ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : START!
เคยดูละครหรือซีรีย์อะไรทำนองนี้มั้ยครับ? ถ้าเริ่มเรื่องมาแล้วพระเอกกับนางเอกร้ายใส่กัน มันก็คงจะฟันธงได้ว่าจะต้องรักกันแน่นอน แต่มันจะไม่เกิดขึ้นกับผมเด็ดขาด! ตอนนี้ผมเริ่มฝึกงานมาได้ซักพักแล้วและแน่นอนคนที่ดูแลการฝึกงานของผมคือ พี่มินซอก พี่เขาแกล้งผมสาระพัดทุกสิ่งทุกอย่างที่จะแกล้งได่้ แต่ผมไม่ได้ยอมนะก็แค่ทำเป็นนิ่งใส่หรือตอกกลับแบบหน้าชาใส่ แต่พี่เขาก็สยบผมได้เหนือกว่าโดยการอ้างถึงเรื่องฝึกงาน เหอะถ้าผมจบเมื่อไรนะจะมาเขี่ยออกจากวงการถ่ายภาพให้ตกกระป๋องไปเลย
ผมยอมพี่มินซอกทุกอย่างเพราะบางทีการแกล้งหรือใช้งานของพี่เขามันมีการสอนงานแฝงอยู่ แต่ก็น้อยกว่าความแค้นส่วนตัวล่ะนะ วันนี้ก็เหมือนทุกๆครั้งผมโดนแกล้งให้แบกหามสิ่งของที่ชนิดว่าคนธรรมดาไม่น่าแบกได้ ย้ายจากห้องนู้นไปห้องนี้ ห้องนี้ไปห้องนั้น พี่มินซอกแค่หันกลับมาพูดว่า..
"โอ๊ะ ขอโทษทีนะผิดสตูฯอีกแล้ว"
ว่าพร้อมกับส่งสายตาเว้าวอนที่ปนกับความเจ้าเล่ห์เอาไว้ ผมถอนหายใจก่อนจะพยักหน้ารับและส่งยิ้มเป็นเชิงให้อภัยไปให้ แต่ใครจะไปรู้ในใจนี่แทบจะขว้างอุปกรณ์ของพี่เขาทิ้งต่อหน้าต่อหน้า พี่มินซอกส่งยิ้มแสแสร้งมาให้ก่อนจะเดินนำไปยังห้องสตูดิโอที่ใช้ทำงานจริงๆในวันนี้
แต่เจ้ากรรมดันไปเจอกับแม่นางแบบสาวที่คั่วกับพี่เขาเมื่อวันที่ผมมาที่นี่ครั้งแรก คุณเธอกรี๊ดกร๊าดเสียงดังก่อนจะรีบกุลีกุจอเอาหน้าอกสะบึ้มมาเบียดเข้ากับแขนพี่มินซอก ก่อนจะจุ๊บไปแก้มกลมทั้งสองข้าง ผมถอนหายใจให้กับภาพไม่อายตรงหน้า เดินเอากระเป๋าและอุปกรณ์ต่างๆไปวางไว้บนโต๊ะริมผนัง
"มาฝึกงานเหรอ?"
ผมหันไปตามเสียงก่อนจะเจอเข้าผู้ชายตัวเล็กที่ยืนส่งยิ้มมาให้กับผม ผมยิ้มตอบคนคนนั้นไปก่อนจะพยักหน้ายืนยัน เขาคลี่ยิ้มออกมาก่อนจะส่งมือให้ผมจับทักทายแล้วจะเริ่มแนะนำตัว "เราชื่อแบคฮยอนนะมาฝึกงานเหมือนกันมาจากมหาลัยนอกโซลนู่นแน่ะ"
"ผมชื่อจงแด คิมจงแดอยู่มหาลัยในโซลนี่แหละ"
"ดีเลยเราจะได้มีเพื่อนในบริษัทอีกคนอ่อไปเจอชานยอลสิเรามาฝึกงานกับชานยอลด้วยล่ะ"
แบคฮยอนส่งยิ้มน่ารักมาให้กับผมก่อนจะปล่อยมือให้เป็นอิสระ พาผมเดินตรงไปหาผู้ชานตัวสูงที่กำลังก้มหน้าอยู่กับหน้าจอโน๊คบุ๊ค แบคฮยอนสะกิดไหล่ของคนที่นั่งอยู่ให้หันมา ผมส่งยิ้มไปทักทายก็ได้รอยยิ้มคมกลับมา
"นี่จงแดนะ จงแดนี่ชานยอลเพื่อนมหาลัยเดียวกับเราเอง"
"มาฝึกงานเหมือนกันหรอ?"
ชานยอลลุกจากเก้าอี้ทำให้เห็นความสูงเต็มๆที่สูงกว่าผมเสียอีก ผมพยักหน้ารับชานยอลก่อนจะได้รับรอยยิ้มกว้างและฝ่ามือที่ตบบนไหล่ของตัวเองสองสามที การมีเพื่อนมันก็ไม่แย่เท่าไรนักหรอกครับว่าไหม
"มัวคุยเล่นอะไรอยู่ไปเตรียมของสิ"
เสียงทุ้มหวานที่ผมจำได้ไม่เคยลืมเอ่ยขัดการสนทนาของผมและเพื่อนใหม่ ผมหันไปมองก็เป็นพี่มินซอกจริงๆตามที่คิด พี่มินซอกเดินมาหาผมพร้อมแม่นางแบบของพี่เขา มองหน้าผมนิ่งพยักหน้าให้ไปทางโต๊ะที่ผมว่างอุปกรณ์ ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปพร้อมนางแบบสาว
"จงแดนายฝึกงานกับพี่มินซอกหรอ?"
"อืมทำไมหรอแบคฮยอน?"
แบคฮยอนทำหน้าตกตะลึงในคำถามของผมทำให้ผมต้องหันไปขอความช่วยเหลือจากชานยอล แต่ผลที่ได้คือการแค่ส่งยิ้มกว้างที่เห็นฟันพร้อมหัวเราะในลำคอมาให้ "แหมใครๆก็อยากฝึกงานกับคนที่เก่งและดีแบบพี่มินซอกทั้งนั้นแหละ"
เก่งและดี?! ขอค้านเลยครับมันไม่จริงสักนิดเดียว ผมขอตัวกับเพื่อนใหม่ทั้งสองก่อนจะเดินกลับมายังโต๊ะที่ผมวางอุปกรณ์แต่พอดูดีๆแล้วของทุกอย่างในการถ่ายภาพมันถูกเอาออกไปหมดแล้ว ผมย่นคิ้วก่อนจะมองหาพี่มินซอก เห็นพี่เขายืนอยู่กลางสตูดิโอเตรียมทำหน้าที่ในการทำงานของตัวเอง
ผมเดินเข้าไปใกล้ๆกับบริเวณที่พี่เขายืนอยู่ เฝ้ามองทุกการกระทำของพี่เขาที่ดูจะผิดแปลกไปจากปกติ ใบหน้านิ่งที่แน่วแน่กับงานตรงหน้า แววตาจริงจังของพี่เขา ไม่เหลือเค้าเดิมของพี่มินซอกที่ชอบแกล้งผมเลยสักนิด
การถ่ายแบบได้เริ่มขึ้นแล้วและคนที่รับหน้าที่เป็นช่างภาพก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พี่มินซอกนี่แหละ พี่เขาดูมุ่งมั่นกับการทำงานมากสีหน้าที่แสดงความคิดออกมาแบบไม่ปิด ไม่พอใจคือไม่พอใจ ผมเฝ้ามองพี่มินซอกที่มุ่งมั่นอยู่กับงานก่อนจะยิ้มออกมาน้อยๆ
เพราะการที่ผมได้เฝ้ามองพี่เขามันทำให้ผมได้พิจารณาใบหน้าและสัดส่วนร่างกายของเขาอย่างชัดเจน ใบหน้ากลมหวานแก้มป่องๆที่น่าหยิก ดวงตากลมชั้นเดียวที่แอบแฝงเสน่ห์ให้หยุดมอง ริมฝีปากบางที่ดูไม่น่าจะเป็นปากผู้ชาย รูปร่างที่พอมีกล้ามเนื้อแต่ก็น่าปกป้อง ผิวขาวเกินกว่าจะเป็นผิวของผู้ชาย ดูๆไปพี่มินซอกกก็ดูดีเหมือนกันนะเนี่ยแต่ไอ้โรคปากที่ค่อนข้างจะเสียเนี่ยถ้าแก้ได้พี่เขาคงจะเพอร์เฟกมากในสายตาผม
แต่ใครจะรู้เห็นบอบบางขนาดนี้ไม่น่าจะเป็นเพลย์บอยเลยจริงๆ การถ่ายแบบที่ดำเนินยาวนานกว่าสองชั่วโมงก็หยุดลงเมื่อได้ภาพที่พอใจเป็นที่เรียบร้อย ผมวิ่งเข้าไปรับกล้องจากพี่มินซอกมาถือไว้พร้อมส่งน้ำและผ้าเย็นให้กับพี่เขา พี่มินซอกดูจะแปลกใจแต่ก็ยอมรับไว้
"สติกลับหรือไงกัน?"
ผมไม่ตอบคำถามของพี่มินซอกแค่ปล่อยให้พี่เขาดื่มน้ำและใช้ผ้าซับหน้า พี่มินซอกเดินไปยังโต๊ะที่วางอุปกรณ์ก่อนจะรับกล้องจากผมไปทำความสะอาดและเช็ดถู แต่ระหว่างกลางของเราสองคนก็ถูกแทรกโดยแม่นางแบบสุดสวยคนเดิม
"มินซอกขาวันนี้เราไปหาอะไรอร่อยๆทานกันไหมคะ?"
ว่าพร้อมส่งสายตาและสีหน้าที่เชิญชวนให้ไปกินอย่างอื่นมากกว่าข้าว ผมเหล่สายตามองพี่มินซอกที่มีสีหน้ากระอักกระอวนจะตอบ พลันสมองมันก็คิดอะไรขึ้นมาได้ในเมื่อพี่มินซอกไม่ได้ดูจะชอบแม่นางเลย งั้นผมก็ขอแหย่หน่อยละกัน
"อ้าวพี่มินซอกแล้วสัญญาของเราล่ะครับ?"
ทั้งพี่มินซอกและแม่นางแบบสาวหันมามองผมเป็นตาเดียวก่อนจะเป็นพี่มินซอกที่ส่งสายตาเป็นคำถามมา ผมเดินไปแทรกตัวระหว่างสองคนนั้นอีกที กวาดมือโอบไหล่ของพี่มินซอกให้เข้ามาชิดตัว อื้อหือพี่มินซอกนี่ไหล่แคบจังแฮะ คุณเธอส่งสายตาเหยียดมาให้ผมก่อนจะจิ๊ปากจิ๊คอกับการกระทำของผม ผมเลยเลื่อนมือจากไหล่มาเป็นที่เอวที่ติดจะคอดเล็กน้อยของพี่มินซอก
ส่งสายตาหวานเยิ้มที่แสดงความเป็นเจ้าของสุดกำลังไปให้คนข้างตัว ก่อนจะเสสายตามทางหล่อนและส่งสายตาบอกว่าเขาคือคนของผม คุณเธอกรี๊ดออกมาอย่างไม่อายใครก่อนจะเดินกระฟัดกระเฟียงจากไป ผมหัวเราะในลำคอกับตรงหน้าที่ดูตลกสิ้นดีผิดกับคนข้างๆที่ดูจะนิ่งไม่เหลือเค้าเพลย์บอยสักนิดเดียว
"ทะลึ่ง!"
ผมและพี่มินซอกเราเดินกลับมายังห้องทำงานของพี่เขา พี่มินซอกทิ้งตัวลงกับเก้าอี้ของตัวเองและส่งสายตาไม่พอใจสุดๆมาให้ผม คุณเคยมีเรื่องกับเด็กอนุบาลไหมครับผมบอกเลยหน้าพี่มินซอกตอนนี้น่ะเหมือนเด็กอนุบาลที่อยากจะเอาเรื่องสุดๆ
"ฉันบอกแล้วไงกฎของฉันห้ามกวน..."
"รู้แล้วครับแต่ผมก็เห็นว่าวันนี้ผมไม่ได้จะทำผิดกฎของพี่สักข้อนี่น่า"
มือบางนั่นตบเข้ากับโต๊ะอย่างดังก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาชี้หน้าผม ผมเอนหลังพิงกับเบาะของเก้าอี้ ยกมือทั้งสองข้างเป็นเชิงยอมแพ้ "แล้วก็จำเอาไว้ด้วยอย่ามาทำอย่างนี้อีก"
"พี่กลัวอะไร?"
พี่มินซอกชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะตีสีหน้าให้ดูโกธรเหมือนเดิม ผมลุกจากเก้าอี้และชะโงกหน้าเข้าไปใกล้พี่เขา พี่มินซอกถอยใบหน้าออกห่างไป ทิ้งตัวลงนั่งกับเก้าอี้อีกครั้ง ผมเหยียดยิ้มออกมาก่อนจะเดินอ้อมไปทางด้านหลังเก้าอี้ที่พี่มินซอกนั่งอยู่ จับเข้ากับเบาะของเก้าอี้ย่อตัวให้ใบหน้าตัวเองใกล้กับใบหน้าอีกคน เอ่ยกระซิบเพียงแผ่วเบาและผละออก
"พี่กลัวผม....หรือกลัวใจตัวเอง?"
พี่มินซอกสะบัดหน้ามาทางผมทันที ใบหน้ากลมนั่นขึ้นสีมาให้เห็นชัดเจน ผมเดินตรงไปยังประตูห้องก่อนจะหันมายิ้มให้พี่เขาอีกครั้งและเปิดประตูห้องเดินออกไป ทิ้งคนข้างในให้จมอยู่กับคำพูดของผมเอว ต้องแบบนี้สิมันน่าสนุกชะมัด ผมบอกแล้วว่าผมรู้กาละเทศะแต่ผมก็บอกอีกนี่ว่าผมเป็นพวก...ชอบเอาชนะ
ผมก็ยังเป็นผมคนที่ไม่ค่อยจะถูกกับพี่มินซอก การแหย่เล่นมันก็แค่เป็นการเอาคืนจากที่สะสมมา มันทำให้ผมรับรู้ว่าพี่มินซอกนั้นมีจุดอ่อนคือไม่ชอบให้ใครมานัวเนีย แต่รู้จักไหมครับยิ่งห้ามยิ่งทำ ผมก็แปลกใจนะที่คนดูสำราญแบบพี่มินซอกจะไม่ชอบเรื่องแบบนี้ แต่ก็ชั่งมันเหอะ
"จงแดๆเหม่ออะไรน่ะ"
ผมออกมาจากภวังค์ความคิดของตัวเองก่อนจะพบว่าเป็นแบคฮยอนที่เขย่าไหล่ของผมอยู่ และตรงกันข้ามก็มีชานยอลที่นั่งมองอยู่ ผมส่ายหน้าปฏิเสธเพื่อนตัวน้อยไป นี่ก็อาทิตย์หนึ่งแล้วที่ผมมาฝึกงานที่นี่บริษัทของพี่จุนมยอน ผมสนิทกับสองคนนี้มากกว่าเดิมถึงแม้จะมาฝึกงานต่างกัน
แบคฮยอนมาฝึกงานในฝ่ายคอสตูมส่วนชานยอลมาฝึกกราฟฟิกอาทหรือจะเป็นผมที่มาฝึกในฐานะช่างภาพ มันทำให้เราเจอกันอยู่บ่อยๆเพราะสายงานที่ลงตัว ตอนนี้พวกผมทั้งสามคนกำลังนั่งอยู่ในคอฟฟี่ชอปภายในบริษัท ผมสนิทกับทุกคนในบริษัทเร็วด้วยเพราะอัธยาศัยของตัวเองหรือบารมีของคำว่าลูกพี่ลูกน้องกับประธานบริษัทก็ไม่แน่ใจ
"ฝึกงานเป็นไงมั่งอะจงแดพี่มินซอกดีใช่ไหมล่ะ"
ผมที่กำลังดื่มกาแฟเป็นต้องสำลักเมื่อคำว่ามาดีมันมาต่อท้ายชื่อพี่มินซอก ชานยอลส่งกระดาษเช็ดชูมาให้ผมซับคราบกาแฟที่ติดอยู่รอบปาก "ทำไมถึงคิดยังนั้นล่ะ?"
ชานยอลส่งยิ้มมาให้ก่อนจะเป็นคนเอ่ยตอบคำถามเสียเอง "ก็ก่อนที่พวกฉันจะมาฝึกงานที่นี่น่ะพวกเราก็ค้นหาดูว่าบริษัทแห่งนี้เป็นยังไงอยู่ที่ไหนตามประสาคนต่างจังหวัดล่ะนะแต่ค้นไปค้นมาก็มาเจอประวัติของพี่มินซอกว่าพี่เขาเป็นคนที่อยู่เคียงข้างประธานมาตั้งแต่บริษัทยังไม่ก่อตั้งน่ะสิ"
"ใช่แถมพี่มินซอกยังมีโฟโตบุ๊คเป็นของตัวเองด้วยนะสวยจนฉันต้องซื้อเก็บไว้เลยนะแถมยังมีคอลัมน์หลายๆคอลัมน์ที่สัมภาษณ์พี่มินซอกด้วย พี่เขาดูน่ารักและนิสัยดีมากเลยล่ะ"
"พี่มินซอกเขาเป็นไอดอลของแบคฮยอนน่ะ"
แบคฮยอนหันไปถลึงตาใส่ชานยอลก่อนจะตีเข้ากับไหล่กว้าง ผมและชานยอลระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน ก่อนจะขอตัวแยกย้ายกันไปทำงาน ตลอดทางเดินไปห้องทำงานของพี่มินซอกคำพูดของแบคฮยอนและชานยอลยังคงลอยอยู่ในหัวผม มันทำให้ผมนึกสนใจคนที่อยู่ในห้องทำงาน ผมนึกคิดมาตลอดทางว่าจริงๆแล้วพี่มินซอกเป็นคนยังไง
นิสัยดีไหม? เบื้องลึกของพี่เขาเป็นยังไง? พี่เขาเป็นแบบไหน จะดีอย่างที่ถูกกล่าวมาหรือเปล่า? คิดไปคิดมาผมก็เดินมาถึงห้องทำงานเสียแล้ว ยื่นมือไปกำลูกบิดประตูนึกคิดไปว่าจะทำหน้ายังไงดีเมื่อเจอกับคนในห้อง พี่มินซอกมีอะไรที่น่าค้นหาเยอะแยะและมันทำให้ผมเริ่มสนใจพี่เขาซะแล้วสิ
ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องพร้อมปั้นหน้ายิ้มแต่รอยยิ้มที่ประดับบนหน้ามันเปลี่ยนเป็นเหวอทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า ผมกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคออย่างลากลำบากภาพตรงหน้ายังคงอยู่ไม่หายไปไหน พี่มินซอกกำลัง
กำลัง
กำลัง
กำลัง...
"เฮ้ยพี่ทำอะไรอ่ะ?!"
พี่มินซอกรีบผลักใบหน้าของผู้ชายที่จัดว่าหน้าตาดีให้ถอยห่างออก ก่อนจะหมุนเก้าอี้ที่หันไปทางด้านข้างให้กลับมาตรงเหมือน ภาพที่ผู้ชายคนนั้นกำลังคร่อมตัวพี่มินซอกพร้อมยื่นหน้ามาใกล้ที่ดูก็รู้ว่าถ้าผมเข้ามาช้ากว่านี้คงจะดูดดื่มไม่น้อย
นี่มันอะไรวะ? เมื่อต้นสัปดาห์ยังควงผู้หญิงอยู่เลย ไหนปลายสัปดาห์หันมาควงผู้ชายซะแล้ว นี่พี่เขาเป็นคนหรือไส้เดือนเนี่ย ผมไม่ติดใจพวกที่จะชอบเพศเดียวกันหรอกนะ แต่คนตรงหน้ากำลังทำให้ผมงงเป็นไก่ตาแตกว่าตัวตนแท้จริงเป็นยังไง
'เป็นไปด้ายยย!'
"ออกไปก่อนไป"
พี่มินซอกว่าพร้อมโบกมือไล่ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆแต่ดูเขาเหมือนจะเสียดาย ผมเดินสวนเข้ามาในห้องกับเขามองตามแผ่นหลังที่เดินออกไป ผมทิ้งตัวลงนั่งกับเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามมองหน้าพี่เขาอย่างไม่ปิดบังความสงสัย ความเงียบปกครุมทั้งห้องพี่มินซอกทำเพียงแค่ก้มหน้ามองแฟ้มเอกสารในมือ
มีบ้างที่ใช้ผมให้เดินเอกสารให้แต่ก็ยังไม่เอยถึงเรื่องก่อนหน้านั้นเลยสักนิด มันยิ่งทำให้ความทะเยอะทยานของผมมีมากขึ้น ความอยากรู้ที่อยากจะรู้เรื่องของพี่เขามันกำลังทะลุอกออกมา พี่มินซอกเก็บของใส่กระเป๋าสะพายของตัวเองออกจากห้องไปและดูว่าจะไม่กลับมาแล้ว
ผมเลยเก็บของตามและปิดห้องให้พี่เขาตามเคย เดินเตร่ออกจากห้องไปจนถึงหน้าลิฟต์ก็เจอเข้ากับพี่จุนมยอนและจื่อเทา เป็นจื่อเทาที่หันมาเห็นผมก่อนจะสะกิดแขนของพี่จุนมยอนที่มัวแต่ก้มหน้ากดโทรศัพท์ให้เงยขึ้นมา
"อ้าวจงแด แล้วมินซอกไปไหนซะล่ะ!"
พี่จุนมยอนมองเลยหลังผมไปหวังเห็นเพื่อนตัวเองที่ผมมักติดสอยห้อยตามไปด้วย ผมผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะยื่นมือไปแตะหน้าพี่จุนมยอนและดันให้ใบหน้าขาวนั่นกลับมามองตัวเอง
"กลับบ้านไปแล้ว"
พี่จุนมยอนพยักหน้าเข้าใจก่อนจะหันกลับไปสนใจโทรศัพท์เหมือนเดิม เป็นผมเองที่ยังไม่ละสายตาไปไหนจนลูกพี่ลูกน้องของตัวเองต้องค่อยๆหันกลับมามอง
"มีอะไรหรือเปล่า?"
"พี่จะช่วยผมได้เหรอ?"
พี่จุนมยอนหัวเราะออกมาก่อนจะยื่นโทรศัพท์ให้จื่อเทารับไว้ มือขาวนั่นตบลงบนไหล่ผมก่อนจะส่งสายตาแน่วแน่มาให้ "ฉันคือคิมจุนมยอนพี่สุดหล่อของแกนะเว้ย"
ผมแสร้งทำเป็นตกตะลึงกับคำพูดของพี่จุนมยอนแต่ก็ได้รับฝ่ามือที่ฟาดลงบนหัวอย่างเต็มแรง ประตูลิฟต์เปิดออกทำให้เราสามคนก้าวเข้ามาในลิฟต์ พี่จุนมยอนปล่อยให้จื่อเทากดชั้นอย่างรู้หน้าที่ ผมกระอักกระอวนกับคำขอของตัวเองถ้าผมพูดออกไปพี่จุนมยอนจะคิดยังไงก็ไม่รู้อาจจะล้อผมจนตายเลยมั่ง
"พูดมาเหอะ"
"ผม..อยากรู้ประวัติพี่มินซอก"
เมื่อจบคำพูดของผมพี่จุนมยอนก็หลุดหัวเราะออกมา หันหลังให้กับผมและรีบหันกลับมาเหมือนเดิมและตีหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พี่จุนมยอนหันไปส่งสายตาให้กับจื่อเทา ก่อนที่จื่อเทาจะยื่นเอาไอแพดมาให้ผมได้รับไว้ ผมมองหน้าจอสลับกับหน้าพี่จุนมยอนไล่สายตาอ่านหน้าจอไปเรื่อยๆ
"มันก็แค่พวกประวัติพื้นฐานนี่?"
"เอ๊าก็นายบอกอยากรู้ประวัติก็เนี่ยแหละฉันเก็บประวัติพนักงานบางคนไว้ในนี้"
"งั้นผมขอนิตยาสารที่มีคอลัมน์พี่มินซอกหน่อย"
เวลาบนหน้าปัดนาฬิกาบ่งบอกว่ามันดึกมากแล้วแต่มันก็ไม่อาจหยุดผมที่กำลังนั่งอ่านนิตยาสารเล่มแล้วเล่มเล่าที่ไปขนมาจากห้องเก็บของบริษัทได้ ทุกเล่มส่วนได้รับการรับรองจากพี่จุนมยอนว่ามีคอลัมน์เกี่ยวกับพี่มินซอก ผมปิดหนังสือเล่มสุดท้ายลงก่อนจะถอดแว่นสายตาที่นานทีจะใส่มันออก
เหลือบมองไปยังนาฬิกาแขวนผนังที่เข็มสั้นเลยเลขสิบสองมาแล้ว ถอนหายใจก่อนจะหันหน้าไปมองบรรยากาศของเมืองผ่านหน้าต่างกระจกใส ทุกเล่มที่อ่านล้วนเขียนในเชิงเดียวกันว่าคนนี้น่ะนิสัยน่าคบหาขนาดไหน มุมมองต่างๆที่ทำให้ผมต้องอึ้งหรือจะทัศนคติที่ไม่อาจปฏิเสธได้
แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้จักนิสัยของคนตัวเล็กมากขึ้นเลย และมันคือสิ่งที่ผมต้องการ ผมต้องการรู้นิสัยของพี่เขา ผมอยากจะรู้ว่านิสัยด้านไหนของพี่มินซอกที่เป็นเรื่องจริงกันแน่ ระหว่างที่เป็นอยู่หรือกับภาพลักษณ์ในนิตยาสาร
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองทำไมถึงต้องมาทำเรื่องแบบนี้ด้วย จะว่าแค่อยากมันก็คงเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น แต่ว่าหัวสมองของผมมันมีแค่คำคำนี้จริงๆมันก็แค่อยาก
-----------------------------------------------
กลับมาแล้วค่าเพิ่งทำธุระแบบส่วนตัวเสร็จมีใครอ่านไหมนิ 5555555
เราจะกลับมาอัพบ่อยนะฮ้าป
#ficaction
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น