ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    LOVE ACTION!!

    ลำดับตอนที่ #14 : 'ได้เรื่อง'

    • อัปเดตล่าสุด 2 ส.ค. 58





































































                        "นี่เก็บของเร็วๆสิ!"




                เสียงหวานแผดดังลั่นเร่งให้ผมที่กำลังก้มหน้าเก็บเสื้อผ้าข้าวของใส่กระเป๋าอยู่คนเดียวให้เสร็จเร็วๆ ผมหันไปผงกหัวรับพี่มินซอกที่ยืนรออยู่หน้าประตูห้องพร้อมดิ้นเร้าๆ ตอนนี้พี่มินซอกหายจากอาการป่วยแล้วก็งอแงอยากจะออกจากโรงพยาบาลเร็วๆ ผมรูดซิปกระเป๋าก่อนจะหยิบมันมาถือและเดินไปหาคนที่อยู่หน้าประตูห้อง




                พี่มินซอกเดินนำผมไป ผมรีบก้าวขาให้ทันคนข้างหน้าก่อนจะย้ายกระเป๋าจากที่ถือมือซ้ายมาเป็นมือขวาและใช้ข้างที่ว่างจับมือบางนั่นและกุ้มเอาไว้ล้วมๆ พี่มินซอกหันมามองก่อนจะเสหน้ามองไปทางอื่น แต่มันกลับทำให้ผมยิ้มออกมาเพราะครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งไหนๆ ก็เพราะคนที่ผมจับมือเขาเอาไว้อยู่เจ้าตัวไม่ได้สะบัดทิ้งเหมือนครั้งก่อนๆไงล่ะ




                        'แค่นี้ก็สุขใจแล้ว <3 '




                เราเดินกุมมือกันมาจนถึงลานจอดรถของโรงพยาบาล ผมละมือจากมือเขาก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและหยิบกุญแจรถออกมากดรีโมทให้มันปลดล็อคอัตโนมัติ วิ่งนำหน้าพี่มินซอกไปเล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูรถให้ พี่มินซอกเข้าไปนั่งให้รถเรียบร้อยผมจึงปิดประตูและเดินไปเปิดประตูหลังเอากระเป๋าเสื้อใส่เข้าไปและปิดมัน วิ่งเยาะๆมาฝั่งคนขับก่อนจะทำหน้าสารภีให้คนที่นั่งเบาะข้างๆ




                        "จงแดๆ เดี๋ยวเข้าไปบริษัทก่อน"




                ผมเลี้ยวรถออกมาจากโรงพยาบาลได้ไม่นานพี่มินซอกก็ร้องทักบอกให้ผมเปลี่ยนเส้นทาง ผมขมวดคิ้วเหลือบมองเสี้ยวหน้าของพี่เขาสลับกับถนนก่อนจะเอ่ยถามถึงจุดประสงค์  "เข้าไปทำไมครับ วันนี้วันหยุดของบริษัทหยุดนี่?"




                        "ขับๆไปเหอะน่า ก่อนมาโรงพยาบาลฉันไม่ได้เอากระเป๋ากล้องมานี่!"




                 ผมพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเปลี่ยนเส้นทางจากบ้านให้ไปอีกทาง พอมานึกดูแล้ววันนั้นที่พี่มินซอกเป็นลมผมก็ไม่ได้คว้าอะไรมา เลยขนาดกระเป๋าของตัวเองยังต้องให้แบคฮยอนวิ่งไปเอามาให้ทีหลัง และกว่าพี่มินซอกจะออกจากโรงพยาบาลก็กินเวลาไปเกือบอาทิตย์กว่า ผมจึงจำต้องขับรถไปส่งคนที่เพิ่งหายป่วยให้เจ้าตัวได้ไปเอาของแสนรักมาก่อนกลับบ้าน




                ใช้เวลาไม่นานรถยนต์คันที่ผมขับมาก็จอดแทบฟุตบาทหน้าบริษัทที่ว่างเปล่ามีเพียงยามที่นั่งเฝ้าตึกไม่กี่คน พี่มินซอกปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะเปิดประตูรถ ผมดับเครื่องยนต์ก่อนจะเตรียมปลดเข็มขัดนิรภัยที่คาดตัวเองอยู่ พี่มินซอกที่เงยหน้ามาเห็นพอดีก็ร้องห้ามเอาไว้




                        "เฮ้ย! ไม่ต้องลงเดี๋ยวฉันขึ้นไปเอาเองนายรออยู่นี่แหละ"




                        "ไม่เอาอะ ผมไปด้วยดีกว่าเผื่อเกิดอะไรขึ้น"




                        "มันจะเกิดอะไรได้เล่า!"




                ผมยื้อแขนคนที่เตรียมจะลงจากรถเมื่อพูดประโยคสุดท้ายเสร็จ จ้องมองดวงตากลมด้วยแววตาไม่พอใจจนอีกคนต้องถอนหายใจก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและชูโทรศัพท์ของตัวเองขึ้น  "ถ้ามีอะไรฉันจะโทรหานายทันทีโอเค๊?"




                ผมคิดสักพักก่อนจะยอมปล่อยมือและพยักหน้ารับแต่ก็ปลดเข็มขัดนิรภัยและลงไปรอข้างนอกรถแทน ก่อนที่มินซอกจะเดินไปผมรีบคว้าแขนขาวนั่นและยื่นหน้าไปหอมแก้มนุ่มเร็วๆหนึ่งที พี่มินซอกใช้มือข้างที่ไม่ได้โดนจับจับเข้าที่แก้มข้างที่โดนหอม ผมยิ้มให้การกระทำของพี่เขาก่อนจะเอ่ยเตือนอีกคน  "กลับมาเร็วๆนะครับ ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลโทรหาผมทันทีนะ"




                พี่มินซอกพยักหน้ารับช้าๆผมเลยปล่อยแขนอีกคนให้พี่เขาเดินเข้าไปบอกยามและหายเข้าไปในตัวตึก ผมยืนพิงรถพร้อมกับกอดอก ก่อนที่เหลียวสายตาไปมองเป้าหมายที่เป็นเหตุให้ผมหอมแก้มนุ่มนั่น จะใครซะได้ล่ะนอกจากพ่อนายแบบผิวแทนเกินคนนี่แหละ ผมดันเหลือบไปเห็นมันลงมาจากรถตู้พอดีเลยรีบแสดงความเป็นเจ้าของใหัมันรู้ จงอินสาวเท้าเข้ามาใกล้กับบริเวณผมก่อนจะยืนเว้นระยะห่างอยู่ข้างๆ




                        "หึ!"




                 มันส่งเสียงไม่พอใจก่อนจะออกเดินไปช้าๆ ผมยกยิ้มมุนปากก่อนจะเปลี่ยนท่ายืนมาเป็นท้าวเอวและก้มมองพื้น เอ่ยเสียงดังที่ฟังก็รู้ว่าจงใจกระแทกกระทั้นใคร  "เฮ้อ! เบื่อจังเลยพวกชอบหาเศษหากินกับแฟนชาวบ้านเนี่ย!..เป็นนาย นายชอบมั้ยวะจงอิน?"




                        "ไม่รู้สินะ ถ้าเขาเต็มใจมาหาพวก!หาเศษหากินมากกว่า มันก็ช่วยไม่ได้"  จงอินหันมาเผชิญหน้ากับผมตรงๆก่อนจะตอบคำถามพร้อมกระแทกเสียง สายตาแข็งกร่าวที่ไม่ได้ต่างจากผมกำลังจ้องมองมา มันเหมือนสัญญาณระวังว่ามวยคู่เอกกำลังจะเริ่ม  "แต่อย่างน้อยมันก็ได้แค่หาเศษๆ!ล่ะวะ อย่างว่าคนเราบางที่มันก็ควรจะรู้ตัวบ้างนะว่าอะไร!มันคืออะไร!แล้วใคร!อยู่ตรงไหน!"




                        "ถ้าจะมาหาเรื่องก็อย่าเลยดีกว่าเดี๋ยวหน้ามันมีสีนะ"




                        "กูไม่ได้หาเรื่องเว้ย! แค่อยากจะบอกว่าให้รู้ว่ามึง!อยู่ตรงไหน แล้วกู!อยู่ตรงไหน"




                        "ก็ที่มึงพูดอยู่มันหาเรื่องไงเล่าเว้ย! มึงจะเอาไงวะแด!!"




                จงอินที่ฟิวส์ขาดเดินเข้ามากระชากคอเสื้อผมพร้อมกับกูกำปั้นและต่อยเข้าที่มุมปาก ผมรับรู้ถึงแรงที่เจ็บแปล็บๆแต่ไม่ถึงกับได้กลิ่นเลือดมันคงยั้งมือเพื่อให้หน้าช้ำมมากกว่าเลือดกกปาก ผมเองก็ไม่ยอมกระชากคอเสื้อมันก่อนผลักให้มันออกไปพ้นๆตัว  "กูไม่อยากมีเรื่องว่ะเดี๋ยวหน้าช้ำละแฟนกูจะเป็นห่วง"




                ยกยิ้มมุมปากก่อนจะมองข้ามหัวมันไปยังคนที่เดินออกมาจากบริษัทพร้อมกระเป๋ากล้องใบโปรด พี่มินซอกทำตาโตก่อนจะรีบเดินมาและหยุดอยู่หน้าผม มือบางยกขึ้นมาแตะเบาๆที่มุมปาก มันคงจะแดงไม่ก็ช้ำจนพี่มินซอกสังเกตุเห็นแน่ๆ คนตัวเล็กหันไปมองทางจงอินก่อนจะยกยิ้มให้เพียงชั่วครู่และดันผมไปทางรถเป็นเชิงให้รีบขึ้นรีบไป




                 ผมทำตามอย่างว่าง่ายก่อนจะปลดล็อครถให้อีกคนเข้าไปนั่งก่อน ผมยืนยักคิ้วให้จงอินมันก่อนจะเข้ามาในรถและสตาทเครื่องก่อนจะขับออกไปจากบริเวณบริษัท ยกนี้ผมชนะอีกตามเคยเพราะสายตาที่ดูตกใจของพี่มินซอกนั้นมันสื่อและแสดงชัดว่าห่วง แล้วแบบนี้จะไม่ให้ผมชนะได้ยังไงล่ะ :]




                ผมขับรถมาจอดใต้คอนโดของพี่มินซอกก่อนจะลงจากรถไปเปิดประตูให้อีก พูดตามตรงรถที่ใช้อยู่ก็ของพี่มินซอกนั่นแหละ ผมแทบไม่ได้แตะของตัวเองเลยตั้งแต่คนๆนี้เข้ามาในชีวิต ผมหิ้วกระเป๋าลงจากรถก่อนจะเดินไปเคียงข้างคนที่ยืนรออยู่ เราออกเดินไปพร้อมกันจนถึงห้องของพี่เขา พี่มินซอกแตะคีย์การ์ดที่ประตูก่อนจะเดินหายไปในห้องนอน ผมวางกระเป๋าเสื้อผ้าลงกับโซฟาแล้วทิ้งตัวนั่ง




                ยกมือขึ้นแตะบริเวณที่โดนต่อยเพราะอาการมันเริ่มออกฤทธิ์ เจ็บใช้ได้แฮะ ผมถอนหายใจก่อนจะยืดตัวบิดขี้เกียจแต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อความรู้สึกเย็นมันแตะโดนตรงแผล ผมหันไปมองก่อนจะเห็นเป็นพี่มินซอกที่ยืนถือผ้าเย็นเอาไว้ มือบางจับหัวผมก่อนจะหันให้มุมปากตรงที่โดนต่อยหันเขัามาหาพี่เขา ใช้มือข้างที่ถือผ้าแตะมันลงไปตรงแผล




                         "ดูซิเนี่ยช้ำเลย ไปกวนตีนอะไรจงอินอีกล่ะ?!"  เสียงหวานเอ็ดผมก่อนจะถือผ้าประครมไว้อย่างนั้น ผมเหลือบมองคนที่ขมวดคิ้วก่อนจะพยายามยิ้มออกมาและตอบ  "ป่าวซะหย่อย มันมาหาเรื่องผมเอง"


     

                เพราะว่าโดนผ้าอุดปากไว้เลยทำให้ผมพูดเหมือนคนลิ้นไก่สั้น พี่มินซอกยิ้มออกมาบางๆก่อนจะเอาผ้าเย็นมาปรกหน้าผมและเดินไปที่ห้องครัว ผมดึงผ้าเย็นออกมาจากหน้าก่อนจะกระโดดข้ามโซฟาและเดินไปหาอีกคน  "ว่างมากหรอ  กลับบ้านไปมั่งป่ะ"




                        "ก็บ้านมันไม่มีพี่แล้วผมจะกลับไปทำไม..เอางี้พี่ไปนอนบ้านผมมั่งมั้ย?ตกลงใช่ไหมครับดีเลยป่ะๆ"




                        "ย๊าห์ๆ!! ทะลึ่งแล้ว"




                ผมคว้ามือพี่มินซอกพร้อมออกแรงดึง คนที่โดนคว้าทำตาโตก่อนจะตีเข้าที่มือผมที่จับมือพี่เขารัวๆ ผมหัวเราะออกมาก่อนะเปลี่ยนเป็นกุมมือพี่เขาทั้งสองข้าง พี่มินซอกสงบลง ดวงตากลมนั่นกรอกไปมาอย่างไร้จุดหมาย ผมยื่นหน้าไปกระซิบข้างใบหู  "ไปนะครับนะ"




                















                จนแล้วจนรอดอีกคนก็ต้องยอมมาด้วยกับ ผมเดินนำพี่มินซอกขึ้นมาคอนโดเดินนำอีกคนไปตามทางเดินก่อนจะหยุดอยู่หน้าห้องนึง ผมรอให้พี่มินซอกเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะแตะคีย์การ์ดกับประตูและเปิดนำอีกคนเข้าไป พี่มินซอกดูเงอะงะเมื่อเดินตามเข้ามา แต่เอาเข้าจริงๆห้องผมมันแทบจะไม่ได้แตกต่างจากห้องพี่มินซอกเลยสักนิด ไม่อย่างนั้นคืนนั้นผมจะเดาถูกได้ไงว่าห้องไหนคือห้องนอนของพี่มินซอก ก็มันอยู่ตำแหน่งเดียวกับห้องผมนี่




                        "ตามสบายนะครับ พี่อาบน้ำก่อนก็ได้นะเดี๋ยวเอาเตรียมเสื้อผ้าให้"




                        "เดี๋ยวเสื้อผ้าใคร?!"  พี่มินซอกยื่นมือมาจับชายเสื้อของผมก่อนจะทำตาโต ผมยิ้มขำก่อนจะชี้มาที่ตัวเองและเดินเข้าห้องนอน เปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหาตัวที่คิดว่าพี่มินซอกน่าจะใส่ได้เพราะเราสองคนก็ไซต์ใกล้เคียงกัน เสียงปิดประตูดังมาให้ยินแสดงว่าคนตัวเล็กกำลังอาบน้ำ ผมหยิบเอาเสื้อยืดกับกางเกงฟุตบอลมาไว้กับตัวก่อนจะเดินไปเคาะประตูห้องน้ำ




                        "ผมวางเสื้อผ้าไว้หน้าห้องนะครับ ผ้าเช็ดตัวอยู่ในนั้นแล้วนะ"




                พี่มินซอกขานรับในลำคอแข่งกับเสียงน้ำที่ไหลกระทบพื้นไม่ขาดสาย ผมเดินกลับไปนั่งที่โซฟาห้องนั่งเล่นพรางเปิดโทรทัศน์ดูเพื่อฆ่าเวลา เสียงน้ำกระทบเงียบลงก่อนทีอีกสักพักคนตัวเล็กจะเปิดประตูเดินออกมา ผมหันไปมองคนที่กำลังเดินก่อนจะตบเบาะโซฟาข้างตัวให้พี่เขามานั่ง




                 พี่มินซอกทิ้งตัวลงพร้อมกับใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กขยี้ผมไปด้วย ผมปล่อยให้อีกคนเช็ดเส้นผมที่เปียกปอนพร้อมกับสำรวจพิจารณาไปด้วย ผมว่าผมเลือกเสื้อตัวที่เล็กแล้วนะขนาดผมใส่มันยังรัดๆเลยแต่พี่มินซอกใส่มันกลับดูล้วมๆและดูยาวจนปิดกางเกงไปครึ่งตัว และมันก็ดูน่ารักมากๆ  "มองอะไร!"




                พี่มินซอกถามเสียงดุพร้อมกับตีหน้ายุ่ง ผมส่ายหัวปฏิเสธก่อนจะหันกลับไปสนใจโทรทัศน์เหมือนเดิม เสียงรายการโทรทัศน์ดังทำลายความเงียบที่เริ่มมาคุขึ้นเรื่อยๆ ทั้งผมและพี่มินซอกไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา เหตุการณ์มันดูเหมือนกับในค่ำคืนนั้น  "ผมว่าเรามาเล่นเกมกันดีกว่า"




                 ผมเอ่ยทำลายความเงียบพร้อมกับหันไปนั่งสบตากับพี่มินซอก คนตัวเล็กดูจะตะลึงกับคำว่าเลันเกมของผม แต่ก็เก็บอาการไว้ไม่ก่อนจะเริ่มเขยิบห่างและหันมานั่งสบตากับผม  "เกมอะไรอีกล่ะ"




                        "ถามตอบ"




                        "ไม่เล่น!"




                        "พี่มีแฟนมาแล้วกี่คน!"



     
                         "ไม่เล่น!"




                        "มีมาแล้วกี่คน"




                         "ก็บอกว่าไม่เล่น!"




                        "กี่! คน!"  ผมเน้นย้ำคำถามของตัวเองจนพี่มินซอกถอนหายใจกับการกระของผมแล้วชูนิ้วชี้ขึ้นมา ผมยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะเขยิบตัวเข้าไปใกล้พี่เขามาขึ้นและถามต่อ  "แล้วเลิกกันเพราะอะไร?"




                 จู่ๆใบหน้าที่ติดจะลำราณก็แสดงท่าทีตกใจแทน ริมฝีปากเม้นเข้าหากันแน่น ใบหน้ากลมทำท่านึกคิดไม่สิต้องบอกว่าไม่อยากเอ่ยมากกว่าถึงจะถูก ผมส่งสายตาเป็นเชิงถามให้อีกคนเห็น ดวงตากลมกลับเสไปทางอื่นแทน  "ตอบมาเถอะครับผมอยากรู้ทุกเรื่องของพี่ จะได้ไม่ทำมันถ้าพี่ไม่ชอบ"




                        ดวงตากลมหันมาสบตากับผมก่อนที่เจ้าของดวงตานั่นจะถอนหายใจอย่หนักหน่วงและยอมเอ่ยออกมา  "เรา...เลิกกันเพราะเขาจะไปเรียนต่อ..เรารักกันมาก เขาเป็นรุ่นพี่ในมหาลัยของฉัน..ฉันไม่เคยคิดว่าเราจะได้รักกัน"




                        "..."




                        "แต่มันก็เป็นเรื่องจริง..ฉันได้รักแรกที่มาครอบครอง เรารักกันมาก..แต่สังคมกับมองมาเราแปลกเพียงเพราะ...พวกเราคือผู้ชาย.."




                        "ช่วงนั้นมันทั้งสุขล..และทุกข์ เราฝ่าฟันทุกคำนินทาว่าร้ายมาด้วยกัน..ค..ค่อยอยู่เคียงข้าง..ส..เสมอ..ฉันรักเขามาก มากจนไม่อยากจะเสียเขาไป.."  น้ำตาหยดแรกไหลลงมาพร้อมกับฝ่ามือบางที่ยกมาปิดหน้าตัวเอง ผมทำท่าจะกอดปลอบแต่ก็โดนพี่เขาห้ามด้วยการส่ายหัว ผมเงียบรอให้พี่เขาโอเคและพร้อมเอ่ยมันต่อหรือหยุดลง




                        "นายรู้มั้ยสิ่งที่ฉันเกลียดมาที่สุด...คือการรอคอย แต่ฉันก็เลือกที่จะทำมัน..เมื่อพี่เขามาบอกกับฉันว่าให้...รอ ฉันรอ..ตามที่เขาบอก รอจนมันเหมือนเป็น..เพียงความฝัน"




                         "แต่สุดท้ายเขาก็กลับมา...ข...เขากลับมาพร้อม..ผู้หญิงคนนึง วันนั้น วันที่ฉันไปรอรับเขาที่สนามบิน...ด้วยความดีใจ..แต่เขา..ก..กลับเดินมาบอกฉันว่า ฮึก...เขากำลังจะต..แต่งงานกับเธอ"




                        "เขาขอให้เรากลับไปเป็นพี่น้อง...เขาบอกกับฉันว่า ค..ความรักของเราสองคน ม...มันไม่มีทาง..เป็นไปได้.."




                พี่มินซอกร้องไห้ตัวโยนมือบางกอดแขนตัวเองไว้แน่นพร้อมกับเสียงสะอื้นที่ดังไม่ขาดสาย ผมเข้าไปกอดปลอบอีกคนพร้อมกับลูบหัวและหลังให้พี่เขา พี่มินซอกคลายกอดตัวเองก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นจับเสื้อผมไว้และขย้ำมัน เอ่ยเสียงอู้อี้โดยไม่เงยหน้ามาสบตากับผม  "ล..แล้วทีนี้..นายยัง..ยังอยากดูแลฉันมั้ย? นายย..ยังอยากอยู่ข..ข้างฉันมั้ย?"




                ผมไม่ตอบอะไรปล่อยให้คนในอ้อมกอดร้องไห้ออกมา พี่มินซอกพยายามกั้นสะอื้น มันทำให้ผมสงสารพี่เขาจับใจ  "ถอนตัวซะจงแด ถ..ถอนตัวออกไป ก่อนที่ฉันจะร...รักนาย ไปซะ...ฉันไม่อยาก..จ...เจ็บอีกแล้ว ฉัน...ไม่อยากให้นายมาทิ้ง...อ...อนาคตไว้กับฉัน เพราะฉะนั้นด..ได้โปรด ออกไปจากชีวิตฉันซะ"




                 ผมกระชับกอดให้แน่นขึ้น พี่มินซอกร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย หัวใจผมกระตุกวูบทันทีที่ได้ยินประโยคก่อนหน้านี้ หยาดน้ำตาใสไหลออกมาหยุดยิ่งผมกอดแน่นมันยิ่งไหล ไหลจนซึมกับเสื้อของผม มือบางดันตัวเราให้ออกจากกันก่อนที่อีกคนจะนั่งกอดเข่าตัวเองและเอ่ยบอกกับผมอีกครั้ง




                        "ป..ไปซะเถอะนะ นายมันก็เหมือนกับปีเตอร์แพน...ปีเตอร์แพนค..คนที่มีแวนดี้ ค..คนที่คู่ควรกับนายมันคือเธอ ไม่ใช่...ไม่ใช่ฉันที่ป..เป็นแค่ทิงเกอร์เบลล์ ถ..ถึงนายจะขาดฉันม...ไม่ได้ แต่ฉัน..ก็ไม่ใช่คนที่นายจะคู่ควรด้วย"




                น้ำตาที่ไหลออกมาของคนตรงหน้ามันทำใจผมกระตุก ผมรู้สึกว่าท้องมันโหว่งๆและจุกในอก ผมไม่ชอบ ไม่ชอบน้ำตาของคนตรงหน้าเสียเลย ผมเอื้อมมือไปคว้าคนที่ร้องไห้มากอดปลอบแน่น พี่มินซอกกำเสื้อไว้แน่น ร้องไห้ออกมาร้องจนไม่มีน้ำตา ผมจูบซับที่ขมับของพี่เขาอย่างปลอบโยน ความเงียบเข้าปกคลุมเราสองคน เสียงสะอื้นยังดังให้ได้ยินเป็นระยะจนผมอดไม่ได้ อดที่บอกสิ่งที่มันจุกในใจ




                        "ผมไม่ใช่ปีเตอร์แพนหรอกนะ ผมเป็นเพียงเทอร์เรนซ์ คนที่ค่อยอยู่เคียงข้างทิงเกอร์เบลล์ ต่อให้ปีเตอร์แพนจะไปสนใจแวนดี้แค่ไหนแต่ในสายตาของเทอร์เรนซ์มันก็มีเพียงทิงเกอร์เบลล์"




                        "..."




                        "เพราะงั้น ให้ผมได้อยู่เคียงข้างพี่..เหมือนที่เทอร์เรนซ์อยู่ข้างทิงเกอร์เบลล์ได้มั้ยครับ??"



































    ------------------------------------------------------


    ว้ายดราม่าเฉยเลยยยย













    #ficaction


    @Cminor2199
















                

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×