ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The sin [FFK Kaew-Fang-Poppy]

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่1

    • อัปเดตล่าสุด 30 ต.ค. 54


    บทที่ 1

                    รถลีมูซีนสีดำคันหรูจอดเทียบตีนบันไดหินอ่อนสีขาวหน้าโรงแรมห้าดาวที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงอันศิวิไลซ์ นักข่าวมากมายที่ยืนถือกล้องชะเง้อมองอยู่ต่างพากันเปิดทางเมื่อคนขับรถเดินอ้อมมาเปิดประตู ชายหนุ่มผิวขาว หน้าตาคมสัน ใบหน้ามีรอยยิ้มน้อยๆ ประดับในชุดสูทสีดำราคาแพงระยับก้าวลงมาจากรถคันหรูอย่างสง่าเผย คุณป๊อปปี้เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศส่งมือให้กับหญิงสาวที่นั่งเคียงข้างมาด้วยกัน

                    แสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปนับสิบตัวสาดไปที่หญิงสาวร่างบาง ผิวเนื้อนวลเนียน ในชุดเดรสยาวเกาะอกสีชมพูหวานประดับลายดอกไม้กระจิดริดน่ารัก เส้นผมสีน้ำตาลขมวดเป็นมวยหลวมๆ อย่างเก๋ไก๋ ใบหน้าหวานแต่งแต้มเพียงบางเบา ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมองเจ้าของมือแล้วคลี่ยิ้มบางๆ

                    “ขอบคุณค่ะ”

     เสียงใสๆ กล่าวขอบคุณแล้ววางมือนิ่มๆ น่าสัมผัสลงบนฝ่ามือใหญ่ของคุณป๊อปก่อนที่เท้าในรองเท้าส้นสูงสีเงินประดับเลื่อมราคาแพงจะก้าวลงจากรถ ร่างบางไม่มีทีท่าประหม่าแต่อย่างใดเมื่อกล้องนับสิบรายล้อมอยู่รอบตัวเธอ

                    คุณฟาง หญิงสาวแสนสวยที่ทุกคนในแวดวงธุรกิจรู้กันดีว่าเป็นผู้หญิงในปกครองของคุณป๊อปปี้ ทุกงานสังคมที่ต้องไป ไม่มีครั้งไหนที่จะไม่เห็นเธอ แม้แต่งานแสดงแฟชั่นโชว์เครื่องเพชรการกุศลครั้งนี้ก็เช่นกัน

                    ทั้งสองเดินเคียงคู่เข้าไปในงาน หญิงสาวเกาะแขนชายหนุ่มไว้หลวมๆ และเดินด้วยท่วงท่าสง่างาม หากแต่สีหน้ายังแต่งแต้มรอยยิ้มบางๆ อย่างรู้มารยาท เมื่อนั่งลงเป็นที่เรียบร้อยแล้วพิธีกรสาวสวยก็กล่าวเปิดงาน การแสดงแฟชั่นโชว์เครื่องเพชรการกุศลจึงเริ่มขึ้น

                    ฟางมองร่างระเหิดระหงนับสิบร่างบนเวทีอย่างไม่ได้ให้ความสนใจ การออกงานสังคมเป็นหน้าที่ที่เธอต้องทำ เพราะคุณป๊อปสั่ง ฟางไม่มีสิทธิ์จะปฏิเสธหญิงสาวทำได้เพียงรับคำและแต่งตัวสวยๆ ควงคู่ออกงานเป็นหน้าเป็นตาให้ป๊อปปี้ผู้มั่งคั่งเท่านั้น...เหล่าแวดวงไฮโซต่างพากันมอบคำว่า “เจ้าหญิงของคุณป๊อป” ให้เป็นฉายาแต่ฟางไม่เคยรู้สึกว่ามันจะเหมาะสมกับเธอ คิดมาถึงตอนนี้ร่างบางก็ถอนหายใจเบาๆ สายตาหลุบต่ำ

                    “ฟาง...เบื่อหรือเปล่า” เสียงกระซิบต่ำๆ ข้างหูทำให้ฟางที่กำลังใจลอยแทบสะดุ้งรีบหันไปมองเก้าอี้ข้างตัว

                    “คะ...เปล่าค่ะ คุณป๊อป” หญิงสาวส่งยิ้มบางเบาให้ป๊อปปี้และเบนสายตากลับไปบนเวที ป๊อปปี้จ้องมองเธออยู่อีกสักพักแล้วจึงกระดิกนิ้วเรียกชายหนุ่มร่างสันทัดที่สวมสูทสีดำและแว่นสีเข้ม

                    “เขื่อน...ดูคุณฟางให้ดีๆ เดี๋ยวชั้นมา” ผู้เป็นเจ้านายสั่งก่อนจะลุกขึ้นเดินหายไปทางโต๊ะผู้จัดงานโดยมีชายในชุดดำติดตามไปอีกสองคน

                    เขื่อนเขยิบเข้ามายืนอยู่ด้านหลังเก้าอี้บุนวมด้วยท่าทางนิ่งๆ มือขวาสอดไว้ใต้สูทสีดำและกำอาวุธสังหารคู่กายไว้มั่น ไม่มีใครรู้ว่าดวงตาภายใต้แว่นสีเข้มนั้นกำลังจับจ้องอะไรหรือใครอยู่... ร่างบางชำเลืองมองที่นั่งข้างตัวแล้วหันกลับไปเงยหน้ามองคนที่ยืนสงบนิ่งอยู่ข้างหลังก่อนจะถอนใจอีกครั้ง ชีวิตเธอมีคนคอยควบคุมตลอดเวลาเพียงเพราะเธอเป็น “เจ้าหญิงของคุณป๊อปปี้”

                    การแสดงเครื่องเพชรชุดสุดท้ายเริ่มแล้ว แต่ที่นั่งข้างตัวฟางก็ยังว่างเปล่า หญิงสาวกำลังจะอ้าปากถามกับองครักษ์ข้างกายก็พอดีกับที่เสียงเพลงอลังการดังขึ้นเสียก่อน ร่างบางจึงทำได้เพียงร่วมปรบมือไปกับผู้ชมคนอื่นๆ นางแบบผู้สวมใส่สร้อยคอเพชรเม็ดงามพราวแสงสะท้อนแสงไฟและแสงแฟลชเดินมาจนถึงหน้าเวที เสียงพิธีกรก็พูดแทรกเข้ามา

                    “เอาละค่ะ แขกผู้มีเกียรติทุกท่านคะ สร้อยเพชรในชุดฟินาเล่เส้นนี้มีมูลค่า 10 ล้านบาท ท่านใดสนใจสามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่ข้างล่างได้เลยนะคะ รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายเราจะมอบให้การกุศลทุกบาททุกสตางค์”

                    หลังพูดจบเจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็วิ่งเข้ามากระซิบที่ข้างหูพิธีกรด้วยท่าทางเร่งรีบ ก่อนจะรีบลงจากเวทีไป พิธีกรสาวมีสีหน้างุนงเล็กน้อยแต่เธอก็ปรับให้เป็นปกติ

                    “เอ่อ...สักครู่นะคะทุกท่าน ตอนนี้สร้อยเส้นนี้ขายแล้วนะคะ...ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งเลย ขอเชิญคุณป๊อปปี้เจ้าของคนใหม่ขึ้นมาบนเวทีและขอเสียงปรบมือดังๆ ให้นักธุรกิจใจบุญคนนี้ด้วยค่ะ”

    พิธีกรสาวปรบมือนำและคนทั้งฮอลก็พากันปรบมือตามเมื่อคุณป๊อปปี้ก้าวออกมาจากหลังเวทีพร้อมรอยยิ้มไม่บ่งบอกอารมณ์บนใบหน้าแล้วรับไมค์ที่พิธีกรส่งให้

    “ขอบคุณครับ..ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มค้อมศีรษะลงน้อยๆ รับเสียงปรบมือ “จริงๆ จะบอกว่าผมเป็นเจ้าของก็ไม่ถูกนักนะครับ เพราะสร้อยเส้นนี้ผมตั้งใจซื้อให้...ฟาง”

    ป๊อปปี้พูดเสียงต่ำๆ แล้วผายมือไปทางที่นั่งแขกพิเศษข้างเวที สปอตไลท์ส่องตามมือไปจับที่หญิงสาวร่างบางในชุดสีชมพูหวานที่นั่งอึ้งอยู่ ฟางเงยหน้าขึ้นมองสบตาคนที่อยู่บนเวที และพบกับสายตาแกมบังคับให้เธอต้องลุกขึ้นยืน หญิงสาวเดินช้าๆ ขึ้นบันไดไปอย่างสง่าผ่าเผย สายตานับร้อยคู่จับจ้องไปที่เธอทุกฝีก้าว ต่างกระซิบชื่นชมความสวยงามของคุณฟางผู้โชคดี

    ร่างบางพาตัวเองขึ้นมายืนเคียงข้างป๊อปปี้ รอยยิ้มหวานเคลือบอยู่บนริมฝีปาก ดวงตากลมโตที่มีขนตางอนยาวกวาดมองไปทั่วฮอล

    พิธีกรปลอดสร้อยเพชรเส้นโตจากคอนางแบบที่เดินกลับเข้าหลังเวทีก่อนจะส่งให้ป๊อปปี้ ชายหนุ่มรับมาแล้วค่อยๆ บรรจงสวมให้หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างเบามือ...

    “คุณป๊อปคะ...ฟางว่า...” เสียงใสๆ เอ่ยขึ้นเป็นเชิงท้วงแต่ป๊อปปี้สวนขึ้นเสียก่อนอย่างรู้ทัน

    “ไม่แพง...ชั้นอยากซื้อให้...ชอบมั้ย” ชายหนุ่มถามกลับ

    ฟางกลืนคำพูดทั้งหมดกลับเข้าไปในคอ หญิงสาวไม่ตอบแล้วยกมือไหว้อย่างนอบน้อม

    “ขอบคุณค่ะ...” ฟางทำได้ดีที่สุดก็เท่านี้ คือรับคำสั่งและทำตาม ชอบหรือไม่เธอก็ต้องรับ...เสียงปรบมือกึกก้องดังทั่วทั้งฮอล

    เพชรเม็ดงามเป็นอัญมณีที่สวยงาม ใครๆ ต่างก็อยากได้เป็นเจ้าของ แต่ฟางกลับรู้สึกอยากถอดทิ้งเพราะสร้อยคอราคาแพงที่สวมอยู่บนคอของเธอตอนนี้มันหนักเหลือเกิน และดูเหมือนจะเพิ่มน้ำหนักขึ้นทุกนาที...

    …………………………………………………………………………………………………………………………………..

    ร่างบางทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้างในห้องนอนหรูหราประดับด้วยผ้าม่านหนาหนักและของตกแต่งราคาแพงลิบ ตู้เสื้อผ้าสีขาวฝังผนังประดับลวดลายดอกไม้ขลิบทอง โต๊ะข้างเตียงวางโคมไฟลายกามเทพตัวอ้วนกลมพันเกี่ยวไว้ด้วยเถาวัลย์เส้นเล็กๆ สีหวาน สร้อยเพชรราคาสิบล้านที่เธอเพิ่งได้รับมาถูกถอดวางไว้อย่างไม่ใส่ใจ

    “คุณฟางขาาา...ทำไมวางไว้แบบนี้ล่ะคะ คุณป๊อปเธออุตส่าห์ซื้อให้นะคะ” เสียงของสตรีวัยกลางคนดังขึ้น ฟางลืมตาขึ้นมอง

    “แม่อุ่นจะเอาไว้ก็ได้นะคะ ฟางไม่ว่าหรอก” เสียงหวานๆ เอ่ยอย่างไม่สนใจ ก่อนจะยันตัวขึ้นนอนคว่ำแล้วเอื้อมหยิบสร้อยเส้นโตส่งให้

    “นี่แน่ะ...ฟางไม่ว่า” แม่อุ่นที่ฟางเรียกตีเผียะเข้าที่มือเล็กเบาๆ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ เธอบนเตียง มืออบอุ่นยกขึ้นลูบศีรษะหญิงสาวรุ่นลูกเบาๆ อย่างรักใคร่

    “คุณฟาง...อย่าได้คิดน้อยใจอะไรเลยนะคะ คุณป๊อปเธอรัก เธอห่วงคุณฟางยิ่งกว่าใคร...เพียงแต่เธออาจแสดงออกไม่เป็นก็เท่านั้น” แม่อุ่นพูดเสียงเบา พลางจัดหมอนให้คนตัวเล็กได้นอนสบายๆ

    “โธ่แม่อุ่นขา...ฟางไม่ได้น้อยใจ...” หญิงสาวทำเสียงตัดพ้อ ก่อนจะล้มตัวลงนอนตามเดิม

    “เอาเถอะค่ะๆ นอนได้แล้วนะคะ...ราตรีสวัสดิ์ค่ะนางฟ้าของอุ่น” พี่เลี้ยงเก่าแก่ก้มลงห่มผ้าให้เจ้านายที่เธอรักเหมือนลูกในไส้

    “ราตรีสวัสดิ์ค่ะ” ฟางตอบแล้วหลับตาลง แม่อุ่นยิ้มกับตัวเองพลางจัดแจงเก็บสร้อยเพชรเม็ดงามลงกล่องมะหยี่ในลิ้นชักก่อนจะปิดไฟแล้วเดินออกจากห้องไปเบาๆ

     

    ฟางลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ร่างบางเอื้อมมือไปหยิบกล่องดนตรีไขลานรูปนกน้อยกางปีกเตรียมโผบินที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา

    “เมื่อไหร่จะบินซักทีล่ะ หืม?” หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง มือเล็กๆ หมุนลานจนสุดก่อนจะปล่อยให้เสียงดนตรีเศร้าๆ นั้นขับกล่อมเธอลงสู่ห้วงนิทรา

    …………………………………………………………………………………………………………………………………..

                                                                                                    To be continue

    สวัสดีค่ะรีดเดอร์

    พบกันอีกครั้งกับฟิกชั่นเรื่องใหม่ที่ไรท์เตอร์ตั้งใจเขียนเหมือนเดิม :)

    อ่านบทแรกจบไปแล้วอย่าลืมให้กำลังใจนักแสดงของเราด้วยนะคะ

    เรื่องนี้พลิกคาแรกเตอร์จากเรื่องที่แล้วกันหลายคนเลย...

    ขอบคุณที่ติดตามนะคะ

    คิดถึงค่ะ ;)

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×