ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    LOVE ACTION!!

    ลำดับตอนที่ #5 : ข่มตาลง!

    • อัปเดตล่าสุด 15 มิ.ย. 58


     










































    ตึก ตึก ตึก...




              เสียงเข้มนาฬิกาที่เดินดังไปทั่วทั้งห้องสี่เหลี่ยม ความมืดปกครุมไปทั่วห้องเวลาตอนนี้มันกำลังอยู่ช่วงเวลาตีหนึ่ง คนส่วนใหญ่ควรจะใช้เวลาตอนนี้ไปกับความฝันแสนหวานแล้ว แต่ไม่ใช่ผมเพราะนี้ตาของผมมันยังคงเบิกกว้างไม่มีท่าทีจะปิดลงแม้แต่น้อย




               เรื่องเมื่อตอนกลางวันมันยังคงอยู่ในหัวผมตอนพักที่จงแดขอตัวลงไปหาเพื่อนที่คอฟฟี่ชอป หลังจงแดลงได้ไม่นานหมอนั่นก็เดินเข้ามา หมอนั่น 'คิมจงอิน' ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าจงแดมาช้ากว่านี้ผมจะโดนอะไรบ้าง




               จงอินนายแบบหน้าใหม่ของบริษัทที่เข้ามาวันแรกก็แฝงฤทธิ์ใส่ผมทันที หมอนั่นมาก่อนจงแดไม่นานแต่ก็ตามตอแยผมไม่เลิกจนจงแดมาหมอนั่นก็ห่างไป แต่วันนี้กลับมาเฉยแถมยัง แถมยัง แถมยัง




              หือผมไม่อยากจะคิดจริงๆ ผมดึงผ้าห่มขึ้นมาครุมโปร่งทันทีแต่ก็แค่แป็ปเดียวทำสลับไปสลับมา แต่สุดท้ายในหัวมันก็คิดถึงแต่เรื่องตอนกลางวัน ผมอยากจะลืมมันไปแต่ภาพมันยังชัดเจนไม่หาย ไม่รู้ปานนี้เจ้าเด็กบ้านั่นจะเอาเรื่องนั้นไปบอกใครหรือยัง หรือเด็กนั่นมองผมผิดแปลกไป หรือจะเอาเรื่องของผมไปพูดเสียหายๆ




               เฮ้ย!แล้วผมเป็นบ้าอะไรมาคิดถึงมันเนี่ย ผมทิ้งหัวตัวเองก่อนจะลุกจากเตียงและเดินไปคว้าเอากระเป๋าตังค์ เดินออกจากห้องในคอนโดไปก่อนจะกดลิฟต์ลงไปชั้นล่าง ผมก้าวเดินออกจากตัวอาคารของคอนโดเดินออกไปยังถนน ผมหยุดอยู่หน้าร้านกาแฟข้างๆคอนโดแต่ที่หยุดไม่ใช่เพราะร้านปิดหรืออะไร แต่เป็นเพราะคนที่อยู่ตรงหน้าผมต่างหาก




                    "นายมาทำอะไร?"




              คนตรงหน้าผมไม่ใช่ที่ไหนก็ไอ้คนที่ทำให้ผมคิดมากจนต้องมาหากาแฟกินนี่แหละ จงแดเดินเขามาใกล้ผมก่อนจะผายมือไปเชิญให้ผมเดินนำไปที่ร้านก่อน ผมขมวดคิ้วใส่ก่อนจะก้าวลงบันไดของร้านและเดินเข้าไปสั่งกาแฟเลือกที่จะไปนั่งลงกับชุดโซฟาของร้าน 




              จงแดเองก็ทำแบบเดียวกับผมและมานั่งโต๊ะเดียวกัน ผมเสสายตาไปมองนอกร้านที่เป็นกระจกใสแทน ร้านนี้เป็นร้านกาแฟเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงเมื่อก่อนทำงานใหม่ๆและเลิกดึกผมก็แวะมาบ่อย แต่ตอนนี้ก็แวะมาเรื่อยๆถึงจะไม่เท่าเมื่อก่อน บรรยากาศในร้านร้างผู้คนมีเพียงเสียงเพลงที่เปิดคลอและเสียงพนักงานที่กำลังทำหน้าที่




                   "ผมจะแวะมาดื่มกาแฟดึกๆไม่ได้หรือไงกันครับ?"




               แต่แล้วจงแดก็เอ่ยออกมาทำลายความเงียบบนโต๊ะ ผมหันมองคนที่นั่งอยู่ข้ามก่อนจะร้องเหอะออกมากับตัวเองแต่สีหน้านี่มันคงจะแสดงชัดเลย ผมก็เป็นซะอย่างนี้แหละคิดอะไรรู้สึกยังไงก็แสดงผ่านสีหน้าแบบไม่ปิด




                    "มาไกลไปไหม?"




              เอ่ยออกไปลอยๆไม่หวังให้เด็กนั่นต้องตอบ แต่สิ่งที่จงแดทำคือแค่ยิ้มมาให้ผมก่อนจะชูคีย์การ์ดให้ผมดู เมื่อเพ่งมองดูดีๆแล้วมันคือคีย์การ์คอนโดที่อยู่ถัดจากร้านกาแฟไปนี่เอง ผมมองคีย์การ์ดสลับกับหน้าของคนที่ถือมันอยู่ มันเลยทำให้กลายเป็นว่าคอนโดเราอยู่ห่างกันแค่ร้านกาแฟกั้น




              กาแฟถูกยกมาเสิร์ฟก่อนที่พนักงานจะปล่อยให้ผมและจงแดนั่งดื่มด่ำกับมัน ผมค่อยๆละเมียดละไมรสชาติหวานปนขมลงลำคอ ต่างจากจงแดที่ดูจะลุกลี้ลุกลนมากกว่าผม  "นาย..."




                   "ครับ?"




                   "เรื่องเมื่อตอนกลางวัน.."




              รอยยิ้มถูกจุดบนใบหน้าคมก่อนที่มือกร้านจะยกขึ้นมาและทำมือขึ้นเป็นสัญลักษณ์โอเค ผมปัดมือนั่นก่อนจะส่งสายตาให้เด็กนี่มันเลิกเล่น จงแดหัวเราะครืนออกมายกมือทั้งสองข้างเป็นเชิงยอมแพ้




                   "ผมลืมไปแล้วล่ะไม่ต้องห่วง"


























               ถึงได้เด็กบ้านั่นบอกจะลืมไปแล้วแต่ผมก็ยังไม่ไว้ใจมันเต็มร้อยหรอกนะ ผมเลี้ยวรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถใต้อาคารเหมือนทุกครั้งดับเครื่องยนต์และล็อครถให้เรียบร้อย สาวเท้าเดินตามทางอย่างเหมอลอย 




                   'ลืมไปแล้วงั้นเหรอ'




              แค่คำพูดของใครก็ไม่รู้ผมจะมั่นใจได้สักเท่าไรกัน ผมเดินไปเรื่อยๆจนถึงตัวลิฟต์ของตึก เมื่อคืนผมแทบจะไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำเมื่อรู้สึกตัวอีกทีดวงอาทิยต์ก็ใกล้จะโผล่พ้นขอบฟ้ามาเต็มที่ มันเลยทำให้ผมต้องมาทำงานเช้าแบบนี้ไง




              รู้สึกว่าพอคนน้อยๆบริษัทมันโล่งลิฟต์มันก็ช่างมาช้าเสียจริง จู่ๆความง่วงก็แล่นเข้ามาสู่ผม ผมยืนสะลึมสะลืออยู่หน้าลิฟต์ตาก็จะปิดให้ได้ ขึ้นห้องไปก็ไปงีบหน่อยดีกว่า ผมที่กำลังยืนแบบประสาทไม่รับรู้ก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีมือปริศนามาจับเข้าที่ไหล่ผม




                   "มาทำอะไรแต่เช้าเลยครับพี่มินซอก?"




                    "จ..จงอิน"




              รอยยิ้มคมถูกส่งมาให้ผมแต่ผมไม่ได้รู้สึกดีกับรอยยิ้มนั่นที่ใครหลายต่อหลายคนหลงเลยแม้แต่น้อย ผมสลัดมือนั้นให้หลุดออกจากไหล่ก่อนจะค่อยๆเขยิบตัวถอยห่างทีละนิด เป็นเวลาเดียวกับที่ประตูลิฟต์ถูกเปิดออก ผมก้าวเข้าไปข้างในตัวลิฟต์แต่ก็ต้องอึดอัดเพราะจงอินก็ตามเข้ามา




               ผมกดเข้าที่ชั้นของตัวเองในใจผมหวังให้จงอินกดชั้นที่ออกก่อนผมแต่ป่าวเลย หมอนั่นไม่กดชั้นไหนเลย มันทำให้ผมคิดสองแง่ว่าเขาจะไปชั้นเดียวกับผมหรือจงใจกันแน่ ผมได้แต่หวังให้ลิฟต์มันไปเร็วๆหรือมีอะไรมาขวางให้นายนี่ไปไกลๆเพราะผมอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก




              ในจังหวะที่ประตูลิฟต์กำลังจะปิดก็มีมือมือหนึ่งแทรกเข้ามาขวางไว้ก่อน ผมเกิดเปิดประตูลิฟต์ให้เขาเข้ามา ทำให้เห็นว่าคนคนนั้นคือจงแด จงแดส่งยิ้มมาให้ก่อนจะเดินเข้ามาในลิฟต์และมาแทรกระหว่างกลางของผมกับอิน ถึงจะไม่อึดอัดแต่บรรยากาศมันก็แปลกชะมัด นั่นๆคิ้วขวาของผมกระตุกอีกแล้ว นี่ผมต้องเตรียมรับเรื่องปวดหัวเร็วๆนี้ใช่ไหม




              ประตูลิฟต์ถูกปิดลงและเป็นเวลาชั่ววินาทีที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ผมพยายามยืนแอบกับจงแดให้ได้มากที่สุดเพราะสายตาที่กำลังโลมเลียผมของจงอินมันชวนให้ขนลุกขึ้นมา เหมือนว่าจงแดจะรับรู้ว่าผมกำลังหลบสายตานั่น เด็กนั่นหันตัวเข้ามาทางผมเพื่อบังไม่ให้จงอินเห็น




                   "เอ่อพี่มินซอกครับเรื่องเมื่อวานว่ายังไงมั่งครับพี่ตกลงไหม?"




              ผมกลืนน้ำลายคอทันทีที่ได้ยินว่าเรื่องเมื่อวาน ไม่รู้ไอ้เด็กข้างตัวจะคิดไปถึงเรื่องไหนแต่สาบานได้ว่าเรื่องเมื่อวานที่จงอินหมายถึง คงจะเป็นเรื่องที่มาขอให้ผมไปเป็นช่างภาพในการถ่ายแบบของเขา แต่ยังไม่ทันที่ผมจะตอบอะไรเขาก็เล่นจู่โจมผมแบบที่จงแดเห็นเสียก่อน




                   "ข..ขอฉันคิดอีกหน่อยแล้วกัน"




                   "งั้นตามใจนะครับ แต่ผมรออยู่นะ"




              ผมรีบหลบสายตาลงต่ำทันทีที่เผลอไปสบตากับจงอิน ตัวเลขแสดงชั้นค่อยๆแสดงตัวเลขที่ปกติมันจะเร็วแต่คร่าวนี้กลับช้าจนน่าอึดอัด จงอินยังคงจ้องผมไม่เลิกทำเหมือนจงแดเป็นแค่ธาตุอากาศ แต่จู่ๆมือหนาของจงแดก็มาเกลี่ยเส้นผมของผมให้ทัดหู ผมมองอย่างตำหนิที่เด็กนั่นทำแต่เขากลับส่งยิ้มมาให้เหมือนเดิม




              จงแดยังคงเกลี่ยนเส้นผมให้ผมต่อไปจัดแจ้งเสื้อผ้าหน้าผมของผมให้เรียบร้อย การกระทำทุกอย่างมันอยู่ในสายตาผมและแน่นอนว่าจงอินเองก็เห็นมัน เพราะตัวลิฟต์เป็นกระจกทั้งสี่ด้านมันทำให้ผมเห็นสายตามีชัยของจงแดที่ส่งผ่านกระจกให้จงอินเห็น ริมฝีปากกระจับนั่นยกยิ้มมุมปากอย่างเลศนัย




               ก่อนที่จงแดจะหันกลับมาตัวตรงเหมือนเดิมแต่แขนแกร่งนั่นก็พาดเข้ามาที่คอของผมเต็มๆก่อนจะเปลี่ยนเป็นโอบรอบคอ ผมพยายามดิ้นให้หลุดจากวงแขนนั่นแต่ก็ไม่เป็นผล เสียงเตือนจากลิฟต์ดังขึ้นเมื่อถึงชั้นของมัน ประตูเปิดออกก่อนที่จงแดจะก้าวนำให้ผมก้าวออกจากลิฟต์ตาม




              แต่จงอินไม่ตามออกมาทำให้แดหยุดเดินอยู่หน้าลิฟต์ก่อนจะจับไหล่ผมให้ตัวผมหมุนมามองเขา จงแดโน้มตัวมาใกล้ก่อนจะเอี้ยวตัวเองให้บังและเป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูลิฟต์ถูกปิด ใบหน้าของเรานิ่งค้างห่างกันไม่ถึงคีบ ลมหายใจอุ่นเป่าริดบนใบหน้าชวนให้ใจหาย จงแดเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้กับหูของผมก่อนจะเอ่ยกระซิบถอยคำ




                   "ถ้ามันมาทีหลังมาบอกผมนะครับ"




                   "ท..ทำไม?"




                    "มันจะได้รู้ว่าพี่...เป็นของผม"




              เอ่ยเสร็จก็ผละออกและส่งยิ้มยียวนมาให้ก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้ผมยืนอึ้งอยู่ตรงนั้นคนเดียว คำว่าเป็นของผมมันยังคงลอยอยู่ในหัวซ้ำไปซ้ำมากว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เสียงหัวเราะของจงแดลอยมาให้ได้ยิน




                   "ย๊าห์!!ไอ้เด็กบ้า!!"




             ผมเดินตามเข้ามาในห้องก็เห็นจงแดนั่งอยู่โต๊ะเสริมริมห้องทำงานตัวเองเสียแล้ว เดินกระฟัดกระเฟียงไปทิ้งตัวนั่งเก้าอี้จ้องมองหน้ากวนประสาทของเด็กนั่นอย่างโจ้งแจ้ง จงแดทำแค่ยักไหล่ให้ผมแค่นั้นและเดินหายออกไปจากห้อง ทิ้งนั่งหัวเสียกับตัวเองอยู่ในห้องเงียบๆ




              ง่วงก็ง่วงอารมณ์เสียก็อารมณ์เสียวันนี้มันวันบ้าอะไรกันแน่ แต่ถ้าจะพูดให้ถูกต้องถามว่ามันเป็นบ้าอะไรตั้งแต่เมื่อวาน เรื่องทั้งหมดมันทำให้ผมปวดหัวและรู้สึกเครียด ผมไม่มีกะจิตกะใจจะนั่งทำงานหรืออะไรทั้งนั้นแต่ให้นอนนิ่งแกล้งป่วยอยู่บ้านก็ไม่เอา




              ไหนจะเรื่องในลิฟต์หรือหน้าลิฟต์อีก วันนี้มันจะต้องทำให้ผมเป็นบ้าให้ได้เลยใช่ไหม ในระหว่างที่ผมกำลังฟุ้งซ่านแก้วกาแฟอุ่นก็ถูกแนบลงกับหน้าผม ทำให้ผมต้องรีบผละออกและมองไล่จากแก้ากาแฟไปจนถึงมือแขนและใบหน้าของคนที่ส่งแก้วมาให้ เป็นจงแดที่ยื่นแก้วกาแฟมาให้พร้อมรอยยิ้ม




              ผมกำลังคว้าแก้วกาแฟแต่มันก็ถูกเอี้ยวหลบโดยคนที่ถือ ผมมองตามจงแดที่เดินไปทิ้งตัวนั่งบนโซฟาชุดเล็กที่เอาไว้คุยงาน เด็กนั่นตบเบาะโซฟาเบาๆเป็นเชิงให้ผมไปนั่งก่อนจะวางแก้วกาแฟลงกับโต๊ะเตี้ยข้างหน้า 




                   "ลุกมานั่งดื่มกาแฟดีๆเถอะครับ"




              สายตาคมมองมาอย่างอ้อนวอนจนผมต้องยอมลุกไปนั่งข้างจงแด กลิ่นกาแฟหอมๆชวนให้ผ่อนคลายได้ลงบ้างแต่ไม่เท่ากับมือหนาที่กำลังบีบไหล่ผมอย่างเอาใจ ผมเหลียวสายตาไปมองเล็กแต่ก็ปล่อยให้จงแดบีบไหล่ผมอยู่อย่างนั้น ให้ตายสิมันสบายจนผมชักลืมตาไม่ขึ้นซะแล้วล่ะ




               โลกค่อยๆมืดลงเพราะดวงตาที่กำลังจะปิด แก้วกาแฟในมือถูกแย่งไปก่อนจะมีอีกมือดึงให้ผมเอนนอนกับเบาะโซฟาและอะไรบางอย่างที่มาหนุนใต้หัวผม แต่จะเป็นอะไรก็ช่างถ้ามือที่มาบีบนวดขมับให้ผมยังไม่หยุดทำผมก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะลืมตามองอะไรทั้งนั้นแล้วล่ะ




              บางสิ่งบางอย่างกำลังขยับอยู่ใต้หัวผม ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆก่อนจะบิดตัวเข้ามาหาบางสิ่งบางและเอาหน้าเข้าไปซุก ถูหน้าลงกับสิ่งนั้นอย่างลืมตัวก่อนจะรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน ตามมาด้วยเสียงบางอย่างที่คล้ายเสียงหัวเราะจนผมต้องไล่สายตามองสิ่งนั้นให้สูงขึ้น




                   "ผมจั๊กจี้นะครับนอนดีๆสิ"




              ผมรีบผละออกจากสิ่งเมื่อรู้ว่ามันคือหน้าท้องของจงแด แต่ดูท่าจะรีบเกินไปจนลืมไปว่าโซฟามันเล็กแค่ไหน ตัวผมครึ่งตัวตกกระแทกพื้นเต็มๆ เสียงหัวเราะของจงแดยังดังให้ได้ยินไม่ขาดมือหนาเอื้อมมาดึงแขนผมทั้งสองข้างให้ขึ้นไปบนโซฟาดีๆ ผมสะบัดมือของจงแดให้หลุดจากแขนตัวเองรีบนั่งตรงและรักษาระยะห่างไว้




                   "นี่ฉัน..หลับไปนานแค่ไหนแล้ว?"




                   "ก็ราวๆสองสามชั่วโมงมั้งครับ"




              ผมรีบก้มมองดูนาฬิกาที่แขวนผนังห้องก่อนจะเบิกตากว้าง เพราะนี่มันเลยเวลาที่ผมต้องถ่ายรูปมาซะแล้ว ผมรีบกุลีกุจอลุกจากโซฟาไปคว้าเอากระเป๋ากล้องตัวโปรดและเตรียมที่จะวิ่งออกจากห้องไป แต่ก็ถูกมือหนาคว้าที่แขนไว้เสียก่อน ผมส่งสายตาไม่พอใจไปให้แต่จงแดก็ไม่มีท่าทีจะปล่อยเลย




                   "พี่จะรีบไปไหน?"




                   "ก็รีบไปทำงานน่ะสิถามได้"




                   "พี่ไม่ต้องรีบหรอกเขามาตามพี่ตั้งนานแล้วแต่ผมบอกว่าพี่ไม่สบายเขาเลยเลื่อนกองไปถ่ายกันพรุ่งนี้"




              ได้ยินอย่างนั้นผมก็โล่งใจถอนหายใจออกมาอย่างหมดห่วง แต่เดี๋ยวนะมาตามงั้นเหรอ? ผมรีบหันไปมองจงแดทันทีที่นึกอะไรได้ทำท่ากระอักกระอวนกลัวคำตอบที่ได้มันจะเป็นอย่างที่คิดไว้




                   "ม..มาตอนไหน?"




                   "ก็ตอนพี่หลับไง"




              นั่นไงอยากจะกรีดร้องจริงๆถ้าทีมงานเข้ามาตามตอนผมหลับจริงล่ะก็ นั้นก็หมายความว่าคนคนนั้นก็ต้องเห็นตอนที่ผมนอนหลับบนตักจงแดน่ะสิ แล้วที่นี้เรื่องของผมมันก็คงบานปรายไปไหนต่อไหนแล้วมั่งเนี่ย พนักงานบริษัทนี้ยิ่งขี้เม้ากันอยู่ด้วย โถ่ๆๆชีวิตของคิมมินซอก




                   "ผมว่าพี่พักดีกว่าหน้าพี่ดูไม่ค่อยดีเลยนะ"




              จงแดว่าพร้อมยื้อกระเป๋ากล้องจากผมไปและดึงให้ผมนั่งกับโซฟาเหมือนเดิม แต่เรื่องอะไรที่ผมจะต้องพักขืนนอนต่อมันจะต้องคิดไปถึงเรื่องที่มีคนเข้ามาเห็นผมนอนตักจงแดแน่ๆ ไม่ๆแล้วทำไมในหัวผมมันจะต้องคิดแต่เรื่องที่นอนบนตักจงแดด้วยล่ะ ให้ตายเหอะออกไปจากหัวผมสักที




                    "พี่จะดื้อทำไมบอกให้นอนก็นอนสิ"




               จงแดกดไหล่ของผมให้นั่งลงกับโซฟาและออกแรงให้มากขึ้นจนทำให้ผมนอนลงกับโซฟา ผมดิ้นเพื่อให้หลุดจากจงแดแต่ไม่รู้ทำไมเรี่ยวแรงที่เคยมีมันก็หายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่ผมก็ยังคงแผงฤทธิ์ใส่จงแดจนเด็กบ้านี่มันตามขึ้นมาทับตัวผมให้นอนนิ่งๆ




                    "มินซอกกกกไม่สบายห..หรอ?!"




              ชิบหายแล้วผมเงยหน้าไปมองบุคคลที่เข้ามาโดยพลการ เป็นจุนมยอนที่เปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมจื่อเทา ตอนแรกหน้าของเพื่อนผมมันก็ยังมีรอยยิ้มแต่เมื่อมันมองมาที่ผมรอยยิ้มก็หายไปพร้อมกับใบหน้าเรียบนิ่งขึ้นมาแทน ผมกับจงแดรีบหันมามองสภาพตัวเองกันก่อนที่ผละออกจากกันโดยเร็ว 




                     "ทำอะไรกันน่ะ?"




                     "ทำอะไรไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย"




               จงแดเอ่ยตอบและขอตัวออกไปจากห้องทิ้งให้ผมอยู่กับสายตาจับผิดของเพื่อนตัวเอง ผมก้มหน้าลงพร้อมกับจับข้างแก้มทั้งสองข้างที่มันกำลังเหอร้อน รีบลุกจากโซฟาไปนั่งกับเก้าอี้โต๊ะทำงานแทน จุนมยอนเดินเข้ามานั่งลงกับเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามพร้อมกับสายตาที่ยังไม่เปลี่ยน



     
                    "อะไรมีอะไรก็พูดมา"




                   "โหนี่ฉันเป็นประธานนะประธาน"




              ถ้ามองสภาพอย่างเดียวก็คงเชื่อยากอ่าเนอะ ผมถอนหายใจกับเพื่อนตัวเองก่อนจะหมุนเก้าอี้หันหลังให้จุนมยอน แต่เพื่อนผมมันก็ยอมสักที่ไหนจุนมยอนหมุนเก้าอี้ให้กลับมาตรงตามเดิมก่อนจะส่งยิ้มและเอ่ยออกมา




                     "ไปกินข้าวกัน"




              และแล้วผมก็ต้องลากสังขารมากับจุนมยอนและจื่อเทาจนได้ เราออกมาหาอะไรทานกันในห้างแถวบริษัท เลือกนั่งอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่น ผมมองคนที่เอ่ยปากชวนผมมาแต่ก็หาได้สนใจไม่ มัวแต่นั่งกระหนุงกระหนิงกับเลขาส่วนตัวอยู่นั่นแหละ




                      "เป็นอะไรมินซอกอาหารไม่อร่อยเหรอ?"




                      "อร่อย แต่หวานไปหน่อย"




              เหมือนจุนมยอนจะรู้ในความหมายที่ผมพูดเลยเขยิบออกห่างจากจื่อเทานิดหน่อย ผมก้มหน้าก้มตาเขี่ยอาหารตรงหน้าอย่างเบื่อหน่ายแต่ทุกการกระทำมันก็ไม่พ้นสายตาเพื่อนสนิทผมอยู่ดี




                    "แล้วนี่เป็นไรอีกเมนส์ไม่มา?"




                    "ทะลึ่ง"




              ผมหยิบพวกผักประดับจานอาหารมาปาใส่หน้าจุนมยอน อีกฝ่ายก็เอาแต่หัวเราะชอบใจกับการล้อเลียนผม จนจุนมยอนต้องยกมือยอมแพ้ การกระทำแบบนี้มันทำให้ผมนึกถึงเด็กฝึกงานที่มาฝึกงานกับผม ตลอดเวลาอาทิตย์เกือบจะสองอาทิตย์มันทำให้ผมเห็นด้านใหม่ๆของจงแด




               ไม่ใช่ปากจัดอย่างเดียวแต่แดมีด้านที่อบอุ่น สดใส เทคแคร์แต่ก็ไม่วายจะกวนประสาทแต่ผมว่ามันก็เป็นเสน่ห์นะ แล้วไอ้การยกมือยอมเเพ้เนี่ยจงแดก็ชอบทำบ่อยๆ เมื่อเด็กนั่นยอมแพ้ผม เฮ้ยแล้วเรื่องอะไรผมจะต้องมาคิดเรื่องเด็กบ้านั่นด้วยแล้วไอ้การเผลอยิ้มนี่ก็ไม่ใช่ตัวผมเลยนะ สติมินซอกสติท่องไว้สติ




                     "นั่นแน่แอบยิ้มอะไรไม่ทราบ"




                      "ป่าวสักหน่อย"




               จุนมยอนว่าอย่างล้อเลียนพร้อมหันไปกระซิบกระซาบกับจื่อเทา ผมเลยไดัแต่บุ้ยปากปฏิเสธไปส่งๆ หันหน้าหนีสายตาล้อเลียนของเพื่อนตัวเองพร้อมกับเขี่ยอาหารในจานเหมือนเดิม




                   "แล้วจงแดเป็นไงบ้าง?"




              ผมหันมามองเพื่อนตัวเองที่จู่ๆก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง วางช้อนในมือลงและพิงลงไปกับผนังพิงเก้าอี้ของร้าน แทนที่จะตอบคำถามไปทันทีแต่ในหัวผมกลับคิดถึงแต่เรื่องที่จงแดทำให้ ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับงานเลยแม้แต่น้อย




                    "ก็ดี"




                   "ก็ดี?"




              ผมพยักหน้ารับเพื่อนตัวเองก่อนจะถอนหายใจออกมา ที่ว่าก็ดีก็คงดีจริงๆเพราะถ้าให้ดูแต่เรื่องงานจงแดเองก็เป็นคนขยัน ไม่เคยปริปากบ่นแม้แต่คำเดียวไม่ว่างานนั้นจะเป็นยังไง แถมยังมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าทุกครั้งที่ทำงาน




                    "พูดให้กระจ่างกว่านี้สิมินซอกฉันจะได้บอกแม่จงแดถูก"




              เฮ้ยๆเกี่ยวไรกับแม่จงแดวะ ผมเด้งตัวจากพนังผิงเก้าอี้มาเท้าโต๊ะมองหน้าจุนมยอนทันที ผมจ้องเขม็งไปที่จุนมยอนจนเพื่อนของผมต้องโบกมือไปมาตรงหน้า ผมส่งสายตาสงสัยไปจุนมยอนที่พอเริ่มจะมองก็ผลักหน้าผมให้กับไปอย่างเดิม




                    "สงสัยอะไรก็ถามสิ"




                    "นายไปรู้จักอะไรกับเด็กนั่น"




                    "เอ๊านี่ฉันยังไม่ได้บอกนายเหรอจงแดเป็นน้องชายฉัน เอ่อประมาณลูกพี่ลูกน้องน่ะ"




               จบคำพูดของจุนมยอนผมก็เบิกตากว้างทันที ลูกพี่ลูกน้อง? น้องชาย? เฮ้ย!นี่ผมไปอยู่ไหนมาเนี่ยหรือเรื่องนี้จะเป็นความลับที่จุนมยอนยังบอกใครไม่ได้ งั้นผมก็เข้าใจจงแดผิดมาตลอดน่ะสิเห็นจุนมยอนให้ท้ายเยอะก็นึกว่าเด็กในคลัง




                     "นายจะตกใจอะไรนักหนาคนเขารู้ทั้งบริษัทแล้ว 5555"




              ไม่ รู้ไม่หมดเพราะฉันก็ยังไม่รู้!! ผมได้แต่คร่ำครวญในใจแต่ดูสีหน้ามันคงจะแสดงไปก่อนเลยทำให้จุนมยอนต้องระเบิดเสียงหัวเราะออกมา มือขาวนั่นเอื้อมมาผลักหัวผมก่อนจะเอ่ยตอบ




                     "จะตะลึงไปถึงไหนเล่า 55555 นายนี่มันนิสัยเหมือนจงแดเลยนะ"




                     "เหมือนตรงไหนปล่อยเลย"




              ผมสะบัดหัวเพื่อให้มือของเพื่อนหลุดออกก่อนจะเปลี่ยนเป็นนั่งกอดอก จุนมยอนเอาแต่หัวเราะและสะกิดจื่อเทาให้เอากระเป๋าตังค์ของตัวเองมาให้ เพื่อนตัวขาวเปิดกระเป๋าตังค์ก่อนจะหยิบเอารูปใบเล็กในนั้นออกมาและยื่นให้ผมดู




                ผมรับเอารูปมาดูก่อนจะเห็นเป็นเด็กผู้ชายสองคนนั่งอยู่ด้วยกัน อีกคนยื่นมือมาจับหัวอีกคนแต่คนที่โดนจับกลับเอี้ยวตัวหลบ ผมมองหน้าจุนมยอนอย่างสงสัยก่อนจะคืนรูปให้เจ้าของมันตามเดิม




                     "เวลาฉันจับหัวจงแดจงแดก็ชอบหลบแบบนายไง"




                      "จุนมยอน"




              ผมเอ่ยเรียกเพื่อนตัวเองแผ่วเบาแต่ก็ดังพอให้อีกคนได้ยิน จุนมยอนที่กำลังเก็บรูปลงกระเป๋าดั่งเดิมก็เงยหน้ามามองผมก่อนจะส่งยิ้มมาให้ ผมกลืนน้ำลายลงคอพยายามคิดทบทวนคำถามว่าควรจะถามดีไหมหรือเก็บมันไว้ตามเดิม แต่ความอยากรู้มันทำให้ผมต้องปริปากเอ่ยออกไป




                       "คือนายก็เป็นพี่จงแดใช่ไหม..ฉันอยาก..รู้ว่าจงแดเอ่อเป็นคนยังไง?"




                     "นี่จงแดมันแผงฤทธิ์หรอ?แสบใช่เล่นนะเนี่ย ฉันก็ไม่รู้อะไรมากหรอกนะเพราะตอนเด็กๆนานๆจะเจอกันทีแต่ที่รู้คือจงแดก็เป็นเด็กดีนะถึงจะแสบไปหน่อยอ่อและที่สำคัญเลยคือ..."




                     "คือ?"



               จุนมยอนเว้นช่วงจังหวะหายไปจนผมต้องถามต่อ หน้าขาวๆนั่นยื่นเข้ามาใกล้และควักมือเรียกให้ผมยื่นหน้าไปหา ผมทำตามที่จุนมยอนบอกก่อนจะหันหูเพื่อฟังคำบอกของเพื่อนได้ชัดขึ้น และคำตอบนั่นมันก็ทำให้ผมต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจ




                     "จงแดน่ะมีนิสัยที่ว่าถ้าสนใจหรืออยากได้อยากรู้อะไร...จงแดจะทำให้ถึงที่สุดจะเอาสิ่งนั้นมาเป็นของตัวเองให้ได้ไม่ว่าวิธีไหนก็ตาม"





















    ---------------------------------------------------------

    โปรดรักฉันรักฉันเถอะนะ

    #ficaction
    @Cminor2199









    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×