ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Photograph memory (จบแล้ว)

    ลำดับตอนที่ #13 : Photograph memory -13-

    • อัปเดตล่าสุด 24 พ.ย. 57


     
    Photograph memory -13-
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     







     
     
     
     หัวใจเจ็บเกินจะเยี่ยวยาเรี่ยวแรงหายไปหมดหรือนี่จะเป็นผลมาจากสิ่งที่เรียกว่า'ความรัก' ทรมานมันทรมานมากที่สุด ผมนอนมองเพดานห้องบนเตียงในหอของตัวเองโดยมีเฉินลูกหมาบีเกิ้ลนอนอยู่ข้างๆ
     
     ผมไม่อยากออกไปเผชิญโลกภายนอกไม่อยากให้ใครมายุ่งกับชีวิตเลยบอกลู่หานใหัไปบอกคนอื่นที่ถามหาผมว่าผมกลับบ้านเกิดที่ต่างจังหวัด โดยเฉพาะใครบางคนที่เที่ยวมารอที่หอผมเป็นประจำ
     
     "ฉันควรจะทำไงดีล่ะเฉิน?"
     
     ผมหันนอนตะเเคงข้างมามองบีเกิ้ลตัวน้อย มันส่งสายตาบริสุทธิ์มาให้ผมเขยิบตัวขึ้นมาเลียหน้าผม ทำให้ผมยิ้มออกมากับการกระทำของมัน
     
     เสียงโทรศัพท์ของผมแฝดเสียงดังไปทั่วห้องเอื้อมมือไปหยิบมาดูเบอร์โทรเข้าก็เป็นลู่หานที่โทรเข้ามา กดรับสายอีกฝ่ายแต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรลู่หานก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน
     
     "ฉันเข้าไปได้ไหม?"
     
     ผมลุกจากเตียงเดินไปยังประตูหน้าห้องก่อนจะค่อยๆเปิดประตูให้ลู่หานและกดวางสายทิ้ง ลู่หานเดินเข้ามาให้นอนของผมพร้อมส่งกระดาษขนาดนามบัตรมาให้ผม
     
     "อะไร?"
     
     ผมรับมาพร้อมก้มอ่านตัวหนังสือที่ปรากฏให้เห็น "คืนพรุ่งนี้จะมีงานโชว์แกลลอรี่ของพวกจงแด จงแดฝากฉันให้มาให้นายและบอกอีกว่าไปให้ได้นะ"
     
     ผมเม้นริมฝีปากเข้าหากันมองลู่หานสลับกับบัตรเชิญในมือ สมองสั่งให้หยุดแต่ใจกลับโหยหา "แล้วแต่นะฉันไม่ขอแสดงความคิดเห็นอะไรทั้งสิ้น"
     
     ลู่หานเอ่ยจบก็เดินออกจากห้องผมไปทิ้งให้ผมยืนมองบัตรเชิญอยู่คนเดียว เฉินเจ้าลูกหมาบีเกิ้ลวิ่งออกมาจากห้องนอนของผมก่อนจะหยุดข้างๆผมและวางหน้ามันลงบนเท้าของผมอย่างออดอ้อน
     
     ผมก้มตัวลงไปอุ้มมันขึ้นมาไว้ในอ้อมกอดเดินไปยังโซฟาตัวเล็กทิ้งตัวนั่งลงโดยมีเฉินอยู่ตัก สายตาจับจ้องไปยังบัตรเชิญแต่ก่อนจะได้คิดอะไรไปไกลเสียงข้อความโปรแกรมแชทก็ดังซะก่อน
     
     'จงแด'
     
     ผมตัดสินใจเปิดดูข้อความที่จงแดส่งมาก่อนจะได้คิดหนักกว่าเดิม 
     
     'ฉันขอโทษนะมินซอก แต่พรุ่งนี้ก็ถึงงานแกลลอรี่ของฉันแล้วฉันอยากให้มินซอกมายืนดูรูปข้างๆฉันจัง ถ้ามินซอกอ่านอยู่ฉันอยากบอกให้รู้ว่าฉันคิดถึงและขอโทษ ฉันอยากให้มินซอกมาจริงๆนะ ฉันมีสิ่งสำคัญที่อยากจะให้มินซอกดู ฉันขอโทษ'
     
     ข้อความยาวเหยียดถูกอ่านทีละบรรทัดอย่างช้า หยาดน้ำใสเริ่มเอ่อล้อมรอบดวงตา ผมควรจะตามอะไรดีระหว่างสมองและหัวใจ
     
     ผมควรจะยกโทษง่ายๆแล้วกลับมาเป็นเหมือนเดิมหรือปล่อยให้เรื่องของเรามันจบไป ต่างคนต่างอยู่กลับไปจุดเริ่มต้นตอนที่ยังไม่รู้จักกันไม่เคยพบเจอกันไม่เคยเห็นหน้ากันไม่เคย....'รัก'
     
     หยาดน้ำใสไหลรินจากดวงตาไม่ขาดสายเสียงสะอื้นไห้ดังไปทั่วห้อง บนหน้าจอโทรศัพท์ยังคงปรากฏข้อความของร่างสูงยิ่งมองน้ำตาก็ยิ่งไหล
     
     "กูได้ยินจริงๆนะเว๊ยชานยอล"
     
     "แล้วมึงจะยุ่งทำไมล่ะถ้าเป็นผีขึ้นมาทำไง?"
     
     "วิ่งดิ!"
     
     เสียงเถียงกันดังขึ้นใกล้ๆกับหน้าห้องผม ผมปาดน้ำตาออกอย่างลวกก่อนจะอุ้มเฉินและเดินไปที่ประตูห้อง แต่ก่อนที่จะปิดประตู ประตูห้องก็ถูกเปิดออกโดยเลย์และชานยอล
     
     "มินซอก!!!!"
     
     เลย์พุ่งเข้ามาหาผมพร้อมกับจับตัวของผมให้หมุนก่อนจะโผเข้ากอดเต็มแรง "ไหนลู่หานบอกมินซอกหายตัวไป"
     
     ชานยอลพูดพร้อมดึงตัวเลย์ออกจากผม ยิ่งเห็นเขาทั้งสองคนผมก็ยิ่งคิดถึงเพื่อนอีกคนของพวกเขายิ่งคิดถึงเพื่อนของพวกเขาน้ำตาก็ยิ่งไหล
     
     "เฮ้ยมินซอกร้องไห้ทำไม?"
     
     เลย์ว่าพร้อมดึงเฉินออกจากผมชานยอลที่ยืนข้างหลังเลย์ก็เดินเข้ามาผมก่อนจะยกขึ้นตบไหล่พร้อมส่งผ้าเช็ดหน้ามาให้ ผมรับผ้าเช็ดหน้าของชานยอลมาซับน้ำตาของตัวเองแต่น้ำตากลับยิ่งไหลมากกว่าเดิม
     
     "เฉินนี่มันเลวจริงๆ มินซอกไม่ต้องห่วงนะฉันซัดมันให้แล้ว"
     
     "เลย์...ฮึก...ท..ทำ..อะไร..ฮึก..จงแด?"
     
     "ยังห่วงมันอีกเหรอ!"
     
    "เลย์! พอเหอะน่า"
     
     ชานยอลพูดห้ามปรามเลย์พร้อมโอบไหล่ผมและโยกไปมาอย่างปลอบใจ "ทำอะไรกันน่ะ?"
     
     เสียงหวานของผู้หญิงเอ่ยขึ้นอยู่หน้าห้องก่อนจะโผล่หน้ามาดูในห้องของผม ใบหน้าสวยน่ารักที่จำได้ไม่ลืมผู้หญิงคนนั้นที่อยู่กับจงแด
     
     เธอดูจะอึ้งเล็กน้อยที่เห็นผม "พี่ลี่อินมาก็ดีและว่าจะขึ้นไปเคลียอยู่พอดี"
     
     ผมเช็ดน้ำตาออกพยายามกลืนเสียงสะอื้นปรับเสียงพูดใหัเป็นปรกติ 
     
     "พี่ลี่อิน?"
     
     ทั้งเลย์และผู้หญิงคนนั้นหันมองหน้าผมพร้อมกัน ผู้หญิบคนนั้นส่งยิ้มน้อยๆมาให้ผม "ใช่จ้ะพี่ชื่อลี่อิน เป็นพี่ของเลย์"
     
     พี่ของเลย์ เลย์มีพี่สาวด้วยเหรอ?แต่ผมจำได้ขึ้นใจว่าผู้หญิงคนคือคนเดียวกับที่จงแดซื้อแหวนให้ "เอ่อจริงสิมินซอกไม่เคยเจอพี่ลี่อินนี่"
     
     ชานยอลเอ่ยขึ้นพร้อมมองผม ผมหันมองหน้าทุกคนสลับกันความคิดตีกันยุ่งเหยิงจนปวดหัว "อย่าโกธรจงแดเลยนะ" พี่ลี่อินเอ่ยพร้อมเดินเข้ามาผมก่อนจะกุ้มมือของผมเอาไว้บีบเบาๆอย่างให้กำลังใจ
     
     "วันนั้นพี่บังเอิญเจอจงแดแล้วเขาก็อาสาจะมาส่งพี่ที่หอแต่มีข้อแม้ว่าต้องช่วยเลือกของให้น่ะ พี่จะอธิบายให้เราฟังแล้วแต่จงแดไม่ยอม"
     
     น้ำตาเริ่มเอ่อนองดวงตาอีกครั้งก่อนจะไหลตีอหน้าพี่ลี่อินอย่างไม่อาย นิ้วเรียวยกขึ้นมาเกลี่ยน้ำให้ผมอย่างแผ่วเบา
     
    "ดูสิต้องมาทำให้คนน่ารักอย่างเราร้องไห้ จงแดอธิบายยังไงเนี่ยน่าตีจริงๆ"
     
     ผมก้มหน้าลงร้องไห้ยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองโดยมีสายตาห่วงใยและขอโทษจากพี่ลี่อินมองอยู่ "พี่สนิทกับจงแดเพราะเลย์นะ ไม่เคยคิดมากกว่าน้องชายจริงๆอีกอย่าง..พี่มีแฟนแล้วด้วยนะ"
     
     ผมเงยหน้าก่อนจะปล่อยโฮออกมาพี่ลี่อินดึงผมเข้าไปกอดปลอบมือเรียวลูบหัวของผมเบาๆอย่างอ่อนโยน
     
     "รอยยิ้มมันเหมาะบนใบหน้าเรามากกว่าน้ำตานะ...เชื่อพี่เถอะจงแดรักเรามากจริงๆนะ"
     
     






     
    .
    .
    .
     









     
     
     บรรยากาศของการจัดงานแกลลอรี่นิเทศน์ปี่สี่เอกถ่ายภาพเป็นไปอย่างครึกครื้น ผู้จากต่างคณะและภายนอกต่างพากันเข้ามาชมรูปที่จัดแสดงในแต่ละของคน
     
     พวกผมสามคนอยู่บริเวณใจกลางของงานซึ่งมีผมงานของผมทั้งสามคนล้อมรอบส่วนกลางไว้ ทุกคนดูมีความสุขกันจัง
     
     
     "แกดูสิคนนี้หล่อมากเลยอ่ะ"
     
     เสียงหญิงสาวกลุ่มเล็กกำลัฃกรี๊ดกร๊าดอยู่กับภาพฟินนาเล่ของเลย์ ชานยอลพยายามรบเร้าถามมันถึงผู้ชายในรูปที่ทีใบหน้าคมคาย มันเอาแต่หน้าแดงทุกครั้งที่ชานยอลถามเรียกเสียงเฮฮาได้เสมอเว้นแต่....
     
     'ผมคนนี้'
     
     นี่ก็จวนนะสี่ทุ่มแล้วทำไมมินซอกยังไม่มาอีก'เขาคงจะโกธรผมมากเลยสินะ' ผมถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าตึกนี้ก็จะปิดงานแสดงแกลอรี่ก็จะจบลง
     
     'จะไม่มาจริงๆใช่ไหมมินซอก??'
     
     ผมเดินเลี่ยงออกมาจากผู้คนเดินมายังภายนอกตัวอาคารเดินไปยังข้างตึกที่อับเฉาผู้คน เรียกให้ถูกก็มีผมคนเดียวจะง่ายกว่า
     
     หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าของตัวเองกดโทรออกไปยังหมายเลขคุ้นตา 'กรุณาฝากหมายเลขโทรกลับ...' อีกแล้วมินซอกปิดเครื่องหนีผมอีกแล้ว
     
     ผมเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงตัวเองก่อนจะเลื่อนมือมายังกระเป๋าเสื้อคุมตัวนอกหยิบม้วนบุหรี่ขึ้นมาก่อนจะจุดและสูบเข้าไปเต็มปอด
     
     ธรรมดาของพวกอาทติสที่บางครั้งก็ระบายความเครียดผ่านมวลควันสีเทา น้อยครั้งนักที่ผมจะหยิบขึ้นมาสูบถ้าไม่เครียดจริงๆ
     
     ผมใช้ปลายนิ้วคีบบุหรี่ก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน ปล่อยมวลควันสีเทาออกจากปากอย่างเอื่อยเฉือยมองดูควันล่องลอยขึ้นสู่อากาศอย่างไร้จุดหมาย
     
     คืนนี้ท้องฟ้ามีดวงดาวประดับเต็มท้องฟ้ามองดูแล้วช่างสวยงามจริงๆ แสงของดวงดาวส่องระยิบเป็นประกายคล้ายดวงตาคู่งามของใครบางคน...ที่เอาแต่หลบหน้ากัน
     
     ผมสูบควันสีเทาเข้าเต็มปอดก่อนจะปล่อยออกมาและทิ้งกันบุหรี่กับพื้นแล้วขยี้ให้ไฟดับ เงยหน้ามองไปยังดวงดาวอีกครั้งหลับลงหวังให้สายลมในค่ำคืนพัดพาความทุกข์ใจให้ลอยไป




     
     'หรือว่าฉันควรจะตัดใจเรื่องของเราจริงๆใช่ไหมมินซอก?'























     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×