ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    LOVE ACTION!!

    ลำดับตอนที่ #12 : 'เราจะรักกันก็ต่อเมื่อโลกแตกสลาย'

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ค. 58


























































                เขาว่าผู้หญิงเนี่ยถ้าได้โดนกอดสักครั้งออร่าความดูดีมันจะพุ่งออกมาเข้าตาเราทันที แต่ผมว่าทฤษฏีนี้ก็ใช้ได้กับผู้ชายนะ เพราะเดี๋ยวนี้พี่มินซอกดูมีออร่าบางอย่างเปล่งประกายออกมารอบๆตัว มันทำให้ผมอยากมองและหลงพี่เขาจนโงหัวไม่ขึ้น และครั้งนี้ก็เช่นกัน ผมยืนมองเจ้าของห้องแต่งตัวอยู่ที่หน้ากระจกบานใหญ่ เราสองคนใช้เวลาร่วมกันถึงสองวันเต็มๆ วันแรกก็เรื่องหลังจากคืนนั้นวันที่สองก็คือพี่เขาป่วยเลยทำให้ต้องลางานทั้งคู่




                วันนี้คนป่วยออกปากว่าหายดีแล้วพร้อมจะกลับไปทำงานผมเลยทำได้แค่ยอม พี่มินซอกหมุนตัวไปมาอยู่หน้ากระจกเพื่อเช็คความเรียบร้อยก่อนจะเดินมาทางผมช้าๆเพราะอาการจากครั้งแรกยังไม่หายดี ผมมองคนที่ค่อยๆก้าวเท้าเข้ามาด้วยความลุ่มหลง เพราะพี่มินซอกตอนนี้ดูเซ็กซี่ได้ทั้งๆที่ใส่เสื้อผ้าแล้วไหนจะหน้าตาที่ดูจัดว่าสวยขึ้นในสายตาผมอีก ผิวขาวที่ขาวอยู่แล้วตอนนี้กลับขาวอมชมพูจนอยากจับมาฟัดเล่น




                        'ผมว่าผมใกล้บ้าแล้วล่ะ'




                        "มองอะไรจะไปทำงานมั้ย? อย่าลืมว่านายเป็นแค่เด็กฝึกงานนะ"




                 พี่มินซอกเดินเข้ามาใกล้ผมที่นั่งอยู่ปลายเตียงก่อนจิ้มเข้าที่หน้าผากและออกแรงผลักเบาๆ ผมจับหน้าผากตรงที่โดนจิ้มก่อนจะลูบเบาๆพร้อมยู่ปาก พี่มินซอกหัวเราะในลำคอก่อนจะใช้มือสางผมหน้าม้าที่ยาวจนปิดตาให้เปิดขึ้น  "ผมยาวเกินไปแล้วนะครับ"




                ผมลุกขึ้นยืนจากเตียง มองคนตรงหน้าที่นับวันยิ่งดูตัวเล็กและน่าทะนุถนอมขึ้นทุกวัน พี่มินซอกหันมาพยักหน้าเห็นด้วยกับผมก่อนจะเสยผมอีกครั้งและเตรียมจะเดินออกไป ผมคว้าข้อมือบางยื้อให้อีกคนหันมาก่อนจะเอายางมัดผมที่ข้อมือที่ปกติแล้วผมจะใช้ตอนอยู่คอนโดตัวเองมามัดผมให้พี่เขา ผมรวบผมหน้าม้าที่ยาวจนปิดตาของพี่มินซอกไว้ล้วมๆ ใช้ยางมัดผมที่มีมามัดให้กับพี่เขา




                        "นายพกยางมัดผมด้วยหรอ ตุ๊ดชะมัด"




                        "ก็ใช้แค่ที่บ้านแหละครับ แต่ตอนที่กลับไปอาบน้ำเมื่อเช้ามันรีบเลยติดมือมาด้วย...ผมว่าพี่ไม่ต้องตัดผมแล้วแหละ"




                        "ทำไม?"




                        "ก็แบบนี้มันน่ารักดี :] "






































                ผมและมินซอกเดินเข้ามาภายในบริษัทก็เจอเข้ากับพี่จุนมยอนและจื่อเทาที่ยืนอยู่ตรงคอฟฟี่ชอปของบริษัทและดูเหมือนลูกพี่ลูกน้องของผมจะเห็นผมกับพี่มินซอกเสียด้วย พี่จุนมยอนรีบก้าวเท้าเข้ามาทางพวกผมอย่างเร็วพร้อมกับจับไหล่พี่มินซอกและเขย่าไปมา




                        "มินซอก!หายไปไหนมาตั้งวันนึงคิดถึง!"




                        "พี่จะกอดพี่มินซอกแรงทำไมเนี่ย!?"




                ผมจับไหล่ของพี่จุนมยอนเพื่อให้ตัวห่างจากพี่มินซอก พี่จุนมยอนทำหน้างงใส่ผมแต่ก็ยอมปล่อยโดยดี พี่มินซอกเลยตีเข้าที่แขนผมก่อนจะถลึงตาใส่ ผมเลยทำได้แค่เบ้ปากใส่และทุกการกระทำมันก็ตกอยู่ในสายตาของพี่จุนมยอนและจื่อเทา  "เอ่อจริงสิมินซอกเรื่องสองวันก่อนเป็นไงบ้างให้ของขวัญจงแดหรือเปล่า?"




                พี่จุนมยอนเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อกลบความสงสัยเรื่องเมื่อกี๊ ทำไมผมจะดูไม่ออกนั่นญาติผมที่อยู่ด้วยมาตั้งแต่เล็กนะ แต่เรื่องสองวันก่อนมันก็เรื่องที่มินซอกกับผม...นะ แต่เรื่องของขวัญนี่หมายความว่าไงใครรู้ชวนมาอธิบายให้ผมที พี่มินซอกเงียบไม่พูดอะไรแค่ส่ายหน้าก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นพยักหน้าแทน




                         "อะไรของนายเนี่ย..แล้วนี่คิดไงมัดผมมาทำงานห๊ะน่ารักชะมัด 55555"




                         "เรื่องของฉันน่า ไม่มีอะไรแล้วขอตัวก่อนนะ"




                        "เฮ้ยเดี๋ยวเด่คุยกันก่อน เป็นไงๆจงแดปาร์ตี้สองวันก่อนสนุกมั้ย?"




                 พี่มินซอกทำท่าจะเดินออกไปจากวงสนทนาแต่ก็โดนพี่จุนมยอนยื้อเอาไว้ ก่อนจะหันมาเอ่ยกับผมในท้ายประโยค ผมที่ไม่รู้อะไรแต่คิดว่าลูกพี่ลูกน้องของผมคงจะหมายถึงเรื่องที่พี่มินซอกบอกจะเลี้ยงฉลองให้กับผมจึงพยักหน้ารับไป พี่จุนมยอนยิ้มกว้างก่อนจะหันไปทางพี่มินซอกและเอ่ยถาม  "ไงมินซอกก็ดีนี่..แล้วแอบกินเหล้าเปล่าเนี่ยไอ้ขี้เมา 5555"




                 เมื่อจบประโยคของพี่จุนมยอนทั้งผมและพี่มินซอกก็ตัวแข็งไม่ไหวติงเหมือนคำที่พี่จุนมอยนพูดออกมามันเหมือนกับคำสาปนึง พี่จุนมยอนหุบยิ้มก่อนจะมองหน้าผมและพี่มินซอกสลับกัน นิ้วขาวๆนั่นจิ้มไปที่คอของพี่มินซอกก่อนจะที่คนโดนจิ้มจะสะดุ้งพร้อมกับถอยตัวให้ออกห่างจากเพื่อนตัวเอง




                        "เดี๋ยวนี้แพ้เหล้าแล้วผื่นแดงขึ้นหรอ?"




                        "แพ้เหล้า?"




                 ผมเอ่ยต่อประโยคของพี่จุนมยอนทันทีก่อนจะได้รับรอยยิ้มขำมา ผมมองหน้าพี่มินซอกสลับกับพี่จุนมยอนจนคนเป็นลูกพี่ลูกน้องต้องยกมือห้ามให้หยุดและเอ่ยไขข้อสงสัยให้ผมรู้  "คืองี้จงแด มินซอกมันเป็นพวกขี้เมาเพราะแพ้แอลกอฮอล์น่ะแต่เวลามันแพ้มันไม่ได้แบบคนทั่วไปนี่สิกลับแพ้แล้ว..!"




                พี่มินซอกรีบเดินเข้ามาประชิดตัวพี่จุนมยอนก่อนจะเอามือปิดปากคนที่กำลังแฉความลับของตัวเองอยู่ พี่จุนมยอนพยายามแกะมือออกจากตัวเองแต่มันก็ไม่เป็นผล ผมมองเพื่อนรักสองคนยื้อฉุดกระชากกันไปมาก่อนจะหันไปส่ายหน้าพร้อมกับจื่อเทา พี่มินซอกแอบกระซิบกระซาบกับพี่จุนมยอนแต่ผลที่ได้คือการส่ายหัวปฏิเสธจนพี่มินซอกเองที่เป็นฝ่ายต้องยอมปล่อยมือออก




                        "มันไม่ใช่เรื่องน่าอายซักหน่อยนี่มินซอกเรื่องปกติจะตาย"




                        "ไม่รู้! อยากพูดก็พูดเลยไม่สนใจแล้ว!!"




                        "เรื่องอะไรหรอครับบอกให้ผมรู้ได้มั้ย?"




                 ผมพูดออกมาพร้อมกับส่งสายตาเป็นเชิงนัยให้พี่มินซอกรู้ว่าประโยคเมื่อกี๊ผมบอกพี่เขา พี่มินซอกกอดอกก่อนจะเชิดหน้ามองไปทางอื่นทำให้พี่จุนมยอนหัวเราะออกมา ลูกพี่ลูกน้องของผมเดินเข้ามากอดคอผมก่อนจะกระซิบกับผมให้ได้ยินกันสองคน




                        "คืองี้จงแด มินซอกน่ะเวลามันแพ้พวกของมึนเมาแล้วจะไม่ได้เป็นแบบพวกคันหรือผื่นแดงแต่กลับ...ชอบยั่ว"




                ผมทำตาโตก่อนจะมองหน้าพี่จุนมยอนและมองไปข้างหลังที่มีพี่มินซอกยืนกอดอกอยู่ มิน่าคืนนั้นถึงได้ยั่วผมสุดๆเพราะแพ้แอลกอฮอล์นี่เองแต่แปลกคนดีชะมัด พี่จุนมยอนหัวเราะออกมาก่อนจะพูดต่อ  "พี่เคยเจอมาแล้วสุดยอดไปเลยมีสติแต่ทำอะไรไม่ยั้งคิด แปลกคนดีนะว่ามั้ย 5555"




                 พี่จุนมยอนปล่อยคอผมให้เป็นอิสระก่อนจะเดินกลับไปง้อพี่มินซอก ผมว่ามันดูงี่เง่าไปหน่อยสำหรับเรื่องที่พี่จุนมยอนบอก แต่อย่างว่าเพราะแค่คำว่าเมาอะไรๆมันก็เกิดขึ้นได้ ผมเดินเข้าไปใกล้พี่ทั้งสองคนก่อนจะโอบไหล่ของพี่มินซอก พี่จุนมยอนหยุดง้อพี่มินซอกก่อนจะมองผมเงียบๆเหมือนจะรู้ว่าผมจะพูดอะไรบางอย่าง




                        "พี่จุนมยอนผมมีความลับจะบอก"




                        "นี่เดี๋ยวสิจะพูดอะไรห๊ะจงแด?!"  พี่มินซอกเอ่ยสวนพร้อมกับตีเข้าที่อกผมและดันตัวผมออก ผมยื้อตัวเองไว้อย่างนั้นพร้อมกอดไหล่พี่เขาให้แน่นขึ้นไม่สนใจคำพูดหรือแรงตีจากอีกคนสักนิด  "ผมกับพี่มินซอกเราคบกันครับ"




                        "อ๋ออออ...ห๊ะ!!"




                        "คุณจงแด...ว่ายังไงนะครับ?"




                        "ผมบอกว่าผมกับพี่มินซอก เราคบกัน"




                ผมเอ่ยตอบจื่อเทาย้ำคำพูดพร้อมกับดึงตัวพี่มินซอกให้เข้ามาใกล้ในท้ายประโยค พี่มินซอกดันตัวผมออกก่อนจะเดินจ้ำๆไปที่หน้าลิฟต์ผมรีบขอตัวกับพี่จุนมยอนและจื่อเทาที่ยังทำหน้าเหวอไม่หาย ก้าวเท้าตามคนขี้งอนไปให้ทันก่อนที่ประตูลิฟต์จะเปิด และมันก็ทันพอดิบพอดี ผมก้าวเท้าตามพี่มินซอกไปในตัวลิฟต์กดหมายเลขชั้นให้อย่างรู้หน้าที่ พี่มินซอกถอนหายใจก่อนจะหันหน้าหนีเข้ากำแพงลิฟต์




                ผมเหล่ตามองคนที่ทำหน้าหงุดหงิดก่อนจะยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย สาวเท้าเข้าไปใกล้คนที่ยืนหันหน้าเข้ากำแพงก่อนจะใช้มือยันกำแพงไว้ ปิดกั้นทางออกไม่ให้อีกคนหนีออกไปไหนได้ พี่มินซอกหันมามองผมก่อนจะทำตัวลีบไปกับกำแพงลิฟต์ ผมเปลี่ยนจากใช้มือยันกำแพงเปลี่ยนเป็นตั้งศอกแทนทำให้ระยะห่างของผมกับพี่เขาลดลง




                        "จะทำอะไร?!"




                พี่มินซอกเอ่ยออกมาเสียงดุก่อนจะใช้หางตามองผม ผมไม่ตอบอะไรแค่ยื่นหน้าเข้าไปใกลัอีกคนมากขึ้น ปล่อยให้ลมหายของตัวเองรดรินใบหูขาวๆนั่น ใช้มือข้างนึงมาจับเข้าที่ผมจุกของพี่มินซอกที่ผมเป็นคนมัดมันเองกับมือ เกลี่ยมันเล่นไปมาก่อนจะใช้สายตาลึกซึ้งมองพี่เขา ปลายจมูกของผมเฉียดแก้มนุ่มนั่นไปมาจนเจ้าของแก้มนุ่มต้องหดคอและหันหน้าหนี ผมเลื่อนใบหน้าไปใกล้ใบหูของพี่เขาก่อนจะเอ่ยกระซิบเสียงแผ่ว




                         "ผมก็มีความลับจะบอกพี่นะครับ"




                         "อ..อะไร?"




                        "ความลับของผมก็คือ...พี่เป็นผู้ชายคนเดียวที่ผมอยากดูแล"




                 ใบหน้ากลมขึ้นสีระเรื่อก่อนจะหันมาสบตาผมตรงๆทำให้ปลายจมูกของเราสองคนชนกัน มันก็ฉากละครทั่วไปที่พระเอกจะไม่สามารถละสายตาจากนางเอกได้ ผมค่อยๆเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้อีกคนมากขึ้น..มากขึ้น ติ๊ง! เสียงประตูเปิดของลิฟต์ดังขึ้นพี่มินซอกละสายตาจากผมก่อนจะหันหน้าหนี คนตัวเล็กเดินกระแทกไหล่ผมออกไปจากลิฟต์ ผมมองตามจะลูบหน้าตัวเองและเดินตามไปเงียบๆ




                        "ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ใช่ชั้นนี่น่ะห๊ะ!"




                        "แล้วจะบ่นให้ได้อะไรขึ้นมาเล่าผิดแค่สามชั้นเองเข้าไปกดลิฟต์ใหม่ไม่ตายหรอก"




                เสียงคนเถียงกันดังไปทั่วทางเดินใกล้ๆลิฟต์ก่อนปรากฏร่างของเพื่อนทั้งสองคนของผม พี่มินซอกหยุดเดินเมื่อเจอกับแบคฮยอนและชานยอลที่เดินพ้นทางโค้งมา เพื่อนทั้งสองคนดูตกใจเมื่อเห็นหน้าผมและพี่มินซอก แบคฮยอนรีบวิ่งมากระโดดกอดผมทันที่เห็นผมก่อนจะตะโกนเสียงดังอย่างดีใจ




                        "จงแด!! หายไปไหนมาตั้งวันนึงอะ"




                        "ทำไม คิดถึงหรอหืม?"




                เพื่อนตัวเล็กที่วิ่งมากอดผมพยักรับอย่างกระตือรือร้นก่อนจะหันไปทักทายพี่มินซอกที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ชานยอลเดินเข้ามาสมทบอีกคน ทักทายพี่มินซอกพอเป็นมารยาทก่อนจะทักผม ผมสังเกตเห็นสีหน้าของพี่มินซอกที่เริ่มหน้างอก่อนจะแอบเดินออกไปเงียบๆ ผมจึงยื่นมือไปคว้ามือพี่เขาไว้ก่อนจะเดินไปประชิดตัว




                        "แล้วทำไมจงแดถึงมาพร้อมพี่มินซอกได้ล่ะ เมื่อวานก็ไม่ยอมมาทำงานทั้งคู่เลย"




                เสียงแจ้วๆของแบคฮยอนเอ่ยถามก่อนจะกอดอกและมองหน้าผม พี่มินซอกทำแค่เงียบไม่ตอบอะไรก่อนจะชักมือของตัวเองกลับแล้วยืนนิ่ง ผมเฝ้าสังเกตอาการของคนข้างๆ เห็นพี่มินซอกเริ่มพิงตัวกับกำแพงพร้อมกับยกมือมาจับตัวเองและเริ่มหายใจติดขัด เพราะยังไม่หายดีแท้ๆแล้วยังจะดื้อมาทำงานอีก ผมเอื้อมมือไปอังที่หน้าผากและข้างแก้มทั้งสองคนของคนป่วยก่อนจะโดนคนอวดดีปัดมือทิ้ง




                        'ตัวเริ่มร้อนแล้วแฮะ'




                        "อะไรวะจงแดตั้งแต่หายไปพร้อมพี่มินซอกเนี่ยเริ่มจะเป็นห่วงเป็นใยเยอะไปล่ะนะ"




                ชานยอลเอ่ยแซวพร้อมกับทำหน้าล้อเลียน แต่ผมไม่สนใจหรอกนะเพราะคนที่สนใจน่ะมันคนข้างๆต่างหาก ผมละความสนใจจากพี่มินซอกมามองเพื่อนทั้งสองคนก่อนจะเอ่ยถามชานยอล  "อะไรถึงทำให้คิดอย่างนั้นวะ?"




                ชานยอลยิ้มกรุ้มกริ้มออกมาก่อนจะหันไปมองหน้าแบคฮยอนและหันกลับมาทางเดิม เพื่อนตัวสูงใช้นิ้วชี้ไปดูดวงตาของตัวเองก่อนจะยิ้มและตอบ  "ดวงตาไงเพื่อน ดวงตาแกมันฟ้อง มันสื่อว่าห่วงใยและ..."




                        "รัก!/รัก!"




                ทั้งชานยอลและแบคฮยอนประสานเสียงพร้อมกันออกมาเสียงดังฟังชัด ผมหันไปมองหน้ามินซอกก็พบดวงตากลมที่มองผมอยู่ก่อนแล้ว พี่มินซอกนืนตัวตรงก่อนจะเดินเซเล็กน้อยไปหาเพื่อนทั้งสองคนของผม มือบางวางลงที่ไหล่ของทั้งคู่ก่อนจะยิ้มให้ แต่มันเป็นรอยยิ้มแค่ชั่วพริบตา ใบหน้าของพี่มินซอกแสดงออกมาว่าอารมณ์เสียอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากแห้งจากอาการป่วยเริ่มเปล่งเสียงออกมาแบบเยือกเย็น




                        "จำไว้นะชานยอลแบคฮยอน ฉันสองคนจะรักกันก็ต่อเมื่อ โลก-แตก-สลาย!!!"
















































    ------------------------------------------

    ขอบคุณสำหรับโพสทุกโพสและแท็กในทวิตนะคะ
    เราตามของทุกคนเลยอยากบอกเป็นกำลังใจที่ดีมากๆ
    แค่ทุกคนอ่านแล้วชอบเราก็ชื่นใจแล้วฮับ
    ขอบคุณทุกคนนะ สนุกก็ติดแท็กบอกคนอื่นเยอะๆเลยเนอะเลิฟฮ้าป <3

    ต้องขอบอกอีกครั้งว่าฟิคเรื่องนี้ไม่มีสาระหรือว่าแน่นอนอะไรเลยนะคะ
    อยากจะคงความฮาสบายๆอยู่แต่ไม่รู้จะทำได้นานแค่ไหน
    อีกอย่างเราอาจจะเว้นช่วงยาวเพราะคอมเริ่มเน่า 555
    ฝากติดตามไปเรื่อยๆเลนะฮะ :]




    #ficaction
    @cminor2199








    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×