ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สายใยรักจิ้งจอกพันปี (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 8 การมาของคนที่ไม่อยากพบ

    • อัปเดตล่าสุด 7 ม.ค. 59


    บทที่ 8 การมาของคนที่ไม่อยากพบ

    กลิ่นชื้นของหมอกปลุกผู้ที่กำลังตกอยู่ในห้วงนิทราให้ลืมตาตื่นขึ้นพอเห็นว่าตนเองกำลังนอนอยู่บนพื้นกระดานแข็งๆรอบตัวมีแต่ความขาวโพลนของละอองน้ำ ฟุรุคาวะจึงลุกขึ้นยืนด้วยความตระหนกแต่ความหนาทึบของหมอกทำให้เขาไม่กล้าขยับตัวไปไหน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวั่นวิตกก้มลงมองปลายเท้าด้วยความอยากรู้ว่าจุดที่ยืนอยู่คืออะไรแต่เขาเห็นได้แค่เพียงช่วงเอวของตัวเองเท่านั้นส่วนที่เหลือถูกหมอกปกคลุมจนมิดคล้ายโดนอสุรกายกลืนกินไปครึ่งตัว เมื่อมองไม่เห็นเด็กหนุ่มจึงลองใช้เท้ากระแทกพื้นเบาๆ พอได้ยินเสียงเขาก็เดาเอาเองว่าน่าจะเป็นไม้ แต่สถานที่ใดกันล่ะที่เป็นแบบนั้น 

    มือยื่นออกไปข้างหน้าและจมหายไปในหมอกเช่นเดียวกัน แต่ฟุรุคาวะยังคงดึงดันควานไปรอบๆอย่างไม่ยอมแพ้ พอพบกับความว่างเปล่าเขาก็ขยับตัวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวและใจชื้นขึ้นเมื่อการวางแต่ละครั้งเป็นไปอย่างราบรื่นไม่มีสะดุด เด็กหนุ่มเคลื่อนตัวไปทีละนิดด้วยหวังว่าจะพบกับแสงสว่างหรือจุดหมายปลายทาง ระหว่างที่กำลังเดาไปเรื่อยว่าสถานที่แห่งนั้นคือที่ไหนฟุรุคาวะต้องสะดุ้งสุดตัวที่จู่ๆมีมือปริศนารวบข้อมือทั้งสองข้างเอาไว้แล้วดึงเขาเข้าไปกอด พอจะร้องปากกลับถูกปิดด้วยริมฝีปากของใครบางคน ความอบอุ่นอันลึกล้ำแผ่ซ่านเข้ามาในกายผ่านปลายลิ้นที่แทรกเข้ามาอย่างเร่าร้อน สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันทำให้เด็กหนุ่มเย็นวาบไปทั้งร่างแต่ความคุ้นเคยในรสสัมผัสทำให้เขาไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด ร่างกายที่แข็งเกร็งจากอาการตื่นตกใจเมื่อครู่อ่อนปวกเปียกราวขี้ผึ้งไร้แรงขัดขืนใดๆ ฟุรุคาวะปล่อยใจเผลอไผลไปกับรสจูบอันหวานล้ำอยู่ชั่วขณะ ทันใดนั้นเองภาพอันน่าขยะแขยงของคาวาเบะเมื่อตอนเย็นก็ผุดขึ้นในห้วงสำนึก ดวงตาสีน้ำตาลสวยเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว เขากำลังถูกล่วงเกินอีกแล้ว เด็กหนุ่มคิดอย่างตระหนก จะผลักออกก็ทำไม่ได้เนื่องจากมือทั้งสองข้างถูกคนผู้นั้นกุมแน่น ครั้นจะเบี่ยงหน้าหนีก็ทำไม่ได้อีกเช่นกันเพราะร่างกายของเขาถูกแขนอีกข้างของชายปริศนาโอบกอดเอาไว้จนขยับเขยื้อนตัวไม่ได้  

    เมื่อหมดหนทางฟุรุคาวะจึงใช้วิธีสุดท้ายคือกัดลิ้นแต่ยังไม่ทันได้ทำอีกฝ่ายกลับถอนริมฝีปากออกราวกับรู้

    “ใจร้ายจังเลยนะ” กล่าวอย่างตัดพ้อพร้อมกับประทับจุมพิตบนหน้าผาก “ทั้งที่ข้าคิดถึงเจ้าขนาดนี้”

    “พูดอะไรของนาย” เด็กหนุ่มโต้พร้อมกับออกแรงดิ้น “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะเจ้าบ้า”

    วงแขนกระชับแน่นขึ้นขณะที่บุรุษผู้นั้นก้มลงกระซิบแผ่ว “ไม่”

    ไม่พูดเปล่ายังใช้ปากแตะเบาๆที่แก้มอย่างโหยหา การแสดงออกที่แสนประหลาดทำให้ฟุรุคาวะขนลุกซู่ไปทั้งตัว

    “หยุดทำเรื่องบ้าๆนี่เสียที” เด็กหนุ่มร้องพลางเงยหน้าขึ้นจ้องด้วยความรังเกียจขณะที่เดียวกันก็นึกฉงนกับการกระทำแต่ต้องมุ่นคิ้วอย่างขัดใจที่ใบหน้าของอีกฝ่ายถูกหมอกบังจนมิด “นายเป็นใครกันแน่?

    ทันทีที่สิ้นคำถาม หมอกทึบเมื่อครู่จางลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ฟุรุคาวะมองหน้าผู้อุกอาจได้เต็มตา

    “ซาคาโมโตะ!!!”        

    แก้มทั้งสองข้างปวดแปลบขึ้นมาอย่างฉับพลัน เด็กหนุ่มรีบยกมือขึ้นกุมพร้อมกับร้องโอย

    “เจ็บจังเลย” เขาบ่นพึมพำและเปิดตาขึ้นแทนที่จะเห็นใบหน้าเคร่งขรึมหล่อเหลาของคนที่ละม้ายคล้ายซาคาโมโตะ กลับเป็นเพดานที่มืดสลัวในห้องของเขาเอง

    “อะไรกันเนี่ย” อุทานด้วยความงงงันและยิ่งแปลกใจมากขึ้นเมื่อรู้ว่าเขากำลังนอนอยู่บนเตียงของตัวเอง “ห้องเราเองหรือนี่ แล้วผู้ชายคนนั้นล่ะ”

    เด็กหนุ่มลุกขึ้นนั่งแล้วกวาดตามองไปรอบห้องโดยมือข้างหนึ่งลูบแก้มที่บวมช้ำไปด้วย แสดงว่าเหตุการณ์ที่ขึ้นขึ้นเมื่อกี้เป็นเพียงความฝัน แต่ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ตั้งคำถามด้วยความสงสัยเพราะจากที่จำได้หลังเลิกเรียนเขาเจอกับกลุ่มของคาวาเบะและเกือบโดนปล้ำพอขัดขืนก็ถูกทำร้ายจนหมดแรง ก่อนจะสิ้นสติเขาจำได้ลางๆว่าเห็นคนขับรถของซาคาโมโตะและพอรู้สึกตัวก็มาอยู่บนเตียง แสดงว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนช่วยเขาออกมา แต่เพื่ออะไร 

    คำถามในหัวถูกแทรกด้วยเสียงแกรก แกรกเหมือนมีคนใช้เล็บลากไปบนพื้นดังมาจากข้างตู้พอหันไปดูก็ทันเห็นมือขาวซีดกำลังหดเข้าไปกำแพง ไม่ใช่แค่นั้น เหนือศีรษะ บนเพดานที่เขามองเมื่อครู่ตอนนี้เริ่มมีเงาเลือนรางของภูตผีปรากฏขึ้นแต่จิ้งจอกสีเงินตัวเดียวกับเมื่อวานขึ้นไปจัดการกับพวกมันจนแตกกระเจิง

    “ยังอยู่อีกหรือนี่” ฟุรุคาวะเปรยอย่างลืมตัวพลางจ้องจิ้งจอกสีเงินตัวนั้นอย่างไม่ค่อยไว้ใจ หากว่ากันตามจริงจิ้งจอกตัวนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับภูตผีพวกนั้นคำถามคือการที่มันเข้ามาช่วยเพราะเหตุบังเอิญหรือต้องการจะเล่นงานเขาเอง เหมือนรู้ความกังวลที่ก่อตัวอยู่ในใจ จิ้งจอกเงินตัวจ้อยลอยตัวลงมาอยู่ในระดับเดียวกับอกแล้วทำหูรี่พร้อมกระดิกหางเพื่อแสดงออกถึงความเป็นมิตร แถมย้ำให้อีกฝ่ายมั่นใจว่ามันมาดีด้วยการแลบลิ้นเลียจมูกของฟุรุคาวะหนึ่งแผลบ ความขี้ประจบของเจ้าตัวเล็กทำให้ความวิตกคลายลง เด็กหนุ่มหัวร่อคิกคักอย่างถูกอกถูกใจ  

    “จั๊กจี้น่า” เขาพูดเบาๆพลางแตะจิ้งจอกเงินด้วยปลายนิ้วและเลิกคิ้วน้อยๆด้วยความทึ่งเมื่อพบว่ามันทั้งอุ่นและนุ่มเหมือนตุ๊กตา แสดงว่าจิ้งจอกตัวนี้มีตัวตน เขานึก แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง จะบอกว่าตอนนี้เขากำลังฝันอยู่อย่างนั้นหรือ คิดแล้วก็ใช้อีกมือหยิกหมับเข้าที่ต้นแขนของตัวเอง

     “โอ๊ย!

    ผุรุคาวะร้องออกมาเบาๆ ลองเจ็บแบบนี้ไม่ใช่ความฝันแน่ ทั้งจิ้งจอกตัวนี้กับภูตผีเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นล่ะคืออะไรกันแน่ เพราะถ้ามันเป็นแค่ความฝันทำไมถึงเหมือนจริงนัก ไม่ว่าจะเป็นความอบอุ่นตอนอยู่ในอ้อมกอดหรือรสสัมผัสตอนจุมพิต กระทั่งตอนนี้ภายในปากของเขายังมีความร้อนจากปลายลิ้นที่ชอนไชรุกล้ำกรุ่นอยู่เลย

    ก้อนเนื้อภายใต้หน้าอกเต้นแรงขึ้นสูบฉีดเลือดในกายให้วิ่งพล่าน นี่เขากำลังใจเต้นกับการถูกผู้ชายด้วยกันจูบอย่างนั้นหรือ ฟุรุคาวะตั้งคำถามกับตัวเองพอได้ยินคำตอบจากหัวใจ หน้าของเขาก็แดงก่ำด้วยความละอาย

    ใช่ ถ้าจูบนั้นเป็นของซาคาโมโตะ เคียวยะ

    ภาพใบหน้าอันหล่อเหลาผุดขึ้นในมโนสำนึก เด็กหนุ่มอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนีแต่ตอนนี้เขาอยู่ในห้องเลยหยิบหมอนขึ้นมาแล้วเอาหน้าซุกลงไปแทน แรงกดทำให้แก้มที่แดงช้ำจากการทำร้ายของคาวาเบะแผลงฤทธิ์อีกหนจนเขาต้องร้องโอยออกมาดังๆทำให้จิ้งจอกน้อยพลอยตกใจไปด้วย ทีแรกมันคิดว่าฟุรุคาวะถูกปิศาจทำร้ายจึงวิ่งวนรอบตัวค้นหาจ้าละหวั่นพอรู้สาเหตุว่าเกิดจากอะไรแล้วมันก็หยุดลอยตัวอยู่ตรงหน้าและใช้เท้าเล็กๆแตะบนแก้ม ความเย็นฉ่ำดุจกระป๋องน้ำอัดลมที่อยู่ในตู้เย็นทำให้อาการปวดบรรเทาลง เสร็จจากข้างหนึ่งมันก็ย้ายไปทำแบบเดียวกันกับอีกข้าง ไม่กี่อึดใจรอยช้ำบนแก้มทั้งสองข้างก็หายไป

    “ปี๊~

    เสียงเล็กๆดังขึ้นเหมือนบอกให้เด็กหนุ่มตรวจแก้มของตัวเองอีกครั้ง เขาทำตามและมุ่นคิ้วเมื่อพบว่ามันกลับกลายเป็นปรกติไม่เหลือทั้งรอยช้ำและความเจ็บปวด

    “เหลือเชื่อ” หลุดปากออกมาตามความรู้สึกพลางมองจิ้งจอกน้อยอย่างนึกทึ่ง “ขอบใจมากนะเจ้าจิ้งจอกน้อย”

    เขากล่าวออกมาอย่างจริงใจ กิสึเนะตัวจ้อยโบกพวงหางอีกครั้งก่อนเปลี่ยนเป็นดวงแสงลอยกลับไปที่กระเป๋าตามเดิม ฟุรุคาวะมองตามด้วยความแปลกใจเพราะกระเป๋าของเขาไม่ห้อยพวงกุญแจหรือของกระจุกกระจิกอะไรเลยสักอย่าง ตัวเขาเองก็ไม่เคยไปทั้งศาลเจ้าไม่เคยเข้าวัด อย่าว่าแต่เครื่องรางเลยสายสิญจน์สักเส้นก็ไม่เคยพกแล้วเจ้าจิ้งจอกนี่มาจากไหน มาได้ยังไงหรือใครเป็นคนส่งมา

    ไม่รอให้คำถามค้างคาอยู่แบบนั้นฟุรุคาวะหยิบกระเป๋ามาสำรวจจนเจอกระดาษพับซุกอยู่ตรงซอกพอหยิบขึ้นมาดูถึงรู้ว่ามันเป็นรูปสุนัขจิ้งจอกตัวเล็กๆสีขาวซึ่งมีลายแต้มแบบเดียวกัน เด็กหนุ่มจึงเดาว่าเจ้าตัวเมื่อครู่คือกระดาษพับนี่เอง แต่ใครเป็นคนทำและเอามาใส่ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่เพราะปรกติแล้วเขาไม่ค่อยได้สุงสิงกับใครและไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับข้าวของเครื่องใช้ของเขา ระยะนี้จะมีก็แต่ซาคาโมโตะเท่านั้นที่เข้ามาวอแวด้วย

    ฟุรุคาวะจึงฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าตอนมาส่งวันแรกหมอนั่นเป็นคนหยิบกระเป๋าอาจฉวยโอกาสนั้นยัดกระดาษพับนี้ใส่มาด้วย แสดงว่าจิ้งจอกเวทตัวนี้เกิดจากฝีมือของซาคาโมโตะ แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงกันเรื่องแบบนี้มันควรจะอยู่แค่ในการ์ตูนหรือนิทานหลอกเด็กเท่านั้นไม่ใช่หรือ อีกอย่างหมอนั่นเป็นแค่ลูกชายกลุ่มอิทธิพลเท่านั้นไม่มีทางทำอะไรแบบพวกพระหรือนักพรตได้อยู่แล้ว บางทีสิ่งที่เห็นมาโดยตลอดอาจเป็นเพียงภาพหลอนที่ตัวเขาเองสร้างขึ้นเท่านั้น พอคิดแบบนี้ก็มีเสียงแย้งในหัว แล้วที่เห็นเมื่อครู่นี้ล่ะ พอลองแตะดูนายเองยังคิดว่ามันนุ่มเหมือนตุ๊กตาไม่ใช่เหรอ

     จิ้งจอกนั่นมีตัวตนจริงๆรวมถึงผีพวกนั้นด้วย เด็กหนุ่มคิด แต่ทำไมจำเพาะต้องมาปรากฏตัวให้เขาเห็นและถ้าซาคาโมโตะเป็นคนยัดกระดาษพับใส่กระเป๋าไว้จริงทำไมถึงต้องทำแบบนั้นทั้งที่เพิ่งรู้จักกันแค่ไม่กี่วันเอง

    เด็กหนุ่มเฝ้าวนเวียนอยู่กับคำถามจนถึงเช้าพอจะไปโรงเรียนก็เจอทาคุที่ยืนรออยู่หน้าห้องแต่เมื่อเดินไปที่รถเขาต้องผิดหวังเมื่อไม่เห็นซาคาโมโตะสารถีหนุ่มจึงชี้แจงสั้นๆว่ามีธุระและยังบอกอีกด้วยว่าเขาได้รับคำสั่งให้ทำหน้าที่รับ-ส่งฟุรุคาวะจนกว่าเจ้านายจะกลับ ทีแรกเด็กหนุ่มไม่ยอมแต่พอได้ยินชื่อคาวาเบะเท่านั้นเขาก็เข้าไปนั่งในรถแต่โดยดี ระหว่างทางเขาอยากจะถามเรื่องตุ๊กตากระดาษกับทาคุอยู่หลายครั้งแต่พอคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่รู้เรื่องพวกนี้เพราะเป็นเพียงคนขับรถ เขาจึงนั่งเงียบๆและตั้งใจจะเก็บไว้ถามกับตัวต้นเรื่องโดยตรง

    ซาคาโมโตะขาดเรียนไปหลายวัน ตัวฟุรุคาวะเองก็ถูกพวกคาวาเบะทำร้ายอยู่หลายครั้ง โชคดีที่อาจารย์ทากาอิกับอาจารย์ซากุรางิเข้ามาห้ามเอาไว้ทัน สำหรับคนแรกเขาไม่แปลกใจเท่าไหร่แต่คนหลังถือเป็นเรื่องเหลือเชื่อเพราะนักเรียนส่วนใหญ่รู้ดีว่าซากุรางิเป็นคนขี้ขลาด วันๆนอกจากการสอนตามหน้าที่แล้วเขาก็แทบไม่ทำอะไรยกเว้นเดินตามก้นอาจารย์ใหญ่หรือผู้อำนวยการ แต่ช่างเถอะเพราะเขาได้รับความช่วยเหลือจากคนคนนี้น้อยมากจนนับครั้งได้ผิดกับทากาอิและทาคุ มีหลายครั้งที่เขาถูกคาวาเบะลากเข้าไปเพื่อทำมิดีมิร้ายในที่ปลอดตาคนทาคุก็จะโผล่มาอัดพวกมันจนแตกกระเจิง

    ความช่วยเหลือของทาคุทำให้ฟุรุคาวะไว้ใจเขามาก ยิ่งได้พูดคุยกันด้วยแล้วเด็กหนุ่มรู้สึกชอบในอัธยาศัยไมตรีของสารถีหนุ่มมากกว่าซาคาโมโตะ เพราะทาคุเป็นคนคุยสนุก มักหาเรื่องราวแปลกๆหรือตลกขบขันมาเล่าให้ฟังอยู่เสมอ และทุกครั้งมักลงท้ายด้วยการพูดยกย่องเจ้านายทำให้ฟุรุคาวะรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีความจงรักภักดีต่อตระกูลซาคาโมโตะมากและจุดนี้เองที่ทำให้เด็กหนุ่มอยากรู้จักตัวตนของผู้ชายคนนี้ให้มากขึ้น เพราะเพียงแค่อำนาจกับบารมีคงไม่อาจสร้างความเชื่อมั่นให้กับบริวารได้ถึงขนาดนี้

    เช้าวันหนึ่งระหว่างนั่งรถไปด้วยกัน ทาคุเล่าถึงตำนานเก่าแก่เกี่ยวกับสงครามระหว่างปิศาจสองเผ่า โอโรจิผู้ชั่วร้ายกับกินกิสึเนะที่พยายามปกป้องเผ่าพันธุ์อื่น การต่อสู้ระหว่างสองฝ่ายเป็นไปอย่างยืดเยื้อยาวนาน ตอนพูดถึงด้านกินกิสึเนะก็เป็นการบรรยายอย่างลึกซึ้งอัดแน่นไปด้วยอารมณ์และความรู้สึก ไม่ว่าจะเป็นความสูญเสียที่แสนเศร้า ความฮึกเหิมยามมีชัยหรือความอาลัยที่ได้เห็นคนอันเป็นที่รักมีอันต้องพลัดพรากจากกัน หากเป็นเมื่อก่อนฟุรุคาวะคงเมินกับเรื่องไร้สาระจำพวกนี้แต่วิธีการของคนเล่าที่ล่อให้ผู้ฟังเผลอตอบหรือหลุดปากถามเมื่อแกล้งหยุดทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกเพลินจนไม่อยากลงจากรถ

    “รู้ละเอียดเหมือนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองเลยนะครับ” ฟุรุคาวะพูดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจบเรื่องที่เล่าลงไปแล้ว “แต่เท่าที่ผมเคยได้ยิน โอโรจิเป็นงูแปดหัวที่สู้กับซูซาโนโอะไม่ใช่หรือครับ จากที่คุณเล่าเหมือนจะเป็นคนละเรื่อง”

    “ตำนานคือเรื่องเล่าซึ่งก็แล้วแต่ว่าผู้คนจะปรุงสรรปั้นแต่งกันไป ของจริงอาจใช่หรือไม่ใช่สิ่งที่เราได้ยินกันมาก็ได้ แต่ที่ไม่ต่างกันคือโอโรจิเป็นตัวแทนของความชั่วร้าย” ทาคุพูดและอมยิ้มเมื่อเห็นคนถามกำลังเอียงหน้าน้อยๆด้วยความสงสัย “มีอะไรเหรอ”

    “รู้ได้ยังไง”

    “ถ้าบอกว่าฉันเคยเจอมันมาแล้วล่ะ นายจะเชื่อหรือเปล่า” สารถีหนุ่มย้อนถามกลับ อีกฝ่ายมุ่นคิ้ว

    “ใครจะไปเชื่อ”

    “งั้นมันก็เป็นแค่ตำนานที่ฉันอ่านเจอในหนังสือ แต่บอกก่อนเลยนะว่าฉันเชื่อเรื่องของกิสีเนะ”

    เด็กหนุ่มเลิกคิ้วเหมือนนึกไม่ถึงว่าจะได้ยินแบบั้น

    “ไม่คิดเลยนะครับว่าคนรุ่นใหม่อย่างคุณจะเชื่อเรื่องแบบนี้ด้วย”

    ทาคุหัวเราะร่วน

    “ฉันดูหนุ่มขนาดนั้นเลยเหรอ”

    “ครับ จากที่เห็นผมเดาว่าคุณคงไม่เกิน 30 ทีแรกยังนึกแปลกใจเลยว่าทำไมคนอายุแค่นี้ถึงมาทำงานเป็นคนขับรถ”

    สารถีหนุ่มยิ้มน้อยๆพลางเหลือบตามองคนข้างหลังอย่างเอ็นดูก่อนตอบอย่างทีเล่นทีจริง “เพราะฉันถูกใจเจ้าซาคาโมโตะ อีกอย่างเราสองคนอยู่ด้วยกันมานานกว่าที่นายคิดไว้เยอะ”

    ฟุรุคาวะมุ่นคิ้วเพราะไม่เข้าใจว่า อยู่ด้วยกันมานาน ของทาคุหมายถึงอะไรกันแน่ การติดสอยห้อยตามแบบนายกับบ่าว ยอมก้มหัวทำงานทุกอย่างแทนการใช้หนี้ในแบบของยากูซ่าหรือความสัมพันธ์ที่แนบแน่นเกินกว่าคำว่านายหรือเพื่อน ครั้นจะถามก็ดูเป็นการเสียมารยาท เด็กหนุ่มจึงปิดข้อสงสัยทั้งหมดด้วยการพยักหน้า

    “งั้นหรือครับ”

    น้ำเสียงเรียบเฉยทำให้ทาคุอ่านออกว่าอีกฝ่ายยังติดใจกับเรื่องบางอย่างยังไม่ทันถามก็ถึงโรงเรียนเสียก่อน ระหว่างที่ฟุรุคาวะเปิดประตูเขาจึงกล่าวกำชับอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง

    “ห้ามไปในที่ลับตาคนและอย่าเดินไปไหนคนเดียว”

    เด็กหนุ่มผงกศีรษะรับแต่ไม่ตอบทางวาจา สารถีหนุ่มจึงพูดต่อ “มารับเวลาเดิมนะ”

    “ครับ” อีกฝ่ายรับคำก่อนเดินตรงดิ่งเข้าไปในโรงเรียน ระหว่างขึ้นห้องเขากลับถูกหยุดด้วยการเรียกของซากุรางิ

    “ฟุรุคาวะ ฟุบุกิ”

    “ครับ เด็กหนุ่มขานรับ คนเป็นอาจารย์มองเขาทางหางตา 

    “มีคนมารอที่ห้องอาจารย์ใหญ่”

    บอกด้วยน้ำเสียงสะบัดเหมือนไม่พอใจที่ต้องลดตัวลงมาเชิญคนที่เขามองว่าเป็นเด็กเจ้าปัญหา แต่ฟุรุคาวะไม่สนและไม่คิดที่จะถามด้วยว่าคนมาหาเป็นหญิงหรือชาย เด็กหนุ่มทำเพียงเดินตามหลังอาจารย์เงียบๆไปจนถึงห้องอาจารย์ใหญ่ พอเคาะประตูและได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้แล้วหัวใจของเขาก็หล่นลงไปอยู่ปลายเท้าเมื่อเห็นคนผู้นั้นเต็มตา

    “คุณลุง!!!”  

     

    */*/*/*/*

      

     

     

        

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×