คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : สงครามศักดิ์สิทธิ์ (ตอนต้น)
3 ปีหลังจากจบศึกที่อ่าวเรดไลน์ ยังไม่มีการยืนยันว่าโพรมีเทียสตายแล้วจริงหรือไม่ ผม … อิชิซาว่า ริโตะ ตอนนี้เข้ารับตำแหน่งเป็นหัวหน้ากองบิน Phantom Pain แล้ว ตอนนี้แม้ว่าอาร์ลิงตันจะไม่ค่อยเคลื่อนไหวอะไร แต่ทางไบจินิวก็ยังเป็นกังวลเรื่องที่ว่ากบฏบัลทาลัสจะลงมืออีกครั้ง ช่วงเวลาสามปีมีความเปลี่ยนแปลงมากมาย ตำแหน่งของหัวหน้าหน่วยหนึ่งยังคงว่างอยู่ ผมคิดว่าคงยังไม่มีใครที่เหมาะสมจะมาแทนยูเฟรที่หายตัวไปได้ หน่วยห้าเองก็เหมือนกัน ตั้งแต่คุณโยบิหายตัวไปก็ยังไม่มีใครเข้ามาแทน ในหน่วยสองถึงจะเพิ่มคุณอังเดรเข้ามา แต่เอาเข้าจริงคุณอังเดรจะสนใจพวกงานวิจัยมากกว่าการออกสมรภูมิ
“คุณริโตะ … ผมมีข่าวดีจะแจ้งให้คุณทราบ” อยู่ๆอังเดรก็เดินเข้ามาหาริโตะ
“อะไรงั้นเหรอครับ” ริโตะถาม
“เราทราบแล้วว่าตอนนี้ยูเฟรอยู่ที่หุบเขาสตาร์ไลท์ เขายังมีชีวิตอยู่ แต่ผมลองติดต่อเขาแล้ว เขาบอกว่าขอเวลาในการฝึกฝนตัวเองก่อน แล้วจะกลับมาเมื่อถึงเวลาอันควร” อังเดรตอบ
“แล้วเรียวล่ะ ตอนนี้ไปไหน” ริโตะถาม
“ได้ยินว่าไปลาดตระเวนแถบบาร์คซิตี้น่ะครับ” อังเดรตอบ
บาร์คซิตี้ ซากเมืองบริเวณแนวชายแดนไบจินิวและอาร์ลิงตัน
“ตามรายงาน มันก็น่าจะอยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอ แปลกจริงๆ” เรียวพยายามมองหาบางสิ่งบางอย่าง แต่ไม่พบอะไรจึงนำเครื่องกลับ จนมาถึงบริเวณอ่าวเรดไลน์ก็ได้ปรากฏฝูงบินไม่ทราบฝ่ายตรงมายังเขาจำนวน 5 ลำ
“มาจากทางร็อกเนสงั้นเหรอ” เรียวตรวจสอบตำแหน่งทิศทางที่น่าจะเป็นต้นทาง แต่เขาไม่มีเวลามากนักจึงต้องทำการเผชิญหน้ากับเครื่องบินไม่ทราบสัญชาติ 5 เครื่องแต่เขาก็ใช้เวลาอันสั้นในการจัดการ แต่ทว่าเขาไม่ทันตั้งตัวกลับโดนเครื่องที่ 6 ซึ่งซ่อนอยู่ทิ้งบอมบ์ใส่ ซึ่งเขาก็หลบได้อย่างเฉียดฉิว
“มีอีกงั้นเหรอ” เรียวพยายามเลี้ยวกลับไปกระหน่ำมิสไซล์ใส่ แต่อีกฝ่ายหลบได้แบบไม่ยากเย็น แถมยังทิ้งระเบิดชุดใหญ่โต้กลับใส่ I-Gear ของเรียว ซึ่งคราวนี้เรียวพลาดที่หลบไม่ทันและเครื่องของเขาก็ตกลงไปในทะเล ส่วนตัวเองก็บาดเจ็บสาหัสแถมอีกฝ่ายก็ยังลอยหน้าลอยตาหนีไปได้อีก
วันต่อมา โรงพยาบาลทหาร ในเมืองไบจินิว
“อาการสาหัสขนาดนี้เลยงั้นเหรอ” ริโตะมองดูสภาพของเรียวที่นอนอยู่ บาดแผลฉกรรจ์ทั่วร่าง
“เป็นตายเท่ากันเลย และถึงจะมีชีวิตรอดก็ไม่ใช่ว่าจะออกบินได้อีก ยังไงทางนี้จะพยายามสุดความสามารถค่ะ คุณริโตะ” หมอสาวที่แววตาคมดั่งเพชฌฆาตพูดด้วยสีหน้านิ่ง
“ฝากด้วยนะ เอรีส … ว่าแต่ว่า … ช่วงเที่ยงนี้คุณว่างรึเปล่าล่ะ ผมกะจะชวนไปกินข้าวซะหน่อย” ริโตะถาม
“ถ้าอาการของเรียวที่นอนอยู่ตรงนี้ดีขึ้นหน่อยก็ว่างแล้วล่ะ แต่ว่ามาชวนสาวมีเจ้าของไปกินข้าวด้วยแบบนี้ ไม่กลัวจะมีปัญหาเหรอ” เอรีสถามแบบหยอกๆ
“ก็ไม่ได้ไปกินกันสองต่อสองนี่ครับ มายะก็ไปด้วย คิมูระกับเมย์รินก็อยู่ ไม่มีปัญหาหรอกครับ คุณอังเดรเขาเข้าใจนั่นแหล่ะครับ ว่าแต่เมื่ไหร่พวกคุณจะแต่งงานกันซักทีล่ะครับเนี่ย” ริโตะถาม
“เห็นว่าหลังเสร็จเรื่องงานใหญ่ครั้งถัดไปล่ะมั้ง เฮ้อ … รายนี้ก็บ้างานตามเคย ไม่รู้แต่งไปพอมีลูกแล้วจะมีเวลาให้รึเปล่านี่สิ ชักจะห่วงอนาคต” เอรีสบ่น
“เอาน่า ในอนาคตเขาคงปรับได้เองแหล่ะ” ริโตะพูดให้เอรีสใจเย็นลง
“ถ้าเป็นงั้นก็ดี” เอรีสพูด
“ถึงบอกงั้นแต่คุณก็ตัดสินใจหมั้นกับเขาไว้นี่ครับ” ริโตะตอบ
“เรื่องนั้นมันก็จริง ขอตัวก่อนละกัน” เอรีสตอบก่อนจะไปทำงานต่อ
หุบเขาสตาร์ไลท์
“ผมมีข่าวร้ายจะมาแจ้งครับ” ชายสวมเสื้อกาวน์เดินเข้าไปหาชายซึ่งกำลังนั่งพักอยู่ริมแม่น้ำ
“ข่าวร้ายอะไรอีกล่ะ” ชายหนุ่มร่างเล็กผมสีน้ำตาลถาม
“ไคบะ เรียว โดนเล่นงานที่อ่าวเรดไลน์ ตอนนี้อาการสาหัสเลยทีเดียว ผมเพิ่งไปตรวจสอบซากของเครื่องบินที่คุณเรียวยิงตก คุณลองทายดูซิว่าเป็นยังไง” ชายสวมเสื้อกาวน์พูดเปิดประเด็น
“บอกผมมาตรงๆเลยดีกว่าน่า คุณอังเดร” ชายหนุ่มร่างเล็กผมสีน้ำตาลพูด
“เป็นเครื่องบินแบบไร้คนขับครับคุณยูเฟร ผมก็ไม่แน่ใจว่าใครกันที่ส่งของพวกนี้มา แต่ถ้าถึงขั้นนี้แล้วมันต้องไม่ประสงค์ดีต่อไบจินิวแน่ๆ” อังเดรตอบ
“ของมันแน่อยู่แล้วล่ะครับ” ยูเฟรพูด
“ผมก็เห็นว่ามันก็ควรแก่เวลาแล้วล่ะครับ เพราะยังไงตำแหน่งหัวหน้าหน่วย 1 Phantom Pain ไม่มีใครมาแทนที่คุณได้หรอกครับ ในตอนนี้” อังเดรพยายามโน้มน้าว
“เฮ้อ … งั้นคงเลี่ยงไม่ได้ แต่บอกพวกเขาว่าผมขอเวลาอีก 3 วันผมถึงจะกลับไป ตามนี้นะครับ” ยูเฟรตอบ
“แล้วจะรอครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” อังเดรตอบก่อนจะกล่าวอำลา
3 วันต่อมา ฐานทัพอากาศไบจินิว
“คุณอังเดร พอจะทราบอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลอบโจมตีที่อ่าวเรดไลน์บ้างรึยังครับ” ริโตะเดินเข้ามาถามขณะที่อังเดรกำลังจะเดินเข้าไปที่ห้องทดลอง
“ไม่แน่ใจครับ เป็นแค่ข้อสันนิษฐาน และผมภาวนาให้ข้อสันนิษฐานนี้ผิดด้วย” อังเดรพูดพร้อมกับถอนหายใจ
“ทำไมล่ะครับ” ริโตะถาม
“มันกลับมาแล้วครับ มิคาอิล สเตฟานอฟ แต่ผมก็ไม่ยืนยัน ภาวนาว่าให้ผมเข้าใจผิดทีเถอะ กับรายนี้ผมไม่ค่อยอยากจะยุ่งด้วยเท่าไหร่เลย” อังเดรพูดเสร็จก็ถอนหายใจอีกรอบ
“ถ้ามันมาเราก็ต้องสู้อยู่แล้ว จะกลัวไปทำไมครับ” ริโตะพูด
“คุณยังไม่เคยเห็นความน่ากลัวของคนๆนี้ ถึงจะบอกว่าเป็นนักวิจัย แต่ฝีมือด้านการรบนั้น มิคาอิลก็ไม่แพ้ทหารกล้าเลยนะครับ” อังเดรตอบ
“คุณเองก็เป็นทั้งทหารและนักวิจัย ก็เหมือนกันนี่ครับ” ริโตะพูด
“ไม่เหมือนหรอกครับ เพราะทั้งฝีมือการต่อสู้ หรือมันสมอง ผมเทียบมิคาอิลไม่ได้เลยครับ” อังเดรตอบ
“ไม่เอาน่า คุณน่ะก็มีความสามารถนะ มั่นใจในตัวเองหน่อยสิ” ริโตะพูด
“ความมั่นใจในตัวเองบางครั้งมันก็ไม่ช่วยอะไรหรอกนะครับ ขอโทษด้วยนะครับ คือผมคงต้องไปที่ห้องทดลองแล้วล่ะครับ ขอตัวก่อนนะครับ” อังเดรดูเวลาก่อนจะตอบแล้วรีบไปที่ห้องทดลอง
“งั้นก็ตามสบายครับ ผมคงต้องกลับไปที่สำนักงานกองบินซะหน่อยครับ” ริโตะตอบก่อนจะแยกทางออกมา
สำนักงานกองบิน Phantom Pain
“คุณอังเดรแจ้งมาว่าคุณจะกลับมา ผมรู้สึกยินดีจริงๆครับ ไม่ได้พบกันนานคุณยูเฟรเป็นไงมั่งครับ” ริโตะเข้าไปถามยูเฟรซึ่งตอนนี้สวมเครื่องแบบทหารกลับมายังกองบินแล้ว
“ก็อย่างที่เห็น อาศัยช่วงเวลาสามปีกว่าๆที่หายไปฝึกฝนตัวเองเพิ่มเติม” ยูเฟรตอบแบบห้วนๆ
“กลับมาเหนื่อยๆ ทานของว่างหน่อยสิครับ” ริโตะพูดเชิญ
“ถ้านั่นล่ะก็ มายะเอามาให้พักใหญ่แล้วล่ะครับ” ยูเฟรพูด
“ครับ” ริโตะตอบสั้นๆ
“คุณริโตะครับ สามปีที่ผ่านมาไม่ได้สูญเปล่าหรอกนะครับ การที่ผมได้ลงไปอยู่ตรงจุดที่พวกเราไม่อาจมองเห็น ตอนนี้ผมก็ไปแอบทราบว่ามีลัทธินึงกำลังเคลื่อนไหวอยู่ครับ ถ้าเป็นแค่ตามข่าวก็ไม่ได้มีอะไรมาก แต่ดูท่าทางลัทธินี้ต้องการจะครอบงำไบจินิว เท่าที่ผมทราบมานะครับ” ยูเฟรรายงานสิ่งที่เขารู้ให้ริโตะฟัง
“ลัทธิ … เป็นลัทธิแบบไหนล่ะครับ” ริโตะถามด้วยความสงสัย
“เป็นลัทธิที่ไปหยิบคำสอนของศาสนามาบิดเบือนครับ นับถือพระเจ้าเงาเป็นพระเจ้าสูงสุด โดยพวกนั้นจะอ้างว่าพระเจ้าเงาคือพระเจ้าของทุกศาสนา และลัทธิตนคือลัทธิที่ยิ่งใหญ่ครอบคลุมทุกศาสนา ตัวเจ้าลัทธินั้นผมยังไม่เคยเจอ แต่ว่าพวกนั้นเริ่มจะสั่งสมกองกำลังและเรียกกองกำลังเหล่านั้นว่านักรบพระเจ้า พวกนี้จะคอยทำลายคนอื่นโดยอ้างว่าเป็นบัญชาของพระเจ้า เห็นว่าพระเจ้าปฏิเสธทุนนิยมจึงส่งนักรบพระเจ้าไปทำลายสถานที่ที่มีความหมายเช่นนั้น อย่างข่าวเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วที่เกิดไฟไหม้ศูนย์การค้าในไบจินิว หลักฐานอ่อนที่จะสรุปสาเหตุ แต่เมื่อวานนี้ผมเพิ่งไปลากตัวคนที่ลงมือมาได้ เพราะเมื่อวานมันคิดจะไปเผาย่านการค้าที่ไซลอปแต่ผมเห็นซะก่อน คุณอังเดรมาช่วยจัดการเค้นความลับก็ปรากฏว่าเป็นพวกมันนี่แหล่ะ ตอนนี้นับได้ว่าพวกนี้เป็นภัยต่อไบจินิวจริงๆนั่นแหล่ะครับ” ยูเฟรอธิบาย
“แล้วทำไมเบื้องบนถึงยังปล่อยให้พวกนี้รอดอยู่ได้ล่ะครับ” ริโตะถาม
“เรื่องนักรบพระเจ้าอะไรนั่น เพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน และการวางเพลิงศูนย์การค้านั้นก็เป็นคดีแรก ถึงจะไม่อยากเชื่อก็เถอะ แต่ลองคิดดูนะครับว่าถ้ามีแบบพวกนี้อีกหลายๆคน ซักวันพวกมันคงคิดที่จะปฏิวัติก็เป็นได้” ยูเฟรพูด
“แล้วเรื่องนี้รายงานให้ท่านผู้นำทราบรึยังครับ” ริโตะถาม
“เพิ่งฝากรายงานไปกับคุณอังเดรเมื่อเช้านี้แหล่ะครับ ศึกภายนอกว่าร้ายแล้ว แต่ศึกภายในก็น่ากลัว ที่จริงพวกลิ่วล้อของลัทธินี้ก็ชาวไบจินิวเหมือนกับพวกเราทั้งนั้น” ยูเฟรพูด
“น่าลำบากใจอยู่พอดูเลยนะครับ” ริโตะพูดจากนั้นเมย์รินก็ติดต่อเข้ามา
“คุณริโตะคะ ท่านผู้นำต้องการคุยด้วยค่ะ เอาภาพขึ้นจอมอนิเตอร์เลยไหมคะ” เมย์รินถามเพื่อความแน่ใจ
“ครับผม” ริโตะตอบ
“สวัสดีค่ะ คุณริโตะ” คำทักทายจากสาวน้อยน่ารักที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอมอนิเตอร์ดังขึ้น ดูรูปลักษณ์ภายนอกเป็นเด็กผู้หญิงที่ไร้เดียงสาแต่กลับสวมชุดเครื่องแบบพร้อมประดับยศที่บ่งบอกถึงตำแหน่งที่สู
“สวัสดีครับท่านผู้นำ” ริโตะยืนขึ้นและตอบรับเสียงของเด็กสาว
“ทางเราเพิ่งทราบเรื่องเกี่ยวกับลัทธิประหลาดที่ก่อตั้งกันอย่างลับๆในไบจินิว ตามรายงานของคุณยูเฟร ทางเราได้ลองตรวจสอบไปแล้ว พวกนั้นเรียกตัวเองว่า Shrine และเราได้ให้หน่วยข่าวกรองหาข้อมูลเพิ่มเติม พบว่าพวกมันมีสร้างอาคารลับไว้กลางป่าบนเขาร็อกเนส ดาวเทียมของเราจับภาพไว้ได้ แต่ไม่นานนักสัญญาณก็ขาดหายไป คาดเดาว่าเป็นการโจมตีจากภายนอกค่ะ” เด็กสาวบอกสิ่งที่ตัวเองเพิ่งได้รู้มากับริโตะ
“ท่านผู้นำครับ แล้วพวกผมต้องทำยังไงต่อไปครับ ตอนนี้ Phantom Pain อยู่ในสภาวะที่ค่อนข้างย่ำแย่เลยนะครับ” ริโตะบอกกับเด็กสาว
“ตำแหน่งหัวหน้าหน่วย 2 4 และ 5 ซึ่งตอนนี้ว่างลง คงต้องหาคนมาแทน แต่ถ้าเราหาคนมาแทนนั้น คุณจะยอมรับรึเปล่าคะ อยากจะปรึกษาก่อนค่ะ เพราะกะว่าจะมอบหมายงานให้ Phantom Pain ไปตรวจสอบอาคารนั้นซักหน่อยค่ะ” เด็กสาวอธิบายถึงจุดประสงค์ที่ติดต่อมา
“งั้นผมอาจจะต้องคิดดูก่อนนะครับ แต่เรื่องนี้ด่วนขนาดไหนครับ กับการที่ต้องไปตรวจสอบ” ริโตะถาม
“ที่จริงเป็นไปได้ก็อยากให้ไปตรวจสอบพรุ่งนี้เลยค่ะ ส่วนเรื่องวางคนเข้าหน่วยเราจะเอาไว้หลังจากนั้นก็ได้ค่ะ” เด็กสาวตอบ
“ว่าแต่ ใครต้องรับงานนี้มั่งครับท่านผู้นำ” ริโตะถาม
“ที่เราคิดไว้ก็น่าจะเป็นคุณ คุณยูเฟร และคุณอังเดรค่ะ คือต้องการให้แอบเข้าไปดูว่าพวกนั้นต้องการทำอะไร มีแผนอะไรอยู่ค่ะ” เด็กสาวตอบกลับ
“งั้นเหรอครับ แล้วพวกผมต้องทำอะไรบ้างครับ” ริโตะถาม
“ลอบเข้าไปในตัวอาคาร ล้วงเอาข้อมูลที่สำคัญกลับมา รายละเอียดไว้คุณอังเดรจะบอกพวกคุณเองค่ะ” เด็กสาวตอบกลับ
“รับทราบครับ ท่านผู้นำ” ริโตะตอบรับ
“การป้องกันรอบๆ ตอนนี้ตรวจสอบแล้วว่าไม่มี แต่ก็อย่าได้ประมาทไปล่ะ ระวังตัวด้วยนะ” เด็กสาวพูด
“ขอบคุณที่เป็นห่วงครับท่านผู้นำ” ริโตะตอบ
วันต่อมา ร็อคเนสมิดเดิ้ล
“ให้เอาเครื่องลงกลางป่าแบบนี้จะไม่เป็นไรแน่เหรอครับ” ริโตะถาม
“ไม่เป็นไรหรอก เซตตำแหน่งลงจอดให้เรียบร้อย” อังเดรตอบจากนั้นทั้งสามเครื่องก็ได้ลงจอด
“ฐานของพวกมันอยู่ด้านล่างนั่นสินะครับ” ยูเฟรถามพื่อความแน่ใจ
“อืม และจากนี้เราก็คงต้องใช้เวลาเดินอีกราวๆ 30 นาที นี่ประมาณอย่างเร็วเลยนะ แต่ว่านะตามแผนที่วางไว้คงพอจะเข้าใจนะครับ” อังเดรถามเพื่อความแน่ใจ
“เข้าใจแล้วครับ” ริโตะตอบ
ชั้นบนของฐานลับของ Shrine
“ดูๆไปแล้วเหมือนกับสถานที่ประกอบพิธีกรรมเลยแฮะ” ริโตะแอบปลอมตัวเข้ามาและมองดูกลุ่มคนที่เป็นสาวกของลัทธิกำลังรวมตัวกันในห้องที่เหมือนกับห้องประกอบพิธี ซึ่งเขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะประกอบพิธีอะไร แต่เห็นว่าบริเวณหน้าห้องนั้นมีการขนเอาลังใส่ของบางอย่างออกมา และนำไปวางเอาไว้บริเวณปล่องควัน
“ยืนบื้ออะไรอยู่ จะเริ่มพิธีอยู่แล้ว เข้าไปสิ” สาวกคนหนึ่งของ Shrine เข้าใจผิดคิดว่าริโตะคือพวกเดียวกัน จึงลากตัวริโตะเข้าสู่ห้องประกอบพิธี
ห้องควบคุมและคลังข้อมูลของ Shrine
“แกล้งเนียนเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยนี่มันไม่ง่ายเลยแฮะ” ยูเฟรคิดพลางเอาเครื่องถอดรหัสที่อังเดรให้มาเสียบเข้าที่เครื่องคอมพิวเตอร์ในห้องควบคุม หลังจากที่เขาจับยามตัวจริงมัดแบบดิ้นไม่หลุดปิดปากแถมโปะยาสลบจนไม่สามารถขัดขืนได้ ที่เหลือแค่รอให้ถอดรหัสได้
“หือ … เร็วชะมัด … นี่มัน … ปฏิบัติการยูโทเปียงั้นเหรอ” ยูเฟรมองดูหลังจากที่เครื่องถอดรหัสเสร็จเรียบร้อย ตัวเขาถึงกับเหลือเชื่อเมื่อเปิดไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับแผนของ Shrine จากนั้นเขาจึงรีบลงมือขโมยไฟล์ที่ว่านี้เพื่อเอากลับไปวิเคราะห์โดยละเอียดอีกครั้ง
ห้องทดลอง ชั้นใต้ดินของฐานลับ Shrine
“มีห้องทดลองแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ” อังเดรลอบเข้าไปในห้องทดลองพลางมองดูหลอดทดลองที่บรรจุของเหลวสีเหลืองซึ่งเขายังระบุไม่ได้ว่าคืออะไรไว้ รู้แค่ว่าหลอดทดลองนั้นปิดสนิท จากนั้นเขาจึงหยิบออกมาสามหลอดเก็บไว้แล้วจึงรีบออกมาจากห้องทดลอง จากนั้นจึงแอบสังเกตการณ์พวกที่เดินเข้ามาในห้องทดลอง
“ดูๆไป พวกนั้นน่าจะเป็น Technician มากกว่าจะเป็นพวกนักวิจัยแฮะ” อังเดรคิดเพราะสังเกตจากที่อีกฝ่ายได้แต่ทำตามคู่มือไปเรื่อยๆ และแค่นำหลอดทดลองหลายๆหลอดไปใส่ในครอบแก้วเท่านั้นและดูเหมือนจะไม่ทำอะไรนอกจากนั้นเลย
ห้องประกอบพิธี ชั้นบนของฐานลับ Shrine
“หือ … ที่แท้ที่ได้ข่าวมาเป็นแบบนี้งั้นเหรอเนี่ย” ริโตะทำสีหน้างุนงงที่เห็นว่าสิ่งของในลังก็เป็นพวกสินค้าที่วางจำหน่ายกันทั่วไปตามร้านค้าต่างๆ ซึ่งพักนี้เขาได้ข่าวว่ามีขโมยบุกตามร้านต่างๆบ่อยขึ้น โดยจะหยิบฉวยเอาสิ่งของต่างๆมาแบบไม่ทันสังเกต
“ทุกท่านโปรดฟัง ในไม่ช้าพวกเราจะเริ่มพิธีทำลายพวกทุนนิยม” ชายร่างอ้วนสวมแว่นดำเดินมาประกาศต่อหน้าคนที่อยู่ในห้องประกอบพิธี
“จะทำอะไรของมัน” ริโตะคิด
“สิ่งของพวกนี้ เหล่าสาวกได้มาฟรีๆและนำมามอบให้เพื่อใช้ในพิธีทำลายทุนนิยม นี่เสมือนการเชือดไก่ให้ลิงดู แม้นวันนี้เรามิอาจทำลายได้ทั้งหมด แต่วันหน้าเมื่อวันแห่งคำพิพากษามาถึง เราจะทำลายผู้ขัดขืนต่อพระเจ้าเงาทั้งหมด” ชายสวมแว่นดำพูด
“เพื่อวันแห่งการพิพากษา” เสียงของเหล่าสาวกกึกก้องไปทั่วห้องโถง จากนั้นชายสวมแว่นดำจึงนำของเหล่านั้นโยนเข้าไปในปล่องควันท่ามกลางความงุนงงของริโตะที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่พวก
“ท่านเจ้าลัทธิ ชายผู้นี้ไม่ให้ความร่วมมือกับการประกอบพิธี จะให้ทำเช่นไร” ชายสองคนเข้ามามัดแขนของริโตะขณะที่เขายังงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนไม่ทันตั้งตัว
“ทำไมเจ้าไม่ตะโกนเพื่อวันแห่งการพิพากษา” ชายสวมแว่นดำตะคอกใส่
“คือ ผมเข้าใหม่ ยังไม่ค่อยรู้เรื่องน่ะครับ” ริโตะพยายามแกล้งเนียนต่อไป
“เข้าใหม่งั้นสินะ ว่าแต่เจ้าได้ปวารณาตนหรือยังล่ะ” ชายสวมแว่นดำถาม
“อะไรนะครับ” ริโตะเผลอหลุดปากพูดไป
“ทำหน้าแบบนั้นน่าจะยังไม่เคย ง่ายๆแค่เจ้าก้มกราบตีนข้าและเลียเท้าข้า ผู้ซึ่งเป็นตัวแทนของพระเจ้าเงาผู้ยิ่งใหญ่กว่าสรรพชีวิตในจักรวาล เท่านั้นก็ผ่านการปวารณาแล้ว” ชายสวมแว่นดำพูด
“อย่างนั้นหรอกเหรอ” ริโตะคิด
ห้องทดลอง ภายในฐานลับ Shrine
“ดูท่าจะมีนักวิจัยอยู่ด้วยแฮะ … แต่ว่านั่นมัน …” อังเดรถึงกับอึ้งเมื่อเห็นชายสวมเสื้อกาวน์ที่เดินเข้าไปในห้องทดลองหน้าตาเหมือนกับเขาชนิดที่เรียกได้ว่าถอดแ
“ต่อไปจะเป็นการทดลองขั้นสุดท้ายแล้วนะ เตรียมพร้อมสำหรับแผนการยูโทเปีย” ชายสวมเสื้อกาวน์พูดกับคนที่ขนของเสร็จแล้วซึ่งอยู่อีกฟากของประตู
“จะให้พวกเราทำยังไงรึ” พวกคนงานถาม
“ก็นะ แบบนี้ไง” ชายสวมเสื้อกาวน์โยนหลอดทดลองขนาดใหญ่ที่ข้างในบรรจุของเหลวสีเหลืองเอาไว้เข้าไปในห้องและจัดการเปิดระบบแอร์ล
“นี่ แก …” บรรดาคนงานต่างกระเสือกกระสนทุรนทุรายจนในที่สุดก็ล้มลงไปจนหมด
“อืม … 23.69 วินาที นานไปหน่อยแต่ก็คุ้มค่าพอที่จะนำไปใช้จริงล่ะนะ” ชายสวมเสื้อกาวน์รีบเดินออกมาจากบริเวณนั้นและรีบออกไปจากตัวอาคารทันที
“ตัวอย่างทดลองนี่ มันเอาไว้ทำแบบนี้งั้นเหรอ” อังเดรที่แอบดูอยู่คิด แต่เขาก็ต้องนำตัวอย่างที่ได้ไปตรวจสอบซ้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ แต่ภาพที่เขาเห็นคือคน 20 คนตายอย่างทรมานอยู่ตรงหน้าด้วยสารที่อยู่ในหลอดทดลองเพียงไม่กี่ซีซี
“รีบหนีก่อนพวกมันจะรู้ตัวดีกว่า” อังเดรหลบซ่อนหาทางไปยังบริเวณทางออก
ห้องควบคุม ในฐานลับ shrine
“ได้เวลาเปลี่ยนเวรแล้ว” มียามกลุ่มใหม่เดินเข้ามาที่ห้องควบคุม
“คงงั้น ขอตัวก่อนนะ” ยูเฟรที่ทำการบันทึกข้อมูลที่สำคัญเสร็จแล้วรีบที่จะหนีไปจากบริเวณนั้น
“ไปดีมาดีล่ะ” ยามพูดตอบ ยูเฟรเดินหนีออกมาจากที่นั่น แต่ไม่ทันไรยามได้พบร่างของพวกเดียวกันโดนจับมัดในสภาพหมดสติอยู่
“นี่มัน …” ยามคนดังกล่าวกดสัญญาณเตือนภัยผู้บุกรุกขึ้นทันที
“บ้าชิบ รู้ตัวแล้วเหรอ” ยูเฟรที่เมื่อครู่เดินอยู่ก็เปลี่ยนเป็นวิ่งทันที
ห้องทดลองภายในฐานลับ Shrine
“รู้ตัวแล้วงั้นเหรอ” อังเดรหลบๆซ่อนๆหาจังหวะที่จะหนีออกจากฐานลับนี้ไป
“เจอตัวแล้ว!” ทหารยามของ Shrine ตะโกนบอกพรรคพวก จนในที่สุดก็ล้อมอังเดรเอาไว้ได้
“เสร็จกัน” อังเดรมองดูสถานการณ์ที่คนราวๆ 20 กว่าคนล้อมตัวเองอยู่ เขาใช้มือขวาของเขาล้วงเข้าไปสวมปลอกนิ้วที่เตรียมไว้ มีลักษณะเป็นกงเล็บก่อนจะดึงออกมา
“อย่าขัดขืนดีกว่า นักรบพระเจ้าอย่างพวกเราไร้เทียมทาน” เหล่าสาวกของ Shrine เริ่มเข้ามาประชิดตัวอังเดร
“ไม่อยากทำเลย” อังเดรดึงกงเล็บออกมาจากนั้นจึงเสี่ยงเผชิญหน้ากับกลุ่มนักรบพระเจ้า
บริเวณกลางฐานลับ Shrine
“โดนล้อมแล้วไง กระสุนก็มาหมดเอาป่านนี้อีก” ยูเฟรมองอีกฝ่ายพลางตั้งการ์ด ในเมื่อตอนนี้เขาไม่มีปืน เขาคิดว่าทางเดียวที่จะรอดคงต้องใช้วิธีสู่ด้วยมือเปล่ากับกลุ่มที่เรียกตัวเองว่านักรบพระเจ้า
“นายไม่มีทางรอดหรอก จงยอมสยบต่อพระเจ้าเงา แล้วเจ้าจะรอด” ชายคนหนึ่งพูดขู่
“พระเจ้าเงา … พูดบ้าๆ ใครจะไปนับถือพระเจ้าเก๊ที่พวกแกอุปโลกน์ขึ้นมาได้กัน” ยูเฟรพูดประชด ขณะที่กลุ่มนักรบพระเจ้ากว่าสามสิบคนตรงมาที่เขา
ห้องประกอบพิธี วิหารของ Shrine
“เจ้าจงก้มกราบและเลียบาทาของข้าเพื่อปฏิญาณตนต่อพระเจ้าเงาซะ” ชายสวมแว่นดำพูด
“หือ … โดนรู้ตัวแล้วงั้นเหรอ” ริโตะได้ยินเสียงสัญญาณเตือนภายในฐานลับ
“จงศิโรราบต่อข้า พระเจ้าเงาจะล้างบาปให้แก่เจ้า” ชายสวมแว่นดำพูด
“มาถึงขั้นนี้แล้ว …” ริโตะคิดพลางหักแขนของสาวกที่กำลังจับตัวเขาอยู่ก่อนจะเตะผ่าหมากแล้วดิ้นหลุดมาได้
“ทำไมกัน เจ้าจะก่อบาปไปถึงเมื่อไหร่ ทำไมไม่ยอมศิโรราบต่อข้า” ชายสวมแว่นดำตวาดใส่
“สิ่งที่ฉันทำอยู่อาจจะเป็นบาป มันก็ดีกว่าเข้าร่วมกับลัทธิก่อการร้ายแบบนี้ก็แล้วกัน” ริโตะซัดระเบิดควันเข้าไป อีกฝ่ายเริ่มมองไม่เห็นจึงใช้โอกาสนี้หนีออกมา
บริเวณภายในฐานลับของ Shrine
“นักรบพระเจ้า ก็แค่พวกลอบกัดที่ก่อความวุ่นวายช่วงที่คนไม่เห็น แต่พอสู้จริงๆ ไม่เห็นจะเท่าไหร่เลย” ยูเฟรมองดูสภาพของเหล่านักรบพระเจ้าของ Shrine ที่ล้มลงรายแล้วรายเล่า อีกทั้งเลือดที่นองเต็มพื้น
“หนอย แก …” ชายคนหนึ่งหยิบท่อเหล็กมา หมายจะทุบยูเฟร
“เหลืออีกตัว …” ยูเฟรกระโดดใช้ส้นเท้าฟาดเข้าที่ท้ายทอยของอีกฝ่ายก่อนหมุนตัวกลับมา ชายคนนั้นถึงกับล้มลงจมกองเลือดไปอีกคน
“จระเข้ฟาดหาง … ไม่นึกเลยแฮะ กระบวนท่าของมวยจากโลกเก่าจะได้ผลดีขนาดนี้ คุ้มค่ากับสามปีที่เก็บตัวฝึก” ยูเฟรพูดพลางวิ่งต่อไปเพื่อจะไปยังทางออก
บริเวณทางออกของฐานลับ Shrine
“ให้ตายสิ นักรบพระเจ้า … เราก็กลัวซะแทบแย่ … แต่ไหงรุมเข้ามาขนาดนี้ยังล้มนักวิทยาศาสตร์คนเดียวไม่ได้นะ … เห็นว่าบุกเข้าไปขโมยของ … แต่แบบนี้คงเข้าไปตอนร้านปิด เล่นทีเผลอมั้ง” อังเดรหันมองดูรอบๆ กลุ่มชายที่เข้ามาขัดขวางเขาเมื่อครู่ ในตอนนี้โดนเล่นงานจนไม่อาจลุกขึ้นมาตอบโต้ได้อีก
“แก หยามกันมากไปแล้วนะ” ชายสามคนพุ่งเข้ามาหาอังเดร แต่ละคนถือมีดเอาไว้ในมือ
“หือ …” อังเดรมองอีกฝ่าย
“หายไปไหน” ชายสามคนถึงกับอึ้ง แต่ไม่ทันไรพวกเขาก็โดนกงเล็บแทงทะลุร่าง จมกองเลือดและหมดลมหายใจอยู่ตรงนั้น
“สถานการณ์มันบีบบังคับ อย่าถือโทษโกรธกันเลยนะ” อังเดรพูด
“คุณอังเดร เจอคุณริโตะรึยัง” ยูเฟรเข้ามาถาม
“มาโน่นแล้ว” อังเดรมองดู ตอนนี้ทั้งสามคนมากันพร้อมและถึงเวลาที่จะหนีออกจากฐานลับนี้แล้ว
กลางป่าในพื้นที่ Rock Nest Middle
“จวนจะถึงแล้ว แต่พวกมันยังตามมาอยู่เลย” ริโตะพูด
“ไม่ต้องสนใจรีบขึ้นเครื่องซะ” อังเดรพูด จากนั้นทั้งสามคนก็แยกย้ายไปขึ้นเครื่องทั้งๆที่พวกสาวกที่พยายามตามจับตัวพวกเขาต่างมารุมล้อม
“ล้อมแบบนี้ ขึ้นออกตัวตอนนี้ พวกนี้เป็นอันตรายแน่” ริโตะติดต่อบอกอีกสองคนที่เหลือ
“อันตรายรึเปล่า ถ้าแค่นี้พวกมันคิดไม่ได้ มันก็ไม่ได้รับเลือกให้มีชีวิตอยู่หรอกน่า” ยูเฟรติดต่อกลับ
“เอาจริงเหรอครับคุณยูเฟร” ริโตะถาม
“ก็ใช่น่ะสิ Catastrophe Take Off” ยูเฟรไม่ลังเลว่าใครจะโดนลูกหลงมั่ง ตัดสินใจชิงออกตัวไปก่อน
“ผมเห็นด้วยกับที่ยูเฟรพูดนะครับ และอีกอย่างคุณริโตะเป็นทหาร น่าจะรู้ว่าภาวะแบบนี้ ถ้าเราไม่ฆ่าก่อน เราก็จะถูกฆ่า” อังเดรติดต่อกับริโตะ
“แต่พวกเขาเป็นประชาชนไบจินิวทั้งนั้นนะครับ” ริโตะตอบ
“แทนที่จะมามัวสนใจพวกทำลายชาติ พวกเราเอาตัวรอดเพื่อไปปกป้องประเทศดีกว่าน่า Moonraker Take Off” อังเดรออกตัวแบบไม่สนคนที่พยายามจะรั้งเขา ซึ่งที่จริงพยายามมารั้งเครื่องของเขาแต่ไม่เป็นผล
“จำใจล่ะครับ Strike Freedom Take Off” ริโตะเองก็รีบออกตัวมา เบื้องล่างทิ้งคนที่บาดเจ็บล้มตายเอาไว้
เย็นวันต่อมา ภายในตัวเมืองไบจินิว
“พอพวกนั้นบอกว่าพวก Shrine เป็นประชาชนไบจินิว ทำเอาเรารู้สึกเหมือนตกข่าวไปเลยแฮะ” เด็กสาวผมขาวสวมชุดคลุมสีฟ้า มีฮู้ดสำหรับคลุมหัว โดยรวมแล้วแต่งกายแบบเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง
“วันพิพากษาใกล้เข้ามาแล้ว พวกเจ้าจงมาปวารณาตนต่อพระเจ้าเงา และพวกเจ้าจะได้ขึ้นสวรรค์ พวกเจ้าจะรอดในวันพิพากษา วันที่พระเจ้าเงาจะทำลายซาตานผู้ไม่ศรัทธาต่อพระเจ้าเงา” ชายร่างอ้วนสวมชุดดำและแว่นดำออกมาป่าวประกาศ มีเหล่าสาวกคอยแจกใบปลิวไปทั่ว
“ถึงจะไม่มากเท่าไหร่ แต่น่าเศร้าจังแฮะ ที่มีประชาชนโดนพวกนี้ล้างสมอง” เด็กสาวมองดูสิ่งที่เกิดขึ้น
“ว่าไงน้องชาย ไม่สนใจมาเข้าร่วมกับเราเหรอ” มีสาวกตนหนึ่งเดินมาถามเด็กสาว
“เอ่อ …” เด็กสาวไม่ได้เตรียมคำตอบเอาไว้ล่วงหน้า แต่ถึงกระนั้นเธอก็รู้ตัวว่าจากสภาพการแต่งตัวสร้างความเข้าใจผิดให้อีกฝ่ายคิดว่าเป็นผู้ชาย
“ถ้าน้องชายเข้าร่วม น้องชายมีสิทธิสะสมบุญ เจียดเงินค่าขนมมาทำบุญ ผ่อนเอาก็ได้ แต่ยิ่งเยอะจะได้ขึ้นสวรรค์ชั้นสูงๆ และมีโอกาสได้เป็นผู้อยู่รอดหลังวันพิพากษานะ” สาวกคนนั้นพยายามเกลี้ยกล่อม
“น่าสนใจดีนะครับ เอาไว้ผมจะกลับไปคิดนะครับ ขอตัวก่อนนะครับคุณแม่ผมรออยู่ทางโน้น ผมคงให้ท่านรอนานไม่ได้ ขอตัวนะครับ” เด็กสาวรับใบปลิวมาและตอบแบบพยายามจะเลี่ยงการเผชิญหน้าตรงๆกับคนของลัทธิ
“ฝากคุณแม่ของน้องชายด้วยนะ มาเข้าร่วมกับเราแล้วจะรอด” สาวกคนนั้นพูดทิ้งท้าย
บริเวณสวนสาธารณะ ในพื้นที่เวสท์ไบจินิว
“สวัสดีค่ะ” เด็กสาวรับสายโทรศัพท์
“ท่านครับ ตอนนี้ยูเฟรได้นำข้อมูลแผนการของ Shrine มาให้พวกเราตรวจสอบแล้ว เป็นข่าวร้ายครับ” เสียงของชายหนุ่มดังออกมาจากโทรศัพท์
“ข่าวร้ายแบบไหนล่ะ พี่เฮลิออส” เด็กสาวถาม
“คือที่จริงท่านไม่ต้องเรียกผมว่าพี่ก็ได้มั้งครับ” เฮลิออสตอบ
“ไม่ต้องไปคิดมากหรอกค่ะ ว่าแต่ข่าวร้ายแบบไหนคะ” เด็กสาวถาม
“แผนการวันพิพากษา พวกนั้นจะขึ้นอวกาศ พาคนที่พวกมันเรียกว่าผู้ที่ถูกเลือกและนักรบพระเจ้าไปสู่สรวงสวรรค์ ซึ่งผมว่าน่าจะเป็นสถานีอวกาศซักที่นึงในวงโคจร จากนั้นมันก็จะใช้สิ่งที่พวกมันเรียกว่าดวงแก้วล้างบาปยิงลงมากำจัดผู้คน” เฮลิออสตอบ
“แล้วรายละเอียดมากกว่านี้ล่ะ” เด็กสาวถาม
“ก็คงจะเป็นแผนผังภายในของสถานีอวกาศครับ อันนี้ผมว่าท่านคงต้องกลับมาดูที่ฐานทัพเองแล้วล่ะครับ” เฮลิออสตอบ
“งั้นพรุ่งนี้เช้า เราจะกลับไปที่ฐานทัพนะ ตกลงตามนั้น” เด็กสาวตอบ
“ครับท่าน” เฮลิออสตอบรับก่อนจะตัดสายไป
“วันพิพากษา ที่แท้กะฆ่าหมู่ประชาชนงั้นเหรอ” เด็กสาวครุ่นคิดแต่ถึงกระนั้นมือเธอก็รับลูกฟุตบอลที่พุ่งเข้ามาที่เธอเอาไว้
“ของใครล่ะเนี่ย” เด็กสาวพยายามมองหา
“ขอโทษครับพี่ชาย ผมไม่ได้เจตนา” มีเด็กผู้ชายเข้ามาพูดกับเธอ
“ไม่เป็นไรหรอก แต่คราวหลังระวังหน่อยก็แล้วกัน” เด็กสาวส่งลูกฟุตบอลคืนให้ก่อนจะเดินกลับ
“ขอบคุณมากครับ” เด็กผู้ชายคนนั้นตะโกนบอก
“ถ้าไม่ติดเรื่องวุ่นวาย ชีวิตในวัยเด็กของเราคงจะดีกว่านี้แท้ๆ” เด็กสาวพึมพำ
วันรุ่งขึ้น ฐานทัพอากาศ ในเขตเวสท์ไบจินิว สำนักงานของ Phantom Pain
“ขอตัวเข้าไปหน่อยนะครับ” เด็กสาวที่แต่งตัวเหมือนเด็กผู้ชายเดินเข้ามาในสำนักงาน
“ท่านผู้นำเล่นอะไรครับเนี่ย” คิมูระถาม
“วันนี้เป็นวันหยุดนี่ อีกอย่างเปลี่ยนบรรยากาศนิดหน่อย” เด็กสาวตอบ
“ไม่เป็นไรหรอกน่า คิมูระ นายเองก็ใส่แบบครึ่งท่อน ทางนี้ก็ยังใส่เสื้อกาวน์อยู่เลย” อังเดรพูด
“งั้นขออภัยด้วยละกันครับ” คิมูระพูด
“ไม่เป็นไรหรอก พอจะเข้าใจว่าไม่คุ้นตา บวกกับว่าชุดนี้ใส่แล้วดูเด็กไปจริงๆนั่นแหล่ะ แต่เอาเป็นว่าถ้ามากันครบเมื่อไหร่จะขอเข้าเรื่องเลยละกัน” เด็กสาวพูด
“อ้าว คุณซากะ ทำไมมาที่นี่ล่ะครับ แล้วก็ … โนโซมุ … ไม่เจอกันนานเลยนะ” อังเดรทักชายอีกสองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องประชุม
“เราเรียกมาเองค่ะ เอาเป็นว่าตอนนี้ครับแล้วเรามาเริ่มกันเลยดีกว่านะคะ” เด็กสาวพูด
“ท่านผู้นำต้องการปรับโครงสร้าง Phantom Pain ใหม่น่ะ” ริโตะพูด
“งั้นขอแจ้งให้ทราบเรื่องตำแหน่งหัวหน้าหน่วยที่เราได้ปรึกษากับคุณริโตะเอาไว้นะคะ รองหัวหน้ากองบินจะเป็นคุณอเล็กซิส เจ เมย์ริน … หัวหน้าหน่วยที่ 1 คือคุณยูเฟร โอเดลเล็ต … หัวหน้าหน่วยที่ 2 คือคุณอังเดร นิโคเลฟ … หัวหน้าหน่วยที่ 3 ยังคงเป็นคุณคิมูระ โทมิยะ … หัวหน้าหน่วยที่ 4 จะมีอิโตชิคิ โนโซมุ มาแทนตำแหน่งของเมย์ริน … และหัวห้าหน่วยที่ 5 จะรับหน้าที่โดยคุณซากะ ดี แอสทรานากัน” เด็กสาวบอกกับทุกคนพลางยื่นเอกสารให้ริโตะ
“ผมยอมรับตามนั้นครับ แต่ที่จริงพวกเรายังมีอีกเรื่อง …” ริโตะพูด
“ลัทธิ Shrine … เริ่มที่เรื่องแผนการพวกมันก่อน พวกมันต้องการที่จะสังหารหมู่ประชาชนด้วยสิ่งที่พวกมันเรียกว่าดวงแก้วล้างบาป ไม่รู้หรอกนะว่ามันทำยังไง แต่ที่แน่ๆพวกมันจะขนกองทัพขึ้นอวกาศแล้วโจมตีพวกเรา จะยอมให้มันทำสำเร็จไม่ได้ ชีวิตของผู้บริสุทธิ์จะให้พวกผู้ก่อการร้ายทำลายไม่ได้ … เราไม่อภัยให้ลัทธิที่พยายามล้างสมองคนหลอกเอาเงิน แถมวางแผนซ่องสุมกำลังเพื่อก่อการร้ายสังหารหมู่ … พวกนั้นคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้าจะมาตัดสินชะตาชีวิตคนอื่นได้ เราไม่ยอมเด็ดขาด” เด็กสาวพูดพลางก้มหน้า
“ท่านวนิลลา” ซากะมองดูเด็กสาว
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เข้าเรื่องกันต่อเถอะค่ะ” เด็กสาวพยายามพากลับเข้าประเด็น
“ขออภัยครับท่าน … ดวงแก้วล้างบาป ใช่แบบในรูปนี้รึเปล่า” อังเดรถาม
“ไม่รู้สิ” เด็กสาวตอบ
“ถึงจะไม่แน่ใจ แต่ภายในบรรจุแก๊สเอาไว้น่ะครับ ผมลองเอาตัวอย่างไปวิเคราะห์แล้วตกใจมากครับ” อังเดรพูด
“มันมีอะไรพิเศษเหรอคะ” เด็กสาวถาม
“มันเป็นพิษที่ Hornian King ซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่ปิด Hornian King Habitat จะสร้างขึ้นมา ปกติจะพ่นใส่เหยื่อปริมาณน้อย แต่ดูท่าทางพวกมันจะสกัดเอามาแบบเข้มข้น และที่ผมตกใจคือพวกมันมีของแบบนี้จำนวนมาก ซึ่งไม่ใช่เรื่องปกติแล้ว นี่มันเกินจำนวน Hornian King ที่พบในธรรมชาติซะด้วยซ้ำ” อังเดรตอบ
“เกินจำนวนที่พบในธรรมชาติ แล้วมันไปเอาพิษพวกนี้มาได้ไง” ริโตะถาม
“ผมว่าพวกมันต้องมีห้องทดลองซักที่ซึ่งทำการโคลนนิ่ง Hornian King จากนั้นจึงเก็บพิษแล้วนำมาสกัดอีกครั้ง ถ้าเป็นแบบนี้อยากได้พิษมากซักแค่ไหนก็ทำได้ไม่ยาก แต่ผมสงสัยอยู่หนึ่งคนที่น่าจะคอยชักใยอยู่เบื้องหลังพวก Shrine” อังเดรอธิบาย
“คุณสงสัยใครครับ” ริโตะถาม
“มิคาอิล สเตฟานอฟ ถ้าไม่ติดว่าเขาเป็นคนหนุนหลังให้องค์กรผิดกฎหมายหลายๆองค์กร มิคาอิลคือนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะชนิดที่หาตัวจับยากเลยล่ะครับ แต่นั่นก็เป็นแค่การคาดเดาของผมเท่านั้น ไม่ขอยืนยันเรื่องนี้นะครับ” อังเดรอธิบาย
“ในเมื่อไม่มีหลักฐาน ทางเราจะไปปรักปรำเขาก็ไม่สมควร เอาเป็นว่าศัตรูที่พวกเราต้องจัดการในตอนนี้คือพวก Shrine แต่ปัญหาคือถ้าเราไม่จัดการกับสถานีอวกาศที่ว่านั่น สุดท้ายแล้วแผนการพวกมันก็จะดำเนินไปได้อยู่ดี แต่ขั้นแรกเราต้องหาให้เจอก่อนว่าสถานีอวกาศนั่นอยู่ส่วนไหนของวงโคจร” เด็กสาวพูด
“ทางนี้จะช่วยตรวจสอบให้ค่ะท่าน” เมย์รินอาสา
“ฝากด้วยนะ เมย์ริน … มีเรื่องจะมาแจ้งและมาปรึกษาเท่านี้แหล่ะ เอาเป็นว่าขอตัวก่อนนะคะ” วนิลลาพูด
“เดินทางปลอดภัยนะครับท่านผู้นำ” ริโตะพูด
“ขอให้พวกคุณโชคดีเช่นกันค่ะ” เด็กสาวพูดจบก็เดินออกจากห้องไป
“จะว่าไงดีล่ะครับ ไหงวันนี้ท่านผู้นำแต่งตัวเหมือนเด็กเลยก็ไม่รู้” คิมูระพูดขณะที่เอนหลังบนโซฟา
“คิมูระ นายเข้ากองทัพอากาศหลังฉันหายตัวไปสินะ” อังเดรถาม
“ก็ใช่” คิมูระพูด
“ที่จริงท่านวนิลลาเป็นเด็กที่น่าสงสารนะ ต้องขึ้นมาปกครองประเทศตั้งแต่ 9 ขวบ ทั้งที่ตัวเล็กแบบนั้นแต่กลับต้องแบกรับภาระอันยิ่งใหญ่ที่เรียกว่าประเทศไบจินิว ต่อให้มีพวกผู้สำเร็จราชการคอยช่วยก็เถอะ แต่ลองคิดดูละกันว่าถ้าเป็นเด็กวัยเดียวกันจะกำลังทำอะไร” อังเดรพูดให้คิมูระคิด
“คือว่า …” คิมูระถึงกับพูดไม่ออก
“ก็คงได้เล่นกับเพื่อนๆอย่างสนุกสนาน แต่ท่านวนิลลาไม่เคยมีเพื่อนเลย ด้วยความที่เป็นลูกสาวของอดีตผู้นำอย่างท่านแอนเดอร์สัน เด็กคนอื่นๆก็ยำเกรงจนไม่กล้าจะยุ่งด้วย ท่านวนิลลาอาภัพนัก ถึงมีพี่ชายก็กลับโดนพี่ชายของตัวเองปองร้าย คนที่อายุใกล้เคียงกับท่านวนิลลาซึ่งท่านไว้วางใจ เห็นทีจะมีแค่สองพี่น้องเฮลิออสกับอิออสเท่านั้น ถึงจะบอกว่าสองคนนั้นเป็นทหารองครักษ์ แต่ท่านวนิลลากลับเรียกสองคนนั้นว่าพี่ชาย ในขณะที่กับพี่ชายแท้ๆของตัวเองแทบจะไม่มองหน้ากันด้วยซ้ำ ที่จริงอันนี้เราก็ฟังมาจากคุณแอนเดอร์สันน่ะครับ” อังเดรเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตให้คิมูระฟัง
“เอ่อ … ผมเองก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย ขออภัยด้วยครับที่ไปพูดแบบนั้นกับท่านผู้นำ” คิมูระพูด
“จริงๆท่านไม่ได้ว่าอะไรหรอกมั้ง ที่จริงมันก็ดูแปลกนั่นแหล่ะที่ท่านผู้นำแต่งตัวแบบเด็กๆมา แต่วันนี้ก็ไม่ได้เป็นทางการอะไร ก็เลยคิดว่าไม่มีปัญหาอะไรหรอก ที่จริงก็น่าเห็นใจนะ ได้อำนาจมาแต่กลับต้องสูญเสียช่วงเวลาและความสุขในวัยเด็กไปจนหมด” โนโซมุพูด
“เอาน่า พวกเราก็ไม่ต้องไปคิดมากหรอกครับ” ริโตะพยายามเปลี่ยนบรรยากาศ
“ไม่คิดมาก คงได้ แต่คงลืมไม่ได้ พี่ชายของท่านวนิลลา ไม่สิ ไอ้อาชญากรนั่น เป็นคนจุดชนวนสงคราม ทำให้โพรมีเทียสเหิมเกริม เป็นต้นเหตุให้ท่านแอนเดอร์สันที่เป็นพ่อแท้ๆของตัวเองต้องตาย ไหนจะเรื่องที่ประชาชนที่บาร์คซิตี้ แบล๊คเบิร์นไซท์ หาดเรย์นาร์ด บาดเจ็บล้มตายรวมแล้วนับแสนชีวิต ไหนจะทำให้ท่านวนิลลาต้องมาเจอชะตากรรมโหดร้ายแบบนี้อีก ยังไงผมก็ไม่ให้อภัยมันแน่” อังเดรตอบ
“แต่ว่าจกข้อมูลที่ผมทราบ พี่ชายแท้ๆของท่านผู้นำก็เสียชีวิตไปแล้วนี่ครับ” ริโตะพยายามพูดให้อังเดรสงบลง
“ความตายของมัน แค่ครั้งเดียว … มันไม่อาจทดแทนกับนับแสนชีวิตที่ต้องสังเวยกับสงครามได้หรอก” อังเดรพูด
“คุณริโตะ เอาเป็นว่าคุณปล่อยให้อารมณ์ของเขาเย็นลงเองจะดีกว่านะครับ คือมันมีเรื่องนิดหน่อยน่ะครับ” โนโซมุเข้าไปกระซิบข้างหูของริโตะ
ความคิดเห็น