ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : 'พี่เปาของผม'
"บ้าอะไรห๊ะ! ฉันให้โอกาสแกพูดใหม่อีกทีคิมจุนมยอน!"
[น่านะก็อย่างที่บอกวันนี้ช่วยจัดงานเลี้ยงที่จงแดมันฝึกงานครบหนึ่งเดือนให้หน่อยนะ น้าๆๆๆมินซอกนะ]
ถึงกับเครียดหนัก ผมทิ้งตัวลงนั่งกับโซฟาหน้าโทรศัทย์ภายให้ห้องคอนโดของผมอย่างหมดแรง หลังจากที่ต้องแหกตาตื่นจากเช้าวันหยุดเพื่อมารับโทรศัพท์จากเพื่อนตัวแล้ว ยังต้องมาปวดสมองอีกเพราะคำขอร้องจากจุนมยอน ผมยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองเพียงแค่คำขอหยุดจากปากเพื่อนสนิท มันก็ทำให้ตาสว่างชนิดนอนไม่หลับ
[มินซอก ฮัลโหลยังอยู่ในสายมั้ยเพื่อน?]
"ทีนี้ล่ะมาเรียกฉันเพื่อนนะ"
[แฮ่ๆ นะช่วยหน่อยนะวันนี้ฉันก็มีดูงานแล้วไหนจะครอบครัวจงแดที่ไปเที่ยวต่างประเทศอีก นายคิดดูนะเด็กนั่นต้องอยู่คนเดียวมันเหงาเปลี่ยวหัวใจขนาดไหน การไม่มีครอบครัวมายินดียินงามด้วยมันจะ...]
"พอๆ"
ผมรีบห้ามปรามเพื่อนตัวดีทันทีที่มันเริ่มเข้าดราม่า แต่ไอ้การที่พ่อแม่ไปเที่ยวต่างประเทศมันเกี่ยวอะไรกับผมวะ อันที่จริงก็ต้องถามว่าการที่มันฝึกงานครบหนึ่งเดือนมันถึงขั้นต้องฉลองเลยหรอ ตอนผมฝึกยังไม่มีแบบนี้เลย จุนมยอนยังคงส่งเสียงครวญครางให้ผมได้ยินผ่านสายมาเป็นระยะๆ ผมถอนหายใจอย่างหนักหน่วงให้ปลายสายได้รับรู้ว่าไอ้เรื่องที่ขอร้องมานั้นมันทำผมลำบากใจขนาดไหน
[เอางี้ฉันไม่ขอร้องแล้วแต่ฉันสั่งในฐานะเจ้านาย มินซอกฉันขอสั่งให้นายจัดงานฉลองให้จงแดซะไม่อย่างนั้นนายจะโดนไล่ออก!]
"จุนมยอน!!!"
[ห้ามปฏิเสธ ทำซะนี่คือคำสั่ง]
ผมถอนหายใจรอบที่เท่าไรแล้วไม่รู้ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ยอมเงียบและไม่พูดอะไรให้ปลายสายตีความหมายไป เพราะมันเป็นการไม่ปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้บอกว่ายอมทำตามซะเมื่อไร และดูถ้าปลายเสียงคงจะพอใจไม่น้อยถึงขั้นหัวเราะในลำคอออกมา [อ่อมินซอกอย่าลืมให้ของขวัญจงแดด้วยนะแค่นี้ล่ะขอบใจเพื่อนรักบาย~]
ผมโยนโทรศัพท์ลงข้างตัวทันทีและเอามือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองพร้อมกรีดร้องแบบไม่มีเสียง ให้ตายสิเหนื่อยจะตายอยู่แล้ววันนี้ยังต้องแหกตาตื่นมารับฟังเรื่องบ้าๆอีก แต่พอมาคิดๆดูเข้าทำให้เด็กนั่นซะหน่อยก็ไม่เสียหายอะไรนี่ ถือซะว่าตอบแทนที่ช่วยผมจากจงอินแล้วกันแล้วก็...ก็...โอ๊ยชั่งมันๆบอกจุนมยอนสั่งเป็นพอ คิดได้แบบนั้นผมก็คว้าโทรศัพท์ข้างตัวขึ้นมาต่อสายหาตัวปัญหาของวันนี้ทันที รอเพียงแค่อึดใจปลายสายก็ตอบรับ
[ฮัลโหล โทรมาให้เปลืองเงินเล่นหรอ?]
"ผู้ใหญ่โทรหาก็หันมีมารยาทซะบ้างนะ"
[งั้นเอาใหม่ อ้าวสวัสดียามเช้าครับพี่มินซอกวันนี้มีธุระสำคัญอะไรหรอครับถึงได้โทรมาหาผม]
"กวนตีน"
มันจะไม่กวนตีนผมซักวันมันจะตายมั้ยวะครับ จงแดส่งเสียงหัวเราะชอบใจเหมือนคำที่ผมพูดมันคือคำชมที่ดีเลิศ ปลายสายเงียบไปจนผมเองก็ไม่รู้จะเริ่มบทสนทนายังไง [พี่มีอะไรหรือเปล่า?ถ้าไม่มีผมว่างสายล่ะนะจะนอน]
"เฮ้ย!เดี๋ยวๆมีๆ"
ผมรีบร้องห้ามปลายสายที่ทำท่าจะตัดสายไป จงแดขานรับในลำคอให้รู้ว่ายังอยู่และเงียบเพื่อรอให้ผมเป็นฝ่ายเริ่ม ผมสูดหายใจเข้าลึกๆพยายามคิดหาเหตุผลว่าอะไรมันสมเหตุสมผลพอที่จะบอกให้จงแดรู้ ถ้าจงแดตกลงแล้วจะไปที่ไหนดีล่ะร้านไหนดีหรือว่าจะห้าง เอ่อรีบบอกมันก่อนดีกว่าเดี๋ยวงอนวางสายใส่ผมอีก
"คือ...วันนี้ว่างมั้ย?"
[ว่าง?กี่โมงล่ะทำไมพี่จะชวนผมไปเดทหรอ]
"ทะลึ่ง ฉันแค่...อยากจะเลี้ยงฉลองที่นายมาฝึกงานครบหนึ่งเดือนน่ะ"
จงแดเงียบทันทีเมื่อได้ยินเหตุผลของผมแต่สักพักเสียงหัวเราะที่ดังจนผมต้องยกโทรศัพท์ออกให้ห่างหูก็ดังขึ้น ผมเอาโทรศัพท์มาแนบหูอีกครั้งเมื่อเสียงมันเบาลงแต่ก็ยังไม่หายไป เหมือนจงแดจะพยายามรวบรวมสติให้กลับมาโดยการกลั้นเสียงหัวเราะ ผมได้ยินเสียงสูดลมหายใจก่อนจะตามมาด้วยเสียงของคนปลายสาย
[ทำไม พี่อยากจะมีโมเมนต์น่ารักๆหรอ ไม่ต้องหรอกผมเกรงใจแต่เอ๊ะมาคิดอีกที...ผมตกลงวันนี้ที่บ้านพี่นะเดี๋ยวเข้าไป แค่นี้แหละ]
"เฮ้ย!เดี๋ยวจงแด...ไอ้เป็ดเอ้ย!!"
เกือบจะดีแล้วที่บอกว่าเกรงใจ แต่แย่ตรงเอ๊ะนี่แหละ แกจะเปลี่ยนใจทำไมวะไอ้เป็ด จงแดว่างสายทันทีที่เอ่ออ่อคนเดียวเสร็จสรรพ ทำให้ผมต้องด่ามันผ่านโทรศัพท์ที่ไม่มีคนฟัง ให้มันได้อย่างนี้สิคิดเองเอ่อเองเก่งจริงๆเด็กคนนี้ ผมถอนหายใจอย่างหนักหน่วงพร้อมกับทิ้งตัวลงนอนบนโซฟา หลับตาลงให้คลายความตึงเครียดแค่หลับตาแค่หลับ...
"พี่มินซอก"
"อืมมมม"
ผมพลิกตัวให้พ้นจากสิ่งที่มารบกวนการนอนของผม น้ำเสียงนุ่มทุ้มที่ดังข้างหูเป็นระยะๆมันกำลังทำให้ผมหงุดหงิดแต่ก็รู้สึกดีกับชื่อตัวเองที่มาจากเสียงนั่น ตัวของผมเริ่มสั่นจากแรงบางสิ่งบางอย่างจนข่มตาหลับต่อไปไม่ไหว จำต้องยอมลืมตาขึ้นแต่ก็เห็นภาพเลือนลางจนต้องใช้มือขยี้ดวงตาเพื่อปรับโฟกัส ภาพตรงหน้าค่อยๆชัดเจนขึ้น ภาพของใครบางคนที่ยืนคร่อมอยู่พร้อมกับจับไหล่ผมไว้ทั้งสองข้าง ภาพของ...
"เฮ้ย!!!"
ผมเด้งตัวลุกจากโซฟาทันทีที่รู้ว่าคนๆนั้นคือใคร จงแดมันเข้ามาตอนไหนวะไม่ใช่คือมันเข้ามาได้ไงต่างหาก ผมมองเลยไปยังข้างหลังของจงแดเพราะมันเป็นประตูห้อง ประตูถูกเปิดอ้าซ่าให้เห็น แล้วมันเข้ามาได้ไงได้ข่าวว่าที่คอนโดของผมเขาใช้คีย์การ์ดในการเข้าห้องแทนกุญแจนะ ไม่รอให้ความสงสัยคาใจผมเลยเอ่ยถามออกไปทันที "เข้ามาได้ไง?!"
"จะยากอะไรก็ไปขอร้องยามสิ"
"ขอร้อง?ขอทำไม ยังไง อะไร"
"ไม่ยากก็แค่บอกว่ามาหาแฟนกลัวแฟนจะเหงาแล้วคิดสั้นเพราะเพิ่งจะทะเลาะกันมา พี่ยามก็ใช้คีย์การ์ดสำลองเปิดให้เลย"
"ฮึย! ไอ้เป็ดขี้โม้"
จากตอนแรกที่จงแดส่งยิ้มมาให้ก็ต้องหุบลงพร้อมกับพูดปากลมว่าอ้าว ผมเขยิบตัวเว้นระยะห่างจากจงแดพอสมควรแต่ดูเหมือนไอ้คนที่บุกรุกห้องผมจะเข้าใจผิดคิดว่าผมเขยิบเว้นที่ให้นั่งเพราะตอนนี้จงแดได้ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาข้างผมเรียบร้อย ผมนั่งตัวเกร็งผิดกับไอ้เด็กเป็ดนี่ที่ดูมีท่าทีสบายๆประหนึ่งว่าที่นี่คือบ้านของตัวเอง ความเงียบแล่นปกครุมไปทั่วห้องไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมามีเพียงเสียงจากเข็มนาฬิกาที่ทำลายความเงียบลงไปเปราะนึง
"ชวนผมมาแล้วมานั่งเกร็งคืออะไรไม่ทราบครับพี่มินซอก"
ผมแอบสะดุ้งเล็กน้อยที่จู่ๆคนที่นั่งข้างตัวเอ่ยขึ้น รู้สึกได้ถึงอาการประหม่าของตนเอง ทำไงดีผมไม่คิดว่ามันจะบ้าจี้มาจริงนี่เลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้เลย แล้วบอกไว้ด้วยว่าจะไม่ออกไปไหนเด็ดขาด ผมเงียบไม่ตอบอะไรจงแดไปปล่อยให้บรรยากาศมันดูน่าอึดอัดอีกครั้ง แต่แล้วจู่ๆมือของเด็กนั่นก็มาจับเข้าที่แขนเสื้อของผมพร้อมดึงเบาๆ ผมหันไปมองจงแดก่อนจะส่งสายตาเป็นเชิงถามว่ามีอะไร
"จะไปไหนดีวันนี้ สวนสนุกมั้ยหรือว่าห้างดีไปร้านอาหารก็ไม่เลวนะ"
"ไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละฉันจะอยู่บ้าน"
"อืม ความคิดดีนี่ฉลองที่บ้านผมชอบนะ"
เข้าใจคำว่า ฉัน มั้ย ไม่ได้บอกว่าให้แกอยู่ได้ซักหน่อยไอ้เป็ดเอ้ย ผมแบะปากเล็กน้อยก่อนจะลุกเข้าไปในครัวที่อยู่ใกล้ๆห้องนั่งเล่นเพื่อหาน้ำดื่มสักแก้ว แต่จงแดก็เดินตามมาด้วย ผมปล่อยให้จงแดเดินดูนู่นนี่นั่นไปส่วนตัวผมเองก็เดินมาหน้าตู้เย็นเพื่อหยิบกระบอกใส่น้ำ เปิดมันและยกขึ้นดื่ม
"โหยพี่ไม่มีของสดเลยหรอ? เอางี้วันนี้เราออกไปซื้อของมาทำกินกันสองคนดีมั้ย"
'พรวด!!!'
น้ำในปากที่ผมกำลังกลืนกลับต้องมากระจายเต็มหน้าตู้เย็นเพราะคำพูดของจงแด เด็กนี่มันจะเอาจริงใช่ไหม ผมไม่ติดใจตรงจะไปซื้อของหรือหาว่าผมไม่มีของสดติดบ้าน แต่ติดตรงไอ้คำว่า 'สองคน' นี่สิมันทำให้ผมสำลักน้ำง่ายๆ ใครจะไปยอมกัน ผมไม่ได้อยากกินข้าวกับเด็กนี่ซักหน่อย เอาไงดีมินซอกจะบอกว่าวันนี้ไม่มีงานเลี้ยงฉลองอะไรทั้งนั้นแต่เราเป็นคนชวนมันมานี่ หรือจะแกล้งป่วยดี โอ๊ยปวดหัว!!!
จนแล้วจนรอดผมก็ต้องออกมาเดินเตร่ๆอยู่ที่ห้างและไม่ได้มาคนเดียวเสียด้วยผมมากับ "พี่มินซอกเดินไวๆหน่อยสิครับ เอาขามาแต่พอเดินหรือไงกัน"
'ครับ มากับไอ้เป็ดขี้บ่น - - '
ผมรีบๆก้าวขาให้เดินนำเด็กขี้บ่นนี่ไปเพื่อตัดปัญหา แต่แล้วจู่ๆก็โดนดึงข้อมือให้หยุดเดินโดยคนที่ผมเดินทิ้งห่าง ผมหันไปชักสีหน้าไม่พอใจก่อนจะสะบัดมือทิ้ง แต่จงแดก็คว้าเอาไว้ใหม่แต่คร่าวนี้ไม่ใช่ข้อมือ แต่มันกลับเป็นมือของผมเลยจับไม่พอยังกุมไว้ซะแน่นอีก
"จะรีบไปไหนครับ ซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่ทางนี้"
จงแดไม่รอให้ผมตอบอะไรแต่กลับออกแรงดึงให้ผมเดินตามไป บอกดีๆก็ได้ป่ะวะแถมมือน่ะจะจับทำไม ผมไม่ใช่เด็กห้าขวบที่มาห้างแล้วจะหลงทางง่ายๆนะ พวกเราสองคนไม่สิต้องบอกว่าผมและจงแดเดินเข้ามาในซุปเปอร์มาร์เก็ตของห้างเรียบร้อย มือผมเป็นอิสระเพราะจงแดเดินไปเอารถเข็นและทำหน้าที่เข็น ผมเลยต้องเดินทำหน้าซังกะตายข้างๆคนที่ดูอารมณ์ดี๊ดี
"วันนี้เราจะกินอะไรกันดีครับ?"
"อย่ามาใช้คำว่าเรา นายจะกินอะไรก็กิน เร็วๆได้มั้ย?!"
"แหมก็ต้องถามเจ้าภาพหน่อยสิ พี่ทำอาหารเป็นป่ะ?"
"ไม่!"
ผมสวนไปแทบจะทันทีจงแดทำหน้าเหมือนเด็กโดนขัดใจก่อนจะเดินนำไปยังโซนอาหารกึ่งสำเร็จรูป เดินเลือกดูอยู่ได้สักพักก็หันมาถามผมว่าอันนู้นดีมั้ยอันนี้เอามั้ย รู้สึกรำคาญ แต่บางที่ก็อยากจะหัวเราะเพราะเด็กนี่ชอบทำอะไรฮาๆ ผมและจงแดเดินไปทั่วทั้งซุปเปอร์มาร์เก็ตก่อนจะมาหยุดอยู่ที่โซนของสด สรุปเพราะด้วยสกิลการทำอาหารไม่มีทั้งคู่เลยตกลงว่าจะทำรามยอนหม้อไฟกัน งงกับเมนูมันเกิน
"โอย ปวดขาแล้วอะเมื่อไรจะซื้อเสร็จเลือกนานแล้วนะ"
ผมร้องโอดโอยอย่างหนักพร้อมกับย่อตัวลงนั่งย่องๆกับพื้น นี่เดินดูของนานมากจนผมชักทนไม่ไหวแล้วนะ จงแดที่ยืนเลือกแป้งต๊อกบ๊อกกี้สำเร็จรูปอยู่หันมามองผมเล็กน้อยก่อนจะไม่สนใจและยืนเลือกต่อ เฮ้ยนี่ผมปวดขาแล้วนะแถมเบื่อโคตรๆท้องก็ประท้วงว่าให้หาอะไรลงกระเพาะซักทีตื่นมายังไม่ได้กินอะไรเลยอะ
จงแดเลือกแป้งก่อนจะวางไว้ในรถเข็น ผมมองจงแดที่เคลียของในรถเข็นให้เหลือที่ว่างขนาดใหญ่อย่างงงๆ แต่แล้วความสงสัยก็หายไปเมื่อจู่ๆจงแดเดินเข้ามาหาผมและอุ้มผมขึ้นในท่าเจ้าสาวและเอาไปวางไว้ในรถเข็นตรงที่ว่าง คิดดูนะครับผมก็ไม่ได้ตัวเล็กขนาดเด็กเลยกลายเป็นว่าผมนั่งอยู่ส่วนหน้ารถและขาที่มันห้อยโต้งเตงลงชี้พื้น ให้มันได้อย่างนี้สิ ผมดิ้นๆบนรถเข็นแต่มันก็ไม่เป็นผลจะลุกยังไม่ได้เลย จงแดยืนหัวเราะชอบใจก่อนจะเดินไปเข็นรถเข็น
ถามว่าอายไหมสุดๆเลยครับ ดีที่โซนของสดคนน้อยเพราะมันยังเช้าอยู่คนเลยไม่ค่อยมาเท่าไรแต่ก็อายพวกพนักงานในซุปเปอร์ฯนะ จงแดยังคงยืนเลือกพวกเนื้อหมูอยู่โดยมีผมนั่งอยู่บนรถเข็นเป็นเด็กน้อย อ้ากทนไม่ไหวแล้วนะอายก็อายเจ็บตูดก็เจ็บ จะให้นั่งทั้งทีจะนั่งท่าประหลาดทำไมเฮ้ยไม่ใช่จะให้ผมนั่งทำไม?!
"ไอ้เป็ดปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ!"
"เอ้า ก็พี่เมื่อยไม่ใช่หรอ?"
"มันก็ใช่แต่ไม่ใช่เอาฉันมานั่งบนรถเข็นเป็นเด็กแบบนี้"
"แล้วยังไงครับ?"
"มันเมื่อย! เบื่อ! อาย เข้าใจ๋"
จงแดวางเนื้อที่เลือกมาในรถเข็นก่อนจะแสยะยิ้มแปลกๆที่ชวนให้ผมหวาดเสียวว่ามันจะต้องทำอะไรพิเรน และมันก็จริงเพราะตอนนี้ จงแดมันกำลังเข็นรถเข็นไปทั่วซุปเปอร์มาร์เก็ตโดยมีผมอยู่ในรถเข็น อ้ากจะบ้ามันมาเล่นอะไรเป็นเด็กๆแบบนี้ได้ไง ดูท่าจะสนุกนะแต่ไม่ใช่ผมซักนิด ปล่อยฉันลงโว้ยยยย!!
"อ้าก!ปล่อยๆ ปล่อยฉันลงฉันจะลงไม่เอาแล้ว"
"ก็เบื่อไม่ใช่หรอครับ? นี่ไงสนุกจะตาย แว๊นนน!"
แว้นบ้านแกสิจงแด๊! จงแดยังคงวิ่งและเข็นรถออกไปตามโซนต่างๆ พนักงานที่เห็นบางคนก็ยิ้มขำบางผมคนก็มองสายตาแปลกๆไหนจะผู้คนที่ยังเดินซื้อของ ถึงมันจะเช้าแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีคนอื่นนอกเหนือพวกผมอีกนะ ผมเขย่ารถเข็นให้จงแดหยุดเข็นและมันก็เป็นผลเมื่อจงแดหยุดเข็นรถและจอดนิ่ง ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกใครไม่มานั่งไม่รู้หรอกครับว่าอยู่บนรถเข็นมันเสียวขนาดไหนทำไมเด็กๆถึงชอบนะ
"แฮ่กๆ เหนื่อยแล้วอะเลิกเล่นนะไปจ่ายเงินกัน"
'มันสมควรเลิกนานแล้วล่ะ! '
"เดี๋ยวสิๆเอาฉันลงไปก่อนจะเข็นไปไหน?!"
"อ้าวลืม มาๆเดี๋ยวพี่อุ้มลงนะน้องมินซอก"
จงแดหยุดเข็นรถก่อนจะมาอุ้มผมให้ลงจากรถเข็น เมื่อเท้าผมแตะพื้นผมก็เตะเข้าไปตูดเด็กนั่นเต็มแข้งโทษฐานกวนโอ๊ย จงแดร้องก่อนจะจับไปที่ก้นตัวเองและลูบเบาๆ ผมเลยใช้สายตาสั่งให้ไปเข็นรถ เมื่อจ่ายเงินเป็นที่เรียบร้อยผมและเด็กนี่ก็เดินออกไปดูของทั่วๆไปโดยคนที่ถือของไม่ใช่ใครก็เด็กเป็ดนี่แหละ แต่ถึงจะถือของยังไงมันก็ยังมีมือมาจับมือผมอีก
"จะจับทำไมนักหนาฉันไม่ใช่เด็กนะแล้วเราก็ไม่ได้เป็นอะไรกันด้วย เพราะงั้นปล่อย!"
"เป็นพี่น้องไง ไม่เห็นเป็นไรพี่ยิ่งชอบหายตัวเก่งๆอยู่ จับไว้น่ะดีแล้ว"
ผมย่นจมูกใส่เด็กนั่นก่อนจะหันหน้าหนี มองไปทั่วทางเดินก่อนจะสะดุดเข้ากับร้านขายขนมปังซึ่งมันกำลังส่งกลิ่นหอนยั่วยวนน้ำย่อยในกระเพาะของผมซะเหลือเกิน และเป็นจังหวะเดียวกับที่โทรศัพท์ของจงแดเข้า มือของผมเลยเป็นอิสระมันเป็นโอกาสที่ทำให้เดินตามกลิ่นหอมของขนมปังไป "เอาอันนี้ชิ้นนึงครับ"
ผมสั่งกับพนักงานของร้านก่อนจะจัดการจ่ายเงินและรับขนมปังชิ้นหอมๆมากัดเข้าเต็มปาก อร่อยสุดๆไปเลยแฮะหรือเพราะผมหิวนะ ชั่งเหอะอร่อยๆกินต่อดีกว่า ผมเดินกลับไปทางเดิมที่เดินมาแต่ต้องหยุดกินเพราะว่าจงแดไม่ได้อยู่ที่เดิมแล้ว มันหายไปไหนวะ ผมยืนคิดอยู่คนเดียวตรงนั้นก่อนจะยักไหล่อย่างไม่แยแสและเดินไปพรางกินขนมปังไป จุดหมายคือลานจอดรถเพราะตอนออกมาผมเอารถตัวเองออกมาแต่ก็หยุดเดินเมื่อนึกได้ว่าคนที่ขับมาและเก็บกุญแจรถไปคือ..
"ย๊าห์! คิมจงแด"
ผมเดินกลับไปทางเดิมทันทีที่คิดได้ ให้ตายสิทำไมผมต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย ผมเดินย้อนทางเดิมที่คิดว่าเดินมา ออกตามหาอีกคนที่มาด้วยกัน เดินเข้าไปยังซุปเปอร์มาร์เก็ตอีกครั้งเผื่อว่าจงแดมันจะลืมอะไรแล้วมาซื้ออีกครั้ง แต่ป่าวเลยในนี้กลับไม่ร่างของคนที่ผมตามหา ผมตัดสินใจเดินออกมามองซ้ายทีขวาที ผู้คนเริ่มแน่นไปทั่วห้างไม่น่าแปลกถ้าจะมีเด็กหลงทาง
'เด็กหลงทาง?'
ใช่สิตอนนี้ผมก็ต่างไปจากเด็กที่หลงทางนี่แถมตอนนี้มีอะไรติดตัวมั่งล่ะนอกกระเป๋าตังค์ที่มีเพียงการ์ดไว้รูดใบเดียว ใช้กับแท็กซี่หรือรถเมลล์คงไม่ได้ให้ตายสิทำไมออกมาผมไม่คิดจะตรวจสอบตัวเองให้เรียบร้อยก่อนนะว่าหยิบอะไรออกมาครบแล้ว ไม่งั้นผมคงไม่มาเดินเป็นหนูติดจั่นแบบนี้หรอก ไปอยู่ส่วนไหนของห้างกันนะจงแด
ผมเดินไปทางบันไดเลื่อนเพื่อจะขึ้นไปยังชั้นอื่นเพื่อจงแดจะเดินไป รู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่กำลังตามผมมาเลยรีบก้าวเท้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และค่อยหันไปมองเป็นระยะๆ ผมว่าผมโดนตามแต่ใครเล่าจะโง่มาตามผม ผมรีบเดินให้เร็วกว่าเดิมเมื่อความรู้สึกมันบอกว่ากำลังแย่ ผมเดินไปตามทางของห้างพรางมองหาอีกคนที่มาด้วยแต่ยิ่งเดินหาเท่าไรก็ยิ่งไม่เจอ และความรู้สึกโดนตามก็ยังไม่หายไป
ผมพยายามเดินเข้าใกล้ฝูงชนมาขึ้นแต่ดูเหมือนไอ้คนที่แอบตามมาจะไม่ได้ระแคะระคาย ยังคงเดินมาเรื่อยๆ นี่มันไม่ใช่หนังแอ็กชั่นนะถึงจะได้มีคนมาค่อยตาม ผมหลับตาก้มหน้าเดินให้เร็วที่สุดเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ 'หมับ!'
เหมือนทุกอย่างรอบตัวค่อยๆช้าลง ผมจำใจเงยหน้าขึ้นมาและลืมตาช้าๆแต่ก็ไม่หันไปมองทำเพียงแค่เหลือบตามองมือปริศนาที่วางบนไหล่ เอาไงดีวะมินซอก ผมเม้นริมฝีเข้าหากันแน่นก่อนจะมองเห็นรปภ.ของห้างกำลังเดินอยู่ไม่ไกล เอาวะร้องแม่งให้ห้างแตกไปเลยว่าโดนโรคจิตตาม คิดได้อย่างนั้นผมอ้าปากเตรียมส่งเสียงทันที แต่ยังไม่ทันส่งเสียงร้องอะไรมือที่วางอยู่บนไหล่ก็เปลี่ยนมาเป็นปิดปากผมแทน ดิ้นสิครับงานนี้ดิ้นอย่างเดียว และดูเหมือนจะดิ้นเยอะไปหน่อยจนเท้าของผมไปเหยียบเท้าจนแปลกหน้าทำให้มือนั่นปล่อยออก
"โอ๊ย!!" เสียงร้องโอดโอยดังขึ้นข้างหลัง ผมอาศัยจังหวะนี้หมุนตัวให้ห่างจากคนบ้าก่อนจะเบิกตากว้างเพราะว่าไอ้คนที่ตามมาคือ 'จงแด!!' จากที่ทำตัวเกร็งก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นยืนกอดอกแทน ผมมองไอ้คนที่เล่นไม่รู้เรื่องซึ่งกำลังย่อตัวลงไปจับเท้าของตัวเอง เหอะสมน้ำหน้า!!
"เล่นบ้าอะไรห๊ะ!"
ผมตวาดใส่ไอ้เด็กที่เล่นไม่รู้เรื่อง จงแดลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนจะเป็นฝ่ายขมวดคิ้วแทนผม มือข้างที่ว่างจากการถือของยื่นมาใกล้ใบหน้าของผมก่อนที่มันจะบีบเข้าที่จมูกของผมเต็มแรง ผมยู่หน้าลงเพราะความเจ็บตีลงที่มือบีบจมูกผมอยู่ให้ปล่อยออก จงแดลดมือลงก่อนจะท้าวเอว
"ผมต่างหากที่ต้องถาม เล่นบ้าอะไรถึงหายตัวไปเงียบๆปล่อยให้คนอื่นเขาตามหาไปทั่วเนี่ยห๊ะ! พี่รู้มั้ยถ้าผมยังไม่เจอพี่ผมจะไปประชาสัมพันธ์ประกาศหาแบบเด็กหายแล้ว พอเจอตัวก็เอาแต่จ้ำๆเดินหนีอยู่ได้ขาสั้นซะเปล่าแต่เดินเร็วชะมัด!!"
'ขาสั้น!'
คุ้นๆจังประโยคนี้ ผมเม้นปากเข้าหากันพร้อมกับแบะปากและทำหน้าเหมือนเด็กโดนพ่อดุที่แอบหนีหายไป เหอะใช่สิผมมันเด็กนี่ผิดเองแหละที่หลงทางผิดเองแหละที่มาด้วยน่ะ ผมไม่พูดอะไรแต่เดินหนีออกมาทั้งอย่างนั้น ทิ้งให้คนที่มันยืนด่าผมยืนงงต่อไป แต่สักพักจงแดก็วิ่งเข้ามาขนาบข้างผม คว้าเข้าที่มือของที่มันกอดอกอยู่ไปจับไว้ ผมถลึงตาใส่อย่างไม่พอใจแต่ก็ต้องยอมหันหนีเมื่อรอยยิ้มอบอุ่นและน้ำเสียงนุ่มเอ่ยออกมา
"จับไว้จะได้ไม่หลงกันอีกนะ"
หลังจากผ่านพ้นเรื่องไร้สาระไปแล้วผมก็ย้ายตัวเองจากเดินในห้างมาเป็นนั่งบนรถยนต์ของตัวเองแทน แต่คนที่ขับมันกลับไม่ใช่ผม กลับเป็นจงแดที่ครองกุญแจรถของผมไว้ ตลอดทั้งทางผมยังคงโดนจงแดบ่น ทั้งเรื่องที่หายไปเพราะแค่ไปซื้อขนมปังแล้วยังต้องมาฟังเรื่องที่จงแดเล่าแกมมีน้ำโหที่ว่าโทรศัพท์หาผมก็ไม่ติด เดินไปทั่วห้างก็ไม่เจอ มารอที่ลานจอดรถก็ไม่ที สรุปเรื่องวันนี้ผมผิดเต็มๆ!
"ทีหลังจะไปไหนก็บอกกันก่อนสิคนอื่นเขาจะได้รู้"
"โอย! พล่ามๆพล่ามอยู่ได้อย่าลืมสิฉันอายุมากกว่านายนะ บ่นเหมือนฉันเป็นเด็กเล็กอยู่ได้"
"ก็พี่ทำตัวเป็นเด็กเองนี่น่า"
ผมหันไปย่นจมูกใส่จงแดก่อนจะหันไปมองนอกกระจกรถ แต่แล้วสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับร้านซาลาเปาร้านโปรดของผมที่ปิดไปนานจนนึกว่าเลิกขายแล้วซะอีก และมันก็ยั่วยวนกระเพาะผมอีกครั้ง ผมเกาะกระจกรถเหมือนเด็กที่เจอของถูกใจนละสายตาไม่ได้ โชคดีที่ตอนนี้ไฟจราจรกำลังเป็นสีแดงมันเลยทำให้ผมนึกตัดสินใจว่าจะลงไปซื้อดีมั้ย แต่ดูท่าอาการอยากกินซาลาเปาของผมมันก็สะดุดตาคนที่ทำหน้าขับรถให้หันมามอง
"อยากกินหรอ?"
ผมหันไปพยักหน้าตอบจงแดเล็กน้อยก่อนจะหันไปสนใจร้านขายซาลาเปาเหมือนเดิม สัญญาณไฟเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียว รถค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปช้าๆ ผมทำหน้าเสียดายเมื่อรู้ว่าตัดสินใจช้าไป แต่แล้วจู่ๆรถยนต์คันที่ผมนั่งมันก็จอดเทียบฟุตบาทไม่ไกลจากร้านซาลาเปาเท่าไร ผมหันไปมองคนที่ขับรถก่อนจะรับการพยักหน้าให้ลงไปซื้อ ยิ้มกว้างเลยสิครับผมรีบลงไปซื้อทันทีได้รับอนุญาต
ผมรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปสั่งซาลาเปาไส้โปรดและไม่ลืมซื้อไปฝากคนที่จอดรถให้ผมมาซื้อด้วย รอไม่นานซาลาเปาสีขาวหอมกรุ่นแต้มด้วยสีแดงสดที่บนสุดก็ถูกนำมาให้ผม ผมจ่ายเงินให้กับป้าเจ้าของร้านก่อนจะวิ่งไปขึ้นรถ จงแดมองยิ้มๆก่อนจะเคลื่อนรถออกสู่ท้องถนนอีกครั้ง "มันอร่อยขนาดนั้นเชียวหรอ?"
จงแดเอ่ยถามทั้งๆที่ตายังคงมองถนนเบื้องหน้า ผมขานรับในลำคอให้อีกคนรับรู้ก่อนจะหยิบเอาหนึ่งลูกออกมาจากถุง ใช้มือฉีกแป้งขาวนุ่นนั่นออกมาเป็นชิ้นพอดีคำ เป่าลมไล่ความร้อนจากการนึ่งให้พอเย็นตัวลงและเอาไปจ่อที่ปากคนถาม จงแดผงะเล็กน้อยตอนที่ซาลาเปาไปอยู่ที่ปากแต่ก็ยอมอ้าปากรับเข้าไป คนที่ขับรู้อยู่ค่อยๆเขี้ยวช้าๆพร้อมพงกหัวไปด้วย ผมนั่งยิ้มมองคนที่กำลังกินซาลาเปาก่อนจะฉีกกินเองบ้าง
"อืม ซาลาเปาพี่เนี่ยอร่อยดีนะ"
"แน่นอนสิไม่งั้นฉันจะอยากกินหรอ"
จงแดพยักหน้ารับก่อนจะหยุดรถเพราะไฟแดง ผมฉีกซาลาเปาลูกเดิมให้ออกมาเป็นคำก่อนจะยื่นให้จงแด และเด็กนั่นก็อ้าปากรับไปอีกคำ ผมนั่งกินซาลาเปาสลับกับป้อนให้จงแดไปด้วยจนในที่สุดมันก็หมด แต่แล้วจู่ๆนิ้วของไอ้คนที่นั่งฝั่งคนขับก็ยื่นมาจิ้มแก้มผมและจิ้มมันจนบุ๋มลงไป ผมสะบัดหน้าให้พ้นก่อนจะตีเข้าที่ไหล่กว้างนั่น จงแดหัวเราะชอบใจก่อนจะขับรถต่อ แต่จู่ๆคนที่ขับรถเงียบๆก็เอ่ยขึ้นมา
"แก้มพี่นี่มันเหมือนแป้งซาลาเปาชะมัด"
"นิ่มน่ะหรอ หรือว่าขาว"
"ป่าว"
"แล้วอะไรล่ะ"
"น่าฟัด! น่ากัด! ต่างหากพี่เปาของผม :] "
-----------------------------------------
ผมกลับมาแล้วฮับมีคนรvอ่านอยู่บ้างไหมหนอ??
#ficaction
@cminor2199
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น