ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 'ฉันคือคิมมินซอก'
'โครม เกร๊งๆ!'
"เสียงอะไรเหรอคะมินซอก?"
เสียงแปลกประหลาดดังขึ้นขัดจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็มกับนางแบบสาวของผม ผมผละตัวออกจากเธอก่อนจะเดินเลี่ยงไปบริเวณที่เสียงดังสายตาเหลือบมองไปเห็นเงาของคนที่วิ่งออกจสกห้องไปก่อนจะกลับมามองเศษแท่งเหล็กที่เอาไว้ประกอบการถ่ายแฟชั่นที่ล้มเกลือนกลาดอยู่
ผมหันไปมองเธอก่อนจะเดินออกจากห้องไป เห็นกลุ่มคนสามคนกำลังยืนสนทนาอะไรอยู่ เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นก่อนจะได้เห็นเป็นจุนมยอนและจื่อเทาที่กำลังยืนคุยกับใครก็ไม่รู้
"ก็ในห้องเก็บของน่ะในห้องเก็บห้องมี..."
"มีอะไรกันจุนมยอน?"
ผมเอ่ยถามคนที่เป็นทั้งเพื่อนและเจ้านายของผมก่อนสายตาจะเหลือบมองไปเห็นคนแปลกหน้าที่ยืนอยู่ข้างตัว จะว่าไปไอ้หมอนี่มันคุ้นๆแฮะเหมือนเคยเจอหรือเห็นมาก่อน
คนแปลกหน้าข้างตัวผมหันมามองก่อนจะทำตาโตตกตะลึงอะไรนักไม่รู้ ตอนแรกไม่คิดอะไรหรอกนะแต่พอเห็นสีเชิ้ตสีขาวที่เลอะคราบสีน้ำตาลพร้อมกลิ่นแปกลๆ มันก็ทำให้มั่นใจว่าหมอนี่คือคนที่ผมขับรถแล้วเหยียบน้ำกระเด็นใส่
"เฮ้ย/เฮ้ย"
เราร้องออกมาพร้อมกันแต่จะด้วยสาเหตุอะไรของหมอนั่นก็ไม่รู้แต่ที่ผมร้องออกมาก็เพราะไม่คิดว่าจะเจอมันที่นี่ไง มันชี้นิ้วมาที่หน้าผมก่อนจะส่งสายตาอาฆาตมาให้ นางแบบสาวในสต็อกของผมเดินตามมาติดๆก่อนจะคว้าเข้าที่แขนของผมและคล้องไว้
"มีอะไรกันเหรอคะมินซอก..อุ้ยคุณจุนมยอนคุณจื่อเทา"
เธอว่าพร้อมเอาดวงหน้าซบไหล่ผมก่อนจะหันไปทำสีหน้าที่ดูก็รู้ว่าแกล้งทำใส่จุนมยอนและจื่อเทา ผมพยายามแกะมือตุ๊กแกของเธอออกจากแขน แอบเขยิบตัวให้ถอยห่างเธอเล็กน้อยแต่เจ้าหล่อนก็ยังคงตามติดไม่ห่าง
"เอาอีกแล้วเหรอมินซอก?นิสัยเดิมๆแก้ไม่หายสินะ"
"ชั่งเรื่องฉันเหอะแล้วจะบอกได้หรือยังว่ามีอะไรกัน?"
"มีสิ!"
ไม่ใช่จุนมยอนหรือจื่อเทาที่เอ่ยตอบแต่กลับเป็นคนที่ยืนอยู่ข้างผม ผมหันหน้าไปมองมันเต็มๆก่อนจะเห็นสายตาแข็งกร้าวส่งมา รู้สึกว่าตาขวามันจะเริ่มกระตุกๆยังไงไม่รู้แหะ
"มีสิพี่จุนมยอน มีเรื่องของคนที่ไม่รู้จักกาละเทศะไงล่ะ"
เพียงแค่ประโยคท้ายที่ดวงตาคมนั่นหันมามองผม แต่มีหรือที่คนอย่างผมจะกลัว ผมจ้องมองสายตาคมนั่นกลับอย่างไม่ลดละ ไอ้หมอนี่มันเป็นใครกันแถมเรียกจุนมยอนว่าพี่อีกด้วยคงจะสนิทกับเพื่อนผมไม่น้อยเลย รูปร่างจากการประเมินของผมมันดูเป็นคนไม่สูงมากสูงกว่าผมเพียงนิดเดียวเองมั้ง
ใบหน้าคมที่แอบแฝงเสหน์แต่มันก็ไม่ได้ดูในสายตาผมเลยสักนิด บอกเลยนะใครหลงมันก็จะต้องตาต่ำเป็นบ้าสติไม่ดีแน่ๆ ผมลถึงตาใส่มันอย่างเอาเรื่อง แต่สายตานั่นก็ดูจะเอาเรื่องผมเช่นกัน
"เอาน่าทั้งสองคนดูเหมือนจะรู้จักกันดีใช่ไหม ส่วนเธอรีบไปทำงานซะถ้าไม่อยากถูกไล่ออกแล้วก็อย่ามายุ่งย่ามกับมินซอกอีกไปได้แล้ว"
จุนมยอนเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มและเดินเข้ามาคล้องแขนของผมและมันก่อนจะหันไปเอ่ยไล่นางแบบสาว แต่หล่อนดูท่าจะไม่ยอมง่ายๆจนจุนมยอนต้องพยักเพยิดหน้าให้จื่อเทา ร่างของเธอทั้งร่างถูกจื่อเทาอุ้มพาดบ่าออกไปจากบริเวณนั้น แต่เสียงที่เล็กและแสบแก้วหูก็ดังไม่ขาดสาย
จุนมยอนส่งยิ้มมาให้ก่อนจะพาผมและมันเดินไปยังห้องด้านในสุดที่เป็นห้องประชุมเล็กๆ ปากเอ่ยบอกให้ผมและมันนั่งลง ผมทำตามเพื่อนตัวเองก่อนจะเดินไปทิ้งตัวนั่งคนละฝั่งกับมัน
"มินซอกนี่จงแดนะจะเข้ามาฝึกงานกับเราตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปฝากด้วยล่ะ"
"เฮ้ย!ได้ไงเล่าจุนมยอนฉันมีงานต้องทำนะไม่รับฝึกงานดูให้ใครหรอกนะ"
ผมเอ่ยอย่างระอาก่อนจะเตรียมลุกจากเก้าอี้แต่ก็ต้องหยุดทุกการกระทำเมื่อเจอเข้ากับเสียงกวนประสาทนั่นเอ่ยขัด หันมามองหน้าคนที่ยียวนประสาทอย่างช้าๆ สีหน้าของผมตอนนี้มันคงจะแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่พอและผมไม่คิดที่จะเก็บมัน ให้ไอ้คนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงได้เห็นไปเลย
"อย่าไปขอร้องคนที่ไม่รู้จักกาละเทศะหรอกครับขนาดตัวเขาเองยังไม่รู้เลยว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ..เนอะพี่มิน!ซอก!"
รอยยิ้มเป็นต่อปรากฏบนใบหน้านั่น คำด่าว่าเจ็บแล้วแต่ไอ้เสียงที่จงใจกระแทกชื่อผมนั่นเจ็บกว่า ไม่ต้องชักถามหรอกนะว่ารู้ชื่อได้ไงแต่ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนี่ต้องโดนสั่งสอนซะบ้างแล้วล่ะ!
"มันจะมากไปแล้วนะไอ้เด็กปากมาก!!"
ผมลุกจากเก้าอี้ไปกระชากเสื้อของไอ้เด็กบ้านี่ให้มันลุกขึ้นมา ง้างมือเตรียมหมายจะตั้นหน้ามันสักทีสองที แต่ผมก็ต้องหยุดมือลงเมื่อสายตาที่มันมองมาไม่ได้มีความลดทิธิเลยแม้แต่น้อย สายตาแข็งกระด้างที่แฝงไปด้วยความเอาจริงมันทำให้ผมรู้สึกกลัวไอ้เด็กนี่ขึ้นมา
"ใจเย็นน่าจงแดก็ขอโทษพี่เขาซะสินะๆ"
จุนมยอนเดินมาแยกเราสองคนออกจากกันก่อนจะดันไหล่ผมให้นั่งลงกับเก้าอี้ใกล้ตัว บีบไหล่ปลอบประโลมอย่างเอาใจ ผมสะบัดหน้าอย่างกระฟัดกระเฟี้ยงถอนหายใจเข้าออกอย่างสุดแรง เสสายตาไปมองหน้ามันที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงแต่ริมฝีปากกระจับนั่นก็ยอมเอ่ยตามคำบอกอย่างว่าง่ายไม่อิดออด
"ขอโทษครับ"
"อย่างนี้ค่อยน่ารักหน่อยเนอะๆมินซอกเนอะ"
ผมไม่ตอบรับคำของจุนมยอน ไม่แยแสคำขอโทษจากเด็กนั่น จุนมยอนเดินไปหาจงแดแล้วดึงให้นั่งลงกับเก้าอี้ตัวใกล้กับผม พูดปลอบให้ใจเย็นทั้งคู่ก่อนจะยื่นเอาเอกสารการฝึกงานของจงแดมาให้ผม
"แล้วทำไมไม่ให้คนอื่นดูเล่าทำไมต้องฉัน?!"
"แหมก็นะฉันเห็นว่านายเหมาะสุดที่จะรับมือกับเจ้านี่ไง"
ว่าพร้อมวางมือลงบนไหล่ของจงแดและส่งยิ้มมาให้ผม แต่ผมก็ว่าเหตุหลมันยังดูทุเรศและไร้สาระอยู่นะ คนอื่นๆในบริษัทมีเยอะแยะทำไมจุนมยอนต้องมาเจาะจงเป็นผมด้วยไม่ทราบ ผมไม่ตอบรับคำของจุนมยอนกลับเมินคำพูดนั้นเสียด้วยซ้ำ ทำให้จุนมยอนต้องเดินมาข้างๆผมและเอ่ยกระซิบคำที่ทำให้ผมต้องรีบพยักหน้ารับทันที
"ถ้านายไม่ทำนาย!โดน!ไล่!ออก!"
คุณคิดอะไรในโลกนี้มันแฟร์มั่ง ทุกอย่างมันไม่แฟร์เลย แค่คำพูดสองคำว่าไล่ออกบวกกับรอยยิ้มร้ายที่บังคับว่าถ้ามึงไม่ทำกูเอาจริงนะ มันเลยทำให้ผมหมั่นไส้ไอ้เด็กจงแดมากขึ้นไปเป็นร้อยเท่าพันเท่า เหอะอีหรอบนี้คงไม่พ้นเด็กจุนมยอนแน่นอน ผมล่ะสงสารจื่อเทาจริงจริ๊ง
"พี่จะพาผมไปไหน?"
ผมพาเด็กบ้านี่เดินออกจากห้องประชุมก่อนจะเดินไปยังอีกทางของห้องประชุม เหลียวหน้าไปมองเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ตอบในคำถามนั้น ผมเดินนำมาถึงห้องๆหนึ่งที่มีป้ายติดเด่นหลาว่า 'คิมมินซอก' ดูท่าเด็กนั่นคงจะเข้าใจอะไรบ้างแล้วเลยยอมเดินตามมานิ่งๆ ผมผลักบานประตูเข้าไปก่อนจะไปทิ้งตัวนั่งลงกับเก้าอี้ในห้องทำงานตัวเอง
"นั่งลงและส่งเอกสารมาให้ฉัน อ่อเริ่มแนะนำตัวด้วยนะ"
จงแดทำตามอย่างว่าง่ายก่อนจะยื่นซองเอกสารมาให้กับผมได้รับไว้ โค้งเคารพก่อนจะเริ่มแนะนำตัวเองอย่างมาดมั่น "ผมชื่อคิมจงแดครับเป็นนักเรียนปีสี่ของมหาลัยในโซล เรียนนิเทศน์ครับ"
ผมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ...ซะที่ไหนผมใคร่จะฟังคำพูดของเด็กนั่นซะที่ไหนกันไอ้พวกของพื้นๆแค่นี้อ่านเอาในเอกสารก็ได้ ผมละสายตาจากเอกสารการฝึกงานมามองพิจารณารูปร่างลักษณะบุคลิกของคนที่นั่งอยู่ฝั่นตรงข้าม
รูปร่างที่ติดจะมีเนื้อมีหนังแต่ก็ยังจัดว่าผอม ลักษณะที่ดูมาดมั่นพูดเก่งกล้าพูด บุคลิกที่ดูดีไม่แย่เท่าไรแต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับงาน ที่ทำก็เพราะพยายามหาข้อจับผิดต่างหากเล่า และสายตาก็ดันไปสะดุดเข้ากับรอยเปื้อนสีน้ำตาลบนเสื้อเชิ้ตสีขาวตรงอก กระตุกยิ้มออกมาให้อีกฝ่ายได้ฉงนใจเล่น
"ฝึกงานกับฉันมีกฎอยู่ไม่มากหรอกนะ หนึ่งเลยนายต้องสะอาดสะอานไม่เลอะเทอะมอมแมม สองนายต้องมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่ไม่คิดอะไรเป็นเด็กหรือติดคำพูดเด็กๆมาใช้ที่นี่โดยเฉพาะกับฉัน"
"...."
"สามนายต้องรู้จักกาละเทศะให้มากกว่านี้ สี่คำพูดกวนตีนอะไรนั่นเก็บไปได้เลยและข้อสุดท้ายอย่า!มา!ปาก!เก่ง!ใส่ฉัน!"
ท้ายคำพูดผมเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้จงแดก่อนจะเหยียดยิ้มอย่างมีชัยออกมา เด็กนั่นยิ้มรับในคำพูดของผมก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ ถอดกระเป๋าสะพานไว้กับพื้นและลงมือแกะกระดุมเสื้อก่อนจะปลดออก หยิบเอาเสื้อยืดสีขาวในกระเป๋าสะพายมาสวมใส่ จงแดนั่งลงอย่างเดิมก่อนจะเริ่มเอ่ยกับผมที่ยังเหวอไม่หาย
"ตอนนี้ผมสะอาดสะอานแล้วนะครับต้องขอโทษจริงๆเมื่อเช้าผมเผลอตัวปล่อยให้หมาที่ไหนไม่รู้มาทำเสื้อเลอะได้แย่จังเลยนะครับ อ่อและก็ผมมีความคิดเป็นผู้ใหญ่อยู่แล้วครับไม่ต้องห่วง"
"..."
"ผมรู้จักกาละเทศะมากกว่าคนบางคนเยอะเลยล่ะครับและผมก็ไม่เคยคิดที่จะกวนประสาทใครสุดท้ายเลยผมไม่ใช่พวกปากเก่งแต่ผมเป็นพวก..ต้องการเอาชนะ"
จงแดทำเหมือนกับที่ผมทำใส่แต่ผิดตรงที่สายตานั่น มันเหมือนสายตาที่อยากจะลองดีเจือไปด้วยเลศนัยบางอย่างที่ผมคาดเดาไม่ได้ ผมดันใบหน้านั่นให้ถอยห่างออกไปก่อนจะกลับสีหน้าให้เป็นปกติ รอยยิ้มยียวนนั่นถูกส่งออกมาอีกครั้ง
ผมว่าผมต้องเป็นบ้าแน่ๆเลยโดนหลอกด่าไม่พอแถมยังโดนขู่ว่าจะไล่ออก ไหนจะต้องมารับมือกับไอ้เด็กไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงนามจงแดอีก ไม่นานผมว่าผมได้ไปยื่นซองขาวให้กับจุนมยอนและหนีเข้าป่าไปฝึกสมาธิทำจิตใจให้ว่างปล่อยว่าง เพราะว่าอีกไม่นานประสาทผมต้องกินแน่ๆ
---------------------------------
กลับมาแล้วหลังจากหายไปนานเลย
55555555555 อย่าลืมนะ
เลือกหนึ่งตอนจากฟิคสั้นมามันจะกลายเป็นเรื่องยาวของคุณนะ
@Cminor2199
#ficaction
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น