ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ten Song for ChenMin

    ลำดับตอนที่ #16 : คนเหงาที่ไม่เคยเหงา -2-

    • อัปเดตล่าสุด 21 เม.ย. 58








































     
    คนเหงาที่ไม่เคยเหงา -2-
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     






     
     
              กว่าผมจะจัดการเรื่องเมื่อเช้าได้ก็เอาแทบเหนื่อยเหมือนกัน กว่าจะจัดการธุระส่วนตัวไหนจะรีบออกมาเรียนอีกดีไปอย่างที่วันนี้ผมมีเรียนแค่สองชั่วโมงและมันก็เสร็จแล้วซะด้วยสิ ผมเลยต้องจำใจเป็นสารภีขับรถมารับคุณพี่ของผมอีกตึกหนึ่งซึ่งมันคนละฝั่งกับตึกที่ผมเรียนเสียด้วย
     
     
     
     
              ผมมองไปยังนาฬิกาของตัวรถยนต์ก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆ พี่ลู่หานใกล้จะเลิกเรียนแล้วรับรองถ้าขึ้นรถมาต้องบ่นผมหูชาแน่ๆ และก็รอไม่นานผู้คนเริ่มทยอยออกมาจากตึกสูงตรงหน้าเป็นสัญญาณให้รู้ว่าหมดเวลาแล้ว
     
     
     
     
              สายตาของผมเหลือบไปเห็นร่างของใครบางคนที่ผมเพิ่งจะฝันถึงเมื่อคืน พี่มินซอกเดินจ้ำอ้าวจากตัวตึกมายืนอยู่ริมฟุตบาท สายตาของพี่เหมือนมองหาอะไรบางอย่างพร้อมกับก้มมองนาฬิกาข้อมือสลับไปมา
     
     
     
     
     
     



     
     
     
     
              ผมเปิดประตูลงจากรถไปก่อนจะเดินตรงไปหาพี่มินซอก แอบย่องเข้าไปหาพี่เขาอย่างเงียบที่สุดก่อนจะสะกิดเข้ากับไหล่ของพี่เขา พี่มินซอกสะดุ้งตัวเล็กน้อยก่อนจะหันมาที่ผม
     
     
     
     
                   "รอนานไหมครับ?"
     
     
     
     
                   "ไม่หรอกพี่ต้องถามจงแดมากกว่า"
     
     
     
     
              พี่มินซอกส่ายหัวปฏิเสธผมก่อนจะเอ่ยตอบและส่งยิ้มหวานมาให้ ผมส่ายหัวปฏิเสธพี่มินซอกเหมือนกันก่อนจะส่งยิ้มตอบพี่เขาไปและล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงข้างตัว หยิบเอาผ้าเช็ดหน้าสีน้ำแดงเลือดหมูออกมาและซับเบาๆไปตามใบหน้าน่ารัก
     
     
     
     
              พี่มินซอกยิ้มให้กับผมก่อนจะจับมือของผมที่ซับหน้าอยู่ให้หยุด ผมยื่นมือไปคว้ามือบางมากุมไว้ก่อนจะแรงดึงเล็กน้อยให้พี่มินซอกเดินตาม กวาดสายตามองถนนไปทางซ้ายทีขวาทีเมื่อแน่ใจว่าถนนปลอดภัยก็พามินซอกข้ามไปด้วยกัน
     
     
     
     
              ผมเดินพามินซอกมายังรถของตัวเองจัดการปลดล็อครถและเปิดประตูฝั่งข้างคนขับให้พี่มินซอก เมื่อพี่มินซอกเดินเข้าไปนั่งเรียบร้อยดีแล้วผมจึงปิดประตูรถและวิ่งเยาะๆมาฝั่งคนขับ
     
     
     
     
              เปิดประตูให้ตัวเองได้เข้าไปนั่งและสตาร์ทรถให้เรียบร้อย ออกรถไปตามเส้นทางถนนของมหาลัย ใช้มืออีกข้างไปกอบกุมกระชับมือบางจนเจ้าของมือต้องหันมาส่งยิ้มให้ ผ้าเช็ดหน้าผืนเดิมถูกซับลงบนใบหน้าของผมโดยฝีมือคนข้างๆ
     
     
     
     
                   "เหงื่อออกเยอะเชียวนะจงแด"
     
     
     
     
                   "ก็อากาศมันร้อนนิดหน่อยน่ะครับ พี่มินซอกจะให้ผมไปส่งที่ไหนครับ?"
     
     
     
     
                   "ไม่เอาหรอกกลับหอกันดีกว่านะ"
     
     
     
     
              พี่มินซอกทำหน้านึกคิดแต่ก็ปฏิเสธกลับมา ผมพยักหน้ารับคำพี่มินซอกก่อนจะบังคับให้ไปในทิศทางที่คุ้นเคยแต่มือยังคงจับมือบางไว้ไม่ปล่อยจนพี่มินซอกต้องเอ็ดเบาๆ
     
     
     
     
                   "ขับรถน่ะขับสองมือสิบังคับมือเดียวใช้ได้ที่ไหน"
     
     
     
     
              ผมยักไหล่อย่างไม่แยแสให้พี่มินซอกยังคงทำเหมือนเดิมเหมือนคำพูดของพี่มินซอกเป็นเพียงลมที่พัดผ่านหู หนำซ้ำยังยกมือข้างที่จับมือพี่มินซอกไว้มาจูบซับเข้ากับมือของพี่เขาหลายที พี่มินซอกใช้มือข้างที่ว่างมาตีไหล่ผมเบาๆ
     
     
     
     
                   "จงแดอ่าทำอะไรเนี่ย"
     
     
     
     
                   "ก็ผมคิดถึงพี่มินซอกนี่ครับ"
     
     
     
     
              รอยยิ้มหวานถูกส่งมาให้ผม ผมกระชับมือให้แน่นขึ้นเอามือของพี่มินซอกมาวางไว้บนตักตัวเองและขับรถไป พี่มินซอกหันหน้ามาทางผมก่อนจะส่งสายเว้าวอนมาให้ผมและเอ่ยเสียงหวาน
     
     
     
     
                   "จงแด..."
     
     
     
     
                   "จงแด"
     
     
     
     
                   "จงแด..."
     
     
     
     
                   "ย๊าห์!!!!คิม! จง! แด!!!!"
     
     
     
     
              ผมสะดุ้งตัวสุดแรงจนหัวกระแทกกับหลังคารถหันไปทางเจ้าของเสียงดังที่เข้ามานั่งในรถเมื่อไรก็ไม่รู้ พี่ลู่หานส่งสายตาไม่พอใจมาให้ผมก่อนจะใช้มือตัวเองพัดหน้า ผมสะบัดหัวสองสามทีก่อนจะหันไปทางเดิม
     
     
     
     
              พี่มินซอกยังคงยืนอยู่ที่เดิมผมหลับตาลงและจิ๊ปากอย่างเสียดายอยู่คนเดียว พี่ลู่หานที่นั่งข้างๆผมคงจะเห็นอาการของผมเลยมองตามสายตาของผมก่อนจะร้องอ๋อเบาๆ
     
     
     
     
                   "เฮ้อก็เงี้ยแหละนะ"
     
     
     
     
              ผมหันไปมองพี่ลู่หานที่นั่งพิงเบาะอย่างสบายใจก่อนจะส่งสายตาแบบเลศนัยมาให้ผม  "จงแดถ้านายร้อนนายจะทำยังไง?"
     
     
     
     
                   "ก็ตากแอร์เปิดพัดลมหาอะไรเย็นๆกินล่ะมั้งทำไมพี่อยากกินเหรอ?"  พี่ลู่หานอมยิ้มกับคำตอบของผมก่อนจะส่ายหน้าและถามผมต่อ
     
     
     
     
                   "แล้วถ้านายหนาวล่ะ?"
     
     
     
     
                   "ก็หาอะไรอุ่นๆให้ตัวเอง"
     
     
     
     
                   "แล้วถ้านายง่วงล่ะ?"
     
     
     
     
                   "ก็นอนไง พี่จะถามทำไมนักหนาเนี่ยสมองเสื่อมไปตามอายุที่มากขึ้นเหรอ?!"
     
     
     
     
              พี่ลู่หานหันมาถลึงตาใส่ผมและฟาดเข้าที่แขนผมจนมันขึ้นเป็นรอยแดงก่อนจะหันตัวเข้ามาหาผมเต็มๆและส่งสายตาไปยังทางที่พี่มินซอกยืนอยู่ ผมมองตามพี่ลู่หานไปก่อนจะหันมาเจอกับสายตาจริงจังของญาติตัวเอง
     
     
     
     
                   "ข้อสุดท้ายละ...แล้วถ้านายรักใครสักคนล่ะนายจะทำยังไง?"
     
     
     
     
              ผมสลดไปทันทีที่เจอคำถามนี้เข้าไป ก้มหน้าลงเล็กน้อยอย่างใช้ความคิดและหันไปมองพี่มินซอกที่ยังยืนอยู่ที่เดิม กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอและเว้นจังหวะถอนหายใจอย่างหนักหน่วงก่อนจะเอ่ยตอบทั้งๆที่ยังไม่หลบสายตาไปไหน
     
     
     
     
                   "ก็คง...บอกเขาให้รับรู้ล่ะมั้ง..."
     
     
     
     
                   "แล้วทำไมไม่ทำ?"  พี่ลู่หานถามผมเสียงแข็งก่อนจะหันตัวกลับไปนั่งตรงและพิงเบาะก่อนจะเอ่ยต่อ  "จงแดเรื่องบางเรื่องถ้าเราไม่พูดมันออกไปใครจะเข้าใจไม่งั้นพระเจ้าจะสร้างให้มนุษย์อย่างเรามีปากทำไมถูกไหมล่ะ?พระเจ้าจะสร้างให้ทุกชีวิตสื่อสารเข้าใจกันทำไม?"
     
     
     
     
              ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอผวนคิดคำพูดของพี่ลู่หาน พี่มินซอกยังคงยืนอยู่อย่างนั้นแต่สักพักก็มีรถคันหรูเข้ามาจอดเทียบข้างฟุตบาทที่พี่มินซอกยืนอยู่ ก่อนที่ร่างทั้งร่างนั้นจะหายเข้าไปในรถคันนั้นและรถคันนั้นก็หายไปจากสายตาของผม
     
     
     
     
                    "แต่บางเรื่องถ้าปล่อยไว้ไม่ให้ใครรู้...มันก็คงจะดีกว่าไม่ใช่เหรอพี่?"
     
     
     
     
                   "แต่ถ้าเราบอกผลมันก็คุ้มค่ากับการที่ได้รับไม่ใช่เหรอไม่ว่าผลมันจะดีหรือไม่ดีพี่ว่ามันก็คุ้มที่ได้ลองนะ"
     
     
     
     
              ผมหันมามองพี่ลู่หานก่อนจะเจอเข้ากับรอยยิ้มให้กำลังใจ พี่ลู่หานบีบไหล่ผมเบาๆเป็นเชิงให้กำลังใจ ผมยิ้มตอบพี่เขาก่อนจะเคลื่อนรถและขับมันออกจากจุดนั้นไป
     
     
     
     
                   'แต่มันก็คุ้มงั้นเหรอ?นั่นสินะ'
     
     
     
     
     
     











     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
              เช้าสดใสของวันหยุดที่ทั้งผมและญาติผมไม่มีเรียน ผมเดินตามทางเดินใต้ตึกคณะมาเรื่อยๆจนเจอกับโต๊ะไม้ที่จัดไว้ให้นั่งพัก ผมเดินมาพร้อมกับช่อดอกไม้ขนาดย่อมที่มีกุหลาบสีม่วงสลับกับชมพูแซมด้วยดอกยิบโซสีชาวสะอาดเล็กๆดูสวยและน่ารักในคร่าวเดียว 
     
     
     
     
              มองหาคนต้นคิดเรื่องที่ทำให้ผมต้องมาเดินถือช่อดอกไม้อย่างนี้ก่อนจะพบพี่ลู่หานที่ยืนแอบอยู่มุมเสาขวาด้านในสุดและกวักมือเรียกผมอย่างลับๆล่อๆ ผมเดินเข้าไปหาพรางนึกถึงคำพูดที่พี่ลู่หานโทรมาปลุกผมแต่เช้าแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
     
     
     
     
                   "จงแดวันนี้ว่างไหม?พี่นัดมินซอกไว้ที่ตึกใต้คณะโต๊ะริมซ้ายสุดของทางเดินนะ"
     
     
     
     
                   "พี่วางแผนไว้แล้วพี่จะแกล้งไปช้าและให้จงแดเอาดอกไม้ไปสารภาพกับมินซอก อ่อพี่จองดอกไม้ไว้แล้วที่ร้านตรงข้ามหน้ามหาลัยน่ะบอกชื่อพี่ไปได้เลย"
     
     
     
     
                   "มินซอกจะมาตอนสิบโมงอย่าลืมนะ"
     
     
     
     
              ผมเดินเข้าไปหาพี่ลู่หานพร้อมทำหน้าหน่ายโลกสุดๆจนพี่ลู่หานต้องตบแก้มผมเบาๆและยกกำปั้นขึ้นพูดลมๆว่าไฟร์ติ้ง จ้ะจะพยายามเข้าใจนะ พี่ลู่หานชี้ไปทางด้านหลังของผมก่อนจะหมุนตัวผมให้หมุนตามไป
     
     
     
     
              พี่มินซอกเดินเข้ามาใต้ตึกคณะพร้อมเสื้อยีนส์แขนยาวพับแขนกางเกงยีนส์สีสำสนิทเข้ากับรองเท้าผ้าใบยี่ห้อดัง พี่เขาขยับหมวกแก๊ปสีแดงให้ปีกหมวกไปทางด้านหลังก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงกับโต๊ะไม้ตัวริมซ้ายสุดอย่างที่พี่ลู่หานว่า
     
     
     
     
              พี่มินซอกหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากดอยู่สองสามทีก่อนจะยกขึ้นแนบหูและเดาได้เลยว่าโทรหาพี่ลู่หานเพราะโทรศัพท์ของพี่ลู่หานมันสั่นอยู่ข้างๆผม พี่ลู่หานดันผมออกจากมุมเสาก่อนจะไล่ให้เดินไปหาพี่มินซอก
     
     
     
     
              ผมมองพี่ลู่หานพร้อมสายตาอ้อนวอนและส่ายหน้าปฏิเสธแต่ก็โดนสายตาดุๆส่งมาให้ ผมเลยจำต้องเดินเข้าไปหาพี่มินซอกที่ยังโทรศัพท์อยู่อย่างนั้น มองช่อดอกไม้ในมือก่อนจะก้าวขาออกไปตามจังหวะหายใจที่ติดขัด
     
     
     
     
              ใกล้ขึ้นเรื่อยๆพี่มินซอกเริ่มอยู่ใกล้ผมแค่เอื้อมแต่ยังไม่ทันที่ผมจะเอ่ยทักหรือให้ช่อดอกไม้พี่เขาก็มีช่อดอกไม้ช่อใหญ่ยื่นตัดหน้าผมแทน ผู้ชายหน้าตาดีที่ส่งยิ้มสเน่ห์ให้กับพี่มินซอกจนพี่เขาต้องวางโทรศัพท์และส่งยิ้มให้ก่อนจะรับเอาช่อดอกไม้ไว้กับตัว
     
     
     
     
                   "ไม่เห็นต้องลำบากเลยนี่จงอิน"
     
     
     
     
                   "ได้ไงกับครับสำหรับพี่มินซอกแค่นี้สบายมากเลยครับ"
     
     
     
     
             ผมค่อยๆถอยหลังที่ละก้าว ดูจากรอยยิ้มและความสนิทสนมผมก็คงเข้าใจแล้วว่าเขาสองคนเป็นอะไรกัน ผมมองช่อดอกไม้ในมือของตัวเองสักพักก่อนจะหมุนตัวเดินกลับมาหาพี่ลู่หานพร้อมรอยยิ้ม
     
     
     
     
                   "ทำไมล่ะจงแด?!"
     
     
     
     
              พี่ลู่หานเอ่ยขึ้นเสียงดุเบาๆก่อนจะยกมือของผมที่มีช่อดอกไม้อยู่ในมือขึ้นมา ผมสลัดมือพี่ลู่หานออกเบาๆก่อนจะส่งยิ้มไปให้พี่เขาว่าผมไม่เป็นไรและเดินจากถอยหลังให้ห่างจากพี่ลู่หานเล็กน้อย
     
     
     
     
                   "แต่เด็กนั่นแค่มาจีบมินซอกเองนะ"
     
     
     
     
                   "แต่พี่มินซอกเขาก็ดูจะชอบนะครับ"
     
     
     
     
                   "แต่จงแด..."
     
     
     
     
                  "ไม่เป็นไรครับ" 
     
     
     
     
             ยังไม่ทันที่พี่ลู่หายจะเอ่ยจงผมก็พูดแทรกขึ้นเสียก่อน พี่ลู่หานเลยทำได้แค่ส่งสายตาเป็นคำถามมาให้ผมแทน ผมส่ายหน้าพร้อมยิ้มให้ญาติตัวเองอีกครั้ง
     
     
     
     
                   "เพลงบางเพลงความหมายมันก็ไม่ตรงกับคนฟังหรอกนะครับ"
     
     
     
     
              พี่ลู่หานทำหน้างงหนักเข้าไปใหญ่จนผมต้องหลุดขำออกมา ผมมองไปยังคนสองคนที่นั่งคุยกันอย่างถูกคอและหันกลับมามองพี่ลู่หานอีกครั้งและเอ่ยต่อในสิ่งที่เอ่ยค้างไว้
     
     
     
     
                   "ถ้าพี่ลู่ชอบใครสักคนพี่ลู่จะทำยังไง?"
     
     
     
     
                   "ก็แน่ล่ะบอกเขาไง"
     
     
     
     
                   "แล้วจะทำยังไงต่อถ้าเขาไม่ตอบรับคำของพี่?"
     
     
     
     
                   "...ก็คงเสียใจมั้ง"
     
     
     
     
                   "แล้วพี่คาดหวังมากไหม?"
     
     
     
     
                   "ก็ต้องคาดหวังสิ"
     
     
     
     
                   "แต่ผมน่ะไม่หรอกนะครับ...ผมก็เหมือนเพลงๆหนึ่งที่ไม่ค่อยตรงกับความรู้สึกของคนบางคน ผมมีความสุขนะแค่คิดถึงเรื่องบางเรื่องที่มีแค่ผมกับพี่มินซอก"
     
     
     
     
                   "แค่เก็บไว้ในใจผมก็มีความสุขจนยิ้มแก้มแทบปริแล้วล่ะ ไม่เห็นต้องแคร์เลยว่าเขาจะมีใครหรือเปล่าแล้วก็ไม่เห็นสนใจเลยด้วยว่าเขาจะมองผมหรือเปล่า..."
     
     
     
     
              ผมมองช่อดอกไม้ในมืออีกครั้งก่อนจะพามันออกไปจากบริเวณนั้น ผมเดินทิ้งระยะมาไกลมาพอสมควรมองช่อดอกไม้พร้อมถอนหายใจและระบายยิ้มออกมา ผมว่าผมคงมีความสุขแล้วล่ะที่ทุกวันของผมมันดำเนินไปแบบนี้ไม่เห็นต้องรีบร้อนแค่มีความสุขในสิ่งที่ทำ
     
     
     
     
              ช่อดอกไม้ช่อนี้คงเป็นเครื่องเตือนใจว่าครั้งหนึ่งผมเคยคิดที่จะทำอะไร ผมเคยรู้สึกยังไงกับใคร ผมมีความสุขแค่ไหนที่ผมเห็นเขา ผมรู้สึกดีแค่ไหนที่นึกถึงเขา ผมว่าผมได้รับแค่นี้ผมก็พอแล้วล่ะ
     
     
     
     
                   'จะคอยดูเธอนั้นยิ้มไกลๆ...แค่นั้นพอ'































    --------------------------------------------------

    #CMคนเหงาที่ไม่เคยเหงา

    @Cminor2199










     
     
     
     
           
     
     
     
     
     
              
     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×