คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 7
บทที่ 7
ภายในห้องที่ตกแต่งด้วยของประดับราคาแพงและโต๊ะทำงานไม้ฝังลายมุก โซฟารับแขกหุ้มหนังสีดำตัวใหญ่ตั้งอยู่มุมห้อง บรรยากาศเต็มไปด้วยความน่าแกรงขามเมื่อมีชายในชุดดำสองคนยืนเฝ้าหน้าประตูไม้รูปโค้งบานใหญ่ ชายหนุ่มผิวขาวเบื้องหลังโต๊ะทำงานกำลังเพ่งมองเอกสารในมือด้วยสีหน้าเรียบเฉย และเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินสัญญาณขอเข้าพบดังขึ้นที่ประตู บอดี้การ์ดทั้งสองคนเลื่อนมือเข้าไปในสาบเสื้อสูทช้าๆ
ป๊อปปี้หันไปมองหน้าจอที่แสดงผลจากกล้องวงจรปิด ก่อนจะกดปุ่มปลดล็อกประตูเมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนเป็นใคร ชายชุดดำหน้าประตูจึงลดมือลงกลับไปอยู่ข้างลำตัวเหมือนเดิม
“ว่าไงเขื่อน มีอะไรเพิ่มเติมบ้าง” ชายหนุ่มถามขึ้นทันทีที่คนสนิทเดินผ่านประตูเข้ามา
“ผมตรวจสอบทะเบียนรถแล้วพบว่า รถตู้คันนั้นเป็นของบริษัทที่เคยแย่งประมูลซื้อที่ดินแถวเชียงใหม่ไปครับ ผมคาดว่าพวกมันคงกำลังหมายตาที่ดินผืนนั้นอยู่เหมือนกัน...” เขื่อนพูดเสียงเรียบพลางส่งอุปกรณ์บันทึกข้อมูลอันจิ๋วให้เจ้านาย
ป๊อปปี้รับมาเสียบเข้ากับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทันที ชายหนุ่มกวาดสายตาอ่านข้อมูลจากหน้าจอด้วยความระมัดระวัง สายตาคมหรี่ลงเรื่อยๆ และเลื่อนผ่านแต่ละบรรทัดช้าๆ ราวกับจะไม่ให้อ่านพลาดไปแม้แต่ตัวอักษรเดียว
ชายหนุ่มกดเลื่อนข้อมูลลงมาจนถึงส่วนที่เป็นรูปถ่ายซึ่งแสดงภาพของชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา จมูกเป็นสัน ริมฝีปากแดงและเป็นเจ้าของดวงตาเรียวที่มีสายตาคมกริบราวกับจะแทงทะลุ คนเดียวกับที่พบที่ชลบุรี...ป๊อปปี้ยิ้มหยันๆ ที่มุมปากพลางอ่านออกเสียงชื่อคู่กรณี
“สวัสดี คุณโทโมะ...”
……………………………………………………………………………………
ริมสระว่ายน้ำข้างปีกขวาของคฤหาสน์หลังใหญ่ หญิงสาวสองคนในชุดว่ายน้ำขาสั้นสีสันสดใสกำลังแหวกว่ายในน้ำอย่างสบายอารมณ์โดยมีหญิงสาวร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงยีนราคาแพงนั่งคอยอยู่ตรงเก้าอี้ริมขอบสระ
“แก้วใจ ลงมาเล่นด้วยกันสิ เร็วๆๆ” เสียงหวานๆ ดังขึ้นจากหญิงสาวร่างบางที่โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ แก้วใจส่ายหน้ายิ้มๆ พลางลุกขึ้นหยิบแก้วน้ำส้มก่อนจะนั่งยองๆ ลงข้างสระแล้วส่งแก้วให้คนชวน
ฟางยื่นหน้าเข้ามาดูดน้ำส้มจากหลอดไปได้นิดหนึ่งเมื่อหญิงสาวอีกคนว่ายมาอยู่ข้างตัว
“ลงมาสิคุณแก้ว ร้อนจะตาย ลงมาทั้งชุดนั้นแหละ เนอะคุณฟาง” เฟย์พูดกลั้วหัวเราะแล้วหันไปพยักเพยิดกับคนข้างๆ ที่ส่งยิ้มหวานกลับมา
“ไม่ล่ะฮะ แก้วอยู่บนนี้ดีกว่า เผื่อคุณเฟย์คุณฟางอยากได้อะไร” ร่างสูงส่งยิ้มพลางชูแก้วน้ำส้มขึ้น
“ฟางขึ้นไปนั่งข้างบนหน่อยดีกว่า ชักจะเมื่อยแล้ว” ร่างบางพูดกับตัวเองพลางคว้าราวบันไดไว้แล้วปีนขึ้นจากสระอวดผิวนวลเนียนภายใต้แสงแดดรำไร ชุดว่ายน้ำขาสั้นสีสดใสที่สวมอยู่ขับให้ผิวยิ่งเนียนผ่อง...
ร่างสูงรีบคว้าผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ที่พาดอยู่บนพนักเก้าอี้มาคลุมให้คนตัวเล็กทันที ใบหน้าสวยปราศจากเครื่องสำอางมีหยดน้ำเกาะพราว เส้นผมสีน้ำตาลทองเปียกลู่ ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมองคนตรงหน้าที่อยู่ในระยะประชิด
“ขอบใจนะ” ฟางพึมพำเบาๆ รู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงยามสบตากับเจ้าของดวงตายาวรีที่มีแววห่วงใยฉายชัดเจน
ร่างสูงจ้องมองคนตรงหน้าอย่างเผลอไผล
“เฟย์ขึ้นด้วยดีกว่า” เสียงใสๆ ของร่างโปร่งที่ยังแหวกว่ายอยู่ในน้ำดังแทรกขึ้นมา แก้วใจรีบผละจากฟางแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวอีกผืนไปส่งให้คนที่กำลังปีนขึ้นจากสระ
เฟย์คว้ามือแก้วที่ส่งมาให้แล้วดึงตัวเองขึ้นจากน้ำ พอดีกับที่เสียงของชายหนุ่มผมทองดังขึ้นจากทางเดินริมสระ
“ขออนุญาตครับคุณฟาง...คุณป๊อปปี้เชิญที่ห้องทำงานครับ” เขื่อนโผล่ออกมาอย่างไม่ตั้งใจ ชายหนุ่มรีบก้มหน้าเมื่อเห็นว่าเจ้านายสาวเพิ่งขึ้นจากน้ำ หยดน้ำกลมๆ เกาะพราวทั่วร่างชวนมอง
แก้วใจรีบตวัดผ้าเช็ดตัวคลุมเรือนร่างโปร่งบางในชุดว่ายน้ำ ในขณะที่เฟย์ส่งสายตาไม่ค่อยพอใจนักไปทางชายหนุ่มที่ทะเล่อทะล่าเข้ามาโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง หญิงสาวทำเสียงจึ้กจั้กพลางพันชายผ้าเช็ดตัวให้แน่นขึ้นแล้วกระแทกตัวลงนั่งบนเก้าอี้ยาวสีขาว
“ขอโทษครับคุณเฟย์....ผมไม่คิดว่า...” เขื่อนก้มศีรษะลงเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรค่ะ แต่คราวหลังคุณเขื่อนคิดบ้างก็ดีนะคะ” คุณเฟย์พูดเรียบๆ พลางคว้าผ้าขนหนูผืนเล็กมาซับน้ำที่ผมด้วยท่าทางไม่ใส่ใจ
ทั้งสามคนที่อยู่ในที่นั้นได้แต่ทำหน้าเจื่อน จนฟางพูดทำลายความเงียบขึ้นในที่สุด
“งั้นฟางขอเวลาอาบน้ำแป๊บนึงละกันนะคะคุณเขื่อน เดี๋ยวตามไปค่ะ”
เขื่อนก้มศีรษะรับแล้วหมุนตัวเดินออกไป ฟางหันกลับมาหาร่างสูงแล้วทำท่าจะเอ่ยปากเรียกให้ไปด้วยกันแต่เสียงเฟย์ดังขึ้นเสียก่อน
“คุณแก้วเช็ดผมให้เฟย์หน่อยสิคะ เฟย์เมื่อยแล้ว” ร่างโปร่งยิ้มแล้วส่งผ้าขนหนูให้คนที่ยืนนิ่ง แก้วใจรับมาถือไว้แต่สายตามองไปที่คนตัวเล็กอีกคน
“งั้นเดี๋ยวเจอกันที่ห้องคุณป๊อปละกันนะ” ร่างบางส่งยิ้มให้แล้วชี้ไปทางตึกใหญ่ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าบ้านไป
ร่างสูงมองตามจนลับสายตาก่อนจะหันกลับมาเช็ดผมให้ร่างโปร่งอย่างเบามือ นิ้วเรียวยาวนวดไปตามขมับทั้งสองข้าง เฟย์หลับตาด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย
แก้วช่างอ่อนโยน ใจดี พูดน้อย ไม่น่ารำคาญเหมือนคุณเขื่อนเลยสักนิด....หญิงสาวสลัดภาพชายหนุ่มผมทองและสายตาตัดพ้อนั้นออกจากห้วงคิดคำนึงอย่างง่ายดาย
......................................................................................................................................................................
ชั้นบนสุดของอาคารสูงตระหง่านเสียดฟ้า คนสี่คนเดินออกมาจากลิฟท์ ชายหนุ่มผิวขาวรูปร่างสันทัดสวมสูทสีเข้มเดินนำหน้าเคียงคู่กับหญิงสาวร่างบางในชุดเสื้อแขนกุดสีครีม สวมทับด้วยกางเกงขายาวทรงตรงสีน้ำเงินเข้มตัดด้วยผ้าทิ้งตัวดูทะมัดทะแมง เส้นผมสีน้ำตาลม้วนเป็นลอนๆ รวบไว้สูง ใบหน้าหวานแต่งแต้มเพียงบางเบา
คนอีกสองคนที่เดินตามหลังสวมสูทเข้ารูปสีดำ คนหนึ่งนั้นเป็นชายหนุ่มผมทองที่ซ่อนใบหน้าไว้ภายใต้แว่นตาสีดำและมีท่าทางระแวดระวังอย่างเงียบๆ ส่วนอีกคนหนึ่งนั้นเป็นหญิงสาวร่างสูงผมซอยสั้นสีดำที่ยกขึ้นทัดหูไว้เสียข้างหนึ่งเผยให้เห็นใบหน้าสวยเฉี่ยว แว่นสีชาอันใหญ่ที่สวมอยู่ช่วยอำพรางสายตาเรียวรีที่มองไปรอบด้านอย่างสงบนิ่ง
คนทั้งสี่เดินมาจนถึงหน้าห้องทำงานอันเป็นจุดมุ่งหมายของการมาในวันนี้ ป๊อปปี้ส่งนามบัตรให้หญิงสาวหน้าห้อง
“คุณป๊อปปี้ใช่มั้ยคะ เชิญค่ะ ท่านรออยู่แล้ว” เลขานุการสาวสวยยกมือขึ้นไหว้ผู้มาเยือนอย่างนอบน้อมแล้วผายมือเชิญให้เข้าไปข้างใน
ห้องทำงานกว้างขวางปูพรมสีแดงเลือดนก เบื้องหลังโต๊ะทำงานตัวยาวคือเก้าอี้บุหนังพนักสูงตัวโตและผนังกรุกระจกบานใหญ่มองเห็นทิวทัศน์สวยงามภายนอก เสียงเพลงบรรเลงดังคลอแผ่วเบาช่วยให้บรรยากาศในห้องนั้นดูหรูหรามากขึ้นไปอีก
“ขออนุญาตค้นตัวครับ”
เสียงชายในชุดซาฟารีสีเทาอมเขียวสองคนดังขึ้นจากด้านซ้ายและขวามือของบานประตู พลางเดินเข้ามาหาป๊อปปี้และฟาง
เขื่อนกับแก้วใจรีบเอาตัวเข้าบังคนทั้งสองไว้อย่างรวดเร็ว ร่างสูงเหล่มองชายสองคนนั้นด้วยหางตา ในขณะที่เขื่อนเอื้อมแขนออกไปขวางทันที
“เขื่อน แก้ว...ไม่เป็นไร วันนี้เรามาอย่างมิตร...ไม่มีอาวุธ” ป๊อปปี้พูดเรียบๆ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเหลือบไปเห็นชายหนุ่มเจ้าของห้องเดินออกมาจากหลังชั้นวางของ
“หยุด ไม่ต้องค้น...วันนี้ผมไว้ใจแขกของผม” เจ้าของห้องพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ ฟังสบายหู แต่สายตาคมกริบจับจ้องอยู่ที่ผู้มาเยือนตาไม่กะพริบขัดกับคำพูด
ชายทั้งสองรับคำสั่งแล้วถอยกลับไปยืนอยู่ข้างประตูตามเดิม แก้วใจและเขื่อนสบตากันก่อนจะถอยกลับไปอยู่ข้างหลังเหมือนตอนก่อนเข้ามาในห้อง
“เชิญนั่งครับคุณป๊อปปี้และ...คุณฟาง...” โทโมะผายมือไปที่เก้าอี้สองตัวเบื้องหน้าโต๊ะทำงาน
ป๊อปปี้และฟางนั่งลงตามคำเชิญ ร่างบางชำเลืองมองคนข้างตัวอย่างไม่เข้าใจ ป๊อปปี้มักพาเธอไปพบกับแขกคนสำคัญที่ร่วมงานกันเท่านั้น แต่คนๆ นี้เธอไม่เคยเห็นหน้าและบรรยากาศระหว่างคนทั้งคู่ก็ชวนอึดอัดไม่น้อย ฟางขยับตัวบนเก้าอี้นิดหนึ่งเมื่อรู้สึกตัวว่าโดนชายหนุ่มตรงหน้าจ้องมองซึ่งยิ่งเพิ่มความอึดอัดให้เธอมากขึ้นไปอีก
ร่างสูงที่ยืนอยู่เบื้องหลังขยับเข้ามาใกล้ร่างบางขึ้นอีกนิด ดวงตาเบื้องหลังแว่นสีชาจ้องโทโมะนิ่ง โทโมะเงยหน้าขึ้นมองสบตากับแก้วใจ แล้วยิ้มบางๆ ก่อนจะหันมาหาป๊อปปี้
“ว่าไงครับ คุณป๊อปปี้มีธุระอะไรจะพูดกับผม” น้ำเสียงของชายหนุ่มคนนี้ยังคงนุ่มนวล รอยยิ้มยังระบายบนใบหน้าแต่กลับไปไม่ถึงดวงตาเย็นเยียบนั้น
“ผมว่าคุณรู้...ผมจะมาชวนคุณให้ร่วมหุ้นกับผม ที่ดินผืนนั้นน่ะทำเลเยี่ยม ผมไม่อยากแย่งกับใคร ถ้าเราร่วมมือกันคงจะเป็นผลดีกว่า” ป๊อปปี้เอาปลายนิ้วประสานกันวางบนโต๊ะด้วยท่าทางสบายๆ พลางส่งยิ้มเยือกเย็นพอกันกลับคืนไปยังคู่สนทนา
โทโมะนิ่งเงียบไม่ตอบอะไร ชายหนุ่มเพียงแต่พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้...เสียงเพลงคลาสสิกจากลำโพงฝังผนังดังคลอเป็นระยะๆ...ทั้งๆ ที่บรรยากาศชวนผ่อนคลายแต่คนๆ นี้กลับทำให้ทุกอย่างดูกดดันได้ด้วยรอยยิ้มและเสียงเพลงอย่างไม่น่าเชื่อ...ป๊อปปี้ที่ไม่คุ้นเคยกับการเพิกเฉยรออยู่นานจนต้องเป็นฝ่ายทำลายความเงียบอันชวนอึดอัดนั้นขึ้นมาเสียเอง
“คุณจะว่ายังไงครับ คุณโทโมะ” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่บังคับให้ฟํงดูสบายๆ รอยยิ้มที่มอบให้แข็งกระด้าง
ร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆ เอื้อมมือไปแตะแขนป๊อปปี้เบาๆ ด้วยรู้ว่าชายหนุ่มกำลังใช้ความอดทนกับสถานการณ์นี้...แก้วใจมองตามมือนั้นแล้วต้องเบือนหน้าไปทางอื่น ร่างสูงลอบถอนหายใจแผ่วเบา
“ผมคงต้องขอเวลาคิดดูก่อนครับ เรายังต้องคุยกันอีกเยอะ...” โทโมะตอบเรียบๆ
ป๊อปปี้กระตุกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน
“ขอบคุณครับ...แล้วผมจะติดต่อมาใหม่ หรือถ้าคุณตัดสินใจได้เมื่อไหร่ก็โทรหาผมได้ทันที นามบัตรผมให้เลขาคุณไว้แล้ว” ชายหนุ่มก้มศีรษะให้คนตรงหน้าเล็กน้อยแล้วผายมือให้หญิงสาวข้างตัวออกเดินไปก่อน โดยมีเขื่อนเดินตาม
ทั้งสี่คนกำลังจะก้าวพ้นบานประตูอยู่แล้ว เมื่อเสียงนุ่มๆของโทโมะพูดตามหลังมา
“ถ้ามีข้อเสนอดีๆ ผมก็ยินดีนะครับ...คุณป๊อปปี้”
ประโยคนี้ส่งผลให้แก้วใจและป๊อปปี้ต้องหันกลับไปมองคนพูดทันที และได้เห็นสายตาคมกริบของโทโมะมองตามร่างบางที่เดินออกจากห้องไปพร้อมเขื่อนจนลับสายตา
ป๊อปปี้ก้มศีรษะให้อีกครั้ง ทว่าครั้งนี้เต็มไปด้วยท่าทีมึนตึง ในขณะที่หญิงสาวร่างสูงจ้องหน้าคนพูดเขม็งก่อนที่คนทั้งสองจะหันหลังให้ห้องทำงานที่คลอด้วยเสียงเพลงนั้น
บานประตูปิดตามหลัง แต่เสียงเพลงคลาสสิกและรอยยิ้มเยือกเย็นนั้นยังตามติดอยู่ในใจคนสองคนเหมือนเงาตามตัว....
To be continue
สวัสดีค่ะรีดเดอร์ ขอโทษที่หายไปนาน
แต่ตอนนี้มาอัพให้อ่านกันแล้วน้า
ก่อนอื่นขออธิบายก่อนว่า ฟิกชั่นเรื่องนี้ใช้แค่ “เค้าโครง” ของละครเรื่อง “เธอกับเขาและรักของเรา” นะคะ
ไม่ได้ยกมาทั้งหมดค่ะ ซึ่งไรท์เตอร์ได้ชี้แจงไปแล้ว
เพราะฉะนั้นทุกตอนมีให้ลุ้นกันแน่นอน
ก็เหมือนเราดูทวิภพแล้วเปลี่ยนตัวแสดงอะไรทำนองนั้นล่ะค่ะ จากศรัณยู-สิเรียม มาเป็น อ๋อม-แพนเค้ก
แต่ละเวอร์ชั่นก็ต่างกันไป
แต่ไรท์เตอร์รับประกันความสนุกแน่นอน
เพราะใส่ใจลงไป...เพื่อรีดเดอร์นะคะ
คิดถึง :)
ความคิดเห็น