหลบพร้อมกับเหวี่ยงเท้าเตะจนกระเด็นหลุดจากมือ พอเตรียมจะเข้าไปซ้ำเพื่อยุติการต่อสู้กลับถูกสมุนของฮักเบิร์ตกระโจนเข้ามาทำร้ายด้านหลัง รีไวจึงจำต้องเปลี่ยนเป้าหมายแต่พอคว่ำมันลงได้แล้วและหันกลับไปยังหัวหน้าโจรอีกครั้งก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังเล็งปืนรออยู่ก่อนแล้ว
“แกอาจจะเก่ง แต่ก็ไม่แน่ไปกว่าฉันหรอก” ฮักเบิร์ตเยาะพลางจ้องรีไวด้วยดวงตาดุดันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ปลายกระบอกปืนเลื่อนขึ้นไปเล็งที่ศีรษะพร้อมกับขยับนิ้ว แต่ยังไม่ทันได้เหนี่ยวไก ร่างของใครคนหนึ่งก็พุ่งลงมาจากต้นไม้พร้อมกับเสียงตะโกน
“อย่านะ!”
หัวหน้าโจรร้ายถูกกระแทกอย่างแรงจนหงายหลัง ส่วนคนที่กระโจนลงมากลิ้งไปอีกทาง ในตอนแรกรีไวคิดว่าคนมาช่วยน่าจะเป็นกุนเทอร์หรือออรูโอ้ แต่พอเห็นผมสีน้ำตาลของอีกฝ่ายเท่านั้น เขาก็เบิกตาโพลง
“เอเลน!”
“หัวหน้า” เด็กหนุ่มเรียกพร้อมกับวิ่งเข้ามาหา “บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ” เขาถามและต้องชะงักคำพูดค้างไว้แค่นั้นเมื่อเห็นดวงตาของรีไวกำลังทอแสงลุกวาวด้วยความโกรธ
“ลงมาทำไม” เขาถามเสียงที่เกือบเป็นตะคอกก่อนกระทืบโจรที่ทำท่าจะลุกขึ้นจนสลบไปอีกครั้ง เอเลนทำหน้าจ๋อยแต่ยังไม่วายแย้งเบาๆ
“ผมเป็นห่วงหัวหน้านี่ครับ”
น้ำเสียงกับแววตาสีเขียวมรกตใสซื่อทำให้หัวใจแข็งแกร่งอ่อนยวบ รีไวกำดาบแน่นและเบือนหน้าไปอีกด้านก่อนพูดอย่างไว้ตัว
“ฉันมีอะไรให้แกต้องห่วง” ตาเรียวคมกริบตวัดกลับไปยังเด็กหนุ่มก่อนเน้นเสียงสุดท้าย “เด็กเวร”
ทั้งที่อยากพูดอะไรมากกว่านั้นแต่ไม่มีโอกาสเพราะโดนฮักเบิร์ตซึ่งลุกขึ้นมาเมื่อไหร่ไม่รู้โถมตัวเข้าใส่จนล้มทั้งยืน เอเลนเบิกตาโพลง
“หัวหน้า !”
เด็กหนุ่มอุทานและมองรีไวที่นอนคลุกฝุ่นอยู่บนพื้นอย่างตระหนก พอเห็นฮักเบิร์ตทำท่าจะกระทืบให้อีกฝ่ายจมดิน เขาก็ถลันเข้าไปขวาง
“ฉันไม่ยอมให้แกทำร้ายหัวหน้าหรอก”
พูดจบก็เหวี่ยงกำปั้นเข้าที่ท้องของจอมวายร้าย แต่มันไม่สะเทือนเลยสักนิด เอเลนจึงปล่อยหมัดซ้ำเข้าที่เดิมอีกครั้งซึ่งก็เหมือนเดิมคือฮักเบิร์ตยังคงยืนเหยียดยิ้มร่าและจ้องเด็กหนุ่มด้วยดวงตาน่ากลัว
“มีแรงแค่นี้เองเหรอ” มือหยาบหนาคว้าหมับเข้าที่คอของเอเลน “งั้นถึงตาฉันบ้างละนะ จะบีบแกให้เละคามือเลยไอ้เด็กเมื่อวานวืน”
ฮักเบิร์ตทำตามที่พูด มันยกร่างของเอเลนขึ้นและกดนิ้วมือทั้งห้าลงบนตำแหน่งของหลอดลม เด็กหนุ่มทั้งเตะ ถีบเป็นพัลวันเพื่อให้ตนเองหลุดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราช การดิ้นรนของเขาทำให้จอมวายร้ายรู้สึกขันจนต้องเปล่งเสียงหัวเราะออกมา และต้องเงียบลงในทันทีเมื่อรีไวเหวี่ยงลูกเตะฟาดเข้าที่ท้ายทอย
“ปล่อยคนของฉันเดี๋ยวนี้ !” หัวหน้าทหารร่างเตี้ยตะคอกพร้อมกับเตะซ้ำเข้าที่ชายโครง ความเจ็บปวดที่วิ่งพล่านไปทั่วร่างทำให้ฮักเบิร์ตต้องคลายมือออก ปล่อยเอเลนให้ร่วงลงไปกองกับพื้น
“ไอ้เตี้ยรีไว !” มันคำรามด้วยความโกรธและหันเข้าใส่รีไวอย่างดุร้าย ทั้งสองฟาดฟันกันอย่างดุเดือดชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร แต่ความชำนาญด้านการต่อสู้ของรีไวนั้นเหนือกว่า ไม่ช้าร่างใหญ่โตของฮักเบิร์ตก็ถูกคนตัวเล็กทุ่มลงพื้น
“ชิ” หัวหน้าทหารผู้แข็งแกร่งสบถพลางมองจอมวายร้ายที่นอนแน่นิ่งไม่ขยับ เมื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่มีทางลุกขึ้นมาได้อีกเขาก็หมุนตัว เดินไปหาเอเลน
“เป็นยังไงบ้าง” น้ำเสียงราบเรียบปราศจากอารมณ์ แต่ดวงตากลับทอความห่วงใยออกมาจางๆ เด็กหนุ่มลูบคอตัวเองพร้อมกับไอแค่กๆ
“สบายมากครับ” เขาตอบเสียงแห้ง รีไวหรี่ตาลงเหมือนไม่เชื่อเท่าใดนัก แต่ปากกลับพูด
“งั้นก็ดี” เขาเงยหน้าขึ้นมองลูกน้องทั้งสามที่กำลังวุ่นอยู่กับการพันธนาการพวกโจร “พวกเราจัดการโจรพวกนี้เสร็จหมดแล้ว ทีนี้ก็เหลือแค่รอ.....”
คำพูดถูกหยุดด้วยไม้ท่อนหนึ่งที่ฟาดเปรี้ยงเข้าที่ด้านหลังทำเอารีไวถึงกับทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น เอเลนยืนตกตะลึงตาค้าง พอตั้งสติได้เขาก็พุ่งเข้าไปหาฮักเบิร์ตที่กำลังเงื้อไม้ขึ้นหมายกระหน่ำคนตัวเล็กกว่าให้เละคามือ
“อย่า!”
เด็กหนุ่มร้องห้าม มือคว้าหมับเข้าที่ท่อนไม้และออกแรงยื้อเอาไว้แต่กลับโดนศอกของจอมวายร้ายซึ่งระวังตัวอยู่แล้วกระแทกเข้าที่หน้าผากจนหน้าหงาย พอเอเลนเสียหลักฮักเบิร์ตก็ถีบซ้ำอีกครั้งจนล้มทั้งยืน
“ไอ้เด็กเวร!” เขาคำรามอย่างโกรธจัดพร้อมกับย่างสามขุมเข้าไปหาและเงื้อไม้ในมือขึ้น “ฉันขอจัดการแกก่อนดีกว่า เสร็จแล้วค่อยไปเก็บเจ้ารีไว”
มันฟาดท่อนไม้ลงมาอย่างแรงหมายหวดกะโหลกเด็กหนุ่มให้เบะเป็นสองซีก เอเลนรีบยกแขนทั้งสองข้างขึ้นบังพร้อมกับหลับตาแน่น หัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อได้ยินเสียง ตุบ ! ดังสนั่น ตอนแรกเขาคิดว่ามันคงเป็นเสียงหัวของตัวเองที่ถูกตีจนแตกเป็นเสี่ยงแต่ต้องแปลกใจที่ไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยสักนิด คิ้วเข้มสวยขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย แขนทั้งสองข้างค่อยๆลดลงขณะที่ดวงตาสีเขียวเปิดขึ้นดูอย่างช้าๆ พอเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นเท่านั้น เด็กหนุ่มจึงเบิกตาโพลง
“หัวหน้า!”
*/*/*/*/*/*
ความคิดเห็น