คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : สหาย ( 1 )
ย่านสถานเริงรมยามค่ำคืนที่เป็นดังสวรรค์บนดินของหนุ่มๆ มีผู้คนมากมายที่มาหาความสำราญกับบรรดาสาวงามที่อยู่ในย่านนั้น ทว่าในวันนี้ที่เรือนดอกเหมย หอนางโลมอันดับหนึ่งของเหมืองหลวงกลับเต็มไปด้วยแขกมากมายที่พยายามเบียดเสียดกันเข้ามา จนเจ้าของหอนางโลมยิ้มหน้าบานเป็นจานเชิง เนื่องจากวันนี้เป็นวันที่คุณชายตวนมู่หญงแห่งจวนเสนาบดีตวน มาเที่ยวหาความสำราญนั่นเอง
ที่นั่งของคุณชายตวนนั้น จะเป็นที่นั่งที่ดีที่สุด ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ทั้งข้างนอกข้างในหอแห่งนี้ และกลับกัน แขกที่มาเที่ยวก็สามารถมองเห็นคุณชายตวนได้ด้วยเช่นกัน
ซึ่งเจ้าของหอนางโลมทำเช่นนี้ เนื่องจาก เมื่อไหร่ที่คุณชายตวนมู่หญงมาเที่ยวทีไหร บรรดาชายหนุ่มที่มาหาความสำราญในวันนั้นก็แทบจะเฮกันมาที่หอแห่งนี้จนหอแทบแตก ที่มานั่นไม่ใช่มาเพื่อหาความสำราญ แต่มาเพื่อชมความงามของคุณชายตวนมู่หญงกับป๋ายหลี ที่ถูกขนานนามว่าเป็นบุรุษหนุ่มผู้รูปงามที่สุดแห่งเมืองหลวง ฉายาคุณชายหยกขาว กับยอดพธูแห่งเรือนดอกเหมย สตรีผู้มากด้วยเสน่ห์และศิลปะ ยามเมื่อคุณชายตวนมู่หญงมา ป๋ายหลีที่นานๆ จะปรากฏตัวให้ใครเห็นซักที มักจะออกมาต้อนรับขับสู่ รวมทั้งบางครั้งยังแสดงการดีดพิณอันเรื่องชื่อให้ได้ฟังกัน จึงทำให้เรือนดอกเหมยแน่นไปด้วยแขกที่มาชมคนงามและฟังเพลงพิณทุกครั้ง
“ไม่ว่าจะมองคุณชายผู้นั้นกี่ครั้ง ข้าก็อดถอดถอนหายใจกับความงามของเขาผู้นั้นไม่ได้..โดยเฉพาะยามเคียงคู่กับแม่นางป๋ายหลี่ด้วยแล้วช่างเป็นบุญตาเหลือเกิน” หนึ่งในชายนักเที่ยวเอ่ยกับเพื่อน
“ใช่ข้าเห็นด้วย...ข้านะเห็นที่ไร ก็อดหวั่นไหวไปกับรูปโฉมของคุณชายตวนไม่ได้ จนแทบจะอยากทดลองเชยชมบุรุษหน้าสวยดูซักครั้ง” แล้วทั้งสองก็มองไปยัง โต๊ะของคุณชายตวนมู่หญงที่ชั้นอย่างหลงไหล
ป๋ายหลี นางโลมอันดับหนึ่ง ผู้มีความงามดั่งแสงจันทร์ของเรือนดอกเหมยยิ้มหวานขณะรินสุราใส่จอกให้แก่แขกคนสำคัญของนาง คุณชายควนมู่หญง พร้อมกับส่งยิ้มหยาดเยิ้มมาให้
“วันนี้แขกก็ยังคงแน่นหอเช่นทุกครั้งที่ท่านมาเยือนเสมอนะเจ้าค่ะ คุณชาย”
ตวนมู่หญงจิบสุรารสอ่อน แต่หอมแรง และปรายตามองป่ายหลี่อย่างเขินอายนิดๆ
“เจ้าก็รู้ดีไม่ใช่หรือว่าข้ามีความจำเป็นอะไรที่ต้องทำเช่นนี้...และที่สำคัญเจ้าก็รู้อยู่เต็มอกว่าข้าไม่ชอบให้มันเป็นเช่นนี้เสียหน่อย” เสียงพูดงึมงำของตวมมู่หญงเรียกรอยยิ้มจริงใจของป๋ายหลีที่แทบจะไม่เผยให้ใครเห็น
ใช่นางรู้ดีว่าตัวตนที่แท้จริงของคุณชายตวนมู่หญงนั้นเป็นสตรี ที่สวยชนิดที่ล่มบ้านล่มเมือง ทำให้สตรีที่เห็นไม่ริษยาจนอยากทำร้ายก็ เคลิบเคลิ้มไปกับความงาม และเหตุที่เธอรู้ความจริง มันเกิดขึ้นเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว ที่ตวนมู่หญงออกมาเที่ยวชมงานเทศกาลโคมไฟเป็นครั้งแรก นางไม่มีทางลืมเหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งนั้นแน่นอน
เมื่อหนึ่งปีก่อน
ตวนมู่หญงเดินเข้าไปหาท่านเสนาบดีและฮูหยินใหญ่ในห้องโถง เพื่อทำการทักทายยามเช้าตามธรรมเนียมต่อบิดาและมารดา
“อีกสองวันก็จะเป็นวันเกิดของเจ้าแล้ว เจ้าอยากได้สิ่งใดเป็นพิเศษหรือไม่” ท่านเสนาบดีถามลูกรักอย่างอารมณ์ดี แล้วจะไม่ให้เขาอารมณ์ดีได้เช่นไร ก็เขานั้นเคยหมดหวังจะมีทายาทสืบสกุลไปนานแล้ว ทว่าสวรรค์ก็ยังประทานอาหญงบุตรชายที่มีทุกอย่างที่เขาคาดหวังมาให้ ทั้งความความสามารถ และรูปโฉม ที่โดดเด่น จนได้การขนานามเป็นคุณชายหยกขาว และอีกไม่นานบุตรชายของเขาคนนี้ก็จะได้เขาวังไปเป็นขุนนางและสืบทอดอำนาจเสนาบดีต่อจากเขา
“ลูกไม่ขออะไรมาก ขอเพียงได้ไปชมความงามของเทศกาลโคมไฟเท่านั้นขอรับท่านพ่อ”
ท่านเสนาบดีฟังคำขอของบุตรชายแล้วถึงกับต้องขมวดคิ้ว และจ้องมองบุตรยืนยิ้มน้อยๆ ที่ทำให้ใครเห็นก็ตาพร่านั่น ใช่ว่าเขาจะไม่อยากให้บุตรชายได้ออกไปเปิดหูเปิดตา ทว่าด้วยความงามเหนือใครของบุตรชายของเขานี่สิปัญหา เขายังจำตอนที่บุตรชายอายุครบสิบขวบและเขาพาบุตรชายไปล่าสัตว์ที่ป่าข้างทะเลสาปนอกเมืองได้ดี
ในตอนนั้น ถึงแม้ตวนมู่หญงจะพึ่งสิบปี ทว่าเค้าความงามของก็ดึงดูดสายตาของผู้คนได้แล้ว จนบางครั้งมีพวกโง่งมที่หลงละเมอในตัวบุตรชายของเขาคนนี้ หาทางครอบครองบุตรชายของเขา และเรื่องที่เขากลัวก็เกิดขึ้น เมื่อมีเจ้าโจรชั่วคนหนึ่ง มันแอบลักพาตัวบุตรชายของเขาไปเพื่อทำมิดีมิร้าย ซึ่งโชคยังดีที่องค์รักษ์ไปช่วยไว้ทัน ไม่เช่นนั้น....เขาไม่อย่างคิดเลย
หลังจากเหตุการณ์นั้น เขาก็ให้บุตรชายเรียนวรยุทธเพื่อใช้คุ้มครองตนเองจากเจ้าพวกผู้ชายเลวทรามที่คิดวิปริตทำผิดต่อฟ้าดิน และไม่ยอมให้อาหญงไปไหนคนเดียวนอกจวนโดยไม่มีองค์รักษ์ติดตามเลยซักครั้ง ซึ่งในตอนนี้วรยุทธิ์ของตวนมู่หญงก็อยู่ในขั้นแนวหน้า ทว่ามันก็ยังไว้ใจไม่ได้อยู่ดี เนื่องจากเหนือฟ้ายังมีฟ้า ถ้าเจ้าพวกผู้ชายชั่วนั่นเกิดมีวรยุทธเหนือขั้นอาหญงของเขาเล่า จะทำเช่นไร
“พ่อก็อยากให้เจ้าไปอยู่หรอกนะ แต่ว่าอาหญงมันจะดีหรือ ถ้าเกิดเจอเจ้าพวก...” ท่านเสนาบดีพูดไม่จบเนื่องจากไม่อยากเอยถึ่งสิ่งเลวร้ายในครั้งนั้นให้กระทบกระเทือนจิตใจบุตรชาย
“ไม่เป็นใรขอรับท่านพ่อ ข้าจะพาจิ้งอี้ไปด้วย ดังนั้นท่านพ่อไม่ต้องกังวลไป ด้วยฝีมือของข้าและจิ้งอี้รวมกัน ต่อให้ยอดคนมาเองก็ใช่ว่าจะเอาชนะได้ง่าย” ตวนมู่หญงกล่าวยิ้มๆ ทว่าในใจนั้นอยากเค้นหัวเราะเย้ยตนเอง ทั้งที่ท่านพ่อของตนนั้นเชื่อว่าเธอเป็นบุตรชาย ทว่ากลับหวงยิ่งกับบุตรสาวเสียอีก ถึงแม้จะตามใจทุกอย่าง แต่หลังจากเหตุการณ์บ้าบอคอแตกของ ไอ้โจรชั่วหน้ามืดครั้งนั้น ที่คิดจะจับตัวเธอที่มีอายุแค่สิบขวบไปเป็นคนรักนั้น ถึงกับทำให้ท่านพ่อของเธอสติแตกกักตัวเธอเอาไว้แต่ในจวน และจะไปไหนที่ก็มีองค์รักษ์ตามไปขบวน ทั้งๆที่อยากจะบอกท่านพ่อเหลือเกินว่า ไอ้พวกองค์รักษ์ บางคนก็ไม่ต่างจากไอ้โจรนั่นเลย นี่โชคดีที่จิ้งอี้คนรักของจูเอ๋อที่เป็นหัวหน้าองค์รักษ์ของจวนเสนาบดีคอยห้ามปรามและจัดการไอ้พวกคิดเกินเลยกับเธอ ไปนอนเป็นศพไร้ญาติในป่า คาดว่าวันนี้เธอก็คงโดนเจ้าพวกนั้นกลืนกินไปทั้งตัวแล้ว
“เอาเถอะถ้าจิ้งอี้ไปด้วยพ่อก็พอเบาใจ” คำอนุญาติของท่านเสนาบดี ทำให้ตวยมู่หญงต้องรีบคำนับขอคุณท่านเสนาบดี พร้อมกับซ่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เอาไว้
ถนนสายหลักใจกลางเมืองหลวงที่บัดนี้ถูกตกแต่งด้วยโคมไฟสวยงามมากมาย ละลานตา ตวนมู่หญงในชุดเขียวอ่อนที่ส่งเสริมให้ดูเหมือนเทพเซียนลงมาเดินชื่นชมโตมไฟตระกานตาอย่างเพลิดเพลิน โดยมีจิ้งอี้และจูเอ๋อที่เดินชมงานอยู่ด้านหลัง ทำให้เธอรู้สึกเห็นใจว่าทั้งสองแทนที่จะได้เดินเที่ยวอย่างอิสระเยี่ยงคู่รักทั่วไป กลับต้องมาคอยติดตามเธอไปทั่วงานแทน
“จิ้งอี้ และจูเอ๋อ..ข้าอณุญาติให้พวกเจ้าไปเดินเที่ยวงามตามสบายเถอะ ข้าดูแลตนเองได้”
“ขอบคุณ คุณชายที่เมตตา ทว่าข้าน้อยไม่อาจละเลยหน้าที่ได้ขอรับ” เสียงห้าวหาญของจิ้งอี้ ที่ตอบอย่างมั่นคงไม่มีแววลังเล ทำให้เธอแอบเบ้ปากให้กับความเถรตรงของอีกฝ่าย
ตวยมู่หญงปลายตางามมองไปจิ้งอี้ องค์รักษ์หนุ่มที่หน้าตาหมดจด แต่ก็ชอบทำหน้าตาโหดด้วยสายตาตำหนิ ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ว่าที่ตัวเธอเดินชมงานได้อย่างราบรื่นโดยไม่โดนรบกวนทั้งๆที่ ตลอดทางที่เดินชมงาน ผู้คนมากมายต่างก็มองมาที่เธอเป็นแถว และมีบางคนจะเข้ามาพูดคุยด้วยท่าทางกรุ่มกริ่ม ก็จะถูกสายตาน่ากลัวของจิ้งอี้ทำให้ถอยห่างออกไป
“เจ้านี่ซื่อบื่อเหลือเกินนะจิ้งอี้...คืนนี้เป็นคืนงานเทศกาลโตมไฟ ที่บรรดาคู่รักต่างรอคอย เจ้าไม่คิดที่จะพาจูเอ๋อไปเที่ยวงานบ้างหรือไร”
จิ้งอี้กับจูเอ๋อหน้าแดงโดยพลันกับคำพูดของเธอ แต่จิ้งอี้ก็ยังคงยืนกรานที่จะอยู่อารักษ์ขาเธออยู่ดี ทำให้เธอรู้สึกรำคาญ จึงตัดปัญหาด้วยการซื้อหน้ากากไม้รูปจิ้งจอกขาวที่ขายให้พวกเด็กๆเล่นมาสวมเพื่อปิดปังโฉมหน้าตัดปํญหา
“เอาละที่นี้เจ้าจะสบายใจ พอที่จะพาจูเอ๋อไปเดินเที่ยวงานหรือยัง”
จิ้งอี้ก็ได้แต่ถอนหายใจ เมื่อเห็นคุณชายของตนใช้หน้ากากจิ้งจอกสีขาวปกปิดหน้าตาที่หลอกหล่อให้ผู้คนลุ่มหลง ซึ่งจะช่วยลดปัญหาไปได้มากบวกกับฝีมือวรยุทธของคุณชายก็คงจะไม่ต้องห่วงอะไร ทว่าคุณชายของเขานั้นยังเยาว์วัยนักจะสามารถตามทันเล่ห์เหลี่ยมของพวกคนโฉดได้หรือไม่นั่นแหละที่เขาเป็นห่วง
แต่เหมือนเห็นว่าคุณชายเริ่มงุดหงิดมากขึ้น เขาจึงต้องจำใจแยกตัวออกห่างตามที่คุณชายต้องการพร้อมกับจูเอ๋อ
“ไม่เป็นไหร่หรอกพี่อี้..คุณชายดูแลตัวเองได้แน่ๆ เชื่อข้าเถอะ..เพราะวรยุทธของคุณชายก็ไม่ด่อยไปกว่าใครนะ” จูเอ๋อบอกคนรักเมื่อเห็นทำหน้าตาเคร่งเครียด และมองตามคุณชายอย่างเป็นห่วง
“เรื่องนั้นข้าไม่ห่วง...แต่ข้ากลัวว่าคุณชายจะไปเจอพวกเจ้าเล่ห์นะสิ..ข้ากลัวว่าคุณชายจะตามเล่ห์เหลี่ยมของพวกมันไม่ทัน” จูเอ๋อหัวเราะกับความกังวลของคนรัก
“พี่อี้ข้าว่าท่านกังวลเกินไปแล้ว...คุณชายไม่มีทางเสียท่าให้ใครง่ายๆหรอก และใครที่ไหนเล่าจะกล้าล่วงเกินคุณชายแห่งจวนเสนาบดีโดยไม่เสียดายชีวิตได้” คำพูดของจูเอ๋อ ทำให้ความหนักใจของจิ้งอี้ลดลงทว่าชายหนุ่มก็ยังไม่ว่างใจอยู่ดี จึงเสนอกับคนว่า
“เจ้าจะโกรธไหมถ้า เราจะเดินเที่ยวงานโดยแอบตามคุณชายไปห่างๆ นะ...”
จูเอ๋อก็ได้แต่พยักหน้าตามใจคนรัก เพราะสำหรับเธอมันอย่างไรก็ได้ ขอเพียงให้ได้อยู่ใกล้คนรักเป็นพอ
ทางด้านตวนมู่หญง หลังจากแยกมาจากองค์รักษ์และสาวใช้ประจำตัวแล้วนั้น ก็เดินเที่ยวงานอย่างสบายใจ มือหนึ่งถือโคมไฟที่ถูกใจ ส่วนอีกมือก็ถือขนมแสนอร่อยเดินกินไประหว่างทาง ในระหว่างนั้นเธอก็เดินดูโคมไฟในสถานที่ต่างๆ ที่ประดับประดา บนโตมไฟนั้นจะเขียนโครงกลอนต่างๆ มากมาย และโครงกลอนที่นิยมเขียนลงบนโคม จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรัก
และนั่นถือว่าเป็นแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับความรักในโลกแห่งนี้อย่างดีให้ศึกษา เพื่อเวลาที่ต้องหารักแท้ให้ฮ่องเต้ จะได้ง่ายขึ้นอีก
ขณะที่เธอกำลังยืนอ่านกลอนรักของโคมอันหนึ่ง หูก็ได้ยินคนคุยกันในเรื่องน่าสนใจ เกี่ยวกับนางโลมอันดับหนึ่งแห่งเรือนดอกเหมยจะเปิดการแสดงกลางน้ำ ทำให้เธอเกิดความอยากรู้จึงได้เดินไปดูตามทีได้ยิน
ณ เวทีกลางน้ำ ที่ถูกจัดเหมือนกับวิหารแห่งทวยเทพ ตรงกลางเวทีแห่งนั่น ป๋ายหลี่โฉมงามอันดับหนึ่งแห่งเรือนดอกเหมยในชุดแดงค่อยๆ เคลื่อนกาย ออกมาร่ายรำอย่างอ่อนช้อย โดยที่มีดนตรีบรรเลงคลอเคลีย ทำให้ใครต่อใครที่ไปดูต่างตกอยู่ในมนเสน่ห์แห่งป๋ายหลี่ และนั่นก็รวมถึงตวนมู่หญงด้วย
พอการแสดงจบ ผู้คนต่างตบมือเสียงดังกึกก้อง เพื่อเป็นเกรียติแต่ป๋ายหลี่ แล้วทันใดนั้นเวธีกลางน้ำที่ดูเหมือนจะลอยน้ำอยู่ดีๆ ก็เกิดพลิกคว่ำขึ้นกระทันหัน ผู้คนต่างก็ตื่นตระหนกร้องตะโกนโหกเวกกันไปทั่ว แล้วทันใดก็มีคนตะโกนขึ้นมาว่า ป๋ายหลี่ว่ายน้ำไม่เป็น ทำให้ตวนมู่หญงที่อยู่ริมน้ำใกล้จุดที่ป๋ายหลี่จมไปที่สุด ตัดสินใจกระโดดลงไปช่วยป๋ายหลี่ขึ้นมาจากน้ำอย่างทุลักทุเล เนื่องจากเสื้อผ้าของป๋ายหลี่เป็นอุปสรรคในการว่ายน้ำ แต่ในที่สุดเธอก็สามารถพาป่ายหลี่มาถึงฝั่งจนสำเร็จ
“โอย!...เกือบไม่ถึงฝั่ง” ตวนมู่หญงพูดปนหอบ นอนแผ่ ข้างๆ ร่างที่สลบไม่ได้สติของป๋ายหลี่ ซึ่งเธอไม่ได้สังเกตเลยว่าเสียงวุ่นวายเมื่อซักครู่ได้หายไปแล้ว เนื่องจากทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นได้แต่มองใบหน้าสวยชวนตะลึงของตวนมู่หญงที่ไม่รู้ว่าตอนที่ลงไปช่วยป๋ายหลี่นั้น มันได้หลุดหายไปกับสายน้ำแล้ว
“หลบหน่อยๆ หลบให้ข้าเข้าไปหาคุณชาย” เสียงจูเอ๋อที่ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ทำให้ผู้คนเริ่มได้สติ รีบตะโกนหาหมอมาดูอาหารของป๋ายหลี่ ซึ่งยังคงหมดสติอยู่
ส่วนตวนมู่หญงก็ถูกจูเอ๋อเข้ามาหาอย่างร้อนใจ พยายามซักถามอาการของเธออย่างร้อนรน
“คุณชายเจ้าค่ะเป็นอย่างไรบ้าง บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน แล้วจิ้งอี้ละไปไหน”
“เขาไปหาผ้าหม่ผ้าหม่อุ่นๆมาให้คุณชายเจ้าค่ะ อีกซักครู่ก็คงมา คุณชายรู้สึกหนาวมากหรือเปล่าเจ้าค่ะ”
ตวนมู่หญงโบกมือปฏิเสธ
“ไม่...ข้ายังไม่เป็นไร” พูดจบตวนมู่หญงก็หันไปมองป๋ายหลี่ที่อยู่ข้างๆ และสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มได้สติขึ้นมาแล้ว เธอจึงยิ้มกว้างอย่างยินดี
“แม่นางเป็นอย่างไรบ้าง”
คำถามที่แสนง่าย แต่อยากที่จะตอบ เนื่องจากป๋ายหลี่นั้นได้หลงไปกับรอยยิ้มและดวงตางดงามดังดวงดาวของตวนมู่หญงจนคิดอะไรไม่ออก จะมามีสติอีกครั้งที่จิ้งอี้แหวกผู้คนเข้ามาพร้อมกับผ้าหม่ผืนโต
“ขะ...ข้าไม่เป็นไร”
“งั้นก็ดีแล้ว...ขอให้แม่นางรักษาตัวด้วย” ตวนมู่หญงพูดอย่างโล่งอก เมื่อรู้ว่าคนที่เธอช่วยไม่เป็นไรแล้ว จึงหม่ผ้าของจิ้งอี้ แล้วลุกขึ้นเพื่อเดินไปยังรถม้าที่จิ้งอี้หามาเพื่อกลับจวน ทว่าเสียงร้องเรียกของป๋ายหลี่ทำให้เธอต้องหยุด และหันกลับไปมอง
“คุณชายเดี๋ยวเจ้าค่ะ”
ตวนมู่หญงหันกลับไปมองและเลิกคิ้วอย่างสงสัยว่ามีอะไรอีก
“ข้าน้อยเป็นหนี้บุณคุณนายท่านเสียแล้ว จึงได้โปรดรับการคาราวะจากข้าน้อย และเรียนเชิญนายท่านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรือดอกเหมยก่อนเถิด ”
ตวนมู่หญงนิ่งคิดไปชั่วครู่ก่อนที่จะพยักหน้ารับคำเชิญ โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของ จูเอ๋อหรือจิ้งอี้ เพราะในตอนนี้เธอเริ่มหนาวเกินกว่าจะกัดฟันทนจนถึงจวนได้
*********************************************************************************************
หลังจากนี้ไปจะอัพแบบวันเว้นวันละขอรับนายท่านทั้งหลาย... และต้องขอขอบคุณทุกท่านที่หลงเข้ามาอ่านนะขอรับ
แนะนำตัวละคร
แม่นางป๋ายหลี่ ยอดพธูแห่งเรือนดอกเหมย โฉมงามผู้ต้องการเป็นอิสระจากเรือนดอกเหมย
จิ้งอี้ หัวหน้าองค์รักษ์แห่งจวนเสนาบดีตวน คนรักของจูเอ๋อ ชายหนุ่มผู้ซื่อตรงต่อหน้าที่และหัวใจ
ความคิดเห็น