ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MullZiKa's Room

    ลำดับตอนที่ #24 : If : ถ้าฉันบอกตัวเองว่าเจ็บฉันกลัวว่ามันจะเจ็บจริงๆ 65%

    • อัปเดตล่าสุด 27 ธ.ค. 52


     

                    [Special : LomNhow Talk*]

     

                    มนุษย์ที่มีความรัก คือสิ่งมีชีวิตที่ขาดการยับยั้งชั่งใจ ขาดความระมัดระวังในคำพูดของตัวเอง พวกเขามักจะแสดงออกกับคนที่ตัวเองรักว่ารู้สึกอย่างไรผ่านทางสีหน้า การกระทำและคำพูด บางคนอาจแสดงออกอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่บางคนก็เลือกที่จะแสดงเป็นบางอย่างจนบางครั้งการกระทำของพวกเขาก็ดูโง่เง่าสิ้นดี

                    และฉันก็เป็นหนึ่งในมนุษย์ที่มีความรักอันแสนโง่เง่า...

                    หึฉันแสยะยิ้มให้กับความโง่เง่าของตัวเอง เมื่อกี้ฉันทำอะไรลงไป จับชายเสื้อของคนที่ไม่รักแล้วอ้อนวอนให้มารักกันอย่างนั้นเหรอ ทำไมมันน่าสมเพชแบบนี้ ศักดิ์ศรีที่มันเคยค้ำคอหายไปไหนหมด ตอนเลิกกับบลิ้งค์ถึงแม้ว่าจะเจ็บขนาดไหนแต่คำๆ นี้ก็ไม่หายไป แต่กับเขาคนนี้ทำไมฉันถึงได้ทำตัวเหมือนไม่มีศักดิ์ศรีเลย

                    ความรู้สึกตอนนี้มันเหมือนชาไปทุกๆ ส่วน สองขาถูกตรึงแน่นติดกับพื้นห้องจนไม่สามารถก้าวขาออกไปไหนได้ ไม่คิดว่าสุดท้ายจะได้ลิ้มรสความรู้สึกนี้อีกครั้ง ทั้งๆ ที่เฝ้าบอกตัวเองว่าให้ทำใจแต่เอาเข้าจริงก็ทำไม่ได้เลย

                    รู้สึกอยากจะโทษโชคชะตาที่นำพาเหตุการณ์ที่บีบคั้นความรู้สึกจนทำให้ต้องพูดคำๆ นั้นออกมาก่อนเวลาอันควร บางทีถ้าพูดคำๆ นี้ช้าลงไปอีกนิด จิตใจของเขาคงพร้อมที่จะรับคนอย่างฉันเข้ามา

                    ครืดด ครืดด

                    โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านหลังสั่นอยู่สักพัก ก่อนที่จะตัดสินใจรับมันขึ้นมาดูว่าใครเป็นคนโทรเข้ามา หน้าจอเผยให้เห็นชื่อของคนที่จากกันเมื่อครู่ ชั่งใจอยู่นานว่าจะรับดีมั้ยแต่ยังไม่ทันที่จะได้ตัดสินใจสายก็ตัดไปซะก่อน แต่สักพักชื่อเดิมก็โทรเข้ามาใหม่อีกครั้ง ฉันพยายามระงับความรู้สึกที่เกิดขึ้นก่อนหน้าและกดรับสาย

                    อืม โทรมามีอะไรหรือเปล่าบลิ้งค์

                    [นอนหรือยัง]

                    ใกล้แล้วแหละ มีอะไรอีกหรือเปล่าฉันง่วงเต็มทีแล้ว

    [ฉันรู้ว่าเธอยังไม่ง่วงเพราะนี่ไม่ใช่เวลานอนของเธอ ลมหนาว เธอกำลังมีปัญหาอะไรที่ไม่สบายใจอยู่ใช่มั้ย]

    ฉันสะอึกกับคำถามของผู้ชายคนนี้นิดๆ นี่เขายังจำเวลานอนของฉันได้อีกอยู่เหรอ เขาจะจำเรื่องราวของฉันไปทำไมกันในเมื่อเรื่องของเรามันจบไปแล้ว

    ไม่มีอะไรหรอก วันนี้ฉันเหนื่อย ฉันตอบเขาด้วยน้ำเสียงที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้อีกแล้วพอรู้ว่าเขายังคงเป็นห่วงฉัน

    [โกหกไม่เนียนอีกแล้วนะ ถ้าอย่างนั้นมาเจอกันหน่อยได้มั้ย สวนสาธารณะแถวๆ โรงเรียนเธอเป็นไง]

    อืม อีก 5 นาทีเจอกันนะฉันตัดสินใจไปตามนั้นบลิ้งค์เนื่องจากตอนนี้ฉันรู้สึกแย่ บางทีการได้คุยกับใครสักคนอาจทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น ดังนั้นฉันจึงเข้าไปในห้องและคว้าผ้าพันคอผืนหนามา 2 ผืน คืนนี้อากาศค่อนข้างหนาวเอาไปพันคอให้อุ่นหน่อยก็คงดี เนื่องจากค่ำคืนนี้ฉันคงต้องอยู่กับเขาไปอีกนาน

     

    รอนานมั้ย ฉันกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาที่สวนสาธารณะแถวๆ โรงเรียนและเห็นว่าบลิ้งค์นั่งอยู่ที่ม้านั่งใต้ต้นไม่ต้นใหญ่อยู่ก่อนแล้ว เขาสวมสเวตเตอร์ตัวบางๆ สีน้ำตาลอ่อนและกำลังถูแขนตัวเองไปมา ฉันยืนมองเขาสักพักก่อนจะยื่นพาพันคอผืนหนาไปให้ เขารับมันเอาไว้และคลุมและตัวอย่างเร่งรีบ

    ขอบใจนะลมหนาว นั่งสิ

    อืม ว่าแต่อากาศหนาวแบบนี้ยังจะออกมาคุยกับฉันอีกเหรอ

    อืม ก็เพราะว่าฉันรู้ว่าเธอไม่สบายใจอยู่น่ะสิ...เขาทำให้เธอเจ็บเหรอฉันสะอึกกับคำถามเขาเล็กน้อย ก่อนที่จะถามคำถามที่อยู่ลึกๆ ในใจออกไป

    ก่อนที่ฉันจะตอบนาย นายตอบฉันได้มั้ยบลิ้งค์ว่านายกลับมาทำไม ในเมื่อนายเป็นคนจากไป นายเป็นคนพูดจาเฉือดเชือนใจฉัน แล้วตอนนี้ทำไมนายต้องมาทำดีกับฉัน นายทำแบบนี้เพื่ออะไรกันแน่บลิ้งค์

    หึ ถ้าฉันบอกว่าการที่ฉันเลิกกับเธอวันนั้นมันเหมือนกับการที่เธอบอกรักแฮนด์ซัมวันนี้ล่ะ เธอจะว่าไง

    นายหมายความว่าไง

    ในตอนนั้นฉันยังเด็กและโง่เขลา เพียงแค่คำพูดของเพื่อนตัวเองที่เป่าหูทุกวันว่าการคบกับเธอมันทำให้สังคมเพื่อนของฉันรังเกียจ การคบกับเธอมันทำให้คนอื่นมองฉันในแง่ไม่ดีและตัวฉันก็ดูแย่ไปด้วย ฉันโดนเป่าหูอย่างนี้เป็นประจำ จนฉันคิดว่าถ้าเลิกกับเธอ ฉันจะได้มีชีวิตใหม่ ฉันจะเป็นที่ยอมรับในสังคม... เขาหยุดพูดเพียงแค่นั้น ฉันลอบมองใบหน้าเขาก็พบว่าสีหน้าเขาเหมือนมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ในคอ แววตาสั่นไหวมันช่างดูโศกเศร้า เขานั่งทำใจอยู่สักครู่และตัดสินใจพูดต่อในสิ่งที่ค้างไว้

    สุดท้ายฉันก็เลยบอกเลิกเธอ ฉันคิดแต่เพียงว่าพูดอย่างไรก็ได้ให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจที่สุดเพราะเพื่อนของฉันนั่งอยู่ที่อีกมุมห้อง และถ้ามันได้ยิน ฉันจะดูดีขึ้นมา แต่เธอรู้มั้ยว่าหลังจากเลิกกับเธอ ฉันก็ได้มีชีวิตใหม่จริงๆ นะ ชีวิตที่ไม่มีใครจริงใจกับฉันสักคน เธอรู้มั้ยว่าฉันทำใจอยู่นานกว่าจะกล้าบากหน้ามาพบเธอ ทั้งๆ ที่รู้ว่าการมาของฉันมันจะทำให้เธอลำบากใจและอาจได้รับคำด่าทอต่างๆ นานา แต่ยังไงฉันก็จะมาเพราะฉันอยากแก้ไขอดีตของตัวเอง

    ฉันฟังสิ่งที่บลิ้งค์พูดจบด้วยความรู้สึกแปลกใจ นึกไม่ถึงเลยว่าคนที่สดใส ร่าเริงและเป็นมิตรอย่างเขาจะทำในสิ่งแบบนี้ ทำไมสังคมของเขามันถึงได้น่ากลัวแบบนี้นะ

    ถ้าการมาของเขาคือการแก้ไขอดีต นั่นหมายความว่าเขาตั้งใจจะกลับมาดูแลฉันอย่างนั้นเหรอ แต่เหตุการณ์ของฉันเท่าที่เขารู้มันน่าจะพิสูจน์ได้แล้วว่าไม่มีทาง คนอย่างลมหนาวถ้าลองตัดแล้วจะไม่มีวันกลับมาต่อเด็ดขาด เรื่องนี้เขาน่าจะรู้ไม่ใช่เหรอ

    แต่นายก็รู้นิสัยฉันดีไม่ใช่เหรอบลิ้งค์ว่ามันไม่มีทาง เขายิ้มบางๆ เมื่อได้ฟังคำตอบฉัน ก่อนจะพูดออกมาด้วยสีหน้าที่รู้ความจริงอยู่เต็มอก

    รู้ แต่ก็ดีกว่าการไม่ทำอะไรเลย อีกอย่างถึงแม้ว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แต่ฉันก็ยังเป็นเพื่อนเธอได้ เป็นคนแบกรับความทุกข์เธอได้ และฉันก็รู้ว่าตอนนี้เธอเจ็บเพราะเขา ลมหนาวถ้าเธอเจ็บ เธอก็ร้องออกมาเถอะ อย่าฝืนยิ้มอยู่เลย

    ใครบอกนายว่าฉันเจ็บ ใครบอกนายว่าฉันเจ็บ เปล่าสักหน่อย ฮ่าๆ นายดูผิดไปนะบลิ้งค์ ฮ่าๆ ฉันหัวเราะกลบเกลื่อนคนที่อยู่ข้างๆ เพื่อปกปิดความรู้สึกตนเอง แต่ทำไปทำมา ฉันรู้สึกว่าลำคอแห้งผากและขอบตาร้อนผ่าวยังไงชอบกล ความรู้สึกนี้มันเหมือนกับว่าฉันอยากจะ...ร้องไห้

    อย่าฝืนหัวเราะเลยลมหนาว เฮ้อ~ ฉันอยากมีกระจกสักใบแล้วส่องหน้าเธอตอนนี้ให้ดูจังว่าการที่เธอหัวเราะอยู่มันเหมือนกับร้องไห้เลยนะ เจ็บก็บอกว่าเจ็บสิ อย่าแสร้งว่าไม่เป็นไรเลย เธอเป็นมนุษย์นะลมหนาว ร้องไห้ได้ เจ็บได้ เธอไม่ใช่หุ่นยนต์ที่ต้องแสร้งทำอารมณ์ตามคำสั่งจิตใจอีกด้านของตัวเอง

    แหมะ แหมะ

    หยดน้ำตาร้อนๆ หยดลงบนหลังมือฉัน ทีละหยด ทีละหยด สุดท้ายน้ำตาทีละหยดก็กลายเป็นสาย...ฉันได้ร้องไห้อย่างเต็มทีเสียแล้ว

    เวลาผ่านไปสักพัก ฉันก็หยุดร้องไห้และปาดน้ำตาของตัวเองก่อนจะหันไปถามบลิ้งค์ที่นั่งมองฉันโดยไม่พูดอะไรเลย เพราะเขารู้ดีว่าเวลาฉันเสียใจและร้องไห้ สิ่งที่ต้องทำคืออยู่เฉยๆ และทุกอย่างจะดีเอง

    นายรู้มั้ยว่าทำไมฉันถึงต้องทำเหมือนว่าตัวเองไม่เจ็บ ทำไมฉันถึงต้องทำเหมือนตัวเองไม่ได้ร้องไห้

    ...

    เพราะฉันกลัว กลัวว่าถ้าฉันบอกตัวเองว่าเจ็บมันจะเจ็บขึ้นมาจริงๆ กลัวว่าถ้าฉันบอกตัวเองว่าอยากร้องไห้ น้ำตามันจะไหลไม่หยุด ดังนั้นฉันถึงต้องบอกตัวเองไงว่าฉันไม่เป็นไร ฉันไม่เจ็บและฉันจะไม่ร้องไห้

    อย่างนั้นเหรอ เขาพูดเพียงแค่นั้นก่อนจะแหงนหน้ามองฟ้าและไม่พูดอะไรอีกเลยจนเราแยกทางกันกลับที่พักของตัวเอง

    จิ๊บ จิ๊บ~

    เสียงนกร้องที่ส่งเสียงดังอยู่ภายนอกได้ปลุกผมที่กำลังนอนฟุบโต๊ะเขียนหนังสือให้ตื่นขึ้นมาจากการหลับ ผมไม่รู้ตัวเลยว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่และนานเท่าไหร่แล้ว แต่สิ่งที่ยังคงแจ่มชัดอยู่ในใจคือภาพและคำพูดสุดท้ายที่พูดออกไป ในเมื่อตัดสินใจไปแล้วก็ไม่ควรคิดถึงมันอีก...แต่ทำไมมันถึงลบภาพนั้นออกจากใจไปไม่ได้เลยนะ

    ก๊อกๆ

    เสียงประตูห้องดังขึ้น ผมเด้งตัวจากเก้าอี้แล้วรีบวิ่งไปเปิดประตูทันที

    อ้าว นายเองเหรอชาเย็น เอ๊ะ แตแต พายุ กวากวาก็มาด้วย แหม มากันครบเซ็ตเชียว ออกไปคุยกันข้างนอกมั้ยผมกำลังจะเดินออกไปนอกห้องเพราะคิดว่าห้องนี้คงคับแคบเกินไปหากจะคุยกัน 5 คน ทว่าชาเย็นกลับล็อคคอผมและเหวี่ยงให้นั่งกับเก้าอี้ ก่อนที่มันจะยืนกอดอกและส่งสายตาคาดคั้นมาให้ ผมหันไปมอง 3 คนที่เหลือก็พบว่าทั้งหมดทำท่าเหมือนกับชาเย็นเป๊ะ

    นายทำอะไรเพื่อนฉันน่ะ ไอ้อ้วน!!!” เสียงแตแตแผดเสียงดังลั่นห้องจนพายุต้องเดินไปปิดประตูห้องที่เปิดคาไว้เพื่อไม่ให้เสียงดังลอดออกไปข้างนอก

    อย่าใช้อารมณ์สิแตแต ยิ่งเธอทำแบบนี้ใครเขาจะอยากตอบ พายุพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

    ก็คนมันโมโหนิ่ เพื่อนฉันทั้งคนนะ!”

    ญาติฉันทั้งคนเหมือนกัน ว่าแต่นายทะเลาะอะไรกับลมหนาว ทำไมเธอถึงมานอนกับแตแต

    เมื่อคืนลมหนาวออกไปข้างนอกเหรอ ผมถามพายุด้วยความประหลาดใจ นี่ผมอยู่กับตัวเองมากเสียจนไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูเลยเหรอเนี่ย

    อืม ลมหนาวออกไปหาบลิ้งค์น่ะ

    อะไรนะ! บลิ้งค์อย่างนั้นเหรอ!!!!” ผมตะโกนออกมาอย่างลืมตัว ทุกคนต่างทำสีหน้าอึ้งกันเป็นแถบ ดูเหมือนผมจะรู้ตัวว่าตัวเองใส่อารมณ์มากจนเกินไป ดังนั้นผมจึงทำสีหน้าให้กลับมาเป็นอย่างเดิมโดยเร็ว

    ว่าแต่ทำไมต้องรู้สึกโมโหเมื่อรู้ว่าลมหนาวออกไปกับบลิ้งค์ด้วยนะ หรือว่า...ไม่มั้ง ก็ตัดสินใจไปแล้วนิ่

    ทำไมพี่แฮนด์ซัมต้องโมโหด้วยล่ะคะ แค่นี้ตอบตัวเองไม่ได้เชียวเหรอ ทั้งๆ ที่เรื่องอื่นออกจะฉลาดแท้ๆกวากวาไม่พูดเปล่า เธอกอดอกและยืนมองผมพร้อมกับส่ายหน้าอย่างหน่ายๆ ก่อนจะเปิดประตูและเดินออกไปนอกห้อง

    ฉันก็คิดเหมือนกับกวากวานะ นายน่ะโคตรโง่เลยกับเรื่องตัวเองน่ะแตแตก็เป็นอีกคนที่ทำเหมือนกับกวากวาและเดินออกจากห้องไปเช่นกัน

    ฉันขอตัวนะพายุพูดด้วยสีหน้านิ่งๆ เหมือนเดิมและเดินออกไปจากห้องอีกเช่นกัน

    เออ! ออกไปให้หมดเลยนะ มาด่าแล้วก็ออกไปให้หมดเลย!

    ทว่าคนที่ยังไม่ได้ออกไปจากห้องนี้คือชาเย็น ที่กำลังยืนกอดอกและพิงพนัง เขามองมาที่ผมพลางหรี่ตาเหมือนจะสำรวจอะไรสักอย่าง เอ๊ะ? หรือว่าจะมองทะลุเข้าไปในจิตใจผมกันแน่นะ

    แฮนด์ซัม นายเคยได้ยินเรื่องกฏของแรงดึงดูดมั้ยผมงงเล็กน้อยกับคำถามของมัน แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจตอบมันไป              

    เคยสิ ฉันก็เรียนวิทยาศาสตร์มานะ

    ถ้าอย่างนั้นนายก็น่าจะได้ยินเรื่องของแรงดึงดูด

    อืม ว่าแต่ทำไมอยู่ดีๆ นายถึงได้พูดเรื่องนี้ออกมาล่ะ

    เฮ้อ~ นายนี่มันโง่เหมือนที่กวากวาพูดไว้จริงๆ ด้วย นายไม่รู้เลยจริงๆ เหรอว่าทำไมนายถึงได้มีท่าทางแปลกๆ กับลมหนาว และไม่รู้จริงๆ เหรอว่าทำไมฉันถึงได้ยกเรื่องแรงดึงดูดออกมาพูด เหอะ เก่งแต่เรื่องของคนอื่นจริงๆ ด้วย นายน่ะ

    เออ ด่ากันเข้าไป มาเพื่อด่าเลยใช่มั้ยเนี่ย! อยากพูดอะไรก็พูดมา พิรี้พิไรอยู่ได้ เหนื่อยที่จะรอฟังแล้วนะ!”

    จำที่นายเคยบอกกับพวกเราวันทำความสะอาดหอได้มั้ย นายบอกว่านายคิดว่าคนที่ต่างกันไม่มีทางรักกันได้และสิ่งที่นายคิดว่าดีแล้วนั้นมันกลับย้อนมาทำร้ายตัวนายแล้วก็คนที่นายรัก นายเชื่อแต่ความคิดเก่าๆ ตัดสินเหตุการณ์วันนี้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×