ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฝนตก แดดออก แล้วเราจะพบกัน

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 4 มิ.ย. 54


         “ คุณทราบรึยังคะว่า คอนเนคชันไฟลท์ของคุณที่จะบินไปเอดินเบรอะจะมีปัญหา” เสียงจากสาวสวยผมบลอนด์เจ้าหน้าที่สายการบิน ณ เคาน์เตอร์เช็คอินแจ้งให้ทราบ

     

         “ โอ้ ทำไมคะ” ฉันถามออกไป แล้วก็ถูกมองกลับด้วยสายตาแปลกประหลาดจากเจ้าหน้าที่สาวผมบลอนด์

     

         “ คุณยังไม่ทราบข่าวเหรอคะ ว่ามีภูเขาไฟระเบิดที่ไอซ์แลนด์ และเถ้าควันภูเขาไฟจะมาถึงทางเหนือของสหราชอาณาจักรวันนี้ซึ่งอาจจะทำให้ต้องระงับเที่ยวบินที่ไปสกอตแลนด์ทั้งหมด” สิ้นคำอธิบายของเจ้าหน้าที่สายการบินฉันก็หน้าซีดเหลือสองนิ้ว

     

          “ พระเจ้า” ฉันบ่นออกมากับตัวเอง ทำไงดีล่ะ ฉันอุตส่าห์บินมาถึงอังกฤษก็เพื่อเข้าเวิร์คชอปนี้โดยเฉพาะ เวิร์คชอปที่คนในแวดวงของฉันพูดกันว่ามันคือสิ่งที่ควรจะได้เข้าอบรมครั้งหนึ่งในชีวิต แล้วนี่ฉันกำลังจะพลาดมันหรือนี่ แล้วค่าลงทะเบียนที่ลงไปแล้วล่ะ ไม่นะ

     

         “เดี๋ยวฉ​ันจะโทรเช็คกับสายการบินให้อีกทีค่ะ” เสียงเจ้าหน้าที่สายการบินบอกมาทำให้ฉันใจชื้นขึ้นมาได้

    จากนั้นเจ้าหน้าที่สายการบินจึงกดโทรศัพท์เพื่อสอบถาม หลังจากนั้นจึงวางหูโทรศัพท์แล้วหันมาคุยกับฉันอีกครั้งหนึ่ง

     

         “ตอนนี้ยังไม่มีการระงับไฟลท์จากลอนดอนไปเอดินเบรอะนะคะ เมื่อคุยไปถึงลอนดอนแล้วให้เช็คกับเจ้าหน้าที่สายการบินอีกทีหนึ่ง” สิ้นคำอธิบายของเจ้าหน้าที่สายการบินสาว ฉันก็ลอบถอนหายใจ เอาวะ เดี๋ยวไปลุ้นอีกทีที่ลอนดอน

     

         “ขอบคุณมากค่ะ” ฉันเอ่ยขอบคุณเจ้าหน้าที่แล้วเดินออกจากเคาน์เตอร์เช็คอินไปยังช่องตรวจสัมภาระก่อนขึ้นเครื่อง

          ในทึ่สุดฉันก็เข้ามานั่งยังที่นั่งผู้โดยสารหน้าเกทA1 ฉันรีบเปิดแลปทอปคู่ใจเพื่อเช็คข่าวสารเรื่องภูเขาไฟระเบิดที่ไอซ์แลนด์โดยเร็ว เป็นดังที่เจ้าหน้าที่สายการบินบอกจริงๆ ขณะนี่มีแนวโน้มว่าสกอตแลนด์จะปิดสนามบินซะด้วย ให้ตายเถอะ ถ้างั้นก็ต้องไปทางอื่นซินะ อาจจะต้องไปโดยรถไฟ หรือไม่ก็ coach bus ว่าแล้วฉันก็รีบเช็คราคาตั๋วรถไฟจากลอนดอนไปเอดินเบรอะโดยเร็ว


           “บ้าไปแล้ว 185 ปอนด์ โอ้ มาย” ฉันเผลออุทานออกมา ฉันเสียค่าประชุมไปตั้ง 800 ปอนด์ ไม่รวมค่าเครื่องบิน นี่ต้องเสียค่าเดินทางอีก 185 ปอนด์เหรอ เฮ้อ งั้นไปรอลุ้นที่ลอนดอนก่อนละกัน

            ในที่สุดเสียงเจ้าหน้าที่ประกาศพร้อมที่จะให้ผู้โดยสารเกท A1 ที่จะไปสู่ลอนดอนขึ้นเครื่องได้ก็ดังขึ้น ผู้คนต่อคิวรอกันอยู่พอสมควรแล้ว ฉันขยับตัวอย่างเกียจคร้านค่อยๆปิดแลปทอปคู่ใจแล้วเดินไปต่อแถว สำหรับฉันนั่งที่ไหนก็ไม่สำคัญเนื่องจากมันเป็นไฟลท์ที่ใช้เวลาบินเพียงไม่กี่ชั่วโมงจากประเทศหนึ่งในยุโรปไปลอนดอนเท่านั้น เมื่อฉันขึ้นไปบนเครื่องก็พบว่าที่นั่งส่วนใหญ่ถูกจับจองไปแล้ว ฉันเล็งไปยังที่นั่งริมหน้าต่างแถวที่ยังไม่มีใครนั่งก็พบว่ามันว่างอยู่แถวหนึ่งจึงปราดเข้าไปนั่ง เมื่อฉันลงนั่งได้สักพักและกำลังนั่งเปิดแมกกาซีนของสายการบินเพลินๆ ก็ได้ยินเสียงภาษาอังกฤษสำเนียงบริติชจากชายหนุ่มผู้หนึ่ง

     

           “ไม่ทราบว่ามีใครนั่งตรงนี้รึเปล่าครับ” ฉันหันหน้าไปดูก็เห็นเป็นหนุ่มร่างสูงผมบลอนด์แต่งกายสุภาพด้วยเสื้อเชิ้ตลายทางและกางเกงยีนส์ หน้าตาเรียบๆ แต่ที่สะดุดตาคือลักษณะตาตกๆนิดๆที่ทำให้ฉันนึกถึงดาราอังกฤษอย่าง ฮิวจ์ แกรนท์ ขึ้นมานิดหน่อย

     

           “ไม่มีค่ะ เชิญค่ะ” ฉันหันไปส่ายหน้า และผายมือเป็นทีให้เขานั่ง หนุ่มที่ฉันทึกทักเอาเองว่าเป็นหนุ่มอังกฤษจากสำเนียงบริติชอิงลิชของเขาทรุดตัวลงนั่งห่างจากฉันถัดไปอีกเก้าอี้หนึ่ง



     






               ยังไม่จบนะคะ เดี๋ยวว่างๆจะมาต่อค่ะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×