ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตะวันเหนืออสงไขย ภาคลบล้างคำสาปต้นตระกูล

    ลำดับตอนที่ #2 : เด็กหญิงตะวันผู้มาจากโลกอนาคต(รีไรท์)

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ค. 66


    ตะวันเด็กผู้หญิงตัวเล็กอายุแปดขวบ ได้ถูกส่งมาจากโลกอนาคตท่ามกลางความเป็นห่วงของทุกคนในครอบครัว

    ผ่านทางยานข้ามเวลารุ่นทันสมัยใหม่ล่าสุดที่ตระกูลของเด็กหญิงเป็นผู้สนับสนุน เพื่อให้มาลบล้างคำสาปต้นตระกูล

    ซึ่งยุคที่ว่านี้เป็นยุคแห่งความอดอยากหากินกับป่าเขา โดยหน้าที่หลักของเธอนั้นก็คือต้องมาช่วยท่านบรรพบุรุษยุคอดีตให้กระทำการต่าง ๆ ด้วยความถูกต้อง หยุดท่านในการกระทำต่อเรื่องผิดบาปและศีลธรรม

    เนื่องจากการกระทำของท่านบรรพบุรุษได้ส่งผลกระทบถึงเชื้อสายของท่านอย่างรุนแรงต่อชีวิตถึงแม้จะมีเงินมาก แต่ทว่าก็ต้องแลกมากับความเจ็บป่วยที่หาสาเหตุไม่ได้อยู่ร่ำไป

    โดยสาเหตุทั้งหมดทั้งมวลที่ทำให้ตระกูลของตะวันประสบพบเจอจากรุ่นสู่รุ่นมันเกิดจากคำสาปแช่งจากผู้คนที่มีต่อต้นตระกูลในครั้งอดีตที่เคยเป็นโจรเข่นฆ่าผู้คนไม่เว้นแม้กระทั่งลูกเล็กเด็กแดง คนแก่ชรา

    และเมื่อตะวันได้เดินทางมาถึงยุคที่ว่านี้ เธอถึงได้รู้ว่าบรรพบุรุษต้นตระกูลนั้นเป็นน้องชายของเจ้าของร่างที่ตนเองอาศัยอยู่ ซึ่งในปัจจุบันเด็กชายมีอายุหกขวบเพียงเท่านั้น

    จากข้อมูลของน้องเมฆผู้ซึ่งได้รับการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับต้นตระกูลของเธอเอาไว้ทั้งหมด

    ภารกิจนี้จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก และความโชคดีของเด็กหญิงก็คือเธอได้มีรูปร่างหน้าตา

    และชื่อเหมือนกับพี่สาวของเด็กชายตัวน้อย ที่ได้ถูกงูกัดตายใกล้กอไผ่โดยที่ไม่มีใครรู้ก่อนที่ตะวันจะมาถึงเพียงชั่วอึดใจเดียวอย่างน่าเหลือเชื่อ

    ย้อนกลับไปก่อนหน้าที่เด็กหญิงจะเข้าร่างของตะวันคนก่อน “น้องเมฆ เก็บยานเข้ามิติก่อนเถอะ หากมีใครมาเห็นคงจะไม่ดี” เด็กหญิงผู้มีรูปลักษณ์และการแต่งกายผิดกับผู้คนในยุคนี้รีบสื่อสารกับคู่หูตัวเล็ก

    ในขณะที่เจ้าตัวกำลังพินิจมองร่างอันไร้ลมหายใจของเด็กหญิงใบหน้ามอมแมม มีผมจุกเดียวอยู่บนศีรษะที่เส้นผมหลุดลุ่ยไม่เรียบร้อยเท่าที่ควร

    สวมเสื้อคอกระเช้าสีหม่นค่อนข้างเก่า นุ่งโจงสีดำเก่าซีด รองเท้าไม่ใส่ ‘ฐานะของท่านบรรพบุรุษคงลำบากมากทีเดียว ไม่เป็นไรตะวันมาแล้ว หนูจะทำให้ครอบครัวของเรารวยให้ได้ท่านบรรพบุรุษจะได้ไม่เป็นโจร’ เด็กหญิงคิดอย่างมุ่งมั่น

    ดังนั้นตะวันจึงคิดจะสวมรอยเป็นพี่สาวของท่านบรรพบุรุษ ‘ในเมื่อเธอตายไปแล้ว ตะวันจะนำร่างของเธอไปฝังนะ’ เด็กหญิงผู้มัดผมหางม้ากล่าวพร้อมกับพนมมือให้กับร่างที่นอนหลับตาปิดสนิทเพื่อเป็นการขออนุญาต

    โดยที่เด็กหญิงผู้มาจากโลกอนาคตไม่รู้เลยว่า กำลังจะเกิดเรื่องอันน่าอัศจรรย์ ขึ้นกับตนซึ่งระบบอัจฉริยะอย่างน้องเมฆก็ไม่อาจหาคำตอบให้เธอได้

    หลังจากที่เด็กหญิงนำมือเล็กขาวสะอาดของตนจับไปยังแขนของร่างที่ทอดกายนอนอยู่กับพื้นอย่างแน่นิ่ง ร่างกายเนื้อของผู้ที่ไร้ซึ่งวิญญาณ ก็ได้สลายหายไปและได้เข้ามาหลอมรวมกับเธอแทน

    ทำให้เด็กหญิงได้รับความทรงจำต่าง ๆ จากเจ้าของร่างเดิมมาทั้งหมดรวมถึงรูปลักษณ์ของเด็กหญิงผู้มาจากอนาคตก็ได้เปลี่ยนเป็นรูปลักษณ์ของตะวันในยุคนี้อย่างแปลกประหลาด

    การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้ทำให้ตะวันผู้มาจากอนาคตหลับตาด้วยความมึนงงอยู่สักพัก ก่อนที่เจ้าตัวจะเรียบเรียงความคิดให้เข้ารูปเข้ารอย

    “ตะวัน เป็นยังไงบ้าง” แมวดำตัวเล็กไถ่ถามผู้ที่มากับตนด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าร่างกายของเพื่อนผิดแปลกไป

    “น้องเมฆตะวันเจ็บขา ตอนนี้ระ..รู้สึกชะ..ชาดะ..” เด็กหญิงพูดจาติดขัดทำให้แมวดำสำรวจร่างกายของผู้ที่อยู่เบื้องหน้าอย่างละเอียด

    “กินยาแก้พิษเข้าไปก่อนเร็วเข้า ไม่อย่างนั้นตะวันได้ตายตามเจ้าของร่างเดิมก่อนเริ่มภารกิจเป็นแน่” แมวดำตัวน้อยกล่าวขึ้นอย่างร้อนใจ พร้อมกับนำเม็ดยาเล็กสีเขียวใส่เข้าปากของเด็กหญิงที่กึ่งนั่งกึ่งนอน ผู้กำลังหายใจลำบากอยู่ทันที

    หลังจากที่เด็กหญิงผู้มาจากอนาคตได้รับยาเข้าไป ภายในร่างกายตอนนี้ก็รู้สึกโล่ง โปร่งสบายอาการอึดอัด เจ็บปวดต่าง ๆ ก็ได้มลายหายไปจนสิ้น คงเหลือไว้เพียงร่องรอยบวมแดงที่แผลเล็กน้อยให้รู้ว่าเคยเกิดสิ่งใดขึ้นเท่านั้น

    “เป็นยังไงบ้าง” แมวดำตัวเล็กถามขึ้นอย่างเป็นห่วงอีกครั้ง

    “ดีมากเลยล่ะ ยาของพี่ชายนี่ให้ผลดีสุด ๆ สมกับเป็นนักวิจัยอันดับหนึ่งแห่งยุค” เด็กหญิงในรูปลักษณ์ใหม่ ซึ่งเหมือนกับคนในยุคนี้กล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง พลางเอ่ยชมพี่ชายที่อยู่กันคนละช่วงเวลาอย่างไม่หวงคำชม

    “หายแล้วก็ดี” แมวดำกล่าวขึ้นพลางถอนใจอย่างโล่งอก

    “น้องเมฆ ตะวันว่าเรามาเก็บหน่อไม้พวกนี้เข้ากระบุงกันเถอะ” เด็กหญิงตัวเล็กรูปร่างผอมกล่าวขึ้น หลังจากที่เจ้าตัวได้มองสำรวจไปรอบด้าน สถานที่ตนนั่งอยู่ แล้วไม่เห็นสิ่งอื่นใด นอกจากต้นไผ่ที่ยังคงมีหน่อแทงออกมาจากพื้นดิน รวมถึงหน่อไม้ที่กองอยู่ข้างกระบุงไม้ไผ่สานของเจ้าของร่างเดิมสามสี่หน่อขนาดกำลังกิน

    “ก็ดีนะ เราเอากลับไปด้วยเถอะ เจ้าของร่างเดิมคงออกมาหาอาหารให้ครอบครัวก็เลยมาถูกงูกัดอย่างแน่นอน” เสียงแมวดำร้องเหมียว ๆ ออกมา แปลเป็นคำพูดได้ตามนี้อย่างเห็นด้วย

    ดังนั้นตะวันกับแมวดำผู้แสนวิเศษจึงได้ช่วยกันเก็บหน่อไม้เพิ่มจนล้นกระบุงขนาดกลาง

    “น้องเมฆพอก่อนเถอะ แค่นี้ก็กินได้หลายมื้อแล้วล่ะ เหลือเอาไว้ให้ชาวบ้านคนอื่นบ้าง” ตะวันรีบห้ามแมวตัวน้อย หลังจากที่เธอเห็นว่ากระบุงเต็มจนไม่มีพื้นที่ว่างแล้ว

    แมวดำตัวเล็กจึงหยุดมือตามที่เพื่อนของตนสั่ง “ว่าแต่ตะวันจะเอาหน่อไม้พวกนี้ไปทำอะไรบ้าง เร้าเก็บไปเยอะอยู่นะ” น้องเมฆถามขึ้นอย่างสงสัยพลางเอาลิ้นเลียขนของตนไปด้วย

    “ต้ม แกง หมก ดองอย่างไรเล่า ยิ่งช่วงนี้เป็นฤดูของหน่อไม้ด้วยเอาไว้เราค่อยมาเก็บเพิ่มอีก คนในครอบครัวจะได้มีอาหารกินเพิ่มขึ้น” ตะวันพูดขึ้นโดยไม่รู้ว่าวิญญาณของเด็กหญิงเจ้าของร่างเดิมได้เห็นและได้ยินคำพูดของเธอทั้งหมด

    “น้องเมฆ รู้สึกหนาว ๆ เย็น ๆ ไหม ตะวันรู้สึกแปลก ๆ ยังไงไม่รู้” เด็กหญิงผู้มาจากโลกของอนาคตห่อไหล่เอามือโอบกอดตัวเองแน่นมองซ้ายขวา

    และเธอก็ได้เห็นร่างโปร่งแสงผู้ที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายตนออกมาท่ามกลางความว่างเปล่า

    “ขอบใจนะ ฉันขอฝากครอบครัวให้เธอช่วยดูแลด้วย ตอนนี้หมดหน้าที่ของฉันแล้ว ลาก่อน” วิญญาณเจ้าของร่างได้ปรากฏอยู่ต่อหน้าตะวันพร้อมพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

    “เฮ้ย! ผี” ตะวันร้องออกมาอย่างตกใจ ใบหน้าซีดเผือด ทำไมเธอถึงมองเห็นผีได้ละตะวันคิดขึ้นอย่างสงสัย

    “ตะวันจะตกใจทำไม ตะวันจำไม่ได้หรือว่าก่อนมาที่นี่ ตะวันได้ร่ำเรียนวิชาอะไรมาด้วย และคุณปู่ชราก็ได้ทำการเปิดตาที่สามให้ตะวันกลางหน้าผากด้วยไม่ใช่เหรอ นั่นและจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมตะวันถึงมองเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นอย่างไรเล่า” แมวดำตัวเล็กกล่าวเสียงเรียบกับเพื่อนผู้มีอาการแตกตื่นจนเกินควร

    “จริงด้วย ตะวันลืมไปเลย เธอไม่ต้องห่วงนะต่อไปนี้ตะวันจะเป็นคนดูแลครอบครัวของเราเองขอให้เธอสบายใจได้” ตะวันหัวเราะแห้ง ๆ ออกมา จากนั้นเจ้าตัวจึงได้บอกกับวิญญาณเจ้าของร่างเดิมผู้ที่ร่างวิญญาณกำลังจะหายไป

    เมื่อตะวันเห็นร่างวิญญาณของเด็กหญิงผู้นั้นหายไปแล้ว เธอก็รู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก

    “น้องเมฆตะวันคันหัวอ่ะ” เด็กหญิงยกมือเกาหัวของตนพอยิ่งเกาเด็กหญิงก็ยิ่งคันจึงได้ลงมือเกาหนักขึ้น จนกระทั่งเส้นผมที่หลุดลุ่ยเพียงเล็กน้อยนั้นเริ่มหลุดลุ่ยมากขึ้น

    และเหมือนกับว่ามือของเธอได้สัมผัสกับตัวอะไรบางอย่าง เด็กหญิงจึงได้หยิบเจ้าสิ่งนั้นออกมาดู ซึ่งเมื่อเธอมองเห็นมือและเล็บของตนซึ่งเต็มไปด้วยคราบดำ ๆ สกปรกและเล็บยาว

    ตะวันก็นั่งนิ่งไปด้วยความตกใจ ‘เอาเถอะ เดี๋ยวเราค่อยจัดการตัวเองให้สะอาดก็แล้วกัน’ เด็กหญิงคิดอย่างปลงตก ก่อนที่เธอจะดูสิ่งที่อยู่ในมือ

    และก็ได้เห็นสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ ดำ ๆ กำลังไต่อยู่บนมือของตนด้วยความรู้สึกชวนขยะแขยง เพราะรูปร่างของมันเหมือนกับที่เธอเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง

    “น้องเมฆมันคือตัวอะไรไม่รู้อยู่บนหัวของพี่ น่าเกลียดชะมัดยาด” ตะวันถามกับเมฆผู้ซึ่งถูกบรรจุข้อมูลของเรื่องราวทุกอย่างมาอย่างละเอียด

    เมื่อเมฆได้สแกนสัตว์ตัวเล็กที่อยู่ในมือพี่สาวก็ร้องเหมียวเสียงสูงออกมาอย่างตกใจ ซึ่งจะมีเพียงตะวันเท่านั้นที่รู้ว่าแมวของตนพูดอะไร

    “เหา” คำเดียวที่หลุดออกจากปากของเมฆตัวน้อย ทำให้ตะวันหน้าถอดสี ซึ่งในยุคอนาคตที่เธอจากมาสัตว์ชนิดนี้สูญพันธุ์ไปหมดแล้วจะเห็นได้ก็จากในหนังสือเพียงเท่านั้น

    “ตะวันรับไม่ได้ ที่นี่คือที่ไหนทำไมมันมีสัตว์ที่หายไปหลายพันปีอย่างนี้อยู่อีก นี่แสดงว่าตอนนี้ตะวันจะต้องสกปรกมากเป็นแน่ ไม่ได้การแล้ว ตะวันจะต้องกำจัดเหาโดยด่วน” ตะวันพูดออกมาอย่างหมายมั่นพร้อมกับเอามือเกาหัวของตนไม่หยุดหย่อน

    “ตะวัน ลูกอยู่ที่ไหนกลับบ้านกันได้แล้ว แสงของวันกำลังจะหมดลงมันจะเป็นอันตราย” เสียงห้าวทุ้มของบุรุษหนุ่มตะโกนเรียกชื่อลูกสาวอยู่ไกล ๆ หลังจากที่เขาเดินกลับออกมาจากป่าแล้วไม่เห็นผู้เป็นบุตรสาวตัวน้อย

    “พ่อจ๋า หนูอยู่ตรงนี้จ้ะ” ตะวันขานรับไปตามสัญชาตญาณ ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้รู้สึกขัดเขินอันใด เพราะตอนนี้เธอคิดว่าตะวันคนก่อนก็คือเธอ เธอตอนนี้ก็คือตนเอง

    สิ้นเสียงของเด็กหญิง ชายรูปร่างผอมสูงผิวสีเข้มจากการตากแดดทำงานหนักกลางแจ้งอยู่เป็นนิจก็ปรากฏกายออกมา

    “ลูกเป็นอะไร” หาญถามลูกสาวน้ำเสียงไม่สบายใจด้วยความเป็นห่วงเมื่อเขาเห็นว่าลูกน้อยนั่งอยู่กับพื้นดินสภาพเผ้าผมไม่เรียบร้อยเฉกเช่นตอนออกจากบ้าน

    ตะวันยังไม่ทันตอบผู้เป็นพ่อที่มีรูปลักษณ์คล้ายกับบิดาของตนจากโลกอนาคต ผู้เป็นพ่อก็ได้นั่งชันเขาหนึ่งข้างและยกเท้าของลูกสาวตัวน้อยขึ้นมาดูเสียแล้วทำให้เด็กหญิงรู้สึกตกใจ

    “ลูกโดนงูกัดอย่างนั้นเหรอ แล้วมันมีพิษหรือเปล่าไม่ได้การแล้วพะ..พ่อจะต้องรีบพาลูกไปหาปู่” หาญผู้ซึ่งมีใจห่วงคนเป็นลูกกล่าวตะกุกกักด้วยความหวาดกลัวตัวเย็นเยียบ

    “พ่อใจเย็น ๆ นะจ๊ะ ตะวันได้ใช้สมุนไพรของปู่หินรักษาก่อนที่พ่อจะมาถึงแล้ว ตอนนี้มันเหลือแค่บวมแดงเล็กน้อยอย่างเดียว” ตะวันรีบส่งเสียงปลอบคนโตตัวกว่า ก่อนที่เธอจะกล่าวออกมาโดยบิดเบือนจากความจริง

    และช่างเป็นโชคดีของเธอ ที่อดีตเจ้าของร่างชอบเรียนรู้เรื่องสมุนไพร รวมทั้งยังมักพกยาติดตัวไปด้วยเวลาเข้าป่า จะยกเว้นก็แต่ครั้งนี้ที่อดีตเจ้าของร่างไม่ได้นำมาด้วยจึงทำให้เธอตกตายลง

     ซึ่งคำพูดของบุตรสาวตัวน้อยก็ไม่ได้ทำให้พ่อรู้สึกสงสัยแต่อย่างใด “ลูกมาขี่หลังพ่อเถอะ หนูน่าจะเดินไม่ไหว” หาญผู้ซึ่งเห็นว่าลูกไม่น่าจะเป็นอะไรจริง ๆ เขาจึงได้วางใจและเอ่ยปากให้ลูกสาวขี่หลังของตน

    “พ่อจ๋า จะหนักไหม”ตะวันถามอย่างลังเล

    “จะหนักอะไรกัน ลูกพ่อผอมแห้งจนมีแต่กระดูกแบบนี้ จะเอาอะไรมาหนัก ถ้าพ่อมีเงินมากกว่านี้หนูกับน้องก็คงจะได้อ้วนท้วนกันขึ้นมาบ้าง”น้ำเสียงของหาญเต็มไปด้วยความเศร้า

    ตะวันที่เกาะหลังของพ่ออยู่รับรู้ได้ถึงความสะเทือนใจในน้ำเสียงของเขาเด็กหญิงจึงได้กล่าวปลอบออกไป

    “พ่อไม่ต้องกลัวนะ ตะวันเชื่อว่านับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปบ้านของเราจะต้องมีกินไม่อดเหมือนที่ผ่าน ๆ มาอย่างแน่นอน

     เพราะตอนที่ตะวันโดนงูกัดแล้วหลับไป มีคุณตาใจดีมาสอนตะวันหลายเรื่องและหลายอย่างเลย

    และยังให้พรกับตะวันมาด้วย พ่อเชื่อตะวันนะว่าต่อไปนี้บ้านของเราและคนในหมู่บ้านที่ดีกับเราจะต้องดีขึ้นไปด้วยกัน” ตะวันเมื่อเห็นโอกาสอันดีที่จะได้ใช้ความรู้ที่ตัวเองมี

    เธอจึงได้คิดอุปโลกน์คุณตาที่ไม่มีอยู่จริงพูดเจื้อยแจ้วในขณะอยู่บนแผ่นหลังของคนเป็นพ่อโดยที่เจ้าตัวไม่ได้รู้เลยว่าคำพูดของตนนั้นได้ทำให้บิดาใจหายวาบ

    อีกทั้งยังไปด้วยความกลัว ในเรื่องที่ลูกสาวบอกว่าตนเองได้หลับไปนั้น ไม่ใช่แปลว่าลูกสาวของเขาตายไปแล้วและฟื้นกลับคืนมาใช่ไหม เพราะถ้าแค่หลับไปเฉย ๆ จะไปเจอเข้ากับใครได้ยังไง และไหนยังจะได้รับพรอีก และอีกอย่างที่เขารู้สึกได้ก็คือตอนนี้ลูกของเขาก็เหมือนกับว่าจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย

    จากเด็กไม่ค่อยพูด ก็พูดจามากขึ้น ทว่าเขากลับคิดว่าการที่ลูกเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกันดูสดใสมากกว่าเดิมตั้งเยอะ

    พ่อที่ให้ลูกสาวขี่หลัง ก็ได้ฟังเสียงเจื้อยแจ้วของลูกสาวตัวน้อยมาตลอดทาง บางครั้งลูกสาวก็ถามอะไรบางอย่างที่เหมือนกับว่าตนน่าจะรู้ก็กลายเป็นไม่รู้แต่เขาเองก็เต็มใจที่จะตอบ

    โดยที่หาญคิดไปว่าบางทีลูกสาวของตนอาจจะได้ไปเที่ยวมาไกลและก็คงจะหลงลืมไปบ้าง ซึ่งก็นับว่ายังเป็นโชคดีของเขาที่ยังได้ลูกน้อยกลับคืนมา

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×