ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Photograph memory -11-
Photograph memory -11-
'โปรเจกของเลย์'
'ปังๆ!!'
"เลย์! พี่รู้นะว่าเราอยู่ข้างในสอบเสร็จแล้วไม่ใช่เหรออ้างไม่ได้นะ! เลย์!"
'ปังๆ!!'
ไม่ไป ไป ไม่ไป ไป อ้ากกกกกกกก ใครก็ได้ช่วยทีผมอยากจะหายไปกับอากาศมากๆเลยล่ะ
เสียงเคาะประตูกับเสียงเรียกของพี่ลี่อินยังคงดังต่อเนื่องอยู่หน้าห้องของผม สิ่งที่มันทำให้คนมาดมั่นเกินเอ็มร้อยห้าสิบแบบผมน่ะมันมีไม่เยอะหรอกครับแทบไม่มีเลยก็ว่าไดัแต่ยกเว้น...
"จะกลับจีนไหมห๊ะ! นี่ป๊าม๊าเราก็เดินทางไปก่อนแล้วนะถ้าพี่เอาเราไปไม่ได้ลุงต้องว่าพี่แน่เพราะงั้นออกมานะ!"
ครับผมกำลังกลับจีนกับพี่ลี่อินแต่มันจะดีมากกว่านี้ถ้าการกลับจีนไปคร่าวนี้มันกลับไปแบบเยี่ยมญาติธรรมดา แต่มันกลับไม่ใช่แค่การไปเยี่ยมอากงอาม่าเฉยๆน่ะสิเพราะผมต้องกลับไป....
'ดูตัว'
อ้ากกกกกกมันจะคลุงถุงชนไปแล้วนะน้องอี้อยากเลือกแฟนเองนะ ว้ากกกกกกๆๆๆๆ นอนใต้ผ้าห่มมันอยู่อย่างนี้แหละ!!
เสียงหน้าก้องเงียบหายไปผมค่อยๆโผล่หน้าออกมาจากผ้าห่มมองไปยังประตูของห้องพรางถอนใจพี่ลี่อินคงจะท้อแล้วแน่ๆ
'ปึง!'
ผิดคาด พี่ลี่อินเปิดประตูเข้าอย่างแรงจนบานประตูชนกับพนังห้องร่างเพียวย่างก้าวเข้ามาหาผมพร้อมกระชากผ้าห่มออกแล้วกระชากคอเสื้อผมขึ้นมา
"ไป เก็บ ของ...เดี๋ยวนี้!!!!"
เน้นย้ำที่ละตัวก่อนจะชี้มือไปยังตู้เสื้อผ้า มีหรือที่ผมจะทำตามหึ! ทำตั้งแต่พังประตูเข้ามาแล้วจ้า T[]T
.
.
.
จนแล้วจนรอดผมก็ต้องนั่งเครื่องกลับมาประเทศจีนอันเป็นประเทศบ้านเกิดอย่างช่วยไม่ได้ตอนนี้ผมยืนรอให้คนที่บ้านมารับอยู่ที่สนามบิน ให้มันได้อย่างนี้สิแทนที่จะได้อยู่เกาหลีสบายๆกลับต้องมาดูตงดูตัวบ้าบอโบราณโลกแตกแบบนี้!
อยากจะร้องไห้ออกมาให้น้ำท่วมสนามบิน TT
"พี่ลี่อินผมไปห้องน้ำก่อนนะ"
พี่ลี่อินที่ยืนโทรศัพท์มาสักครู่แล้วหันมามองผมพร้อมโบกมือไล่ คงจะโทรถามว่าใครมารับ เมื่อคนเป็นพี่อนุญาตผมก็รีบเดินไปห้องน้ำทันทีเอาไงดีวะมุดกระจกระบายอากาศแล้วหนีกลบด่านก่อนแล้วก็กลับเกาหลี
งืมๆ ควายมาครับคุณจางอี้ชิง - -
ในจังหวะที่ผมกำลังคิดว่าจะหนีการดูตัวยังไงดีก็ไม่ทันสังเกตเห็นประตูห้องน้ำที่ถูกเปิดออก มันทำให้ผมเดินชนกับขอบประตูของห้องน้ำเข้าอย่างจัง
"โอ๊ย! มันเจ็บนะเว้ย"
ผมยกมือขึ้นกุมบริเวณที่โดนประตูทันที คู่กรณีของผมรีบกุลีกุจอเข้ามาดูอาการของผม "ขอโทษนะครับเจ็บมากไหม?"
"ลองมาโดนเองไหมล่ะคุ๊ณณ"
ไวดั่งความคิดความปากหมาของผมก็เริ่มทำงานทันที ผมเงยหน้ามองคู่กรณีของตัวเองที่ไม่รู้จะลูบๆคลำๆอะไรที่หน้าผากผมนักหนา
แม่เจ้า ~ หล่อบรรลัยจมูกสันเป็นคมจนแทบจะทิ่มตา ใบหน้าคมคายชนิดบาดใจ ดวงตาประการที่โคตรมีเสหน์ ทุกอย่างบนใบหนาของเขาคนนี้มันช่างดูเพอร์เฟกมากๆ
เฮ้ยมีสติๆจางอี้ชิงคนคนนี้เขาทำร้ายแกนะเว๊ย ผมสะบัดศีรษะไล่ความมโนให้กลับมาสู่ความจริง "ขอโทษทีนะครับแต่ผมไม่เห็นคุณพอดี"
"คุณจะบอกว่าผมเตี้ยเหรอ? คุณนี่คนนะไม่ใช่มด"
"ผมยังไม่บอกเลยนะว่าคุณเตี้ยทำไมพูดเองเออเองล่ะ"
"โหยหาว่าผมมโนเหรอ?"
ไม่รอใหัอีกคนตอบอะไรผมจัดการกระทืบลงไปบนเทาของคนนั้นเต็มแรงจนอีกฝ่ายต้องยกเท้าขึ้นมา "คุณบ้าไปแล้วหรือไงมันเจ็บนะ"
"ผมก็เจ็บ"
ผมเดินผ่านคนนั้นไปเพื่อที่จะเข้าห้องน้ำไปส่องกระจก เจ็บเป็นบ้า แต่แล้วมือกว้างนั่นก็คว้าข้อมือของผมไว้เสียก่อนผมหันมาตามแรงดึงจนเผชิญหน้ากับอีกคนอีกครั้ง
"ขอโทษผมเดี๋ยวนี้"
"เรื่องอะไรล่ะ"
"ก็คุณเหยียบเท้าผม"
"คุณก็เปิดประตูโดนหัวผม แถมยังว่าผมเตี้ยอีก"
"ของคุณมันอุบัติเหตุ"
"งั้นนี่ก็อุบัติเหตุเจ๊ากัน"
ไม่รอให้อะไรเลยผ่านผมจัดการกระทืบเท้าลงไปอีกทีก่อนจะรีบเดินกลับมาหาพี่ลี่อิน ร่างเพียวของพี่สาวที่เห็นผมก็รีบเดินมาหาผมทันที
"ไปซะนานนึกว่าตกส้วมตายแล้ว"
ผมส่งสายตาเริ่มระอาให้กับพี่สาวของตัวเองก่อนจะเดินไปทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ของสนามบินพรางยกมือขึ้นจับบริเวณที่โดนประตู มันโนอ่า
"แล้วนั่นหัวไปทำไรมาโขกชักโคกเหรอ?"
พี่ลี่อินว่าพร้อมนั่งลงข้างๆผมก่อนจะใช้นิ้วเรียวจิ้มที่แผลเบาๆ ทำไมพี่ผมพูดอะไรไม่เคยพ้นพวกของในห้องน้ำเลยวะ "อุบัติเหตุน่ะ"
พี่ลี่อินพยักหน้าเข้าใจก่อนที่เสียงโทรศัพท์ของพี่ลี่อินจะดังขึ้นมา พูดได้สองสามประโยคพี่ลี่อินก็กดวางสายไปไม่นานนักพ่อของพี่ลี่อินก็มาถึงสนามบิน คงเป็นพ่อที่โทรมาบอกว่าจะมารับมั้ง
เอ่ยทักทายอาของตัวเองก่อนจะพากันไปขึ้นรถและออกจากสนามบินไป มาจีนวันแรกก็ซวยซะแล้ว คิดถึงเกาหลีจัง TT
รถของคุณอาเลี้ยวเข้ามายังในภัตาคารแห่งหนึ่งก่อนจะดับเครื่องยนต์ลง ผมและพี่ลี่อินลงตามคุณอามาอย่างงงๆแล้วก็เป็นพี่ลี่อินที่เอ่ยถาม
"พ่อพามาที่นี่ทำไมเหรอคะ?"
"เผอิญพี่อี้ฟานเขากลับมาจีนก่อนกำหนดน่ะเลยพากันมาเลี้ยงต้อนรับด้วยเลย"
ใครวะพี่อี้ฟาน? ผมเดินตามพี่ลี่อินและคุณอาไปในตัวภัตคารก่อนจะเจอกับวงสาคนาญาติของตัวเองที่ส่งเสียงคุยกันอย่างออกรถออกชาติ
"อ้าวมาแล้วเหรอมาๆ มานั่งก่อน"
เป็นพ่อเองที่เอ่ยให้ผมไปนั่ง ผมทิ้งตัวนั่งลงถัดจากพี่ลี่อินที่นั่งติดกับพ่อตัวเองเป็นเหตุทำให้ที่นั่งข้างผมยังว่างอยู่ คุยกันไปได้สักพักพ่อของผมก็ควักมือเรียกใครบางคนใหัเดินเข้ามา คงจะเป็นพนักงานสินะ
"มาแล้วเหรออี้ฟานมาๆนั่งข้างน้องแหละ"
ผิดคาดแฮะ ร่างของคนที่ชื่อว่าอี้ฟานทิ้งตัวลงนั่งข้างผมก้มหน้าก้มตาจนกระทั่งได้ยินเสียงอันแสนยี้ยวนนั่นเอ่ยขึ้นมา
"ขอโทษที่ทำให้รอนะครับ"
ไม่ท้าวความให้มาผมหันไปมองคนข้างๆทันที เป๊ะใบหน้าเดิมๆที่เคยหลงชื่นชมนั่งอยู่บ้างผมตัวเป็นๆเลยล่ะครับอย่าบอกนะว่านายนี่น่ะ...
"ไม่เป็นไรหรอก'อี้ฟาน'"
ชัดเจน มือไม้อ่อนลงถนัดตาตะเกียบในมือล้วงสู่ถ้วยด้วยอัตโนมัติอีกฝ่ายเองก็ดูจะตัวไม่ถูกเช่นเดียวกันกับผม เราจ้องตากันได้สักพักก็ทำตัวเป็นปกติเหมือนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
"นี่ไงล่ะคนที่จะมาดูตัวด้วยน่ะ"
อุ้บ แค่กๆ~ อาหารในปากแทบจะพุ่งออกมาอย่าบอกนะว่าหมอนี่คือว่าที่คู่หมั้นน่ะ อ้ากกกกกกกกกก ใจเย็นๆอี้ชิงใจเย็นบางทีเขาอาจจะเป็นคู่หมั้นของพี่ลี่อินเพราะการกลับแบบกระทันหันแบบนี้ป๊าไม่ได้บอกอะไรนอกจากมาดูตัว
"ว่าไงอี้ฟาน?"
"ครับ?"
"น้องน่ะน่ารักไหม?"
นายนั่นมองไปยังพี่ลี่อินตามคำพูดของพ่อผมและมองสลับกับผม เหอะเกร็งเป็นบ้าโดยเฉพาะสายตาคมนั่นที่จ้องมองผมมันดูแตกต่างจากพี่ลี่อินมาก ผมจะไม่เกร็งเลยถ้ามันเป็นสายตาแค้นหรืออะไรทำนองนั้นแต่สายแบบนี้มันเหมือน...
'เวลาที่เฉินมองมินซอกเลยอ่ะ T^T'
"คู่หมั้นของผมคนไหนเหรอครับ?"
"คนไหน? อ่าหมายความสนใจอี้ชิงล่ะซิ"
"แค่กๆ"
ผมสำลักอาหารกับคำพูดของคนเป็นอาทันที จะบ้าเหรอสนใจผมไม่มั้ง "ก็ไม่เชิงครับ แต่น้องคงไม่สนใจผมหรอก"
ก็รู้ตัวเองนะพ่อคุณ ผมหันไปมองพี่ลี่อินอย่างขอความคิดเห็นแต่ก็ได้รับการส่ายหน้ากับมาแทน ขอบใจจ้ะ "คือ..อันที่จริงถ้าจะให้มีคู่หมั้น..หนูไม่พร้อมหรอกนะคะ"
พี่ลี่อินเอ่ยขึ้นท่ามกลางสายตาของความสงสัย แล้วคนที่ควรจะสงสัยมันควรจะเป็นผมมากที่สุดเพราะการที่พี่ลี่อินเอ่ยแบบนี้ก็หมายความว่า...จะปัดความรับผิดชอบใช่ไหม
"ผมเป็นผู้ชายนะ!"
"ผู้ชายก็แต่งกันแล้วเยอะแยะไปเลย์"
แทบจะลมจับนี่พี่ลี่อินคิดอะไรอยู่คร้าบรักน้องมากนะเธอ ทุกคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของพี่ลี่อิน นี่มันอะไรกันใช่ว่าจะไม่ยอมรับเรื่องแบบนี้แต่ทำไมต้องกับนายนี่ด้วยล่ะ
"ส่วนเรื่องลูกก็อุปการะได้นะ"
"หยุดแนะนำป๊าได้แล้วพี่ลี่อิน"
"ป๊าไม่ว่าอะไรแกหรอกนะถ้าจะคบผู้ชาย เพราะสภาพอย่างแกคงหาเมียไม่ได้แน่"
ป๊า!!! ผมออกจะแมนแฮนซัมนะครับจะให้ลูกมีผอสระอัวเหรอ อยากจะหัวเราะให้ฟันหมดปาก ผมเม้นริมฝีปากเข้าหากันพรางมองคนข้างๆสลับรอยยิ้มเจ้าเหล่ถูกจุดขึ้นบนใบหน้าคมก่อนที่เจ้าตัวจะเอ่ยอย่างเย้ยหยัน
"อย่าบังคับเลยครับผมแต่งกับน้องลี่อินก็ได้ แต่น้องเขาคงฝืนความรู้สึกน่าดู"
ผมหันไปทางพี่ลี่อินที่ส่งสายตาเว้าวอนมาให้ผม ไอ้ผมรึก็เป็นพวกรักพี่ด้วยสิเพราะเราสนิทกันมาตั้งแต่เด็กเรียกว่าพี่ลี่อินเปรียบสเหมือนพี่สาวแท้ๆก็ว่าได้
และมันก็เป็นจุดอ่อนของผมที่ไม่ชอบให้พี่ลี่อินฝืนความรู้สึกหรือรู้สึกแย่ยิ่งบวกกับสายตาอ้อนวอนนั้นแล้วผมยิ่งอยู่เฉยไม่ได้ "ตกลง!!"
ปากจ๋าแกเร็วไปไหม!
"อย่าเลยดีกว่านายก็ไม่ชอบฉันนี่"
ยิ่งเจอกับสายตาดูถูกและน้ำเสียงกวนเบื้องล่างนั่นมันยิ่งอยากทำให้ผมอยากชนะเข้าไปใหญ่แต่ชัยชนะครั้งนี้มันช่างไม่ดีเอาซะเลย แต่ใครมันจะไปทนไว้ละวะ!!
ผมทุบโต๊ะดังลั่นจนทุกการกระทำของทุกคนต้องหยุดแล้วหันมามองผมเป็นตาเดียว "ตกลง!พรุ่งนี้ไปเดทเลย!!"
.
.
บอกทีที่นี่ที่ไหน ผมมาทำอะไรที่นี่ ผมมาเพื่ออะไร ผมเดินบนสะพานข้ามแม่น้ำพร้อมกล้องของตัวเองเห็นบรรยากาศสถานที่ที่โดนนัดมาก็ชอบอยู่หรอกนะเลยหยิบกล้องติดมาด้วย แต่แค่คิดว่าต้องมาเที่ยวกับใคร..
จิตใจก็ห่อเหี่ยวทันที
"รอนานไหม?"
เสียงเอ่ยทักเบื้องหลังพร้อมร่างสูงที่เดินส่งรัศมีออร่ามาแต่ไกล ผมหันมองคนมาใหม่แค่เพียงชั่วครู่ก่อนก่อนจะหันกลับมาสนใจวิวตรงหน้าต่อ
"ชื่ออี้ชิงเหรอ?"
"แล้วจะทำไม"
"ชื่อเพราะดีนะ"
ว่าพร้อมส่งรอยยิ้มบาดใจมาให้ เฮ้ยคล้อยตามไม่ได้นะตั้งสติไว้ผมเดินหนีอีกฝ่ายไปตามทางเรื่อยๆแต่ก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่เฝ้ามองตลอดจนต้องหยุดเดินแล้วหันไปเผชิญกับอีกคน
"จะจ้องอีกนานไหมห๊ะ?"
"ฉันมองคู่เดทมันผิดตรงไหน?"
ผิดตรงกูเขินไงคร้าบสายตาแมร่งชวนขนลุกร้อนๆหนาวๆสิ้นดี "มัน..ม..ไม่ผิดหรอกหึย" ผมรีบหันหน้าหนีอีกคนแกล้งมองวิวรอบๆตัวจะว่าไปที่นี่ก็สวยและอากาศดีนะว่าแล้วก็ขอเก็บภาพหน่อยล่ะกัน
"ชอบถ่ายรูปเหรอ?"
ผมลดกล้องลงมาอีกคนที่เอาแต่ยืนมองทุกการกระทำของผม "ถ้าไม่ชอบจะเรียนนิเทศน์ทำไม?"
"อ้าวเรียนนิเทศน์เหรอพี่ก็จบนิเทศน์นะตอนนี้เป็นช่างภาพด้วยล่ะ"
"ใครถาม?"
อีกคนยิ้มออกมาให้กับผมก่อนจะเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้เสียจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่รดรินอยู่บริเวณใบหูของตัวเอง
"บอกคู่หมั้นมันผิดเหรอ นี่ล่ะที่เรียกว่าเดท"
ผมเขยิบตัวถอยหนีทันทีที่อีกฝ่ายเอ่ยจบรับรู้ถึงความร้อนที่มันกำลังวิ่งเล่นทั่วใบหน้าของผม "แล้วไปเรียนเกาหลีสนุกไหม?"
"นี่สืบข้อมูลฉันมาหมดแล้วหรือไง?"
"อันที่จริงก็ถูกแต่ก็อยากเรียนรู้จากนายด้วยอ่ออีกอย่างนายจะเรียกฉันว่าพี่นะเพราะฉันแก่กว่า"
"จ้างก็ไม่เรียก"
"แล้วแต่นะเลย์"
นั่นไงที่มีอาชีพเสริมแบบโคนันหรือไงห๊ะ รู้กระทั่งชื่อที่ผมใช้ในเกาหลีรู้ทั้งเรื่องเรียนแล้วจะมาถามหาพระแสงอะไรวะครับ
"รู้ชื่อฉันได้ไง?"
"อะไรที่ฉันสนใจ ฉันรู้หมดแหละ"
ร้อน! หน้าร้อนมากตอนนี้มันร้อนยิ่งกว่าเดิมผมก้มหน้าแล้วยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองเบาๆเพื่อขับไล่ความร้อนก่อนจะเงยหน้าขึ้นรับผมหวังให้ความเย็นของอากาศไล่ความร้อนนี่ไป
"ฉันก็มีชื่อที่ใช้ตอนอยู่แคนนาดานะ"
"อยู่แคนนาดาเหรอ?แล้วกลับมาทำไมล่ะ"
"นายต้องว่าชื่ออะไรต่างหากและที่กลับมาก็เพื่อกลับมาดูหน้าคู่หมั้นไง"
ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเองเลยคิดว่าเช้านี้หน้าของผมมันแข่งร้อนกับพระอาทิตย์แล้วกี่ครั้งกันพูดอะไรก็โยงมาตัวเองให้ชวนเขินตลอด นี่ตกลงจะกวนเขาหรือชงให้ตัวเองเนี่ยจางอี้ชิง
"เหรอ ชื่ออะไรล่ะ"
อีกฝ่ายหลุบยิ้มออกมาก่อนจะส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้มาให้ผม "คริส"
"โอเคถือว่าเรารู้จักกันแล้วงั้นทางใครทางมันนะเดทจบแล้ว"
ผมเอ่ยทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินจากนายอี้ฟานหรือคริสอะไรนั่นให้เร็วที่สุด อารมณ์เสียโคตรๆเลยเว๊ย! "ระวัง" เอวของผมถูกคว้าไว้ด้วยมือกว้างของร่างสูงก่อนที่จักรยานส่งอาหารจะขี่ผ่านไปอย่างเร็ว
เกือบไปแล้วไม่ล่ะไม่งั้นเช้านี้ผมมีกลิ่นอาหารแน่นอน ผมดิ้นออกจากอ้อมกอดแกร่งนั่นแต่ไม่เป็นเพราะดูยิ่งดิ้นเท่าไรอีกคนก็ยิ่งรัดแน่นเท่านั้น
"จักรยานไปแล้วปล่อยสิ!"
"นายนี่เล่นตัวเป็นนางเอกละครเลยนะ"
"ใครนางเอกกัน? ปล่อยนะเว๊ย!"
มือหนายอมคลายออกจากเอวผมง่ายๆผมยกมือปัดๆตามตัวก่อนจะเดินหนีอีกคนไปอีกครั้งแต่ดูนายคริสอะไรนั่นจะตามผมไม่ยอมลดละ
"เลิกตามฉันสักที"
"ไม่ได้หรอกเรามาเดทกันนะคู่เดทฉันเป็นอะไรไปก็แย่หมดสิ"
โอ๊ยชั่งแมร่งล่ะ ผมเดินจ้ำๆไปยังอีกด้านของสะพานทันทียกกล้องขึ้นถ่ายรูปวิวเพื่อดับอาการขุ่นมัวของตัวเอง รู้งี้หนีตั้งแต่อยู่เกาหลีก็ดีหรอก
"อารมณ์เสียแบบนั้นเดี๋ยวรูปก็ออกมาไม่สวยหรอก"
"ยุ่ง!!"
คริสเดินหาผมพร้อมส่งยิ้มที่สาวๆคนไหนเห็นต้องเป็นหลงเสหน์มาให้ ใบหน้าคมเคลื่อนมาชิดใบหูอีกครั้งก่อนที่มือกว้างจะยกมาปิดตาและประคองกล้องทับมือของผม
"ถ่ายรูปน่ะต้องใช้ใจนะถึงจะสวย"
'แชะ'
ผมสะบัดตัวไล่ให้อีกคนหลุดออกทันทีก่อนจะเดินหนีจากคริสทิ้งระยะห่างพอสมควรคร่าวนี้เจ้าตัวกลับไปตามมาแต่กลับนั่งลงกับม้านั่งริมทาง
ผมเปิดดูรูปที่อีกคนถ่ายเพื่อหวังจะลบมันแต่นิ้วของตัวเองกลับต้องหยุดชะงักเพราะภาพที่ถ่ายมามัน'สวย' ผมเม้มริมฝีปากเข้าหากันก่อนจะตัดสินใจเก็บรูปนั้นไว้
หันไปมองอีกคนที่นั่งพิงหลังกับพนักเก้าอี้แล้วหลับตารับสายลมและแสงแดดอ่อน เขาดูดีจังดูดีจนผมเผลอยกกล้องขึ้นมาจับโฟกัสไปที่เขาแล้วกดชัตเตอร์
'แชะ'
----------------------------------------------------------------
งุ๊งงิ๊งอ่าคริสเลย์
#Cminorช่างกล้อง
----------------------------------------------------------------
งุ๊งงิ๊งอ่าคริสเลย์
#Cminorช่างกล้อง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น