Cinderella Story..
นาฬิกาตีสิบสองครั้งบ่งบอกว่าเป็นเวลาเที่ยงคืน
สาวน้อยที่ได้รับพรจากนางฟ้าใจดีวิ่งหนีเจ้าชายหายไปก่อนที่เวทมนต์นั้นจะสลายลง
รองเท้าแก้วที่หลุดรอไว้ เหมือนกับจะเป็นสื่อให้เจ้าชายได้ออกตามหา
มันช่างดูน่าหลงใหล เพียงแค่รองเท้าข้างเดียวที่ไม่น่าจะมีความหมายอะไร
กลับสามารถนำพาให้คนสองคนได้กลับมาเจอกันอีกราวปาฎิหารย์
..แล้วทั้งคู่ก็ได้ครองรักกัน อย่างมีความสุข สืบไป..
นิทานที่ตอนจบเจ้าหญิงและเจ้าชายได้ครองรักกันนั้น ฉันได้ฟังมานับไม่ถ้วน เคยฝันไว้ว่าตอนเด็กๆจะมีเจ้าชายสักคนมาพาฉันออกไป เหมือนอย่างนิทานหลายเล่มที่ถูกซื้อมา จากที่เคยมีเสียงนุ่มอ่อนโยนอ่านให้ฟังจนฉันคล้อยหลับไปทุกคืน มาจนบัดนี้..
..แม้กระทั่งนิทานเล่มใหม่ก็ยังไม่มี..
เจ้าชายจุมพิตเจ้าหญิงให้ฟื้นจากการหลับใหล ช่วยเธอหนีออกจากแม่มดใจร้าย ปีนขึ้นมาบนหอคอย ต่อสู้กับมังกร..
ซ้ำแล้วซ้ำเล่า..ฉันก็ยังคงอยู่ที่นี่..เพียงลำพัง..ไม่มีเจ้าชาย..ไม่มีนิทานเล่มใหม่..ไม่มีใคร..
..................
.............
...
ร่างเล็กเจ้าของผมสีน้ำตาลอ่อนยาวสยาย ปลิวลู่ไปตามแรงลม พระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า ย้อมทุ่งหญ้าสีเขียวให้กลายเป็นสีส้มกระจ่าง ร่างบางในชุดสีขาว กับกระดาษจดหมายที่อยู่ในมือ ดวงตาที่มีสีเดียวกับเส้นผม หาได้มีความประทับใจในความสวยงามที่ธรรมชาตินั้นได้สร้างขึ้นไม่..กลับกัน มันกลับดูเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด..
ความเงาของมีดพับที่พกเอาไว้ออกมาสะท้อนแสง แววตานั้นไม่ได้มีความกลัวแต่อย่างใด หล่อนยกมีดขึ้น..แล้วทันใดนั้น..
"อย่าน้าา!!"
"โครม!!"
ไม่ทันได้ัตั้งตัว เพราะทั้งเสียงและการกระทำมันมาพร้อมกัน ร่างบางๆและผู้มาใหม่ล้มกลิ้งกันไปตามทุ่งหญ้า เธอจุกจนพูดไม่ออก แต่พอได้ลืมตามา แสงแดดอ่อนๆสีส้มที่ทาทาบผ่านเบื้องบนของผู้ที่ล้มทับเธออยู่นั้นสาดส่องลงมา..แสบตาเหลือเกิน..
"คิดว่าฆ่าตัวตายแล้วโลกจะเบาขึ้นหรอไง?!"
"หา?"
"ก็!! เธอ..มีดนั่น.. เอ๋ ส้ม?.."
"ใช่..ส้ม.."
ผู้มาใหม่นิ่งเงียบเมื่อเห็นส้มลูกเล็กอยู่ในมือ ร่างเล็กหน้าตื่น เธอตีตนไปก่อนไข้นึกว่าเขาจะฆ่าตัวตาย ยิ่งเงียบเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกอายมากเท่านั้น
"เอ่อ..กินมั้ย?"
มือเรียวที่ยื่นส้มที่ปอกแล้วมาให้ทำลายความเงียบ ร่างเล็กรับมันมาเขินๆ
"อร่อยจัง"
"เอาอีกไหม?"
"อืม"
นั่งให้เขาปอกส้มให้กิน ร่างเล็กลอบสังเกตุคนที่เธอคิดว่าจะฆ่าตัวตาย เด็กผู้หญิงที่ดูอายุน่าจะรุ่นเดียวกับเธอ ผิวขาวที่ยิ่งดูขาวจัดเมื่อมันไม่มีแม้สีเลือด ใบหน้าหวานกับผมยาวสีน้ำตาลอ่อนถูกมัดไว้อย่างลวกๆ แต่ก็ดูมีเสน่ห์มาก..เป็นคนสวยมากคนนึงเลยละนะ..
"เอ้า..แล้วเธอ..มาเยี่ยมใครหรอ?"
"เอ๋?"
"ก็ที่นี่มันหลังโรงพยาบาล ถ้าไม่มาเยี่ยมใครแล้วเธอมาทำอะไรที่นี่ละ?"
"อ๋อ ที่นี่เป็นโรงพยาบาลงั้นหรอ ฉันเพิ่งย้ายมาอยู่ที่เมืองนี้น่ะ ทุ่งหญ้านี้คงกว้างไปถึงริมแม่น้ำ ฉันก็เดินเล่นมาเรื่อยๆก็เจอเธอ..เอ่อ..เมื่อกี๊ ขอโทษด้วยนะ.."
ปลายเสียงเบาลงเล็กน้อยเพราะความรู้สึกผิดปนเขินอายเล็กน้อย ที่เข้าใจผิดได้ซะสุดกู่ แถมโถมตัวเข้าหาเค้าตั้งแรง ดีนะไม่หักกลาง..ตัวบางนิดเดียว..ผอมชมัด..
"ไม่เป็นไรหรอก เอ้า กินอีกสิ"
"อืม ขอบใจนะ อ้อ ฉันชื่อ แทยอน คิม แทยอน แล้วเธอละ บ้านอยู่แถวนี้เหมือนกันหรอ?"
แทยอนถาม ความเข้าใจผิดของเธอไม่ได้ถูกเอาความ อีกอย่างส้มนี่ก็อร่อยมาก คนตรงหน้านี่ก็คงเป็นคนดีนะ
"ฉัน ทิฟฟานี่ ฮวังเป็นคนไข้ของโรงพยาบาลข้างหลังนี่หล่ะ"
"เอ๋? เธอไม่สบายหรอ?"
"อืม..คงจะไม่สบายหล่ะมั้ง แล้วก็คงถูกทิ้ง..ถึงหายแล้วก็ไม่มีที่จะกลับหรอก"
"เอ๋?"
แทยอนเอียงคอสงสัย คำพูดที่คนตรงหน้าพูดออกมานั้น แฝงไว้ด้วยความเศร้า..ความน้อยใจ..
"งั้นฉันมาเยี่ยมเธอทุกวันดีไหม?"
"เอ๋?"
"ฉันว่างน่ะ แล้วก็อยากตอบแทนเรื่องส้มด้วยนะ"
แทยอนลุกขึ้นยืน ปัดเศษหญ้าออกจากกางเกงขาสั้น เสื้อเชิ๊ตลายตารางติดกระดุมปลิวลู่ลม ผมสั้นระบ่าและรอยยิ้มที่อบอุ่นเหมือนพระอาทิตย์ที่เพิ่งจะลับขอบฟ้าไป..มิตรภาพเล็กๆ ที่เริ่มจากส้มลูกเดียว..นี่ก็คงเป็น ปาฏิหารย์เหมือนกันหรือเปล่านะ?..
...........
......
...
เหมือนในนิทาน ที่เจ้าหญิงนั้นได้พบเจ้าชายโดยปาฏิหารย์ มีเวทมนต์จากนางฟ้าใจดีคอยช่วยเหลือ..สำหรับฉันส้มลูกเดียวที่นางพยาบาลหยิบยื่นให้เมื่อวันนั้น ได้ร่ายเวทมนต์ให้แก่ฉัน..เป็นสิ่งเดียวที่เชื่อมฉันกับเขาไว้ คิม แทยอน..
จากที่เคยมีเพียงหนังสือนิทานเล่มเก่า เจ้าชาย เจ้าหญิง แม่มดใจร้าย คนแคระทั้งเจ็ด..ถึงแม้ว่าพวกมันจะช่วยให้คลายเหงาได้บ้าง แต่ก็ไม่ได้อบอุ่นเลย ต่างจากตอนนี้ ฉันรู้สึกอบอุ่นที่มีเธอมาอยู่เคียงข้าง..เธอที่มีรอยยิ้มราวกับดวงอาทิตย์..หัวใจที่แห้งผากของฉัน ยิ้มแย้มเปิดรับราวกับดอกทานตะวันที่ไม่ได้ต้องแสงมานาน..
"อะ..จะหมดเวลาเยี่ยมแล้วละ..ว้า.น่าเสียดายจัง"
คนตรงหน้าพูดพลางถอนหายใจ เป็นอีกหลายๆวันที่แทยอนมาเยี่ยมฉัน น่าแปลกที่ทั้งๆที่ฉันไม่ใช่คนช่างพูด แต่กลับพูดคุยกับแทยอนได้อย่างไม่ติดขัด หรืออาจจะเป็นเพราะคนตรงหน้านั้นช่างสรรหาเรื่องราวมาจากไหนก็ไม่รู้ ทำให้คนที่ไม่ได้ออกไปเผชิญโลกภายนอกเป็นเวลานานอย่างฉัน ฟังได้อย่างไม่รู้จักเบื่อเลย
"สามทุ่มนี่มันเร็วจังนะ รู้สึกว่าอยู่กับฟานี่แล้วมันผ่านไปแป๊ปเดียวเองอะ ทั้งๆที่ฉันอุตส่าห์มาแต่หัววันแล้วเชียว"
"ก็แท เอาแต่เล่าเรื่องให้ฉันฟังอย่างเดียวน่ะสิ เวลามันเลยผ่านไปเร็ว"
ฉันยิ้มขำ จริงๆนะ เวลาที่ฟังเธอพูด มันช่างผ่านไปเร็วจนน่าใจหายจริงๆ
"งั้นพรุ่งนี้ฉันจะให้เธอเล่าให้ฟังบ้างดีไหม?"
"อย่าเลย..ฉันอยู่แต่ในโรงพยาบาล ไม่มีเรื่องสนุกๆหรอก"
ฉันปฏิเสธ โรงพยาบาลสีขาว วันๆได้พบเจอแต่นางพยาบาลและหมอ..ไม่มีอะไรน่าสนใจเลยสักนิด
"แหม จริงหรอ? ฟานี่ไม่เคยเจอหรอ? ไอ้แบบว่า.."
"แบบว่า..? อะไรหรอ?"
"ก็แบบว่า..ไอ้ กุ๊ก กุ๊ก กู๋ อะ..ไม่เคยเจอเลยหรอ?"
แทยอนพูดปลายเสียงค่อยเหมือนกับจะกระซิบแกล้งฉัน บรรยากาศเป็นใจที่ลมฤดูใบไม้ร่วงพัดเข้ามาจนหน้าม่านหน้าต่างไหวสะบัด..ฉันรีบหยุดบรรยากาศนั้นเสียงดัง
"บ้า!! อย่าพูดนะ!!"
"ฮ่าๆๆ ฟานี่เนี่ย น่ารักจังนะ แค่นี้ก็กลัวแล้วหรอ?"
แทยอนหัวเราะลั่น ไม่ได้สังเกตุว่าคนตรงหน้ากำลังกลัวในสิ่งที่ตัวเองพูดหรืออย่างไร โชคดีแล้ว ฉันซ่อนใบหน้าแดงๆเอาไว้..เพราะเขาชมว่าฉันน่ารัก..ชมฉันงั้นหรอ?..
"เอ๋ ฟานี่ หน้าแดงนี่! ไม่สบายหรือเปล่า?"
แทยอนถามหน้าตาตื่น ใบหน้าฉันแดงขนาดนั้นเลยหรอ? แย่แล้ว..ฉันรีบปฏิเสธ แทยอนถามย้ำอีกครั้งให้แน่ใจ จนฉันต้องพยักหน้าแรงๆหลายครั้ง ก็สามารถหยุดไม่ให้แทยอนวิ่งออกไปเรียกพยาบาลมาได้ เธอกดตัวฉันลงกับเตียง บ่นไปว่าคงเพราะอากาศที่เริ่มเย็นขึ้น มือเรียวนั้นดึงผ้าห่มขึ้นมาให้ฉันจนมิดคอ..ใจดีจังเลยนะ..
"เอ้า นอนเถอะ ฉันไม่กวนแล้ว เป็นเด็กดี พรุ่งนี้จะพาไปเที่ยวนะ"
"เอ๋..ฉันไม่ใช่เด็กๆนะ สูงกว่าเธอซะอีก"
ฉันว่าเสียงสูง แกล้งโกรธเล็กน้อย ทั้งที่จริงๆแล้วไม่ได้โกรธเลยสักนิด เรียกรอยยิ้มจากคนตรงหน้า พร้อมมืออันแสนอบอุ่นก็ลูบหน้าผากฉันเบาๆ
"สูงกว่าแต่ก็มีแต่กระดูกแบบนี้ไม่นับนะ เอาละ นอนได้แล้ว ฉันอ่านนิทานให้ฟังมะ?"
"เอ๋?"
"นี่ไง ฉันเห็นเธอมีนิทานตั้งเยอะ ชอบหรอ?"
แทยอนมองไปบนตู้เล็กๆที่ฉันใช้วางเหล่าหนังสือนิทานที่คุณพ่อคุณแม่เคยซื้อมาให้ พวกท่านจะอ่านให้ฟังจนฉันหลับไปก่อนแล้วถึงจะกลับออกไปเสมอๆ
"อืม ก็ชอบ..เจ้าชาย.."
"หืม? ฟานี่นี่อารมณ์เจ้าหญิงเหลือเชื่อแฮะ"
"หมายความว่าไงอะ?"
"ฮ่าๆ เปล่าๆ แล้วหาเจอหรือยังละ? เจ้าชายน่ะ"
แทยอนยิ้มถาม ฉันไม่ตอบแต่กลับมุดใบหน้าเขินอายลงใต้ผ้าห่ม เธอคงไม่รู้หรอกนะว่า ตัวเธอเองในตอนนี้ก็เปรียบเหมือนเจ้าชาย..
"หมดเวลาเยี่ยมแล้วค่ะ"
เสียงนางพยาบาลที่โผล่หน้าเข้ามาเตือน แทยอนมองนาฬิกาบนพนังห้องบอกเวลาว่ามันเลยเวลาสามทุ่มมาสิบนาทีแล้ว เธอพยักหน้ารับให้นางพยาบาลคนนั้น ก่อนจะหันมา
"ว้า..อดอ่านนิทานเลย งั้นฉันไปละนะ ฟานี่ พรุ่งนี้เจอกัน ฝันดีนะ"
"อืม..ฝันดี..ฉันจะรอนะ"
"อื้ม"
รอยยิ้มจากไป ความมืดมิดก็เข้ามา แทยอนไปแล้ว แต่ความอบอุ่นยังไม่จางหาย มันยังอยู่ในใจฉัน ถึงแม้ว่าซินเดอเรล่าจะต้องจากเจ้าชายไปตอนเวลาเที่ยงคืน ถึงแม้ว่าเวทมนต์ของฉันจะอยู่ได้ถึงแค่เวลาสามทุ่ม..แต่พรุ่งนี้..ฉันก็ยังจะได้เจอเจ้าชายของฉัน..นับได้ว่า..ฉันยังโชคดีกว่าซินเดอเรล่ารึเปล่านะ..
................
...........
.....
ผ่านไปจนถึงฤดูหนาว อาการของทิฟฟานี่ก็ยังไม่ดีขึ้น เธอดูจะอ่อนแอลงกว่าเดิม สถานที่ที่ฉันจะได้อยู่กับเธอนั้นเป็นแค่ในห้องผู้ป่วยพิเศษของเธอเท่านั้น..
พูดถึงพิเศษ มันก็ไม่ได้มีอะไรต่างไปจากห้องผู้ป่วยทั่วไป อาจจะดูหรูหรากว่า แต่ก็ดูเหงากว่าด้วยเช่นกัน ห้องที่ค่อนข้างใหญ่ มีตู้เย็นและทีวี สิ่งอำนวยความสะดวกเรียกได้ว่ามีมากกว่าห้องผู้ป่วยธรรมดาอย่างแน่นอน แต่ก็ไม่มีเพื่อน..เธอไม่เหงาหรือไงนะ เมื่อเวลากลางคืนมาถึง..เพราะอย่างนี้..ฉันจึงอยากอยู่กับเธอจนถึงที่สุด..ให้ก่อนเวลาสามทุ่ม..
ตุ๊กตาหิมะที่ปั้นให้เธอเป็นตัวแทนฉัน นางพยาบาลเล่าให้ฟังว่าเธอหัวเราะเกือบตาย ฤดูใบไม้ผลิที่ดอกซากุระบาน..ฉันปีนขึ้นไปหักกิ่งของมันมาปักแจกันให้เธอ กลับทำให้เธอกลายเป็นผู้ต้องสงสัยในการหักกิ่งต้นซากุระต้นโปรดของผู้อำนวยการโรงพยาบาล..ขอโทษนะ..
"ฟานี่อา สีหน้าดูดีขึ้นนะ"
คุณหมอทักขึ้นในช่วงตรวจร่างกายตามปรกติ ทิฟฟานี่ยิ้มอย่างดีใจที่ผลการตรวจออกมาดี ต่างจากช่วงก่อนฤดูหนาวที่อากาศเปลี่ยนทำให้เธอต้องติดเชื้อหวัด ทำเอาลุกไปไหนไม่ได้เกือบหลายอาทิตย์ ฉันเลยพลอยเหงาไปด้วย ที่ไม่สามารถเข้าเยี่ยมเธอได้
ในช่วงนั้น งานเขียนสมัครเล่นของฉันก็ได้ตีพิมพ์ในหนังสือเล่มหนึ่ง และฉันอาจจะเป็นหนึ่งในนักเขียนหลายๆคนที่ถูกเสนอชื่อให้ได้รับรางวัลนักเขียนหน้าใหม่ ฉันดีใจมากที่นักเขียนที่ฉันชื่นชมอย่าง คุณคังอิน จะเป็นคนเลือกผลงานของฉันด้วยตัวเอง
"ดีจังเลยนะ ยอดไปเลย แท"
"อื้ม สุดยอดเลยเนอะ ฉันดีใจมากเลยละ ตอนที่มีโทรศัพท์มา นี่ฉันรีบมาบอกเธอคนแรกเลยนะ!!"
"ดีใจด้วยจริงๆนะ"
ทิฟฟานี่ยิ้มอย่างยินดีให้กับฉัน ฉันเองก็พลอยปลื้ม นิตยสารที่ประกาศรางวัล ลงรูปของคุณคังอินด้วย
"คุณคังอินนี่จะเป็นคนแบบไหนกันนะ..ได้ยินมาว่าเขาเป็นคนที่วิเศษมากเลยละ"
ฉันมองภาพของคุณคังอินอย่างหลงใหล นักเขียนที่ฉันติดตามผลงานของเขามาอย่างเหนียวแน่น แค่คิดว่าจะได้เจอเขา ฉันก็รู้สึกปลื้มจนอดยิ้มไม่ได้..
"เจ้าชายของแท..คงจะเป็นอย่างคุณคังอินสินะ"
ปลายเสียงที่ค่อยลง ฉันไม่ทันได้สังเกต กลับยิ้มรับคำพูดนั้น..ไม่ได้รู้เลยว่าแค่อาการหลงใหลใครสักคนในความฝัน..จะสร้างความเจ็บปวดให้กับคนที่ฉันนั้นจะต้องเสียใจกับการสูญเสียเขาไป ตลอดกาล..
.........
......
...
เวทมนตร์ที่เธอคนนั้นหยิบยื่น ร่ายมาให้ฉันเป็นสุขทุกคืนวันที่ผ่านมา..คงเป็นเพียงแค่คำสัญญาที่เลี่ยงไม่ได้เท่านั้นสินะ..คนใจดีอย่างเธอ..สิ่งที่มีให้ฉันคนนี้..ก็คงเป็นเพียงแค่ "ความสงสาร" เท่านั้นหรือเปล่านะ?..
เจ้าชายของแทยอน..คนที่เธอหลงใหล เธอยิ้มอย่างปลื้มใจ เมื่อผลงานที่เธอเฝ้าอดทนทำมันมาได้รับการตอบรับ..จากผู้ชายในนิตยสารคนนั้น..คนที่เป็นผู้ชาย..คนที่ดูแข็งแรง..สูงใหญ่..เขาคงจะปกป้องเธอได้อย่างเต็มตัวสินะ..
สิ่งที่เขาทำได้..ฉันไม่อาจจะทำได้เลย..ร่างกายที่เล็กไม่ได้แข็งแกร่ง..มือก็เล็กบอบบาง..ถ้าฉันไม่สามารถเป็นเจ้าหญิงของเธอได้..ฉันก็ไม่อาจเป็นเจ้าชายของเธอได้เช่นกัน..
แต่ความฝันมันก็คือความฝัน..เจ้าหญิง เจ้าชายไม่มีตัวตนในโลกแห่งความจริง..ฉันไม่ได้เป็นเจ้าหญิง และเธอก็ไม่ใช่เจ้าชาย..แต่ว่านะ..แท..ขอให้ฉันได้เป็นแค่คนคนหนึ่ง..ที่จะได้อยู่เคียงข้างเธอต่อไปได้ไหม..ให้เหมือนเช่นดอกทานตะวันที่ทำได้แค่เพียงจับจ้องมองดวงอาทิตย์อยู่เพียงข้างเดียว..เท่านั้น..ฉันก็พอใจแล้วละ..
แต่แล้วสิ่งที่ฉันไม่คาดคิดมาก่อนก็เกิดขึ้น..ไม่สิ..มันอาจจะเป็นสิ่งที่ควรเกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่ฉันเองต่างหากที่ไม่เคยคิดจะยอมรับมัน..และโทษของการคิดเข้าข้างตัวเอง..ก็ทำให้ฉัน..ต้องเจ็บปวดแสนสาหัส..ในคืนวันที่เจ้าชายของฉัน..ไปงานรับรางวัลนักเขียนหน้าใหม่..
"นี่...ฟานี่...ฉันมีอะไรจะบอกหละ"
รอยยิ้มแสนสดใสยิ่งกว่าสิ่งใดหรือวันใดๆปรากฏบนใบหน้า บ่งบอกถึงความสุขที่ปิดไม่มิดของคนตรงหน้านี้...ฝ่ายรับฟังยังไม่ทันได้เอ่ยปากถามถึงสาเหตุ เจ้าตัวก็เอ่ยบอกในทันควัน
"ฉันมีคนรักแล้วหละ"
เพียงแค่คำสั้นๆคำเดียวที่ทำให้คนคนหนึ่งมีความสุขล้นพ้น...และมันก็เป็นคำสั้นๆคำเดียวที่ทำให้คนอีกคนปวดรวดร้าวอย่างแสนสาหัสเช่นเดียวกัน...คำถามที่กำลังจะออกมาถูกกลืนกลับลงคอไปอย่างยากเย็น
"เหรอ...ดีจังเลยนะ..."
การยิ้มนั้นช่างยากเย็นเหลือเกิน...ทิฟฟานี่คิดในใจและพยายามฝืนทนยิ้มออกมาให้เห็น...แม้มันจะไม่เป็นธรรมชาติอย่างที่สุด แต่แทยอนเองก็กลับไม่ได้สังเกตถึงมันแม้แต่น้อยด้วยเพราะหัวใจที่พองโตด้วยคำรักที่เพิ่งจะเคยได้สัมผัส
"อื้อ...เค้าเพิ่งสารภาพรักกับฉันวันนี้เอง...คุณคังอินน่ะ สุดยอดเลยนะ ไม่น่าเชื่อเลย เราเจอกันในงาน เขาบอกว่าเขาก็ติดตามผลงานของฉันอยู่เหมือนกัน"
เธอบอก รอยยิ้มไม่จางหายไปไหน ตรงกันข้ามกับอีกฝ่ายที่มันลางเลือนไปเรื่อยๆ...ลางเลือน จนแทบจะจางหายไปด้วยซ้ำ...เพราะความเจ็บปวดที่กัดกินข้างในหน้าอกนี้อย่างช้าๆ แต่หนักหน่วง...
แทยอนที่ดูมีความสุขในวันนี้เจิดจ้ายิ่งกว่าทุกๆวันในสายตาของทิฟฟานี่...แต่ความเจิดจ้านั้นก็ทำให้เธอแสบตาจนน้ำตาแทบจะไหล...แต่ก็คงทำได้เพียงแค่กลั้นมันเอาไว้ และฝืนยิ้มออกมาให้เห็น เพื่อแสดงความยินดีกับ "เพื่อน" ที่สำคัญที่สุดของเธอ...
แทยอนอาจจะรับรู้เพียงแค่นั้น...เพียงแค่ "เพื่อน" ที่สนิทกันมากๆคนหนึ่ง...แต่เธอจะรับรู้บ้างมั้ยนะ...ว่าข้างในหัวใจหญิงสาวที่อ่อนแอคนนี้ มันอ่อนแอเสียเหลือเกิน จนกระทั่งแอบฝันเอาเธอมาเป็นเจ้าชาย คอยปกป้องคุ้มครองดวงใจบางๆดวงนี้...
ตะวันที่กำลังคล้อยตกลงสู่ผืนน้ำ ส่องแสงสีส้มสาดเข้ามาในห้องที่มีเพียงร่างสูงบางนั่งอยู่คนเดียวบนเตียงสีขาว...สีส้มในวันนี้ไม่ได้ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นสุขเหมือนเคย มันกลับแสดงถึงความเปล่าเปลี่ยว โดดเดี่ยวยิ่งกว่าสิ่งใด
ร่างบางนั้นสั่นสะอื้นแต่ก็กัดฟันเอาไว้ ไม่ให้เสียงร้องไห้ของตัวเองเล็ดลอดออกมา...ความเจ็บปวดทรมานจากการที่พยายามหลอกตัวเอง เจ้าชายของเธอไม่มีวันจะเหลียวมองมาทางเธอแม้แต่น้อย..แทยอนไม่ใช่เจ้าชาย..เธอเองก็คงจะรู้ดีที่สุด..เธอก็เป็นได้แค่เพียงดอกทานตะวัน ที่เอาแต่จับจ้องดวงอาทิตย์ที่สดใสดวงนั้นเพียงฝ่ายเดียว...โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้คิดอะไรหรือแม้กระทั่งจะรู้ว่าดอกทานตะวันดอกนี้ดำรงอยู่เลยแม้แต่น้อย...
ผืนฟ้ากว้างอันปราศจากแสงจากตะวัน ช่างว่างเปล่าเสียเหลือเกิน...สิ่งที่มอบความสุขและชีวิตชีวาของเธอได้หายไปแล้ว...ต่อจากนี้ไป คงมีเพียงราตรีที่มืดมนเท่านั้นที่เธอจะเห็นอีกนับพันนับล้านคืนวัน...แล้วดอกทานตะวันจะอยู่ต่อไปอย่างไรได้เล่า หากขาดซึ่งแสงอาทิตย์มาหล่อเลี้ยง...มันก็เหลือเพียงทางเดียว นั่นคือ...เหี่ยวเฉาและร่วงโรยไป...
.............
.......
...
"อ๊ะ ไม่ต้องเยอะหรอกคะ"
"เอ๋ จะดีหรอ ไม่แบ่งไปอีกหน่อยหรอ แท?"
รุ่นพี่ที่ทำงานพิเศษของฉันทักขึ้นเมื่อฉันขอเค้กที่ขายไม่หมดไปฝากทิฟฟานี่ก่อนเลิกงาน..ฉันเลิกงานตอนสามโมง ยังมีเวลาไปนั่งคุยกับทิฟฟานี่อีกเยอะ แค่คิดถึงใบหน้าดีใจที่เห็นได้ฉัน..ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้..
"พอแล้วละค่ะ ฟานี่น่ะยังทานอะไรหวานๆไม่ได้มากหรอก"
"หืม? สนิทกันดีจังเลยนะ วันๆพี่เห็นว่าเธอเอาแต่คิดถึงเรื่องของคุณทิฟฟานี่เนี่ย"
เธอยิ้มขำ แซวฉันเล็กน้อยที่หมู่นี้ฉันจะเล่าเรื่องของทิฟฟานี่ให้เธอฟังบ่อยเหลือเกิน..ความรักงั้นหรอ?..
"คนที่ฉันรักน่ะ คุณคังอินต่างหากนะ"
"ถ้าอย่างนั้น ทำไมต้องรีบร้อนไปหาเขาทุกวันอย่างนี้ด้วยละ?"
นั่นสิ..ทำไม?..
"ก็ต้องไปนี่นา..ฉัน..สัญญาไว้แล้ว.."
เพราะมัวแต่คิดอะไรมากเกินไป แทยอนจึงไปถึงโรงพยาบาลช้ากว่าที่ตั้งใจไว้ ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว ห้องที่คุ้นตากลับไม่มีร่องรอยของคนที่คุ้นเคย..แทยอนวางกล่องเค้กเอาไว้บนหลังตู้เย็นก่อนจะไปที่เตียงที่มีผ้าห่มกองไว้ยับยู่ยี่..มือเรียวสัมผัสได้ถึงความเย็นที่หลงเหลืออยู่..คงออกไปนานแล้วสินะ..
ทุ่งหญ้าที่เคยเขียวชอุ่มถึงแม้ว่าจะอยู่ในเวลากลางคืน เต็มไปด้วยหิมะในคืนฤดูหนาว ร่างที่ยืนเหม่อราวกับคนไร้วิญญาณอยู่ภายใต้แสงจันทร์ แทยอนสัมผัสได้ถึงร่างกายที่เย็นเฉียบ..
"เดี๋ยวจะเป็นหวัดนะ.."
แทยอนคลุมเสื้อที่หยิบติดมาให้ ทิฟฟานี่ยังคงไม่พูดอะไร..แววตาสีน้ำตาลที่เคยสดใส..ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มกลับหายไป..ร่างบางที่ดูอ่อนแออยู่แล้วกลับดูอ่อนล้ามากกว่าที่เคยเป็น..พลันร่างทั้งร่างก็สั่นไหว..พร้อมเสียงกระซิบแผ่วเบาและหยาดน้ำตา..
"ฉัน..ไม่เหลือใครแล้ว.."
ใบแจ้งข่าวการเสียชีวิตของทั้งครอบครัวหล่นออกจากมือ..ทั้งพ่อและแม่ที่ไม่รู้ว่าได้เจอหน้ากันครั้งสุดท้ายนั้นเมื่อไหร่..น้ำเสียงอ่อนโยนที่เคยอ่่านนิทานให้ฟังจนหลับไปนั้น ช่างอยู่ไกลเหลือเกิน..ตอนนี้..เธอไม่ได้ยินเสียงของใครเลย..
หยาดน้ำตาไหลอาบแก้ม ทิฟฟานี่ไม่ได้ทรุดตัวลง หากแต่ว่าเพราะร่างทั้งร่างนั้นไม่สามารถขยับไปไหนได้อีกแล้ว ไม่ได้มีแรงที่จะยืนอยู่ กลับกันขาทั้งสองข้างกลับแข็งชา..ใบหน้าของแทยอนช่างเลือนลางเหลือเกิน..
"เธอจะยอมแพ้ไม่ได้นะ..ฟานี่..เธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวนะ.."
ความอบอุ่นจากมือเรียวเล็กนั้นส่งผ่านมา ใบหน้าเปื้อนน้ำตาพลันอบอุ่นขึ้นมาอีกครั้ง..
"ตัวเย็นไปหมดเลยนะ"
อ้อมกอดที่เพียงต้องการให้ทิฟฟานี่หายหนาว กลับเป็นอ้อมกอดที่ร่างบางโหยหามานาน..ความรักที่แม้จะรู้ว่าไม่มีทางจะได้รับคืนกลับมา..
..แต่เพียงแค่ครั้งเดียว..
"แทยอน..ฉันรักเธอ"
กลั้นหายใจพูดคำที่คิดจะซ่อนให้อยู่ในส่วนลึกของจิตใจออกไป..พูดทั้งๆที่รู้..พูด..โดยเตรียมใจที่จะเจ็บ..แต่มันก็คงไม่สามารถเจ็บไปกว่านี้ได้อีกแล้ว..จะเป็นไรไปละ..ดีซะอีก..ถ้าทำให้มันด้านชาไปได้ในครั้งเดียว..
"...ขอโทษนะ..แต่คนที่ฉันรัก..คงเป็นเธอไม่ได้"
อาจจะเป็นเพราะรู้อยู่แล้ว..รู้มาตั้งแต่ต้น..ไม่สามารถหลอกตัวเองได้อีกต่อไป..อาจจะเป็นเพราะหัวใจที่เคยอ่อนแอนี้ได้รับความเข้มแข็งจากเธอมามากพอแล้ว..เสียงแหบพร่าที่ตอบออกไปจึงไม่อ่อนล้าเท่าที่เป็น..เมื่อเป็นคนเลือกเอง..ที่เหลือ..ก็แค่ต้องยอมรับมัน..
"อืม.."
แสงไฟจากตึกพยาบาลดับลง เป็นสัญญาณว่าหมดเวลาเยี่ยมและได้เวลาดับไฟ เวลาสามทุ่มตรง..เจ้าชายจากไป..เวทมนต์..สลายลงแล้ว..
...............
........
...
นับตั้งแต่คืนวันนั้นในฤดูหนาว ฉันไปหาทิฟฟานี่ตั้งแต่เช้าของวันรุ่งขึ้น..แต่กลับพบแค่ห้องที่ว่างเปล่า หนังสือนิทานหายไป..และเจ้าของมัน..ก็หายไปด้วย..
นางพยาบาลแจ้งฉันมาว่า ทิฟฟานี่นั้นหลังจากที่ทราบข่าวการตายของพ่อแม่ ก็ต้องรีบกลับไปยังบ้านเก่าของญาติๆที่เธอไม่เคยพูดถึง เพราะเป็นลูกคนเดียว..และเธอไม่เคยบอกว่าเธอนั้นย้ายไปที่ไหน..
หลังจากนั้นอีกไม่นาน งานเขียนของฉันถือว่ากำลังก้าวหน้าชื่อของ คิม แทยอน นักเขียนหน้าใหม่ไฟแรงกำลังมีชื่อโลดแล่นในวงการนักอ่านอย่างแพร่หลาย แต่นั่นกลับไม่ทำให้ฉันดีใจสักนิด..กับคุณคังอินที่กลายมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวและที่ปรึกษา..เค้ากลับไม่ทำให้หัวใจเต้นเหมือนครั้งแรกที่เห็นเขาในงานเลี้ยง..
และเป็นอีกคืนที่ฉันต้องออกมาส่งต้นฉบับด้วยตัวเอง..นอกจากจะโทรมาโวยวายเมื่อช่วงหัวค่ำให้ปั่นต้นฉบับให้เสร็จภายในคืนนี้ ตอนนี้ผู้จัดการของฉันก็คงมีนัดเดทกับคู่หมั้นที่กำลังจะลงเอยแต่งงานกันในไม่ช้า..
ร่างบางโอดครวนท่ามกลางอากาศร้อนของกลางฤดูร้อนที่ร้อนสมชื่อ..หย่อนซองเอกสารที่นั่งหลังขดหลังแข็งเขียนมันทั้งคืนใส่ตู้จดหมายใต้คอนโดของคุณผู้จัดการ แทยอนเดินกลับห้องของตัวเองเพราะระยะทางนั้นไม่ไกลนัก..และผู้คนก็ไม่ได้เบาบางลงไปเลย..จึงค่อนข้างมั่นใจเรื่องความปลอดภัย..
หนีจากความวุ่นวายที่ไม่ได้ต่างจากตอนกลางวันมายังสถานที่แห่งความหลัง แทยอนมักจะมาที่นี่เพื่อผ่อนคลาย สวนหลังโรงพยาบาลที่เธอเคยเจอกับทิฟฟานี่ ทุ่งหญ้าที่ยังคงความเขียวชอุ่มเอาไว้ ปลิวลู่ลม จากที่ไม่เคยเห็นใคร..เธอกลับเห็นแผ่นหลังที่คุ้นเคยอยู่ตรงนั้น..
"โครม!!"
"โอ๊ยย!!"
เพราะความไม่แน่ใจ แทยอนจึงค่อยๆเดินเข้าไป ไม่ทันได้สังเกตเห็นท่อนไม้ที่ขวางตรงอยู่ตรงหน้า จนสะดุดมันเข้าเต็มเปา แต่เมื่อร่างเล็กที่หันกลับมาและแทยอนแน่ใจว่าใช่คนที่เธอตามหา มือเรียวเล็กก็รีบคว้าชายกางเกงเขา ราวกลับกลัวว่าทิฟฟานี่จะสามารถหายไปได้ในทันทีที่เห็นหน้าเธอ..
"ธะ..เธอ..ยังมีชีวิตอยู่นี่นา?.."
"อะ..ยังร่าเริงเหมือนเดิมเลยนะ แท?"
ทิฟฟานี่ยิ้มกลับมา นัยน์ตาสีน้ำตาลที่คุ้นเคย รอยยิ้มที่คุ้นเคย..เธอกลับมาแล้ว..
"กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่ิติดต่อมา!!"
"ก็เวลาผ่านไปตั้งป่านนี้แล้ว.."
ปลายเสียงหวานเศร้าลงไป แทยอนไม่ได้สนใจ เธอคว้ามือเรียวมากำแน่น รู้สึกถึงความชื้นที่ดวงตา ไม่ใช่เพราะเจ็บที่สะดุดท่อนไม้..
"มีปากกาไหม?"
"อะ..เอ่อ มีค่ะ"
ทิฟฟานี่ยื่นปากกาให้อย่างสงสัย แทยอนไม่ยอมปล่อยมือคนตรงหน้า เธอใช้มือหนึ่งเขียนที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองใส่มือทิฟฟานี่ และพลิกมือตัวเองกลับให้ทิฟฟานี่เขียนของตัวเองมาเช่นกัน
หลังจากแลกที่อยู่ใส่ฝ่ามือกันเป็นทีเรียบร้อยแล้ว แทยอนจำต้องขอตัวกลับก่อนทั้งๆที่มีเรื่องอยากจะคุยอีกเยอะ แต่ว่าที่ทิฟฟานี่มาถึงที่ทุ่งหญ้าหลังโรงพยาบาลในวันนี้ก็เพราะคุณหมอที่เคยดูแลเธอเมื่อครั้งก่อน นัดมาเพื่อตรวจสุขภาพอีกครั้ง แต่จากที่แทยอนเห็นแล้ว ทิฟฟานี่ก็ดูแข็งแรงขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนมาก..ร่างบางยิ้มร่า ดีใจที่ได้เจอทิฟฟานี่อีกครั้ง จนลืมความเมื่อยล้าจากการนั่งหลังแข็งเพื่อปั่นต้นฉบับให้เสร็จเลยทีเดียว..
คืนงานเลี้ยงฉลองปิดเล่มของสำนักพิมพ์ ร่างบางถูกคะยั้นคะยอให้ดื่มเหล้าและเกือบเมาจนทรุด จากหนุ่มๆที่พร้อมจะขับรถไปส่งเธอถึงที่บ้าน และมีบางพวกที่อยากจะให้เธอไปพักที่บ้านของเขา ซึ่งแน่นอนว่าสติที่ยังครบถ้วนของแทยอนไม่ยอมให้เรื่องอย่างนั้นได้เกิดขึ้นแน่ เศษกระดาษยับยู่ยี่ถูกรื้อออกมาจากกระเป๋าถือ โยนให้ผู้ชายสักคนที่อาสาไปส่งเธอที่บ้าน ให้ไปตามที่อยู่นี้ซะ..
"เอาล่ะ ขอบใจ ราตรีสวัสดิ์นะ"
แทยอนลงจากรถทันทีที่เห็นป้ายชื่อหน้าบ้านที่บ่งบอกว่ามาถึงที่แล้ว บ้านเดี่ยวชั้นเดียวที่มีสวน ถึงจะดูเล็กแต่ก็พอเหมาะแล้วสำหรับหญิงสาวที่อาศัยอยู่ตัวคนเดียว ทิฟฟานี่ในชุดเสื้อคลุมทับชุดนอน ออกมาตามเสียงกริ่งก็พบกับร่างบางที่ดูสติใกล้จะดับไปเต็มที่ เหล่าหนุ่มๆที่มาส่งเธอต่างมองร่างสูงที่ยังงงๆด้วยสายตาไม่พอใจ
"อะ..เอ่อ? แท?"
"ฉันจะค้างที่นี่ ขอบใจที่มาส่งนะ"
แทยอนบอกลาส่งท้ายพวกผู้ชายที่ยืนไม่พอใจทิฟฟานี่อยู่หน้าบ้าน เธอพยักหน้าให้พวกเขาน้อยๆก่อนจะปิดประตูแล้วเดินตามหลังร่างบางที่เดินโซเซไปตามทางแล้วล้มลงบนที่นอนในห้องที่เธอปูไว้สำหรับตัวเองอย่างแม่นยำ..
"เอ๋ โธ่ แทละก็"
ทิฟฟานี่ยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นร่างบางที่ล้มตัวลงบนที่นอนแล้วก็ดูเหมือนจะหลับไปในทันที ฟูกที่มีเพียงแค่ชุดเดียวก็คงต้องยกให้แขกผู้น่ารักนี่เสียแล้ว ทิฟฟานี่ดึงผ้าห่มคลุมให้ถึงไหล่ ก่อนจะปิดไฟห้องแล้วหันไปเปิดโคมไฟที่โต๊ะหนังสือเพื่ออ่านหนังสือต่อจากที่ค้างไว้..
..ที่นี่?..แทยอนลืมตาขึ้นน้อยๆ บนฟูกนุ่มๆที่มีกลิ่นหอมไม่คุ้นเคย..ไม่ใช่ที่บ้านของเธอ..ร่างเล็กหันไปพอดีกับที่ทิฟฟานี่เอื้อมมือข้ามตัวเธอมาปิดวิทยุที่อยู่ข้างๆตัวเธอ..
"อ๊ะ!?"
"ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะค่ะ ฉันลืมเปิดวิทยุทิ้งไว้น่ะ"
ทิฟฟานี่ยิ้มพลาง ยกตัวเองขึ้นจากที่ดูเหมือนว่ากำลังคร่อมร่างเล็กๆของแทยอนอยู่ แสงไฟอ่อนๆจากโคมไฟที่โต๊ะเขียนหนังสือส่องลาดเข้ามา..ใบหน้าของทิฟฟานี่ เหมือนในคืนนั้น..อ้อมกอดนั้น..
..ฉันรักเธอ..
..แทยอน..ฉันรักเธอ..
คำสารภาพรักของทิฟฟานี่ในวันนั้นย้อนกลับเข้ามา..นี่เธอกำลังลืมไปหรือว่าเธอกำลังนอนอยู่ในบ้านของคนที่เคยบอกว่าชอบเธอ..ทิฟฟานี่รักเธอ..จากที่นอนอย่างไม่คิดอะไรกลับกลายเป็นว่าแทยอนนั้นนอนไม่หลับเกือบทั้งคืน กลางดึกที่แสงไฟอ่อนๆจากโคมไฟในห้องดับไปแล้ว แทยอนได้ค่อยๆหันหน้ากลับไปก็ไม่พบเจ้าของห้องอีก..เธอเข้าใจว่าทิฟฟานี่ออกไปนอนอีกห้อง จึงหลับได้อย่างสบายใจอีกครั้ง..
รุ่งเช้าที่รู้สึกปวดหนึบที่ขมับ แทยอนยันตัวเองลุกขึ้นจากที่นอนที่มีกลิ่นของทิฟฟานี่ มองซ้ายมองขวาปรับสายตาให้เข้ากับห้องที่ไม่คุ้นเคย ห้องเล็กที่มีเพียงแค่ฟูกที่เธอนอนอยู่ ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะหนังสือแบบนั่งพื้น วิทยุที่อยู่ข้างๆเธอ นั่นก็หมดแล้ว ร่างบางลุกออกจากที่นอน พับมันให้ดูเรียบร้อยพลางลุกออกไปดูว่าเจ้าของบ้านนั้นจะตื่นหรือยัง..
ผิดคาด..ยังไม่ตื่น ซ้ำจากที่เธอนึกไปว่าทิฟฟานี่นั้นออกไปนอนอีกห้อง นั้นไม่ใช่ บ้านหลังนี้มีเพียงแค่ห้องเดียวและส่วนภายนอกถูกกั้นเป็นห้องครัวขนาดเล็ก ห้องนั่งเล่นที่มีแค่ชั้นหนังสือ โทรทัศน์ โซฟาขนาดสองคนนั่ง กับโต๊ะกลางห้อง และเค้าก็หลับสนิทอยู่ตรงนั้น โซฟาตัวเล็กที่ดูจะพอดีกับความสูงของคนที่นอนขดอยู่ ถึงจะอย่างนั้นแต่ก็ยังดูไม่น่าสบายเท่าไหร่..ซ้ำยังไม่มีผ้าห่ม..
แทยอนรีบกลับเข้าไปที่ห้องเดิม คว้าเอาผ้าห่มที่เธอใช้ห่มเมื่อคืนมาคลุมตัวให้ทิฟฟานี่ที่ดูจะนอนตัวสั่น บ้าจริง..เมื่อคืนเธอคงรู้สินะว่าฉันรู้สึกยังไง..
"เอ๊ะ? ตื่นแล้วหรอค่ะ แท?"
"อืม ฉันจะไปแล้ว ทำตัวให้อบอุ่นซะนะ"
"อะ..เอ่อ..คือว่าฉันได้รับดอกไม้ไฟมาจากที่ทำงาน..ถ้าไม่รังเกียจคืนนี้มาเล่นด้วยกันไหม?"
"คงไม่ได้หรอก..ฉันมีนัดแล้ว"
แทยอนพูดโดยไม่มองหน้า ทั้งที่จริงแล้วไม่ได้มีนัดกับใครด้วยซ้ำ เพราะความไม่เข้าใจกับความรู้สึกของตัวเองที่ตีกันอยู่ในอก..เธอคลุมผ้าห่มบนตัวทิฟฟานี่ที่ลุกขึ้นมาถามก่อนจะรีบคว้ากระเป๋าถือแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว..
ความใจดีของเธอจะทำให้ฉันเข้าใจผิด..ฉัน..มันสายไปเสียแล้ว..
...............
..........
....
คืนนั้นแทยอนออกไปกับพวกเพื่อนๆที่เธอเรียกออกมา เพราะไม่อยากคิดถึงคนที่ไปอาศัยเขานอนด้วยเมื่อคืนนี้..ไม่อยากคิดถึงความรู้สึกของตัวเอง..เพราะไม่เข้าใจ..
เสียงเพื่อนๆเฮฮาอยู่รอบข้าง เหล่าผู้ชายที่คิดจะมาจีบเธอก็ไม่ยอมแพ้ พวกเขาต่างเข้ามาเอาอกเอาใจ ทำนู่นทำนี่ให้ อาจจะทำให้แทยอนรู้สึกสนุกก็จริง..แต่ก็ไม่เหมือนเวลาที่อยู่กับร่างบางนั้น..พวกเขาไม่สามารถทำให้เธอหวั่นไหว..ไม่ทำให้เธอกังวลใจเมื่อเขาหายไป..ไม่ทำให้เธอรู้สึกคิดถึงได้ตลอดเวลา..
แม้เสียงผู้คนรอบข้างจะหัวเราะอย่างเริงร่ามากแค่ไหน...แต่เสียงเหล่านั้นก็ไม่ได้สร้างรอยยิ้มให้เกิดบนใบหน้าของแทยอนเลยแม้แต่น้อย...กลับกัน...มันกลับสร้างความรำคาญให้แก่เธอมากกว่า...ทั้งที่เธอเป็นคนอยากจะสนุกเองแท้ๆ
แต่ทำไมในหัวกลับคิดถึงแต่เรื่องของใครอีกคน...ใครคนหนึ่งที่เฝ้ารอเธออยู่ทุกวัน...ทุกคืน...เพียงลำพัง โดดเดี่ยวอยู่กับเสียงของลมหายใจ...ทำไมเธอจึงยังทำดีกับฉันถึงเพียงนี้...หรือว่าเธอยังไม่เคยตัดใจจากฉัน...แล้วทำไมฉันถึงต้องหวั่นไหวขนาดนี้
เพราะความเหงา หรือ เพราะความคิดถึงกัน...ที่ทำให้ฉันเอาแต่คิดเรื่องเธอวนไปเวียนมาแบบนี้ทิฟฟานี่...ทำไมใจของฉันถึงต้องสั่นเมื่อเธอมองมาและมอบรอยยิ้มนั้นให้ฉัน
ทำไมตอนที่ฉันไม่พบเธอบนเตียงในห้องสีขาวนั่น...ฉันถึงรู้สึกโหวงเหวงราวกับว่าเกิดรูขึ้นบนหัวใจ...เป็นโพรงว่างเปล่า รู้สึกไม่คุ้นเคยเหมือนชีวิตขาดหายไป..มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันกัน?
'ความรักไงหละ...'
เสียงกระซิบเบาๆจากที่ไหนซักแห่งแว่วเข้าหู...ความรักอย่างนั้นเหรอ?...ฉันมีความรัก? ไม่ใช่กับคุณคังอินคนนั้น...แต่เป็นความรักบริสุทธิ์ที่เกิดขึ้นเพราะส้มหนึ่งใบ...ความรักที่ค่อยๆฝังรากลึกลงบนหัวใจ อย่างช้าๆ แต่มั่นคง
..แต่ว่าป่านนี้แล้วนะ..จนป่านนี้แล้ว..เธอยังจะรอฉันหรือ?..
เงาของทิฟฟานี่ซ้อนทับขึ้นมา ภาพร่างบอบบางที่ยืนคอยเธอทุกวันที่ทุ่งหญ้ากว้างเขียวชอุ่ม รอยยิ้มที่หยิบยื่นให้ในทุกครั้ง..ทิฟฟานี่ยังรอเธออยู่เสมอ..รออยู่ตลอดไป..
"ไม่คิดเลยนะว่าแทจะเป็นคนชวนพวกเรามาก่อน"
เสียงเพื่อนคนหนึ่งแซวขึ้นเมื่อแทยอนนั้นไม่ค่อยชอบเป็นแม่งาน คอยแต่ตามเพื่อนๆไปเมื่อมีคนชวนเท่านั้น ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นยิ้ม หยาดน้ำตาไหลผ่านแก้มเนียน ไม่ใช่เพราะความเศร้ามันจึงไหล..แต่เพราะฉันรู้แล้ว..
"อืม ฉันเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลย"
รอยยิ้มเปื้อนใบหน้าหวาน เพื่อนที่ถามคำถามนั้นงงเล็กน้อย แต่แทยอนก็ไม่อยู่ให้ถามต่อ เธอขอตัวกลับ..กลับไปร่ายเวทมนต์ให้คนสำคัญของเธอ..
สวนขนาดเล็กในบ้านเดี่ยวหลังกระทัดรัดมีต้นไม้น้อยใหญ่แย่งกันให้ความเขียวชอุ่ม ถึงแม้ว่าจะดวงตะวันจะลับฟ้าไปแล้ว แต่อากาศที่ไม่ได้ร้อนมากนัก ก็เหมาะสำหรับการเล่นดอกไม้ไฟ
"เฮ้อ โดนคนๆเดียวหักอกตั้งสองรอบ..ฉันมันไม่มีเสน่ห์หรือไงนะ เลี้ยงหมาดีไหมน้า"
ทิฟฟานี่นั่งเล่นไฟเย็นอยู่คนเดียวด้วยอารมณ์หม่นหมอง เธอคิดจะเลี้ยงสุนัขสักตัว ให้มาอยู่เป็นเพื่อนน่าจะดีกว่า ถึงแม้บ้านจะเล็ก แต่อยู่คนเดียวก็เหงาจับใจ..
"คนไม่เอาไหน"
เสียงหวานดังขึ้นจากทางด้านข้าง ทิฟฟานี่รีบหันกลับไปมอง
"จะ..แท? เกิดอะไรขึ้น แล้วนัดละคะ?"
ทิฟฟานี่ถามหน้าตาเลิกลั่ก ไม่คิดว่าคนที่แอบคิดถึงจะโผล่มาให้เห็นแบบตัวเป็นๆแบบนี้ แทยอนไม่ตอบก่อนจะลงมานั่งข้างๆ
"ฉันอยากเล่นดอกไม้ไฟขึ้นมาน่ะ"
หยิบขึ้นมาหนึ่งอัน ต่อไฟจากมือของทิฟฟานี่ ประกายไฟที่ติดพุ่งแตกออกมาเป็นสายหลายสีสัน..ขึ้นไปจนเกือบสุดมือแล้วค่อยๆดับลง..
"เหมือนคนเลยนะ..เกิดขึ้นมา..ใช้ชีวิตให้มีสีสัน แล้วก็ดับมอดลง.."
"ง่า..พูดอะไรหดหู่จังคะ แทยอน?"
ทิฟฟานี่ยิ้มแหยๆ หัวเราะแล้วหยิบอันใหม่ให้แทยอนติดมันขึ้นมาอีก
"งั้น..ก็เปรียบว่ามันเป็นหัวใจแล้วกัน.."
แทยอนยิ้ม ยกประกายแสงที่ค่อยๆส่องสว่างขึ้นเรื่อยๆขึ้นมา
"ตอนแรกไม่เคยรู้เลยว่ามีความรู้สึกแบบนี้..แต่แล้ว..มันก็แตกตัวขึ้นมา ในรูปแบบของคำสัญญา..แล้วก็มาเป็นความกังวล."
"เอ๋?"
"เธอรู้ไหม? ช่วงเวลาที่เธอหายไปไม่บอกฉัน..ฉัน..คิดถึงเธอมาก..เป็นห่วงว่าเธอจะเป็นอะไรไปไหม? มีแต่เรื่องเจ็บปวด"
คืนวันที่รู้ว่าไม่มีเธออีกแล้วมันเจ็บปวดเหลือเกิน..ทั้งๆที่ไปหาเธออยู่ทุกวัน กลับไม่เคยรู้ใจตัวเองเลยสักนิด..ว่าที่ฉันไปนั้นเพราะ..คิดถึง..ไม่ใช่เพราะคำสัญญา..ฉันมันโง่นัก..พอเสียเธอไปถึงได้รู้..ว่าเธอนั้นสำคัญแค่ไหน..ขอโทษนะ..ทิฟฟานี่..ให้โอกาสฉันได้บอกเธอนะ..
"..ทั้งๆที่คิดว่าจะไม่ได้เจอเธออีกแล้ว..แต่เธอก็มาปรากฏตัว..เหมือนเจ้าชายเลยนะ..ทั้งๆที่ซินเดอเรล่าควรจะตัดใจซะตั้งแต่เวลาเที่ยงคืน..แต่เจ้าชายก็กลับตามหาเธอ.."
"..."
"ฉัน..รักเธอนะ.."
รอยยิ้มส่องสว่างกว่าประกายดอกไม้ไฟ ใบหน้าหวานแดงซ่านสวยงามกว่าแสงสีใดๆที่ทิฟฟานี่เคยเห็น..ปลายเสียงที่บอกรักถึงแม้จะไม่ชัดนักเพราะคนที่บอกนั้นกำลังรู้สึกอายเหลือเกิน แต่ทิฟฟานี่ก็ได้ยินมันชัดเจน..
"ถ้าจะเลี้ยงหมาละก็..เปลี่ยนมาเลี้ยงฉันแทนไหม?"
แทยอนยิ้มหวาน ไม่รู้หรอกว่าคนหน้าตรงนี้ดีใจแค่ไหน..สิ้นแสงสุดท้ายของปลายดอกไม้ไฟ ริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกันเนิ่นนาน..ไม่ต้องรอให้ตอบ..
สุดท้ายแล้ว..แม้ว่าช่วงเวลาสามทุ่มจะผ่านไปแล้ว..หรือถึงแม้ว่าจะผ่านเลยเวลาเที่ยงคืนไป..เวทมนต์ก็จะไม่มีทางสลาย..แต่จะคงอยู่..ตลอดกาล..
แล้วเจ้าชายกับเจ้าหญิง..ก็ครองรักกัน อย่างมีความสุขสืบไป..
THE END..
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น