ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : มีอยู่จริงหรือเปล่า
มีอยู่จริงหรือเปล่า
'เคยได้ฟังฟังนิทานเก่าๆ
บ่อยครั้งในนั้นจะมีดินแดนสวยงาม
มีคนให้รักและความหวังมากมาย
เฝ้าฝันให้ฉันได้เจออย่างนั้นสักที'
หนังสือเล่มหนาถูกปิดลงและเก็บไว้บนชั้นเล่มแล้วเล่มเล่า แต่ละเล่มดูมีคุณค่าแก่การอ่านมากมายทุกเล่มล้วนเป็นนวนิยายรักที่ชวนให้ลุ่มหลงไปกับการประพันธ์ของผู้แต่ง แต่มันจะดีมากถ้ามีสักเล่มที่ถูกใจคิมมินซอก
"เฮ้อ~"
มินซอกถอนหายใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าวางหนังสือเล่มหนาไว้บนชั้นของมันดั่งเดิมก่อนจะเดินออกจากหอสมุดประชาชนขนาดย่อมๆ อุสาห์ออกมาเปิดหูเปิดตาดูโลกภายนอกหาแรงบันดาลใจเขียนการ์ตูนแต่มันกลับวางเปล่าเลยแฮะ
มินซอกก็เป็นแค่นักเขียนการ์ของบริษัทเล็กๆแห่งหนึ่งส่วนตัวเขาชอบที่จะเขียนการ์ตูนตามชีวิตจริงมากกว่า แต่ดันได้รับคำแนะนำจากบอกอคนสนิทให้ลองเปลี่ยนแนวเขียนเป็นแฟนตาซีดู แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออกเขาเลยต้องมาเดินฝุ่นหาไอเดียอยู่อย่างนี้ไงล่ะ
ดวงตากลมเลือบมองไปเห็นร้านหนังสือเก่าฝั่งตรงที่เขายืนอยู่ไม่รอช้ามินซอกก้าวเท้าข้ามถนนก่อนเดินยังร้านหนังสือที่หมายตาไว้ ดูขลังใช้ได้แฮะแม้แต่ป้ายชื่อร้านก็ไม่มี มีแค่โลโก้ที่มีรูปหนังสือใหญ่ๆพร้อมดวงดาวแค่นั้นเอง
มินซอกดูสนใจกับร้านหนังสือตรงหน้ามากๆไม่รอช้าร่างผอมก็เดินเข้าไปในร้านทันที บรรยากาศของร้านดูเงียบสงบเหมาะกับการอ่านหนังสือมากๆแถมยังได้บรรยากาศร้านขายของเวทมนต์เหมือนในหนังเรื่องแฮรรี่พอตเตอร์ไม่มีผิด แหมจะมีคนขายไม้กายสิทธิ์ไหมนะ
"ขอโทษนะครับ"
มินซอกเปิดประตูพร้อมเอ่ยออกมาแต่ภายในร้านกลับเงียบมีเพียงกระดิ่งบนประตูที่บอกว่ามีลูกค้าเข้ามาแค่นั้น มินซอกเดินไปยังส่วนที่เป็นเคาร์เตอร์ของร้านมองชะแง๊แลซ้ายขวาหาสิ่งมีชีวิตภายในร้าน
'เงียบเกินไปแล้ว'
'โครม!!'
เสียงโครมครามดังมาจากภายในมุนด้านในของร้านมินซอกไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปดูความปิดปกติแต่พบเพียงกองหนังสือมหึมาล้มระเนระนาด ร่างบางเดินเข้าไปดูอย่างช้าๆมือบางที่ติดจะสั่นเล็กน้อยเอือมออกไปยังกองหนังสือแต่ไม่ที่จะได้แตะลงบนกองหนังสือนั่นสิ่งมีชีวิตภายใต้กองหนังก็ทะลุบรรดาหนังสือเล่มหนาออกมาเสียก่อน
"อ้ากกกกกกกกกกกกกก!!"
เสียงทุ้มต่ำร้องลั่นไปทั่วทั้งร้านจนมินซอกต้องใช้ฝ่ามืออุดหูเพราะกลัวจะหูแตกเสียก่อนน่ะสิ ไม่นานชายสูงอายุตรงหน้าก็เงียบลงพร้อมกับลุกขึ้นเต็มความสูง ถึงจะดูมีอายุแต่ใบหน้าคมคายกับดวงตามีมุ่งมั่นนั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับอายุที่ดูแล้วน่าจะปาเข้าไปห้าสิบกว่าๆ
ชายสูงอายุตรงหน้าก้มศีรษะขอโทษลงเล็กน้อยทำให้มินซอกต้องก้มตาม ชายสูงอายุจัดการปัดเศษฝุ่นที่ติดตามตัวและผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลเข้มออกให้หมด มองร่างบางและส่งยิ้มมาให้ก่อนจะเอ่ยขอโทษอีกครั้ง
"ขอโทษอีกครั้งนะพ่อหนุ่ม พอดีร้านนี้ไม่ค่อยมีคนแวะมาน่ะฉันเลยตกใจเล็กน้อยขอโทษนะ"
"ฮะๆ ไม่เป็นไรครับคือผมอยากจะขอดูหนังสือสักเล่มสองเล่มได้ไหมครับ?"
"ได้สิแล้วพ่อหนุ่มอยากจะดูหนังสือประเภทไหนล่ะ?"
"ขอเป็นนิยายแนวแฟนตาซีน่ะครับ"
ชายลูงอายุย่นคิ้วก่อนจะล้วงลงไปในกระเป๋าผ้ากันเปื้อนหยิบเอากระดาษเล็กแผ่นยาวออกมากก่อนจะพ่นลมหายใจให้มินซอกได้ฉงนใจ "ขอโทษทีนะพ่อหนุ่มนิยายแฟนตาซีส่วนมากก็จะเป็นแนวรักเสียส่วนใหญ่น่ะ"
มินซอกยิ้มบางให้กับคนสูงวัยตรงหน้าก่อนจะเอ่ยตอบและวางกระเป๋าสะพายของตนไว้กับเกาอี้ตัวสูงของร้าน "ไม่เป็นไรครับได้หมดทุกแนวขอมีแฟนตาซีก็พอ"
"งั้นเดินไปสุดทางร้านเลยนะส่วนใหญ่มันจะอยู่ตรงนั้นแหละ อยากได้เพิ่มบอกนะฉันจะรออยู่เคาร์เตอร์"
มินซอกยิ้มขอบคุณเจ้าของร้านก่อนจะเดินตรงไปตามทางที่บอกไว้ หนังสือเล่มหนาถูกวางเรียงรายไว้อย่างละรานตา มุมปากบางยกยิ้มเล็กน้อยลงมือหาหนังสือถูกใจตนมากที่สุด
ใช้เวลาไม่นานมินซอกก็เดินออกมาพร้อมหนังสือเล่มหนาสองสามเล่มชายสูงอายุมองคนตรงหน้าก่อนจะคลี่ยิ้มให้อย่างเอ็นดู "หนังสือถูกใจไหมพ่อหนุ่ม?"
"ก็มีบ้างครับแต่มันยังไม่ถูกใจที่สุด"
"โอวจริงเหรอแย่จังเลยนะ เอางี้นะฉันมีหนังสือแนะนำเล่มหนึ่งฉันว่าฉันวางมันไว้ตรงนี้นี่น่า"
ชายสูงอายุว่าพร้อมก้มตัวลงไปยังภายใต้เคาร์เตอร์พร้อมเสียงกรุกกรักพยายามหาของบางสิ่งบางอย่าง ไม่นานก็ลุกขึ้นมาพร้อมหนังสือเล่มไม่หนามากปกแข็งสีเขียวเข้มที่ไม่มีแม้กระทั่งชื่อเรื่องเหมือนหนังสือทั่วไปของร้าน คิ้วบางขมวดเข้าหากันก่อนจะรับหนังสือเล่มนั้นมาดู
"อ่าฉันว่าเธออย่าเพิ่งเปิดดีกว่านะ"
"ทำไมล่ะครับ?" มือบางที่จะเปิดหนังสือออกเพื่ออ่านเนื้อหาในคร่าแรกต้องหยุดเมื่อเสียงห้ามมาพร้อมมือกว้างที่คว้าหนังสือไว้กับตน "หนังสือเล่มนี้น่ะมันเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ"
"ก็ผมต้องการแนวนี้อยู่แล้วนี่ครับ"
"มันเหนือกว่านั้นน่ะสิ เขาว่ากันว่าหนังสือเล่มนี้ถูกเขียนด้วยกามเทพหากใครได้ลองอ่านดูแล้วจะต้องพบเรื่องที่ไม่น่าเชื่อน่ะสิ"
มินซอกพยักหน้ารับคำพูดของชายสูงอายุแสร้งทำเป็นเชื่อเรื่องน่าอัศจรรย์นั่น ก็เขามันคนรุ่นใหม่นี่น่าจะให้เชื่อเรื่องแบบนี้น่ะเป็นไปไม่ได้หรอก "ฉันเชื่อนะถ้าเธอรับเล่มนี้ไปเธอต้องได้สิ่งที่มากกว่าที่เธอหวังไว้เสียอีก"
มินซอกรับหนังสือมาอีกครั้งพร้อมจับดูหนังสือพลิกหน้าหลังก่อนจะวางรวมกับหนังสือที่เขาเลือกมา รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของเจ้าของร้านชายสูงอายุจัดการรับหนังสือมาห่อกับกระดาษสีน้ำตาลสร้างความแปลกใจให้กับร่างบางแต่กระนั้นมินซอกตงไม่คิดอะไรแค่คิดว่าคงเป็นแนวของร้าน
"ไหนๆเธอก็มาอุดหนุนร้านฉันแล้วงั้นฉันแถมปากกาด้ามนี้ให้นะ ถ้าอยากเขียนอะไรก็ลองใช้มันเขียนดูนะ"
มินซอกยิ้มขอบคุณให้กับน้ำใจของเจ้าของร้านหนังสือจัดการเรื่องค่าหนังสือก่อนจะเดินหยิบกระเป๋าของตนเอง มินซอกเตรียมก้าวขาออกจากร้านไปแต่ก็ต้องหยุดเมื่อได้ยินเสียงเรียกรั้ง
"อย่าลืมล่ะลองใช้ปากกานั่นดูด้วยนะ"
"ครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับคุณ...เอ่อ"
"อี้ฟาน ฉันชื่ออู๋อี้ฟาน" มินซอกยิ้มตอบรับอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากไปพร้อมหนังสือเดินได้ไม่กี่ก้าวร่างบางก็ต้องหมุนตัวกลับไปเพื่อขอเบอร์ติดต่อเผื่อว่าเขาอาจจะเป็นลูกค้าประจำของคุณลุงอี้ฟานก็ได้ แต่สิ่งที่มินซอกพบเห็นมีเพียงความว่างเปล่าของช่องตึกเขาจำได้ว่าเพิ่งออกมาจากตรงช่องว่างนั่นแน่ๆและที่สำคัญร้านหนังสือที่เขาเพิ่งซื้อมามันหายไป
เวลาล่วงเลยผ่านมาจนอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแสงไฟจากภายในห้องสี่เหลี่ยมของบ้านสองชั้นถูกเปิดให้สว่างขึ้น มินซอกให้เวลาทั้งวันในการอ่านหนังสือที่ซื้อมาจากร้านปริศนาของคุณลุงอี้ฟาน ร่างบางยืดตัวเล็กน้อยให้น้อยให้คลายความเมื่อยล้า ปิดหนังสือเล่มที่สองที่อ่านจบไปก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้
บิดตัวเล็กน้อยก่อนจะเตรียมเดินไปยังห้องน้ำภายในห้องแต่ดวงตากลมเหลือบไปเห็นหนังสืออีกเลิมที่วางอยู่บนเตียงนอน มินซอกไปหยิบหนังสือเล่มนั้นมาก่อนจะมานั่งยังเก้าอี้ของโต๊ะเขียนหนังสืออีกครั้ง ดวงตากลมมองออกไปนอกหน้าต่างก่อนจะตัดสินใจลงมือเปิดหนังสือเล่มนั้นออก
"กรุณาระบุตัวละคร?"
มินซอกยิ้มให้กับตนเองก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบปากกาแต่ก็ต้องชะงักไป คำพูดของชายสูงอายุลอยเข้ามาในหัวของมินซอกกระทันหันมินซอกหยิบเอาปากกาที่อี้ฟานแถมมาให้ มองลงมายังหน้าว่างที่มีข้อความระบุไว้แค่ให้กำหนดตัวละครมุมปากบางยกยิ้มก่อนจะเริ่มใช้ปากกาด้ามนั้นขีดเขียนลงบนแผ่นกระดาษสีขาว
มินซอกวางปากกาลงข้างหนังสือมองดูผลงานของตนเองก็ได้แต่ยิ้มก็เขาวาดตัวเองลงไปนี่น่า มองจนพอใจมือบางก็พลิกหน้ากระดาษถัดไปและเริ่มลงมืออ่านหนังสือเล่มนี้
'กาลครั้งหนึ่งมีดินแดนแห่งหนึ่งถูกซ้อนจากโลกภายนอกด้วยกำแพงเวทมนต์ของกามเทพ ดินแดนแห่งนี้มีแต่เรื่องน่าอัศจรรย์ใจให้พบเห็น ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่มีชีวิตชาวเมืองทุกคนสามารถสื่อสารกับธรรมชาติได้'
'แต่ดินแดนที่สงบสุขนี้กลับประสบปัญหาการถูกรุกรานจากพวกอวะมนุษย์ ชาวเมืองต่างหวาดกลัวหลบหนีทำให้เมืองที่เคยสงบสุขต้องกลับกลายเป็นเมืองแห่งความหมองมน พระราชาจนปัญญากับปัญาที่พบเจออยู่ทำให้เจ้าชายของเมืองอย่าง คิมจงแด ต้องตัดสินใจแอบออกจากเมืองไปต่อรองกับพวกอวะมนุษย์'
'เปรี้ยง!'
มินซอกสะดุ้งตัวเพราะจู่ๆเสียงฟ้าฝ่าก็ดังขึ้นพร้อมกับสายฝนที่ถูกเทกระหน่ำลงมาจากไหนไม่รู้ บรรยากาศรอบตัวของมินซอกมันเย็นลงอย่างกระทันหันร่างบางมองไปหน้าต่างของห้องพรางคิดในใจว่าหน้าหนาวทำไมฝนถึงเทลงมาผิดฤดูขนาดนี้ แต่สนใจได้สักครู่มินซอกก็หันกลับมาสนใจหนังสือตรงหน้าแทน
'เจ้าชายได้รับข้อต่อรองทางเลือกความสงบสุขของเมืองกับหัวใจของเจ้าชาย ไม่รอช้าเจ้าชายตกลงโดนทันทีนั่นเป็นเหตุทำให้บ้านเมืองพบเจอความสงบสุขอีกครั้ง แต่เจ้าชายจงแดกลับไม่เป็นอย่างเดิม'
'จากเจ้าชายผู้เป็นที่รักและอบอุ่นกลับต้องกลายมาเป็นเจ้าชายผู้แข็งกร้าวและเย็นชา คำสาปได้เล่นงานเจ้าชายอย่างสมบูรณ์แบบ สุขกายแต่ไม่สุขใจเจ้าชายเฝ้ารอนับวันหาใครสักคนให้ลบล้างคำสาป ใครสักคนที่มาจากแดนไกล...'
'ตึง'
มินซอกละสายตาจากหนังสือเล่มหนามองไปยังประตูห้องนอนของตัวเอง เสียงดังตึงตังยังคงดังให้ได้ยินเป็นระยะๆจนมินซอกจนไม่ไหว ร่างบางลุกจากเก้าอี้ก้าวเดินไปหยิบไม้กวาดในห้องมาถือไว้ก่อนจะเดินย่างสุขุมไปยังประตูห้อง มือบางที่ติดจะสั่นเล็กน้อยเอื้อมไปยังกรประตูค่อยๆหมุนช้าๆ
'แกร๊ก'
ทันทีที่ประตูถูกเปิดออกแสงสว่างโล่ก็สาดส่องออกมาจากประตูชวนให้แสบตามินซอกยกมือขึ้นมาบังแสงที่ส่องมาก่อนจะก้าวเท้าเดินไปข้างหน้า แสงสว่างเริ่มจางลงมินซอกปรับโฟกัสสายตาก่อนจะลดมือลง
ธรรมชาติโอบล้อมรอบตัวของมินซอกทุ่งหญ้าสุดลูกหูลูกตามีเหล่าต้นไม้ใหญ่ปิดล้อมรอบ ธรรมชาติที่สดชื่นชวนให้คนตัวเล็กหลงไหลไปกับบรรยากาศแต่มินซอกก็นึกว่ามาได้ว่าตนโผล่มาที่นี่ได้กัน มินซอกหันตัวกลับไปเพื่อหวังจะกลับเข้าห้องแต่กลับพบว่ามันเป็นเพียงทุ่งหญ้าที่โอบล้อมเขาเอาไว้
'ชิบหายแล้วมินซอก...จะกลับยังไงล่ะทีนี้'
'พรึบ'
มินซอกหันไปรอบตัวปรายยอดหญ้าพริ้วไหวเป็นร่องรอยของบางสิ่งบางอย่างมินซอกกำไม้กวาดในมือในแน่นขึ้นชูมันขึ้นเหนือศีรษะหมายจะฟาดสิ่งที่กำลังมารุกราน "อ๊ะ!"
ไม้กวาดในมือบางถูกบางสิ่งหยิบฉวยไปมินซอกหันไปทางด้านหลังของตนยกชูกำปั้นขึ้นเตรียมชกเต็มแรง แต่ภาพเบื้องหน้าของร่างบางกลับเป็นชายหนุ่มหน้าคม ดวงตาทรงเสนห์ มุมปากที่ยกเป็นกระจับ ร่างกายที่ดูกำยำแต่พอควร ดวงตากลมเบิกกว้างมองชายตรงหน้าอย่างตกตะลึง
"ไม่เคยเห็นคนหรือไงกัน?"
คนที่เขาหน้าตาดีต้องพูดจาแบบนี้หรือไงกันมินซอกลดมือลงก้าวถอนหลังเว้นระยะห่างของตนกับชายแปลกหน้าไว้พอสมควร ดวงตาคมยังคงจับจ้องคนตัวเล็กไมีวางตาไล่สายตามองร่างบางทั้งตัวนึกแปลกใจว่าคนตรงหน้านี่มาจากไหนกันแต่งตัวประหลาดสิ้นดี
"ไม่เคยเห็นคนหรือไงกัน?!"
ร่างสูงผงะกับคำพูดของตรงหน้าเล็กน้อยก่อนจะแค่นยิ้มออกมา มินซอกมองชายแปลกหน้าอย่างไม่พอใจ เหอะพูดจาก็ไม่ดีแต่งตัวก็ประหลาดอย่างกับหลุดออกมาจากนิยายแฟนตาซีอย่างนั้นแหละ
"เจ้าชาย! เจ้าชายจงแด"
เจ้าชายจงแด? ทำไมชื่อมันถึงคุ้นๆนักล่ะ ร่างสูงหันไปตามเสียงเรียกมองคนมาใหม่พร้อมสายตาไม่พอใจที่ส่งไปให้ มินซอกหันมองตามร่างสูงก่อนจะเจอกับชายตัวขาวสูงไม่ต่างจากเขาวิ่งมายังเขาสองคน
"มีอะไรจุนมยอน?"
"พระราชาทรงให้ตามพะย่ะค่ะ...เอ่อกระห่อมไม่รู้ว่าพระองค์มีแขก"
"แขก? เหอะ" รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากกระจับก่อนที่จงแดจะเดินเลียงออกไป ทิ้งให้จุนมยอนยืนงงกับภาพตรงหน้าแตีคนที่งงกว่าจุนมยอนหลายเท่าเห็นทีคงจะเป็นมินซอกเนี่ยแหละ "อ่อจุนมยอน พาแขกเราไปด้วยสิฝากด้วยนะ"
'นั่นไงงงหนักกว่าเก่าอีก'
"เจ้ามาจากที่ไหนกัน? ชื่ออะไร?แล้วทำไมถึงแต่งตัวประหลาดนักเล่า?"
จุนมยอนเดินตรงมาหามินซอกก่อนจะจับคนตัวเล็กให้หมุนไปรอบๆเพื่อสำรวจคนต่างถิ่น มินซอกสะบัดตัวให้หลุดจากจุนมยอนก่อนจะยกมือห้ามให้อีกคนหยุดการกระทำ
"โอ๊ยพอๆเวียนหัวจะอ้วกแล้ว ผมชื่อมินซอกมาจากโซล...เอ่อ...เกาหลีใต้น่ะเกาหลีใต้คุณ...รู้จักไหม?"
"เกาหลีใต้? เองอย่างนี้แล้วกันเจ้ามากับข้าก่อนแล้วกันข้าจะดูในตำราให้ว่าเมืองที่เจ้ามามันอยู่ทางทิศใดแล้วกันนะมินซอก มาสิ"
จุนมยอนออกเดินนำหน้ามินซอกไปทำให้มินซอกต้องรีบเดินตามหลังของจุนมยอนไปติดๆ เดินไปได้สักพักจุนมยอนก็ยกมือขึ้นมาวาดเป็นวงกลมก่อนจะปรากฏต้นไม้ใหญ่ที่มีโพรงโปร่งขนาดใหญ่ มินซอกมองอย่างตกตะลึงกับวิ่งที่เกิดขึ้นเห็นจุนมยอนเดินเข้าไปโพรงโปรงแล้วหายลับไปกับตา มินซอกหยุดเดินและมองสำรวจต้นไม้ใหญ่อย่างสงสัย
มือบางยื่นออกไปข้างหน้าให้ปลายนิ้วเข้าไปยังโพรงโปร่งนั่น มินซอกดึงมือกลับมาก่อนจะพบว่าที่ปลายนิ้วมีผีเสื้อสีสวยเกาะนิ้วของตนมาด้วย ริมฝีปากบางวาดยิ้มขึ้นมาก่อนจะก้าวเดินเข้าไปในโพรงไม้ แสงสว่างร่ารอบตัวแค่ชั่ววูบก่อนภาพเบื้องหน้าจะปรากฏให้เห็นเป็นเมืองขนาดเล็ก
มินซอกตามจุนมยอนก่อนจะเดินไปด้วยกัน ดวงตากลมมองบรรยากาศรอบๆอย่างสนอกสนใจ ทุกสิ่งดูแปลกตาสำหรับมินซอกมากผู้คนที่อาศัยอยู่มองผู้มาเยือนใหม่อย่างแปลกตา จุนมยอนพามินซอกเดินเข้ามายังภายในตัวปราสาทเล็กๆ
จุนมยอนและมินซอกเดินมายังภายในห้องโถงของปราสาทเบื้องมีชายและหญิงสูงอายุดูน่าเคารพนั่งบนเก้าอี้ที่มินซอกคิดว่าน่าจะเป็นบังลังค์
"นี่น่ะหรือแขกของจงแด?"
"ใช่แล้วพะย่ะค่ะ" เป็นราชินีที่เอ่ยขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตร จุนมยอนคุกเข่าลงทำให้มินซอกต้องทำตาม ร่างบางมองก้มต่ำลงกับพื้นไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองใครในปราสาท "งั้นเดี๋ยวข้าพาเจ้าไปพักผ่อนก่อนดีกว่าคงจะเดินทางมาไกลสินะมาสิ"
ราชินีว่าพร้อมยืนขึ้นก่อนจะเดินมายังมินซอกและพยุงให้ร่างบางยืนขึ้นและเดินไปด้วยกัน คล้อยหลังราชินีและมินซอกสายตาจากผู้ปกครองเมืองสูงสุดยังคงจับจ้องมาที่จุนมยอน
"นี่น่ะหรือคนที่ทำให้จงแดยิ้ม?"
"ใช่แล้วพะย่ะค่ะ ข้ากระหม่อมตาไม่ฝาดแน่ๆเห็นมากับตา เจ้าชายทรงยิ้ม ยิ้มเลยนะพะย่ะค่ะ"
จุนมยอนว่าพร้อมกับเอานิ้วมาชี้ที่มุมปากและยกยิ้มให้กับผู้ปกครองเมืองเห็นว่าสิ่งที่ตนพูดเป็นความจริงทั้งหมด ก็ใครๆในเมืองต่างก็รู้ว่าเจ้าชายจงแดน่ะถูกคำสาปรอยยิ้มที่เคยประดับบนใบหน้าหัวใจที่มีมันหายไปจากเจัาชายมานานแสนนาน แต่วันนี้กับตรงข้ามสิ้นเชิงรอยยิ้มที่ไม่มีคาดว่าไม่น่าจะเห็นกลับปรากฏบนใบหน้าคมอีกครั้ง
จงแดยกมือทาบที่หน้าอกด้านซ้ายของตนเอง ความรู้สึกที่ไม่เคยรู้สึกมานานแสนนานแต่วันนี้มันกลับมาทำให้รู้สึกอีกครั้ง 'ใจเต้น' หัวใจยังคงส่งเสียงไม่หยุดจังหวะการเต้นยิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆเมื่อยิ่งนึกถึงเจ้าของรอยยิ้มนั่น คนปริศนา
ร่างสูงเดินมายังระเบียงของห้องสายตาคมเหลือบมองไปเห็นมารดาของตนเองเดินอยู่ที่สวนย่อมของปราสาทกับคนแปลกหน้าแต่ที่ดูแปลกคงจะเป็นคนแปลกหน้าที่เปลี่ยนจากชุดประหลาดนั่นให้เหมือนกับผู้คนในเมืองแห่งนี้ ฝีมือเสด็จแม่สินะ ไม่รอช้าจงแดตวัดมือขึ้นก็ปรากฏเถาวัลย์ขนาดใหญ่จากพื้นสูงขึ้นมายังระเบียงห้องที่ร่างสูงยืนอยู่
จงแดขึ้นไปเหยียบยบเถาวัลย์ก่อนจะตวัดมือลงให้เถาวัลย์ได้หดลงไปกับพื้น จงแดเดินตรงไปยังที่มารดาของตนและคนแปลกหน้ายืนอยู่ ดวงตาคมสวยของราชินีมองเห็นลูกชายของตนเองกำลังเดินมาก็ส่งยิ้มให้บางๆก่อนจะขอตัวกับมินซอกและเดินจากไป
มินซอกส่งยิ้มให้กับราชินีอีกครั้งก่อนจะมองให้ทั่วสวนย่อมของปราสาทมันซึ่งดูสวยแปลกตาไม่เหมือนกับสวนที่เขาเคยเห็นที่ไหนได้อารมณ์ของนิยายโบราณของอังกฤษมากๆและมินซอกก็ชอบ
"ยิ้มอะไรของเจ้าไม่ทราบ?"
มินซอกหันไปตามเสียงเรียกก็ได้ถอนหายใจออกมาดวงตากลมพยายามกวาดมองบรรยากาศของที่นี่ให้มากที่สุดแต่ดูเหมือนมันจะเป็นการเรียกอารมณ์จากคนข้างๆแทน มือหนายกขึ้นจับไหล่ของอีกคนให้หันมาคุยด้วยกันดีๆแต่ดูเหมือนเจ้าชายของเมืองนี้จะใส่แรงมากไปหน่อย
"โอ๊ย! ฉันเจ็บนะนายบ้าหรือเปล่าห๊ะ"
"ก็ข้าคุยกับเจ้าดีๆแต่เจ้าทำมาเป็นไม่สนใจข้าเอง แล้วนี่อะไรเป็นผู้ชายซะป่าวตัวกลับบอบบางแรงน้อยแถมผิวหรือหน้าตาเจ้าไม่ได้มีความเป็นผู้ชายเลย"
"แล้วมันหนักอะไรนายไม่ทราบฉันก็เป็นผู้ชายแบบนี้แหละจะทำไม?!" มินซอกหันมาขึ้นเสียงใส่กับจงแดถึงจะรู้ว่าตนเองมีรูปลักษณะเป็นยังไงแต่ความเป็นผู้ชายมันก็มีอยู่ในตัวเขาเหมือนกันเพระฉะนั้นไม่มีใครมีสิทธิ์มาดูถูกเขา
"เจ้าพูดจริง? ถ้าหากว่าเจ้าไม่เสียงห้าวข้าคงนึกว่าเจ้าคงจะถูกสาปหรือไม่ก็เป็นหญิงปลอมตัวมา หรือว่าเจ้าถูกสาปกันเช้าเป็นชายกลางคืนเป็น....หญิง"
จงแดเอ่ยพร้อมเดินเข้าใกล้คนตัวเล็กเรื่อยๆส่งสายพิสวาทพร้อมคำพูดสุดท้ายก่อนจะได้รับฝ่ามือของมินซอกเข้ามาที่ใบหน้าเต็มๆ มินซอกออกแรงผลักให้อีกคนออกห่างจากตนเองก่อนจะเดินหนีไปอีกทาง จงแดเซไปตามแรงผลักดวงตาคมมองตามอีกคนที่เกินไกลออกไป
มือหนายกทาบให้พอดีกับร่างบางที่เดินอยู่ก่อนจะตวัดเล็กน้อยร่างของมินซอกทั้งร่างก็ถูกรากไม้ที่งอกจากพื้นดินมาพันตัวไว้ ใบหน้านวลหันไปมองคนที่เดินมาอย่างสบายอารมณ์ "ปล่อย!"
"เจ้าว่าอะไรนะข้าไม่เห็นได้ยินเลย?" จงแดแสร้งทำเป็นยกมือมาป้องหูโน้มตัวเข้าหามินซอกทำเป็นไม่ได้ยินในสิ่งที่มินซอกบอก ใบหน้านวลขึ้นสีด้วยกความโกธรจัดพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธะการแต่ดูเหมือนพยายามดิ้นมากเท่าไรเสียงหัวเราะอีกดังขึ้นเท่านั้น
"เสียเวลาเปล่าน่ะเจ้านี่ตลกดีนะ ไปเที่ยวกันไหมข้ามีที่สวยๆให้ดูด้วยนะ"
มินซอกหยุดนิ่งมองคนที่ยืนมองตนเองอยู่สายตาเจ้าเหล่พร้อมรอยยิ้มเลศนัยถูกส่งมาให้แต่ไม่ทันที่มินซอกจะได้คิดตอบจงแดก็คลายพันธะนาการให้มินซอกพร้อมคว้าข้อมือบางให้มายืนที่ขอบรั้วของปราสาทด้วยกัน มินซอกมองลงยังเบื้องล่างก็เห็นเพียงแต่น้ำตกสูงชันที่อยู่ข้างตัวปราสาท
มินซอกเตรียมที่จะถอยหนีแต่ก็โดนมือหนาคว้าเอาไว้ที่เอวบางของตน มินซอกส่งสายตาไม่พอใจให้คนข้างตัวแต่ก็ได้รับสายตาเจ้าเหล่กลับคืนมา ไม่ทันทีจะเอ่ยคำด่าอะไรตัวทั้งตัวของมินซอกก็ถูกดึงให้ล่วงลงสู่เบื้องล่างพร้อมจงแด ดวงตากลมปิดสนิทในใจภาวนาให้สิ่งที่เกิดเป็นแค่ฝันเพราะไม่งั้นเขาคงได้ตายก่อนอายุสามสิบแน่ๆ
มือบางกุมเข้ากับเสื้อของอีกคนไว้แน่นทำให้จงแดเหลือบมองคนในอ้อมกอดก่อนจะระบายยิ้มออกมา ก่อนที่ร่างทั้งสองร่างจะถึงพื้นจงแดยกมือวาดเป็นวงกลมให้สายลมได้พัดพาใบไม้มารวมตัวกันใต้ร่างก่อนจะเกิดเป็นเรือใบไม้ขนาดย่อมที่พาคนสองคนลงสู่พื้นน้ำอย่างนิ่มนวล
"เจ้าจะจิกเสื้อข้าให้ขาดเลยหรือไงกัน?"
มินซอกค่อยๆลืมตาขึ้นพร้อมกับเบิกกว้างกับเรือใบไม้ที่น่าอัศจรรย์ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มออกมากับสิ่งที่เห็นโดยไม่รู้ตัวเลยว่าตนตกเป็นเป้าสายตาของคนที่กอดตนไว้ล้วมๆ จงแดโบกมือข้างตัวเรือเพียงนิดเดียวสายน้ำก็พัดพาเรือให้ล่องลอยไปตามกระแสน้ำอย่างช้าๆ เมื่อรู้สึกตัวว่าตนเองดื่มด่ำกับธรรมชาติและสิ่งตระการตามากเกินไปมินจึงรีบถอยตัวออกจากจงแดทันที
แต่ด้วยขนาดของเรือที่ไม่ใหญ่มากทำให้มินซอกทำได้เพียงลุกออกจากอ้อมกอดเท่านั้น จงแดลอบยิ้มออกมากับท่าทางของมินซอกก่อนจะเชิดหน้าเป็นเชิงให้มินซอกได้มองไปข้างหน้า ร่างบางทำตามที่จงแดบอกก่อนจะได้ตกตะลึงกับธรรมชาติรอบๆตัว
--------------------------------------------------------
ชะแว้บกลับมาอัพแล้วนะค้า
ขอบอกเลยว่าคิดฟิคก็ไม่ออกแถมยังวุ่นกับชีวิตมากๆ TT
ยังจะมีใครรออ่านฟิคเราอยู่เปล่าหนอ
ยังไงก็ฝากด้วยนะคะมาถึงครึ่งทางแล้วฟิคยาวยังรออีกบึ้ม
@Cminor2199
#CMมีอยู่จริงหรือเปล่า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น