ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ยัยหนูผีของพี่นิว
ณ โรงพยาบาลประจำจังหวัดเต็มไปด้วยผู้ป่วยที่มารอรับการรักษากันอย่างล้นหลาม จนนิวที่ทำตัวแกล้งป่วยเพื่อเข้าคิวรอตรวจกับแพทย์หญิงว่าที่ภรรยาเกือบจะถอนใจกลับบ้านอยู่หลายรอบ
‘’เชิญคุณนภัสสรที่ห้องตรวจหมายเลขสามค่ะ’’
ในที่สุดการรอคอยกว่าสองชั่วโมงก็สิ้นสุดลง นิวส่งยิ้มหวานหว่านเสน่ห์ให้พยาบาลที่นั่งอยู่หน้าห้องตรวจ แล้วก็ผลักประตูเปิดเข้าไป
‘’เชิญนั่งก่อนค่ะ’’
เสียงหวานจากคนใส่เสื้อกาวน์ดังขึ้นเมื่อได้ยินเสียงประตูปิด แต่เธอกำลังยืนหันหลังให้ นิวจึงยังไม่ทันได้เห็นหน้าของยัยหนูผีที่เขาตั้งชื่อให้เธอเอง...
‘’คุณหมอคือ...คุณแม่ปิยนุชใช่ไหมค่ะ’’
เพราะเสียงหวานๆนั้นทำให้นิวไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่าจะเป็นยัยหนูผีสักเท่าไร
‘’ก่อนเปิดประตูเข้ามาไม่ได้ดูชื่อหมอที่ติดไว้หน้าห้องเหรอคะ’’
นิวอ้าปากเครียดจะตอบโต้คุณหมอจอมกวนคนนี้ แต่แล้วทุกอย่างก็ชะงักค้างไว้แค่นั้น มื่เธอหันหน้ากลับมาหา....
‘’ว่าไงคะ?รู้รึยังว่าหมอชื่ออะไร’’
คุณหมอคนสวยยิ้มเหมือนคุณครูใจดียิ้มให้เด็กอนุบาล...เธอเดินมานั่งที่เก้าอี้ประจำตำแหน่ง พร้อมกับกดคอมพิวเตอร์เพื่อดูรายละเอียดของคนไข้คนนี้....
‘’คุณหมอ....คุณหมอไม่ใช่แพทย์หญิงปิยนุชใช่ไหม’’
‘’ทำไมถึงคิดว่าไม่ใช่ล่ะคะ ในเมื่อคุณมาขอตรวจกับหมอ คุณก็ได้คิวแล้ว...หรือหน้าหมอไม่เหมือนคนเป็นหมอ คุณเลยไม่ใว้ใจ’’
เสียงหวานเอ่ยต่อเนื่องราวกับท่วงทำนองเพลงรักหวานหู
‘’ไม่เหมือนหมอ...เหมือนนางฟ้ามากกว่า’’
‘’ขอบคุณนะคะ แต่หมอชอบเป็นหมอมากกว่า...’’
นิวยังไม่ปักใจเชื่อเต็มร้อย หรืออีกนัยหนึ่งเขายังทำใจไม่ได้ว่ายัยหนูผีที่เขาค่อนแคะมาตั้งแต่เด็กจะโตมาสวยหวานได้แบบนี้
''คุณหมอมีหลักฐานยืนยันไหมว่าคุณหมอชื่อปิยนุชจริงๆ''
แพทย์หญิงปิยนุชเลิกคิ้วขึ้น แต่ก็ยอมหยิบบัตรประจำตัวของโรงพยาบาล บัตรประชาชน รวมทั้งใบขับขี่ขึ้นมาให้นิวดู
''น้องจิ๋วจริงๆเหรอ''
''คุณมีอะไรให้หมอรักษาไหมคะ ถ้าไม่มีเห็นแก่คนที่เขาป่วยจริงๆที่รอคิวอยู่นะคะ คุณกินเวลาราชการของหมอนานเกินไปแล้วค่ะ''
นิวเห็นตามด้วย แต่เขาก็ยังไม่หมดเรื่องคุยกับจิ๋วเหมือนกัน
''น้องจิ๋วเลิกงานกี่โมง วันนี้ขอพี่มารับไปทานข้าวด้วยนะ''
''ตอนนี้เวลาราชการ หมอไม่สมควรรับนัดใครหรอกนะคะ เชิญค่ะ''
''น้องจิ๋ว''
''เชิญค่ะ''
นิวเดินออกมาจากห้องตรวจ แต่เธอนั้นไม่ยอมแพ้ง่ายๆแค่นี้หรอก
''ขอโทษนะคะ คุณพยาบาลคนสวย คุณหมอปิยนุชเขาออกเวรกี่โมงค่ะ''
แค่เพียงคำหวานๆและสายตาเชื่อมๆตารางงานของคนที่ต้องการก็มาอยู่ในมือเรียบร้อยที่เหลือก็แค่รอเวลาเธอเลิกงานเท่านั้นเอง
'คุณแม่ค่ะ เตรียมเงินยี่สิบล้านใว้รอให้นิวได้เลย'
----------------------------------------------------------------------------
''สวัสดีค่ะคุณลุง วันนี้รอคิวตรวจนานหน่อยนะคะ''
แพทย์หญิงเอ่ยทักคนไข้ประจำตัวของตัวเอง...
''ใช่...แต่ลุงก็ยังโชคดีกว่าอีกหลายๆคน อย่างน้อยลุงก็ได้คิวรอบเช้า ถึงจะเป็นนคนสุดท้ายแต่ก็ยังดีกว่าต้องรอเป็นรอบบ่ายเลย''
''ค่ะ โรงพยาบาลของรัฐ คนไข้เยอะแบบนี้ทุกที่ค่ะ''
คนไข้ได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย
''คุณลุงเป็นคนไข้คนสุดท้ายในวันนี้ของหมอเลยนะคะ เดี๋ยวหมอจะตรวจให้ละเอียดให้สมกับที่ต้องคอยนานเลยค่ะ''
''ดีครับ''
คนไข้ยิ้มรับกับข้อเสนอที่ได้รับ เขาไม่ค่อยชอบการนั่งมองหน้าหมอแค่ไม่กี่นาที แล้วก็จ่ายยาเขากลับบ้านเลย ไม่แตะต้องตัวเขาสักนิด จะแต่ใจได้อย่างไรว่าเขาเป็นโรคอะไร...
''วันนี้คุณลุงเป็นอะไรมาคะ?''
แพทย์หญิงเริ่มทำหน้าที่ซักถามอาการ ซักประวิต พฤติรรมการใช้ชีวิตของผู้ป่วย รวมไปถึงตรวจร่างกายเบื้องต้น หมอทุกคนไม่จำเป็นต้องจับต้องคนไข้เพื่อวินัจฉัยแยกโรคเสมอไป การซักอาการและประวัติของผู้ป่วยสามารถช่วยได้มาก
''คุณลุงเป็นโรคกรดไหลย้อนนะคะ เวลาทานข้าวเสร็จใหม่ๆไม่ควรนอนราบดูทีวีเหมือนแต่ก่อนนะคะ อาการผะอืดผะอมแล้วขมคอตอนเช้าๆของคุณลุงจะหายไปเมื่อทานยาที่หมอให้ไปประมาณสองอาทิตย์นะคะ แล้วหลังจากนั้นคุณลุงกลับมาหาหมออีกครั้งนะคะ เพื่อตรวจอาการและสั่งจ่ายยาเพิ่มให้''
''ขอบคุณครับคุณหมอ''
คุณหมอสาวรอจนคนไข้ออกจากห้องไป แล้วจึงจัดการเก็บของใช้ส่วนตัวของตนเอง วันนี้เธอหมดเวรผู้ป่วยนอกแล้ว ตั้งใจจะกลับไปผักผ่อนสักสองสามชั่วโมงแล้วค่อยไปเยี่ยมคุณป้าเพื่อนรักของมารดา เพื่อตรวจวัดความดันโลหิตให้ท่านประจำทุกเดือน
''น้องจิ๋วเลิกงานแล้วเหรอ พี่มารับไปทานข้าวกลางวัน''
เมื่อเดินออกมาพ้นห้องตรวจได้ค่ไม่กี่ก้าว ก็โดนจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว
''เชิญคุณตามสบายเถอะค่ะ ฉันจะกลับไปผักผ่อน''
''ไม่ได้นะ เป็นคุณหมอตรวจคนอื่นไม่ระวังสุขภภาพตัวเองแบบนี้ได้ยังไงกัน ถึงพี่จะไม่ได้เป็นหมอแต่พี่ก็รู้นะว่าการไม่ทานข้าวตรงเวลาเนี่ยมันจะทำให้เป็นโรคกะเพาะได้''
นิวเดินตามอย่างไม่ลดละ
''ฉันทราบค่ะ แต่ถ้าฉันจะเป็นแผลในกะเพราะเหวอะหวะแค่ไหนฉันก็ดูแลตัวเองได้ ขอบคุณนะคะที่แสดงความห่วงใย''
''เดี๋ยวสิ น้องจิ๋วโกรธอะไรพี่ทำไมต้องเดินหนีตลอดเวลา''
คุณหมอคนสวยหยุดเดิน แล้วหันมามองคู่สนทนาด้วยแววตานิ่งสงบ
''ทำไมฉันต้องโกรธคุณด้วยล่ะคะ เราสองคนไม่ได้รู้จักสนิทสนมกันสักหน่อย เพิ่งเจอกันวันแรกฉันจะมีเหตุผลอะไรไปโกรธคุณกัน?''
''พี่ไม่เชื่อหรอกนะว่าน้องจิ๋วจะจำพี่ไม่ได้ อย่างน้อยเมื่อเช้าในห้องตรวจน้องก็ต้องเห็นแล้วว่าพี่ชื่ออะไร''
นิวพยายามมองเข้าไปในดวงตาคู่หวานของคนตรงหน้าเพื่อค้นหาหวามจริง แต่เขากลับเห็นเพียงความว่างเปล่า เฉยชา และนิ่งสงบ
''ค่ะ ฉันรู้ว่าคุณคือคุณนภัสสรลูกสาวของเพื่อนสนิทคุณแม่ฉัน แต่ก็แค่นั้น เราสองคนไม่ได้รู้จักกันหรือสนิทสนมกันมากกว่านั้นนี่คะ''
''แต่ตอนเด็กๆเราก็เล่นด้วยกันอยู่บ่อยๆนะ''
''เรื่องเกือบยี่สิบปีมาแล้ว ฉันลืมไปหมดแล้วค่ะ''
นิวไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนตรงหน้าจะลืมเรื่องของเขาไปแล้วจริงๆขนาดเขาที่ว่าตั้งป้อมเกียดเธอมาแต่ไหนแต่ไรยังจำยัยหนูผีที่เขาแอบตั้งฉายาให้ไ้อย่างแม่นยำ แล้วกับเธอคนนี้...ที่ตามติดเขาแจเป็นเงาตามตัว จะกล้าลืมพี่นิวสุดเท่อย่างเขาได้อย่างไรกัน ไม่มีทางเป็นไปได้แน่
''งั้นไปทานข้าวกับพี่สักมื้อ พี่จะย้อนวันวานให้ฟัง''
''ไม่ค่ะ...ฉันจะกลับไปพัก เดี๋ยวตอนเย็นฉันต้องไปตรวจร่างกายให้คุณแม่คุณอีก''
คุณหมอหยุดพูดทันควันเมื่อรู้สึกว่าตัวเองพูดมากเกินไปแล้ว เธอหันหลังกลับแล้วรีบเดินหนีไปอย่างเร็ว แต่ด้วยขาที่สั้นกว่าคนเดินตามอยู่ไม่น้อย ทำให้แค่ไม่กี่ก้าวก็ถูกเดินตามมาเคียงข้างเหมือนเดิมอยู่ดี
''ไหนๆก็ต้องไปที่บ้านพี่อยู่แล้ว งั้นก็ไปด้วยกันเลย นภัสสรคนนี้ยินดีบริการรับส่งโดยไม่คิดมูลค่าใดๆแค่ให้เกียรติไปทานข้าวเป็นเพื่อนพี่ก็พอ''
พูดเองสรุปเองเสร็จสรรพโดยไม่ถามความคิดเห็นใด แล้วจัดการจับจูงมือน้อยของคุณหมอคนสวยไปที่รถของตัวเองทันที
ในที่สุดการรอคอยกว่าสองชั่วโมงก็สิ้นสุดลง นิวส่งยิ้มหวานหว่านเสน่ห์ให้พยาบาลที่นั่งอยู่หน้าห้องตรวจ แล้วก็ผลักประตูเปิดเข้าไป
‘’เชิญนั่งก่อนค่ะ’’
เสียงหวานจากคนใส่เสื้อกาวน์ดังขึ้นเมื่อได้ยินเสียงประตูปิด แต่เธอกำลังยืนหันหลังให้ นิวจึงยังไม่ทันได้เห็นหน้าของยัยหนูผีที่เขาตั้งชื่อให้เธอเอง...
‘’คุณหมอคือ...คุณแม่ปิยนุชใช่ไหมค่ะ’’
เพราะเสียงหวานๆนั้นทำให้นิวไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่าจะเป็นยัยหนูผีสักเท่าไร
‘’ก่อนเปิดประตูเข้ามาไม่ได้ดูชื่อหมอที่ติดไว้หน้าห้องเหรอคะ’’
นิวอ้าปากเครียดจะตอบโต้คุณหมอจอมกวนคนนี้ แต่แล้วทุกอย่างก็ชะงักค้างไว้แค่นั้น มื่เธอหันหน้ากลับมาหา....
‘’ว่าไงคะ?รู้รึยังว่าหมอชื่ออะไร’’
คุณหมอคนสวยยิ้มเหมือนคุณครูใจดียิ้มให้เด็กอนุบาล...เธอเดินมานั่งที่เก้าอี้ประจำตำแหน่ง พร้อมกับกดคอมพิวเตอร์เพื่อดูรายละเอียดของคนไข้คนนี้....
‘’คุณหมอ....คุณหมอไม่ใช่แพทย์หญิงปิยนุชใช่ไหม’’
‘’ทำไมถึงคิดว่าไม่ใช่ล่ะคะ ในเมื่อคุณมาขอตรวจกับหมอ คุณก็ได้คิวแล้ว...หรือหน้าหมอไม่เหมือนคนเป็นหมอ คุณเลยไม่ใว้ใจ’’
เสียงหวานเอ่ยต่อเนื่องราวกับท่วงทำนองเพลงรักหวานหู
‘’ไม่เหมือนหมอ...เหมือนนางฟ้ามากกว่า’’
‘’ขอบคุณนะคะ แต่หมอชอบเป็นหมอมากกว่า...’’
นิวยังไม่ปักใจเชื่อเต็มร้อย หรืออีกนัยหนึ่งเขายังทำใจไม่ได้ว่ายัยหนูผีที่เขาค่อนแคะมาตั้งแต่เด็กจะโตมาสวยหวานได้แบบนี้
''คุณหมอมีหลักฐานยืนยันไหมว่าคุณหมอชื่อปิยนุชจริงๆ''
แพทย์หญิงปิยนุชเลิกคิ้วขึ้น แต่ก็ยอมหยิบบัตรประจำตัวของโรงพยาบาล บัตรประชาชน รวมทั้งใบขับขี่ขึ้นมาให้นิวดู
''น้องจิ๋วจริงๆเหรอ''
''คุณมีอะไรให้หมอรักษาไหมคะ ถ้าไม่มีเห็นแก่คนที่เขาป่วยจริงๆที่รอคิวอยู่นะคะ คุณกินเวลาราชการของหมอนานเกินไปแล้วค่ะ''
นิวเห็นตามด้วย แต่เขาก็ยังไม่หมดเรื่องคุยกับจิ๋วเหมือนกัน
''น้องจิ๋วเลิกงานกี่โมง วันนี้ขอพี่มารับไปทานข้าวด้วยนะ''
''ตอนนี้เวลาราชการ หมอไม่สมควรรับนัดใครหรอกนะคะ เชิญค่ะ''
''น้องจิ๋ว''
''เชิญค่ะ''
นิวเดินออกมาจากห้องตรวจ แต่เธอนั้นไม่ยอมแพ้ง่ายๆแค่นี้หรอก
''ขอโทษนะคะ คุณพยาบาลคนสวย คุณหมอปิยนุชเขาออกเวรกี่โมงค่ะ''
แค่เพียงคำหวานๆและสายตาเชื่อมๆตารางงานของคนที่ต้องการก็มาอยู่ในมือเรียบร้อยที่เหลือก็แค่รอเวลาเธอเลิกงานเท่านั้นเอง
'คุณแม่ค่ะ เตรียมเงินยี่สิบล้านใว้รอให้นิวได้เลย'
----------------------------------------------------------------------------
''สวัสดีค่ะคุณลุง วันนี้รอคิวตรวจนานหน่อยนะคะ''
แพทย์หญิงเอ่ยทักคนไข้ประจำตัวของตัวเอง...
''ใช่...แต่ลุงก็ยังโชคดีกว่าอีกหลายๆคน อย่างน้อยลุงก็ได้คิวรอบเช้า ถึงจะเป็นนคนสุดท้ายแต่ก็ยังดีกว่าต้องรอเป็นรอบบ่ายเลย''
''ค่ะ โรงพยาบาลของรัฐ คนไข้เยอะแบบนี้ทุกที่ค่ะ''
คนไข้ได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย
''คุณลุงเป็นคนไข้คนสุดท้ายในวันนี้ของหมอเลยนะคะ เดี๋ยวหมอจะตรวจให้ละเอียดให้สมกับที่ต้องคอยนานเลยค่ะ''
''ดีครับ''
คนไข้ยิ้มรับกับข้อเสนอที่ได้รับ เขาไม่ค่อยชอบการนั่งมองหน้าหมอแค่ไม่กี่นาที แล้วก็จ่ายยาเขากลับบ้านเลย ไม่แตะต้องตัวเขาสักนิด จะแต่ใจได้อย่างไรว่าเขาเป็นโรคอะไร...
''วันนี้คุณลุงเป็นอะไรมาคะ?''
แพทย์หญิงเริ่มทำหน้าที่ซักถามอาการ ซักประวิต พฤติรรมการใช้ชีวิตของผู้ป่วย รวมไปถึงตรวจร่างกายเบื้องต้น หมอทุกคนไม่จำเป็นต้องจับต้องคนไข้เพื่อวินัจฉัยแยกโรคเสมอไป การซักอาการและประวัติของผู้ป่วยสามารถช่วยได้มาก
''คุณลุงเป็นโรคกรดไหลย้อนนะคะ เวลาทานข้าวเสร็จใหม่ๆไม่ควรนอนราบดูทีวีเหมือนแต่ก่อนนะคะ อาการผะอืดผะอมแล้วขมคอตอนเช้าๆของคุณลุงจะหายไปเมื่อทานยาที่หมอให้ไปประมาณสองอาทิตย์นะคะ แล้วหลังจากนั้นคุณลุงกลับมาหาหมออีกครั้งนะคะ เพื่อตรวจอาการและสั่งจ่ายยาเพิ่มให้''
''ขอบคุณครับคุณหมอ''
คุณหมอสาวรอจนคนไข้ออกจากห้องไป แล้วจึงจัดการเก็บของใช้ส่วนตัวของตนเอง วันนี้เธอหมดเวรผู้ป่วยนอกแล้ว ตั้งใจจะกลับไปผักผ่อนสักสองสามชั่วโมงแล้วค่อยไปเยี่ยมคุณป้าเพื่อนรักของมารดา เพื่อตรวจวัดความดันโลหิตให้ท่านประจำทุกเดือน
''น้องจิ๋วเลิกงานแล้วเหรอ พี่มารับไปทานข้าวกลางวัน''
เมื่อเดินออกมาพ้นห้องตรวจได้ค่ไม่กี่ก้าว ก็โดนจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว
''เชิญคุณตามสบายเถอะค่ะ ฉันจะกลับไปผักผ่อน''
''ไม่ได้นะ เป็นคุณหมอตรวจคนอื่นไม่ระวังสุขภภาพตัวเองแบบนี้ได้ยังไงกัน ถึงพี่จะไม่ได้เป็นหมอแต่พี่ก็รู้นะว่าการไม่ทานข้าวตรงเวลาเนี่ยมันจะทำให้เป็นโรคกะเพาะได้''
นิวเดินตามอย่างไม่ลดละ
''ฉันทราบค่ะ แต่ถ้าฉันจะเป็นแผลในกะเพราะเหวอะหวะแค่ไหนฉันก็ดูแลตัวเองได้ ขอบคุณนะคะที่แสดงความห่วงใย''
''เดี๋ยวสิ น้องจิ๋วโกรธอะไรพี่ทำไมต้องเดินหนีตลอดเวลา''
คุณหมอคนสวยหยุดเดิน แล้วหันมามองคู่สนทนาด้วยแววตานิ่งสงบ
''ทำไมฉันต้องโกรธคุณด้วยล่ะคะ เราสองคนไม่ได้รู้จักสนิทสนมกันสักหน่อย เพิ่งเจอกันวันแรกฉันจะมีเหตุผลอะไรไปโกรธคุณกัน?''
''พี่ไม่เชื่อหรอกนะว่าน้องจิ๋วจะจำพี่ไม่ได้ อย่างน้อยเมื่อเช้าในห้องตรวจน้องก็ต้องเห็นแล้วว่าพี่ชื่ออะไร''
นิวพยายามมองเข้าไปในดวงตาคู่หวานของคนตรงหน้าเพื่อค้นหาหวามจริง แต่เขากลับเห็นเพียงความว่างเปล่า เฉยชา และนิ่งสงบ
''ค่ะ ฉันรู้ว่าคุณคือคุณนภัสสรลูกสาวของเพื่อนสนิทคุณแม่ฉัน แต่ก็แค่นั้น เราสองคนไม่ได้รู้จักกันหรือสนิทสนมกันมากกว่านั้นนี่คะ''
''แต่ตอนเด็กๆเราก็เล่นด้วยกันอยู่บ่อยๆนะ''
''เรื่องเกือบยี่สิบปีมาแล้ว ฉันลืมไปหมดแล้วค่ะ''
นิวไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนตรงหน้าจะลืมเรื่องของเขาไปแล้วจริงๆขนาดเขาที่ว่าตั้งป้อมเกียดเธอมาแต่ไหนแต่ไรยังจำยัยหนูผีที่เขาแอบตั้งฉายาให้ไ้อย่างแม่นยำ แล้วกับเธอคนนี้...ที่ตามติดเขาแจเป็นเงาตามตัว จะกล้าลืมพี่นิวสุดเท่อย่างเขาได้อย่างไรกัน ไม่มีทางเป็นไปได้แน่
''งั้นไปทานข้าวกับพี่สักมื้อ พี่จะย้อนวันวานให้ฟัง''
''ไม่ค่ะ...ฉันจะกลับไปพัก เดี๋ยวตอนเย็นฉันต้องไปตรวจร่างกายให้คุณแม่คุณอีก''
คุณหมอหยุดพูดทันควันเมื่อรู้สึกว่าตัวเองพูดมากเกินไปแล้ว เธอหันหลังกลับแล้วรีบเดินหนีไปอย่างเร็ว แต่ด้วยขาที่สั้นกว่าคนเดินตามอยู่ไม่น้อย ทำให้แค่ไม่กี่ก้าวก็ถูกเดินตามมาเคียงข้างเหมือนเดิมอยู่ดี
''ไหนๆก็ต้องไปที่บ้านพี่อยู่แล้ว งั้นก็ไปด้วยกันเลย นภัสสรคนนี้ยินดีบริการรับส่งโดยไม่คิดมูลค่าใดๆแค่ให้เกียรติไปทานข้าวเป็นเพื่อนพี่ก็พอ''
พูดเองสรุปเองเสร็จสรรพโดยไม่ถามความคิดเห็นใด แล้วจัดการจับจูงมือน้อยของคุณหมอคนสวยไปที่รถของตัวเองทันที
''คนอะไรเอาแต่ใจชะมัด!!''
จิ๋วได้แต่แอบบ่นเบาๆคนเดียว แต่ก็ยอมเดินตามแรงจูงของนิวไป และแอบอมยิ้มอย่างมีความสุขไม่ได้ที่อย่างน้อยคนคนนี้ก็ยังไม่ลืมเธอ
อ๋อๆ....ไม่งงนะเรื่องนี้ไรต์จะให้แนวฟิคออกมาแบบไม่มีพรมแดด แยกความรักของหญิงและชาย จะออกแนวรักกันได้อย่างเปิดเผย สังคมยอมรับ และสามารถแต่งงายหรือจดทะเบียนสมรสได้ และเรื่องนี้มีรีดขอมา ใหหนูนิวมีปิกาจูด้วย เรื่องนี้จะออกแนวหวานๆตามคำขอด้วยจ้า อยากได้อะไรแนวไหนแนะนำกันเข้ามาได้
จิ๋วได้แต่แอบบ่นเบาๆคนเดียว แต่ก็ยอมเดินตามแรงจูงของนิวไป และแอบอมยิ้มอย่างมีความสุขไม่ได้ที่อย่างน้อยคนคนนี้ก็ยังไม่ลืมเธอ
อ๋อๆ....ไม่งงนะเรื่องนี้ไรต์จะให้แนวฟิคออกมาแบบไม่มีพรมแดด แยกความรักของหญิงและชาย จะออกแนวรักกันได้อย่างเปิดเผย สังคมยอมรับ และสามารถแต่งงายหรือจดทะเบียนสมรสได้ และเรื่องนี้มีรีดขอมา ใหหนูนิวมีปิกาจูด้วย เรื่องนี้จะออกแนวหวานๆตามคำขอด้วยจ้า อยากได้อะไรแนวไหนแนะนำกันเข้ามาได้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น