คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : หัวมันแล่น(หัวคนแต่ง)3
"///เชอรี่///"
เสียงของตุ้ยขึ้น ปลุกให้บอยที่กำลังหลับสบายตื่นขึ้นมาอย่างตกใจ
"เป็นอะไรไปตุ้ย เกิดอะไรขึ้น"บอยรีบลุกมาจับร่างของตุ้ยที่นั่งหอบอยู่ ใบหน้าคมมีเหงื่อผุดขึ้น
"ฉันฝัน ฉันฝันเห็นเชอรี่ร้องไห้ พอฉันถามเขาว่าเค้าเป็นอะไรเค้าก็ไม่ตอบ แล้วเค้าก็เดินหนีไป เราใจไม่ดีเลยนะบอย"ตุ้ยยกมือขึ้นลูบหน้าตัวช้าๆเหมือนจะพยายามลบเลื่อนภาพนั้นไป
"ใจเย็นๆตุ้ย มันก็แค่ความฝันนะ"บอยตบไหล่ตุ้ยเบาๆ
"แต่ข้าไม่เคบฝันแบบนี้เลยนะ "
"กินมากก้ฝันมากไง นอนเถอะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้านะ"
"ข้านอนไม่หลับแล้ววะ"ตุ้ยถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
"ก็คิดถึงหน้ามองมิ้นสิจะได้หลับฝันดี"บอยพูดจบก็ล้มตัวลงนอนทันที
"จริงสิ หน้ามิ้น คิดๆๆๆ"ตุ้ยยิ้มออกมาเมื่อคิดถึงใบหน้าหนาวใสของมิ้น เขาล้มตัวลงนอนอย่างเป็นสุขอีกครั้ง
กรุงเทพ...
"เหนื่อยจังเมื่อไรจะถึงห้องเนี่ย"มิ้นบ่นกระปอดกระแปดระหว่างทางที่เดินไปที่ห้อง
"เด้วก็ถึงแล้วอีกนิดเด้วเอง อย่าบ่นเป็นคนแก่สิจ๊ะ"ตุ้ยมองมิ้นอย่างเอ็นดู
"พี่ตุ้ยนั่นใครอยู่หน้าห้องเรานะ"มิ้นชี้ไปที่หน้าห้อง
หญิงสาวร่างโปรงบาง ผิวขาวละเอียด ผมสีดำถูกรวบตึงไว้ ตุ้ยมองร่างหญิงสาวคนนั้นอย่างคุ้นตา เจ้าของร่างค่อยๆหันมาช้าๆก่อนจะจ้องมองมายังคนทั้งคู่
"สวัสดีจ๊ะตุ้ย"ริมฝีปากบางสีแดงสดเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
" ...เชอรี่..."
"เชอรี่"เสียงแผ่วเบาหลุดมาจากตุ้ย ตุ้ยรู้สึกราวกับความฝันหัวเขามันหมุนไปหมด ภาพในอดีตมากมายระหว่างเขาและหญิงสาวตรงหน้ามันกลับมาวนเวียนในหัวเขาไปหมด
มิ้นมองคนทั้งอย่างสับสน เนี่ยหรือเชอรี่คนที่ตุ้ยรักมาก คนที่ทิ้งพี่ตุ้ยไป เธอสวยมาก สวยกว่าที่เธอไว้เสียอีก ร่างกายมิ้นมันชาไปหมด หน้าอกข้างซ้ายของเธอมันเจ็บแปลบราวกับโดนของแหลมๆทิ่มแทง มิ้นเหลือบมองตุ้ยที่ยืนนิ่งราวกับรูปปั้นแต่เธอก็สังเกตได้ถึงแววตาแห่งความดีของเขาแม้มันจะฉายชัดเพียงชั่วครู่เดียวเท่านั้น
"สบายดีรึป่าวตุ้ย"เธอเดินมาหยุดตรงหน้าเขาพร้อมรอยยิ้ม
"อืม สบายดี"ตุ้ยตอบด้วยสำเสียงกระด้าง
"นี่ตุ้ยไม่คิดจะชวนรี่เข้าไปในห้องบ้างหรอ"
"มันจำเป็นด้วยหรอ "ตุ้ยเมินหน้าไปทางอื่น
"เชิญคุณเออ คุณเชอรี่เข้าไปนั่งทานน้ำในห้องก่อนก็ได้ค่ะ"มิ้นเอ่ยขึ้นเบาๆ
"มิ้น/"ตุ้ยหันไปจ้องหน้ามิ้นดุๆ
"พี่ตุ้ยค่ะ ยังไงเธอก็มายืนรอตั้งนานแล้วนะค่ะถ้าเราไม่เชิญเธอเข้าไปก้จะเสียมารยาทนะค่ะ"
มิ้นยิ้มบางๆให้ตุ้ยก่อนจะเดินคนทั้งคู่เข้าไปในห้อง
"ห้องตุ้ยสวยจัง ไม่เหมือนห้องเก่าเลยนะ"แอปเปิ้ลพูดอย่างร่าเริงก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟาและขยับตัวไปจนชิดตุ้ยที่นั่งอยู่ก่อน
"ทุกอย่างมันก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาละ"ตุ้ยพูดเสียงเรียบแล้วขยับตัวห่างจากเธอ
"น้ำค่ะ"มิ้นถือน้ำมาให้แล้วทำท่าจะเดินจากไปแต่ตุ้ยกลับคว้ามือของเธอเอาไว้
"นั่งกับพี่นะมิ้น"ตุ้ยคว้าร่างมิ้นให้นั่งข้างเขา
แอปเปิ้ลมองภาพนั้นด้วยแววตาวาวน่ากลัว"อืม แล้วไม่นำให้เชอรี่รู้จักสาวน้อยคนนั้นหน่อยหรอ"
"อืมเราก็ลืมไป มิ้นจ๊ะนั้นเชอรี่เพื่อนเก่าพี่ เชอรี่นี่มิ้นแฟนฉัน"ตุ้ยยิ้มกว้างพลางกระชับร่างมิ้นไว้ มิ้นยกมือไหว้เปิ้ล
"สวัสดีจ๊ะ มิ้น"เปิ้ลฝืนยิ้มบางๆ
"เธอมาที่นี่ทำไมหรอ"ตุ้ยถามขึ้น
"อืมพอดีลูกตาลเขาจัดงานแสดงภาพถ่ายของเขาที่กรุงเทพนะรี่ก็เลยขอเขามาด้วย เด้วนี้ตาลเข้าเป็นช่างภาพชื่อดังที่ญี่ปุ่นแล้วนะ"
"งั้นหรอ ฝากดีใจกับตาลด้วยนะ"
"นี่ตุ้ยไม่คิดจะถามรี่บางหรอว่ารี่ไปอยู่ที่ไหนมา ไปทำอะไรมาบ้าง"เปิ้ลหน้าเศร้าเมื่อเห็นตุ้ยไม่คิดจะใส่ใจเธอแล้วแต่น้อย
"แล้วฉันจะไปอยากรู้ทำไมละในเมื่อตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมาเธอไม่คิดแม้แต่จะส่งจดหมายหรือโทรสับมาบอกฉันสักครั้ง"ตุ้ยมองหน้าเชอรี่นิ่ง มิ้นรู้ได้ถึงร่างที่สั่นเกร็งของเขา
"ตุ้ย รี่ขอโทษ"เธอเอื้อมมือมาจับมือของตุ้ย แต่ตุ้ยกลับสะบัดมันทิ้งอย่างไม่ใยดี
"เธอไม่จำเป็นต้องขอโทษฉันหรอก ฉันลืมมันไปหมดแล้ว"ตุ้ยกำมือแน่น
"เธอลืมเรื่องระหว่างเราหมดแล้วหรอ แต่ทำไมฉันยังคิดถึงเธอทุกวันละ"ดวงตาเรียวเล็กมีน้ำเอ่อขึ้นมา
"เธอจะให้ฉันจำหรอ เธอจะให้ฉันจำช่วงเวลาที่เจ็บปวดนั้นไว้ทำไมรี่ เวลาที่เธอทิ้งฉันไปยังไม่เหลือเยื่อใย มีแค่จดหมายกับตัวหนังสือไม่กี่บันทัดที่เธอทิ้งเอางั้นหรอเธอรู้ไหมว่ากว่าฉันจะผ่านเวลานั้นมาได้มันยากแค่ไหน แล้วตอนนี้เธอกลับมาทำไม"ตุ้ยระบายความรู้สึกทั้งหมดออกมา มือของเขาจับมือมิ้นเอาไว้แน่นราวกับต้องการส่งผ่านความเจ็บปวดร้าวรานในใจให้เธอ
"พี่ตุ้ย"มิ้นเรียกเขาเบาๆพลางจับมืออออเขาเอาไว้
"เธอคิดว่าเธอเจ็บคนเดียวหรอตุ้ย เธอคิดว่าฉันไม่เจ็บงั้นที่ต้องจากคนที่ฉันรักไปโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะพูดคำลา ตุ้ยเธอไม่รู้เรื่องราวอะไรเกี่ยวกับฉันทุกอย่าง ใรขณะที่ฉันรู้ทุกอย่างเก็บกับเธอแต่ฉันก็ไม่สามารถสัมผัสเธอได้ มันทรมานมากนะที่ต้องเฝ้ามองเธอข้างเดียว ทุกครั้งที่ฉันอยู่ที่นั่นไม่มีวินาทีไหนเลยที่ฉันไม่คิดถึงเธอ"หยาดน้ำตาของเปิ้ลไหลกลบตา
"เธอหมายความว่ายังไง เธอหายไปไหนมารี่"ตุ้ยพูดอย่างสับสน
"ฉันไม่สบาย ฉันเป็นเนื้องอกในสมอง ฉันไม่กล้าบอกเธอเพราะกลัวเธอจะเสียใจ กลัวว่าเธอจะทิ้งโอกาสการเป็นนักร้องดังของเธอ กลัวว่าฉันจะเป็นตัวถ่วงในชีวิตของเธอ ลูกตาลพาฉันไปรักษาตัวที่เชียงใหม่ ฉันเจ็บมากนะตุ้ย เธอก็รู้ว่าฉันเกลียดโรงพยาบาล ฉันกลัวเข็มแต่ฉันก็ต้องนอนอยู่ที่นั้นอยู่เป็นปีๆ สิ่งเด้วที่ทำให้ฉันมีความสุขและพอจะมีชีวิตอยู่ได้ก็คือ เธอ ฉันเฝ้ามองเธอจากโทรทัศน์ แล้วก็หวังว่าสักวันฉันจะได้เจอเธออีกสักตรั้ง แต่นี่มันอะไร มันน่าตลกนะ เธอเกลียดฉัน เธอถามฉันว่าฉันกลับมาทำไม ฉันรู้ตุ้ยว่าความรักของเธอมันจางหายไปหมดแล้ว แต่รักของฉันมันยังคงอยู่ ฉันขอโทด ขอโทดที่ยังรักเธอ ลาก่อน ตุ้ย"เปิ้ลร้องไห้อย่างหนักก่อนจะหันหลังเดินจากไป
"ไม่นะรี่ อย่าไป"
ตุ้ยปล่อยมือจากมิ้นแล้วตรงไปคว้าร่างโปร่งบางของแอปเปิ้ลเอาไว้แน่น
"พี่ตุ้ย"
มิ้นมองภาพนั้นอย่างเจ็บปวด ขอบตาเธอร้อนฝ่าวไปหมด แต่มันยังไม่เท่ากับหัวใจที่ร้าวรานของเธอ มิ้นก้าวออกไปจากห้องนั้นช้าโดยที่ตุ้ยไม่รับรู้แม้แต่น้อย
สายลมเย็นๆบนดาดฟ้าของคอนโดพัดมากระทบร่างบางที่ยืนนิ่งอยู่ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลออกมาจากตาคู่สวยของเธอ มิ้นหยิบไอพอดเครื่องเล็กในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาก่อนจะเสียบมันที่หู
http://ethaimusic.com/lyrics3/410.htm
เป็นคนที่ยืนอยู่ข้างเธอคอยดูแล อยู่เมื่อเธอเหงาใจ
เป็นเพียงคนหนึ่งที่เธอเห็นแล้วผ่านไป เธอๆรู้หรือเปล่า
ในใจมีเธอทำเพื่อเธอเพียงคนเดียว แต่ก็เท่านั้นเอง
เป็นลมเบาๆที่เธอนั้นไม่เคยเห็น เธอไม่เคยมองดูที่ฉัน
ไม่ได้ขอให้เธอมารัก ไม่เคยขอให้เธอห่วงใย
แค่อยากรู้เรื่องที่ค้างในใจ อยากๆจะถามเธอ
ถ้าคนอย่างฉันตายจากไป เธอเศร้าใจหรือเปล่า
หนึ่งคนที่ข้างเธอยามเหงา มันมีค่าสักแค่ไหนสำหรับเธอ
เดินเพียงลำพังเพราะฉันมันตัวคนเดียว เธอไม่เคยสนใจ
ยังมีเพียงเธอและจะรักตลอดไป ต่อให้ใจเธอไม่มีฉัน
ไม่ได้ขอให้เธอมารัก ไม่เคยขอให้เธอห่วงใย
แค่อยากรู้เรื่องที่ค้างในใจ อยากๆจะถามเธอ
ถ้าคนอย่างฉันตายจากไป เธอเศร้าใจหรือเปล่า
หนึ่งคนที่ข้างเธอยามเหงา มันมีค่าสักแค่ไหนสำหรับเธอ
โปรดเถอะตอบคำถาม ช่วยยืนยันให้ฉันฟังก่อน
อยากจะรู้ กับเธอแล้ว ความรักนี้ของฉัน มีค่าแค่ไหน
ถ้าคนอย่างฉันตายจากไป เธอเศร้าใจหรือเปล่า
หนึ่งคนที่ข้างเธอยามเหงา มันมีค่าสักแค่ไหน
ถ้าคนอย่างฉันตายจากไป เธอเศร้าใจหรือเปล่า
หนึ่งคนที่ข้างเธอยามเหงา มันมีค่าสักแค่ไหนสำหรับเธอ
"มิ้นมีค่าแค่ไหนในหัวใจพี่ตุ้ย เค้ากลับมาแล้ว พี่ตุ้ยจะยังรักมิ้นรึป่าวค่ะ"
มิ้นร้องไห้เบาๆอย่างเจ็บปวดเพียงลำพังมิ้นเช็ดน้ำตาบนใบหน้าตัวเองลวกๆก่อนจะทรุดตัวลงนั่งด้วยความเหนื่อยล้า
"คิดถึงคุณพ่อ คุณแม่ พี่ต้า แล้วก็ยัยซาร่าจัง"มิ้นพึมพำเบาๆ
"จริงสิซาร่า โทรหายัยร่าดีกว่า"รอยยิ้มบางๆปรากฎขึ้นเมื่อมิ้นคิดถึงเพื่อนรัก
//สวัสดีค่ะ ซาร่าพูดค่ะ//
//ซาร่านี่มิ้นเองนะ//
//มิ้นหรอ แกไปอยู่ไหนมาทำไมไม่โทรหาฉันบ้างเลยฮะ//
**ซาร่าใครโทรมาจ้า**เสียงทุ่มนุ่มที่มิ้นคุ้นเคยดังรอดเข้ามาในโทรสับ
//ยัยมิ้นค่ะพี่ต้า//ซาร่าพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง
**บอกมิ้นด้วยนะว่าพี่คิดถึง รีบกลับบ้านเร็วๆนะ**ต้าตะโกนขึ้น
//ได้ยินแล้วใช่ไหมยัยมิ้น//
//ได้ยินแล้ว ฉันก็คิดถึงทุกคนเหมือนกัน คิดถึงมากๆเลยด้วย อีกไม่นานฉันก็คงได้กลับบ้านแล้วละ//มิ้นพยายามกลั้นสะอื้นเอาไว้
//ทำไมละยังไม่ครบ 3เดือนที่แกตกลงกับพี่ต้าไว้เลยนะ มิ้นแกมีอะไรไม่สบายใจรึป่าว เสียงดูเศร้าๆนะ //ซาร่ารับรู้ได้ถึงความไม่สบายใจของเพื่อนรัก
//ไม่ม่อะไรหรอก ฉันก็แค่คิดถึงเธอนะ แค่นี้ก่อนนะร่า ฉันรักเธอนะซาร่า//มิ้นกดวางโทรสับ
"พี่ตุ้ยทำอะไรอยู่ค่ะ พี่ตุ้ยคงมีความสุขมากใช่ไหมที่เจอเค้า พี่ตุ้ยลืมมิ้นแล้วหรอค่ะ"
มิ้นซุกหน้าลงกับเขาของตัวเองก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด
"เชอรี่ปล่อยเถอะทำยังงี้มันไม่ดีนะ"ตุ้ยพยายามดันร่างของเปิ้ลที่กอดตัวเขาไว้แน่นออก
"ไม่ดียังไง เมื่อก่อนเราก็กอดกันบ่อยๆไม่ใช่หรอ"เปิ้ลยังคงไม่ยอมปลาอยตุ้ย
"มันไม่เหมือนเดิมแล้วรี่ ตอนนี้ตุ้ยมีแฟนแล้วนะ"ตุ้ยดันร่างของเปิ้ลออกไปแล้วมองไปรอบๆเพื่อหาเธอคนนั้น
"มิ้น มิ้นหายไปไหน รี่ตุ้ยจะไปตามหามิ้นนะ"ตุ้ยร้อนรนไปหมดเมือหามิ้นไม่เจอ เขาไม่หน้าเผลอตัวไปกอดเชอรี่ไว้เลย มิ้นคงต้องโกรธเขาแน่ๆตุ้ยตั้งท่าจะวิ่งออกไปแต่แอปเปิ้ลกลับดึงตัวเขาเอาไว้
"ตุ้ยใจเย็นๆได้ไหม มิ้นคงไม่ได้ไปไหนไกลหรอก เขาคงอยากให้เราคุยกันตามลำพังนะ"
"แต่.. "
" ไม่มีแต่ เชอรี่มีเรื่องอยากจะคุยกับตุ้ยตั้งมากมาย 3 ปีแห่งความทุกข์ทรมานรี่ขอเวลาตุ้ยไม่กี่นาทีให้รี่ได้มีความสุขบ้าง แค่นี้ตุ้ยให้รี่ไม่ได้แล้วใช่ไหม " เปิ้ลพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า ดวงตาของเธอเริ่มมีน้ำตามาคลอ
"อืมมม ก็ได้ "ตุ้ยพูดเบาๆ แต่สายตาก็คงยังจับจ้องอยู่ที่ประตู
"ตุ้ยยังจำวันที่เราไปเที่ยวทะเลด้วยกัน แล้ววันนั้นรี่เป็นตะคริวเกือบจมน้ำอะดีที่ตุ้ยไปช่วยรี่เอาไว้ทัน แต่ตัวตุ้ยอะดันไปโดนแมงกะพรุนไฟตัวงี้แดงพองไปหมดเลย พอรี่เรียกตุ้ยว่าหนูน้อยหมวกแดงตุ้ยก็งอนรี่ใหญ่เลยอะ 555 ตุ้ยจำได้ไหม ตุ้ย ตุ้ย"เปิ้ลเขย่าร่างของตุ้ยที่เอาแต่เหม่อลอยไม่สนใจเรื่องราวที่เธอพูดเลยแม้แต่น้อยอย่างโกรธ
"ฮะ อะไรนะรี่"ตุ้ยสะดุ้งอย่างตกใจ
"นี่ตุ้ยไม่ได้ฟังรี่เลยใช่ไหม ตุ้ยเป็นหาวงยัยเด็กนั้นมากเลยหรอ"เปิ้ลพูดอย่างโมโห
"อย่าเรียกมิ้นยังงั้นนะรี่"ตุ้ยจ้องหน้าเปิ้ลอย่างดุๆ
"ทำไมหรอตุ้ย ทำไมรี่จะเรียกไม่ได้ยัยเด็กนั้นสำคัญกับตุ้ยมากนักหรอ ตุ้ยรักมันมากใช่ไหม มันมีอะไรดีกันแน่ฮะ"เปิ้ลเมื่อโมโหก็หลุดนิสัยของตัวเองออกมาจนตุ้ยเริ่มแปลกใจ
"ทำไมรี่พูดจาแบบนี้ละ เมื่อก่อนรี่ไม่ได้เป็นแบบนี้เลยนะ "
"เออก็รี่ รี่เสียใจนิ รี่แค่อยากรู้ว่าทำไมต้องสนใจมิ้นนักหนาด้วย ตุ้ยรู้ไหมว่าเด้วนี้ตุ้ยเปลี่ยนไปมากนะ "เปิ้ลรีบแก้ตัวทันที
"ก็เพราะว่ามิ้นเค้าเนคนสำคัญของตุ้ยไง ตุ้ยก็ต้องเป็นห่วงเค้าเป็นธรรมดา "
"หมายความว่ายังไง ที่ว่ามิ้นเป็นคนสำคัญนะ"เปิ้ลมองหน้าตุ้ยนิ่ง
"ตุ้ยรักมิ้นรี่ รักมากๆด้วย"ตุ้ยสบตาเชอรี่
"ตุ้ยแน่ใจหรอว่ามันคือความรัก มันอาจจะแค่ความหลงก็ได้นะ ตุ้ยยังรู้จักเขาได้ไม่นานนะ"เปิ้ลพูดเสียงสั่น
"ตุ้ยแน่ใจ ตั้งแต่รี่จากไปตุ้ยก็ไม่เคยศรัทธาในความรักอีกเลย ตุ้ยไม่คิดว่าชีวิตนี้ตุ้ยจะรักใครได้อีก จนกระทั่งมิ้นเข้ามาในชีวิตตุ้ย เขาเป็นคนสอนให้ตุ้ยรู้จักความสดใส สวยงาม บริสุทธิ์ โลกของมิ้นมันสดใสเหลือเกินแล้วเขาก็ทำให้ตุ้ยก้าวเข้าไปในโลกของเขาและมิ้นก็ก้าวเข้ามาในนหัวใจตุ้ยโดยที่ตุ้นยเองก็ไม่รู้ตัว พอรู้ตัวอีกครั้งตุ้ยก็รู้สึกว่าตุ้ยขาดเขาไม่ได้ อย่างนี้มันเรียกว่าความรักรึป่าวรี่ "ตุ้ยยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อคิดถึงมิ้นคนที่เขารัก
"แล้วรี่ละตุ้ย ตุ้ยเอารี่ไปไว้ที่ไหน "หญิงสาวน้ำตาไหลช้าๆ
"ตุ้ยขอโทษ ตุ้ยรู้ว่าตุ้ยทำผิดกับรี่ แต่ตุ้ยไม่ได้รู้สึกกับรี่เหมือนเมื่อ 3ปีก่อนอีกแล้ว ตอนนี้ตุ้ยแค่รู้สึกดีใจที่เจอเชอรี่ แต่มันไม่ใช่ความรักอีกต่อไปแล้วรี่ "ตุ้ยจับมือเชอรี่เอาไว้อย่างปลอบใจ
เปิ้ลก้มหน้าร้องไห้เบาๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นช้าๆด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว
"ไม่เป็นไรหรอกตุ้ย เรื่องของเรามันจบลงแล้วจริงๆรี่เข้าใจ แต่เรายังเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหมตุ้ย "
"ได้แน่นอนเชอรี่ เราจะเป็นเพื่อนกัน "ตุ้ยยิ้มให้เชอรี่อย่างดีใจ
"ขอบคุณนะตุ้ย"เปิ้ลโผเข้ากอดตุ้ยเอาไว้
**แก๊ก**
เสียงเปิดประตูดังขึ้นทำให้ตุ้ยหันไปเห็นใบหน้าซีดเผือดของเธอคนนั้น
"มิ้น.. "
"เออ..มิ้นขอโทดค่ะที่เข้ามามิ้นคิดว่าคุยกันเสร็จแล้ว งั้นมิ้นออกไปก่อนก็ได้ "มิ้นพยายามกลั้นน้ำตาเอาแล้วหันหลังออกจากห้องไป
"เด้วมิ้นไม่ต้องไป มันไม่ใช่อย่างที่มิ้นคิดนะ "ตุ้ยผละจากเปิ้ลไปคว้าร่างของมิ้นอย่างรวดเณ็ว
"ใช่จ๊ะมิ้น พี่กับตุ้ยแค่กอดกันแบบเพื่อนเท่านั้นเอง มิ้นอย่าคิดมากนะ "เปิ้ลเดินมาจับมือมิ้นเบาๆ
"ค่ะมิ้นเข้าใจ "มิ้นก้มหน้าต่ำไม่กล้าให้คนทั้งคู่เห็นดวงตาที่บอบช้ำของเธอ
"พี่ดีใจจังที่มิ้นเข้าใจ เออคือว่าตอนนี้มันก็ดึกมากแล้วยัยตาลก็คงจะหลับไปแล้ว รี่ไม่รู้จะกลับโรงแรมยังไงเลยอะ รี่ขอนอนที่นี่คืนหนึ่งได้ไหมจ๊ะ "
"เออ คือ "ตุ้ยลำบากใจมาก
"เออถ้าตุ้ยกับมิ้นลำบากใจเด้วรี่กลับแท็กซี่ก็ได้จ๊ะ "เปิ้ลทำหน้าตาหน้าสงงสาร
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่รี่นอนที่นี้ก็ได้ "มิ้นพูดเบาๆ
"จริงหรอจ๊ะ น้องมิ้นใจดีจังเลยขอบคุณมากๆเลยนะ "เปิ้ลยิ้มร่าเริงก่อนจะดึงร่างมิ้นไปกอดเอาไว้แน่น
"มิ้นอย่าเพิ่งไป " ตุ้ยคว้าร่างบางของมิ้นมากอดเอาไว้แน่น
"ไม่เอานะพี่ตุ้ย เด้วพี่รี่เห็น"มิ้นพยายามดันตัวตุ้ยออกไป
"ก็รี่เขาอาบน้ำอยู่จะเห็นได้ไงละ ไหนขอพี่ดูหน้าหน่อยสิทำไมตาบวมละ ร้องไห้มาใช่ไหม "
"ป่าวซะหน่อย "มิ้นหันหน้าหนีตุ้ย
"พี่รู้นะว่ามิ้นไม่สบายใจเรื่องพี่กับเชอรี่ แต่พี่อยากจะขอให้มิ้นเชื่อใจพี่ เรื่องของพี่กับเชอรี่มันจบไปแล้ว ตอนนี้พี่มีแค่มิ้นคนเดียว พี่รักมิ้นมากนะรู้ไหม "ตุ้ยสบตามิ้นที่กำลังมีน้ำตาไหลออกมาช้าๆ
"พี่ตุ้ย"มิ้นเรียกชื่อเขาพร้อมเสียงสะอื้นเบาๆ
"ร้องไห้อีกแล้ว เป็นเด็กขี้แยจริงเลยนะเรา เอาเด้วพี่ซับน้ำตาให้ "ตุ้ยจูบเบาๆที่ตาช้ำทั้ง 2ข้างของมิ้น
"พี่ตุ้ยมิ้นรักพี่ตุ้ยนะ พี่ตุ้ยอย่าทิ้งมิ้นไปนะ มิ้นกลัว ฮือๆๆ "มิ้นร้องไห้โฮพร้อมกับกอดตุ้ยเอาไว้แน่น
"โอ๋ๆไม่ร้องแล้วนะคนดี พี่บอกแล้วไงว่าพี่รักมิ้นคนเดียว รักที่สุดในโลกเลยด้วย"
"จริงๆนะ"มิ้นช้อนตามองตุ้ยอย่างสับสน
"จริงสิ พี่ตุ้ยรักมิ้นครับ
ตุ้ยพูดจบก็โน้มใบหน้าไปจูบริมฝีปากอ่อนนุ่มของมิ้นทันทีทั้งคู่กอดกันแน่นด้วยความรัก
"รักกันมากใช่ไหม ช่วงเวลาแห่งความสุขของพวกแกกำลังจะจบลงแล้ว คนยังเปิ้ลไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆหรอก แล้วเราจะได้เห็นดีกันมิ้น "
เชอรี่รอบมองตุ้ยและมิ้นด้วยแววตาโกรธแค้น "ตื่นแล้วหรอมิ้น "ตุ้ยทักมิ้นที่เดินงัวเงียไปที่โต๊ะอาหาร
"อื้ออ ก็ต้องตื่นสิไม่ตื่นจะลุกมาเดินหรอ "มิ้นทำหน้าทะเล้นใส่ตุ้ย แต่ใบหน้าสดใสนั้นก็ต้องสลดลงเมื่อเห็นเปิ้ลที่นั่งยิ้มอยู่
"เออ คือรี่เข้าจะขอติดรถเราไปที่บริษัทด้วยนะ รี่เข้านัดลูกจาลไว้ที่นั่นนะ "ตุ้ยสังเกตเห็นถึงร่องรอยความไม่สบายใจบนใบหน้าของหญิงคนรักได้
"หรอค่ะ "มิ้นไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ
"มิ้นรีบไปอาบน้ำสิเด้วพี่กับพี่รี่รอ "ตุ้ยเขย่าหัวมิ้นเบาๆ
"เออ มิ้นไม่ไปไม่ได้หรอค่ะ กว่ามิ้นจะอาบน้ำเสร็จก็นานเสียเวลาพี่ๆเปล่าๆ "
"มิ้นเราต้องเอาของฝากไปให้พี่ขวัญด้วยกันไง พี่ขวัญเค้าคิดถึงมิ้นจะตาย มิ้นเบี้ยวไม่ได้นะ "ตุ้ยมองมิ้นที่ยืนนิ่งอยู่
"มิ้นลำบากใจที่พี่ไปด้วยรึเปล่า ถ้าไม่ไม่ชอบเด้วพี่ไปเองก็ได้นะ "เปิ้ลแกล้งพูดด้วยสีหน้าเศร้าๆ
"ไม่ใช่ยังงั้นค่ะพี่รี่ พี่รี่อย่าคิดมากสิค่ะ งั้นพี่ตุ้ยรอมิ้นแปปนะมิ้นจะรีบสุดชีวิตเลยค่ะ "มิ้นฝืนยิ้มอย่างร่ารเงก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำไป
บริษัทUBC ACADEMY
แอปเปิ้ลเดินควงแขนตุ้ยโดยไม่สนใจตุ้ยและมิ้นที่มองหน้ากันอย่างลำบากใจเลย เปิ้ลสีหน้าเบิกบานสุดๆให้ขณะที่มิ้นได้แต่เดินตามคนทั้งคู่เงียบๆ
"เห้ย นั้นพี่ตุ้ยเดินควงใครมานะเหมือนจะสวยเลยนะตูน เพชร "บลูน่าชี้ให้เพื่อนทั้ง2มองไปที่ตุ้ย
"นั้นสิทำไมตุ้ยให้มิ้นเดินตามมาคนเดียวละ ฉันว่าต้องมีอะไรแปลกๆนะ "เพชรมองอย่าสงสัย
"ฉันชักสังหรณ์ใจว่าจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นแล้วละสิ "ตูนจ้องมองไปที่มิ้นอย่างเป็นห่วง
"หวัดดีจ้า พี่ตุ้ย ยัยมิ้นคิดถึงจังเลย "บลูน่าโผไปจุ๊บแก้มมิ้นเบาๆ
"มิ้นก็คิดถึงบลูน่าเหมือนกันแหละ แล้วพี่บอยไปไหนละทำไมไม่มาพร้อมกัน "
"พี่บอยตื่นสายนะ เด้วก็คงมา "บลูน่ายังไม่วายหันไปเหลือบมองยัยผู้หญิงหน้าหมวยที่จับแขนตุ้ยแน่นเป็นปลิง
"ตุ้ยแล้วนายจะไม่แนะนำให้พวกเรารู้จักเขาหน่อยหรอ "ตูนบุ้ยปากไปที่เปิ้ล
"อ้อ ฉันลืมไปนี่ เชอรี่ไง "ตุ้ยยิ้มบางๆ
"อาร่ายนะ นี่เชอรี่แฟนเก่าพี่ตุ้ยหรอ "บลูน่าตะโกนลั่นอย่างตกใจ
ตูนกับเพชรมองหน้ากันอย่างหวั่นใจ ตูนค่อยๆขยับกายไปใกล้ๆมิ้น เขารู้สึกเห็นใจเธออย่างมาก ซึ่งมิ้นก็ดูเหมือนจะรับรู้ให้ความห่วงใยของชายหนุ่ม มิ้นหันไปยิ้มให้ตูน
"เออเพชรว่านี่ก็ใกล้เวลาเข้าประชุมแล้วนะ เรารีบไปกันเถอะเห็นพี่ขวัญบอกว่าเขาจะแนะนำช่างภาพคนใหม่ของบริษัทด้วยนะ"เพชรรีบเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นบรรยากาศที่แสนจะอัดอดเช่นนี้
"อืมจริงด้วย งั้นรี่ก็นั่งรอตาลไปนะ "ตุ้ยพูดกับเปิ้ลและแกะมือเธอออกไปจากแขนของเขา ก่อนจะหันมาพูดหญิงสาวอีกคนที่อยู่ข้างตัวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น"มิ้นจ้าเด้วพี่ไปประชุมแปปเด้วนะ มิ้นนั่งอพี่อยู่ที่ห้องนั่งเล่นกับพี่รี่เขาไปก่อนนะ แล้วอย่าซนรู้ไหมจ๊ะ "ตุ้ยจับแก้มยุ้ยของมิ้นอย่างหมั้นเขี้ยว
"พี่ตุ้ยอะมิ้นไม่ใช่เด็กแล้วนะ ไม่ต้องมาสั่งยังกับคุณพ่อหรอก "มิ้นยิ้มจนตาหยี
"ก็ไม่ได้อยากเป็นพ่ออยู่แล้วละ อยากเป็นอย่างอื่นมากกว่า อิอิ "ตุ้ยแกล้งพูดเบาๆข้างหูมิ้นอย่างเจ้าเล่ห์จนมิ้นอายแก้มแดงไปเลย
แอปเปิ้ลเริ่มทนดูภาพบาดตาไม่ได้เธอรีบดึงตัวมิ้นไปทันที
"ไม่ต้องห่วงมากหรอกตุ้ย เด้วรี่จะดูแลน้องมิ้นเป็นอย่างดีเลยละจ้า "เปิ้ลยิ้มหวานกับตุ้ยแต่มือที่จับแขนมิ้นกลับบีบแน่จนมิ้นเริ่มรู้สึกเจ็บ
"ยังไงก็ฝากมิ้นด้วยนะ ขอบใจล่วงหน้านะรี่"ตุ้ยยิ้มให้2สาวก่อนจะเดินไปกับกลุ่มเพื่อนด้วยอารมณ์แจ่มใส
---ฉันจะดูแลยัยเด็กนี่ให้ดีแน่ๆ ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ..ตุ้ย--
แอปเปิ้ลแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว**ห้องประชุม**
"ขอโทษครับพี่ที่มาสาย "บอยวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในห้องประชุม
"สายไปแค่ 10นาทีพี่ยังพอให้อภัยนะ แต่ถ้ามีครั้งต่อไปละก้อรับรองนายโดนแน่ เอาละในเมื่อมากันครบแล้วพี่ก็เริ่มประชุมเลยก็แล้วกัน"พี่ขวัญยิ้มอย่างอารมณ์ดี
"ครับ/ค่า "เสียงหนุ่มสาวเอเอฟพูดพร้อมกันดังขึ้น
"พวกเราคงทราบกันแล้วนะที่พี่หนึ่งช่างภาพมือดีของเราเข้าลาไปเดินทางตามหาสัจจธรรมของชีวิตนะ ทำให้ทางเราขาดแคลนช่างภาพฝีมือดีไป ดังนั้นทางผู้บริหารของเราก็เลยจัดการจ้างช่างภาพสาวสวยชื่อดังว่งตรงมาจากญี่ปุ่นเลยนะ"
"ว้าววว ช่างภาพสาวสวยนำเข้าจากญี่ปุ่นด้วยหรอพี่ขวัญ เชิญเข้าเลยดิพี่ผมอยากเห็น "ตูนคึกคักขึ้นมาทันที
"เบาๆหน่อยนายตูนเกินดีไปแล้ว เอาละนะถ้าทุกคนอยากเจอเธองั้นพี่ก็เชิญช่างภาพคนใหม่ของเราเลยค่ะ เอาขอเสียงปรบมือเธอหน่อยเร็วเด็กๆ "
หญิงสาวผิวขาว ผมยาวสีน้ำตาลทองหยิกไปเกลียวสวยงาม ใบหน้าอิ่มสวยเก๋ด้วยลักยิ้มน่ารักตรงมุมแก้มเดินเข้ามาในห้องอย่างมาดมั่น
"ลูกตาล "
บอยเอ่ยชื่อเธอราวกับเคลิ้มฝันไป ภาพวันเก่ามือเกือบ 3 ปีที่แล้วแล่นเข้ามาให้หัวเขาอยากรวดเร็ว เย็นวันนั้นที่เธอเดินมาบอกว่าจะจากเขาไปไกลแสนไกล วันที่เธอบอกว่ารักเขามากเกินกว่าเพื่อน วันที่คนขี้ขลาดอย่างเขาไม่กล้าแม้จะรั้งมือคนที่เขารักหมดใจ ถ้าเพียงวันนั้นเขากว่าจะบอกว่าเขาก็รักเธอมากเกินกว่าเพื่อน ถ้าเขาไม่เกรงว่าการเลิกลาจะทำให้เขาเสียเพื่อนที่อย่างเธอไป เขาคงไม่ต้องมานั่งเจ็บปวดลึกๆในใจแบบนี้ทุกทีที่เขาได้ยินชื่อเธอหรอก
"พี่บอยค่ะ เป็นอะไรไปอะ "บลูน่าสะกิดแขนคนรักเบาๆ
"ปะ ป่าวไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ"บอยเรียกสติตัวเองกลับมา เขารู้ดีว่าควรจะอยู่ในโลกของความจริง ความจริงที่ว่าบลูน่า คือ คนที่เขารักไม่ใช่ เธอ คนนั้น แต่เขาก็ยังไม่อาจละสายตาไปจากเจ้าของรอยยิ้มเก๋ตรงหน้าได้เลย
"พี่ขอแนะนำให้รู้จักกับคุณลูกตาล ธนวรรณ ช่างภาพฝีมือดีจากญี่ปุ่นต่อไปเธอจะมารวมงานกับพวกเรานะ ลูกตาลจ๊ะเชิญนั่งจ๊ะ "
"สวัสดีจ๊ะบอย "ลูกตาลยิ้มบางๆก่อนจะทรุดตัวนั่งลงข้างบอย
"อืมกลับมาตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย "บอยฝืนยิ้มอย่างประหม่า
"ก็สัก 2อาทิตย์นะ "
"แล้วไม่คิดจะบอกเราบ้างหรอ "
"ตาลไปอยู่เชียงใหม่กับเชอรี่นะเลยไม่มีเวลาบอกบอย ขอโทษด้วยนะ"
"เชอรี่หรอ"บอยตกใจมาก
"ใช่เชอรี่วันนี้เขาก็มาด้วยนะ "
บอยมองตุ้ยและลูกตาลอย่างหนักใจเขารู้ดีว่าปัญหาหนักคงกำลังมายือนตัวเขาและเพื่อนรักเป็นแน่ แต่บอยไม่ได้สังเกตเลยว่าขณะที่เขาคุยกับตาลอยู่นั้นหญิงสาวอีกคนที่อยู่ข้างกายเขาได้แต่มองเขาอย่างแคลงใจและเจ็บปวด
ห้องนั่งเล่นภายในบริษัท
"ผมมิ้นนี่สวยดีนะ "เปิ้ลเอามือจับผมนุ่มสวยของมิ้นเบาๆ
"แต่มิ้นว่าผมพี่เชอรี่ก็สวยนะค่ะ ยาวตรงเชียว "มิ้นยิ้มอย่างไร้เดียงสา
"ตุ้ยเขาก็บอกอย่างนี้แหละ เมื่อก่อนเขาก็ชอบสระผมให้พี่นะ พอสระเสร็จเขาก็ชอบมานั่งเป่าผมให้พี่ด้วย"เปิ้ลยิ้มอย่างมีความสุข ตาเรียวเล็กเป็นประกายเมื่อพูดถึงเรื่องในอดีต
"หรอค่ะ "มิ้นชะงักไปทันที เธอคิดถึงเมื่อวันแรกที่เธอเจอกับตุ้ยแล้วเขาสระผมให้เธออย่างอ่อนโยน เธอเพิ่งรู้เดียวนี้เองว่าเธอไม่ใช่เพียงคนเดียวที่ได้รับสิ่งนั้น
"ตุ้ยนะเห็นเขาดิบๆอย่างนั้นนะแต่ความจริงแล้วเขาอ่อนโยนมากเลยนะเวลาที่พี่ไม่สบายใจเขาก็จะมาเล่นกีตาร์ร้องเพลงให้พี่ฟัง แล้วก็บอกว่ารี่ไม่ต้องเครียดนะมีตุ้ยอยู่ทั้งคน อิอิ หน้าตาตุ้ยตอนนั้นน่ารักเป็นบ้าเลย "
"พี่รี่จำทุกอย่างเกี่ยวกับพี่ตุ้ยได้แม้นเลยนะค่ะ "มิ้นพยายามฝืนไม่ให้น้ำตาไหลออกมา
"พี่ก็ต้องจำได้สิก็มันเป็นเรื่องของคนที่เรารักนิไม่ว่าจะนานแค่ไหนพี่ก็ไม่มีทางลืมได้หรอก มิ้นรู้ไหมตอนที่พี่นอนป่วยอยู่ที่ร.พ.พี่ทั้งเจ็บทั้งทรมานมากเลยนะแต่สิ่งเดียวที่พอจะทำให้พี่มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ก็คือการที่พี่คิดถึงตุ้ย คิดถึงทุกๆอย่างที่เราทำร่วมกันไง"แอปเปิ้ลแอบมองมิ้นที่หน้าเสียน้ำตาคลออย่างสะใจ
"มิ้นพี่อิจฉามิ้นมากเลย มิ้นรู้ตัวไหม " เปิ้ลจ้องมิ้นนิ่ง
"อิจฉา อิจฉาอะไรค่ะพี่รี่ "มิ้นมองเปิ้ลอย่างสงสัย
"อิจฉาที่อยู่ๆมิ้นก็เขามาในชีวิตตุ้ยแล้วก็ได้ความรักของตุ้ยไป ในขณะที่พี่พยายามทุกอย่างที่กลับมาตุ้ย แต่เขากลับบอกว่าไม่รักพี่แล้วไง "แอปเปิ้ลร้องไห้เบาๆ
"พี่เชอรี่ "มิ้นเรียกชื่อเธอเบาๆด้วยความสงสารจับใจ
แอปเปิ้ลจับมือทั้ง2ข้างของมิ้นเอาไว้แล้วมองเข้าไปในดวงตาใสซื่อของมิ้น
"มิ้นพี่ขอตุ้ยคืนได้ไหม "
"มิ้นพี่ขอตุ้ยคืนได้ไหม "
มิ้นตัวเย็นวาบหัวใจของเธอเต้นแรงจนมิ้นได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเธอรูดีว่าเธอผิดที่มาที่หลังเหมือนตัวเธอมาแย่งความรักที่ตุ้ยมีไปจากเชอรี่ มิ้นรู้ดีว่าเชอรี่ต้องเจ็บปวดและทุกทรมานแค่ไหนตลอด 3 ปีที่ผ่านมา
แต่...เธอพร้อมจะเสียตุ้ยไปแล้วหรือในเมื่อเธอรักตุ้ยมากขนาดนี้...
เปิ้ลมองมิ้นที่ใบหน้าสับสนอย่างพอใจ
....เธอกำลังกลัวใช่ไหม กลัวว่าจะต้องเสียตุ้ยไป ร้องไห้ออกมาสิมิ้น ยิ่งเธอสียใจเท่าไรฉันก็ยิ่งมีความสุข ทุกสิ่งที่เธอแย่งฉันไป ฉันจะเอากลับคืนมาให้ได้...
"มิ้นทำไมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ยังงั้นละจ๊ะ พี่ล้อเล่นจ้า"เปิ้ลใช้มือลูบใบหน้าใสๆของมิ้นด้วยท่าทางเอ็นดู
"ล้อเล่นหรอค่ะ"มิ้นมองเปิ้ลอย่างไม่เชื่อสายตา
"โอ๋ๆขวัญเอ๋ยขวัญมา พี่ขอโทดนะพี่ชอบอำแรงๆอย่างนี้อยู่เรื่อยละ ขอโทดนะคนดี "เปิ้ลดึงตัวมิ้นมากอดราวกับพี่สาวที่กอดน้องสาว
"แหมๆๆ2สาวรักกันจังเลยนะตุ้ยมาขัดจังหวะรึป่าวเนี่ย "ตุ้ยที่เดินมาพร้อมเพื่อนๆและลูกตาลมองเปิ้ลและมิ้นอย่างสุขใจ เปิ้ลแอบยิ้มอย่างชอบใจที่แผนพี่สาวที่แสนดีของเธอสำเร็จ
"ตุ้ยนิชอบขัดจังหวะจริงๆเลยเนอะเรา2คนกำลังคุยกันสนุกเชียวจริงไหมจ๊ะมิ้น "เปิ้ลหันไปยิ้มให้มิ้นที่ยืนอึ้งอยู่
"ว่าไงมิ้นพี่รี่เค้าคุยสนุกรึป่าวจ๊ะ "ตุ้ยรั้งเอวบางองมิ้นมากอดเอาไว้
"พี่ตุ้ยปล่อย อายคนอื่นเขานะ "มิ้นมองเพื่อนที่อมยิ้มมองเธอและตุ้ยอย่างเขิน แล้วสายตาคู่สวยก็ไปหยุดที่หญิงสาวเจ้าของใบหน้าสวยเก๋ที่เธอไม่คุ้นตาเข้า
"มิ้นยังรู้จักเพื่อนพี่สินะ นี่ลูกตาลเพื่อนของพี่ตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว "
"สวัสดีค่ะพี่ลูกตาล พี่ส้วยสวยนะค่ะ "มิ้นชมลูกตาลอย่างจริงใจ
"แหมชมอย่างงี้พี่ก็เขินแย่สิ แต่พี่ว่าน้องมิ้นนะน่ารักมากเลยนะหน้าก็ใส ผมก็สวยจริงไหมตุ้ย "ลูกตาลรู้สึกถูกชะตากับสาวน้อยคนนี้อย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกว่ามิ้นเหมาะสมกับตุ้ยมากอาจจะมากว่าเชอรี่เสียด้วยซ้ำ
"จริงสิตาล แฟนตุ้ยนะน่ารักที่สุดอยู่แล้ว "ตุ้ยพูดอย่างร่าเริงแต่กลับได้รับรางวัลเป็นคอนวงงามๆจากสาวคนรักเสียจนได้
"เออ เราไม่ได้เจอกันพร้อมหน้าพร้อมตา 4คนอย่างนี้มานานแล้วนะ รี่ว่าพวกเราไปกินข้าวรำลึกความรักกันหน่อยดีไหม "เปิ้ลที่จ้องเขม็งอย่างไม่พอใจพูดตัดบทขึ้นาทันที
"4คนเองหรอ จริงๆแล้วเราก็ไปหมดเลยไม่ได้หรอ "ตุ้ยมองหน้ามิ้นอย่างลำบากใจ
"แต่รี่อยากไปเที่ยวที่เราเคยอยู่ด้วยกันนิ ถ้าไปกันหลายคนกลัวจะเบื่อกันนะ "เปิ้ลก้มหน้าอย่างน่าสงสาร
"เออพี่ตุ้ยค่ะเด้วมิ้นกลับเองก็ได้นานๆพวกพี่จะได้เจอกันสักที"มิ้นฝืนยิ้มอีก
"บลูน่า.."บอยหันไปถามแฟนสาวที่ยืนหน้าบูดอยู่
"ไปเถอะตามสบาย "บลูน่าสะบัดหน้าอย่างไม่พอใจ
"ตุ้ย บอยเด้วฉันไปส่งมิ้นกับบลูน่าเองพวกนายไม่ต้องเป็นห่วงนะ "ตูนเสนอตัวขึ้น
ตุ้ยมองหน้าตูนอย่างชั่งใจแต่ก็ตอบตกลงในที่สุด
"มิ้นกลับบ้านดีๆนะแล้วพี่จะรีบกลับนะครับ "ตุ้ยลูบหัวมิ้นเบาๆแล้วยิ้มให้เธออย่างอบอุ่น
"ค่ะพี่ตุ้ย "มิ้นรับคำตุ้ยพร้อมยิ้มอย่างสดใส
แม่อตุ้ยเดินจากไปกับเปิ้ลเจ็บใจของมิ้นกลับกลัวอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้อะไรทำให้เฑอรู้สึกว่าจะเกิดเรื่องที่ไม่ดีขึ้นระหว่างเธอและเขา
"พี่ตุ้ยรีบกลับมานะค่ะ มิ้นจะรอ "
มิ้นพุดกับตัวเองเบาๆ“ทำไมพี่ตุ้ยยังไม่กลับอีกนะ กี่โมงกี่ยามแล้วเนี่ย นิตุ้ยคุง มิ้นตี้ กระต่ายน้อยดูพ่อพวกหนูสิร้ายกาจมากๆเลยนะ”มิ้นกอดเจ้ากระต่ายน้อยเอาไว้ นิ้วเล็กๆของเธอเขี่ยลงบนน้ำใสในโหล่ของเจ้าปลาทองน้อยทั้ง 2ตัว ใบหน้าสวยงอหงิกด้วยความโมโห แล้วใจเจ้ากรรมก็คิดไปถึงภาพที่ตุ้ยกอดเชอรี่เอาไว้ ภาพที่เชอรี่ควงแขนเขาเมื่อเช้า
“มิ้นพี่ขอตุ้ยคืนได้ไหม”
เสียงของเชอรี่มันยังดังก้องอยู่ในหัวมิ้นตลอด เธอทิ้งตัวลงบนที่นอนนุ่มก่อนจะกดหน้าสวยลงบนหมอนแล้วกรี๊ดลั่นเพื่อระบายอารมณ์ขุ่นมัวและสับสนภายในใจออกไป
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
**อกหักไม่ว่าอย่างเธอไม่รักคงบ้า**
“เสียงโทรศัพท์พี่ตุ้ยโทรมาแน่ๆเลย”มิ้นลุกผลุดจากที่นอนไปคว้าโทรศัพท์อย่างดีใจแต่ยิ้มกว้างของเธอก็ต้องหุบลงเมื่อพบว่าใครโทรมา
“สวัสดีค่ะพี่ตูน”
“หวัดดีน้องมิ้นยังไม่นอนอีกหรอเนี่ย”
“ยังค่ะ รอพี่ตุ้ยอยู่ พี่ตุ้ยยังไม่กลับมาเลยค่ะ”
“เห้ย นี่มันจะเที่ยงคืนแล้วนะ แล้วมันโทรมาบอกมิ้นรึป่าวว่ามันอยู่ไหน”เสียงตูนแข็งขึ้นด้วยความโมโห
“ป่าวค่ะ”
“แล้วมิ้นไม่คิดจะโทรไปถามมันบ้างหรอ”
“มิ้นไม่กล้าหรอกค่ะ นานๆพวกพี่เขาจะได้เจอกันมิ้นไม่อยากไปรบกวน”เสียงแผ่วลงของมิ้นทำให้ตูนอดสงสารไม่ได้
“มิ้นอยู่คนเดียวกลัวรึป่าว ให้พี่ไปอยู่เป็นเพื่อนเอาไหม”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวมิ้นก็จะนอนแล้วละ”
“งั้นก็รีบนอนนะ นอนดึกไม่ดีนะเดี๋ยวตื่นเช้ามาหน้าเหี่ยวพี่ไม่รู้ด้วยนะ อิอิ”ตูนปล่อยมุกเพราะอยากให้เธออารมณ์ดีขึ้น
“ค่าพี่ตูน งั้นมิ้นนอนละนะ”
“ฝันดีนะครับน้องมิ้น”
“ฝันดี่ะพี่ตูน”
มิ้นอดยิ้มบางๆกับความใจดีของตูนไม่ได้เธอรู้ดีว่าเขารักและเป็นห่วงเธอมาก แต่ความรักเป็นเรื่องที่บังคับกันไม่ได้ในเมื่อใจเธอมีแต่ตุ้ยและไม่อาจแบ่งใจให้เขาได้เลย
“ตุ้ยเดินดีๆสิ แล้วกุญแจอยู่ไหนเนี่ย โอ้ยอย่ากอดรี่สิตัวหนักเป็นบ้าเลยนะเนี่ย ”
เสียงของชายหญิงคู่หนึ่งที่หน้าห้องปลุกให้มิ้นที่เพิ่งคล่อยหลับไปตื่นขึ้น
“พี่ตุ้ย”
มิ้นรีบวิ่งไปเปิดไฟและประตูทันที แต่ภาพที่เธอเห็นก็ทำให้เธอปวดใจอย่างบอกไม่ถูก ตุ้ยที่เมาจนแทบไม่ได้สติกอดบ่าของเชอรี่ซึ่งก็อยู่ในอาการเมาไม่ได้ต่างกันนัก ใบหน้าคมของชายหนุ่มซุกอยู่ที่คอขาวๆของหญิงสาวอย่างช่วยไม่ได้
“เดี๋ยวมิ้น่วยค่พี่รี่”มิ้นช่วยพยุงร่างของชายหนุ่มไปวางไว้บนเตียงอย่างทุรักทุเร
“ขอโทษนะน้องมิ้น เพ่ดื่มกันหนักไปหน่อย ขอโทษนะ555”เปิ้ลยืนเซไปมาด้วยฤทธิ์ของสุรา
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มิ้นว่าพี่รี่ไปล้างหน้ากอดดีกว่านะค่ะ ”มิ้นจับร่างโงนเงนของเธเอาไว้
“ม่ายเปนไร พี่จากลับบ้าน 555 เปิ้ลไปแล้วนะดาร์ลิ้ง”เปิ้ลเดินไปจุ๊บแก้มตุ้ยเบาๆก่อนจะออกจากห้องไป มิ้นเมินหน้าหนีทันทีอย่างเจ็บปวด
“เอ๊ะทำไมพี่รี่เรียกแทนตัวเองว่าเปิ้ลละ ช่างเถอะสงสัยเราจะหูฝาดไปเอง”
มิ้นสลัดความสงสัยก่อนจะดูแลนที่เมาไม่ได้สติอยู่บนเตียง เธอถอดรองเท้าและถุงเท้าของชายหนุ่มออก ก่อนจะไปเอาผ้าให้เช็ดตัวให้เขา มิ้นเช็ดใบหน้า หล่อเหล่าของเขาอย่างเบามือ แล้วเธอก็อดไม่ได้ที่จะใช้ผ้าถูแรงตรงตำแหน่งที่เปิ้ลจูบไปเมื่อสักครู่นี้
“ตาบ้า ตาขี้เมา ต้องโดนอย่างนี้ ถูๆๆๆๆ”
ขณะที่เธอกำลังแกล้งเขาอย่างสนุกสนาน มือใหญ่ก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้
“เชอรี่”
เสียงเบาๆหลุดออกมาจากปากของตุ้ยแต่มันทำให้มิ้นถึงกับชะงัก แม้กระทั่งยามเขาไม่รู้สึกตัวคนที่เขาคิดถึงยังเป็นผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เธอ มิ้นสะบัดข้อมือแล้วเดินจากไปทันทีพร้อมหยดน้ำตา
“เชอรี่ตุ้ยขอโทษ มิ้นพี่รักมิ้นนะ”
ตุ้ยพึมพำเบาๆก่อนจะหลับไป
“โอ้ยปวดหัวชะมัดเลย”ตุ้ยตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวขนาดหนัก
“โจ๊กกับยาแก้ปวดหัวค่ะ รีบทานซะสิค่ะ”มิ้นยกถาดอาหารมาวางให้เขา ด้วยใบหน้าบึ้งตึง
“มิ้นครับป้อนพี่หน่อยสิ พี่ปวดหัวจังเลย”ตุ้ยอ้อนมิ้นทำหน้าาหนาสงสาร
“ไม่ได้ค่ะมิ้นไม่ว่างจะเอาผ้าไปส่งซัก”
“มิ้นจ้า มิ้นโกรธพี่หรอ พี่ขอโทษท่พี่ไม่โทรมาบอกก่อนว่าจะกลับดึก ขอโทษที่ดื่มเหล้าพี่จะไม่ทำอีกแล้วนะพี่สัญญานะมิ้นอย่าโกรธพี่เลยนะ”ตุ้ยจับมือมิ้นเอาไว้
“มิ้นไม่โกรธหรอกค่ะสำหรับสิ่งที่พี่ตุ้ยรู้ว่าทำผิด มิ้นร้านซักรีดนะค่ะ แล้วถ้ามิ้นกลับมาหวังว่าพี่ตุ้ยจะทานข้าวให้หมดแล้วก้ไปทำงานเรียบร้อยแล้วนะค่ะ”มิ้นอดคิดถึงเรื่องเมื่อคืนไม่ได้ เธอหมุนัวเดินออกจากห้องนั้นไป
“เวลากระต่ายน้อยแปลงร่างเป็นแม่เสือนี่ก็น่ากลัวแฮะ ผมขอโทษครับคุณแม่555”ตุ้ยหัวเราะแล้วกินโจ๊กอย่างอารมณ์ดีโดยไม่รู้เลยว่าเมื่อคืนนี้เขาได้สร้างบากแผลไว้ในใจหญิงสาวนรักแค่ไหน
**ก๊อก ก๊อก ก๊อก**
“ค่ามาแล้วค่ะ”
“จดหมายครับคุณผู้หญิง”
“ขอบคุณค่ะ”
มิ้นส่งยิ้มหวานให้บุรุษไปรษณีเธอก้มหน้ามองจดดหมายในมืออย่างแปลกใจ
“อันนี้ค่าโทรศัพท์พี่ตุ้ย อันนี้จดหมายแฟนคลับ เอ๊ะ นี่มัน ”
ใบหน้ามิ้นร่าเริงขึ้นเมื่อเห็นโปรการ์ด 2ใบในมือ โปรการ์ดที่เธอและตุ้ยเขียนให้กันที่ปาย ในที่สุดมันก็ถูกส่งถึงเธอจนได้ มิ้นหยิบโปรการ์ดที่ตุ้ยเขียนให้เธอมาอ่านอย่างตื่นเต้น
To...มิ้น 20.00 น.
มิ้นนี่ก็เกือบ 2 เดือนแล้วสินะที่พี่ได้รู้จักมิ้น พี่ไม่รู้ว่าจะเขียนออกมาได้อย่างไรว่ามันวิเศษแค่ไหนที่ได้เจอมิ้น
มิ้นมาเปลี่ยนโลกที่เคยมีแต่ความเงียบเหงาของพี่ให้สดใสและสวยงาม มิ้นเป็นที่ทำให้พี่ได้รู้จักกับความรักอีกครั้ง
พี่ตอบไม่ได้ว่าพี่จะรักมิ้นตลอดไป แต่พี่อยากจะบอกมิ้นว่าพี่รักมิ้นมากและจะรักมิ้นให้มากขึ้นทุกวัน
พี่ตุ้ยรักมิ้นครับ
“พี่อยากจะบอกมิ้นว่าพี่รักมิ้นมากและจะรักมิ้นให้มากขึ้นทุกวัน”
มิ้นอ่านตัวอักษรบรรทัดนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ถ้าเมื่อไรที่เราทุกข์ใจเราจะคิดถึงที่นี่ ที่ๆเรา 2คนมีความสุขกันมากที่สุด”
มิ้นคิดถึงคืนนั้นคืนที่เธอนั่งดูดาวด้วยกัน ที่ๆเธอและเขาต่างก็บอกคำว่ารักซึ่งกันและกัน นี่เธอลืมไปแล้วใช่ไหมว่าเธอกับเขารักกันแค่ไหน ทำไมเธอถึงปล่อยให้ความระแวงและไม่ไว้ใจมาทำลายช่วงเวลาแห่งความสุขไปได้ มิ้นกอดโปรการ์ดของตุ้ยไว้แนบอก ก่อนจะนำโปรการ์ดของเธอไปวางไว้บนหมอนของเขา
“อิอิ ไปซื้ออาหารมาเตรียมดินเนอร์เอาไว้เซอร์ไพร์พี่ตุ้ยดีกว่า”มิ้นคิดได้ก็วิ่งปรู๊ดไปทันทีตุ้ยเปิดประตูเข้ามาในห้องพร้อมดอกลิลลี่สีขาวช่อโตเพื่อหวังจะมาขอโทษมิ้น
“ไปไหนของเขานะเนี่ย มิ้นจ้ามิ้น น้องมิ้นอยู่ไหนครับ”
“สงสัยจะไปซื้อขนม ยัยเด็กน้อยเอ้ย”ตุ้ยหยิบรูปมิ้นมาดูอย่างอารมณ์ดี
**ก๊อก ก๊อก ก๊อก**
“มิ้น”ตุ้ยรีบวิ่งไปเปิดประตูทันทีแล้วเขาก็ต้องผิดหวังอย่างแรง
“หวัดดีจ้าตุ้ย”
“อืม หวัดดีเชอรี่”
“ขอรี่เขาไปนั่งข้างในได้ไหม”ไม่ต้องรอคำอนุญาตเปิ้ลแทรกตัวเข้าไปให้ห้องทันที ตุ้ยได้แต่มองอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“โอโห้ดอกไม้สวยจังเลย หอมด้วย”เปิ้ลหยิบช่อดอกไม้มาถืออย่างเป็นเจ้าข่าวเจ้าของ
“ของมิ้นนะ”ตุ้ยดึงช่อดอกไม้ออกจากมือของเปิ้ลแล้ววางมันลงอย่างทนุถนอมจนเปิ้ลหน้าเจื่อน
“เออแล้วมิ้นเขาหายไปไหนหรอจ๊ะ”
“สงสัยจะซื้อขนมกินนะ ยัยกระต่ายเจ้าตะกะ 55”ตุ้ยหัวเราะอย่างอารมณ์เมื่อคิดถึงยัยแก้มป่องคนนั้น
“ตุ้ยเมื่อคืนรี่มีความสุขมากเลยรู้ไหม นานแค่ไหนแล้วนะที่พวกเราม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างนี้นะ”ตุ้ยขยับตัวจนชิดตุ้ย พลางซุกใบหน้าลงกับแผงอกของเขาอย่างตั้งใจ
“รี่ทำอย่างนี้มันไม่ดีนะ”ตุ้ยพยายามดันร่างหญิงสาวออกไป
“ไม่ดียังไงละตุ้ย รี่ยังจำความรู้สึกที่ตุ้ยกอด ตุ้ยจูบรี่ได้นะ ทุกสิ่งทุกอย่างรี่ยังจดจำมันได้ ตุ้ยจ้าเรามารำลึกความหลังก่อนหน่อยไหม”
แอปเปิ้ลจูบไปที่ใบหน้า คางและซอกอของตุ้ยอย่างแผ่วเบา นิ้วยาวสวยไร้ไปบนริมฝีปากของชายอย่างยั่วยวน ตุ้ยมองหน้าหญิงอดีตคนรักอย่างเคลือบเคลิ้ม เขาเองก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งมีเลือดมีเนื้อมันยากเหลือเกินที่จะอดใจไหม ตุ้ยค่อยจรดริมฝีปากลงบนปากแดงสดของหญิงสาว เปิ้ลเอนกายลงบนโซฟา
นุ่มพลางดึงร่างแข็งแรงของชายหนุ่มให้ทอดทับบนกายเธอ มือสวยปัดช่อดอกไม้สวยตกลงไปบนพื้นกลีบสวยของดอกไม้ช้ำชอกไปหมด
**ปัง**
เสียงที่ดังขึ้นเรียกวามสนใจจากคนทั้งคู่ได้ ตุ้ยหันไปที่หน้าประตูก็พบร่างบางที่ยืนตัวสั่นอยู่ ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ถุงอาหารมากมายตกอยู่ที่พื้นห้อง
“มิ้น”ตุ้ยลุกขึ้นจากร่างของเปิ้ลแล้วตรงไปหามิ้นทันที เขาจับมือที่เย็นเฉียบของมิ้นเอาไว้แน่น
“ปล่อย”เสียงสั่นๆปนสะอื้นของมิ้นดังขึ้น
“มิ้นมันไม่ใช่อย่างที่มิ้นคิดนะ พี่ พี่ขอโทษ”
“ไม่ได้เป็นยังที่ฉันคิดงั้นหรอ แล้วมันคืออะไรที่ฉันเห็นมันคืออะไร ทำไม ทำไมถึงทำแบบนี้ ฮือ ฮือ”มิ้นร้องไห้อย่างหนักด้วยความเจ็บปวด
“มิ้นพี่ขอโทด พี่รักมิ้นนะ” ตุ้ยดึงร่างของมิ้นมากอดเอาไว้ เขาเองก็เจ็บไม่น้อยกว่าเธอเลย ถ้าเขารู้จักยับยั้งชั่งใจสักนิดทุกอย่างก็คงไม่เป็นเช่นนี้
“ปล่อย ปล่อยนะ”มิ้นผลักร่างตุ้ยออกไปแล้วมองเขาด้วยแววตาเกลียดชั่ง
“อย่ามือสกปรกๆของคุณมาถูกตัวฉัน อย่ามาพูดว่ารักฉันอีก คุณมันเป็นคนทรยศ ุณทำลายความรักของเรา มันจบลงแล้ว มันไม่มีอีกแล้วเข้าใจไหม”
“มิ้นหมายความว่ายังไง”สมองตุ้ยสับสนไปหมด เขารู้สึกได้ถึงน้ำร้อนที่ขอบตาทั้ง 2 ข้าง
“เราเลิกกัน”มิ้นพูดจบก็หันหลังวิ่งจากไปพ้อมหัวใจที่แตกสลายทันที
“มิ้น”ตุ้ยจะวิ่งตามเธอไปแต่แอปเปิ้ลกลับดึงแขนเขาเอาไว้
“ปล่อย ผมจะไปหามิ้น ฮือ ฮือ”
“ใจเย็นๆสิตุ้ยตามไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์เค้ากำลังโกรธถ้าเธอตามไปเขาก็ยิ่งจะเตลิดนะ”
“ฮืออ มิ้นพี่ขอโทษ มิ้น”ตุ้ยทรุดตัวลงกับพื้นอย่างหมดแรง เขาร้องไห้อย่างไม่อายใครอีกแล้ว
เปิ้ลคว้าร่างที่สั่นเทาของชายหนุ่มมากอดไว้แล้วลอบยิ้มอย่างสมใจ
มิ้นเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้จุดหมายปลายทางความมืดมิดเริ่มโรยตัวลงมา แต่ก็ยังไม่เท่ากับความมืดมิดและเจ็บปวดภายในใจของหญิงสาว
มิ้นทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ม้าหินในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งช้าๆ หญิงสาวพยายามเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาจากตาคู่สวยช้าๆแต่ก็ดูเหมือนมันจะไม่เป็นผลบาดแผลภายในใจของเธอมันคงยากเกินเยี่ยวยาให้หายได้ง่าย มิ้นรู้สึกอ้างวางมากเธอต้องการใครสักคนที่อยู่ข้างๆเธอในยามนี้แต่จะไปใครละให้เมื่อในใจเธอมีเพียง"เขา"คนที่ทำร้ายเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น
***อกหักไม่ว่าอย่างเธอไม่รักคงบ้า***
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นเมื่อมิ้นเห็นชื่อคนที่โทรมาก็ทำให้เธออบอุ่นได้อย่างประหลาด
"สวัสดีครับน้องมิ้น คิดถึงจัง"ชายหนุ่มกรอกสียงพูดอย่างอารมณ์ดีแต่เขากลับได้รับฟังเพียงความเงียบงันเท่านั้น
"มิ้นจ้ามิ้นเป็นอะไรทำไมไม่พูดอะไรเลยอะ ฮัลโลได้ยินพี่รึป่าว"
"ฮือ พ พี่ตูน มิ้น ฮือ อยากเจอพี่ตูนจังเลย"
"มิ้น มิ้นเป็นอะไรร้องไห้ทำไม มิ้นนอยู่ที่ไหนบอกพี่มาสิ พี่จะรีบไปมิ้นอยู่ไหน"เสียงสะอื้นไห้ของหญิงสาวทำเอาตูนเกือบจะคลั่ง
"มิ้นอยู่ที่สวนสาธารณะใกล้ๆคอนโด ฮือออ"
"มิ้นรอพี่นะอย่าไปไหน รอพี่นะมิ้น"
ภาพของหญิงสาวร่างบางในชุดเดรสเสื้อแขนตุ๊กตากับกระโปรงบานแค่เข่าสีขาวกำลังนั่งร้องไห้อย่างหนักท่ามกลางความมืดมิดนั้นทำเอาหัวใจของตูนแทบสลาย
"มิ้น"ชายหนุ่มเรียกชื่อหญิงสาวตรงหน้าเบาๆ
"พี่ตูน ฮืออออออ"มิ้นเงยหน้ามองตูนพร้อมหยดน้ำตาเธอโผเข้ากอดเขาทันที
"มิ้นจ้า มิ้นเป็นอะไรมิ้นร้องไห้ทำไมใครทำอะไรมิ้นบอกพี่สิ"ตูนลูบผมนุ่มสวยของมิ้นเบาๆ
"มิ้นกับพี่ตุ้ยมันจบแล้ว เราเลิกกันแล้ว พี่ตุ้ยเค้าไม่รักมิ้นแล้ว ฮืออออ"ร่างบอบบางของมิ้นสั่นจากแรงสะอื้นอย่างหนักจนตูนรู้สึกได้
"มิ้น"ชายหนุ่มทำได้เพียงเอ่ยชื่อเธอเบาๆเขาโอบกระชับร่างของเธอเอาไว้แน่นราวกับว่าความเจ็บปวดจากกายของเธอจะส่งต่อมาให้เขาได้บ้างสักเล็กน้อยก็ยังดี
"ที่นี้สวยดีนะค่ะ"มิ้นละสายตาจากแสงไฟจากตึกรามบ้านช่องเบื้องล่างมาที่ตูนหลังจากที่เธอและเขานั่งอยู่บนชิงช้าสวรรค์ในสวนสนุกใจกลางกรุงเทพมากว่า 1 ชม.แล้ว
"ช่ายจ๊ะ สวยมากเลย อากาศก็ดีด้วยนะแถมยังอยู่สูงกว่าคนข้างล่างตั้งเยอะเลย"ตูนยิ้มดีใจเมื่อเห็นมิ้นยอมพูดอะไรบ้าง
"อยู่ห่างไกลจากคนข้างล่างตั้งเยอะ แต่ทำไมมิ้นยังเจ็บอยู่อีกนะ"มิ้นฝืนยิ้มบางๆ
"มิ้นมีอะไรอยากจะเล่าให้พี่ฟังไหมถึงพี่ช่วยอะไรมิ้นไม่ได้แต่พี่ขอเป็นพี่ระบายของมิ้นก็ยังดีเผื่อจะรู้สึกขึ้นบ้างก้ได้นะ"ตูนกุมมือของมิ้นเอาไว้
"มิ้นเจ็บมากเลยเลยพี่ตูนรู้ไหม มิ้นเจ็บที่มิ้นไว้ใจเขามิ้นเชื่อเขาทุกอย่าง แต่ดูเขาทำกับมิ้นสิพี่ตูน เขากอดจูบกันอยู่บนโซฟา เขาทำอย่างนี้กับมิ้นได้ยังไง ทำไมคนที่มิ้นรักและไว้ใจที่สุดถึงทำแบบนี้กับมิ้น มิ้นมันโง่เองใช่ไหมที่เชื่อเขา มิ้นมันไม่ดีใขช่ไหมพี่ตุ้ยเขาถึงไม่รักมิ้น "เหมือนแผลในใจของมิ้นจะถูกสะกิดอีกครั้ง ทำนบน้ำตาที่ที่ถูกกลั้นเอาไว้พังทลายออกมาทันที มิ้นร้องไห้อย่างหนักจนตูนที่นั่งอยู่ข้างทนไม่ได้เขาคว้าร่างบางของเธอมากอดเอาไว้ มิ้นซุกหน้าเข้ากับอกอุ่นของเขาน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลออกมาไม่หยุด
"มิ้นครับ พี่อยากบอกมิ้นมามิ้นเป็นคนดีที่สุดเลยรู้ไหม ไ อ้ตุ้ยกับยัยเชอรี่ต่างหากที่ไม่ดี ในเมื่อมันไม่เห็นคุณค่าของมิ้น มิ้นก็ปล่อยมันไปเถอะ ขอให้มิ้นจำเอาไว้นะว่ามิ้นยังมีค่าสำหรับพี่มากเลยรู้ไหมคนดี"
ตูนกอดมิ้นเอาไว้นิ่งนานจนหยาดน้ำตาบนใบหน้าของเธอเริ่มแห้งสนิท มิ้นดันร่างตัวเองออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่มช้าๆ
"พี่ตูนค่ะ มิ้นไม่ใช่คนดีอะไรหรอกนะค่ะ มิ้นก็แค่คนโกหกคนหนึ่งเท่านั้น วันนี้มิ้นอยากจะบอกความจริงกับพี่ตูนก่อนที่มิ้นจะไม่มีโอกาสได้พูดมันออกไป ถึงพี่ตูนจะโกรธจะเกลียดมิ้นยังไง มิ้นก็ยอมค่ะ"มิ้นจ้องมองตูนอย่างมั่นใจ
"มิ้นพูดอะไรเนี่ยพี่งงไปหมดแล้วนะ"ตูนเริ่มงง
"พี่ตูนค่ะ ความจริงแล้วมิ้นไม่ได้ความจำเสื่อม มิ้นมันก็แค่เด็กเกเรที่หนีออกจากบ้านที่อังกฤษมาที่เมืองไทย พอมาที่เมืองไทยมิ้นก็ดันทำกระเป๋าสตางค์แล้วก็พลาสปอตหายจากนั้นมิ้นก็โชคร้ายโดนรถที่ตุ้ยชนตอนนั้นมิ้นก็แค่ข้อเท้าแพลงเท่านั้น แต่เพราะมิ้นคิดสนุกอย่างอยู่เที่ยวเล่นต่อมิ้นก็เลยโกหกทุกคนว่ามิ้นความจำเสื่อม แล้วมิ้นก็บอกคุณพ่อคุณแม่ว่ามิ้นมาอยู้บ้านเพื่อนที่เมืองไทย3เดือน นี่ก็2เดือนกว่าแล้ว สงสัยมิ้นคงต้องกลับบ้านก่อนกำหนดซะแล้วสิ เป็นไงค่ะพี่ตูนมิ้นมันเลวไหม พี่ตูนเกลียดมิ้นไหมค่ะ"มิ้นมองหน้าตูนที่นั่งอึ้งอยู่
"555++มิ้นนี่แสบกว่าที่พี่คิดอีกนะเนี่ย"ตูนหัวเราะลั่นก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวมิ้นอย่างเอ็นดู
"พี่ตูนไม่โกรธมิ้นหรอค่ะ มิ้นเป็นคนขี้โกหกนะ"มิ้นมองตูนอย่างไม่เชื่อสายตา
"พี่ไม่โกรธมิ้นหรอก พี่รู้ว่ามิ้นทำไปเพราะสถานการณ์พาไปต่างหากมิ้นก็บอกเองไม่ใช่หรอว่ามิ้นไม่ตั้งใจจะโกหกแล้วมิ้นก็รู้สึกผิดด้วยที่ทำแบบนั้น พี่อยากจะเรียกว่ามันเป็นโชคชะตามากกว่านะที่นำทางมิ้นให้มาเจอกับพวกพี่ มิ้นสอนอะไรพี่หลายอย่างเลยรู้ไหมมิ้นเป็นคนที่สดใสและมองโลกในแง่ดีมากๆมิ้นทำให้พี่รู้ว่าความบริสุทธิ์ไร้เดียงสามันยังมีอยู่จริง มิ้นทำให้พี่หัดมองโลกอีกด้าน พี่รู้สึกมากๆเลยนะที่มิ้นเลือกที่จะบอกความจริงกับพี่เป็นคนแรก เพราะมันทำให้พี่รู้ว่าพี่ก็ยังเป็นคนที่สำคัญกับมิ้นคนหนึ่งเหมือนกัน"
"พี่ตูน"
"มิ้นพี่มีเรื่องหนึ่งอยากจะขอมิ้นนะ มิ้นอย่าเพิ่งกลับไปอังกฤษเลยนะช่วงเวลาอีกไม่ถึงเดือนที่เหลืออยู่ขอให้พี่ได้ไหม เวลาที่มีมิ้นอยู่ข้างๆมันทำให้พี่มีความสุขมากนะ ถ้ามิ้นไม่อยากอยู่กับตุ้ยมิ้นก็มาอยู่บ้านที่นะ พรุ่งนี้เราก็ไปเก็บของที่บ้านตุ้ยกันแล้วเรื่องทั้งหมดวันนี้พี่จะไม่บอกใคร แค่เรารู้กัยแค่ 2 คนก็พอแล้ว พี่ขอเวลาที่เหลือนะมิ้น มิ้นให้พี่ได้ไหว"ตูนมองไปในดวงตามิ้นอย่างอ้อนวอน
"แต่มิ้น มิ้นไม่ได้รักพี่ตูนนะค่ะ"มิ้นสับสนไปหมด
"พี่รู้ว่ามิ้นไม่ได้รักพี่ แต่พี่ขอโอกาสบางจะได้ไหม มิ้นลองเปิดใจให้กับตัวเองแล้วก็พี่บ้าง พี่ขอแค่นี้จะได้ไหมมิ้น"
มิ้นมองตูนอย่างชั่งใจในเมื่อความรักทั้งหมดที่เธอเคยให้ผู้ชายคนหนึ่งไปกลับได้รับการตอบแทนเป็นการทรยศและหักหลัง แล้วทำไมเธอถึงไม่ยอมเปิดใจให้ผู้คนนี้คนที่ที่ทั้งรักและห่วงใยเธอมาตลอดบ้าง
"ได้ค่ะพี่ตูนมิ้นจะให้โอกาสพี่"
"ขอบคุณมิ้น ขอบคุณมากๆ"
ตูนดึงร่างของมิ้นไปกอดไว้อย่างแสนรักเขารู้สึกเป็นสุขอย่างที่สุดจริงๆในคืนนี้ มิ้นอยู่ในอ้อมกอดตูนแต่จิตใจเธอกลับล่องลอยไปถึงใครอีกคน คนที่ทำร้ายเธออย่างสาหัส
"ความรักมันไม่ใช่ทุกอย่างใช่ไหมพี่ตุ้ย ความเข้าใจและห่วงใยต่างหากที่สำคัญกว่า ลาก่อนนะค่ะพี่ตุ้ย มิ้นจะลืมพี่ให้ได้"
มิ้นกระชับอ้อมกอดตูนแน่นแล้วซบหน้าลงกับบ่าของเขาอย่างอบอุ่นตุ้ยก้มลงหยิบช่อลิลลี่ที่ตอนนี้กลีบของมันช้ำชอกไปไม่ต่างจากตัวเขาเลยขึ้นมาอย่างทะนุถนอมก่อนจะนำไปมองลงบนหมอนของหญิงสาวที่ควรจะเป็นเจ้าของมัน สายตาหม่นของเขาก็เหลือบไปเห็นโปรการ์ดรูปดอกไม้สีสันสดใสที่เขาจำได้ดีว่ามันเป็น เธอ คนที่เพิ่งจากเขาไป ตุ้ยเอื้อมมือไปหยิบโปรการ์ดขึ้นมาอ่านช้าๆ
พี่ตุ้ยขา....
อากาศที่ปายหนาวจัง ขอกอดทีหนึ่งสิ 555 มิ้นล้อเล่น อย่าคิดมาก
พี่ตุ้ยมิ้นอยากบอกว่า "มิ้นรักพี่ตุ้ยจังค่ะ" ทุกอย่างที่พี่ตุ้ยทำให้มิ้น มิ้นจะ
จดจำมันไปตลอด ไม่ว่าเราจะอยู่ห่างกันแค่ไหนมิ้นก็จะรักพี่ตุ้ย
ขอให้พี่ตุ้ยจดไว้นะค่ะ...มิ้นรักพี่ตุ้ยที่สุดค่ะ
กระต่ายมิ้น อิน เลิฟ 555
"มิ้น พี่ก็รักมิ้นมากนะ รักมากที่สุดเลยรู้ไหม"ตุ้ยจูบโปรการ์ดแผ่นนั้นเบาๆ ถ้าเพียงเขารู้จักยับยั้งชั่งใจไม่ทำเรื่องบ้าๆนั้นไปเขาก็จะมีเธออยู่เคียงข้างกาย ทุกอย่างมันเป็นความผิดของเขาคนเดียวเท่านั้น น้ำตาของตุ้ยไหลออกมาช้าๆ
"ตุ้ยอย่าร้องไห้นะ ตุ้ยยังมีรี่นะ รี่รักตุ้ยนะ"
เชอรี่กอดตุ้ยเอาไว้แน่นเธอค่อยๆจูบลงบนตากลมโตของตุ้ยที่เอ่อไปด้วยน้ำตา
"ปล่อยนะรี่ เลิกทำบ้าๆอย่างนี้ได้แล้ว"ตุ้ยผลักร่างของเปิ้ลออกไปอย่างแรง
"ตุ้ยรี่เจ็บนะ เมื่อก่อนเราก็ทำแบบนี้กันไม่ใช่หร แล้วทำไมตอนนี้ตุ้ยทำเหมือนรังเกียจรี่ละ"
"นั่นมันเมื่อก่อน ตุ้ยว่าเราคุยกันเข้าใจแล้วนะ แค่นี้มันยังไม่แย่พอหรอคุณถึงคิดจะทำเรื่องบ้าๆอีก คุณเปลี่ยนไปมากจริงๆนะรี่มากซะจนผมคิดว่าคุณไม่ใช่เชอรี่ที่ผมรู้จักอีกแล้ว"ตุ้ยพูดเสียงดังอย่างโมโหเขาสับสนจริงๆว่าทำไมเชอรี่ผู้อ่อนหวานและเรียบร้อยถึงเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้
"ตุ้ย เอ่อ รี่ขอโทษค่ะที่รี่ทำไปทุกอย่างห็เพราะรักตุ้ยนะ แต่ถ้าตุ้ยไม่พอใจ รี่สัญญาว่ารี่จะไม่ทำแบบนี้อีก ตุ้ยอย่าโกรธรี่เลยนะ"เปิ้ลบีบน้ำตาอย่างน่าสงสาร
'คุณกลับบ้านไปเถอะ ผมอยากอยู่คนเดียว"
"ตุ้ยนี่มันตี 1แล้วนะ ตุ้ยจะให้รี่กลับยังไง รี่ขอนอนที่ห้องตุ้ยสักคืนนะแล้วพรุ่งนี้เช้ารี่จะรีบกลับเลย"
"ก้ได้ คุรไปนอนที่โซฟาแล้วกัน"
"โซฟาหรอ มันแคบจะตายนะ รี่ขอนอนที่เตียงไม่ได้หรอ"
"ไม่ได้ เตียงนี้เป็นของผมกับมิ้น คุณไปจะไปนอนที่โซฟาหรือจะกลับบ้านไปก็เลือกเอา"ตุ้ยเมินหน้าอย่างสนใจเชอรี่เอาซะเลย
"ก้ได้ค่ะ รี่มันก็แค่คนอื่นนิ"เปิ้ลสะบัดเดินไปนอนที่โซฟาอย่างไม่พอใจ
ตุ้ยทรุดลงนอนบนที่นอนช้าๆเขาซุกหน้าลงกับหมอนของมิ้น กลิ่นหอมของเธอยังติดตรึงอยู่แต่ตัวเธอกลับจากเขาไปไกลแสนแล้ว ตุ้ยยังไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้เช้าเขาจะลืมตาขึ้นได้อย่างไรเมื่อไม่มีเธอ
"มิ้นกลับมาได้ไหม พี่รักมิ้นนะ พี่ขอโทษ"
ตุ้ยหลับตาลงพร้อมกับน้ำตาและหัวใจที่บอบช้ำ
**ก๊อก ก๊อก ก๊อก**
เสียงเคาะประตูปลุกให้ตุ้ยที่เพิ่งข่มตาหลับไปได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงตื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว ตุ้ยรีบวิ่งไปเปิดประตูแล้วภาพองหญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าห้องก็ทำให้เขาดีใจจนแทบคลั่ง ตุ้ยคว้าตัวมิ้นมากอดไว้แน่นด้วยความดีใจ
“มิ้น มิ้นกลับมาหาที่แล้วใช่ไหม พี่ขอโทษนะมิ้น พี่รักมิ้นนะ”
“ปล่อยมิ้นนะ ปล่อยสิ พี่ตุ้ยปล่อย”มิ้นพยายามผลักร่างของตุ้ยออกไปแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลแม้แต่น้อย
“ปล่อยมิ้นนะไ อ้ตุ้ย” ตูนที่อยู่ด้านหลังผลักตุ้ยออกไปแล้วคว้าร่างมิ้นมาไว้ข้างตัวอย่างหวงแหน
“นี่มันอะไรกันมิ้น”ตุ้ยมองคนทั้งคู่ด้วยความเจ็บปวด
“มิ้นมาเก็บเสื้อผ้าค่ะ”มิ้นเดินผ่านตุ้ยไปเก็บเสื้อผ้าทันที
“มิ้นนี่มันอะไรกันมิ้นจะไปอยู่ที่ไหนฮะ”ตุ้ยคว้าข้อมือบางๆของมิ้นเอาไว้
“น้องมิ้นครับเดียวพี่ช่วยถือกระเป๋านะ”ตูนหยิบกระเป๋าออกจากมือมิ้นพลางโอบตัวของเธอให้ห่างจากตุ้ยด้วย
“มิ้นเค้าจะไปอยู่พี่บ้านเรานะ พ่อแม่เราก็อนุญาตแล้วด้วย นายไม่ต้องเป็นห่วงมิ้นหรอกนะตุ้ย เราจะดูแลมิ้นเอง”ตูนยิ้มให้ตุ้ยอย่างมีความสุข
“อ้ออย่างนี่หรอ เธอนี่เก่งจริงๆเลยนะมิ้น บอกเลิกพี่เมื่อวานวันนี้ก็หาคนใหม่ได้ซะแล้ว”ตุ้ยยิ้มอย่างขมขื่น
“ตุ้ยจ้า ใครมากันหรอเสียงดังเชียว อุ้ยน้องมิ้น ตูนมากันได้ยังไงจ๊ะ”เปิ้ลที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำมองทุกคนอย่างตกใจ
“พี่ตุ้ยไม่มีสิทธิ์มาว่าอะไรมิ้นทั้งนั้น อย่าลืมสิค่ะว่าทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นเนี่ยมันเพราะใคร ยังไงมิ้นก็ต้องตัดสินใจเลือกคนที่เขารักและดีกับมิ้นที่สุดอยู่แล้ว พี่ตุ้ยอย่าทำให้มิ้นต้องเกลียดพี่ตุ้ยเลยนะค่ะ”มิ้นมองตุ้ยด้วยสายตาตัดพ้อ ปากเขาบอกว่าไม่มีอะไรกับเชอรี่แต่ทำไมยังอยู่ด้วยกันจนเช้าแล้วเธอควรจะเชื่อใจอะไรเขาได้อีกหรือ
“น้องมิ้นอย่าโกรธตุ้ยเลยนะจ๊ะ มันเป็นความผิดของพี่คนเดียวตุ้ยเขาไม่เกี่ยวหรอก มิ้นกลับมาอยู่ที่นี่เถอะอย่าไปไหนเลยนะ พี่ขอโทษอภัยให้พี่เถอะนะ”เปิ้ลจับข้อมือของมิ้นอ้อนวอนเธออย่างน่าสงสาร
“พอเถอะพี่รี่หยุดเสแสร้งซะที ต่อพี่ก็มาทำเป็นดีกับมิ้นห่วงใยมิ้นสารพัด แต่พอหลับหลังมิ้นพี่เชอรี่ก็หักรักมิ้นได้อย่างเลือดเย็น พี่รี่เคยขอพี่ตุ้ยคืนจากมิ้นไม่ใช่หรอ ตอนนี้พี่ก็ได้แล้วไงค่ะ มิ้นยกให้ เรา 3 คนจบกันแค่นี้อย่ามาเกี่ยวข้องอะไรกันอีกเลยนะค่ะ ” มิ้นสะบัดตัวแล้วเดินจากไปอย่างเข้มแข็ง
“มิ้นอย่าไปนะ อย่าทิ้งพี่ไป พี่อยู่ไม่ได้นะถ้าไม่มีมิ้น”
ตุ้ยโอบกอดมิ้นจากอย่างด้านหลัง ในชีวิตเขาไม่เคยยอมใครแต่กลับเธอคนนี้ต่อให้แลกด้วยศักดิ์ศรีหรืออะไรก็ตามเขาก็พร้อมจะยอมทุกอย่าง น้ำตาลูกผู้ชายของเขาไหลออกมาช้าๆอย่างไม่อายใครทั้งนั้น มิ้นสูดลมหายใจช้า ดวงตาของเธอมองไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็ง เธอค่อยๆปลอดมือของตุ้ยออกจะตัวเธอช้าๆ
“ปล่อยมิ้นเถอะค่ะพี่ตุ้ย เรื่องของเรามันจบแล้ว อย่ารั้งมิ้นเลยนะค่ะ มิ้นจะจดจำแต่สิ่งดีๆที่เราเคยมีให้กันนะค่ะ ลาก่อนค่ะพี่ตุ้ย”
“นี่เธอตัดใจจากพี่ได้แล้วหรอมิ้น มิ้นไม่รักพี่แล้วใช่ไหม”
ตุ้ยทรุดตัวลงนั่งที่พื้นแล้วมองตามมิ้นที่เดินจากไปพร้อมตูนอย่างปวดร้าว
“มิ้นเป็นอะไรรึป่าว’
ตูนหยุดชะงักเมื่อมิ้นที่เดินนำเขาหยุดอยู่กับที่อย่างกะทันหันร่างบางของเธอสั่นไหวอย่างรุนแรง เสียงสะอื้นเบาๆดังลอดออกมา
“มิ้นเป็นอะไรบอกพี่สิ มิ้น”
“พี่ตูน ฮือออออ ทำไม ทำไม มิ้นยังเค้าอยู่ได้ ทำไมมิ้นยังรักคนที่ทำร้ายมิ้นอยู่ได้ ฮือออออ”
มิ้นโผเข้ากอดตูนพร้อมหยุดน้ำตา ความเข้มแข็งในตัวเธอดูเหมือนมันจะค่อยๆหมดไปตั้งแต่เธอได้รับอ้อมกอดนั้นจากเขาอีกคน เขาคนที่เธอคิดจะตัดใจแต่ดุเหมือนมันช่างยากเย็นเหลือเกิน
“มิ้น ไม่เป็นไร ร้องออกมาให้พอ พี่จะอยู่ข้างๆมิ้นเอง”
ตูนกอดมิ้นเอาไว้และลูบผมเธอเบาๆอย่างแสนรัก ไม่ว่ามันจะใช่เวลานานแค่ไหนเขาก็จะรอ รอให้เธอหันมารักเขาให้ได้
**นักร้องหนุ่ม ต. ฉาวอีกแล้ว หลังจากแอบไปกุ๊กกิ๊กกับอดีตแฟนสาวจนน้อง ม. แฟนสาวสุดน่ารัก
ต้องยอมตัดสัมพันธ์ไปพ้อมน้ำตา ยังงี้คงต้องให้เป็นพ่อคาสโนวาคนใหม่แล้วดีไหมจ๊ะหนุ่ม ต.**
"งามหน้าไหมละนายตุ้ย ขยันเป็นข่าวเสียๆหายๆจริงๆเลยนะ"คุณขวัญโยนหนังสือพิมพ์ไปให้ตุ้ยอย่างโมโห
"ผมขอโทษครับพี่ขวัญ แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมข่าวนี้มันถึงแพร่ไปเร็วนักทั้งที่ผมกับมิ้นเพิ่งเลิกกันได้ 2วันเอง"ตุ้ยก้มลงข่าวนั้นด้วยสีหน้าเครียด
"ห๊า.. แสดงว่าข่าวนี้เป็นเรื่องจริงหรอตุ้ย"คุณขวัญพูดอย่างตกใจ
"เออ ครับพี่"ตุ้ยก้มหน้าลง
"นี่นายไปมีอะไรกันกับยัยเชอรี่จนมิ้นเข้าบอกเลิกนายงั้นหรอ"
"ผมไม่ได้มีอะไรเกินเลยกับเชอรี่นะครับ แล้วผมก็ไม่ได้อยากเลิกกับมิ้นเลยด้วย"
"โอ้ยฉันอยากจะบ้าตาย มิ้นเค้าดีแสนดีนายกับปล่อยให้เขาหลุดมือไปได้ นายนี่มันโง่หรือว่าบ้าฮะตุ้ย เออแล้วนี่หนูมิ้นเขาไปอยู่ที่ไหนละเนี่ย"
"เขาไปอยู่บ้านไ อ้ตูนมั้ง"ตุ้ยเสียงเข้มขึ้นทันที
" อ้อ..มินาละ"
"มิน่าอะไรหรอครับพี่ พี่บอกผมว่าสิว่ามีอะไร"
"แหมๆตอนคุยเรื่องงานละหน้าจ๋อยเชียวแต่พอพูดถึงเรื่องมิ้นกับตูนหูพึ่งเลยนะ "
"โถพี่ขวัญพี่รู้อะไรมาก็บอกผมมาเถอะนะครับ แค่นี้ผมก็เครียดจนจะบ้าแล้ว"
"เออๆบอกก็ได้ คือเมื่อคืนเนี่ยตูนมันโทรบอกพี่ว่ามิ้นเขาอยากมาทำงานที่บริษัทเรา พี่ก็เลยรับเขามาเป็นประชาสัมพันธ์นะ มิ้นเขาเก่งภาษามากเลยนะพูดภาษาอังกฤษคล่องปรื้นเลย วันนี้คงมาทำงานวันแรกนะ"
"หรอครับ"ตุ้ยหน้านิ่งขรึม
"เห้ยอย่าทำหน้าแบบนั้นสิ พี่ขอร้องนะว่าอย่ามามีเรื่องกันที่นี่เลย สัญญากับพี่ก่อนนะตุ้ย"คุณขวัญเริ่มกังวล
"ก็ได้ครับ ผมจะพยายาม"
"นิ นายอย่าเพิ่งชวนพี่คุยเรื่องอื่นกลับมาที่เรื่องข่าวนั้นก่อน นายคิดว่าข่าวเนี่ยมันเผยแพร่ไปได้ยังไงฮะตุ้ย"
"ที่จริงเรื่องที่ผมเลิกกับมิ้นก็มีแค่ ผม มิ้น เชอรี่แล้วก็ไอ้ตูนเท่านั้นนะครับที่รู้ แล้วผมกับมิ้นนี่ก็ตัดไปเลย ที่นี้ก็เหลือแค่ตูนกับเชอรี่"ตุ้ยพูดอย่างใช้ความคิด
"พี่ว่าไม่ใช่ตูนหรอก"
"ทำไมพี่ขวัญถึงมั่นใจขนาดนั้นละครับ"ตุ้ยถามอย่างสงสัย
"พี่ว่าตูนมันไว้ใจได้นะ อีกอย่างตูนมันจะพูดไปทำไมเพราะถ้านักข่าวเกิดขุดคุ้ยขึ้นว่าก็ต้องรู้สิว่ามิ้นมาอยู่ที่บ้านมัน ตูนเองก็จะมีแต่เสียกับเสียจริงไหม"
"งั้นพี่ขวัญ คิดว่าเป็นเชอรี่หรอครับที่ปล่อยข่าวนี้ออกไป"
"พี่ได้อคตินะตุ้ย แต่พี่คิดว่าผู้หญิงคนนี้แปลกๆดูน่ากลัว ลึกลับยังไงบอกไม่ถูก อีกอย่างนะตุ้ยลองคิดดูว่าถ้าข่าวนี้ออกไปใครจะได้ประโยชน์ที่สุด ทั้งตุ้ยและมิ้นคนก็จักมากมายพอมีข่าวไม่ด๊ออกมาก็มีแต่เสีย แต่เขาละเป็นใครก็ไม่รู้ข่าวออกไปก็ไม่มีใครรู้จักแถมยังได้ตุ้ยคืนไปง่ายๆอีกตางหาก พี่พูดจริงๆนะนายควรระวังผู้หญิงคนนี้เอาไว้บ้าง"
"อืมม ผมก็คิดเหมือนกันนะพี่ขวัญว่ารี่เขาแปลกไปตุ้งแต่เขากลับว่าเขาก็เปลี่ยนไปมากเหมือนไม่ใช่เชอรี่ที่ผมรู้จักเมื่อ 3ปีก่อนเลย เธอดูมั่นใจแล้วก็กล้าขึ้นมาก เวลาอยู่ด้วยกันก็ชอบทำท่าทีแปลกๆกับผม ผมเองก็แปลกใจเหมือนกันนะว่าทำไมเธอถึงเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้"ตุ้ยเริ่มสงสัยกับท่าทีของเชอรี่คนนี้เช่นกัน
"ยังไงนายก็ระวังตัวไว้นะ ส่วนเรื่องข่าวนะไม่ต้องพูดอะไรทั้งนะเด้วทางบริษัทจะจัดการเอง นายออกไปได้แล้วพี่ต้องไปประชุมต่อนะ"
"ขอบคุณครับพี่ขวัญ"
ตุ้ยเดินออกมาจากห้องคุณขวัญด้วยความสับสน
"เชอรี่เธอเป็นใครกันแน่นะ ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเธอไม่ใช่เชอรี่ที่ฉันรู้จักอีกต่อไปแล้วนะ"
อีกสักนิดแม้จะง่วงแทบขาดใจ....รอน้องมิ้น...
"น้ำส้มหวานเย็นอร่อยชื่นใจครับองค์หญิงน้อย"
"ขอบคุณค่ะพี่ตูนแต่นี้มันเวลาทำงานของมิ้นนะค่ะ"
มิ้นยิ้มรับน้ำส้มสีสวยที่ตูนนำมาให้เธอที่เค้าเตอร์ประชาสัมพันธ์
"แหม น้องมิ้นก็อีก 20 นาทีก็ได้เวลาพักแล้วนี่จ๊ะดื่มน้ำส้มสิเสียงพีอาร์สาวสวยจะได้ใสแจ๋วเวลาติดต่องานกับลูกค้าไงจ๊ะ"ตูนยิ้มทะเล้นให้มิ้นอย่างน่ารัก
"ค่า ขอบคุณนะค่ะพี่ตูน แต่เอ้พี่ตูนเอานำส้มมาให้มิ้นอย่างเดียวหรือว่ามีอย่างอื่นด้วยค่ะเนี่ย"สาวน้อยเหล่ตามองชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ
"มิ้นอะรู้ทันพี่อีกละ คือคืนพรุ่งนี้ที่บริษัทเราจะมีงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้านะ แล้วพี่ก็ไม่มีเพื่อนไปเลยอยากชวนน้องมิ้นไปด้วยอะจ๊ะ"
"โห้ งานเลี้ยงหรองานใหญ่แน่ๆเลยอะ มิ้นไม่ไปไม่ได้หรอ"
"มิ้นจ้า ไปเถอนะ นะ นะ คนดี๊คนดี"ตูนเขย่ามือหญิงสาวอย่างอ้อนๆ
"อะแฮม...ขอโทษนะที่มาขัดจังหวะ แต่นี่มันเวลางานไม่ใช่หรอกรุณาตั้งใจทำงานหน่อยสิ แต่ถ้าจะมาจู่จี้กันก็อดใจรอหลังเวลาจะดีกว่ามะ"ตุ้ยกอดอกมองคนทั้งคู่อย่างไม่พอใจ
"เออ ฉันก็แค่แวะมาชวนมิ้นเขาไปงานเลี้ยงก็เท่านั้นแหละ"ตูนเอ่ยขึ้นเบาๆ
"ก้ไปชวนกันหลังเลิกงานก็ได้นิอยู่บ้านเดียวกันอยู่แล้วไช่หรอ"ตุ้ยมองมิ้นและตูนแบบหาเรื่อง
"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยละ ฉันกับพี่ตูนจะคุยอะไรกันมันก็เรื่องของเรา คุณไม่เกี่ยว"มิ้นเน้นเสียงคำว่าเราจนตุ้ยเองถึงกับชะงักไปเลย
"ตุ้ยจ้า มาอยู่นี่เองรี่หาตั้งนาน"เสียงแจ๋วของแอปเปิ้ลดังขึ้นพร้อมร่างโปร่งบางที่เข้ามากอดแขนตุ้ยอย่างเป็นเจ้าข่างเจ้าของ
"ขอโทษจ๊ะรี่จ้า ตุ้ยแวะมาทักทายเพื่อนนิดหน่อยนะ"ตุ้ยแกล้งยิ้มให้เปิ้ลทันที
"ไม่เป็นไรหรอกรี่ไม่โกรธตุ้ยอยู่แล้วละ"
"รี่พรุ่งนี้มีงานเลี้ยงที่บริษัทรี่ไปกับตุ้ยนะจ๊ะ"ตุ้ยพูดพลางเหลือมตาไปมองมิ้นอย่างจงใจ
"ได้สิจ๊ะ รี่อยากไปอยู่แล้วละ"เปิ้ลซุกหน้าลงกันบ่าของตุ้ย
"พี่ตูนค่ะพรุ่งนี้มิ้นจะไปกับพี่ค่ะ แต่ตอนนี้มิ้นจะทำงานทุกคนช่วยออกไปก่อนได้ไหมค่ะ'มิ้นหันไปพูดกับตูนด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ดวงตาที่เคยสดใสของธอเริ่มเออไปด้วยน้ำตาแห่งความน้อยใจ
"จ๊ะเด้วพี่จะแวะมารับมิ้นไปทานข่าวนะจ๊ะ"ตูนพูดกับมิ้นอย่างเป็นห่วง"ตุ้ยนายก็น่าจะพาผู้หญิงของนายออกไปได้แล้วนะ "ตูนมองไปจ้องตุ้ยอย่างไม่พอใจ
"อืม ไปได้แล้วละรี่"ตุ้ยเดินนำหน้าเปิ้ลออกไปโดยไม่สนใจเปิ้ลที่กึ่งวิ่งเดินตามไปข้างหลังเลย
"คนใจร้าย ฉันเกลียดนาย"
มิ้นมองตามหลังตุ้ยไปอย่างปวดร้าวน้ำตาใสๆไหลออกมาจากตาเธออีกจนได้เพราะคนใจร้ายคนนั้นคนเดียวจริงๆ
"เราทำบ้าอะไรลงไป แกนี่มันเลวจริงเลยนะตุ้ย"
ตุ้ยอดที่จะด่าตัวเองไม่ได้ ในหัวเขาตอนนี้มีแต่ใบหน้าเศร้ากับดวงตาที่เอ่อไปด้วยน้ำตาของมิ้น เพราะคำพูดร้ายๆที่เขาต้องการประชดประชันเธอกับตูนมันกลับทำให้เธอต้องเสียใจอีกครั้ง ยิ่งเห็นเอเจ็บเขาก็ยิ่งเจ็บกว่าเป็นร้อยเท่า เขาผิดเองที่ทำให้เธอเสียใจ แล้วรอยร้าวระหว่างเขาและเอมันจะมีทางกลับมาเป็นเหมือนเก่าได้อีกหรือ??? ตุ้ยยิ่งคิดก็ยิ่งท้อใจ
ภายในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง งานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ผู้รวมงานมีทั้งดารา นักร้อง นักธุรกิจรวมไปถึงคนในแวววงสังคมชั้นสูงจึงไม่แปลกเลยที่งานนี้จะเป็นแหล่งรวบรวมสื่อจากทุกๆแขนง
"โอ้โห้คนเยอะจังเลยนะค่ะตุ้ย รี่ตื่นเต้นจัง เออตุ้ยรี่สวยรึยังค่ะเนี่ย"หญิงสาวกอดแขนชายหนุ่มอย่างตื่นเต้นดูเหมือนเจ้าหล่อนจะภูมิใจเรือนร่างของตนเองในชุดเสื้อคล่องคอสีดำเปลือยแผ่นหลังขาวเนียนกับกระโปรงที่ผ่าลึกจนถึงขาขาวๆที่ทำให้เธอดูเซ็กซี่ยั่วยวนนั้นเสียจริงๆ ผิดกับชายหนุ่มหล่อในชุดสูทสีดำข้างตัวที่ดูเหมือนเขาจะไม่ยินดียินร้ายอะไรกับเธอเสียเลย
"รีบๆเดินเข้าเหอะรี่ เราเสียเวลากับการแต่งตัวของคุณมานานแล้วนะ"ตุ้ยพูดอย่างรำคาญก่อนจะก้าวเดินไปอย่างรวดเร็วจนเปิ้ลต้องรีบวิ่งตามไป
"เห้ย นั่นมันตุ้ยกับแฟนเก่านิวาควงกันมาซะด้วย"
"เออ จริงด้วยอย่างนี้ต้องถามให้รูเรื่องแล้ว เร็วๆๆถ่ายรูปเลย"
เสียงอื้ออึงจากนักข่าวหน้างานที่รั่วชัตเตอร์กันไม่ยังก่อนจะยิงคำถามมากมายให้กับคนทั้งคู่
"ตุ้ยครับสรุปว่าคุณเลิกกกับมิ้นจริงหรอป่าวครับ"
"ผู้หญิงคนนี้ใช่เชอรี่แฟนเก่าคุณรึป่าว"
"คุณแอมีความสัมพันธ์กันจนมิ้นจับได้แล้วขอเลือกจริงไหมค่ะ"
"คุณผู้หญิงคนนี้มีอะไรจะบอกกับแฟนๆของตุ้ยไม่ค่ะ"
นักข่าวสาวคนหนึ่งยื่นไมค์ให้กับแอปเปิ้ล
"เออ..คือตอนนี้ฉันกับตุ้ยเรา.."ยังไม่ทันที่เปิ้ลจะพูดจบตุ้ยก็คว้าไมค์จากนักข่าวไปทันที
"พอแล้วผมไม่มีอะไรจะให้สัมภาษณ์ ไปได้แล้วเร็วว"ตุ้ยคว้าแขนเล็กๆของเปิ้ลกระชากไปอย่างแรง
"โอ้ยย รี่เจ็บนะตุ้ย ทำไมตุยไม่บอกนักข่าวไปละว่ารี่เป็นใคร"
"แล้วคุณเป็นใครละ คุณก็แค่เพื่อนผมคนหนึ่งนะรี่อย่าลืมตัวสิ"ตุ้ยจ้องหน้าเปิ้ลอย่างไม่พอใจ
"เออ รี่ขอโทษนะค่ะตุ้ยอย่าโกรธรี่เลยนะค่ะ"เปิ้ลเริ่มกลัวๆกับท่าทางของตุ้ย
"ตุ้ย เปิ้ล เอ้ย เชอรี่ มากันแล้วหรอ มานั่งด้วยกันสิพวกเราอยู่ทางโน้นนะ"ลูกตาลในชุดราตรีสีฟ้าเข้ามาทักตุ้ยและเปิ้ลพลางชี้ไปที่ยังโต๊ะที่มีเพชร บอยและบลูน่านั่งอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งสองคนหลังนี่ดูเหมือนจะมีเรื่องผิดใจกันสังเกตจากใบหน้าบึ่งตึงของฝ่ายหญิงได้ชัดเจน
"อืมม ดีเลย ตุ้ยไปกันเถอะ ตุ้ยได้ยินี่รึป่าว"เปิ้ลกระตุกแขนชายหนุ่มเบาๆ
"อืมว่าไงหรอ"ตุ้ยยังคงกวาดสายตาไปรอบๆงาน
"รี่บอกให้ตุ้ยไปนั่งที่โต๊ะนั้นกับพวกลูกตาลไง แล้วตุ้ยมองหาใครอยู่นะ"
"ปะ ป่าวนิ เราไปกันเถอะ"
ตุ้ยหันหลังจะออกเดินไปแต่เสียงอื้ออึงจากภายนอกงานก็ทำให้เขาต้องหันกลับไปมองอีกครั้ง
แสงแฟลชและเสียงกดชัตเตอร์ดังรั่วขึ้น พร้อมกับการปรากฎกายของชายหนุ่มรูปงามในชุดสูทสีดำกับหญิงสาวในชุดเกาะอกสีขาวบริสุทธิ์กระโปรงผ้าเนื้อเบาบางทิ้งชายยาวลากกรอมพื้น ผิวดำขลับที่เคยถูกปล่อยสยายก็ถูกดัดเป็นหลอนเกล้าเป็นช่อสวยบบนศีรษะได้รูปของเธอ ใบหน้าหวานถูกตกแต่งอย่างปราณีตแสงไฟจากกล้องนับร้อยตัวก็ยิ่งขลับผิวขาวของเธอให้ดูสวยยิ่งขึ้นอีก ตุ้ยมองมิ้นอย่างตกตะลึงในความสวยสง่าของเธอแต่ชายหนุ่มก็ต้องเจ็บขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นแขนเรียวเล็กของเธอเกาะเกี่ยวตูนเอาไว้อย่างประหม่า เขารู้ว่าเธอคงตกใจไม่น้อยกับกองทัพนักข่าวนับร้อยในวันนี้แต่คนที่ค่อยยืยปลอบใจอยู่ข้างๆเธอควรจะเป็นเขาไม่ใช่ตูน....
"เราไปกันเถอะ"ตุ้ยเดินตรงไปภายในงานทันทีทำเอาทั้งเปิ้ลและลูกตาลเป็นงงไปเลย
"มาแล้วหรอตุ้ย "เพชรยิ้มให้ตุ้ย
"อืมแล้วพวกเธอมานานแล้วหรอ"ปากตุ้ยพูดกับเพื่อนๆแต่สายตากลับมองไปที่หญิงสาวที่กำลังเดินมา
"นานแล้วละพี่ตุ้ย เห้ย นั่นมันมิ้นกับพี่ตูนนินา โอ้ยมิ้นสวยจังเลยดูสิพี่บอย"บลูน่าเขย่าแขนแฟนหนุ่มอย่างลืมตัวว่างอนกันอยู่ไปเลย
"อืม สวย สวยมากสวยเหมือนนางฟ้าเลย"บอยทำตาเคลิ้มจนบลูน่าต้องใช้ฝ่ามือฝาดบนบ่าแฟนหนุ่มเป็นการเตือนสติเสียหน่อย
"หวัดดีพรรคพวกมานานกันอะยังเนี่ย"ตูนจูงมือมิ้นที่หอบเบาๆเข้ามาหาเพื่อนๆ
"ก็นานแล้วอะ ไม่เหมือนคนบางคนหรอกที่มาสาย"เพชรแกล้งมาตูนและมิ้น
"โห้..กว่าเรา 2คนจะผ่านนักข่าวมาได้ก้เกือบตายเลยนะ รั่วคำถามจนหูชาไปหมดเลย ดูดิน้องมิ้นเหงื่อออกเลยทีเดียว นั่งก่อนมิ้นเหนื่อยละสิเรา"ตูนหันไปยิ้มให้มิ้นแล้วเลื่อนเก้าอี้ให้มิ้นนั่งก่อนที่ตัวเขาจะเลือกนั่งลงติดกับเธอ โดยไม่สนใจสายตาพิคาดของชายหนุ่มอีกคนที่นั่งตรงข้าวซะเลย
"มิ้นวันนี้มิ้นส้วยสวย สวยจนตาบอยตาค้างไปเลย เนี่ยถ้าไม่ใช่มิ้นนะบลูน่าจะเดินไปด่าแล้ว"พอบลูน่าพูดจบก็เรียกเสียงฮาจะเพื่อนด้รอบโต๊ะ แต่พอเธอหันไปเห็นหน้าลูกตาลที่นั่งยิ้มอยู่บลูน่าก็สะบัดหน้าอย่างไม่พอใจทันที
"บลูน่าพูดเกินไป ไม่ขนาดนั้นซะหน่อย"มิ้นหัวเราะเขินน
"แต่พี่เห็นด้วยกับบลูน่านะมิ้นสวยจริงๆยิ่งใส่ชุดสีขาวก็ยิ่งดูน่ารักนะ"ลูกตาลชมมิ้นอย่างจริงใจ เปิ้ลที่นั่งอยู่ข้างมองลูกตาลอย่างไม่พอใจ ใบหน้าเธอบูดบึ้งด้วยความริษยามิ้น
"มิ้นเอาไวน์แดงหน่อยไหม"ตูนหยิบแก้วไวน์จากบริกรที่มาเสิร์ฟเครื่องเดิม
"มิ้นเขาไม่กินไวน์เปลี่ยนเป็นน้ำผลไม้จะดีกว่า"ตุ้ยที่นั่งเงียบอยู่นานพูดขึ้นมาทันที
"จริงหรอครับมิ้น"ตูนมองมิ้นอย่างเจื่อนๆ
"จริงหรอจ๊ะมิ้น มิ้นก็โตแล้วนะยังดื่มไวน์ไม่ได้อีกหรอเด็กจริงๆเลยนะค่ะตุ้ย"เปิ้ลเริ่มหาเรื่องมิ้น
"อืมก็จริงนะรี่ เด็กๆอย่างเนี่ยเขาต้องกินนมแล้วก็นอนตั้งแต่ 3 ทุ่ม มาออกงานสังคมแบบเนี่ยเค้คงไม่ถนัดหรอก"ตุ้ยแกล้งว่ามิ้นเพราะลมเพชรชะหึงของเขาเริ่มก่อตัวหนักจนเจ้าตัวก็เริ่มควบคุมไม่ได้แล้ว
"งั้นเรามาดื่มกันดีกว่านะตุ้ย"ตุ้ยกับเปิ้ลคล่องแขนป้อนไวน์กัน ตุ้ยแอบมองมิ้นที่นั่งกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆอย่างสะใจ
"พี่ตูนค่ะมิ้นดื่มได้ เอามาค่ะ"มิ้นคว้าแก้วไวน์จากมือตูนไปดื่มรวดเดียวหมดแก้วจนทุกคนได้แต่มองอย่าอึ้งโดยเฉพาะตุ้ยที่ออกอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด
"มิ้นเป็นอะไรรึป่าวเนี่ย หน้าแดงเชียว"ตูนมองมิ้นที่หน้าเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆอย่างเป็นห่วง
"ไม่เป็นไรค่ะ มิ้นขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะค่ะ"มิ้นที่เริ่มจะมึนๆลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วจนทำให้ร่างบางๆของเธอเซไปเล็กน้อย ตุ้ยและตูนลุกขึ้นพยุงมิ้นโดยไม่ได้นัดหมายแต่หญิงสาวกับสะบัดมือคนทั้งคู่จากไปทันที
"ฮือ ฮือออออ ไ อ้คนบ้า ไ อ้คนใจร้าย ควงคนอื่นมาแล้วยังมาว่าเค้าเป็นเด็กอีก ฮืออออ"
มิ้นเข้ามาในห้องน้ำแล้วร้องไห้อยู่คนเดียว อาจจะด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ตัวเธอไม่เคยแม้แต่คิดจะแตะมันคงไปทำปฎิกิริยาในร่างกายของเธอจนทำให้มิ้นเห็นแต่ภาพตุ้ยและเชอรี่วนเวียนในหัวที่หนักอึ้งของเธอตอนนี้
"พี่ตุ้ยบ้าๆๆๆๆ มิ้นเกลียดพี่ตุ้ย ฮืออออออ"
"มิ้น มิ้นเป็นอะไรไปนะ"ลูกตาลที่ตามมิ้นเข้ามามองมิ้นที่ร้องไห้ฟูมฟายอยู่คนเดียวอย่างตกใจ
"พี่ลูกตาล ฮืออออออออออ ไม่มีใครรักมิ้นเลย พี่ตุ้ยก็ม่ายร๊ากกก มิ้นนเป็นเด็กเขาเลยไม่รักมิ้นใช่ไหม ฮืออออ"มิ้นโผเข้ากอดลูกตาลแล้วร้องไห้ออกมาราวกับเด็กเล็กๆ
"โอ๋ๆไม่ร้องนะคนดี มิ้นเมาใช่ไหมเนี่ย"ลูกตาลลูบหลังมิ้นเบาๆลูกตาลรู้สึกทั้งสงสารและเอ็นดูมิ้นเวลาที่เธออยู่ใกล้ๆเด็กสาวคนนี้มันทำให้เธอรู้สึกว่าเธอต้องเป็นพี่สาวที่ต้องดูแลน้องเสียทุกที
"พี่ตาลค่ะ มิ้นรู้ว่ามิ้นมาที่หลังพี่เชอรี่ แต่ทำไมมิ้นผิดอะไรทำไมพี่ตุ้ยกับพี่รี่ถึงต้องทำอย่างนี้กับมิ้นด้วยมิ้นไม่เข้าใจ"มิ้นร้องไห้ออกมาเบาๆ
"มิ้นพี่ขอโทษนะ ขอโทษที่ทำให้มิ้นต้องเสียใจ"ลูกตาลอดโทษตัวเองไม่ได้ที่มีส่วนปิดบังความจริงเรื่องของเปิ้ลไว้
"พี่ตาลขอโทษมิ้นทำไมค่ะ"มิ้นมองหน้าลูกตาลงงๆ
"มิ้นยังไม่ต้องรู้อะไรทั้งนั้น แต่มิ้นไม่ต้องเสียใจนะยังไงตุ้ยเค้าต้องกลับมามิ้น พี่สัญญา"
ลูกตาลจับมือน้อยๆของมิ้นแทนคำสัญญาทั้งหมด ต่อไปนี้เธอจะไม่ปล่อยให้แอปเปิ้ลทำให้คนอื่นเสียใจอีกต่อไปแล้วถึงเวลาเสียที่ที่ความจริงทุกอย่างจะต้องเปิดเผย...
"น้องมิ้นทำไมหายไปนานจังเลยเป็นอะไรรึป่าว"ตูนผวาไปพยุงร่างมิ้นที่เดินกลับมายังโต๊ะอาหารพร้อมกับลูกตาลทำเอาตุ้ยที่นั่งมองอยู่ต้องชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ
"มิ้นไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะพี่ตูน พอดีเจอพี่ลูกตาลในห้องน้ำก็เลยคุยกันยาวไปหน่อย"
"จริงหรอ แต่พี่ดูมิ้นหน้าตาไม่ค่อยสบายเลยนะ"ตูนมองมิ้นอย่างไม่ค่อยเชื่อนัก
"จริงๆค่ะ ไม่เชื่อถามพี่ลูกตาลดูสิ"มิ้นหันไปขอความช่วยเหลือ
"จริงๆจ๊ะ ตาลกับมิ้นคุยกันถูกคอหนะเลยนานไปหน่อย'
"โอ้ย คนเค้าบอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิ ดูสิเขาเริ่มเปิดฟอร์เต้นรำกันแล้ว ตุ้ยเราไปเต้นรำกันเถอะนะค่ะ"เปิ้ลตัดบทอย่างรำคาญก่อนจะกอดแขนตุ้ยอย่างออดอ้อน
"เออ แต่ว่า"ตุ้ยอึกอักอยู่พักหนึ่งแต่พอสายตาเขาเหลือบไปเห็นตูนเอามือประคองหน้าเรียวของมิ้นอยู่เขาก็กลับคำทันที"ไปสิรี่ ผมก็อยากเต้นรำกับรี่จะแย่แล้ว เราไปกันเถอะ"ตุ้ยโอบเอวขอดของเปิ้ลไปโดยหันกลับมามองมิ้นที่ยืนอึ้งอยู่อย่างกวนๆ
"แล้วเราจะเอาไงดีละ ถ้ามิ้นไม่สบายก็นั่งพักดีกว่าเด้วพี่นั่งเป็นเพื่อนนะ"ตูนยิ้มให้มิ้นอย่างอบอุ่น
"มิ้นจะเต้นค่ะ มิ้นอยากเต้นรำไปกันเถอะค่ะเพลงเริ่มแล้วด้วย"มิ้นจูงมือตูนที่ยิ้มหน้าบานไปกลางฟอร์เต้นรำแล้วเธอก็เริ่มเต้นรำกับตูนอย่างสวยงามแสงไฟสาดส่องมาจับที่คนทั้งคู่ที่สง่างามสมกันราวกับเจ้าชาย เจ้าหญิงเลยทีเดียว
"มิ้นเต้นรำเก่งจังเลยอะ"ตูนยิ้มชื่นชมมิ้น
"ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะพี่ตูน พอดีตอนเด็กๆมิ้นเรียนมานิดหน่อยนะ"
"สงสัยจะไม่นิดแล้วมั้งเต้นพลิ้วขนาดนี้อะ "
"อุ้ย///"
เสียงอุทานของมิ้นดังขึ้นเพราะเธอพลาดเหยียบชายกระโปรงของตัวเองจนเสียหลักไปอยู่ในอ้อมกอดของตูนอย่างไม่ตั้งใจ
"เป็นอะไรรึป่าวมิ้น"ตูนโอบร่างบางของมิ้นไว้อย่างเป็นห่วง
"ไม่เป็นไรค่ะ มิ้นนี่ซุ่มซามจริงๆเลยนะเนี่ย อิอิ'มิ้นยิ้มขำตัวเองเบาๆ ตูนมองมิ้นที่ยิ้มจนตาหยีอย่างเอ็นดูเธอดูน่ารักเวลาเขินๆอย่างนี้จนเขาอดหัวเราะออกมาไม่ได้
"ตุ้ยจะไปไหนนะ"
เชอรี่ถามขึ้นอย่างตกใจเมื่ออยู่ๆเต้นก็หยุดเต้นรำ ดวงตาคมฉายแววหน้ากลัวออกมาก่อนจะปล่อยอ้อมแขนออกจากร่างของเธอแล้วเดินพุ่งตรงไปที่ใครสักคน
"ตูนฉันขอยืมคู่เต้นขอนายหน่อยนะ"ไม่ต้องรอคำตอบตุ้ยก็คว้าร่างบอบบางของมิ้นมาจากตูนทันที
"นิ ทำอะไรอะปล่อยนะ"มิ้นตกใจกับท่าทางดุๆของตุ้ยมาก
"ก็เต้นรำไงถามได้ เต้นสิคนอื่นเขามองเรากันหมดแล้ว"ตุ้ยพูดจบก็คว้าเอวจับมือมิ้นแล้วเต้นรำไปอย่างหน้าตาเฉย มิ้นกัดริมฝีปากนิ่งอย่างโมโหกับท่าทางกวนประสาทของเขา
"เงียบทำไมละ อยู่กับพี่นี่ใบ้กินไปเลยหรอทีกับไอ้ตูนละหัวเราะคิกคักมีความสุขเชียว"ตุ้ยเริ่มหาเรื่องมิ้นแล้ว
"ก็พี่ตูนเขาคุยสนุก ใจดี ไม่บ้าอำนาจเหมือนใครบางคนนิ"มิ้นเชิดหน้ายั่วโมโหเขาซึ่งก็ได้ผลตุ้ยขบกรามแน่นก่อนจะกระชับอ้อมแขนดึงเอวบางของมิ้นมาชิดแน่นกับตัวเขาทันที
"พี่ตุ้ย ทำบ้าอะไรปล่อยมิ้นนะ"มิ้นร้องอย่างตกใจ
"ใช่สิพี่มันบ้า ไม่อ่อนโยนแล้วก็สุภาพเหมือนไอ้ตูนนิมิ้นถึงยอมให้มyนกอดนะ"
"พี่ตุ้ยอย่ามาหาเรื่องมิ้นนะนั่นมันอุบัติเหตุที่ตูนเขาไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย ปล่อยมิ้นนะมิ้นอึดอัด"
ยิ่งมิ้นพูดตุ้ยก็ยิ่งโมโหเธอที่เข้าข้างตูน ชายหนุ่มกระชับอ้อมแขนในแน่นขึ้นจนมิ้นรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนๆที่รดบนใบหน้าสวยของเธอ
"ปล่อยนะ บอกให้ปล่อยไง"มิ้นทั้งผลักทั้งทุบร่างของชายหนุ่มแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเพราะยิ่งเธอดิ้นเขาก็ยิ่งกอดเธอแน่นขึ้น
"ไม่ปล่อยมีอะไรไหม มีแรงดิ้นก็ดิ้นไป"ตุ้ยแอบยิ้มขำๆกับร่างน้อยที่ดิ้นดุกดิ๊กในอ้อมกอดของเขา กลิ่นหอมจากกายของเธอทำให้เขาสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้กอดร่างนุ่มนิ่มของเธอถึงแม้เธอจะไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไรแต่เขาก็มีความสุขมาก แต่แล้วตุ้ยก็ต้องชะงักเมื่ออยู่ๆร่างของมิ้นก็หยุดนิ่งใบหน้าสวยของเธอพิงกับอกของเขาอย่างอ่อนแรง
"มิ้น มิ้นเป็นอะไร'ตุ้ยก้มลงมองร่างในอ้อมแขนอย่างเป็นห่วง
"มิ้นเวียนหัวแล้วก็คลื้นไส้ด้วย"มิ้นพูดเบาๆตุ้ยมองใบหน้าซีดๆของมิ้นด้วยความตกใจ
"เป็นอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย"ตุ้ยโอบมิ้นอย่างทะนุถนอม
"ก็ตั้งแต่กินไ อ้ไวน์แก้วนั้นนะแหละ"
"เหออ เมาละซิเนี่ย กินไม่เป็นแล้วยังจะกินเข้าไปอีกนะเรา"ตุ้ยส่ายหน้าอย่างระอา
"ก็เพราะใครมาท้ามิ้นละ"มิ้นมองตุ้ยงอนๆ
"จ้าๆพี่ผิดเอง อย่ามาโมโหตอนนี้สิเด้วก็ลมฟุบไปหรอก แล้วที่นี่จะเอายังไงละ"
"มิ้นจะกลับบ้าน พี่ตุ้ยพามิ้นไปหาพี่ตูนหน่อยสิ"
อารมณ์สุขของตุ้ยสะดุดทันที แต่พอเขามองใบหน้าซีดเซียวของมิ้นเขาก็ตกใจอ่อนยอมพาเธอไปส่งคืนให้ตูนอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
"มิ้นเป็นไรเนี่ย"ตูนรับร่างของมิ้นไปประคองเอาไว้ทันที
"มิ้นเขาเมานะ"
"มิ้นอยากกลับบ้าน เรากลับบ้านกันนะพี่ตูน"มิ้นกระตุกแขนตูนเบาๆ
"จ้าๆ เรากลับบ้านกันนะ ฉันกลับก่อนนะตุ้ยแล้วเจอกัน"
ตุ้ยมองตูนที่ประคองมิ้นไปจนลับสายตาความเจ็บปวดประดังเข้ามาในใจเขาอีกครั้ง เขาไม่อยากปล่อยมือเธอ เขาไม่อยากปล่อยให้เธอไปจากเขาเลยจริงๆ
เมื่อเห็นมิ้นกลับไปจากงานตุ้ยก็ไม่มีอารมณ์จะอยู่ในงานนี่ต่อไปแล้ว ตุ้ยตั้งใจพาเชอรี่ไปส่งที่โรงแรมแต่เขากลับมองไมเห็นแม้แต่เงของเธอเลย
"เพชรเห็นเชอรี่บ้างไหม"
"อ้อ เห็นเขาออกไปที่นอกงานกับลูกตาลนิ ดูท่าทางเครียดๆด้วยตุ้ยลองตามไปดูสิ"
"อืมขอบใจนะเพชร ตุ้ยกลับก่อนนะ"
"จ้าๆไว้เจอกันนะตุ้ย"
ตุ้ยเดินออกมาภายนอกงานก็พบลูกตาลและเชอรี่ยืนคุยกันอยู่ เขาตั้งใจจะเดินตรงไปหาคนทั้งคู่ แต่เสียงสนทนาที่ดังออกมาทำให้ชายหนุ่มถึงกับชะงัก
"เธอหยุดทำเรื่องบ้าๆพวกนี้ซะที่เถอะเปิ้ล ฉันว่ามันมากเกินไปแล้วนะ"
"มากยังไงฮะ ฉันไม่เข้าใจ"หญิงาสวเชิดหน้าสูงอย่างไมสนใจ
"เธอก้รู้ดีแก่ใจนะเปิ้ล เธอทำให้คนตั้งหลายคนต้องเสียใจ เธอสนุกมากนักหรอกับการโกหกคนอื่นนะ"
"ฉันไปทำอะไรที่ไหน ตุ้ยเขาหวั่นไหวเองนะ แล้วยัยเด็กนั้นก็เลิกกับตุ้ยไปเอง ฉันก็อยู่ของฉันเฉยๆเท่านั้น"
"เธอไม่ทำอะไรเลยงั้นหรอเปิ้ล เธอโกหกตุ้ยโกหกทุกคนว่าเป็นเชอรี่ เธอปั่นหัวตุ้ยจนเขาสับสนแล้วเธอก็ตั้งใจให้มิ้นเข้าใจตุ้ยผิดแล้วอย่างนี้เรียกว่าไม่ได้ทำอะไร"ลูกตาลมองหน้าเพื่อนรักอย่างผิดหวัง
"ฉันสวมรอยเป็นรี่แล้วยังไง มันเป็นสิทธิ์ของเราเป็นแฝดกันรี่ก็บอกเองว่าเขากับฉันเป็นเหมือนคนๆคนเดียวกัน แล้วฉันผิดหรอที่จะท่วงของๆน้องคืนนะ"
"เธอมันเห็นแต่ได้นิเปิ้ล เธออ้างรี่ตลอดแล้วเธอคิดบ้างไหมถ้าเชอรี่รู้เขาจะเสียใจแค่ไหนที่พี่สาวที่เขารักกำลังจะแย่งแฟนของเขานะ เธอคิดบ้างไหม"
"ฉันไม่ได้แย่งนะ ตุ้ยเขาชอบฉันนะ"เปิ้ลก้มหน้าหลบสายตาของลูกตาลด้วยความรู้สึกผิด
"ตุ้ยเค้าไม่ได้รักเชอรี่แล้วนะเธอเองก็รู้ แล้วเขาก็ไม่ได้รักเธอด้วยเปิ้ล คนที่เขารักคือ มิ้น ฉันจะไม่ยอมให้เธอทำผิดอีกแล้ว ฉันจะไปบอกความจริงกับทุกคน"
ลูกตาลหันหลังจะเดินจากไป แต่เปิ้ลกลับกระชากแขนของเธออย่างแรง
"เธอทำอย่างนั้นไม่ได้นะตาล หุบปากเธอให้สนิทเข้าใจไหม"เปิ้ลตวาทลูกตาลเสียงดังลั่น ลูกตาลรู้สึกถึงเล็บแหลมคมที่กดลงบนแขนของทั้งสองข้างของเธอ
"ฉันไม่ยอมเธออีกแล้วนะเปิ้ล ฉันจะไม่ยอมให้เธอทำผิดกับรี่ กับตุ้ยและมิ้นอีกต่อไปแล้ว"
"เธอกล้าหรอตาล เธอลืมไปแล้วหรอว่าที่เธอลืมตาอ้อปากมาเป็นช่างภาพใหญ่อย่างนี้เพราะใคร ถ้าคุณแม่ฉันไม่ส่งเสียเธอไปที่ญี่ปุ่นทดแทนที่เธอดูแลยัยรี่นะเธอก็ไม่มีทางเป็นลูกตาลอย่างทุกวันนี้หรอกนะ ถ้าเธอว่าฉันเลว เธอก็เลวยิ่งกว่าที่อกตัญญูคนที่มีพระคุณกับเธอ เพราะฉะนั้นเธอก็หุบปากให้สนิท แล้วอย่ามายุ่งเรื่องของฉันอีกเข้าใจไหม"
เปิ้ลผลักร่างลูกตาลอย่างแรงแล้วเดินจากไปโดยไม่สนใจเพื่อนสาวที่กุมต้นแขนที่ถูกจิกจนเลือดไหลซิบๆออกมาเลยแม้แต่น้อย
"เปิ้ล ผู้หญิงคนนั้นชื่อเปิ้ลหรอ เขามาสวมรอยเป็นเชอรี่ทำไม แล้วเชอรี่หายไปไหน ฉันต้องรู้ความจริงให้ได้"
ตุ้ยมองผู้หญิงที่ชื่อ เปิ้ล นั้นไปอย่างแปลกใจระคนกับความโมโหอย่างหนัก
"หวัดดีตุ้ย คิดยังเนี่ยถึงได้นัดฉันมากินข้าวด้วย"ลูกตาลนั่งลงตรงข้ามกับตุ้ยในร้านอาหารแห่งหนึ่ง
"ก็คิดถึงไง ตุ้งแต่เธอกลับมาเรายังไม่คุยกันจริงๆจังเลยนะ"
"อืมก็จริงนะ"
"แล้วเธอเป็นไงบ้างละงานใหม่โอเคไหม"
"มันก็ดีนะสนุกดี แต่ก็วางตัวลำบากนิดหน่อย"ลูกตาลก้มลงดูดน้ำหวานอย่างเซ็งๆ
"เพราะบอยกับบลูน่าใช่มะ"ตุ้ยพูดอย่างเข้าใจความรู้สึกเพื่อนสาวดี
"เห้อออ นายก็เห็นบลูน่าเขาตั้งท่าไม่ชอบฉันตลอดเลย เวลาร่วมงานกันที่ไรเล่นขาก็ขอเปลี่ยนช่างภาพตลอดฉันรู้สึกไม่ดีจริงๆนะ"ลูกตาลสีหน้าเครียดขึ้นมาเลย
"บลูน่ามันยังเด็กก็หึงไปตามเรื่องนั่นแหละ ความจริงมันก้เป็นคนน่ารักคนหนึ่งนะ ว่าแต่เธอกับบอยไม่มีอะไรกันจริงๆหรอ"
"จะบ้าหรอตุ้ย ฉันกับบอยเราเป็นแค่เพื่อนกันยะ บอยก็มีบลูน่า ฉันก็มีแฟนแล้ว มันไม่มีอะไรจริงๆ"ลูกตาลยิ้มขำๆ
"อืมงั้นก็ดี"ตุ้ยนิ่งเงียบไปสักพักแววตาเขาครุ่นคิดอะไรสักอย่างจนลูกตาลจับสังเกตได้
"วันนี้พี่นัดฉันมาคงไม่ใช่แค่มาคุยถามสารทุกสุกดิบกันใช่ไหม"
"เออ คือ ฉันมีเรื่องหนึ่งอยากจะถามเธอ แล้วฉันก็อยากให้เธอตอบฉันตามความจริงด้วยนะตาล"
"อืมก็ได้ ฉันสัญญามาจะตอบนายทุกเรืองที่ฉันรู้"
ทั้ง 2คนสบตากันนิ่ง บรรยากศรอบๆดูเครียดไปทันที
"ผู้หญิงคนนี้นไม่ใช่เชอรี่ใช่ไหมตาล"
"นายรู้"ลูกตาลตกใจจนหน้าซีด
"ใช่ฉันรู้เมื่อคืนที่งานเลี้ยงฉันบังเอิญได้ยินเธอ 2 คนคุยกัน ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่รี่ใช่ไหมตาล"ตุ้ยถามลูกตาลอย่างร้อนรน
"อืม เขาไม่ใช่เชอรี่"ลูกตาลก้มหน้าไม่กล้าสบตาตุ้ย
"แล้วเค้าเป็นใครกันแน่"
"เขาชื่อเปิ้ลเป็นพี่สาวฝาแฝดของเชอรี่"
"ฝาแฝดงั้นหรอรี่มีผาแฝดด้วยหรอทำไมฉันไม่เคยรูมาก่อน แล้วเขามาสวมรอยเป็นรี่ทำไม เชอรี่อยู่ที่ไหนกันแน่ตาล"ตุ้ยตื่นเต้นจนมือไม้สั่นไปหมดล้ว
"เปิ้ลกับรี่แยกกันอยู่ตั้งแต่เด็กนะ เชอรี่เขาเลยไม่ได้บอกเธอมั้ง ส่วนเรื่องของเชอรี่กับเปิ้ลนะ เธอไปถามเปิ้ลเขาอีกจะดีกว่า แค่นี้ฉันก็รู้สึกผิดจะแย่แล้วที่เคยสัญญากับเปิ้ลว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร แต่ฉันกลับเอาเรื่องนี้มาบอกคนอื่นจนได้"ลูกตาลรู้สึกอึดอัดใจมาก
"ไม่เป็นไร เด้วฉันจะไปถามเขาเองก้ได้ ขอบคุณมากนะตาล"ตุ้ยลุกขึ้นตั้งใจจะไปหาเปิ้ลทันที
"ตุ้ย ฉันขอโทษ ขอโทษที่โกหกแล้วก็ทำให้เธอกับมิ้นต้อเลิกกัน"ลูกตาลพูดพร้อมน้ำตาแห่งความสำนึกผิด
"ไม่เป็นไรตาล เธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน ขอบคุณนะที่บอกความจริง ขอบคุณจริง"ตุ้ยหันมายิ้มให้ตาลอย่างจริงใจ
"มิ้น พี่จะทำให้เรื่องบ้าๆพวกนี้มันจบลงสักที แล้วเราจะได้กลับมารักกันเหมือนเดิม รอพี่ก่อนนะมิ้น"ตุ้ยพูดกับตัวเองเบาๆ
"อ้าว ตุ้ยวันนี้ลมอะไรหอบเนี่ย ตุ้ยถึงหารี่ได้จ๊ะ"แอปเปิ้ลในชุดคลุมอาบน้ำเปิดประตูต้อนรับตุ้ยที่ยืนอยู่หน้าประตูห้อง
"ตุ้ยจะมาชวนรี่ออกไปดูหนังนะ รี่ว่างรึป่าวละ"ตุ้ยมองหน้าเปิ้ลนิ่ง
"ว่างสิจ๊ะ แต่รี่กำลังจะอาบพอดีเลยตุ้ยมารอข้างในก่อนสิ"เปิ้ลยิ้มอย่างเป็นสขก่อน
"รี่ไปอาบน้ำเถอะเด้วตุ้ยรอได้"ตุ้ยหันไปยิ้มบางๆให้เปิ้ล
"จ้า งั้นรี่ไปอาบน้ำแปปเดียวจ้า"
เมื่อแอปเปิ้ลเข้าไปในห้องน้ำตุ้ยก็เริ่มสำรวจห้องเล็กๆนั้นทันที สายตาของเขาก็ไปหยุดนิ่งที่กระเป๋าสตางค์สีน้ำตาลที่โต๊ะข้างหัวเตียงนอน ตุ้ยหยิบมันขึ้นมาเปิดดูช้าๆ
"อรพรรณ บางประภากร งั้นหรอ ฮึ เธอไม่ใช่เชอรี่จะจริงๆ หลักฐานชัดเจนอย่างนี้ดูสิยังจะกล้าโกหกอีกไหม"สายดุของตุ้ยจ้องเขม็งที่บัตรประชาชนอย่างโมโห ตุ้ยหมุนตัวกลับแต่มือของเขากับไปปัดถูกสมุดไดอารี่สีขาวเล่มหนึ่งตกลงสู่พื้นรูปถ่ายเล็กๆโผล่ออกมาจากสมดเล่มน้อยนั่น ตุ้ยก้มลงหยิบมันขึ้นมาทันที เขาหยิบรูปถ่ายแผ่นนั้นขึ้นมา
"เชอรี่ นี่เธอจริงๆใช่ไหม"ตุ้ยมองรูปถ่ายของตัวเองและเชอรี่อย่างสับสน เขาค่อยๆเปิดมันออกมาด้วยมือมันสั่นเทา
วันนี้เป็นที่ฉันรู้ว่าชีวิตของฉันคงอยู่บนโลกใบนี้ได้อีกไม่นาน มันเจ็บปวดเหลือเกินที่จะรู้ว่าตัวเองกำลังตายไป แต่ฉันอยากจะเขียนบันทึกเรื่องราวทุกอย่างเกี่ยวเขา ตุ้ย ผู้ชายที่ฉันรักที่สุด เรื่องราวระหว่างเราที่พอจะทำให้ฉันพอจะใช้เวลาทุกมีวินาทีที่เหลืออยู่อย่างเป็นสุขได้
..........................................
..........................................
ตุ้ยจ้า..33วันแล้วนะที่เราไม่ได้เจอกัน
รี่คิดถึงตุ้ยจัง เมื่อคืนรี่ดูตุ้ยเข้าบ้านAFจากในทีวีด้วยนะ รี่ดีใจจังเลยที่ตุ้ยออกตามล่าฝันของตุ้ย รี่รู้สึกว่าตัวเองตัดสินใจไม่ผิดที่จากตุ้ยมา ถ้าตุ้ยว่าเชอรี่เนเนื้องอกในสมองที่ไม่มีทางรักษา ตุ้ยคงทิ้งอนาคตดีๆของตุ้ยไปแน่ รี่ไม่อยากเป็นตัวถ่วงตุ้ย ตุ้ยจ้า..รี่ขอให้ตุ้ยได้เป็นนักร้องที่โด่งดังสมใจนะ
รักตุ้ยเสมอ
48วัน ที่รี่ไม่มีตุ้ย
ตุ้ยจ้า วันนี้รี่ปวดหัวเหลือเกิน ปวดจนเหมือนหัวจะระเบิด ตาขวาของรี่มันเริ่มพร่ามัวจนจะมองไม่เห็นแล้ว ตุ้ย รี่กลัวจัง กลัวจะมองไม่เห็นตุ้ยอีก สิ่งเดียวที่พอจะทำให้รี่มีความสุขอยู่ก็คือการได้เฝ้ามองตุ้ยไกลจากตรงนี้ ตุ้ยเวลาของรี่จะอยู่บนโลกใบนี้มันเหลือน้อยลงทุกทีแล้วสินะ
รักตุ้ยเสมอ
วันสุดท้าย...
ตุ้ยจ้า วันนี้รี่ไม่มีแรงจะเขียนไดอารี่แล้วละ เลยต้องวานให้ลูกตาลเขียนให้ ตุ้ย รี่รู้ดีว่าวันนี้คงเป็นวันสุดท้ายที่รี่จะอยู่บนโลกใบนี้แล้ว รี่หายใจไม่ออก รี่ปวดหัวมาก รี่เหนื่อยเหลือตุ้ย รี่คงต้องพักเสียที ตุ้ยรี่ขอโทษที่ไม่ได้อยู่ดูความสำเร็จของตุ้ย รี่ขอโทษที่ไม่อยู่เคียงข้างตุ้ยทั้งยามสุขและทุกข์ แต่รี่อยากจะบอกตุ้ยว่ารี่รักตุ้ยเหลือเกิน รักมากกว่าชีวิตรี่ด้วยซ้ำ ขอบคุณตุ้ยมากๆเลยนะที่เข้ามาทำให้ช่วงชีวิตสั้นๆของรี่มีความสุขขนาดนี้ ถ้ารี่จากไปแล้ว รี่ขอให้ตุ้ยจดจำรี่เอาไว้ ตุ้ยอย่าลืมรี่เลยนะ อย่าลืมว่ามีผู้หญิงคนนี้ที่รักตุ้ยหมดหัวใจ
ลาก่อน...ตุ้ย
เชอรี่รักตุ้ยตลอดไป
ตุ้ยเงยหน้าจะสมุดไดอารี่เล่มนั้นอย่างเจ็บปวด ร่างกายเขามันปั่นป่วนไปหมดน้ำตาร้อนๆไหลออกมาช้าๆจากดูดวงตาทั้ง 2 ข้างของเขา
"เชอรี่ เธอตายแล้วจริงๆหรอ ทำไมเธอถึงไม่ยอมบอกฉันว่าเธอป่วยขนาดนั้น ฉันมันเลวที่ปล่อยให้เธอเจ็บปวดอยู่คนเดียว รี่ตุ้ยขอโทษ ตุ้ยขอโทษรี่ "
ตุ้ยร้องไห้ออกมาอย่าหนัก มือหนาของเขาพลิกแผ่นกระดาษสีขาวที่ไร้ตัวอักษรที่ละหน้าอย่างทะนุถนอม แล้วเขาก็ต้องสะดุดตากับหน้าสุดท้ายของสมุดเล่มนั้น ตุ้ยจดจำได้ดีว่ามันเป็นลายมือของหญิงสาวที่เขาเคยรักหมดใจ
ถึง..ตุ้ย
เชอรี่ก็ไม่เขาใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงเขียนบันทึกหน้านี้ถึงตุ้ย แต่รี่รู้สึกเหมือนกับว่าสักวันหนึ่งตุ้ยจะได้มาอ่านมัน ตุ้ย..ถ้าวันหนึ่งรี่ตายไป รี่อยากจะบอกตุ้ยมารี่รักตุ้ยมากๆนะ ตุ้ยเป็นผู้ชายที่ดี ตุ้ยทำให้รี่ได้รู้จักคำว่ารัก ความจริงแล้วรี่ไม่เคยอยากจากตุ้ยไปสักวินาทีแต่นี่มันคงเป็นเพราะฟ้าลิขิตมาไม่ให้เราได้คู่กัน ถ้าวันหนึ่งตุ้ยรู้ว่ารี่ตายไปแล้ว รี่ขอให้ตุ้ยสัญญาอะไรกับรี่สักอย่างนะ รี่ขอให้ตุ้ยใช้ชีวิตต่อไปอย่างเข้มแข็ง ตามหาฝันของตัวเองให้ได้ รี่อยากให้ตุ้ยพบเจอกับผู้หญิงดีๆที่ตุ้ยรัก ขอให้ตุ้ยรักเธอมากๆนะ ขอให้ตุ้ยมีความสุขเพราะถ้าตุ้ยเป็นสุขรี่ก็ยิ่สุขเช่นกัน สุดท้าย รี่อยากจะขอให้ตุ้ย ..อย่าลืมรี่นะ...ขอให้ตุ้ยจดจำรี่ให้ฐานะผู้หญิงคนหนึ่งที่ตุ้ยเคยรักก็ยังดี
รักตุ้ยเสมอ
รี่ไม่ได้จากตุ้ยไป แต่รี่ยังวนเวียนอยู่ในความทรงจำของตุ้ยตลอดไป
"ได้เชอรี่ ตุ้ยสัญญาว่าตุ้ยจะจดจำรี่ตลอดไป ตุ้ยสัญญา"
ตุ้ยกอดสมุดบันทึกของเชอรี่ไว้พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขากสาย
"///ตุ้ย///"
เปิ้ลที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ไมองตุ้ยอย่างตกใจ
"อาบน้ำเสร็จแล้วหรอแอปเปิ้ล"ตุ้ยเงยหน้ามองเปิ้ลอบ่างโกรธแค้น
"ตุ้ย เรียกรี่ว่าอะไรนะ"เปิ้ลยังไม่ยอมรับ
"พอได้แล้วเปิ้ล ผมรู้ความจริงหมดทุกอย่างแล้ว คุณหยุดโกหกสักทีได้ไหม คุณทำอย่างนี้ได้ไง คุณมาสวมรอยเป็นน้องสาวแท้ๆของตัวเองที่ตายไปแล้วได้ยังไง คุณไม่คิดบ้างหรอว่ารี่เขาจะเสียใจแค่ไหนที่คุณทำแบบนี้ คุณมันร้ายกาจมากนะเปิ้ล"
"ใช่ฉันไม่ดี ฉันมันเลวที่ทำแบบนี้ แต่ที่ฉันทำไปก้เพราะฉันชอบคุณ ตั้งแต่เกิดว่าเชอรี่ก็ได้ความรักจากทั้งพ่อ แม่ เพื่อนรวมทั้งคุณด้วย ฉันผิดหรอที่ฉันอยากจะได้รับความรักบ้าง ฉันไม่ได้แย่งคุณมาจากรี่นะ รี่ตายไปแล้ว ฉันแค่อยากมีใครสักคนที่รักฉันบ้างก็เท่านั้น"เปิ้ลทรุดตัวลงร้องไห้อย่างหนัก ตุ้ยมองเปิ้ลด้วยสายตาเหมือนพี่ชายที่มองน้องสาวที่ขาดความรัก ตุ้ยนั่งลงข้างๆเปิ้ลแล้วจับมือเธอไว้อย่างอ่อนโยน
"ผมไม่รู้ว่าในชีวิตของคุณผ่านอะไรมาบ้าง แต่ผมอยากบอกคุณว่ายังมีคนอีกหลายคนที่ทั้งรักและหวังดีกับคุณ ทั้งลูกตาลแล้วก็เชอรี่ เธอรักคุณมากนะ ผมอยากในคุณเข้มแข็งคุรเป็นคนเก่งผมรู้ว่าคุณต้องทำได้"
"แล้วคุณไม่เคยคิดจะรักฉันบ้างหรอ"เปิ้ลเงยหน้ามองตุ้ยอย่างเศร้าๆ
"ผมขอโทษนะเปิ้ล ผมมีคนที่ผมรักอยู่แล้ว"
"มิ้นใช่ไหม"
"ใช่ ผมรักเธอมาก แล้วผมก็จะไปตามเธอกลับมาให้ได้ด้วย"ตุ้ยยิ้มให้เปิ้ลอย่างอ่อนโยน แล้วลุกขึ้นช้าๆ
"ตุ้ย ฉันขอโทษ คุณต้องตามมิ้นกลับมาให้ได้นะ ฝากบอกเธอด้วยว่าฉันขอโทษ มิ้นเป็นคนดีมาก เชอรี่คงดีใจที่ได้เห็นคุณได้เจอคนดีๆอย่างมิ้น"เปิ้ลยิ้มให้ตุยทั้งน้ำตา
"ขอบคุณมากเปิ้ล ขอบคุณจริง"
**ตุ้ยวิ่งออกมาจากห้องนั้นด้วยหัวใจที่พองโต มันถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องไปตามหัวใจตัวเองกลับมาซะที** หญิงสาวร่างเพรียวบางก้าวเข้ามายืนที่หน้าอาหารบรรยากาศดีแห่งหนึ่ง ลมเย็นๆในยามพลบค่ำพัดผมยาวสลวยของเธอให้ปลิดปลิวไปด้านหลัง เธอค่อยเปิดประตูกระจกเดินเข้าไปในร้านเงียบๆ หญิงสาวมองไปรอบๆด้วยความแปลกใจ ภายในร้านสีขาวสะอาด โต๊ะและเก้าอี้ถูดจัดวางอย่างสวยงามและที่สะดุดตาที่สุดก็คงเป็นเวทียกพื้นสูงขึ้นเล็กน้อย ผ้าม่านสีขาวสวยประดับตกแต่งไว้อย่างสวยงาม แต่ภายในร้านกลับไม่มีลูกค้าเลยแม้แต่คนเดียว
"เอะ นี่มันก็ร้าน White Valentine ที่พี่ตูนนัดเราไว้นิหน่า แต่ทำไมไม่มีคนเลยละ"มิ้นบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ
"เออ ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณคือคุณมิ้นรึป่าวครับ"บริกรหนุ่มคนหนึ่งถามมิ้นขึ้น
"อ้อ ใช่ค่ะ มีอะไรรึป่าวค่ะ"
"คือ เมื่อสักครู่นี้คุณตูนโทรศัพท์มาบอกทางร้านว่าให้คุณรอที่โต๊ะก่อนครับ พอดีเขาจะมาช้านะครับ"
"แปลกจัง ทำไมเขาถึงไม่โทรบอกฉันเองนะ อืม แล้วโต๊ะที่จองไว้อยู่ตรงไหนหรอค่ะ"
"ทางด้านโน้นครับ เชิญตามมาเลยครับ"
บริกรหนุ่มพามิ้นไปที่โต๊ะกลมปูด้านผ้าลูกไม้สีขาวสวย บนโต๊ะมีแก้วใสทรงสูงที่มีเทียนหอมสีสวยลอยอยู่ภายใน
"อยู่ติดเวทีเลยหรอค่ะ"
"ใช่ครับ ไม่ทราบว่าคุรผู้หญิงจะสั่งอะไรมาทานก่อนไหมครับ"
"ไม่ดีกว่าค่ะ เด้วค่อยสั่งตอนพี่ตูนมาจะดีกว่า" มิ้นยิ้มบางๆให้บริกรหนุ่มก่อนที่เขาจะเดินจากไป
มิ้นเอนหลังพิงพนักเกาอี้อย่างผ่อนคลายบรรยากาศสวยๆของร้านทำให้เธอคลายกังวลกับเรื่องวุ่นวายได้อย่างบอกไม่ถูก
"เอ้ ทำไมพี่ตูนยังไม่มาสักทีนะนี่มันจะทุ่มหนึ่งนะ แล้วทำไมต้องนัดเรามาที่นี่แถมยังให้แต่งตัวสวยๆด้วยจะทำอะไรของเขาละเนี่ย ค่อยดูนะมาเมื่อไรละน่าดู"มิ้นก้มลงมองชุดเดรสสั้นสีขาวสวยที่ตูนแอบไปซื้อมาให้เธอใส่อย่างแปลกใจ
"//อุ้ย//"
เสียงอุทานด้วยความตกใจที่อยู่ไฟทั้งร้านก็ดับมืดลงของมิ้นดังขึ้นเบาๆ แล้วแสงไฟที่สว่างจ้าบนเวทีก็ทำให้มิ้นต้องหันกลับไปจ้องมองด้วยความงุนงง เสียงดนตรีที่บรรเลงขึ้นเบาๆพร้อมกับร่างสูงของชายหนุ่มคนที่เธอรู้จักดีปรากฏขึ้นทำให้มิ้นได้แต่จ้องมองเขาด้วยความสับสน
เมื่อไรเธอจะหายโกรธ เมื่อไรเธอจะยอมให้ง้อ
ทุกนาทีช่างปวดร้าวและทรมานเพราะการเฝ้ารอ
สิ่งดีๆผ่านไปไม่มองเห็น กลับจะเป็นจะตายก็เพราะเธอ
รู้ว่าเธอคือความหมายแต่รู้เมื่อตอนเกือบจะสายเกินไป
ไม่คิดเลยว่าจะรักเธอ จะรักเธอ จะรักขนาดนี้
รู้แล้วเวลาไม่มีเธอมันว่างป่าว ไม่เหลือหัวใจอีกแล้วเธอ
อย่าทิ้งไป ขาดเธอไปวันนี้คงขาดใจ อยากจะขอเธออภัยให้สักครั้ง...
อยากบอกเธอว่าขอโทษ อยากบอกเพื่อให้เธอได้รู้
ว่าทุกนาทีช่างเหน็บหนาวยาวนานเท่าไร เมื่อเธอไม่อยู่
อยากให้เธอกลับมาได้ฟังนะ..สิ่งที่คนไม่ดีจะขอคืนคำ
ขอโอกาศ..เถอะที่รัก อยากขอโอกาสอีกสักครั้งรับฟังกันได้ไหม
และยังหวังว่าเธอได้เห็นใจ....
http://www.megashare.com/104290
มิ้นเงยหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาขึ้นมองตุ้ยที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอด้วยความปวดร้าว มิ้นลุกขึ้นเดินออกไปอย่างรวดเร็วแต่ตุ้ยก็รีบวิ่งไปดักหน้าเธอแล้วฉวยข้อมือบางๆของเธอเอาไว้แน่น
"ปล่อยมิ้นนะ"มิ้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระด้าง
"พี่ไม่ปล่อย มิ้นขอโอกาสให้พี่อธิบายบ้างได้ไหม มิ้นฟังพี่บ้าง ได้โปรดอย่าหนีพี่อีกเลยนะมิ้น พี่ขอร้อง"ตุ้ยมองมิ้นด้วสายตาอ้อนวอน
"พี่ตุ้ยมีอะไรก็พูดมาสิค่ะ" มิ้นยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาก่อนจะมองหน้าตุ้ยนิ่ง
"มิ้น เชอรี่ที่มิ้นรู้จักความจริงแล้วเขาคือแอปเปิ้ลพี่สาวฝาแฝดของเชอรี่ ความจริงแล้วเชอรี่เขาตายไปตั้งแต่ 3 ปีก่อนแล้ว"
"พี่เชอรี่ตายไปแล้วหรอ"มิ้นตกใจมาก
"ใช่ แล้วเปิ้ลเขาก็มาสวมรอยเป็นเชอรี่ เขาต้องการได้พี่คืน เปิ้ลก็เลยวางแผนทำให้เราเขาใจผิดกัน ให้มิ้นเกลียดพี่ ที่นี้มิ้นเขาใจหรือยังละ"ตุ้ยจับไหล่บางๆทั้ง 2ข้างของมิ้นเอาไว้
"แต่นั้นมันก้ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เราเลิกกันนิค่ะ พี่ตุ้ยลืมเรื่องคืนนั้นระหว่างพี่ตุ้ยกับ เออ พี่เปิ้ลไปแล้วหรอค่ะ"มิ้นตัดพ้อเมื่อเธอคิดถึงภาพันนั้ก็อดทำให้ใจดวงน้อยของเธอเจ็บแปลบขึ้นมาไม่ได้
"มิ้น พี่ยอมรับนะวาพี่ผิดที่เผลอตัวเผลอใจไป พี่เองมันก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆไม่ใพระอิฐพระปูน พี่มันโง่จริงๆที่ทำแบบนั้น แต่พี่อยากจะบอกมิ้นนะว่าพี่รักมิ้นคนเดียวจริงๆ ในหัวใจของพี่ไม่เคยมีใครนอกจากมิ้น พี่อยากจะขอโอกาสให้พี่ได้รักมิ้นอีกสักครั้ง เรากลับมารักกันเถอะนะมิ้น"
ตุ้ยวิงวอนมิ้นอีกครั้ง มิ้นยืนกัดริมฝีปากตัวเองนิ่งอย่างอึดอัดใจจนตุ้ยสังเกตเห็นได้ ตุ้ยค่อยหยิบกุหลาบขาวออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทช้าๆแล้วยืนให้มิ้นที่กำลังยืนงงอยู่
"พี่รู้ว่ามิ้นลำบกใจที่จะพูด เอาเป็นว่าถ้ามิ้นตกลงก็ขอให้รับดอกไม้นี้ไป แต่ถ้ามิ้นไม่ พี่ก็จะไม่มายุ่งวุ่นวายกับชีวิตมิ้นอีกเลย"ตุ้ยกลั้นใจพูดออกไป
มิ้นมองหน้าตุ้ยสลับกับกุหลาบขาวในมือของเขาก่อนจะเอ่ยออกไปว่า
"ไม่"
เพียงคำพูดเดียวที่หลุดออกมาจากปากของเธอก็ทำให้ตุ้ยเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก ร่างกายที่ไร้เรียวแรงของเขาค่อยๆหันหลังกลับอย่างปวดร้าว แต่แล้วเสียงใสจากคนด้านหลังก็ทำให้เรียวแรงที่หายไปของเขากลับมาได้อย่างรวดเร็ว
"ไม่รับหรอกนะ จะมาขอโทษเขาทั้งทีให้ดอกไม้แค่ดอกเดียวเนี่ยนะ"มิ้นกอดอกเชิดหน้าอย่างน่ารัก
"นี่มิ้นหมายความว่า.."ตุ้ยตื้นเต้นไปหมด เขารู้สึกราวกับว่าตายแล้วได้เกิดใหม่อีกครั้งเลย
"ก็บอกไปแล้วไง ดอกเดียวมิ้นไม่หายโกรธหรอกอย่างมิ้นนะต้องทั้งสวน"
"จะเอาอย่างนี้ใช่ไหม ได้ งั้นมิ้นหลับตาก่อน เร็วๆสิจ๊ะคนดี"มิ้นบ่นกระปอดกระแปปก่อนจะยอมหลับตาลงช้าๆ
"อื้อออ ลืมได้รึยังละนานแล้วนะ"
"ลืมตาได้แล้วจ๊ะ"
ทันทีที่ลืมตาขึ้นมิ้นก็ต้องตาลุกวาวด้วยความตื้นเต้นที่รอบๆตัวของเธอและตุ้ยเต็มไปด้วยดอกกุหลาบขาวหลายร้อยดอก
"เป็นยังไงที่นี้มากพอจะหายโกระพี่รึยัง"ตุ้ยมองหน้ามิ้นอย่างเอ็นดู
"มันไม่เกี่ยวหรอกค่ะว่าจะมีข้าวของมากแค่ไหน สำหรับมิ้นความจริงใจอย่างเดียวก็พอแล้วกับการยกโทษ"มิ้นสบตาตุ้ยและพูดอย่างจริงจัง
"มิ้นครับ พี่รู้ดีว่าที่ผ่านมาพี่ทำไม่ดีกับมิ้นไว้มากมาย แต่ต่อไปนี้พี่สัญญามาพี่จะไม่ทำมันอีก พี่จะไม่ทำให้มิ้นเสียใจอีกแล้ว มิ้นยกโทษใหพี่นะครับ"ตุ้ยกุมมือของมิ้นเอาไว้อย่างอบอุ่น
"ก็ได้ค่ะ"
"มิ้น พี่รักมิ้นนะ"
"มิ้นก็รักพี่ตุ้ยค่ะ"
สิ้นเสียงของเธอตุ้ยก็ตวัดอ้อมแขนกอดมิ้นแน่นอย่างแสนรัก ช่วงเวลาเพียงไม่กี่วันที่เขาไม่มีเธอก็ทำให้เขารู้แล้วว่าเธอมีค่ากับเขามากเพียงไร ตุ้ยสัญญากับตนเองว่าเขาจะไม่มีทางคลายอ้อมกอดนี้แล้วปล่อยให้เธอไปไหนอีกเพราะเธอคือคนที่เขารักหมดใจไปแล้ว ตุ้ยค่อยประทับรอยจูบหวานซึ้งลงบนปากชมพูสวยของมิ้นอย่างดูดดื่มและเนินนาน
ชายหนุ่มใบหน้าหล่อใสกอดอกมองภาพผู้หญิงที่เขารักหมดใจกับเพื่อนสนิทที่เขาทั้งรักและไว้ใจตะกองกอดกันอย่างรักใคร่ภายในร้านอาหารที่เขาเป้นคนตระเตรียมทุกอย่างไว้เองอย่างปวดร้าว
"เป็นไรละไ อ้ตูน ไปช่วยให้เขาคืนดีกันสุดท้ายก็ต้องมาเสียใจอยู่คนเดีย วจะเป็นพระรองไปถึงไหนกันวะเนี่ย"ตูนอดที่จะยิ้มเยาะให้ตัวเองไม่ได้ เขาก้มลงหยิบกระเป๋าเสื้อของมิ้นออกจากท้ายรถของตัวเองแล้วนำไปวางไว้ที่หน้ารถยนต์ของตุ้ย นิ้วเรียวสวยแตะริมฝีปากตัวเองเบาๆก่อนจะสัมผัสมันกับกระเป๋าของเธอราวกับจะสามารถส่งความรักของเขาไปถึงเธอได้
"กลับไปหาหัวใจตัวเองซะเถอะมิ้น ขอบคุณนะสำหรับวันเวลาดีๆที่มิ้นให้กับพี่ พี่จะจดจำมันเอาไว้เองตลอดไป"
ตูนเหลียวกลับไปมองตุ้ยกับมิ้นที่กำลังจูบอย่างดูดดื่มอย่างปวดร้าว เขายิ้มบางๆให้คนทั้งคู่ก่อนจะจากไปอย่างผู้ที่เสียสละ..."มิ้น พี่หวีผมให้นะ"ตุ้ยลูบผมนุ่มหอมจากกลิ่นแชมพูของมิ้นเบาๆ
"พี่ตุ้ยหวีผมผู้หญิงเป็นหรอ เด้วผมมิ้นก็ขาดกระจุยหมดหรอก"มิ้นเหลือบมองตุ้ยผ่านกระจกเงาโต๊ะเครื่องแป้งตรงหน้าเธอ
"อย่ามาดูถูกพี่นะ เอามาเด้วจะหวีให้"ตุ้ยคว้าหวีไปจากมือมิ้นแล้วหวีผมสวยให้เธออย่างทะนุถนอม มิ้นอมยิ้มบางๆกับท่าทีอ่อนโยนแสหน้าตั้งอกตั้งใจของตุ้ย
"พี่ตุ้ย"
"หืออ ที่หวีแรงไปหรอเจ็บหรอป่าวฮะ"ตุ้ยตกใจที่อยู่ๆมิ้นก็เรียกชื่อเขา
"ปล่าวหรอก คือมิ้นแค่มีเรื่องอยากจะถามพี่ตุ้ยหน่อยนะ"
"มีอะไรหรอ ถามมาสิ"
"มิ้นอยากรู้ว่าพี่ เออ พี่เปิ้ลนะ ตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง"มิ้นถามตุ้ยเบาๆ
"เห็นลูกตาลบอกว่าพรุ่งนี้เขาจะบินไปหาแม่เขาที่อเมริกานะ"
"หรอค่ะ ที่จริงพี่เปิ้ลเขาก็นาสงสารนะ เขาคงเสียใจมากเลยนะค่ะ"มิ้นน่าเศร้าลงไปจนตุ้ยต้องเขย่าศีรษะเธออย่างปลอบใจ
"เห้ออ อย่าทำหน้าแบบนี้สิ เปิ้ลนะเขาเข้มแข็งจะตาย พี่ว่าเขาดูแลตัวเองได้แน่ ไม่เหมือนคนแถวนี้สงสารคนอื่นเขาไปทั่ว"
"ว่าใครอะพี่ตุ้ย มิ้นนะเข้มแข็งจะตาย ไม่เค้ย ไม่เคยร้องไห้เลยย"มิ้นยกแขนเล็กๆขึ้นว่าทำท่าเบ่งกล้ามโชว์ตุ้ยซะด้วย ทำเอาตุ้ยปล่อยก๊ากกับความทะเล้นของเธอ มิ้นยกลิปมันกลิ่นสตอร์เบอรี่สีสวยขึ้นมาทาปากเรียวสวยของเธอช้าๆ ตุ้ยจ้องมองปากสวยมันวาวของเธอราวกับต้องมนต์
"พี่ตุ้ย ไม่หวีต่อแล้วหรอ"
มิ้นเอนศีรษะไปด้านหลังจนใบหน้าของเธอขนานกับใบหน้าของตุ้ยที่ยืนอยู่ข้างหลัง ตุ้ยมองใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้เครื่องสำอางค์ของเธออย่างหลงไหล ก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงมาจูบปากเรียวสวยน่ารักนั้นเบาๆ
"อุ้ย พี่ตุ้ย ทำอะไรนะ"มิ้นลุกผลุดขึ้นทันทีพร้อมกับจับริมฝีปากร้อนๆของตัวเองอย่างเขินๆ
"ก็จูบไง ไม่รู้จักหรอ เด้วพี่สอนให้ใหม่ก็ได้นะ"ตุ้ยยิ้มกรุ่มกริ่มจนมิ้นหน้าแดงไปหมด
"พี่ตุ้ยอะทะลึ้งมิ้นไม่อยู่คุยกับพี่ตุ้ยแล้ว ไปดีกว่า มิ้นเบื่อพี่ตุ้ยแล้ว"
มิ้นสะบัดหน้าหันหลังให้ตุ้ยอย่างอาย แต่ตุ้ยกลับโผเข้ากอดมิ้นจากด้านหลังจนมิ้นตกใจ
"พี่ตุ้ยเป็นอะไรอะ กอดมิ้นทำไม"มิ้นจับมือของตุ้ยที่โอบรอบเอวเธอไว้
"มิ้นเบื่อพี่จริงๆหรอ"ตุ้ยที่ซบหน้าลงกับเรือนผมบนบ่าของมิ้นพูดขึ้นเบาๆ
"โถ พี่ตุ้ยมิ้นพูดเล่นค่ะอย่าคิดมากสิค่ะ "มิ้นหันหน้าไปตุ้ยที่ยังคงกอดเธอเอาไว้
"พี่กลัวนะมิ้น กลัวว่ามิ้นจะหนีพี่ไปอีก ทีหลังมิ้นอย่าหันหลังให้พี่แบบนี้อีกนะ พี่ไม่ชอบจริง"ตุ้ยทำหน้าตาน่าสงสาร ตาเศร้าๆของเขาทำเอามิ้นใจหล่นวูบไปเลย
"โอ๋ๆๆ อย่าทำหน้าแบบนี้สิค่ะ มิ้นจะไม่พูดแบบว่าเบื่อพี่ตุ้ยแล้วนะ แล้วก็จะไม่หันหลังหนีพี่ตุ้ยด้วยนะ "
"จริงๆนะ"ตุ้ยมองหน้ามิ้นอ้อนๆ
"ค่า จรงที่สุดเลย ไหนยิ้มให้มิ้นดูหน่อยสิค่ะ คนดี๊คนดี" มิ้นจับแก้มสากๆของคนตัวโตแต่ขี้อ้อนเอาไว้
"อืม ยิ้มก้ได้"ตุ้ยแกล้งฉีกยิ้มกว้างจนมิ้นหัวเราะลั่นก่อนที่เธอจะโผเข้ากอดเขาแน่น
'ดีมากค่ะ ที่รัก"มิ้นพูดเบาๆ
"เมื่อกี้พูดอะไรนะ'ตุ้ยจ้องหน้าใสๆของมิ้นอย่างสงสัย
"ป่าว ไม่พูดอะไรเลย "มิ้นทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
"บอกมานะ เร็วๆ"
"ไม่บอก มีอะไรมะ"
"ไม่บอกใช่ไหมงั้นต้องโดนแบบนี้'ตุ้ยอุ้มมิ้นขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็วจนมิ้นต้องกอดคอของตุ้ยด้วยความตกใจ
"ทำอะไรอะพี่ตุ้ย ปล่อยมิ้นลงนะ"
"ไม่ปล่อย จนกว่ามิ้นจะบอกพี่ว่าเมื่อกี้มิ้นเรียกพี่ว่าอะไร"
"ไม่บอก มิ้นไมบอกๆๆๆๆ"มิ้นส่ายหน้าอย่างไม่ยอมแพ้
'ดีงั้นพี่ปล่อยมิ้นลงพื้นไปเลย"ตุ้ยทำท่าจะปล่อยจริงๆจนมิ้นใจเสียหลับตาปี๊ดแล้วกอดเขาไว้แน่น
'บอกก้ได้ เรียกว่าที่รักไงละ"
"ก้แค่นี้แหละ เด็กคนนี้นิเวลาพูดจาน่ารักก็ต้องบอกพี่สิค่ะ พี่รักของพี่"ตุ้ยก้มหน้าไปใกล้ๆแม่คนหน้าใสจนแก้มของเธอแดงระเรื่ออีกครั้ง
"บอกแล้วก้ปล่อยเค้าลงซะทีซิ"
"โอเค ได้เลยครับที่รัก"
ตุ้ยอุ้มมิ้นไปนอนบนเตียงแล้วก็ล้มตัวลงนอนข้างเธอพร้อมกับกระชับอ้อมแขนกอดมิ้นเอาไว้
"เห้ยย ทำอะไรเนี่ยพี่ตุ้ย"มิ้นพยายามดันแขนใหญ่ๆของเขาออกไปจากตัวบางของเธอ
"ก็นอนไง พรุ่งนี้เราต้องไปต่างจังหวัดกันแต่เชช้านะ รีบนอนเร็ว"ตุ้ยขยับใบหน้าไปชิดกับผมหอมของมิ้นอีก
"ไปไหนนะพี่ตุ้ย"มิ้นเริ่มงง
"ไปหาคนสำคัญของพี่เด้วพรุ่งนี้มิ้นก็รู้เอง อย่าถามมากเลยพี่ง่วงแล้วละ"
"แล้วไม่คิดจะไปปิดไฟบ้างหรอเนี่ย"ตุ้ยสะกิดแขนตุ้ยเบาๆ
"ไม่เอา ไม่ต้องปิด ปิดแล้วเด้วพี่ก็ไม่เห้นหน้ามิ้นสิ ไม่ได้นอนด้วยกันตั้งนานพี่คิดถึงรู้ไหม"ตุ้ยสบตามิ้นด้วยสายตาหวานซึ้ง
"อืม ไม่ปิดก้ไม่ปิด แต่พี่ตุ้ยขยับตัวออกไปหน่อยสิมิ้นหายใจไม่ออก"
"ไม่เอา พี่อยากกอดมิ้น ก็พี่คิดถึงนิ รักมิ้นมากด้วยรู้ไหม"ตุ้ยทำหน้างอๆเหมือนเด็กๆ สายตาอ้อนของเขาทำให้มิ้นใจอ่อนอีกจนได้
"ค่ะๆ งั้นเรานอนกันเถอะ"
"รักมิ้นนะ "ตุ้ยจูบหน้าผากมิ้นเบาๆ
"รักพี่ตุ้ยค่ะ"มิ้นหันไปจูบแก้มตุ้ยๆเบาๆเช่นกัน
ตุ้ยกระชับอ้อมแขนดึงตัวมิ้นมานอนหนุนบนอกอุ่นของเขาอย่างรักใคร่ มิ้นซุกหน้าลงกับร่างของตุ้ยแล้วคนทั้งคู่ก้หลับตาลงอย่างเป็นสุขอีกครั้ง
เอาเพลงนี้ไปฟังกันดีกว่าค่ะ น่ารักเหมาะสมกับฟิคตอนนี้สุดๆ
http://www.ethaimusic.com/lyrics3/794.html
อ่านปากของฉันนะ ว่า (รักเธอ)
aan bpaak kong chan na waa ( rak ter )
อยากจะพูดอีกครั้ง ว่า (รักเธอ)
yaak ja poot eek krang waa ( rak ter )
และจะเป็นอย่างนี้ กับเธอไม่ว่านานสักเท่าไร
lae ja bpen yaang nee gap ter mai waa naan sak tao-rai
ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะรักใคร
mai dtong glua waa chan ja rak krai
ไม่ต้องห่วงว่าฉัน เปลี่ยนหัวใจ
mai dtong huang waa chan bplian hua jai
ฉันจะเป็นอย่างนี้ จะ (รักเธอ) ตลอดไป
chan ja bpen yaang nee ja ( rak ter ) dta-lot bpaiรถฟอร์ดสีดำเคลื่อนตัวเข้ามาให้สวนร่มรื่นแห่งหนึ่ง 2ข้างทางปกคลุมไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ ตุ้ยมองดูสาวน้อยร่างบางที่ชะโงกหน้าเสียจนติดกระจกรถด้วยความเอ็นดู เขาจอดรถบริเวณหน้าบ้านทรงไทยที่ดูแสนสงบ
“ลงรถสิมิ้น นั่งงงอยู่ได้”ตุ้ยยิ้มขำๆกับท่าทีงงๆของเธอ
มิ้นที่ดูจะยังงงๆอยู่แต่ก็ยอมก้าวลงมาจากรถ แล้วสายตาซุกซนของเธอก็เหลือบไปเห็นต้นไม้ต้นใหญ่ที่มีดอกสีขาวหล่นเกลื่อนพื้นไปหมด หญิงสาวก้มลงหยิบดอกไม้มาดมอย่างชอบใจ
“หอมจัง เขาเรียกว่าดอกอะไรหรอค่ะพี่ตุ้ย”มิ้นยื่นดอกไม้ในมือส่งให้ตุ้ย
“เขาเรียกว่าดอกลีลาวดีไง หอมเย็นชื่นใจดีใช่ไหมละ”ตุ้ยหยิบดอกลีลาวดีมาทัดข้างหูของมิ้นเบาๆเจ้าตัวได้แต่ยิ้มกริ่มชอบใจ
“น่ารักมาก”ตุ้ยมองหน้าใสๆกับดอกไม้สวยๆอย่างชอบใจ คำชมของตุ้ยทำเอาแก้มเนียนชองเธอแดงระเรื่อขึ้นมาทันที
“เออ แล้วนี่พี่ตุ้ยพามิ้นมาบ้านใครหรอค่ะ”มิ้นเปลี่ยนเรื่องกลบความเขินอาย หญิงสาวจ้องมองไปที่บ้านทรงไทยริมน้ำตรงหน้า
“บ้านแม่กับป๊าพี่เองแหละ”
ชายหนุ่มพูดหน้าตาเฉยแต่ทำเอาหญิงสาวข้างๆตรงใจจนหน้าเสีย ร่างเล็กๆหมุนตัวกลับไปที่รถทันที
“เห้ยๆจะไปไหนอะมิ้น”ตุ้ยคว้าแขนเรียวของมิ้นเอาไว้ทัน
“มิ้นจะกลับบ้าน”
“กลับได้ไง พี่บอกป๊ากับแม่เอาไว้แล้วนะ”
“แล้วทำไมพี่ตุ้ยไม่บอกมิ้นละ มิ้นไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาเลย ถ้าเกิดมิ้นเผลอพูดจาไม่ดีให้พ่อกับแม่ไม่ชอบจะทำยังไงละ โอ้ย แล้วดูมิ้นแต่งตัวสิไม่เรียบร้อยเลยอะ” มิ้นดูจะสติแตกไปแล้ว ตุ้ยต้องประคองใบหน้าสวยของเธอให้จ้องมองเขา
“ใจเย็นๆสิมิ้น แค่มิ้นเป็นตัวมิ้นก็พอแล้วละ มิ้นนะน่ารักจะตาย ใครอยู่ใกล้มิ้นก็ต้องรักต้องเอ็นดูเชื่อพี่สิมิ้น” ตุ้ยลูบแก้มใสของมิ้นเบาๆอย่างปลอบใจ
“แต่มิ้นแต่งตัวไม่เรียบร้อยนะ”มิ้นพูดเบาๆอย่างประหม่า
ตุ้ยมองมิ้นที่สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีชมพูอ่อนผูกชายเสื้อเป็นปมเล็กๆที่เอวกับกางเกงสี่ส่วนสีขาวขาวสะอาดตา ผมดำขลับถูกคาดด้วยผ้าคาดผมลายลูกไม้สีขาวกับดอกลีลาวดีที่ถูกทัดแซมไว้ที่ข้างหูยิ่งทำให้มิ้นดูน่ารักและอ่อนหวานมากขึ้นไปอีก
“ใครว่าไม่เรียบร้อย วันนี้มิ้นทั้งน่ารักแล้วก็อ่อนหวานมากเลยรู้ไหมค่ะ”ตุ้ยบิดแก้มมิ้นเบาๆอย่างเอ็นดู
“จริงหรอค่ะ”มิ้นเหล่ตามองตุ้ยแบบไม่ค่อยหมั่นใจ
“จริงสิจ๊ะ เรารีบขึ้นไปกันเถอะ ปล่อยให้ผู้ใหญ่รอนานๆไม่ดีนะจ๊ะ”
ตุ้ยจับมือที่ชื่นไปด้วยเหงื่อของมิ้นแล้วพาเธอขึ้นไปบนตัวบ้านเรือนไทย
“ตุ้ยมาแล้วหรอลูก มาให้แม่กอดให้หายขึ้นถึงหน่อยเร็ว”
“จ้าแม่ ตุ้ยคิดถึงแม่กับป๊าที่สุดในโลกเลย”
ตุ้ยโผไปกอดหญิง ชายวัยกลางคนท่าทางใจดีอย่างรักใคร่ 3 คนพ่อแม่ลูกกอดกันกลมจนมิ้นอดยิ้มกับภาพความอบอุ่นของครอบครัวนี้ไม่ได้
“อ้าว ตุ้ยจะไม่แนะนำแม่หนูคนนั้นให้ป๊ากับแม่รู้จักหน่อยหรอลูก”ป๊ามองมิ้นที่ยืนเก่ออยู่คนเดียวอย่างเอ็นดู ตุ้ยหัวเราะเบาๆกับท่าทางขัดเขินของมิ้น เขาจูงมือเธอมานั่งข้างๆแม่น้อย
“แม่ครับนี่มิ้นแฟนผมครับ แล้วนี่ป๊ากับแม่น้อยของพี่จ๊ะมิ้น”
มิ้นพนมมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้ง 2 อย่างนอบน้อม
“ไหว้พระเถอะลูก สวยน่ารักจริงๆ”แม่น้อยลูบหัวมิ้นเบาๆอย่างเอ็นดู
“อย่างนี้เขาต้องเรียกว่าตาถึงเหมือนป๊ามัน จริงไหมแม่ 555”ป๊าหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“เพลาๆหน่อยป๊าอายเด็กมัน”แม่น้อยักเขินๆ
“มิ้นว่าป๊าถึงกว่าพี่ตุ้ยอีกค่ะ ดูสิค่ะแม่น้อยยังสวยพริ้งอยู่เลย เนอะพี่ตุ้ยเนอะ”มิ้นที่นั่งเงียบอยู่นานเริ่มกลับมาเป็นสาวน้อยช่างเจรจาคนเก่าแล้ว คำพูดของเธอทำเอาทุกคนหัวเราะลั่นกันเลย
“เออๆ แม่หนู่นิพูดจาเข้าท่านะเนี่ย ถูกใจป๊าจริงๆ”ป๊าหัวเราะกับแม่หนูหน้าทะเล้นตรงหน้า
“พอๆๆ ทั้งพ่อทั้งลูกละ นี่กินข้าวกินปลากันมารึยังละ”
“ยังเลยค่ะ หิวมากเลยด้วย พี่ตุ้ยยังไม่เห็นมิ้นกินอะไรเลยตั้งแต่เช้าค่ะแม่น้อย”มิ้นทำหน้านิ่วลูบท้องตัวเองเบาๆอย่างน่าเอ็นดู ตุ้ยอดอมยิ้มกับความน่ารักและความเป็นธรรมชาติของมิ้นที่เธอสามารถเรียกแม่ของเขาว่า “แม่น้อย”ได้อย่างไม่ขัดเขิน
“แย่จริงเชียวเจ้าตุ้ย ปล่อยให้น้องอดยากได้ยังไง ดูสิตัวถึงได้บ้างบางอย่างเนี่ย”แม่น้อยหันไปเอ็ดลูกชายตัวดีเบาๆ
“โถ แม่ครับอย่าไปเชื่อยัยหมูนี่นะครับ กินยังกับพายุ ไม่ได้กินข้าวแต่กินขนมมาตลอดทางไม่ใช่หรอ”ตุ้ยหันไปเขกหัวมิ้นเบาๆอย่างหมั่นไส้
“โอ้ยเจ็บนะ ป๊าขาแม่ขาดูสิพี่ตุ้ยแกล้งมิ้นนะ”มิ้นขยับไปอ้อนแม่น้อยกับป๊าอย่างน่ารัก
“นี่แนะ แกล้งน้องใช่ไหม” แม่น้อยตีแขนตุ้ยไปหนึ่งทีทำเอาแม่ตัวดียิ่มร่าดีใจไปเลย
“แม่ครับ ตุ้ยเจ็บนะ”ตุ้ยลูบแขนตัวเองป่อยๆ
“เจ็บนะสิดี อยากมาแกล้งลูกสาวแม่เองนิ ไปมิ้นไปช่วยแม่ทำกับข้าวในครัวกันดีกว่าลูก”
แม่น้อยจูงมือลูกสาวหน้าทะเล้นเข้าไปในครัวด้วยกัน ปล่อยให้ลูกชายตัวเองเกาหัวแกรกๆอย่างสับสนว่าเขาคิดผิดหรือป่าวที่พาแม่ตัวดีนี่ว่าแย่งความรักจากพ่อและแม่เขาแท้ๆ
“มิ้นค่อยๆเอาน้ำมันใส่กระทะนะ”
“อย่างนี้ใช่ไหมพี่ตุ้ย”
“เออ พอแล้วๆเด้วน้ำก้ท่วมกระทะหรอก”
“จะเอาปลาใส่แล้วนะ พี่ตุ้ย”
“อืมๆ ระวังนะอย่าโยนนะมิ้น ค่อยๆใส่เด้วน้ำมันมันกระเด็นโดนแขนนะ”
“โอ้ยยย แสบอะ”
ตุ้ยรีบคว้าแขนขาวของมิ้นที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงจางๆจากน้ำมันร้อนในกระทะมาดูอย่างเป็นห่วง
“ดูสิพองหมดเลย พี่บอกแล้วมาไม่ต้องก็ไม่เชื่อพี่นะเรา”
“ก็มิ้นอยากช่วยแม่น้อยกับพี่ตุ้ยนิค่ะ”มิ้นหน้าเหย่เกด้วยความเจ็บปวด
“ตุ้ยพาน้องไปทายาเถอะลูก เด้วแม่ทอดต่อเอง ไปจัดสำรับรอข้างนอกเลยนะลูก อีกนิดเดียวก็จะเสร็จแล้ว”แม่น้อยมองดูลูกชายที่ประคองมิ้นออกไปอย่างเอ็นดู
“โอ้ยๆๆ เจ็บนะพี่ตุ้ย”มิ้นร้องลั่นเมื่อตุ้ยล้างแผลที่แขนของเธอ
“อย่าร้องสิ ยังไม่ได้ทายาเลยนะ”
“ไม่อาวว มิ้นไม่ทามันเจ็บบบ”มิ้นหลับาปี้อย่างกลัวๆ
ตุ้ยหยิบว่านหางจระเข้มาทาเบาๆบนแขนขาวของมิ้น ความเย็นของมันทำให้แผลร้อนของเธอหายแสบได้อย่างประหลาด มิ้นค่อยลืมตามองอย่างแปลกใจ
“เป็นไงไม่เจ็บใช่ไหม พี่บอกแล้ว สมุนไพรไทยนะดีจะตาย”
“มากินข้าวกันได้แล้วตุ้ย มิ้น”เสียงป๊าและกินกับข้าวหอมๆที่เข้ามาเตะจมูกทำเอามิ้นตาลุกวาวลุกวิ่งลิ่วไปทันที ตุ้ยส่ายหัวมองแม่ตัวแสบอย่างปลงๆ
“โอโห้น่ากินจังเลยค่ะ” มิ้นมองดูปลาทอด แกงส้ม ต้มข่าไก่ และน้ำพริกผักต้มในสำรับอย่างชอบใจ
“ชอบก็กินสิลูกอร่อยๆทั้งนั้น”แม่น้อยตักปลาทอดใส่จานมิ้นอย่างเอ็นดู
“เอ้ แล้วอันไหนฝีมือมิ้นของป๊าละ”
“555 ป๊าครับไม่มีหรอกยัยเนี่ยเข้าไปทำป่วนเท่านั้นแหละ”
“ไม่จริงค่ะป๊า มันนี่ฝีมือมิ้น มิ้นล้างเองกลับมือเลยนะ”มิ้นชี้นิ้วไปที่ผักสดในจานด้วยใบหน้าภาคภูมิใจสุดขีด
“555 เก่งจริงๆถึงว่าป๊าถึงว่าผักเนี่ยมันหวานกว่าทุกวัน”
“จริงหรอค่ะป๊า งั้นเด้วมิ้นตักให้อีกนะค่ะ ป๊ากินให้หมดเลยนะค่ะ”คนบ้ายอยิ้มจนตาหยีอย่างชอบใจ ตุ้ยเบะหน้าอย่างหมั่นไส้ระคนเอ็นดูหญิงสาวคนรัก
เสียงหัวเราะแห่งความสุขดังขึ้นตลอดการรับประทานอาหารมื้อนั้น ตุ้ยรับรู้ได้ถึงการยอมรับมิ้นเข้าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเขาจากพ่อและแม่ได้ทันที
“อิ่มแปร่จริงๆเลยจ๊ะแม่จ้า” ตุ้ยล้มตัวลงนอนหนุนตักแม่อย่างประจบ
“ไม่อิ่มได้ยังไงละกินไปขนาดนั้นนะ แล้ววันนี้จะค้างกับแม่ไหมเนี่ย”
“คงไม่จ๊ะแม่ พรุ่งนี้ตุ้ยมีงานแต่เช้า”
“เหออ มาแวบเด้วก็จะกลับแล้ว แม่ยังคุยกับหนูมิ้นไม่จุใจเลยนะ”
“โถ ตุ้ยก็คิดว่าแม่จะคิดถึงตุ้ย ทีแท้ก็หลงว่าที่ลูกสะใภ้นะเอง”ตุ้ยแกล้งงอนแม่น้อย
“อย่ามางอนแม่สิลูก แม่ก็ต้องคิดถึงุตุ้ยอยู่แล้ว แต่หนูมิ้นเขาน่ารักนินา”
“แล้วแม่ชอบไหมจ๊ะ คนนี้เนี่ย”
“ชอบสิลูก ถูกใจแม่จริงๆคนนี้แล้วอย่าให้พลาดละ แม่อยากได้ลูกสะใภ้น่าเอ็นดูแบบนี้จริงๆ” 2แม่ลูกยิ้มให้กันอย่างมีความสุข ถ้าไม่ได้เสียงใสๆของคนที่ถูกเอ่ยถึงดังขึ้น
“พี่ตุ้ยจ้า พี่ตุ้ย เด็กพวกนั้นเขาทำอะไรกันหรอ น่าสนุกจัง”มิ้นชี้ไปที่คู่น้ำในสวน
“อ้อ เขากำลังวิดน้ำจับปลาในคูอยู่นะลูก”แม่น้อยบอกอย่างเอ็นดูกับท่าทีตื่นเต้นของเด็กสาว
“หรอค่ะ มิ้นอยากจับปลาบ้างอะ มิ้นไปจับปลานะค่ะพี่ตุ้ย”
ยังไม่ทันได้รับอนุญาตแม่ตัวดีก็วิ่งตรงไปทันที
“เห้ยหยุดนะมิ้น ไปเล่นไม่ได้เด้วเสื้อผ้าเปลื่อนโคลนหมด หยุด พี่บอกให้หยุดไง”ตุ้ยตะโกนลั่นแต่ก็ไม่อาจหยุดมิ้นได้ เขารีบวิ่งตามเธออย่างรวดเร็ว
ตุ้ยก้มลงสำรวจเนื้อตัวของตนเองและหญิงสาวตรงหน้าที่ต่างก็มอมแมมไปด้วยดินโคลน แก้มที่เคยเนียนใสของมิ้นก็กลับมีคลาบสีเทาของโคลนเกาะอยู่เต็มไปหมดอย่างระอาใจ
“เป็นไงละ มอมแมมไปหมดเลย พี่ห้ามแล้วก็ไม่ฟังยังจะซนอยู่อีก แล้วที่นี้เราจะกลับกรุงเทพกันยังไงละ”
“ก็มันสนุกนิค่ะ เกิดมามิ้นเพิ่งเคยได้ลุยโคลนจับปลามือเปล่าก็ครั้งนี้แหละ พี่ตุ้ยก็เห็นอะมิ้นจับปลาช่อนตัวบะเล่อได้ตั้งหลายตัวเลยนะ”คนโดนดุตาลุกวาวอย่างสนุกสนานกับวีรกรรมที่เจ้าตัวทำไปเมื่อสักครู่นี้
“มิ้น นี่พี่กำลังดุมิ้นอยู่นะช่วยสำนึกผิดหน่อยได้ไหม”ตุ้ยมองหน้าเด็กสาวด้วยสายตาดุๆ
“มิ้นรู้แล้วค่ะ แต่พี่ตุ้ยก็ลงไปเล่นโคลนกับมิ้นด้วยนิ แถมยังจับปลาได้เยอะกว่ามิ้นอีก ตอนนั้นตัวเองก็สนุกเหมือนกันแหละ”มิ้นก้มหน้าบ่นพึมพำเบาๆ
“พูดอะไรมิ้น พี่ได้ยินนะ เด้วเหอะ”ตุ้ยยกมือขู่จะผาดลงบนบั้นท้ายของเด็กดื้อ เจ้าตัวได้แต่หลับตาปี้อย่างกลัวๆ
“ไม่เอาน่าตุ้ย อย่าดุน้องเลย น้องก็แค่เล่นสนุกตัวประสาเด็กๆนะลูก”แม่น้อยรีบมาห้ามทัพเพราะกลัวลูกสาวคนโปรดจะโดนดุไปมากกว่านี้
“แต่แม่ครับ พรุ่งนี้ตุ้ยมีงานแต่เช้านะ แล้วดูสภาพยังงี้จะขับรถกลับกรุงเทพได้ยังไงละแม่”
“ตุ้ยก็ค้างกับแม่สักคืนสิลูก แล้วพรุ่งนี้ค่อยขับรถกลับแต่เช้าก้ได้นิลูก ตุ้ยไม่ได้ค้างกับพ่อแม่ต่างนานแล้วนะลูก”
“จริงๆด้วยค่ะ”มิ้นที่แอบอยู่หลังแม่น้อยรีบโผล่หน้ามอมๆมาแสดงความคิดเห็นทันที
“จริงอะไร แม่ตัวดี”
“ก็มิ้นอยากค้างกับแม่น้อยแล้วก้ป๊านิค่ะ มีแต่พี่ตุ้ยคนเดียวแหละจะกลับท่าเดียว”
“มิ้น เอาใหญ่แล้วละ”ตุ้ยเดินรงจะไปเอาเรื่องมิ้น
“อ๊ายยย แม่น้อยขา พี่ตุ้ยจะตีมิ้นอีกแล้ว” มิ้น กับตุ้ยวิ่งรอบตัวแม่น้อยอย่างสนุกสนานจนแม่น้อยชักเวียนหัว
“พอๆหยุดได้แล้วลูก แม่ตาลายไปหมดแล้ว ไปอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้ากันได้ปล้ว ทิ้งไว้นานๆเด้วขี้โคลนเกาะแน่นจนล้างไม่ออกกันพอดี”
“ค่ะ นี่มิ้นเห็นแก่แม่น้อยนะ ไม่งั้นพี่โดนฝ่ามืออรหันต์ของมิ้นแน่ๆ”พูดจบแม่ตัวดีก็เชิดหน้าจูงมือแม่น้อยหนีไปทันที
“เหอออ เราไปสะดุดรักยัยตัวจุ้นคงนี้ได้ยังไงเนี่ย”ตุ้ยหัวเราะเบาๆกับตัวเอง
แม่น้อยขา ช่วยมิ้นหน่อยได้ไหมค่ะ”มิ้นเดินหน้ายุ่งเข้ามาหาแม่น้อยที่กำลังพับผ้าอยู่ มือน้อยๆของมิ้นจับผ้าถุงที่มัดเป็นปมขยุกขยุยเอาไว้
“มีอะไรหรอมิ้น ทำไมทำหน้าอย่างนั้นละลูก”
“ก็ไอ้กระโปรงอันนี้สิค่ะ มิ้นมัดยังไงมันก็จะหลุดทุกทีเลยอะ”
“โถ ลูกเอ้ย เขาเรียกว่าผ้าถุงลูก มานี่าด้วยแม่มัดให้”แม่น้อยจัดการมัดผ้าถุงอย่างแน่นหนา
“ขอบคุณค่ะแม่น้อย แต่มิ้นว่ามิ้นใส่ชุดนี้แล้วมันดูตลกยังไงก็ไม่รู้อะค่ะ”มิ้นมองดูตัวเองให้เสื้อคอกระเช้าสีหวานกับผ้าถุงสีดำอย่างไม่มั่นใจ
“น่ารักดีออกลูก หนูนะน่ารักอยู่แล้วใส่อะไรก็สวยลูก”แม่น้อยลูบผมสวยของมิ้นอย่างเอ็นดู
“แม่น้อยทำอะไรค่ะ เด้วมิ้นช่วยนะ” มิ้นหยิบผ้าในมือแม่น้อยไปช่วยพับเงียบๆ แม่น้อยมองดูเด็กสาวข้างๆอย่างเอ็นดู
“แม่ขอบใจนะมิ้น”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะแค่พับผ้าเองสบายมาก”มิ้นยังคงก้มหน้าก้มตาพับผ้าต่อไป
“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกลูก”
“อ้าว แล้วแม่น้อยขอบใจมิ้นเรื่องอะไรละค่ะ”มิ้นเงยหน้ามองแม่น้อยงงๆ
“แม่อยากจะขอบใจที่หนูทำให้ลูกชายของแม่กลับมามีความสุขอีกครั้ง นานมากแล้วนะที่แม่ไม่เห็นตุ้ยเขายิ้มแล้วก็หัวเราะแบบนี้ แม่ขอบใจหนูจริงๆนะ”แม่น้อยมองมิ้นอย่างซึ้งใจ
“ถ้าเป็นเรื่องนี้แม่น้อยไม่ต้องขอบใจมิ้นหรอกค่ะ เพราะถ้าพี่ตุ้ยมีความสุขมิ้นก็มีความสุขไปด้วยอยู่แล้ว”
“หนูรักตุ้ยลูกชายแม่ใช่ไหม”
“ค่ะ มิ้นรักพี่ตุ้ยมากจริงๆ”
“แม่ฝากตุ้ยด้วยนะมิ้น”
“ค่ะ แม่น้อย มิ้นจะดูแลพี่ตุ้ยเอง แม่น้อยไม่ต้องเป็นห่วงนะค่ะ”
“ขอบใจลูก ตุ้ยเลือกคนไม่ผิดจริงๆ”แม่น้อยดึงร่างบางของมิ้นมากอดเอาไว้อย่างแสนรัก
“อะแฮม 2 สาวครับจะทำอะไรกันก็เกรงใจเด็กผู้ชายตาดำๆอย่างผมบ้างนะครับ”ตุ้ยมองดูแม่น้อยกอดมิ้นอย่างงอนๆ
“ตาดำๆหรือว่าตัวดำๆกันแน่ค่ะพี่ตุ้ย”มิ้นดันตัวออกจากอ้อมกอดของแม่น้อย ตุ้ยมองมิ้นที่แต่งตัวแบบนี้ก็อดยิ้มไม่ได้
“ยิ้มทำไมพี่ตุ้ย เด้วเหอะ”มิ้นมองตุ้ยสลับกับชุดที่ตัวเองใส่อย่างเขินๆ
“ก็ยิ้มเฉยๆ ไม่ได้ว่าอะไรซะหน่อย เนอะแม่เนอะ”ตุ้ยโอบแม่น้อยไว้อย่างประจบ
“แหวะ โตแล้วยังอ้อนแม่อีก”มิ้นสะบัดหน้างอนๆ
“เหอ เด็ก 2คนนิมันยังไงกันเนี่ย ว่างไม่ได้เป็นต้องทะเลาะกันตลอด สนุกกันนักหรอลูก’แม่น้อยดึงตัวมิ้นและตุ้ยมาโอบไว้คนละข้าง
“มิ้น ไม่ได้อย่างทะเลาะนะค่ะ แต่พี่ตุ้ยนะซิ ชอบหาเรื่อง”
“ตุ้ยเปล่านะแม่”
“พอกันทั้งคู่จริงๆ เอาอย่างนี้ดีกว่าแม่มีอะไรอยากจะขอทั้งสองคนจะให้แม่ได้ไหมลูก”
“ถ้าแม่น้อยขอมิ้นเต็มใจให้ทุกอย่างอยู่แล้วค่ะ”
“แม่ว่ามาเลยครับ”
“แม่อยากให้ลูกทั้งสองรักแล้วก็ดูแลกันไปอย่างนี้ มีปัญหาอะไรก็ต้องให้อภัยกัน แม่ขอแค่นี้ทำได้ไหม”
“โห้ แม่พูดยังกะงานแต่งงานเลยนะ”
“ตุ้ย แม่ไม่ได้พูดเล่นนะ ว่าไงทำได้หรือไม่ได้”แม่น้อยเสียงเข้มขึ้น
“แม่น้อยอย่าดุสิ ตุ้ยสัญญาว่าตุ้ยจะดูแลมิ้นอย่างดี ถ้ามีปัญหาอะไรกันตุ้ยก็จะใจเย็นๆครับ”ตุ้ยมองหน้ามิ้นนิ่ง
“มิ้นละลูก”แม่น้อยหันไปหาสาวน้อยที่นั่งอมยิ้มอยู่ใกล้
“มิ้นก็สัญญาว่ามิ้นจะไม่ดื้อ ไม่เกเรแล้วก้จะไม่ทำให้พี่ตุ้ยต้องเหนื่อยใจอีกแล้วค่ะ”มิ้นยิ้มหวานให้กับตุ้ยอย่างเอาใจ
“ดีมากลูก ลูกแม่นี่น่ารักกันทั้งคู่จริงๆเลย”แม่น้อยหันไปหอมแก้มลูกชายและลุกสาวคนใหม่อย่างรักใคร่ “ เอาละ นี่มันก้ดึกแล้วตุ้ยกับมิ้นไปนอนเถอะลูก พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้านะ”
“เด้วมิ้นช่วยแม่น้อยเอาผ้าไปเก็บในห้องก่อนดีกว่าค่ะ”
“ไม่ต้องๆลูก ไปนอนเถอะ ตุ้ยพาน้องไปส่งที่ห้องสิ แม่เตรียมห้องให้น้องแล้ว ส่วนเรานะคืนนี้นอนกับแม่ให้หายคิดถึงหน่อยนะลูก”
“ครับแม่ เอาตามมาสิยัยบ๋อง”
ตุ้ยลูกขึ้นจูงมือสาวน้อยหน้าหวานในชุดผ้าถุงกับเสื้อคอกระเช้า ไปที่ห้องนอนทันที เมื่อไปถึงห้องมิ้นก็ทำท่าจะก้าวเข้าห้องนอนไปจนตุ้ยต้องคว้าแขนบางๆของเธอไว้
“มีอะไรหรอพี่ตุ้ย มิ้นง่วงแล้วนะ”มิ้นเริ่มเห็นท่าไม่ดีแล้ว
“ง่วงแล้วหรอ มีกี้ยังเห็นคุยแจ่วๆอยู่เลย ลืมอะไรไปรึป่าวก่อนนอนเนี่ย”ตุ้ยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ฝันดีนะค่ะ”มิ้นพูดเบาๆ
“แค่นี้เองหรอ”
“อ้าว แล้วจะให้ทำไงละ”มิ้นชักงงๆ
“มันต้องแบบนี้สิ” ตุ้ยก้มลงไปหอมหน้าผากมนของมิ้นแรงๆจนเธอสะดุ้ง “หอมชื่นจายยย”
“พี่ตุ้ยอะทะลึ่ง มิ้นไปนอนแล้ว”มิ้นสะบัดหน้าที่แดงก่ำของตัวเองก่อนพลิกตัวเข้าไปในห้องนอน
“เด้วมิ้น”
“อะไรอีกละค่ะ พี่ตุ้ย”มิ้นไม่ยอมหันหน้ามาหาตุ้ยเพราะความเขินอาย
“มิ้นน่ารักนะเวลาใส่ชุดนี้อะ พี่ชอบ ฝันดีนะครับ กระต่ายน้อย”ตุ้ยพูดจบก็เดินจากไปทันที
“มิ้นก็พี่ตุ้ยเหมือนกันแหละ อิอิ”มิ้นหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียวก่อนทิ้งตัวลงบนเตียงนอนนุ่มแล้วหลับใหลไปอย่างเป็นสุข
วันนี้ใจดีต่อให้อีก อิอิ
“โอ้ย ง่วงนอนชะมัดเลย หวัดดีต่ายน้อยคิดถึงแม่ไหมจ๊ะ” มิ้นทิ้งตัวลงบนเตียงนอนนุ่มก่อนจะคว้าตุ๊กตากระต่ายสีขาวตัวโปรดมากอด จูบ อย่างคิดถึง
“มิ้นจะนอนเลยหรอนั้นนะ ไม่คิดจะเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนหรอมิ้น”ตุ้ยยิ้มบางๆด้วยความเอ็นดูแฟนสาวพร้อมกับถอดเสื้อยืดสีตุ่นๆจากคลาบโคลนที่ซักไม่ออกเมื่อวานนี้เป็นเสื้อยืดสีดำตัวใหม่
“ไม่เอาอะ มิ้นง่วง”มิ้นซุกหน้ากับหมอนนุ่มด้วยความอ่อนเพลีย
“ถ้าง่วงก็นอนไป เด้วพี่ไปซ้อมเต้นแล้วก็คุยเรื่องคอนเสิร์ตเดี่ยวของพี่อะ เออ แล้วถ้าหิวนะก็มีกับข้าวที่แม่น้อยทำมาให้อยู่ในตู้นะ เข้าใจไหมมิ้น” ตุ้ยพูดไปแต่งตัวไปโดยไม่หันว่ามองคู่สนทนาที่ตาใกล้จะปิดเต็มทีแล้วเลย
“อืออ”เสียงงัวเงียของมิ้นดังขึ้น
“เออ แล้วอย่าลืมให้อาหารเจ้าตุ้ยคุงกับมิ้นตี้ด้วยนะ เด้วมันจะอดตายไปซะก่อน อย่าลืมล็อกประตูห่วงด้วยนะ เรายิ่งขี้เซาอยู่ด้วย”
ตุ้ยชักเรื่องเอะใจที่มิ้นเงียบไปและเมื่อเขาหันไปก็อดยิ้มไม่ได้เมื่อแม่ตัวดีหลับปุ่ยอยู่บนเตียง ตุ้ยเดินไปนั่งลงข้างๆมิ้นเบาๆ มือใหญ่ลูบผมหนานุ่มมือของเธออย่างเอ็นดู
“หลับง่ายจริงๆเลยนะแม่ตัวดี หลับให้สบายนะค่ะ เด้วตอนเย็นๆที่จะกลับมาหา”ตุ้ยก้มลงจูบเรือนผมหนาของมิ้นอย่างแสนรักก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ
**อกหักไม่ว่าอย่างเธอไม่รักคงบ้า ก็คนอย่างเธอมันน่าได้เป็นเจ้าของ**
“อืออ ใครโทรมาเนี่ยคนจานอน แล้วอ้ายโทรศัพท์มันอยู่ไหนเนี่ย”มือเรียวบางควานหาโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กอย่างขัดใจ
“ฮาโหล่ ใครโทรมาค่ะ ไม่ทราบว่าจะโทรมาทำไมตอนนี้ค่ะเนี่ย”มิ้นกรอกเสียงหงุดหงิดใส่มือถือไปอย่างโมโห
“เห้ย ไปโมโหใครมาฮะยัยกระต่าย เสียงแปร่นจนขี้หูพี่ร่วงไปหมดแล้ว”เสียงกวนๆโต้ตอบกลับมา
“พี่ก้อหรอ โทรมาทำไมเนี่ย หรือว่าคุรย่าไม่สบายหรอ”มิ้นผลุดลุกมานั่งอย่างดีใจที่พี่ชายจอมป่วนโทรมาหาเธอ
“ป่าวหรอก ตอนนี้พี่ไม่ได้อยู่บ้านคุณย่าซะหน่อย”
“เออ จริงด้วยนี่มันไม่ใช่เบอร์บ้านคุณย่านิ แล้วนี่พี่ก้อโทรมาจากไหนเนี่ย”มิ้นเริ่มงงๆซะแล้ว
“ก้โทรมาจากบ้านเธอไงยัยบ๋อง”
“บ้านมิ้นหรอ อย่าบอกนะว่าพี่ก้ออยู่บ้านมิ้นที่อังกฤษนะ”ตาเรียวเล็กเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ
“เออก็ใช่นะสิ แล้วที่พี่โทรมาเนี่ยก็จะมาเตือนเธอนะ รู้มะ”
“เตือนอะไรไม่ทราบค่ะพี่ชาย”
“ก็จะเตือนว่าตอนนี้มันก็ใกล้จะ 3 เดือนตามที่เธอตกลงกับคุณอาเอาไว้แล้วนะ ช่วงนี้คุณอาก็บ่นถึงเธอบ่อยๆด้วยว่าแม่ลูกสาวตัวดีหายไปนานเกินไปละ”
“จริงด้วย เหลือเวลาอีกแค่อาทิตย์เดียวเองนิ”มิ้นที่เพิ่งคิดได้ก็หน้าเศร้าไปทันที
“จะทำอะไรก็รีบๆทำนะมิ้นก่อนที่มันจะสายเกินไป”ก้อเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเจือความห่วงใยต่อลูกสาวคนเดียวของเขา
“ขอบคุณมากนะค่ะพี่ก้อ มันคงถึงเวลาที่มิ้นต้องพุดความจริงซะทีแล้วละ”
“มิ้น ไม่ว่ามิ้นจะตัดสินใจยังไงขอให้มิ้นจำไว้นะว่าพี่คนนี้จะเป็นกำลังใจให้มิ้นเสมอ”
“ขอบคุณมากค่ะพี่ก้อ มิ้นรักพี่ก้อนะค่ะ”น้ำตามิ้นซึมด้วยความตื่นตันใจในความหวังดีขอพี่ชายจอมกวนของเธอ
“เออๆๆ ไม่ต้องมาซึ้งเลยยัยบ๋อง แค่นี้นะ แล้วเจอกันที่อังกฤษ บะบาย ยัยต่ายฟันหลอ”
***ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด**
ก้อวางโทรศัพทืไปนานแล้วแต่มิ้นยังคงเธอมันค้างไว้ ตอนนี้จิตใจของเธอสับสนไปหมดแล้ว นี่เวลาของเธอและตุ้ยกำลังจะแล้วจริงๆหรือ มันคงถึงเวลาที่เธอต้องบอกความจริงกับเขาเสียทีแล้วสินะ
**แอ๊ดดด**
เสียงบานประตูที่ถูกเปิดออกปลุกให้หญิงสาวที่นั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์แต่จิตใจของเธอกับไม่ได้อยู่ที่ภาพเคลื่อนไหวตรงหน้าเลยแม้แต่น้อยตื่นจากพวังขึ้นอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเรียวสายเหลียวมองชายหนุ่มที่เธอเฝ้ารอมานาน
"กลับมาแล้วหรอค่ะพี่ตุ้ย"
"จ๊ะ ขอโทษนะวันนี้พี่กลับดึกไปหน่อย มิ้นทานข้าวเย็นรึยังเนี่ย"ตุ้ยทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาด้วยใบหน้าเหน็ดอ่อน
"ทานแล้วค่ะ พี่ตุ้ยละค่ะทานอะไรมารึยัง"
"ทานที่บริษัทแล้วละ โอ้ยย วันนี้เหนื่อยจังเลยซ้อมเต้นทั้งวันเหนียวตัวชะมัดเลย"
"พี่ตุ้ย มิ้นมีเรื่องอยากจะบอกพี่ตุ้ยค่ะ"มิ้นจ้องหน้าตุ้ยนิ่ง
"สำคัญมาหรึป่าวอะมิ้น วันนี้พี่เหนื่อยอยากอาบน้ำแล้วนอนเลยอะ"ตุ้ยลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไปเลย มิ้นรีบวิ่งไปทุบประตูห้องน้ำแรงๆอย่างขัดใจ
"พี่ตุ้ย เรื่องนี้มันสำคัญจริงๆนะค่ะ มิ้นมีเวลาไม่มากแล้วนะ"
"มิ้นครับ พี่ขอร้องนะ พรุ่งนี้เราค่อยคุยกันนะคนดี พี่ขอเวลาอีกแค่วันเดียวเอง"ตุ้ยพูดอย่างคิดอะไรแล้วเขาก็เปิดน้ำในห้องน้ำจนกลบเสียงพูดเบาๆของมิ้นไปหมด
"ได้ค่ะพี่ตุ้ย อีกแค่วันเดียว พรุ่งนี้มิ้นจะบอกพี่ก้ได้ค่ะ"
มิ้นทรุดตัวนั่งลงกับพื้นอย่างอ่อนแรงน้ำตาใสๆไหลของมาจากตาเศร้าคู่นั้นอีกครั้ง
แสงแดดอ่อนยามสายปลุกให้มิ้นที่เพิ่งขมตาหลับไปได้ไม่นานตื่นขึ้น มิ้นรู้สึกถึงอาการมึนหัวจาความเครียดและอาการของคนนอนไม่พอได้ดี แต่จิตสำนักที่บอกว่าวันนี้เธอต้องสารภาพควมจิงกับตุ้ยก็ทำให้ร่างบางๆของเธอลุกผลุดขึ้นทันที สายตาคู่สวยมองไปรอบๆห้องแต่กลับไม่พ้นแม้แต่เหงาของเขาเลย มิ้นเหลือบเห็นกระดาษแผ่นเล็กๆที่เขียนด้วยลายมือหวัดๆของตุ้ยที่โตะข้างเตียงเธอรีบคว้ามาอ่านอย่งรวดเร็ว
มิ้นครับวันนี้พี่ต้องรีบไปซ้อมใหญ่ทันเดอร์โดมอะครับ
ขอโทษนะพี่ไม่ได้อยู่ฟังเรื่องสำคัญของมิ้นนะ
เอางี้ละกันเด้วตอนเย็นพี่จะแวะมารับมิ้นออกไปข้างนอก
แล้วมิ้นค่อยบอกเรื่องสำคัญของมิ้นกับพี่ตอนนั้นนะครับ
พี่ตุ้ยรักมิ้นนะ
มิ้นกำกระดาษในมือไว้แน่น เธอรู้สึกอึดอัดจนแทบระเบิด มิ้นเริ่มเข้าใจแล้วว่าการปกปิดและโกหกคนที่ตัวเองรักนั้นมันจิตปวดเสียจริงๆ
"พี่ตุ้ยพามิ้นมาที่นี่ทำไมอะ ไหนบอกมาเราจะมาที่คุยกันเฉยๆไง"มิ้นมองร้านเสื้อผ้าเบรนเนมหรุในห้างดังตงหน้าอย่างงงๆ
"เหอ สงสัยเรื่องนั้นมันจะสำคัญจริงๆนะเนี่ย มิ้นถึงอยากจะบอกพี่นัก "ตุ้ยส่ายหัวอย่างเอ็นดุหญิงสาวหน้ามุ้ยข้างๆตัว
"ก็สำคัญมากนะสิค่ะ พี่ตุ้ยโยกโย้อยู่ได้"มิ้นกัดปากตัวเองอย่างโมโห
"เอาหน้าเข้าไปในร้านกับพี่ก่อน เด้วค่อยออกมาบอกพี่ก้ได้ยัยเด็กขี้งอน"ตุ้ยดันหลังเล็กๆของมิ้นเข้าไปในร้านอย่างรวดเร็ว
"สวัสดีค่ะ ต้องการชุดแบบไหนค่ะ ไม่ทราบว่าคุณผู้ชายหรือว่าผู้หญิงค่ะที่ต้องการเลือกเสื้อผ้าของเราค่ะ"พนักงานขายสาวเข้ามาบริการทันที
"ของคุณผู้หญิงครับ ขอชุดกึ่งทางการนะครับ เอาแบบสวยๆน่ารักๆเหมาะกับยัยนี่หน่อยนะครับ"ตุ้ยจับหัวเล็กๆของหญิงสาวหน้างออย่างเอ็นดู
"พี่ตุ้ย จะซื้อทำไมมิ้นไม่ได้ไปงานไหนซะหน่อยนะ"มิ้นร้องประท้วงขึ้นทันที
"ทำไมจะไม่ไปไหน พรุ่งนี้ม้นต้องไปดูคอนเสิร์ตเดี่ยวของพี่นะครับ พี่ต้องการกำลังใจมากๆเลยนะ เพราะฉะนั้นมิ้นห้ามงอแง ตกลงนะครับคนดี"ตุ้ยพูดอ้อนๆจนมิ้นต้องใจอ่อนตามเคย
"ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนี้เลยนะ มิ้นยอมก็ได้ รอแปปหนึ่งนะค่ะ"
"จ้าๆ ไปแต่งตัวสวยๆมาให้พี่ดูให้หายเหนื่อยหน่อยนะครับ"ตุ้ยยิ้มโล่งใจกับท่าทีคลายพยสของหญิงคนรัก
10 นาทีผ่านไป
"มาแล้วค่ะ คุรผู้ชายสวยถูกใจไหมค่ะ"
สิ้นเสียงพนักงานสาวตุ้ยเงยหน้าขึ้นมองภาพสวยน่ารักตรงหน้า มิ้นสวมชุดเดรสสีสมพูหวานสายเดียว ตรงเอวถูกรัดด้วยเข็มขัดผ้าสีขาวสวย ชายกระโปรงแค่เข่าพองออกเป็นทรงบอลลูนดูน่ารักสมวัยจนตุ้ยอดยิ้มชอบใจไม่ได้
"น่ารัก น่ารักมากครับ ผมเอาชุดนี้เลย"ตุ้ยยิ้มกว้างพลางโอบไหล่บางของมิ้นไว้ มิ้นก้มหน้าอมยิ้มเขินๆกับสายตาชื่นชมของคนทั้งร้าน
"พี่ตุ้ย คือ มิ้น"
"มิ้นมีเรื่องจะบอกใช่ไหม พี่รู้แล้วแต่มิ้นขึ้นรถมาก่อนได้ไหมพี่จะพาไปกินข้าวร้านบรรยากาศดีๆเราจะได้คุยกันยาวๆไงครับ"ตุ้ยเปิดประตูรถให้มิ้นที่ยืนหน้ายุ่งอยู่
"ก้ได้ค่ะ เรื่องนี้มันคงต้องคุยกันยาวจริงๆแหละ"มิ้นยอมขึ้นรถไป แต่ไม่ทันทีที่รถจะเคลื่อนตัวออกไปเสียงโทรศัพท์ของตุ้ยก็ดังขึ้นเสียก่อน
"สวัสดีครับพี่ขวัญ ว่าไงนะพี่คิวเพลงมีปัญหา ทำไมละพี่ก็เราตกลงกันไว้หมดแล้วนี่คอนเสิร์ตก็จะมีพรุ่งนี้เย็นแล้วนะพี่ โอเคครับ ครับพี่เด้วผมจะรีบไปครับ"ตุ้ยฟุบหน้าลงกับพวงมาลัยรถอย่างเครียดมาก
"พี่ตุ้ย มีปัญหาอะไรไหมค่ะ" มิ้นลูบหลังตุ้ยเบาๆอย่างปลอบใจ
"เรื่องคอนเสิร์ตนะจ๊ะพอดีมีปัญหานิดหน่อยเราคงไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันแล้วนะเพราะพี่ต้องรีบไปที่บริษัทด่วนนะ ขอโทษนะมิ้น"ตุ้ยฝืนยิ้มให้มิ้นบางๆ
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ"
"เออ แล้วมิ้นมีเรื่องอะไรจะบอกพี่หรอ บอกพี่ตอนนี้ก็ได้นะ"
มิ้นมองใบหน้าเครียดของตุ้ยอย่างชั่งใจก่อนที่เธอจะพูดบางสิ่งออกไป
"ช่างมันเถอะมันไม่สำคัญอะไรหรอก แต่.."
"แต่อะไรหรอ"ตุ้ยมองหน้าเศร้าๆของมิ้นอย่างสงสัย
"แต่ถ้ามิ้นทำอะรที่ไม่ดีกับพี่ตุ้ยไปมิ้นขอให้พี่ตุ้ยอภัยให้มิ้นนะค่ะ มิ้นไม่ได้ตั้งใจ ขอให้พี่ตุ้ยจำเอาไว้นะค่ะว่ามิ้นรักพี่ตุ้ยนะค่ะ"มิ้นโผเข้ากอดตุ้ยพร้อมกับร้องไห้ออกมาเบาๆอย่างขับข้องใจ
"โอ๋ๆ ไม่ร้องนะคนดี มิ้นไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย ไม่เอานะมิ้นยิ่งร้องไห้พี่ก็ยิ่งเครียดนะรู้ไหม ไหนยิ้มให้พี่ดูหน่อยสิค่ะ"ตุ้ยมองหน้าเปื้อนน้ำตาปากเบะนิดๆเหมือนเด็กน้อยที่ค่อยเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างอย่างเอาใจเขาอย่างแสนรัก
"อย่างนี้สิคนเก่ง มิ้นยิ้มอย่างนี้พี่ค่อยหายเหนื่อยมีแรงไปทำงานหน่อย"ตุ้ยพูดแล้วดึงร่างเล้กของมิ้นมากอดพร้อมกับโยกตัวเบาๆราวกับเธอเป็นเด็กเล็กๆ
"มิ้นรักพี่ตุ้ยนะ"มิ้นกระซิบข้างหูตุ้ยเบาๆ
"พี่ก็รักมิ้นจ๊ะ"
ตุ้บจูบแก้มหอมสบู่อ่อนๆของมิ้นเบาๆ เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูกที่มีเธอคนนี้อยู่ให้อ้อมกอด ตุ้ยอดคิดไม่ได้ว่าถ้าวันหนึ่งเขาไม่มีเธออยู่ข้างกายแล้วชีวิตที่เหลือของเขาจะป็นเช่นไร
ณ ธันเดอร์โดมงานคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกของตุ้ย 4 สาวต่างบุคลิกกำลังพูดคุยกันอย่างออกรส
"ว้าวว มิ้นสวยจังเลยไหนหมุนตัวให้ดูหน่อยสิจ๊ะ"บรูน่าจับร่างบางของมิ้นให้หมุนตัวช้าๆอย่างชอบใจ
"โอ้ย บรูน่ามิ้นเวียนหัวแล้วนะ"เสียงใสๆของมิ้นดังขึ้น
"ก้แหมวันนี้เธอน่ารักยังกับตุ๊กตาเลยอะ จริงไหมเพชร พี่ลูกตาล"บรูน่าหันไปขอความเห็นจากเพื่อนสาวและอดีตศัตรูหัวใจที่กลายเป็นเพื่อนสนิทกันไปแล้วอย่างร่าเริง
"ใช่จ๊ะมิ้น วันนี้มิ้นสวยน่ารักจริงๆนะ สงสัยวันนี้ตุ้ยต้องเล่นคอนเสิร์ตได้สุดยอดแน่ๆเลย"ลูกตาลพูดยิ้มๆ
"ไม่เห็นเกี่ยวเลยพี่ตาล มิ้นไม่เข้าใจเลยทำไมต้องให้มิ้นมานั่งซะติดขอบเวทีขนาดนี้ด้วย"
"ตุ้ยเขาคงต้องการกำลังใจนะมิ้น คอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกทั้งทีคงอยากให้แฟนมาให้กำลังใจใกล้นะ แล้วคงจะได้ผลด้วยนะดูสิขนาดซ้อมอยู่บนเวทียังแอบมองมิ้นอยู่เลย ดูสิๆ"เพชรชี้ให้มิ้นดูตุ้ยที่กำลังแอบมองเธออยู่จากบนเวที
"บ้า เพชรอะพี่ตุ้ยเข้าไม่ได้ออกมิ้นซะหน่อย"มิ้นก้มหน้างุดๆอย่างอายๆ
"แน่ใจหรอ ดูสิพี่ตุ้ยเดินมาโน้นแล้ว"บลูน่าหัวเราะคิกคักชอบใจเมื่อตุ้ยเดินตรงมาหามิ้น
ตุ้ยเดินมาหยุดตรงหน้ามิ้นที่อยู่ในชุดเดรสสีชมพูตัวสวยที่เพิ่งไปซื้อมาเมื่อวาน ผมยาวสวยของมิ้นถูกติดด้วยกิฟท์รูปดาวเล็กน่ารัก ผมสวยถูกปล่อยสยายเต็มแผ่นหลัง ใบหน้าหนาวใสถูกตกแต่งด้วยเครื่องสำอางค์ชั้นดี ปากเล็กๆของเธอถูกแต่งแต้มด้วยลิปสติกสีชมพูมันวาวจนตุ้ยคิดอยากจะเข้าไปสัมผัสปากเล็กๆนั้นเสียจริงๆ
"พี่ตุ้ยมีอะไรหรอมองมิ้นอยู่ได้"ปากน้อยๆของมิ้นขยับเบาๆด้วยความเขินอาย
"ก็วันนี้มิ้นสวยนินาพี่เลยอยากมองนานๆ"ตุ้ยจ้องแก้มเนียนใสสีชมพูระเรื่อขึ้นของมิ้นด้วยความเอ็นดู
"พี่ตุ้ยอะ พูดอะไรก็ไม่รู้มิ้นอายเขานะ"มิ้นมองตุ้ยดุๆเพราะ 3 สาวที่เหลือแอบหัวเราะเบาๆกับคำดของตุ้ย
"ทำไมละก็มิ้นน่ารักจริงๆนิ มิ้นครับ วันนี้เป็นคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกของพี่มิ้นช่วยเป็นกำลังใจให้พี่นะครับ"ตุ้ยจับมือบอบบางของมิ้นไว้
"ค่ะ มิ้นจะนั่งดูพี่ตุ้ยอยู่ตรงนี้ ค่อยเป็นกำลังใจให้พี่ตุ้ย พี่ตุ้ยต้องแสดงให้เต็มทีเลยนะค่ะ"มิ้นยิ้มหวานให้ชายคนรัก
"มิ้น พี่กำลังใจหน่อยน่า นะนะ คนดี"ตุ้ยเอียงแก้มป่องไปให้มิ้นที่ยืนอึ้งด้วยความขัดเขิน แต่เธอก็ยินยอมจูบแก้มเขาเบาๆท่ามกลางเสียงแซวของเพื่อนๆและทีมงาน
"โอ้ย ชื่นใจจังงั้นพี่ไปเตรียมตัวข้างหลังเวทีก่อนนะเขาจะเปิดประตูให้คนเข้ามาละ มิ้นรีบไปนั่งที่เธอ พี่ไปก่อนนะ "แล้วตุ้ยก้มหน้าลงใกล้มิ้นพร้อมกับพูดเบาๆว่า"พี่รักมิ้นนะค่ะ"ตุ้ยหันหลังเดินจากไปปล่อยให้มิ้นยืนอมยิ้มแก้มแดงอยู่คนเดียว
คอนเสิร์ตของตุ้ยดำเนินไปด้วยความสนุกสนาน ตุ้ยทั้งร้องทั้งเต้นได้อย่างมืออาชีพจนมิ้นที่เฝ้าดูเขาอยู่มองด้วยชื่นชม แล้วอยู่ๆทุกอย่างก็เงียบลง เสียงไฟบนเวทีค่อยๆมืดลง แสงเล็กๆคล้ายกับดวงดาวน้อยๆถูกส่องขึ้นเต็มทั้งเวที ตุ้ยในชุดสูทสีขาวก้าวเดินออกมากลางเวที
"อย่างที่ทุกคนรู้นะครับว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกของผม ขอบคุณทุกๆกำลังใจที่ทำให้ผมมายืนอยู่ตรงนี้ และมีคนๆหนึ่งนะครับที่คอยยืนเคียงข้างผม เธอเป็นเหมือนคนที่ผมได้ผมกับแสงสว่างและความรักอีกครั้ง ผมไม่รู้ว่าอะไรนำเธอให้มาเจอกับผม แต่ผมอยากจะคิดว่าสิ่งนั้นมันคือ พรหมลิขิตครับ พรหมลิขิตที่ทำให้ผมมาเจอกับ มิ้น ผู้หญิงที่ผมรักครับ"
http://www.ethaimusic.com/lyrics3/788.html
เหม่อมองบนฟ้าไกล จ้องมองด้วยความสงสัย
ว่าใครกันนะใคร ที่พาให้เธอเดินหลงทางมาเจอกับฉัน
มีคนเป็นล้านคน ช่างไร้เหตุจริงๆ ที่เราเจอกัน
จากเป็นคนที่ไม่เชื่ออะไร สุดท้ายก็ได้แต่ถามตัวเองซ้ำๆ
*ตกลงคือพรหมลิขิตใช่ไหม ที่เขียนให้เป็นอย่างนั้น
ตกลงให้เรารักกันใช่มั้ย อย่างนั้นขอได้หรือไม่
โปรดอย่าทำให้เราพลัดพราก
ให้เรารักกัน เนิ่นนานถึงจนวันตาย
โอ้วโอว ฉันขอได้ไหม
เมื่อก่อนลมหายใจ ก็คิดว่าเป็นของฉัน
แต่พอได้พบเธอ เพิ่งรู้จริงๆ ลมหายใจคือเธอเท่านั้น
มีคนเป็นล้านคน ช่างไร้เหตุผลจริงๆ ที่เราเจอกัน
จากเป็นคนที่ไม่เชื่ออะไร สุดท้ายก็ได้แต่ถามตัวเองอีกครั้ง
คนมีอีกเป็นล้านคน ไม่มีเหตุผล ที่เธอต้องเลือกฉัน
จากเป็นคนที่ไม่เชื่ออะไร สุดท้ายก็ได้แต่ถามตัวเองอีกครั้ง
เสียงดนตรีดังขึ้นตุ้ยร้องเพลง พรหมลิขิต พร้อมกับเดินลงจากเวทีมาที่มิ้นตุ้ยจับมือที่ชื่นไปด้วยเหงื่อของมิ้น แล้วพาเธอขึ้นมาบนเวทีด้วยกัน สายตาทุกคู่มองคนทั้งคู่อย่างชื่นชม เสียงเพลงจบลง ตุ้ยหันไปจ้องมองใบหน้าสวยหวานของหญิงคนรักแล้วจับมือทั้ง 2ข้างของเธอเอาไว้
"มิ้นครับ พี่อย่างบอกมิ้นว่าพี่ขอบคุณที่มิ้นทำให้พี่ได้รู้จักความรักอีกครั้ง ที่ผ่านมาพี่อาจทำเรื่องไม่ดีกับมิ้นไว้มากมาย แต่วันนี้พี่อยากจะบอกมิ้นจากใจของพี่ว่า พี่ตุ้ยรักมิ้นครับ"
"มิ้นก็อยากบอกพี่ตุ้ยค่ะว่า มิ้นก็รักพี่ตุ้ยค่ะ"
ตุ้ยดึงร่างบางของมิ้นมากอดไว้อย่างแสนรัก น้ำตาใสๆแห่งความตื่นตันใจของมิ้นไหลออกมาช้าๆ วันนี้เธอรู้แล้วว่าเขารักเธอเพียงใดและเธออีกก็รักเขามากเช่นกัน ท่ามกลางเสียงปรบมือของผู้ชมนับพันคนหัวใจดวงเล็กๆของคน 2 คน ก็หลอมรวมเป็นดวงเดียวกันด้วยแรงแห่งรักของคนทั้งคู่นั้นอีก
ณ ประเทศอังกฤษ
ชายวัยกลางคนจ้องมองหนังสือพิมพ์ในมือด้วยแววตาครุกรุ่น มือใหญ่กำมือหนังสือพิมพ์แน่นราวกับจะบดขยี้มันให้แหลกคามือ
***ตุ้ย AF3 สารภาพรักหวานแฟนสาวแสนสวย น้องมิ้น กลางคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกในชีวิต***
"ยัยมิ้น ทำไมแกถึงโกหกพ่อแบบนี้"คุณโกวิทย์ขบกรามมองรูปลูกสาวคนเดียวในหนังสือที่ส่งตรงมาจากเมืองไทยอย่างโมโห
ณ ประเทศอังกฤษ
ชายวัยกลางคนจ้องมองหนังสือพิมพ์ในมือด้วยแววตาครุกรุ่น มือใหญ่กำมือหนังสือพิมพ์แน่นราวกับจะบดขยี้มันให้แหลกคามือ
***ตุ้ย AF3 สารภาพรักหวานแฟนสาวแสนสวย น้องมิ้น กลางคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกในชีวิต***
"ยัยมิ้น ทำไมแกถึงโกหกพ่อแบบนี้"คุณโกวิทย์ขบกรามมองรูปลูกสาวคนเดียวในหนังสือที่ส่งตรงมาจากเมืองไทยอย่างโมโหมือใหญ่ปาหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นลงบนพื้นเสียงดังทำให้คุณวาสนาผู้เป็นภรรยา กับ ก้อ ต้า และซาร่า ซึ่งกำลังคุยกันอย่างออกรสต้องรีบมาดูด้วยความตกใจ
"มีอะไรค่ะคุณ ทำไมดูท่าทางเครียดจัง"คุณวาสนาจับแขนสามีที่ยืนหน้านิ่วอยู่อย่างปลอบใจ
"จะไม่ให้ผมเครียดได้ยังไงละ คุณดูเอาเองสิว่าแม่ลูกสาวคนโปรดของคุณมันไปสร้างเรื่องอะไรไว้"
คุณโกวิทย์ชี้ไปที่หนังสือพิมพ์บนพื้น ภรรยาสาวก้มลงไปหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นด้วยความสงสัย ดวงตาจับจ้องที่ภาพหญิงสาวผมยาวเหยียดที่กำลังกอดกับชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มอยู่ ถึงแม้จะเห็นเพียงเสียวหน้าแต่เธอก็จำได้ดีว่าหญิงสาวในภาพนั้นคือ มิณฑิตา วัฒนกุล ลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอนั้นเอง
"นี่มันยัยมิ้นนิค่ะ ทำไมลูกถึงมากอดกับผู้ชายขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์แบบนี้ ลูกบอกว่าจะไปอยู่กับเพื่อนไงค่ะ นี่มันอะไรกันแน่ฉันงงไปหมดแล้ว"ร่างบางของคุณวาสนาโงนเงนคล้ายจะล้มลงดีที่ก้อคว้าตัวน้าสะใภ้แล้วพาเธอนั่งลงบนโซฟาซาร่ารีบเข้าไปดูแลแม่ของเพื่อนสาวที่เธอเองก็นับถือไม่แตกต่างจากแม่แท้ๆของเธออย่างเป็นห่วง
"คุณน้าใจเย็นๆนะค่ะทุกอย่างมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คุณน้าทั้ง 2คนคิดก็ได้นะค่ะ"
"จะให้น้าใจเย็นได้ยังซาร่า ลูกสาวคนเดียวหนีออกจากบ้านไปอยู่กับผู้ชาย แถมยังไปกอดกันหลาลงในหนังสือพิมพ์ อย่างนี้จะให้น้ายิ้มระเรื่อมีความสุขได้ยังงั้นหรือ"คุณโกวิทย์พูดเสียงสั่น ดวงตาที่เคบฉายแววโรจน์แดงขึ้นคล้ายจะร่ำไห้ด้วยความเสีบใจและผิดหวังในตัวลูกสาวสุดที่รัก
"มันไม่ได้เป็นอย่างที่อาเมา กับ อาหวานคิดนะครับ ยัยมิ้นไม่ได้ทำตัวเหลียวแหลก ยัยมิ้นกับผู้ชายคนนั้นไม่เคยทำอะไรเกินเลยกันผมยืนยันได้"ก้อพูดขึ้น เขาทนไม่ได้ที่อาและอาสะใภ้ของเขาจะเข้าใจมิ้นผิด
"นี่หมายความว่าแกรู้มาตลอดงั้นหรอว่ายัยมิ้นโกหกอา แกรู้ใช่ไหมว่าน้องไปทำอะไรที่เมืองไทย แกรู้ใช่ไหมเจ้าก้อ"คุณโกวิทย์เดินตรงไปหาหลานชายอย่างโมโห
"ครับ ผมกับมิ้นติดต่อกันตลอด ผมรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับน้องแต่ผมไม่ได้บอกกับอา ผมยอมรับผิดครับ"ก้อยืดตัวตรงอย่างไม่หวั่นเกรงกับสายตาเกรียวกราวของผู้เป็นอาเลย
"คุณอาครับ ผมขอโทษครับ ความจริงแล้วผมเคยไปเจอมิ้นที่เมืองไทย แล้วผมก็รู้ว่าน้องคบหากับผู้ชายคนนั้น แล้วผมก้เป็นคนโกหกคุณอาเรื่องที่มิ้นไปอยู่กับเพื่อนที่เมืองไทย ทุกอย่างผมผิดเองครับคุณอา"ต้าสารภาพผิดอย่างกล้าหาญ
"หนูด้วยค่ะคุณอา หนูรู้เรื่องมิ้นมาตลอด แต่มิ้นเขาไม่เคยทำอะไรเสียหายนะค่ะ มิ้นเข้าแค่เล่นเสนุกเหมือนเด็กก็เท่านั้นเอง คุณอาอย่าโกรธมิ้นเลยนะค่ะ"ซาร่าน้ำตาร่วงเผาะด้วยความรู้สึกผิดต่อผู้ใหญ่ทั้ง 2 คน
"อ้อ นี่พวกแกรวมหัวกับปิดบังฉันใช่ไหม ทำไมถึงทำอะไรแบบนี้ แกเห็นผู้ใหญ่เป็นหัวหลักหัวตอใช่ไหม ทำไมไม่คิดถึงหัวอกคนเป็นพ่อ เป็นแม่บ้างว่าจะเป็นห่วงแค่ไหน ทำไมถึงทำแบบนี้"
"คุณอาครับ พวกเราขอโทษครับ" 3 หนุ่ม สาวก้มลงไหว้คุณโกวิทย์และคุณวาสนาด้วยความรู้สึกผิดบาป แต่คุณโกวิทย์เมินหน้าหนีด้วยความโกรธจนคุณวาสนต้องช่วยพูด
"คุณค่ะ ยกโทษให้หลานๆเถอะนะค่ะ พวกแกยังเด็กก็เลยคิดทำอะไรแผลงๆไป คุณอย่าถือสาพวกแกเลยนะค่ะ"
"จะให้ฉันยกโทษงั้นหรอ มันก็ต้องมีข้อแหลกเปลี่ยนกันหน่อย"
"อะไรครับ คุณอาบอกมาเลยพวกผมจะทำทุกอย่าง"ต้ารีบพูดอย่างดีใจ
"เจ้าต้า เจ้าก้อ พรุ่งนี้แก 2คนต้องพาฉันไปหามิ้น ไปพาน้องกลับมาทำได้ไหม"
"พรุ่งนี้เลยยหรอครับ"
"ใช่พรุ่งนี้ แล้วพวกแกทุกคนก็ห้ามส่งข่าวไปบอกแม่ตัวดีนั้นด้วย ถ้าฉันรู้ว่าพวกแกแอบไปบอกนะฉันเอาพวกแกตายแน่ ว่าไงตกลงรึป่าว"คุณโกวิทย์ทำท่าเจ้าเล่ห์คล้ายกับลูกสาวตัวแสบของเขาไม่มีผิด
"เออ ก้ได้ครับพวกผมตกลง" ก้อและต้ามองหน้ากันอย่างจำยอม
"หมดเวลาสนุกแล้วมิณฑิตา ถึงเวลาที่ลูกต้องกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงเสียที"
คุณโกวิทย์พูดกับรูปถ่ายของลูกสาวในอ้อมกอดเขาอย่างมุ่งมั่น
ตุ้ยเปิดประตูเข้ามาในห้องแต่เขาก็ต้องรู้สึกแปลกใจที่บรรยากาศภายในกับเงียบเชียบอย่างผิดสังเกตุ ตุ้ยกวาดตามองไปรอบๆห้องแล้วสายตาของเขาก็สะดุดตากับซองจดหมายสีชมพูมีสติ๊กเกอร์รูปกระต่ายตัวน้อยปิดหน้าซองที่บนพื้นหน้าห้อง
"ฝีมือเธอใช่ไหมเนี่ยยัยกระต่าย"ตุ้ยอมยิ้มบางๆก่อนจะหยิบซองจดหมายขึ้นมาอ่าน
---จ๊ะเอ๊ พี่ตุ้ย กลับมาแล้วหรอค่ะ แปลกใจไม่เอ่ยทำไมบ้านเราเงียบๆ
ไม่ต้องแปลกใจหรอกน่า มันเป็นเซอร์ไพท์ของมิ้นเอง อิอิ
นี่คือคำสั่ง เดินไปที่ทีวีสิค่ะ เร็วๆด้วย แล้วเปิดเครื่องเล่นวีดีโอด้วย----
กระต่ายมิ้นเองค่า
"555ยัยบ๋องเอ้ย ทำอะไรของเขาเนี่ย"ตุ้ยหัวเราะลั่นแต่ก็ยอมทำตามที่เธอบอก เขาเปิดเครื่องเล่นวีดีโอแล้วมองภาพในจอโทรทัศน์อย่างตั้งใจ
ในหน้าจอโทรทัศน์ปรากฏภาพสาวน้อยน่าใสกริ๊ง มิ้นยิ้มกว้างให้ตุ้ยพร้อมกับชู 2 นิ้วท่าประจำตัวเธออย่างน่ารักให้เขาด้วย จนตุ้ยอดยิ้มให้สาวน้อยในจอทีวีไม่ได้
“เออ คือ โอ้ยเขินจัง อิอิ เอาเข้าจริงก็พูดไม่ค่อยออกเลยอะ เอาไงดีละ พี่ตุ้ยขำมิ้นอยู่ใช่มะ หยุดเลยนะ ไม่งั้นมิ้นไม่พูดแล้วด้วย”มิ้นชี้มานิ้วมาที่ตุ้ยราวกับรู้ว่าตอนนี้เขาก็กำลังหัวเราะหน้าตาเอ๋อๆของเธออยู่อย่างนั้นแหละ
“จ้าๆพี่ไม่ขำแล้ว เชิญเลยครับ”ตุ้ยกลั่นหัวเราะแล้วจ้องมองคนรู้ดีในทีวีต่อ
“ไม่เอาแล้วค่ะ ไม่เล่นแล้ว ต่อไปมิ้นนะพูดจริงจังแล้วนะค่ะ”
มิ้นนั่งนิ่งใบหน้าสวยมองตรงดวงตาของเธอจ้องมองซึ้งราวกับกำลังพูดกับตุ้ยที่อยู่ตรงหน้าเธอจริงๆ
“พี่ตุ้ยจำได้รึป่าวว่าเรารู้จักกันมานานเท่าไรแล้ว เรารู้จักกันเกือบ 3 เดือนแล้วนะค่ะ มันอาจจะเป็นช่วงเวลาที่ดูสั้น แต่มิ้นอยากจะบอกว่าเวลาแค่ 3 เดือนนี้มันช่างยิ่งใหญ่สำหรับมิ้นเหลือเกิน ถ้าคืนนั้นมิ้นไม่ถูกรถพี่ตุ้ย ถ้าพี่ตุ้ยไม่ช่วยมิ้นเอาไว้ เราก็คงไม่ได้พบกัน ต้องขอบคุณพี่ตุ้ยจริงๆนะค่ะที่พี่ไม่ทิ้งมิ้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่ตุ้ยได้สอนหลายๆสิ่งๆหลายๆอย่างให้กับมิ้น ไม่ว่าจะการทำงาน งานบ้าน การทำอาหาร หรือแม้กระทั้งการจับปลาในคูน้ำวันนั้น อิอิ” มิ้นหัวเราะเบาๆก่อนจะยิ้มหวานให้กับตุ้ยอีกครั้งตุ้ยมองมิ้นแล้วคิดถึงทุกอย่างที่เธอพูดอย่างมีความสุข
“แต่สิ่งที่สำคัญและมีค่าที่สุดที่พี่ตุ้ยสอนให้มิ้นรู้จักก็คือ ความรัก ตั้งแต่มิ้นเกิดมามิ้นยังไม่เคยรู้จักความรักเลย แต่เมื่อมิ้นได้รู้จักพี่ พี่ก็ทำให้มิ้นรู้ว่าการรักใครจริงๆสักคนมันยิ่งใหญ่เหลือเกิน ความรักมันทำให้เรายิ้มได้ทั้งน้ำตา ทำให้วันเศร้าๆเปลี่ยนเป็นวันที่สวยงามได้ในพริบตา หลายครั้งที่มิ้นถามตัวเองว่าระหว่างเรา 2 คนมันคือความรักหรือความหลงกันแน่ แต่เมื่อเราผ่านอุปสรรคต่างๆด้วยกันมามากมาย มิ้นก็มั่นใจว่าระหว่างเรามันคือความรักค่ะ มิ้นอยากบอกพี่ตุ้ยอีกครั้งนะค่ะว่า มิ้นรักพี่ตุ้ยค่ะ”
ถึงตอนนี้น้ำตาแห่งความตื่นตันใจของมิ้นก้ไหลออกมาช้าๆ ตุ้ยยิ้มแล้วเอื้อมมือไปเช็ดที่หน้าจอทีวีราวกับจะช่วยคลาบน้ำตาออกจากแก้มใสของเธอได้ มิ้นเช็ดน้ำตาแล้วถอนหายใจหนักๆออกมาก่อนที่เธอจะตัดสินใจพูดในสิ่งที่เธอตั้งใจมานาน
“ พี่ตุ้ยค่ะ มิ้นมีเรื่องหนึ่งที่ไม่เคยบอกพี่ 23 วันที่ผ่านมามิ้นพยายามบอกพี่หลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่สำเร็จเสียที แต่วันนี้ยังไงมิ้นก็ต้องบอกพี่ให้ได้ เวลาของมิ้นเหลือน้อยเต็มทีแล้ว พี่ตุ้ยค่ะหันหลังมาสิค่ะ มิ้นจะบอกพี่ด้วยตัวของมิ้นเอง”
ภาพที่หน้าจอโทรทัศน์ถูกตัดไป เมื่อตุ้ยหันหลังไปก็พบมิ้นสวมยืดสีชมพูหวานกับกระโปรงสีขาวผมยาวถูกปล่อยสยายไว้ด้านหลังใบหน้าสวยดูเศร้าๆไม่มีรอยยิ้มที่คุ้นตาให้ตุ้ยได้เห็นเลย เขาเดินตรงไปยังเธอ
“ว่าไงจ๊ะ แม่กระต่ายน้อยจอมเซอร์ไพท์ยังมีอะไรจะให้พี่ตื่นเต้นอีกหรอ”มือใหญ่ลูบหัวมิ้นอย่างเอ็นดู
“พี่ตุ้ยค่ะ มีความจริงอยู่เรื่องหนึ่งที่มิ้นไม่เคยบอกพี่ตุ้ยเพราะมิ้นกลัวๆว่าพี่จะโกรธจะเกลียดมิ้นถ้าพี่ได้รู้ความจริง แต่ตอนนี้มิ้นไม่กลัวอีกแล้ว มิ้นจะบอกพี่ บอกจากปากของมิ้นเอง ไม่ว่าผลรับมันจะออกมายังไงมิ้นก็จะยอมรับ”เสียงของมิ้นสั่นจนหน้าตกใจ น้ำใสๆเอ่อล้นที่ตาทั้ง 2ข้าง
“มีอะไร มันแย่มากขนาดมิ้นต้องร้องไห้เลยหรอ ไหนมิ้นลองบอกพี่มาสิ”ตุ้ยจับไหล่บางของเธอเอาไว้
“คือความจริงแล้วไม่ได้......”
***ก๊อก ก๊อก ก๊อก***
“เอ๊ะใครมาเนี่ย ทำไมเวลามิ้นจะเล่าเรื่องนี้ทีไรต้องมีคนมาขัดจังหวะนะ เด้วพี่ไปดูก่อนนะว่าใครมา รอแปปนะจ๊ะคนดี”
ตุ้ยเดินไปเปิดประตูช้าๆแต่ผู้มาเยือนก็ต้องทำให้เขาแปลกใจ ชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานน่าเกรงขามจ้องมองเขาด้วยแววตาดุจนตุ้ยอดขนลุกไม่ได้ ชายหนุ่มอีก 2 คนด้านหลังก็ทำให้เขาแปลกใจไม่แพ้กัน คนร่างสูงเขานั้นตุ้ยจำได้ว่าเขาชื่อต้า ส่วนอีกคนที่ตัวเตี้ยกว่านั้นก็คือคนที่กอดมิ้นที่ไร่ภูดาว แล้วทำไมพวกเขาถึงมาตนพร้อมกัน ตุ้ยมองคนทั้งสามอย่างงงสุดๆ
“เออ ไม่ทราบว่าพวกคุณมาหาใครครับ”
“ฉันมาหาลูกสาวของฉัน”ชายสูงวัยกว่ากล่าวด้วยน้ำเสียงเข้ม
“ลูกสาวหรอครับ คุณคงมาผิดห้องแล้วละครับ ที่นี่ไม่มีหรอก”ตุ้ยยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“ไม่ผิดหรอก ลูกสาวฉันอยู่ที่นี้”
“เออ แล้วลูกสาวคุณชื่ออะไรละครับเผื่อผมจะรู้จักเธอ”
ยังไม่ทันได้คำตอบเสียงใสจากภายในห้องก็ดังออกมา
“ใครมาหรอค่ะพี่ตุ้ย ทำไมยืนคุยอยู่นานจัง”
มิ้นเดินมายืนข้างตุ้ย แต่เมื่อสายตาเธอเห็นชายที่ยืนอยู่หน้าห้องดวงตาเรียวเล็กก็เบิกโตขึ้นอย่างตกใจสุดขีด
//“คุณพ่อ”//
//"คุณพ่อ"// มิ้นมองหน้าผู้เป็นพ่อด้วยความตกใจ ใบหน้าใสของเธอเปลี่ยนเป็นสีซีดจางราวกับกระดาษ ตุ้ยมองดูมิ้นอย่างสับสนในหัวเขาตอนนี้มันว่างป่าวไปหมดแล้ว
"ยังจำพ่อของตัวเองได้อีกหรอ มิณฑิตา"คุณโกวิทย์จ้องหน้าลูกสาวเพียงคนเดียวด้วยแววตาเจ็บปวด
"คุณพ่อ คือ มิ้น มิ้น.."มิ้นรู้สึกถึงลำคอที่แห้งผาดดูเหมือนเสียงของเธอมันจะหายไปแล้ว
"กลับบ้านกับพ่อได้แล้วมิ้น หมดเวลาที่จะมาเล่นสนุกแล้ว"คุณโกวิทย์กระชากแขนบางของลูกสาวอย่างแรง แต่มิ้นกับขืนตัวเอาไว้
"คุณพ่อขา มิ้นยังกลับไม่ได้ขอเวลามิ้นหน่อยเถอะนะค่ะ"มิ้นเริ่มร้องไห้ท่ามกลางความตกใจของทั้งต้าและก้อ
"ไม่ พ่อไม่ปล่อยให้มิ้นทำตัวไร้สาระอย่างนี้อีกแล้ว กลับบ้านเด้วนี้"ผู้เป็นพ่อโมโหขึ้นเมื่อลูกสาวนั้นยังดื้อดึงมือใหญ่บีบลงบนแขนบางๆจนช้ำไปหมด
"ฮืออออ มิ้นขอเวลาอีกนิดนะค่ะ ขอให้มิ้นได้อธิบายให้พี่ตุ้ยเข้าใจ คุณพ่อ มิ้นขอร้อง ฮือออ"มิ้นยังคงขืนตัวอยู่เธอร้องไห้หนักขึ้นเรื่อยๆ สายตาเศร้าๆเหลือบมองไปยังชายหนุ่มที่ยืนนิ่งราวกับไร้ชีวิตจิตใจอย่างอ้อนวอน"พี่ตุ้ย ช่วยมิ้นด้วย"
"ปล่อยมิ้นนะ"
ตุ้ยดึงมิ้นมาจากพ่อของเธออย่างแรงๆร่างบางสะอื้นจนตัวโยนเกาะแขนตุ้ยเอาไว้อย่างหาที่พึ่ง
"ยัยมิ้น แกจะเอายังไง แกจะเลือกอยู่กับไ อ้ผู้ชายธรรมดาๆคนนี้หรือว่าจะกลับบ้านเราที่อังกฤษ แกบอกมาสิมาแกจะเลือกใคร แกบอกมาจะมาอยู่เมืองไทย 3เดือนแล้วนี่มันก็ครบกำหนดแล้ว แกคิดจะผิดสัญญาที่ให้กับพ่อ แม่ใช่ไหม"คุณโกวิทย์ขบกรามแน่น ตาเรียวววาวโรจน์อย่างน่ากลัว
"คุณพ่อ มิ้นไม่เคยคิดจะผิดสัญญากับคุณพ่อ คุณแม่เลยนะค่ะ มิ้นตั้งใจจะกลับไปเรียนต่ออยู่แล้ว แต่คุณพ่อค่ะ ตอนนี้มิ้นขอให้มิ้นได้อธิบายได้พูดกับพี่ตุ้ยเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหมค่ะ คุณพ่อได้ดปรดเถอะนะค่ะ"มิ้นน้ำตาไหลพรากด้วยความเจ็บปวด
"แล้วฉันจะเชื่อได้อย่างไงมาแกจะไม่โกหกพ่ออีก"
"คุณพ่อกับพี่ต้า พี่ก้อรอมิ้นอยู่ข้างนอกถ้ามิ้นจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วมิ้นจะออกไปเองค่ะ"
"คุณอาเชื่อมิ้นเถอะนะครับ ให้เวลาน้องบางเถอะครับ"ต้าพูดด้วยความเห็นใจอดีตหญิงคนที่เขารักหมดใจ
"นะครับคุณอา เราไปรอข้างนอกกันเถอะนะครับ มิ้นเขารับปากแล้วยังไงน้องก็ไม่ผิดสัญญาหรอกครับ"ก้อช่วยพูดอีกแรง
"ก็ได้ พ่อจะไปรอข้างนอก หวังว่าลูกจะไม่ทำให้พ่อผิดหวังในตัวลูกมากไปกว่านี้นะมิ้น"
คุณโกวิทย์พูดจบก็หันหลังออกไป
“พี่ตุ้ย”มิ้นเรียกชื่อชายคนรักด้วยเสียงแผ่วเบา แต่ตุ้ยกลับนิ่งเฉยราวกับไม่ได้ชินเสียงของเธอเลย ตุ้ยเอื้อมมือไปจับมือที่ยินเชือดของตุ้ย แต่เขากลับสะบัดมือเธอไปอย่างแรง
“ปล่อย”ตุ้ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉยชาจนมิ้นรู้สึกหนาวเหน็บไปถึงหัวใจ
“พี่ตุ้ย มิ้นขอโทษ”
“คุณจะมาขอโทษผมทำไมในเมื่อผมยังไม่รู้จักคุณเลย คุณมิณฑิตา”ตุ้ยมองมิ้นอย่างปวดร้าว
“พี่ตุ้ยทำไมพี่พูดแบบนี้ละค่ะ มิ้นอธิบายทุกอย่างได้นะค่ะ”
“อธิบายหรือโกหกกันแน่ แค่นี้คุณยังปั่นหัวผมไม่พออีกหรอมิ้น คุณจะให้ผมโง่ไปถึงไหนก็จริงอย่างที่พ่อคุณบอกมันหมดเวลาเล่นสนุกของคุณแล้ว”
“พี่ตุ้ยมันไม่ใช่อย่างนั้นนะค่ะ มิ้นไม่เคยคิดจะปั่นหัวพี่เลยนะค่ะ มิ้นขอให้พี่ฟังมิ้นบ้างนะค่ะ ได้โปรดเถอะนะค่ะพี่ตุ้ย”มิ้นมองตุ้ยทั้งน้ำตาในตอนนี้เธอไม่อยากขออะไรจากเขามากกว่าการได้พูดทุกอย่างในใจของเธอ
“ได้ พูดมาสิผมยินดีฟังทุกคำแก้ตัวของคุณ”
“มิ้นมีชื่อจริงว่ามิณฑิตา วัฒนกุลมิ้นเพิ่งเรียนจบไฮสคูที่อังกฤษแล้วมิ้นก็ไม่รู้ว่าคุณพ่อต้องการให้มิ้นหมั้นกับพี่ต้าที่มิ้นนับถือเหมือนพี่ชาย มิ้นก็ตัดสินใจหนีมาอยู่ที่เมืองไทยแต่มิ้นก็โชคร้ายโดนขโมยกระเป๋าสตางค์แล้วก็พลาสปอร์ตไปหมดทีแรกมิ้นก็คิดว่าจะต้องกลับบ้าน แต่ตอนนั้นพี่ตุ้ยก็ขับรถมิ้นชนมิ้น มิ้นก็เลยแก้ความจำเสื่อมเพราะต้องการอยู่ที่เมืองไทยต่อไป การอยู่กับพี่ตุ้ยทำให้มิ้นมีความสุขมากๆ มิ้นก็เลยบอกคุณพ่อคุณแม่ว่ามิ้นจะอยู่เมืองไทยกับเพื่อน 3 เดือน แต่เวลาแห่งความสุขมันมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ มิ้นรู้ตัวมาเหลือเวลาที่อยู่กับพี่อีกไม่มากมิ้นก็เลยจะบอกความจริงกับพี่ตุ้ยหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่มีโอกาสสักที พี่ตุ้ยเชื่อมิ้นเถอะนะค่ะว่ามิ้นไม่เคยคิดจะหลอกลวงพี่เลยจริงๆ
มิ้นรักพี่ตุ้ยจริงๆนะค่ะ”มิ้นจับมือของตุ้ยเอาไว้ทั้งน้ำตา
“รักงั้นหรอ คุณทำกับคนที่คุณรักแบบนี้หรอ รักของคุณมันคืออะไรกันแน่ มันคือการหลวกลวงกันใช่ไหม”ตุ้ยบีบไหล่บางๆของมิ้นอย่างโมโห
“ไม่จริงนะค่ะพี่ตุ้ย ไม่ว่ามิ้นจะเคยโกหกอะไรมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่มิ้นไม่เคยคิดจะโกหกเลยก็คือ
ความรักที่มิ้นมีให้กับพี่ตุ้ยมันเป็นเรื่องจริง ไม่ว่านานแค่ไหนมิ้นก็ยังจะรักพี่ตุ้ยค่ะ”น้ำตามิ้นไหล่อาบแก้มมันไม่ใช่น้ำตาจากแรงบีบของตุ้ย แต่มันเป็นน้ำตาที่ไหลออกมาจากใจของเธอมากกว่า
“พอได้แล้ว คุณจะมาพูดว่ารักผมทำไมในมือยังไงวันนี้คุณก็ต้องไปจากผม คุณโหดร้ายมากนะมิ้นคุณรู้ว่าสักวันคุณต้องทิ้งผมไป แต่คุณก็ยังทำให้ผมรักคุณมากมายทำให้ผมเชื่อว่าคุณจะอยู่กับผมตลอดไป คุณมันเลือดเย็นมากนะมิ้น คุณเคยคิดบ้างไหมว่าผมจะรู้สึกยังไงเมื่อรู้ว่าคนที่ผมรักที่โกหกโกหกและหลอกลวงผมมาตลอด คุณมันใจร้ายมากนะมิ้น คุณกลับไปเถอะ กลับไปอยู่บนโลกของคุณ อย่ามาอยู่กับคนธรรมดาอย่างผมเลย การที่คุณจากไปตอนนี้มันอาจจะทำให้ผมเกลียดคุณน้อยลงก็ได้”
ตุ้ยพูดกับมิ้นด้วยจิตใจอันบอบช้ำเขาไม่รู้เลยว่าคำพูดร้ายๆของเขาทำให้หัวใจของมิ้นถูกกรีดแทงจนเป็นแผล คำว่า เกลียด ของตุ้ยทำให้ทำนบน้ำตาทั้งหมดของมิ้นแตกลงน้ำใสๆหยดแล้วหยดเล่าไหลรินออกมาจากตาคู่สวยของมิ้นไม่ขาดสาย
“ค่ะ มิ้นจะกลับไป พี่ตุ้ยอาจจะเกลียดมิ้นโกรธมิ้นก็ได้ คนอย่างมิ้นก็สมควรโดนแบบนี้อยู่แล้ว แต่สำหรับมิ้นแล้วพี่ตุ้ยคือคนที่มิ้นรักค่ะและจะรักตลอดไปด้วย ถ้าพี่ตุ้ยอยากจะลืมความทรงจำระหว่างเราก้ทำไปเถอะค่ะถ้ามันจะทำให้พี่เจ็บน้อยลง แต่มิ้นจะขอจดจำเรื่องราวความรักของเรา มิ้นจะจดจำช่วงเวลาที่สวยงามของเราตลอดไปค่ะ”
มิ้นเช็ดน้ำตาบนใบหน้าบอบช้ำของตัวเอง แล้วเขย่งปลายเท้าเล็กๆของตัวเองขึ้นจูบแก้มสากของตุ้ยเบาๆ
“ลาก่อนค่ะ พี่ตุ้ย”
มิ้นฝืนยิ้มทั้งน้ำตาให้ตุ้ยก่อนหันหลังเดินจากชายอันเป็นที่รักของตัวเองไปช้าๆ
“ผู้หญิงหลอกลวงอย่างเธอก็สมควรแล้วที่ต้องเสียใจ ดูแลตัวเองดีๆนะค่ะพี่ตุ้ย มิ้นจะยังรักพี่ตลอดไป”
มิ้นพูดกับตัวเองเบาๆ
ตุ้ยมองตามร่างบางที่เดินจากเขาไปช้าๆด้วยใจอันปวดร้าว ตุ้ยทรุดตัวลงที่พื้นอย่างหมดแรงดูเหมือนความแรงทิฐิของเขาจะหมดลงแล้ว ตุ้ยกอดเขาร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
“เธอไปแล้วจริงๆใช่ไหมมิ้น ฉันต้องดีใจสิที่เธอไป เธอมันคนโกหก ฉันต้องดีใจที่เธอไป แต่ทำไมน้ำตาฉันยังไหลอยู่ ทำไมใจฉันมันเจ็บปวดอย่างนี้ ทำไมในหัวฉันมีแต่ชื่อเธอ ทำไมใจของฉันมันยังบอกว่า ฉันรักเธอ นะมิ้น”
เมื่อใจ 2 ดวงที่ยังมีกันและกันต้องจากกันไปไกลแสนไกล เขาและเธอจะทำเช่นไร
มิ้นพาร่างกายอ่อนแรงและบอบช้ำจากการร้องไห้อย่างหนักออกมาจากห้อง หญิงสาวเงยหน้ามองดูชายผู้เป็นพ่อที่ยืนตรงหน้าด้วยด้วยความสำนักผิด น้ำตาที่เพิ่งจะหยุดไหลไปได้ครู่เดียวก็ทะลักทลายออกมาอีกครั้ง มิ้นทรุดตัวลงกับพื้นแล้วก้มลงกราบที่เท้าของพ่อ
"คุณพ่อขา มิ้นขอโทษ ฮืออออ"มิ้นร้องไห้และสะอื้นอย่างหนักจนคุณโกวิทย์ต้องก้มลงประคองร่างที่สั่นของลูกสาวสุดที่รักอย่างตนเองไว้
"ไม่ร้องลูกพอแล้วคนดีของพ่อ"คุณโกวิทย์เช็ดน้ำตาให้ลูกสาวเบาๆ
"พ่อ มิ้นมันเลว มิ้นโกหกพ่อกับแม่มิ้นทำให้พ่อกับแม่ต้องเป็นห่วง พ่อขามิ้นขอโทษ พ่อลงโทษมิ้นเถอะนะค่ะ"มิ้นพูดไปสะอื้นไปด้วยความเสียใจ ผู้เป็นพ่อมองเข้าไปในดวงตาเรียวที่ถอดแบบเขามาไม่ผิดเพี้ยนด้วยความรักยิ่ง
"มิ้นไม่มีการลงโทษอะไรทั้งนั้นลูก แค่นี้รู้ตัวมาตัวเองทำผิดพ่อก็ดีใจแล้วลูกที่ผ่านมาพ่อจะถือว่ามันเป็นประสบการณ์การณ์ที่ทำให้ลูกสาวของพ่อเข้มแข็งขึ้นต่างหาก หนูรู้ไหมมาตอนนี้หนูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากแล้วนะลูก"คุณโกวิทย์ยิ้มให้ลูกสาวอย่างอบอุ่น
"พ่อไม่โกรธมิ้นหรอค่ะ"
"ไม่มีพ่อที่ไหนโกรธลูกตัวเองได้หรอก แล้วหนูก็เจ็บมามากพอแล้ว พ่อจะไม่ทำให้หนูเสียน้ำตาอีกหรอก หนูลืมไปแล้วหรอว่าใครรักหนูที่สุดในลูก"
"คุณพ่อ มิ้นก็รักคุรพ่อที่สุดในโลกค่ะ"มิ้นโผเข้ากอดพ่อทั้งน้ำตาไม่มีอ้อมกอดที่ไหนจะอบอุ่นเท่าอ้อมกอดของผู้ชายคนนี้อีกแล้ว
"พ่อก็รักลูก กลับบ้านเราเถอะลูก"คุณโกวิทย์จูบลงบนเรือนผมนุ่มของลูกสาวเบาๆไม่ว่าเธอจะโตแค่ไหนแต่มิ้นก็ยังเป็นลูกสาวตัวน้อยของเขาเสมอ
รถลีมูซีนคันหรูเคลื่อนตัวผ่านตึกระฟ้าใจกลางกรุงเทพออกสู่ยามชื่นเมือง มิ้นแอบใบหน้าช้ำจนติดกระจกดวงตาเรียวเหม่อมองไปรอบๆอย่างเศร้าสร้อยจนพี่ชายทั้ง 2 อดใจหายไม่ได้
"ลาก่อนเมืองไทย ลาก่อนกรุงเทพ ลาก่อนเสม็ดทะเลสวยๆที่พี่ตุ้ยเคยบอกรักมิ้น ลาก่อนไร่ภูดาวที่เราอยู่ด้วยกันจนข้ามปี ลาก่อนปายที่เรามีความสุขที่สุด ลาก่อนห้องเล็กๆที่เรา 2 คนเรียกว่าบ้าน ลาก่อนค่ะพี่ตุ้ยผู้ชายที่ทำให้มิ้นรู้จักคำว่า รัก"
มิ้นน้ำตาไหลออกมาช้าๆ มือสวยหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กออกมา รูปตุ้ยหอมแก้มเธอยังอยู่ที่หน้าจอทุกครั้งที่เธอเห็นรูปนี้เธอจะยิ้ม แต่คราวนี้ไม่เหมือนกันมิ้นร้องไห้ออกมาที่คราวจะยอมรับใช่ไหมว่ามันเป็นแค่อดีตไปแล้ว...มิ้นกดเบอร์มือถือช้าๆ
"สวัสดีจ้ามิ้น "ตูนกรอกใสเข้ามา
"...."
"ฮัลโลมิ้น เงียบทำไม มิ้นๆ"
"พี่ตูน"มิ้นพูดตอบพร้อมเสียงสะอื้นเบาๆ
"มิ้นเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรมิ้นบอกพี่สิ"ตูนพูดอย่างร้อนรน
"พี่ตูน มิ้นจะกลับอังกฤษแล้วนะค่ะ มิ้นฝากลาทุกคนด้วยบอกพวกเขามามิ้นขอโทษที่โกหก"
"มิ้น นี่มันอะไรกันแล้วไ อ้ตุ้ยมันว่ายังไงเนี้ย"
"พี่ตุ้ยรู้ความจริงทุกอย่างแล้วค่ะ เขาคงเกลียดมิ้นมากด้วย"เสียงมิ้นสั่นจนไม่สามารถพูดต่อได้
"มิ้นอยู่ที่ไหนนะ พี่จะไปหาเดียวนี้บอกพี่มาสิ"
"ไม่ต้องมาหามิ้นหรอกค่ะ พี่ตูนมีอย่างเดียวที่มิ้นอยากจะขอร้องพี่ตูน"
"อะไรมิ้นบอกพี่มาเลยพี่จะทำให้มิ้นทุกอย่าง"
"มิ้นฝากพี่ตุ้ยด้วยนะค่ะ"มิ้นเอ่ยออกมาเบาๆ
"ได้ พี่จะดูแลตุ้ยเอง มิ้นไม่ต้องเป็นห่วงนะ"ตูนรับปากมิ้นอย่างเต็มใจ
"ลาก่อนนะค่ะพี่ตูน ขอบคุณสำหรับทุกอย่างพี่เป็นพี่ชายที่ดีของมิ้นจริงๆ มิ้นสัญญาว่าจะไม่ลืมพี่ค่ะ"มิ้นพูดอย่างจริงใจ
"ลาก่อนครับ น้องสาวของพี่"
"ลาก่อนค่ะพี่ตุ้ย ไม่ว่าพี่จะเกลียดมิ้นแค่ไหน แต่มิ้นก็ยังจะขอรักพี่ต่อไปค่ะ"
ตุ้ยเหม่อมองรอบๆห้องด้วยแววตาเจ็บปวดห้องนี้ยังคงกว้างเท่าเดิม ทุกอย่างภายในห้องก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่ทำไมในสายตาของตุ้ยในตอนนี้ห้องนี้ช่างดูอ้างว้างและเงียบเหงาเสียเหลือเกินแค่เพียง "เธอ"ไม่อยู่ มันเจ็บปวดเกินกว่าที่เขาจะยอมรับได้ว่าเธอจากเขาไปแล้วจริงๆน้ำตาของชายหนุ่มไหลออกมาช้าๆ
"ทำไม ทำไมเธอต้องโกหกพี่ด้วยมิ้น ทุกคำพูดที่เธอพูดที่เธอบอกกับพี่มันเป็นเรื่องโกหกใช่ไหม ทำไมมิ้นต้องมาทำให้พี่รักแล้วจากพี่ไปด้วย"
ตุ้ยกุมใบหน้าเศร้าของตัวเองเอาไว้ยิ่งเขาอยากจากลิมเธอเท่าไรภาพเธอก็ยิ่งแจ่มชัดภายในใจของเขา ตุ้ยเดินไปหยิบสุราขึ้นดื่มอย่างรวดเร็ว เพื่อหวังจะลืมเธอแต่ยิ่งเขาดื่มมันไปมากเท่าไรเขากลับรู้สึกความเจ็บปวดขึ้น
"พี่ตุ้ยค่ะ"เสียงแผ่วเบาของมิ้นดังขึ้น ตุ้ยพยายามเผย่อเปลือกตาที่หนักอึ้เผยให้เห็นภาพจางๆของมิ้นที่ยิ้มให้เขาอยู่
"มิ้น มิ้นกลับมาหาพี่แล้วหรอ"ตุ้ยพยุงร่างที่โงนเงนของตัวเองไปหามิ้น เขาโผเข้ากอดเธออย่างดีใจแต่เขากลับคว้าได้เพียงความว่างป่าวเท่านั้น
"มิ้นนนน ทามม่ายมิ้นทำอย่างนี้กับพี่ มิ้นโกหกที่ทำไม พี่ต้องเกลียดเธอสิ ต้องดีใจที่เธอไป แต่ทำไมพี่ต้องเสียใจ ทำไมพี่ต้องคิดถึงเธอด้วย ทำไมๆๆๆๆ"
ตุ้ยปากรอบรูปของมิ้นและเขาลงบนพื้นจนมันแตกละเอียด เขาหยิบเสื้อผ้าของมิ้นโยนลงบนพื้น ตุ๊กตาของเธอ ข้าวของทุกอย่างของมิ้น ตุ้ยขว้างมันลงบนพื้นเพื่อระอายความเจ็บปวดในใจของเขา มือใหญ่ของเขาปัดเอาโหล่ปลาทองตกลงพื้น โลหแก้วแตกละเอียดเจ้าปลาน้อย 2 ตัวตกลงสู่พื้น พวกมันดิ้นรนอย่างทรมาน ตุ้ยจ้องมองพวกมันด้วยแววตาอ้อนโยนลง เขาก้มลงช้อนปลาทองทั้ง 2ตัวขึ้นแล้วนำมันไปใส่ลงให้อ้างล่างมือในห้องตุ้ย ตุ้ยจ้องมองเจ้าปลาน้อยอย่างเจ็บปวดโดยไม่สนใจเลือดสดๆที่ไหลจากมือที่เพิ่งโดนเศษแก้วบาดเมื่อตอนช่วยเจ้าปลทองเลยแม้แต่น้อย
"แก 2 ตัวคงไม่ต่างจากฉันหรอกใช่ไหม มันคงเจ็บปวดและทรมานมากใช่ไหม เจ็บจนเหมือนอย่างจะตายแต่ก็ทำไม่ได้ แกรู้ไหมว่าเวลาที่ถูกคนที่เรารักทำร้ายมันเจ็บแค่ไหน"
ตุ้ยทรุดตัวลงบนพื้นห้องน้ำแล้วร้องไห้อย่างหนัก หน้าแปลกที่เขาไม่รู้สึกเจ็บแผลที่มือเลยแม้แต่น้อยหรืออาจจะเป็นเพราะบาดแผลที่หัวใจของเขามันคงเจ็บมากกว่าเป็นร้อยเท่าต่างหาก
"ไ อ้ตุ้ย///แกเป็นอะไรทำถึงเลือดออกขนาดนี้"ตูนที่เพิ่งเขามาในห้องโผเข้าหาตุ้ยด้วยความเป็นห่วง
"ฉาน ไม่เป็นไร"ตุ้ยที่กำลังเมามายปัดมือของคตูนที่เขามาพยุงเขาออกไป
"ไม่เป็นอะไรได้ยังไง เลือดแกออกเยอะขนาดนี้ ไปโรงพยาบาลกันเถอะตุ้ย"
"ไม่ ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันจะอยู่รอมิ้น ฉันจะรอเขา ฮือออ"ตุ้ยร้องไห้แล้วกอดตูนเอาไว้
"ไม่ไปก็ไม่ไป ไปนอนที่เตียงก่อนเถอะเดียวฉันทำแผลให้เอง"ตูนพาตุ้ยที่เมาจนไม่ได้สติไปที่เตียงแล้วทำแผลให้เพื่อนรักด้วยความสงสาร
"มิ้น มิ้นอยู่ไหน กลับมาเถอะมิ้น พี่รักมิ้นนะ"ตุ้ยยังคงพ่ำเพ้อต่อไปแม้ตาเขาจะหลัลงไปแล้วก็ตาม
"อดทนหน่อยนะเพื่อน ฉันเชื่อว่ายังไงเขาก็ต้องกลับมา"
ตูนมองเพื่อนรักด้วยความสงสาร เร้ดีมาถึงแม้ปากตุ้ยจะบอกว่าเกลียดมิ้นแค่ไหน แต่แท้จริงในใจของเขานั้นมันยังคงรักมิ้นอยู่เต็มหัวใจ1 เดือนผ่านไป
มิ้นนอนคว่ำหน้าลงบนเตียงนอนภายในห้องนอนสีชมพูหวานของเธอในมือบางถือโทรศัพท์มือถือที่เปิดรูปภาพของเธอและตุ้ยค้างอยู่ มิ้นกดใบหน้าสวยลงกับหมอนแต่เสียงสะอื้นเบาๆก็ยังหลุดรอดออกมาจนได้
**ก๊อก ก๊อก ก๊อก**
"มิ้นขา ทำอะไรอยู่ลูกให้แม่เข้าไปได้ไหมจ๊ะ"
มิ้นสะดุ้งด้วยความตกใจ เธอรีบลุกขึ้นแล้วเช็ดน้ำตาที่เปรอะเปื้อนใบหน้าอย่างลวกๆก่อนจะส่งเสียงใสกับยิ้มบางๆให้ผู้เป็นแม่
"เข้ามาเลยค่ะคุณแม่ ประตูไม่ไดล็อก"
"ทำไมยังไม่นอนอีกค่ะลูกนี่มันดึกแล้วนะพรุ่งนี้หนูต้องไปมหาวิทยาลัยวันแรกนะจ๊ะ"คุณวาสนาโอบร่างบางของลูกสาวไว้ เธออดลูบแก้มใสที่ซูบผอมลงไปมากของบุตรสาวอย่างเป็นห่วงไม่ได้
"เด้วมิ้นก็จะนอนแล้วค่ะแม่ คุณแม่ขามิ้นขอนอนหนุนตักคุณแม่หน่อยนะค่ะ"
มิ้นเอนตัวลงนอนหนุนตักนุ่มของแม่ มิ้นพลิกตัวกอดแม่เอาไว้แน่นน้ำตาจากตาดวงน้อยไหลออกมาเบาๆ คุณวาสนาลูบผมนุ่มของลูกสาวอย่างทั้งรักและสงสาร
"มิ้น แม่รู้นะว่าหนูไม่สบายใจ หนูมีอะไรก็ระบายให้แม่ฟังได้นะลูก"คุณวาสนาพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
"แม่ขา มิ้นรักเขา มิ้นลืมเขาไม่ได้ ฮือออออ"มิ้นร้องไห้ออกมาเหมือนเด็กๆจนมารดาต้องก้มตัวลงกอดลูกสาวตัวน้อยอย่างแสนรัก
"แม่รู้ว่าหนูรักเขามาก เขาเป็นรักครั้งแรกของหนูยังไงหนูคงลืมเขาไม่ได้ง่ายๆหรอกลูก แต่แม่อยากบอกอะไรมิ้นสักอย่างนะลูก ก่อนที่หนูจะรักคนอื่นหนูควรจะรักตัวเองก่อนนะ หน้าที่ของหนูตอนนี้คืนเรียนหนังสือหนูก็ควรตั้งใจกับมันนะ ถ้าหนูมัวแต่มาร้องไห้เสียใจอยู่ผลเสียมันก็ตกอยู่กับตัวมิ้นเองนะลูก"
มิ้นยันกายขึ้นจ้องมองหน้าผู้เป็นแม่ มิ้นเช็ดน้ำตาบนใบหน้าตัวเองช้าๆแล้วยิ้มให้แม่อย่างสดใสเป็นครั้งแรกในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา
"ขอบคุณค่ะแม่ที่ช่วยเตือนสติมิ้น ที่ผ่านมามิ้นมัวแต่เสียใจจนลืมคิดไปว่ามิ้นควรจะทำอะไร ต่อไปนี้มิ้นจะตั้งใจเรียนค่ะ มิ้นจะยังคงรักพี่ตุ้ยเหมือนเดิมแต่มิ้นจะไม่ปล่อยให้ความเสียใจมาทำให้ทำร้ายมิ้นอีกแล้วค่ะ"
"ดีมากลูก แม่ดีใจนะพี่หนูคิดได้"คุณวาสนาดึงตัวลูกสาวคนสวยมากอดไว้อย่างแสนรัก
"พี่ตุ้ยค่ะมิ้นคิดถึงพี่ตุ้ยนะค่ะ เราจะได้เจอกันอีกไหมค่ะ"มิ้นรำพึงกับตัวเองเบาๆ
บริษัทUBC ACADEMY
"สวัสดีครับพี่ขวัญ พี่เรียกพวกผมมามีอะไรรึป่าวครับ"บอยเอ่ยถามขึ้น
"บอย ตูน พี่อยากรู้จริงๆนะว่าตุ้ยเขาหายไปไหน ทำไมไม่มาทำงาน มือถือก้ปิดใครติดต่อก้ไม่ได้สักคน พวกเธอรู้ไหมมาคุ้ยมันเป็นอะไร"คุณขวัยพูดอย่างมีอารมณ์
"เออ คือ ว่า ตุ้ยมันก็อยู่ที่ห้องมันแหละครับ"ตูนพูดเบาๆ
"อยู่ที่ห้องแล้วทำไมไม่มาทำงานฮะ"
"เอ่อ พี่ขวัญเรื่องนี้ให้เรา 2 คนจัดการเองดีกว่าครับ พี่ขวัญใจเย็นๆนะครับให้เวลาตุ้ยมันหน่อย"
"พี่รู้นะว่าตุ้ยเสียใจเรื่องมิ้นนะ แต่ตุ้ยเขาโตแล้วเขาควรจะเป็นมืออาชีพมากกว่านี้ เสียใจนะเสียใจได้แต่ถ้ามันมาทำให้การงานเสียนะมันไม่ได้"
"ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมกับตูนเถอะครับ ตุ้ยมันต้องกลับมาทำงานแน่ครับ"บอยมองหน้าตูนอย่างหนักใจ
**ก๊อก กีอก ก๊อก**
เสียงเคาะประตูปลุกในชายหนุ่มที่นอนจมขวดเหล้ายันตัวลุกขึ้น เขารีบเดินไปเปิดประตูเพราะหวังว่าเธอคนนั้นจะกลับมา
"มิ้น"ตุ้ยเอ่ยชื่อเธอขึ้นมาแต่กลับไม่เป็นอย่างที่เข้าคิด ตุ้ยพลิกตัวเดินเข้าห้องอย่างเศร้าๆโดยไม่สนใจเพื่อนหนุ่มอีก 2 คนเลย
"ไ อ้ตุ้ยทำไมเอ็งถึงได้สารรูปเป็นแบบนี้วะ เนี่ยมันน้องร้องซุเปอร์สตาร์หรือว่าไ อ้ขี้เมาวะเนี่ย"ตูนมองดูใบหน้าหมองคร่ำเต็มไปด้วยหนวดเคราและกลิ่นแอลกอฮอร์ของตุ้ยอย่างเครียด
"เออ ข้ามันเป้นไ อ้ขี้เมาแล้วจะทำไม ข้ามันไม่มีอะไรเหลือแล้วนิ ขนาดคนที่ข้ารักที่สุดเขายังโกหกข้าได้เลย"ตุ้ยคว้าเหล้ามาดื่มอีกแต่บอยกลับคว้ามือตุ้ยไว้
"ตุ้ย เอ็งเลิกบ้าซะทีได้ไหม เอ็งทำร้ายตัวเองแบบนี้แล้วมิ้นเขาจะรู้ไหม ข้าถามจริงๆเถอะว่าเอ็งต้องการอไรกันแน่ ถ้าเอ็งยังรักมิ้นอยู่ทำไมเอ็งไม่ไปตามเขากลับมาละ"
"ข้าไม่ได้รักเขา ข้าจะรักผู้หญิงโกหกหลอกลวงคนั้นได้ยังไง ข้าเกลียดเขา เกลียดๆๆๆๆเอ็งได้ยินไหมไ อ้บอย"ตุ้ยกระชากคอเสื้อบอยมาอย่าโมโห ก่อนที่จะร้องไห้ออกมาอย่างเหลืออด บอยดึงตัวเพื่อนรักมากอดไว้ด้วยความเห็นใจ
"ตุ้ย เอ็งไม่ได้เกลียดมิ้นหรอก เอ็งแค่ผิดหวังในตัวมิ้นเขาเท่านั้นแหละ จริงไหม"
"บอยข้ารักมิ้น รักมากอย่างที่ไม่เคยรักใคร แต่ทำไมเขาถึงต้องทำกับข้าแบบนี้ด้วย"
"ตุ้ยเอ็งอย่าปล่อยให้ทิฐิมาทำให้อ็งทุกข์สิ ถ้าเอ็งรักมิ้นเอ็งก้ไปหาเขาซะ เท่านี้ก็จบ"
"แต่ ...มิ้นเขาเป็นถึงลูกสาวนักะรกิจใหญ่ ส่วนข้ามันก็แนกร้องธรรมดาๆคนหนึ่งยังไงเขาคงไม่มาสนใจข้าหรอก ข้ามันก็แค่ของเล่นของคุรหนูอย่างเขาเท่านั้นแหละ"ตุ้ยพูดอย่างน้อยใจ
"แล้วทำไมเอ็งไม่ทำตัวให้ทัดทเยมเขาซะเลยละ"ตูนเอ่ยขึ้น
"เอ็งหมายความว่ายังไงไ อ้ตูน"ตุ้ยหันไปมองหน้าตูนอย่างสนใจ
"ถ้าเอ็งว่ามิ้นสูงเอ็งก็ต้องปีนตามเขาขึ้นไปสิ เมื่อวานพี่ขวัญเพิ่งบอกพวกข้าว่าเขาจะทำอัลบั้มพิเศษให้เอ็ง แถมยังวางขายทั่วเอเชียด้วยนะ"
"จริงหรอ"ตุ้ยพูดขึ้น
"จริงสิวะ แค่เอ็งพยายามข้าเชื่อว่าเอ็งต้องทำได้ สู้ๆหน่อยสิวะตุ้ย เพื่อพ่อ แม่ แล้วก็มิ้น เอ็งเลิกทำตัวบ้าๆอย่างนี้ซะทีเถอะนะ ข้าขอร้อง"บอยมองหน้าตุ้ยนิ่ง
"ก้ได้ ข้าจะสู้อีกครั้ง ข้าจะไม่ทำตัวเหลวไหลอย่างนี้อีกแล้ว"
"ดีมาก อย่างนี้สิถึงค่อยสมกับเป็นไ อ้ตุ้ยเพื่อนเลิฟพวกข้าหน่อย"ตูนหัวเราะอย่างดีใจ 3 หนุ่มกอดกันแน่นอย่างมีความสุข
"มิ้น พี่จะขอพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง พี่อยากจะถามมิ้นอีกสักครั้งว่าสำหรับมิ้นแล้วพี่เป้นคนรักหรือแค่ของเล่นของมิ้นกันแน่ ณ งานแถลงข่าวฉลองยอดขายเทปเพลงกว่า 10ล้านแผ่นทั่วเอเชียของตุ้ย นักข่าวจากทุกสำนักข่าวทั่วเชียต่างมารวมตัวกันเพื่อรอนักร้องซุปเปอร์สตาร์คนล่าสุดของเอเชียอย่างขับคั่ง แต่ดูเหมือนเจ้าของงานแถลงข่าวกับไม่รู้สึกตื่นเต้นใดๆเลย ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำสนิทนั่งนิ่งราวกับไร้หัวใจแว่นตาสีชาอันโตปิดบังดวงตาเศร้าๆไร้อารมณ์ของเขาได้อย่างมิดชิด
"คุณตุ้ยค่ะได้เวลาแถลง่าวแล้วค่ะ"พีอาร์สาวเข้ามาตามนักร้องหนุ่มอย่างเกรงๆเพราะเป็นอันรู้กันทั้งบริษัทว่าถ้าเขาลองได้นั่งตาโศกทอดอารมณ์ถึงใครคนหนึ่งแล้วก้ไม่ควรเข้าไปยุ่ง ตุ้ยละสายตาจากวิวข้างนอกมามองพีอาร์สาวด้วยใบหน้าเข้ม
"ผมรู้แล้ว เด้วจะตามไป คุณออกไปได้แล้ว"
ตุ้ยมองตามร่างลุกลี้ลุกร้นของเธอที่เดินออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ ชายหนุ่มหยิบกระเป๋าสตางค์มาเปิดออกเขายิ้มบางๆให้หญิงสาวหน้าใสที่ยิ้มกว้างให้เขาอย่างอ่อนโยนแบบที่ใครๆไม่เคยได้เห็นมานานตั้งแต่หญิงสาวในรูปจากไป
"มิ้น วันนี้เป็นวันสำคัญในชีวิตพี่พี่ทำเสร็จแล้วนะมิ้นในที่สุดที่โด่งดังมีชื่อเสียงแบบที่ต้องการ แต่ทำไมพี่ถึงไม่ดีใจเลย หัวใจพี่มันคงลืมคำว่าวามสุขไปเสียแล้วละมั้ง"ตุ้ยถอนหายเบาๆก่อนจะเปลี่ยนหน้ายิ้มนั้นเป็นใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ก่อนจะเดินก้าวออกไปในงานแถลงข่าวของตนเอง
"คุณตุ้ยค่ะ คุณรู้สึกยังไงบ้างค่ะที่เพียงแค่6 เดือนหลังอัลบั้มที่ 2ของคุณวางจำหน่ายก็สามารถทำยอดขายจำนวนมากทั่วเอเชียอย่างที่นักร้องไทยคนไหนไม่เคยทำมาก่อน"นักข่าวสาวคนหนึ่งถามขึ้น
"ก้ต้องบอกว่าผมรู้สึกดีใจมากครับกับความสำเร็จครั้งนี้ มันเกินความคาดหมายจริงๆผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมาไกลขนาดนี้ สำหรับผมแล้วก็ต้องขอบคุณทางบริษัท UBC ACADEMYและแฟนๆทุกคนมากกว่าครับที่สนับสนุนผลงานของผม"ตุ้ยฉีกยิ้มมุมปากบางๆยิ้มที่เขาคิดว่าทำไปตามมารยาทไม่ใช่ยิ้มจากหัวใจที่เขาเฉยมีแต่รอยยิ้มนั้นกลับกระชากใจสาวๆนับล้านจนเรียกได้ว่าเป็นยิ้มกระชากวิญญาณกันเลยทีเดียว
"เออได้ข่าวว่าในอัลบั้มนี้คุณมีส่วนรวมในการแต่งด้วยใช่ไหมครับ"
"ใช่ครับ ผมแต่งเองเพลงหนึ่งแล้วมันก็เป็นเพลงที่ผมรักมากซะด้วย"
"เพลงอะไรค่ะ คุณตุ้ยช่วยร้องให้พวกราฟังสักหน่อยได้ไหมค่ะ"
"ชื่อว่าเพลงปากดีครับ ถ้าทุกคนอยากฟังจริงๆผมก็จะร้องให้ฟังครับ"
ตุ้ยก้มหน้านิ่งอย่างใช้สมาธิเพราะทุกครั้งที่เขาร้องเพลงนี้ใจของเขาก็พานที่จะเจ็บแปลบไม่ได้เสียที
http://ethaimusic.com/lyrics3/450.htm
จากวันนี้ เธอจะไม่เห็นหน้าคนอย่างฉันอีก โปรดจำเอาไว้
และตรงนี้ จะไม่มีคนที่ยอมให้เธอ ทำร้ายหัวใจกัน
บอกเธอเกือบจะพันครั้งแต่มันก็ทำไม่ได้
เรื่องตัดใจทำเท่าไรไม่ได้ซะที
ไม่รู้ทำไมเวลาเธอไปร่างกายไม่มีเรี่ยวแรง
บอกเลิกทีไรสุดท้ายก็เป็นฉันเองที่เสียใจ
ปากดีเหลือเกินนะเรา แค่ทิ้งคนที่ทำร้าย
กลั้นใจทิ้งเธอไม่ลงซะที
เจ็บและช้ำ จนมาวันนี้ที่ภายในหัวใจ แหลกไม่มีเหลือ
หากวันไหน บอกอะไรเธอและทำได้จริง มาถึงก็คงดี
บอกเธอเกือบจะพันครั้งแต่มันก็ทำไม่ได้
เรื่องตัดใจทำเท่าไรไม่ได้ซะที
ไม่รู้ทำไมเวลาเธอไปร่างกายไม่มีเรี่ยวแรง
บอกเลิกทีไรสุดท้ายก็เป็นฉันเองที่เสียใจ
ปากดีเหลือเกินนะเรา แค่ทิ้งคนที่ทำร้าย
กลั้นใจทิ้งเธอไม่ลงซะที
ไม่รู้ทำไมเวลาเธอไปร่างกายไม่มีเรี่ยวแรง
บอกเลิกทีไรสุดท้ายก็เป็นฉันเองที่เสียใจ
ปากดีเหลือเกินนะเรา แค่ทิ้งคนที่ทำร้าย
กลั้นใจทิ้งเธอไม่ลงซะที
กลั้นใจทิ้งเธอไม่ลงสักที
ทันทีที่ตุ้ยร้องเพลงปากดีจบเสียงปรบมือก็ดังลั่นทั้งงานแถลงข่าว ชายหนุ่มก้มหัวและยิ้มเศร้าๆรับการชื่นชมนั้นด้วยหัวใจเจ็บช้ำเพราะทุกครั้งที่เขาร้องเขาก็จะต้องคิดถึงเธอที่ทำร้ายเขาอย่างทารุณ แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ตัดใจจากเธอไม่ได้เสียที่
"เพลงนี้ทั้งเพาะทั้งเศร้าเลยนะค่ะ ไม่ทราบวว่าคุณตุ้ยแต่งเพลงนี้ใหใครหรือเปล่าค่ะ"
"ผมไม่ขอตอบครับ ผมไม่ตอบเรื่องส่วนตัว"ใบหน้าหล่อเข้มของตุ้ยเกร็งขึ้นอย่างโมโหจนคุณขวัญที่นั่งอยู่ข้างๆต้องรีบตัดบททันที
"เออเวลาก็ล่วงเลยมานานแล้วนะค่ะ ขอเป็นคำถามสุดท้ายเลยดีกว่าค่ะ ตุ้ยจะได้พักผ่อนนะค่ะ"
"คำถามสุดท้ายนะค่ะกับความสำเร็จครั้งนี้ณตุ้ยอยากขอบคุณหรือบอกอะไรใครไหมค่ะ"
ตุ้ยนิ่งอึ้งไปกับคำถามนี้ก่อนที่จะเอ่ยปากพูดช้าๆ
"ผมต้องขอขอบคุณพ่อกับแม่ที่คอยเฝ้าดูและค่อยให้กำลังใจผมเสมอมา ขอบคุณทีมงานที่ช่วยสร้างผลงานดีๆในผม ขอบคุณพี่ขวัญที่ให้ข้อคิดดีๆ ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่คอยอยู่เคียงผมเมื่อยามที่ผมเจ็บปวดและทุกข์ทรมานที่สุด ขอบคุณที่ช่วยฉุดดึงให้ผมผ่านช่วงนั้นมาได้"ตุ้ยหันไปยิ้มๆให้ตูน บอย เพชร บลูน่าและลูกตาลที่ยืนยิ้มอยู่ข้างเวที
"และ..เธอคนนั้น ....คนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่า รัก และ ความเสียใจ ถึงแม้เธอจะทำให้ผมเจ็บปวดเจียนตายแต่ในขณะเดียวกันเธอก็เป็นแรงผลักดันให้ผมต่อสู้กับทุกปัญหาและอุปสรรคที่ผ่านเข้ามา ทุกวินาทีในชีวิตผมยังดำเนินต่อไปได้ก้เพราะเธอคนนี้ ผมหวังว่าสักวันหนึ่งเธอจะกลับมาอยู่เคียงข้างผมอีกครั้ง"
ตุ้ยผมจบก็หันหลังเดินจากไปทันทีปล่อยให้คนทั้งงานนิ่งอึ้งกันไปหมดเลยทีเดียว
"นิ ตูน บอย นายตุ้ยเพื่อนนายมันหายไปไหนเนี่ยทำไมไม่มาอยู่ในงานเลี้ยงฉลองในตัวเขาเนี่ย"พี่ขวัญเดินหน้ามุ้ยอย่างโมโหที่เจ้าของงานดันหายไปอย่างไร้ล่องลอยภายหลังงานแถลงข่าวจบ
"มันไม่อยู่หรอกครับพี่ มันมีอย่างอื่นที่ต้องไปทำ"ตูนยิ้มอย่างอารมณ์ดี
"อย่างอื่นหรอ อะไรมันจะสำคัญกว่างานนี้อีกหรอ"
"วันนี้วันที่เท่าไรครับพี่ขวัญ"บอยพูดยิ้มๆ
"4 พ.ย. 50 แล้วทำไม"คุณขวัญเริ่มงงหนัก
"ก็วันนี้เมื่อ 1ปีที่แล้วไ อ้ตุ้ยมันได้เจอผู้หญิงคนหนึ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตมันไงครับ"
"...มิ้น..."คุณขวัญเอ่ยชื่อนี้เบาๆแม้ว่าเธอจะจากไปกว่า 1ปีแล้วแต่เธอก็ยังคงอยู่ในความทรงจำของตุ้ยและทุกคนที่ใกล้ชิดเธอไม่เคยเปลี่ยนแปลง
"ปล่อยตุ้ยมันไปเถอะครับพี่ ถึงตัวมันจะอยู่ในงานแต่ใจของมันก็ลอยไปที่อื่นอยู่แล้ว"
ทั้ง 3 คนมองหน้ากันอย่างเข้าใจก่อนจะเดินเข้าไปภายในงานเงียบๆ ร่างบอบบางนั่งนิ่งอยู่ที่หน้าจอโน้ตบุคราคาแพงตรงหน้า ดวงตาเรียวสวยจับจ้องไปที่เวปไซน์บันเทิงจากเมืองไทยอย่างสนใจ ปกติแล้วหญิงสาวไม่เคยสนใจข่าวสารจากเมืองไทยเลยแม้แต่น้อย แต่ถ้าเป็นข่าวของ เขา คนนี้มันเป็นข้อยกเว้น ตาสีนิจสวยอ่านข่าวของเขาอย่างตั้งใจ หญิงสาวอดยอมรับไม่ได้ว่าตุ้ยดูสง่างามและมีเสน่ห์สมกับเป็นซุปเปอร์สตาร์คนใหม่ของเอเชียเสียจริงๆ แต่สำหรับมิ้นแล้วเธอยังคงสังเกตุเห็นใบที่ไร้รอยยิ้มนั้นและดวงตาโศกที่ซ้อนไว้ภายใต้แว่นตาสีชาอันโตที่ทุกคนเห็นจนชินตา มิ้นรู้ดีว่าตุ้ยกลายเป้นคนไร้หัวใจไปตั้งแต่เธอจากลาคราวนั้น ส่วนตัวเธอนั้นก็แทบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ารอยยิ้มที่ใครๆบอกว่าทำให้โลกสว่างของเธอนั้นหายไปไหนหรือมันอาจจะหายไปพร้อมหัวใจที่แตกสลายของเธอก็ได้ บ่อยครั้งที่มิ้นอยากกลับไปหาเขา ผู้เป็นเจ้าของหัวใจเธอเสมอ แต่คำว่า เกลียด ของเขามันยังชัดเจนในความทรงจำของมิ้นจนเธอไม่กล้าจะกลับไปให้เขาเห็นได้อีก สำหรับเธอแล้วการได้เฝ้ามองเขาไกลๆจากอีกซีกโลกหนึ่งมันก็เพียงพอแล้ว มือขาวเอื้อมไปหมายจะปิดหน้าจอลง แต่ไฟกระพริบสีส้มของโปรแกรมแชทMSNขึ้น คิวมนขมวดหากันอย่างงงๆก่อนที่เธอจะกดเปิดบล็อกสนทนาขึ้น
ตูน ----สวัสดีน้องมิ้น คิดถึงจังเลย
มิ้นยิ้มบางๆอย่างไม่รู้ตัว เขาเป็นคนๆเดียวจากเมืองที่เธอยังติดต่อพูดคุยด้วยเสมอมา
มิ้น-----สวัสดีค่ะ พี่ตูนมิ้นก็คิดถึงพี่เหมือนกัน ทำไมวันนี้ออนดึกจังค่ะตอนนี้ที่เมืองไทยก็เกือบเที่ยงคืนแล้วนะ
ตูน-----พี่เพิ่งกลับจากงานเลี้ยงฉลองยอดขาย 10 ล้านแผ่นของไ อ้ตุ้ยมันนะ
ตุ้ยชื่อนี้ทำให้ใจของหญิงสาวสั่นอย่างบอกไม่ถูก
มิ้น----หรอค่ะ
ตูน----อืม แต่เจ้าตัวมันดันหายไปจากงานซะเฉยๆบอกแต่ว่าวันนี้เป็วันสำคัญ
วันสำคัญ ใช่สิวันนี้เป็นวันแรกที่เขาและเธอเจอกัน เธอจำได้ดีทีเดียว
ตูน-----มิ้นยังจำได้รึป่าวว่าวันนี้มันสำคัญยังไง
มิ้น-----มิ้นจำไม่ได้
ตูน-----อย่ามาโกหกพี่นะมิ้น พี่รู้ว่ามิ้นไม่เฉยลืมทั้งวันนี้และก็ทุกวันที่อยู่กับตุ้ย อย่าหลอกใจตัวเองเลย
มิ้น-----พี่ตูนถ้าพี่จะมาพูดเรื่องนี้อีกมิ้นจะไม่พูดด้วยแล้วนะ มิ้นอยากจะลืมมันไปให้พี่เข้าใจไหม
นิ้วยาวเรียวรั่วแป้นคีบอร์ดอย่างรวดเร็วพร้อมกับหยาดน้ำตาที่เริ่มรินไหล
ตูน-----มิ้นอย่าฝืนใจตัวเองอีกเลย นี่มัน 1ปีแล้วนะ ให้ตุ้ยมันได้เจอมิ้นเถอะ มันเจ็บปวดมามากพอแล้วนะ
มิ้น-----พี่ตูนอย่าบอกเขานะว่ามิ้นอยู่ที่ไหน เขาเป็นคนไล่มิ้นเองนะ เขาบอกเองว่าเกลียดมิ้น เขาเกลียดมิ้นแล้วพี่เข้าใจไหม
มิ้นร้องไห้ออกมาอย่างหนักทุกครั้งที่เธอคิดถึงเรื่องราววันนั้นความเจ็บปวดมันก็แล่นเข้ามาที่หัวใจเธอทุกครั้งไป
ตูน-----มิ้นพี่ขอโทษ มิ้นร้องไห้อยู่ใช่ไหม พี่ขอโทษที่ทำให้มิ้นต้องเสียใจ พี่แค่หวังดีกับมิ้นและก้ตุ้ยเท่านั้น มิ้นยกโทษให้พี่เถอะนะ
มิ้น-----ช่างมันเถอะค่ะ แต่มิ้นขอร้องนะค่ะพี่ตูนอย่าบอกเขาเลยว่ามิ้นอยู่ที่ไหน มิ้นไม่อยากเจ็บอีกแล้ว
เมื่อมิ้นพิมพ์ประโยคนั้นเสร็จเธอก็ปิดโปรแกรมแชทนั้นทันที หญิงสาวทิ้งตัวลงบนที่นอนนุ่มพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
“ทำไมมิ้นถึงลืมพี่ไม่ได้ซะที ทำไมมิ้นต้องรักคนที่เกลียดมิ้นด้วย”
เสียงปนสะอื้นรอดออกมาจากปากบางสวยเบาๆ รถฟอร์ดสีดำขลับแล่นฉิวท่ามกลางความมืด ชายหนุ่มภายรถนั่งนิ่งใบหน้าหล่อของเขาดูไร้อารมณ์เช่นเคย ท่ามกลางกาจราจรที่แสนจะติดขัดและผู้คนที่ขวักไขว้พลุกพล่านไปหมดด้านนอกแต่น่าแปลกที่ในความรู้สึกของตุ้ยแล้วเขากับรู้สึกว่ามันช่างอ้างว้างและโดดเดี่ยวเสียเหลือเกิน แม้ว่าทุกครั้งที่เปรากฎตัวผูคนต่างเข้ามารุมล้อมอยากเข้าใกล้เขา แต่สำหรับตุ้ยแล้วเขาต้องการแค่เพียงยิ้มใสๆและอ้อมกอดอุ่นๆของเธอคนนั้นแค่เพียงคนเดียว
วันนี้เมื่อ 1ปีที่แล้ว เธอเข้ามาเปลี่ยนโลกเหงาๆของเขาให้กลายเป็นโลกใบใม่ที่แสนจะสดใส เขาอีกก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่าผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งจะมีอิทธิพลต่อหัวใจเข้าได้ขนาดนี้ นับตั้งแต่วันที่เธอจากไปไม่วันไหยเลยที่เขาจะไม่คิดถึงเธอ เธอยังคงวนเวียนอยู่ในหัวใจของเขาทั้งยามและตื่น ยิ่งเขาพยายามวิ่งหนีเธอไปไหนเท่าไรก็ดูเหมือนเธอก้จะยิ่งเข้ามาใกล้การหนีหัวใจตัวเองมันช่างยากเย็ยเหลือเกิน
ตุ้ยขับรถมาตามแสนทางที่เขาเคยเจอเธออีกครั้ง สายตาเศร้าๆทอดมองไปข้างนอกอย่างเหม่อลอย แล้วตากลมโตของเขาก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงรูปร่างบอบบาง ผมยาวตรงสยายเต็ม แผ่นหลัง เร็วเท่าความคิดตุ้ยรีบจอดรถแล้วหญิงไปหาเธอทันที
"มิ้น//"ตุ้ยคว้าแขนเรียวของหญิงสาวคนนั้นอย่างดีใจ แต่เมื่อเธอหันมาฝันของเขาก็สลายไปทันที
"เออ ฉันไม่ใช่คนที่คุณรู้จักหรอกค่ะ"หญิงสาวหันมามองเขางงๆ
ใช่ เธอไม่ใช่มิ้น ไม่ใช่จริงๆ
"ขอโทษครับ พอทักคนผิด"ตุ้ยอย่างเศร้าๆจนสาวน้อยคนนั้นสังเกตุได้
"ไม่เป็นไรค่ะ ผู้หยิงคนนั้นคงสำคัญกับคุณมาก หาเธอให้เจอนะค่ะ"เธอยิ้มบางๆก่อนเดินหายไปในกลุ่มคน
"หาให้เจองั้นหรอ ผมอยากเจอเธอแทบบ้า แต่เธออยู่ที่ไหนกันแน่ วันนี้ท้องฟ้าที่มหานครลอนดอน ประเทศอังกฤษเป็นสีขมุกขมัวไม่สดใสเช่นทุกวัน สายฝนโปรยปรายมาอย่างไม่ขาดสายตั้งแต่ช่วงเช้าพลอยทำให้อากาศหนาวเย็นขึ้นไปด้วย หญิงสาวผิวขาวนวลในชุดเสื้อแขนยาวตัวบางสีชมพูหวานพันทับด้วยผ้าพันไหมพรมสีขาวสะอาดตายืนมองหยาดฝนที่ตกลงมาที่บริเวณทอเรสของคฤหาสหรู มือเรียวยื่นออกไปรับน้ำฝนที่เย็นเฉียบเงียบๆเพียงลำพัง ร่างบางผวาเล็กน้อยเมื่อรู้สึกได้ถึงผ้าคลุมอุ่นๆที่คลุมทับไหลบางของเธอไว้
"พี่ต้า"มิ้นหันไปยิ้มอ่อนๆให้ต้า
"พี่ทำให้ตกลงรึป่าว"
"นิดหน่อยค่ะ แล้วพี่ต้ามาได้ยังไงค่ะเนี่ย"
"พี่มากับซาร่านะ เห็นช่วงนี้มิ้นปิดเทอมคงเหงาก็เลยแวะมา"ต้ายิ้มให้อดีตคนรักอย่างอ่อนโยน แม้ว่าเรื่องระหว่างเขาและเธอจะจบไปเนินนานแล้ว และหัวใจเขาก็มีหญิงสาวตัวเล็กอีกคนหนึ่งเขามาครอบครอง แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไรเขาถึงยังรู้สึกเป็นห่วงและผูกพันธ์กับเธอคนนี้ จนเขาเองอดรู้สึกไม่ได้มามิ้นยังแอบอยู่ในส่วนหนึ่งของหัวใจเขาอยุ่ก็เป็นได้
"แล้วซาร่านะค่ะ"
"ช่วยคุณแม่มิ้นทำอาหารอยู่ในครัวนะ"
"หรอค่ะ"มิ้นพูดสั้นๆก่อนจะหันใบหน้าเศร้าออกไปมองสายฝนอีกครั้ง
"มิ้นเป็นอะไรรึป่าว ทำไมวันนี้มานั่งมองฝนตกได้ละ ปกติมิ้นเกลียดฝนจะตายไม่ใช่หรอ"
"ใช่ค่ะ มิ้นเกลียดวันฝนตก มันดูเหมือนฟ้ากำลังร้องไห้ แต่วันนี้มิ้นอยากออกมานั่งมองฝนเพราะหัวใจมิ้นก้กำลังร้องไห้เหมือนกัน"น้ำใสๆเอ่อท้นดวงตาหวานของมิ้น
"มิ้นมีอะไรบอกพี่ได้นะ บางทีความทุกข์ในในมิ้นมันจะลดลงก้ได้นะ"ต้าก้มมือบอบบางของมิ้นเอาไว้
"วันนี้เมื่อปีก่อน มันเป็นวันที่มิ้นมีความสุขมาก หาดทราย ทะเล ฟ้าใส มีดูสวยไปหมด วันนั้นพี่ตุ้ยเขาบอกว่ารักมิ้น เรารักกัน ความรักของเราเริ่มต้นที่นั้น แต่วันนี้ตอนนี้มันไม่เหลืออะไรเลย มันเหลือแค่มิ้นคนเดียว ไม่มีพี่ตุ้ย ไม่มีรัก ไม่มีเราอีกแล้ว"มิ้นร้องไห้ออกมาอย่างหนักจนต้าต้องคว้าร่างบางของมิ้นมากอดเอาไว้แน่น
"ร้องออกมาเถอะมิ้น ร้องไห้กับพี่ พี่รู้ว่ามิ้นเจ็บมาก พี่ต้าจะอยู่เป็นเพื่อนมิ้นเองนะ"ต้าลูบผมสวยของมิ้นเบาๆ
เขาไม่อยากเห็นเธอต้องเจ็บแบบนี้ มันเป็นหน้าที่พี่ชายอย่างเขาที่ต้องดูแลน้องสาวคนนี้ให้ผ่านความเศร้าไปให้ได้
อีกมุมหนึ่งหญิงสาวร่างเล็กยืนนิ่งงั้นอยู่ มือที่เธอถาดอาหารว่างและแก้วน้ำหวานมาจับถาดแนนจนชา ใบหน้าสวยเศร้าลงถนัดใจ ซาร่ามองดูคนรักกอดอยู่กับเพื่อนสาวอย่างปวดร้าว เธอรู้ดีว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักเท่าไรแต่หัวใจของต้านั้นไม่ได้มีเธอครอบครองเพียงคนเดียว หลายครั้งที่ซาร่าเจ็บจนแทบคลั่งเมื่อสายตาของต้าที่มองมิ้นอย่างตัดใจไม่ลง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเธอก็พร้อมจะยอมทนขอแค่พื้นที่ส่วนใหญ่ในใจต้ายังคงเป็นชื่อเธอมันก้เพียงพอแล้ว ซาร่าพลิกตัวหันหลังหนีจากภาพบาดตานั้นแต่เสียงแก้วกับจานที่กระทบกันนั้นก้เรียกความสนใจจากหญิงสาวและชายหนุ่มได้
"//ซาร่า//"มิ้นมองซาร่าอย่างตกใจ เธอผละออกจากอ้อมกอดต้าแล้ววิ่งไปหาเพื่อนรักทันที
"อืม พอดีฉันจะยกขนมมาให้นะ แต่เห็นมิ้นกับพี่ต้าคุยกันอยู่ก้เลยว่าจะยกไปปเก็บก่อน"
"ซาร่า มันไม่ใช่อยากที่เธอเห็นนะ"มิ้นหน้าเสีย
"ฉันไม่เห้นอะไรนิ"ซาร่าฝืนยิ้มให้เพื่อนรัก
"ซาร่ามิ้นเขากำลังเสียใจพี่ก้เลยปลอบใจเขามันก็แค่นั้นเองนะ"
"ซาร่า ฉันขอโทษ เธออย่าโกรธฉันนะ"มิ้นร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ในความรู้สึกของเธอแล้วซาร่าเป็นคนที่สำคัญที่สุดเป็นเพื่อนที่ค่อยให้กำลังเอเสมอมา ถ้าเธอทำให้ซาร่าเจ็บนั้นคือความผิดที่ร้ายแรงที่สุดสำหรับมิ้น
ซาร่ามองเพื่อนรักอย่างตกใจ เธอรีบวางถาดอาหารแล้วคว้าตัวมิ้นมากอดทันที
"มิ้นอย่าร้องไห้สิ ฉันไม่ได้โกรธเธอจริงๆนะ ฉันเข้าใจเรื่องเธอกับพี่ต้าดี มิ้นอย่ามาเสียใจเรื่องฉันอีกเลย แค่นี้มิ้นก็เจ็บปวดพอแล้ว ซาร่ารู้ว่ามิ้นยังลืมเขาไม่ได้ใช่ไหม"ซาร่ากอดเพื่อนสาวที่ดูคล้ายจะเป็นน้องเธอเข้าไปทุกที่อย่างอ่อนโยน
"ร่า มิ้นลืมพี่ตุ้ยไม่ได้ มิ้นรักเขา มิ้นรักเขา ฮืออออ"มิ้นระบายความอัดอันในเพื่อนรักฟัง
"ร่ารู้ ความรักไม่ใช่จะลืมกันได้ง่าย แต่มิ้นต้องเข้มแข็งนะ มิ้นยังมีพ่อ แม่ พี่ต้าแล้วก้ร่านะ หัวใจที่เป้นแผลสักวันมันจะหายเอง มิ้นเชื่อร่านะคนดี"
"ซาร่า มิ้นรักร่านะ ร่าอย่าทิ้งมิ้นไปนะ อย่าเกลียดมิ้นนะ"มิ้นพุดไปสะอื้นไปเหมือนเด้กๆ
"จ้าๆร่าก็รักมิ้น ร่าจะอยู่ข้างๆมิ้นตลกไปนะ"ซาร่าโคลงตัวเพื่อนสาวเบาๆราวกับเธอเป้นเด็กตัวน้อยๆต้าได้แต่มองภาพนั้นอย่างอิ่มใจ
ไม่ว่าเหตุการณ์จะเปลี่ยนไปอย่างไรแต่มิตรภาพระหว่างของเธอจะยังคงไม่เลี่ยนแปลงไป
ขอหมวดมิ้น*ร่าแถมต้า แบบซึ้งๆกันบ้างนะ
ตอน...ตามหาหัวใจ
ลมทะเลยามเย็นพัดประทะกับร่างสูงสง่าของชายหนุ่มรูปงามสายตาหม่นทอดมองพระอาทิตย์ดวงกลมโตที่กำลังตกลงสู่พื้นน้ำ มันอาจจะเป็นภาพที่สวยและมองสำหรับใครหลายคนแต่มันไม่ใช่กับเขาแน่ ตุ้ยทรุดกายนั่งลงกับพื้นทรายละเอียดมือใหญ่คว้ากีตาร์โปร่งขึ้นมาใบหน้าหล่อเผยยิ้มสดใสขึ้นเป็นอีกครั้งเมื่อคิดถึงเพลงๆหนึ่งที่เขามอบให้แด่เธอในคืนนี้เมื่อหนึ่งปีก่อน
http://www.doo-dd.com/music/play.php?id=338
**ขอให้คำคืนนี้มีแต่เรา อยู่เคียงข้างเสียงดาว
และมีความรักและกันและกัน
ให้เทอเป็นดังเจ้าหญิงในใจฉัน
และจะมีเทอเท่านั้นที่มีค่า สูงเกินกว่า
จะหาถ้อยคำใดมาอธิบาย**
"เจ้าหญิงของพี่เธออยู่ที่ไหนกันแน่นะ"
ความมืดเริ่มเข้ามาครอบคลุมตุ้ยเอนกลายนอนลงมองหมู่ดาวนับร้อยนับพันดวงบนท้อง แต่ไม่มีดาวดวงไหนจะสุกสกาวและสวยงามเท่าดาวของเขาและเธอ "มิ้น"และ"ตุ้ย"ดวงดาวที่เธอเคยพร่ำบอกว่าจะอยู่เคียงข้างกันตลอดไปไม่ว่าเขาและเธอจะอยู่ห่างกันไกลแค่ไหน ตอนนี้เขาเข้าใจความหมายที่เธอพูดแล้วจริงๆ วันที่เธอไม่อยู่ วันที่เขาต้องนอนมองดวงดาวของเราตามลำพึง
ตุ้ยเฝ้าถามตัวเองมาหลายครั้งว่าเขามีความสุขแล้วหรือกับชื่อเสียงโด่งดังที่ได้รับมา ทุกครั้งที่เขาเริ่มร้องเพลงเขาก็จะคิดถึงเธอ ไม่ว่าจะเดินทางไปแสดงคอนเสิร์ตที่ไหนสายตาก็ยังคงมองหาแต่เธอ เมื่อยามลืมตาก็จะเผ้าคิดถึงแต่ใบหน้าของเธอเสียงของเธอกลิ่นหอมของเธอ แม้แต่ยามหลับเขาก็ยังเฝ้าฝันถึงแต่เธอ ก่อนหน้าตุ้ยคิดว่าถ้าเขาร่ำรวยและมีชื่อเสียงระยะห่างของเขาและเธอมันจะแคบลง แต่ที่จริงแล้วมันกลับทำให้เขาและเธอห่างกันไกลกันยิ่งขึ้นเสียด้วยซ้ำ ดูเหมือนกับว่าเธอต้องการหายไปจากชีวิตเขาเสียมากกว่า
"อะไรกันแน่ที่เราต้องการ"
ตุ้ยถามตัวเองเบาๆ แล้วเขาก้ได้รับคำตอบของหัวใจตัวเอง "มิ้น " ชื่อเธอยังดังก้องในหัวใจเขา เต้องการพบมิ้นอีกสักครั้ง แล้วเขาจะไปตามหาเธอที่ไหนได้ ตุ้ยครุ่นคิดอย่างหนัก
"มิ้นชอบภูดาวมากเลยนะ มิ้นฝันเอาไว้นะว่าสักวันมิ้นจะมีบ้านปีกไม้หลังเล็กๆ มีระเบียงที่หน้าบ้านมองเห็นดอกไม้สีสวยๆที่ปลูกไว้ตรงหน้าบ้าน พอตอนเช้าๆตื่นมาก็เห็นหมอกขาวๆปลุกคลุมทิวเขา ถ้ามันเป็นจริงได้มิ้นคงมีความสุขมากเลย"
"//ไร่ภูดาว// ใช่มิ้นชอบที่นั้นมากยังไงมิ้นก็ต้องกลับมา"ตุ้ยคว้ากีตาร์ตัวโปรดแล้ววิ่งไปที่รถคันสวยก่อนจะขับรถออกไปทันที
***หน้าซื่ออย่างเนี่ยอย่าโกรธฉันเลย ตัวเศร้าๆอย่างเนี่ยมันเปลี่ยนว่าเสียใจ***
บอยคว้าโทรศัพท์มือถือมาดูเมื่อเห็นว่าขึ้นชื่อเพื่อนรักก็รีบกดรับทันที
"ว่าไงตุ้ย ทะเลที่เสม็ดสวยไหม"
"เออก็สวยดีนะ แต่อย่าเพิ่งพุดเรื่องนั้นเลย ฉันมีธุระจะให้ช่วย"
"เรื่องอะไรวะ"บอยพูดอย่างงงๆ
"ฉันจะไม่อยู่คอนโดสักพัก แกมีกุยแจห้องฉันใช่ไหม แกฉันเอาปลาทองของฉันไปเลี้ยงด้วยนะ ฝากดูแลห้องด้วยนะบอย"
"แกจะไปสักกี่วันละตุ้ย"
"อืม ไม่มีกำหนด"
"เห้ย ทำงั้นได้ไงละแล้วงานการแกไม่ทำแล้วหรอ"บอยพูดด้วยความตกใจ
"ช่วงนี้มันช่วงพักขอฉันโว้ย กระแสอัลบั้มนี้ก้เริ่มซาแล้ว งานอะไรก็ยังไม่ค่อยมี ฝากบอกพี่ขวัญด้วยว่าฉันงดรับงานยาว"
"แล้วแกจะไปไหน"
"ไปตามหาหัวใจมั้ง"ชายหนุ่มดุอารมณ์ดีผิดกับบอยเพื่อนซี้ที่ดูเครียดๆ
"หมายความว่ายังตามหาหัวใจ พูดให้รุ้เรื่องดิ"
"ก้แกเป็นคนบอกฉันเองไม่ใช่หรอบอยว่า ทิฐิมันใช่กับความรักไม่ได้ ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันต้องการอะไรกันแน่"
"แล้วแกต้องการอะไรวะตุ้ย"
"ฉันจะไปตามหามิ้น"ตุ้ยมุ่งมั่น
"แกจะไปหาเขาที่ไหน อังกฤษงั้นหรอ'
"ไม่ใช่ ฉันจะไปภูดาว"
"เห้ย แต่มิ้นเข้าอยู่ที่อังกฤษนะโว้ย"
"ฉันรู้ แต่ฉันคิดว่าต่อในฉันไปที่อังกฤษ ถ้ามิ้นเขาไม่อยกเจอฉันยังไงเขาก็หนีได้ แต่สำหรับที่ภูดาว มิ้นเขาชอบที่นั่นมาก มันมีความทรงจำหลายอย่างเกี่ยวกับเรา 2 คน ยังไงฉันก็เชื่อมามิ้นจะต้องกลับมาที่นั้น ฉันจะไปรอเขา"
"อืม ถ้าแกตัดสินใจแล้ว ฉันก็ขอให้แกโชคดีนะเพื่อน ตามหาหัวใจตัวเองในเจอละ"
"ขอบใจนะบอย ฉันอยู่เป็นมนุษย์ที่ไร้หัวใจต่อไปไม่ได้แล้ว"
ตุ้ยยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี แค่เพียงเขาคิดว่าจะไปตามหาเธอ หัวใจทีเคยแห้งแรงของเขาก้กลับสดชื่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
"มิ้น พี่จะไปรอมิ้นที่นั้นนะพี่เชื่อว่ามิ้นต้องกลับมา"
http://www.ethaimusic.com/lyrics3/793.html
นี่ใช่ไหมอะไร อะไรที่เคยคิด ชีวิตที่มีแต่ฉัน
ต่อจากนี้คงตัวคนเดียวอย่างที่คิด นี่หรือที่ใจต้องการ
นี่ใช่ไหมที่ฉันเคยฝันตลอดอยู่ในใจ
ชีวิตที่ไม่มีเธอรู้สึกเหมือนมันขาดอะไรไป ไม่เข้าใจ
เก็บเรื่องราวที่มันเก่าๆใส่กล่องไว้ มองเห็นแล้วมันปวดร้าว
รูปถ่ายเราไปเที่ยวด้วยกันเมื่อตอนนั้น ตอนนี้ยิ่งดูยิ่งเศร้า
ไม่มีเสียงคุ้นๆของเขาที่เราได้เคยฟัง
ไม่มีใครให้คอยมาไถ่ถาม
เหลือเพียงแต่ความทรงจำ ที่ย้ำให้รู้ว่า
* เธอใช่ไหม ที่หัวใจของฉันผูกพัน
และคือเธอเท่านั้น วันนี้ฉันเพิ่งจะเข้าใจ
ไม่มีเธอมันดูเหงาๆ ยิ้มเศร้าๆ บอกตัวเองไว้
นี่ยังไงโลกที่ไม่มี เธอแล้ว
ขาดเธอไปวันนี้ จึงได้เจอความหมาย
ไม่มีเธอวันนี้ ฉันถึงเข้าใจ
(ซ้ำ *)
เธอใช่ไหม ที่หัวใจของฉันผูกพัน
และคือเธอเท่านั้น วันนี้ฉันเพิ่งจะเข้าใจ ฉันเพิ่งเข้าใจ
ไม่มีเธอมันดูเหงาๆ ยิ้มเศร้าๆ บอกตัวเองไว้
นี่ยังไงโลกที่ไม่มี เธอแล้ว
นี่ยังไงโลกที่ไม่มี เธอแล้ว
ชอบเพลงนี้มาก เศร้าจับจิต
รถฟอร์ดสีดำขลับแล่นอยู่บนถนนที่ขดเขี้ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ลมหนาวเย็นช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนเริ่มพัดมากระทบร่างชายหนุ่มที่นั่งเปิดกระจกรถรับลมอยู่อย่างอารมณ์ดี ตุ้ยจอดลงที่ริมถนนช้าๆ เขาอดคิดถึงคืนวันสิ้นปีก่อนไม่ได้ที่ตรงนี้เองที่เขาและเธออยู่ด้วยกันจนข้ามปี ตุ้ยนึกถึงใสๆสีชมพูระเรื่อ ริมฝีปากบางของเธอที่เขาได้ลิ้มรสความหวาน กลิ่นหอมอ่อนจากกายของเธอยังแจ่มชัดอยู่ในใจของเขา
"มิ้น พี่คิดถึงมิ้นจัง มิ้นจะคิดถึงพี่บ้างไหมเนี่ย พี่จะไปรอมิ้นที่ภูดาวนะครับคนดี"ตุ้ยยิ้มบางๆกับตัวเองก่อนจะขับรถมุ่งหน้าไปยังไร่ภูดาวบนยอดภูข้างหน้านั้นทันที
ณ ไร่ภูดาว
รถคันสวยเคลื่อนตัวเข้าไปจอดภายในไร่ภูดาว ตุ้ยก้าวลงจากรถอย่างประหม่า เขายอมรับว่าที่นี้สวยงามเหลือเกิน ไม้ดอกนานาพันธุ์ชูช่อแข่งกันออกดอกอย่างสวยงาม คฤหาสห์ปีกไม้ภูดาวตรงหน้าก้ใหญ่โตสวยงามจนเกินบรรยายท่นี้สวยงามราวกับสวรรค์บนดินแท้ๆ แต่แล้วสายตาคมของเขาก็สะดุดกับบ้านปีกไม้หลังน้อยริมภูห่างจากเรือนใหญ่ไปไม่เกิน 500 เมตร มันดูสวยงามและอบอุ่นจนเข้าอยากจะเดินไปดูใกล้ๆถ้าไม่ได้ยินเสียงเรียกเอาไว้เสียก่อน
"นี่คุณ คุณนั้นแหละ เป็นใครเข้ามาในไร่ภูดาวได้ยังไง"หญิงชราในชุดพื้นเมืองเรียกตุ้ยไว้
"เออ สวัสดีครับ คือ ผมต้องการมาพบเจ้าของพี่นี่นะครับ"ตุ้ยยกมือไหว้อย่างนอบน้อมจนผู้ส่งวัยกว่าอดเอ็นดุไม่ได้
"แม่เลี้ยงมินตราไม่อยู่หรอกค่ะ แม่นายเข้าไปทำบุญในเมือง"
"งั้นหรือครับ แต่ผมมีธุระสำคัญจะคุยกับแม่เลี้ยงจริงๆ ไม่ทราบว่าผมจะขอรบกวนรอท่านได้ไหมครับ"ตุ้ยเอ่ยอย่างเป็นมิตร
"เอาอย่างนั้นก้ได้ค่ะ แม่นายไปตั้งแต่เช้าอีกประเดี๋ยวก็คงกลับ คุณขึ้นไปรอบนเรือนใหญ่ก่อนเถอะค่ะ"แม่บ้านคนสนิทของแม่เลี้ยงเชิญตุ้ยเข้าไปในเรือนภูดาว
"คือผมอยากจะมีเรื่องรบกวนคุณป้าสักหน่อยได้ไหมครับ"
"คุณอย่ามาเรียกดิฉันว่าคุณเลยค่ะ ดิฉันชื่อเอื้องเป็นแม่บ้านของพี่นี่ คุณมีเรื่องอะไรจะให้ฉันช่วยหรือค่ะ"หญิงชรายิ้มอย่างใจดี
"ครับงั้นผมเรียกว่าป้าเอื้องก้แล้วกันนะครับ คือผมอยากเดินไปดูบ้านที่อยู่ริมภูเขาตรงนั้นจะได้ไหมครับ"
" อ้อ ภูล้อมดาว.. คุณอยากไปดูที่นั้นทำไมค่ะ"
"ภูล้อมดาวงั้นหรอครับ ชื่อเพราะจังเลย จะเรียกว่าผมหลงรักมันตั้งแต่แรกเห็นก็ได้ ได้โปรดเถอะนะครับป้าผมขอเข้าไปดูหน่อยนะครับ"ตุ้ยจับมือหญิงชราอย่างอ้อนๆจนป้าเอื้องอดใจอ่อนไม่ได้
"ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ เชิญค่ะคุณ"
ตุ้ยมองเรือนหลังน้อยที่ชื่อว่า"ภูล้อมดาว"อย่างตกตะลึง เรือนปีกสีน้ำตาลสวยตั้งอยู่ท่ามกลางสามหญ้าสีเขียวอ่อน ดอกไม้เล็กๆขึ้นแซมอยู่ริมบันไดทางขึ้น ตุ้ยเดินขึ้นไปบนเรือนราวกับความฝัน เขาหยุดยืนตรงหน้าระเบียงกลางแจ้งที่คงสามารถนอนมองดูฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวงามได้อยามค่ำคืน และมันก็ยังสามารถมองเห็นหมอกสวยที่ปกคลุมยอดเขาเบื้องหน้าได้ในยามเช้า ตุ้ยรู้ได้ทันทีว่าที่นี้เองที่จะเป็น"บ้าน"ของเขาและเธอ
"สวย สวยเหลือเกิน สวยจนคิดว่าอยู่ในความฝัน"ตุ้ยพูดอย่างเคลิ้มๆ
"ใครๆที่มาที่นี้ก้เป็นอย่างนี้ทุกคนแหละค่ะ"ป้าเอื้องยิ้มอย่างเอ็นดู
"ใครเป็นคนสร้างที่นี้หรอครับป้า"
"พ่อเลี้ยงวิทย์ สามีแม่เลี้ยงมินตรานะค่ะ สมัยก่อนนะยังไม่มีเรือนภูดาวหลังใหญ่โน้นหรอกนะค่ะ พ่อเลี้ยงนะต้องการสร้างที่นี้ไว้ให้กับผู้หญิงคนที่ท่านรักที่สุด เพื่อจะได้อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่านะค่ะ"
"เออ แล้วทำไมแม่เลี้ยงมินตราถึงไม่อยู่ที่นี้ละครับ ดุเหมือนมันจะไม่มีคนอยู่เลยเสียด้วยซ้ำ"ตุ้ยมองฝุ่นหนาบนพื้นบ้านและหญ้ารกๆรอบๆบ้านอย่างสงสัย
"ที่นี้ไม่มีคนอยู่จริงๆละค่ะ เพราะตั้งแต่ที่พ่อเลี้ยงป่วยจนเสียชีวิตไปเมื่อ 15 ปีก่อน แม่นายก็ไม่อยากอยู่ในที่ที่มีเพียงความทรงจำของพ่อเลี้ยงนะค่ะ ท่านก็เลยสร้างเรือนใหญ่ขึ้น ส่วนภูล้อมดาวนี่ก้นานๆจะเปิดสักทีนะค่ะ จะว่าไปก้เปิดเฉพาะเวลาที่คุณหนูน้อยมาเท่านั้นแหละค่ะ"ป้าเอื้องเอ่ยถึง"คุณหนูน้อย"แสนซนของเธออย่างอารมณ์ดี
"คุณหนูอะไรรึครับป้า"
"ก็คุณหนูมิ้.."
ยังไม่ทันได้รับคำตอบเพราะเสียงใสๆกับร่างเล็กๆของเด็กชายตัวน้อยก็เข้ามาแทรกเสียก่อน
"ยายเอื้องคร๊าบบ แม่นายมาแล้วครับ"เด็กชายอายุไม่เกิน 5 ปีวิ่งฉิ่วมาบอกป้าเอื้องอย่างตื้นเต้น
"โอ้ย เจ้าต้นไม้วิ่งอีกแล้วนะลูก เด้วก็หกล้มหกลุกไปหลอกลูก มันหน้าโดนตีจริงๆ"ยายเอื้องบ่นเบาๆ
"ยายเอื้องขี้บ่น ค่อยดูนะถ้าพี่คุณหนูมานะ ต้นไม้จะฟ้องพี่คุณหนู"เจ้าเด็กตัวน้อยก่อนอกแถมมุ้ยปากอย่างน่ารัก
"อะไรๆก็พี่คุณหนูๆ เรานิมันชักเอาใหญ่แล้วนะ แล้วแม่นายอยู่ที่ไหนละ"ผู้เป็นยายส่ายหัวอย่างขันๆ
"อยู่บนเรือนใหญ่ครับ แม่นายให้มาตามที่ตัวโตคนนี้ไปหาด้วย'เด็กน้อยชี้ไปที่ตุ้ยทันที "พี่ตัวโต"อดหัวเราะกับชื่อใหม่ที่ได้รับไม่ได้
"เอาๆ คุณค่ะไปที่เรือนใหญ่กันเถอะค่ะ ปล่อยให้ผู้ใหญ่นานไม่ดี"หญิงชรากับเจ้าเด็กตัวน้อยเดินนำหน้าไปที่เรือนใหญ่แล้ว แต่ตุ้ยกลับอดเหลียวไปมอง "ภูล้อมดาว"อย่างหลงรักไม่ได้ พร้อมกับอดคิดถึงเจ้าของที่นี้อีกคนไม่ได้เช่นกัน
"คุณหนูน้อย พี่คุณหนู เธอเป็นใครกันแน่นะ "
ตุ้ยยิ้มกว้างอย่างที่เขาเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไม 2 ชื่อนี้ถึงทำให้หัวใจเขาเบิกบานได้อย่างไม่น่าเชื่อตุ้ยก้าวเข้ามาให้เรือนภูดาวอย่างตื้นเต้นในความสวยงามและใหญ่โตภายในตัวบ้านที่ถูกตกแต่งด้วยเครื่องเรือนไม้ราคาแพงในสไตน์ยุโรปผสมผสานกับกับความเป้นไทยได้อย่างลงตัว ตุ้ยมองเห้นหญิงสูงวัยนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ด้วยท่าทีสง่างาม ซึ่งเขาก็สามรถรู้ไดในทันทีว่าเธอคือ 'แม่เลี้ยงมินตรา'ประมุขของไร่ภุดาวนั้นเอง แม่เลี้ยงมินตราเงยหน้าขึ้นช้าๆพร้อมกับรอยยิ้ม "รอยยิ้ม"และ"ลักยิ้ม"มุมแก้มด้านซ้ายที่ตุ้ยรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก ใบหน้าเรียวรีกับผิวขาวเนียละเอียดของหญิงชรามันช่างมันเหมือนกับเธอเสียเหลือเกิน แตกต่างกันแค่เพียงหญิงตรงหน้าของตุ้ยนั้นอายุน่าจะไม่ต่ำกว่า 60 ปี ส่วนหญิงสาวอีกคนอายุยังไม่ถึง 20 ปีด้วยซ้ำ
"เธอใช่ไหมที่เอื้องบอกว่ามีธุระจะคุยกับฉัน เข้ามานั่งตรงนี้สิ"
"สวัสดีครับแม่เลี้ยงมินตรา"ตุ้ยยอกมือไหว้อย่างนอบน้อม
"เธอมีธุระจะคุยอะไรกับฉันหรอ"
ตุ้ยกลั่นใจพูดออกไป"คือผมต้องการจะซื้อภูล้อมดาวนะครับ"
ใบหน้าที่เคยมีรอยยิ้มของแม่เลี้ยงเป็นนิ่งเฉยจนน่ากลัว
"ทำไมเธอถึงอยากซื้อภูล้อมดาวละ อย่าบอกนะว่าที่นั้นมันสวย สงบ ใกล้ชิดธรรมชาติเพราะมีคนมากมมายที่ต้องการซื้อภูล้อมดาวต่างก็พุดแบบนั้นกันตั้งนั้น"
"ไม่ใช่ครับ สำหรับผมแล้วมันมีเหตุผลมากกว่านั้น"
"แล้วอะไรละคือเหตุผลของเธอ บอกฉันได้ไหม"
แววตาของตุ้ยฉายแววแห่งความสุขเมื่อคิดถึงเหตุผลของการดันด้นมาในที่ที่ไกลแสนไกลของเขาครั้งนี้ เหตุผลของเขาคือ "เธอ"
"เพราะคนที่ผลรักเคยบอกกับผมเอาไว้ว่า เธออยากจะมีบ้านหลังเล็กๆ มีระเบียงบ้านที่สามารถแห่งดอกไม้บานในตอนเช้า เห็นหมอกขาวสวยปกคลุมทิวเขา ตอนกลางเราก็นอนดูดาวเต็มท้องฟ้าด้วยกัน เมื่อพบเห็นภูล้อมดาวผมก็รู้ได้นั้นทีว่าที่นีและที่จะเป็น"บ้าน"ของเราสองคน"
"แล้วเธอไม่รู้หรอกหรือว่าภุล้อมดาวสำคัญกับฉันแค่ไหน"
"ผมทราบดีครับว่าภูล้อมดาวมีความทรงจำที่สวยงามระหว่างแม่เลี้ยงกับพ่อเลี้ยงมากมาย แต่ผมไม่เห็นด้วยนะครับที่แม่เลี้ยงจะปิดตายภูล้อมดาวไว้ให้เป็นเพียงอนุสรณืแห่งความรักของท่านทั้งสองเพียงเท่านั้น มันจะไม่ดีกว่าหรือครับถ้าแม่เลี้ยงจะให้โอกาสภุล้อมดาวให้เป็นสถานที่แห่งความรักของผมต่อไปบ้าง"ตุ้ยพูดอย่างจริงจังจนแม่เลี้ยงมินตราถึงกับอึ้งไป
"แล้วคนรักของเธออยู่ที่ไหนละ มาด้วยกันรึปล่าว"
"เธอไม่ได้มาหรอกครับ เธอจากไปในที่ไกลแสนไกล แต่ผมมั่นใจนะครับว่าเธอต้องกลับมาที่นี้ ไร่ภุดาวมีความจำที่สวยงามของเรามากมายยังไงเธอก็ต้องกลับมา"ตุ้ยพูดอย่างเศร้าๆ
'ดูเธอจะมั่นใจซะเหลือเกินนะ บอกฉันหน่อยสิว่าอะไรทำให้เธอมั่นใจว่าเขาต้องกลับมา"
"ความรักไงครับ ผมเชื่อว่าความรักจะนำเธอให้กลับมาหาผม"
"ดีงั้นเรามาเล่นอะไรสนุกๆกันไหม"แม่เลี้ยงพูดพร้อมกับแววตาซุกซนที่ทำให้ตุ้ยอดคิดถึงมิ้นขึ้นมาไม่ได้
"อะไรหรอครับ"
"ฉันจะให้เวลาเธอยู่ที่ภูล้อมดาว 6เดือนเพื่อรอคนรักของเธอ ถ้าผุ้หญิงคนนั้นกลับมาฉันก็ยกภูล้อมดาวให้กับเธอ แต่ถ้าคนรักของเธอไม่กลับมาฉันก็ขอให้เธอตัดใจลืมรักครั้งนี้ไปซะ แล้วกลับไปใช้ชีวิตให้ลูกของเธอให้แบบที่มันควรจะเป็น เธอจะลองเล่นเกมส์ของฉันไหมละ"แม่เลี้ยงพูดอย่างปราณี ถึงเธอความรักนั้นมีค่ามากแค่ไหนแต่เธอก็ไม่เห็นด้วยนักถ้าผู้ชายคนหนึ่งจะต้องมาทิ้งชีวิตทั้งชีวิตมาอยู่ในที่ไกลผู้คนแบบนี้
"ผมยินดีรับคำท้าครับ แล้วผมก็มั่นใจด้วยว่าผมต้องชนะ"ตุ้ยพูดอย่างมุ่งมั่น
"555++ฉันชอบให้ความกล้าของเธอซะจริงๆ เออแล้ววาแต่เธอชื่ออะไรละพ่อหนุ่ม"
"ผมชื่อเกียรติกมลครับ หรือท่านจะเรียกผมว่าตุ้ยก็ได้ครับ"
"เอานิภุญแจภูล้อมดาว ฉันว่าเธอคงต้องใช้มันไปอีกนานเลยละ"แม่เลี้ยงยื่นกุญแจให้ตุ้ย
"ขอบพระคุณมากครับแม่เลี้ยง"
"เรียกฉันว่าย่าจะดีกว่านะ เวลาฉันเห็นเธอทีไรฉันอดคิดถึงหลานชายฉันไม่ได้"แม่เลี้ยงยิ้มใจดี
"หลานชายหรอครับ แต่ป้าเอื้องบอกว่าแม่เลี้ เอ้ย คุณย่ามีหลานสาวไม่ใช่หรอครับ"ตุ้ยถามอย่างสงสัย
"อ้อยัยหนู คุณหนูน้อยของแม่เอื้องเขาละสิ ฉันมีหลานชายกับหลานสาวอย่างละคน แต่เขาไปอยู่เมืองนอกกันหมดนานๆจะกลับมาหาฉันซะที คนแก่อย่างฉันมันก้เลยอดเหงาไม่ได้นะ"ดวงดาของแม่เลี้ยงมินตราเศร้าลงถนัดใจ
"ขอโทษนะครับที่ถาม แต่ต่อไปคุณย่าจะไม่เหงาแล้วนะครับเพราะผมจะแวะมาหาคุณทุกวันเลยนะครับ"ตุ้ยรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดเมื่อได้อยู่ใกล้ๆคุณย่าคนใหม่คนนี้
"ขอบใจจ๊ะ แต่ย่าว่าตุ้ยรีบเอาข้าวของไปเก็บที่ภูล้อมดาวก่อนดีกว่านะจะได้รีบมากินข้าวเที่ยงกับย่า"
"ได้ครับ งั้นผมจะรีบกลับมานะครับ ขอบคุณมากนะครับคุณย่า"ตุ้ยรีบวิ่งไปที่ภูล้อมดาวอย่างดีใจ
"ย่าเอาใจช่วยให้คนรักของเธอกลับมานะตุ้ย"
แม่เลี้ยงมินตรารู้สึกนับถือในความกล้าหาญและความรักมั่นจริงใจที่ชายหนุ่มคนนี้มีให้กับคนรักของเขาคงเป็นที่ฟ้าเบื้องบน เป็นคนขีดโชคชะตา
Probably in the sky above is the one who drew our fate.
สร้างฉันและเธอให้มา ให้ได้พบเจอกัน
And made you and I, just so we could meet each other.
ให้ฉันได้มีโอกาส ลิ้มรสในความชื่นบาน
So that I’d have the chance to taste the joy.
ให้เรามีกัน มีวันเวลาที่ดี
and so we’d have each other, and this great day.
และเป็นที่ฟ้าเบื้องบน เป็นคนพรากเราเช่นกัน
And it’s in the sky above that there is the one who separated us.
ให้เวลาเพียงแค่นั้น กลับต้องเสียเธอไป
And gave us just that short time and then took you away.
ฉันรู้ว่าไม่มีหวัง จะเหนี่ยวและรั้งเธอไว้ข้างกาย
I know there is no hope in getting you back and holding you once again.
จะทำยังไงก็คงไม่มีหนทาง
No matter what I do, there is just no way.
หากชีวิตฉันต้องขาดเธอไป จะเป็นยังไ
If my life is without you, how will it be?
ชีวิตคงไร้ความหมาย และเหมือนไร้พลัง
My life would have no meaning and no strength.
ร่างกายที่เคยอดทน ก็คงไม่มีกำลัง ไม่มีความหวังให้ฉันได้ชื่นหัวใจ
This tough body will lose all strength. There is no hope that I will have joy.
แค่เพียงพรุ่งนี้ถ้าตื่นมา มองไปไม่เจอเธอ
Tomorrow, if I were to wake up, look over, and not see you...
แค่นึกก็ทำให้เพ้อ หวั่นและไหวในใจ
Just thinking about it makes me confused and afraid.
ถ้าเราจะต้องจากกัน ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด คงรู้ใช่ไหมว่าฉันจะต้องเสียใจ
if we must separate without any reasons, then you probably know that I will be sad.
เสียใจจนตาย
Sad until the day I die.[/color]
"แปะ แปะ แปะ ลูกสาวพ่อนี่ยังเล่นเปียโนและก้ร้องเพลงเพราะเหมือนเดิมเลยนะ จริงไหมคุณลูกสาวเราเก่งจริงๆเลยนะ"คุณโกวิทย์หันมาคุยกับภรรยาที่กำลังลูบเรือนผมนุ่มสวยของลูกสาวอย่างแสนรัก
"ใช่ค่ะ ลูกมิ้นของแม่เก่งที่สุดเลย แต่ที่หลังหนูอย่ารองเพลงเศร้าอย่างนี้เลยนะลูก เอาเป็นเพลงสนุกๆดีกว่านะ"คุณวาสนาอดสังเกตเห็นดวงตามนและเสียงเศร้าจากเพลงของลูกสาวไม่ได้
ร่างบางมองดูเปียโนสีขาวตรงหน้าด้วยแววตาเศร้า ก่อนที่เธอจะสลัดแววตาโศกแล้วหันไปกอดเอวผู้เป็นพ่ออย่างประจบ
"มิ้นร้องเพลงเล่นเปียโนให้คุรพ่อ คุณแม่ฟังแล้ว คุณพ่อกับคุณแม่ก็ต้องมีรางวัลให้มิ้นสิคะ"
"เอ้ แล้วลูกสาวพ่ออยากได้อะไรละจ๊ะ"
"นี่ไง อิอิ"มิ้นเอียงแก้มใสให้คุณพ่ออย่างน่ารัก
"55+คิดว่าอะไร ได้เลยลูกสาวคนสวยของพ่อ พ่อให้ 2ข้างเลย"คุรโกวิทย์บรรจงจูบแก้มเนียนทั้ง 2ข้างของลูกอย่างรักใคร่
"คุณแม่ละค่ะ คุณแม่ไม่รักมิ้นแล้วหรอ"มิ้นทำหน้างออย่างงอนๆ จนผู้เป็นแม่ต้องคว้าใบหน้าของคนหน้างอมาจูบอย่างหมั่นเขี้ยว
"ขี้งอนจริงๆนะยัยหนูของแม่ บอกใครเขาจะเชื่อว่าอีกไม่กี่วันจะอายุครบ 20แล้วเนี่ย"คุณวาสนาบิดแก้มลูกสาวอยางเอ็นดู
"โถ คุณแม่ก็มิ้นยังยัยหนูน้อยของคุณแม่อยู่เลยนะค่ะ"มิ้นกอดเอวแม่แน่น
"เออ พุดถึงวันเกิดหนู พ่อก็คิดขึ้นมาได้ว่าคุณย่าเขาโทรมาให้เราไปจัดงานวันเกิดหนูกันที่ไร่ภูดาวนะ"
"ไร่ภูดาว"มิ้นนิ่งงั้นไปเมื่อคิดถึงสถานที่นั้นเมื่อกว่า 1ปีก่อน
"ใช่จ๊ะ แม่เองก้ไม่ได้ไปที่นั้นตั้งนานแล้วนะไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนไปแค่ไหน อีกอย่างคุณลุง คุณป้าแล้วก้พี่ก้อก็จะไปด้วยนะ ถือว่าเป็นวันรวมญาติไปเลยไงลูก"
"แต่มิ้น"มิ้นสีหน้าลังเล เธอไม่อยากกลับไปที่นั้นเลย เพราะมันทำให้เธออดคิดถึงคนบางคนที่นั้นไม่ได้
"มิ้น คุณย่าเค้าคิดถึงหนูมากนะ หนูจะทำร้ายจิตใจท่านได้หรอ"คุณดกวิทย์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง
"ก้ได้ค่ะ มิ้นไปก้ได้ แล้วจะออกเดินทางเมื่อไรละค่ะ"มิ้นตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
"อีก 2วันนะลูก จะชวนต้ากับซาร่าไปด้วยก็ได้นะลูก หนูจะได้มีเพื่อน"
"ค่ะ งั้นหนูขอตัวขึ้นไปนอนก่อนนะค่ะ"
"จ๊ะ ฝันดีนะลูก"
มิ้นหอมแก้มพ่อและแม่ก่อนจะเดินจากไปอย่างเศร้าๆจนคุณวาสนาอดห่วงไม่ได้
"คุณค่ะ เราทำแบบนี้จะทำร้ายจิตใจลูกเกินไปหริอป่าวค่ะ"คุณวาสนาหันไปพูดกับสามี
"เราหวังดีกับแกนะ ยังไงแกก็ต้องกลับไปเผชิญกับความเป็นจริง ผมว่าลูกเราโตพอแล้วละ คุรอย่าเป็นห่วงแกเลย"คุณโกวิทย์โอบภรรยาและมองตามลูกสาวที่ขึ้นห้องไปอย่างเป็นห่วงไม่แพ้กัน
เอ้..คุรโกวิทย์กับคุณวาสนาจะทำอะไรกันค่ะเนี่ย อยากรู้ก็รอดูต่อไปค่ะ
อากาศที่หนาวเหน็บกลางเดือนกุมภาพันธ์กับสายลมหนาวจับขั้วหัวใจพัดมากระทบร่างหนาของชายหนุ่มที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาปลูกดอกไม้สีสวยอย่างตั้งใจ แค่เวลาเพียง 3เดือนที่ตุ้ยมาอยู่ที่นี้เขาก็ทำให้ภูล้อมดาวสวยงามขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ระเบียงหน้าบ้านที่เคยปล่อยทิ้งร้างก็ถูกต้องแต่งด้วยตะเกียงเจ้าพายุอันสวย เก้าอี้ไม้ตัวยาวก็มีกระถางดอกไม้อันเล็กๆตั้งอยู่ด้วยน่ารัก รอบๆตัวบ้านที่เคยมีต้นหญ้าขึ้นรกก็ถูกถากถางออกแล้วแทนทีด้วยไม้ดอกเมืองเหนือนานาชนิดดูสวยงามจับตา ทุกๆที่เขาทำไปก็เพื่อรอคอย “เธอ”คนนั้นเพียงคนเดียว
“พี่ตัวโตคร๊าบบบบบ พี่ตัวโตทำอะไรอยู่คร๊าบบ”ตุ้ยต้องสะดุ้งอย่างตกใจเมื่อได้ยินเสียงแจ๋วๆของหนุ่มน้อยที่กลายเป็นน้องชายเขาดังมาก่อนตัว
“พี่กำลังปลูกดอกไม้อยู่ครับ ต้นไม้จะมาช่วยพี่หรอ”ตุ้ยยิ้มให้เจ้าตัวน้อยอย่างอารมณ์ดี
“ปล่าวครับ วันนี้ตันไม้ช่วยพี่ตัวโตไม่ได้เดี๋ยวมือเปื้อนแล้วไม่หล่อ”หนุ่มน้อยหัวเราะคิกคักอารมณ์ดีจนตุ้ยแปลกใจ
“เอ้ วันนี้ต้นไม้แต่งตัวหล่อจริงๆด้วย ไหนบอกพี่หน่อยสิมาแต่งตัวหล่ออย่างนี้ไปทำไม”
“ก็วันนี้ยายเอื้องบอกว่าพี่คุณหนูจะมาครับ ต้นไม้ต้องแต่งตัวหล่อเดี๋ยวพี่คุณหนูไม่รัก อิอิ”
เด็กน้อยในชุดเสื้อแขนยาวสีแดงกับกางเกงยีนส์สุดเท่ห์ยิ้มจนตาหยี่อวดฟันซี่เล็กๆอย่างภูมิใจ
“พี่คุณหนูงั้นหรอ มาได้ซะทีนะคุณหนูน้อย ผมชักอยากเจอหน้าคุณแล้ว”ตุ้ยพำพึมกับตัวเองเบาๆเพราะตลอดเวลาที่เขาอยู่ที่นี้ไม่ว่าใครก็พากันพร่ำบอกเขาว่าคิดถึงคุณหนูน้อย คุณหนูน่ารักบางละ โดยเฉพาะเจ้าต้นไม้หนุ่มน้อยวัย 5 ขวบที่แทบจะหายใจเข้าออกเป็นพี่คุณหนุไปแล้ว
“พี่ตัวโตพูดอะไรนะครับ”ต้นไม้เอียงคอมองตุ้ยอย่างสงสัย
“ป่าวครับ พี่แค่อยากรู้ว่าพี่คุณหนูเนี่ยมีอะไรดีต้นไม้ถึงได้ยอมอาบน้ำแล้วก็แต่งตัวหล่อๆแบบนี้ได้”
“ก้พี่คุณหนูน่ารัก พี่คุณหนูใจดีชอบให้ขนมต้นไม้ แล้วพี่คุณหนุก็สวยที่สุดในโลกเลย”
“งั้นหรอ แล้วถ้าต้นไม้หน้าเปื้อนดิน พี่คุรหนูยังจะรักไหมนะ”ตุ้ยแกล้งมันมือที่เปื้อนดินของตัวเองยื่นไปจะจับแก้มใสๆของต้นไม้
“ม่ายอ้าววว พี่ตัวโตตัวเปื้อนอย่ามาจับต้นไม้นะเด้วสกปรกพี่คุณหนูไม่รัก”
2 หนุ่ม 2วัยต่างวิ่งไล่กันอย่างสนุกสนานจนเจ้าต้นไม้วิ่งไปชนเอาป้าเอื้องอย่างไม่ตั้งใจ
“โอ้ย เจ้าต้นไม้ซนจริงๆมาวิ่งชนยายอย่างนี้เดียวยายก็กระดูกกระเดี้ยวหักไปหรอก”ป้าเอื้องเขกหัวต้นไม้เบาๆแต่ก้ทำเอาเด็กน้อยหน้าเบ้ไปเลย
“อย่าไปโทษต้นไม้เลยครับป้าเอื้องผมผิดเองแหละครับที่ไปแกล้งน้อง”
“เหอ เรานิก็จริงๆโตจนจะเป็นพ่อเจ้าต้นไม้ได้อยู่แล้วยังจะซนเป็นเด็กๆอีกนะเจ้าตุ้ย”ป้าเอื้องส่ายหัวอย่างเอ็นดูเพราะเธอรักและเอ็นดูตุ้ยเสมือนหลานชายแท้ๆไปเสียแล้ว
“ป้าเอื้องมาหาผมมีอะไรรึป่าวครับ”
“เออป้าก็เกือบลืมไปเลย แม่นายให้มาตามตุ้ยไปหาที่เรือนภูดาวนะลูก”
“คุณย่ามีอะไรจะคุยกับผมหรือครับป้าเอื้อง”ตุ้ยถามอย่างสงสัย
“ก็คงจะเป็นเรื่องงานวันเกิดของคุรหนูน้อยนะแหละ ตุ้ยรีบไปหาท่านเถอะอย่าปล่อยให้ท่านรอนานเลย”
“ครับป้า ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย”
“วันเกิดคุณหนูน้อยงั้นหรอ ผมชักอยากรูแล้วสิว่าคุณจะน่ารักแสนซนเหมือนที่ใครๆเขาพูดกันรึป่าว” ตุ้ยเดินมุ่งหน้าไปที่เรือนภูดาวด้วยจิตใจที่เบิกบานอย่างบอกไม่ถูก
ร่างสูงก้าวเข้าไปในเรือนภูดาวอย่างเงียบๆสายตาคมกวาดหาร่างของผู้สูงวัยที่เขานับถือเป้นเหมือนย่าแท้ๆ ตลอดเวลา 3 เดือนที่ผ่านมาเขามักจะแวะมาพูดคุย อ่านหนังสือ ทานข้าวเป็นเพื่อนแม่เลี้ยงมินตราเสมอจน เขาเองได้รับคำสั่งสอนและความคิดดีๆจากเธอมากมายจนตุ้ยรู้สึกทั้งเคารพและรักในตัวคุณย่าคนนี้เป็นที่สุด ตุ้ยอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นคุณย่านั่งเอนหลังนอนหลับอยู่บนเก้าอี้ไม้สักตัวสวยในยังคงถือหนังสือไว้อีกทั้งแว่นตาก็ยังไม่ได้ถูกถอดออก ตุ้ยเดินไปหยิบหนังสืออกจากมือของท่านและพยายามถอดแว่นสายตาออกแต่หญิงชราขยับตัวตื่นแล้วยิ้มให้หลานชายคนใหม่อย่างใจดี
"มาแล้วหรอตุ้ย ว่าจะพักสายตาสักประเดี๋ยวแต่ย่าดันเผลอหลับไปเสียได้ คนแก่ก็ยังงี้แหละนะ"
"ถ้าคุณย่าง่วงก็นอนก่อนก้ได้นะครับ เดียวเย็นผมมาใหม่ก็ได้"
"ไม่ต้องๆ ย่าตื่นแล้วละ วันนี้ย่าสดชื่นกระปี้กระเป้าจริงๆเลย"แม่เลี้ยงมินตรายิ้มอย่างอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
"ทำไมวันนี้คุณย่าอารมณ์ดีจังเลยละครับ"
"ก็วันนี้ลูกชาย 2 คน ลูกสะใภ้แล้วก็หลานๆของย่าจะมานะสิ"
"คุณหนูน้อย"ตุ้ยอดเอ่ยชื่อเธอคนนั้นไม่ได้
"ใช่จ๊ะยัยหนูของย่า แกจะกลับมาฉลองวันเกิดครบ 20 ปีของแกที่นี่ เอ้ แล้วตุ้ยรู้จักยัยหนูด้วยหรอ"
"ป่าวหรอกครับ แต่ตั้งแต่ผมมาอยู่ที่นี่ผมก็ได้ยินแต่ชื่อเธอไม่เว้นวัน โดยเฉพาะป้าเอื้องกับเจ้าต้นไม้"
"คนที่นี้เค้ารักยัยหนูยิ่งกว่าอะไร ยัยหนูกลับมาที่ไรไร่เนี่ยมันก็สวยขึ้นทันตา ตุ้ยดูสิคนงานเอากระถางกุหลาบขาวไปตั้งตามทางเข้าภูดาวต้อนรับคุรหนูน้อยของเขากันใหญ่แล้ว"
"คุณหนูน้อยชอบกุหลาบขาวหรอครับ"ตุ้ยถามอย่างสงสัย
"ใช่จ๊ะ ชอบมากๆเลย"คุณย่ายิ้มอ่อนเมื่อนึกถึงหลานสาวคนสวย
"ทำไมถึงชอบเหมือนมิ้นเลยนะ"ตุ้ยพูดเบาๆ
"ว่าไงนะตุ้ย"
"อ้อป่าวครับ เออ คุณย่าตามผมมาเนี่ยมีธุระอะไรหรอครับ"
"ย่าอยากจะรบกวนตุ้ยเรื่องงานวันเกิดของยัยหนูหน่อยนะ "
"คุณย่าจะให้ผมช่วยอะไรหรอครับ บอกผมมาได้เลยครับ"ตุ้ยกระตือรือร้นทันที
"ย่าได้ข่าวมาว่าตุ้ยเคยเป็นนักร้องดัง แถมว่ายังชอบเล่นกีตาร์ร้องเพลงให้เจ้าต้นไม้ฟังบ่อยๆ ย่าก็เลยอยากให้ตุ้ยช่วยร้องเพลงในงานวันเกิดหลานสาวย่าสักหน่อยได้ไหมจ๊ะ'
"ได้สิครับ ผมยินดีช่วยเต็มทีเลยครับ"ตุ้ยรีบรับคำ
"ตุ้ยช่วยร้องเพลง พรหมลิขิต ให้หน่อยนะจ๊ะ ยัยหนูชอบเพลงนี้มากย่าอยากทำเซอรืไพรืเขานะ"
"พรหมลิขิตหรอครับ"แววตาตุ้ยนิ่งงั้นไปเพลงนี้เองที่เขาร้องให้มิ้นในงานคอนเสิร์ต แต่ทำไมคุณหนูน้อยถึงชอบเพลงนี้ ชอบกุหลาบขาว แถมยังชอบภูล้อมดาวเหมือนกับมิ้นซะอีก ทำไมผุ้หญิง 2 คนนี้ถึงมีอะไรคล้ายๆกันนักนะ
"ใช่จ๊ะ ช่วยหน่อยนะตุ้ย เริ่มมีเวลาเตรียมงานอีกแค่ 2วันเท่านั้น"
"ได้สิครับ ผมจะยินดี"ตุ้ยยิ้มให้คุณย่า
"ขอบใจมากนะจ๊ะ"
"ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวกลับก่อนนะครับ พอดีปลูกดอกไม้ค้างไว้นะครับ"
"จ๊ะๆตามสบายเลย"
ตุ้ยเดินออกจากเรือนภูดาวไปสักพักอย่างเหม่อลอย แต่แล้วเสียงใสของใครคนหนึ่งก็ทำให้ชายหนุ่มรีบหันหลังกับไปมองทันที
"คุณย่าขา หนูกลับมาแล้วค่ะ คิดถึงคุณย่าจังเลย"
ร่างเพรียวบาง ผิวขาวเนียนละเอียดวิ่งโผไปกอดแม่เลี้ยงมินตราทันที ผมยาวสีดำขลับเหมือนเส้นไหมพัดพริ้วไปตามแรงลมจนปิดใบหน้างามของเธอจนหมดสิ้น
"บ้าจริง นั่นมันคุณหนูน้อยนะ ทำไมถึงได้คิดว่าเป็นมิ้นได้ พี่คงคิดถถึงมิ้นจนใกล้บ้าไปแล้วละ"
ตุ้ยส่ายใบหน้าคมเพื่อสะบัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป ชายหนุ่มหมุนตัวกลับไปทางภูล้อมดาวช้าๆ แต่แล้วสายตาเรียวเล็กของมิ้นก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มจากด้านหลัง คิ้วสวยมนลงอย่างสงสัย
"นั่นใครหรอค่ะคุณย่า"หญิงสาวชี้นิ้วเรียวไปทางชายหนุ่มที่เดินจากไปไกลแล้ว
"อ้อ เขาเพิ่งย้ายมาอยู่ไร่ของเรานะลุก เดี๋ยวหนูก้ได้รุ้จักเขาแน่ๆจ๊ะ แต่ตอนนี้เข้าบ้านกันก่อนเถอะเดินทางมาเหนื่อย"แม่เลี้ยงมินตราฉุดมือเล็กของหลานสาวที่ยังจ้องมองตามชายหนุ่มคนนั้นอย่างไม่วางตาเข้าไปในเรือนภูดาว
"เหมือนพี่ตุ้ยจัง แต่พี่ตุ้ยจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง อย่ามาคิดฟุ้งซ่านที่นี้นะมิ้น"มิ้นสั่งหัวใจตัวเองก่อนจะยอมหันหลังกับเข้าบ้านไปกับทุกคนทันที
---ความรักที่จากไปแสนไกลกลับมาอยู่ไกลแค่เพียงเอื้อมมือ แต่เขาและเธอจะตามหารักที่เคยหายไปเจอได้หรือไม่---
มิ้นหยิบผ้าขนหนูเนื้อนุ่มซับลงบนใบหน้าที่ชุ่มด้วยหยดน้ำ เธอเหลือบมองเพื่อนสาวที่ยังคงนอนหลับสบายอยู่บนเตียงนอนอย่างขำๆ มิ้นกระชับเสื้อกันหนาวสีชมพูอ่อนกับลำตัวบางก่อนจะเดินออกไปที่ระเบียงบ้านเพื่อชมวิวทิวทัศน์ยามเช้าของไร่ภูดาวเพียงลำพัง สายลมหนาวปะทะแก้มใสจนเป็นชมพูอ่อนๆผมตรงยาวสวยถูกลมแรงพัดจนยุ่งไปหมดแต่ดูเหมือนเจ้าของเรือนผมสวยจะใยดีมันสักเท่าใดนัก ตาเรียวสีนิจของมิ้นจ้องมองไปที่ภูล้อมดาวอย่างสนใจ
"พี่คุณหนู คิก คิก" ร่างบางของมิ้นเซไปข้างหลังตามแรงโถมกอดของเด็กชาบตัวน้อยที่กอดเอวเธออย่างแรงพร้อมกับเสียงหัวเราะอารมณ์ดี
"เจ้าต้นไม้ ตายแล้วว ทำไมไปกอดคุณหนูแรงอย่างนั้น เด้วก็หกล้มไปทั้งคู่หรอก"ป้าเอื้องที่เดินแกมวิ่งตามมาดุเจ้าหลานชายทันที จนใบหน้าเปื้อนยิ้มของหนูน้อยจ่อยสนิทไปเลย
"ต้นไม้ขอโทษนะครับพี่คุณหนู"เด็กชายก้มหน้านิ่งตากลมโตแดงๆเหมือนจะร้องไห้จนมิ้นต้องทรุดตัวไปโอบกอดเจ้าตัวน้อยเอาไว้
"ต้นไม้ขอโทษพี่ทำไมค่ะ ต้นไม้ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ พี่คุรหนูก็ยังไม่ได้หกล้มซะหน่อย มาให้พี่คุณหนูหอมแก้มหน่อยนะคนดี"มิ้นจูบแรงๆลงบนแก้มใสของเด็กชายอย่างเอ็นดู
"คุณหนูน้อยละตามใจเจ้าต้นไม้มันซะจริงเชียว"ป้าเอื้องทำหน้าบึ้งอย่างไม่จริงจังนัก"ทำไมคุรหนูตื่นเช้าจังเลยละค่ะ เพิ่งมาถึงเมื่อวานน่าจะนอนพักเยอะๆนะค่ะ"
"แหมก็อากาศที่ภูดาวตอนเช้าๆเนี่ยดีสุดเลยนิค่ะป้าเอื้อง มิ้นขอตื่นมาชมวิวแถมสูดอากาศดีๆตอนเช้าแบบนี้ดีกว่านอนเฉยๆตั้งเยอะนะค่ะ"มิ้นยิ้มจนตาหยี่น่ารัก
"คุณหนูน้อยจะลองไปเดินดูรอบๆไหมละค่ะ คนงานเข้าช่วยกันปลูกดอกไม้ต้นไม้รับการมาของคุณหนูกันยกใหญ่เลยละค่ะ"
"หรอค่ะ มิ้นชักอยากไปเดินเที่ยวแล้วละ แต่ไม่รู้จะมีใครเดินเที่ยวเป็นเพื่อนพี่คุรหนูไหมนะ"มิ้นเหล่ไปทางหนุ่มน้อยที่ยืนยิ้มแป้นอยู่ใกล้ๆ
"ต้นไม้เอง ต้นไม้ไปเป็นเพื่อนพี่คุณหนูได้ครับ"เจ้าตัวน้อยชูไม้ชูมือเสนอตัวเต็มที่
"'งั้นก็ไปกันเลยยย"พูดจบเด็กโข่งหน้าหวานก็วิ่งฉิวนำหน้าเด็กชายตัวน้อยไปทันที
"พี่คุณหนูๆๆ รอต้นไม้ด้วย 5555"ต้นไม้รีบวิ่งหน้าตั้งตามที่คุณหนูเจ้าซนไปอย่างสนุกสนาน
"พอกันเลยทั้งผู้ใหญ่ทั้งเด็ก"ป้าเอื้องมองตามร่างทั้ง 2 ที่วิ่งไปทักคนงานในไร่ไปอย่างเอ็นดู
"แฮก แฮก โอ้ยเหนื่อยจังเลยคร๊าบพี่คุณหนู"ต้นไม้นั่งแผ่สองสลึงบนพื้นหญ้าอย่างเหนื่อยสุดๆ
"แฮก แฮก พี่ก็เหนื่อยเหมือนกันแหละต้นไม้ "มิ้นนั่งหอบเบาๆอย่างหมดแรง
"พี่คุณหนูแหละพาต้นไม้วิ่งมาตั้งไกล ต้นไม้เหนื่อยจะแย่"ต้นไม้หน้ามุ้ยใส่พี่คุณหนูซะแล้ว
"อ้าวต้นไม้นิมาโทษพี่คุรหนูได้ยังไงละ ต้นไม้อยากตามที่มาเองนิค่ะ วิ่งมาแค่ภูล้อมดาวเองไกลที่ไหนละ"คนตัวโตกว่าแต่นิสัยไม่ได้แตกต่างจากเจ้าตัวน้อยอายุ 5ขวบนั้นเลยสะบัดหน้างอนๆก่อนที่สายตาเรียวสวยจะสังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลงไปของบรรยากาศรอบๆตัว
มิ้นยันตัวลุกขึ้นช้าๆแล้วกวาดตามองรอบๆภูล้อมดาวที่เคยถูกปล่อยทิ้งร้างไว้กว่า 15 ปี แต่กลับสวยงามแปลกตาดอกไม้วีสวยนานานพันธุ์ถูกปลูกไว้รอบๆตัวบ้าน ไม้ดัดที่ไม่เคยมีคนมาดูแลถูกตัดเล็มเป็นรูปสัตว์ต่างๆดูน่ารัก บันไดหน้าบ้านก็มีกระถางไม้ดอกเล็กๆตั้งอยู่ ขาเรียวก้าวขึ้นไปบนบ้านราวกับตกอยู่ในพะวัง ระเบียงหน้าบ้านที่เคยเต็มไปด้วยฝุ่นหนาก็กลับกลายเป็นพื้นขัดเงาสวย มีตะเกียงเจ้าพายุเล็กๆวางงประดับอยู่รอบๆ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฎชัดอยู่ตรงหน้ามันช่างเหมือนกับบ้านในฝันของเธออย่างน่าตกใจ
"สวยจังเลย ทำไมภูล้อมดาวถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้นะ"มิ้นพูดเบาๆพร้อมรอยยิ้มสวย
"พี่คุณหนูพูดว่าอะไรนะครับ"ต้นไม้กระตุกแขนมิ้นที่ดูเหมือนกำลังฝันอยู่ให้ตื่นขึ้น
"เอ่อ คือ พี่ พี่อยากรู้ว่าภูล้อมดาวมีคนมาอยู่ด้วยหรอจ๊ะ"มิ้นสังเกตุเห็นรองเท้าคู่ใหญ่ที่ถอดไว้ที่บันไดบ้าน
"อ้อใช่แล้วครับ พี่นี้มีคนมาอยู่ตั้งนานแล้วละ"
"ใครหรอ คุณย่าอนุญาติให้ใครมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง ท่านรักและก็หวงที่นี้จะตายไป"มิ้นขมวดคิ้วอย่างสงสัย
"ก้พี่ตัวโตไงครับ พี่ตัวโตมาอยู่ที่นี้ตั้งนานละ"
"พี่ตัวโต ใครกัน แล้วเค้ามาอยู่ที่นี้ทำไมหรอต้นไม้"
"พี่โตตัวเค้ามาอยู่รอแฟนเค้าอะครับ พี่ตัวโตบอกว่าแฟนเค้าชอบที่นี้แล้วแฟนเค้าก็ต้องกลับมาหาเค้าพี่นี้ด้วย "ต้นไม้พูดไปอย่างไม่ค่อยเข้าใจความหมายนัก
"แล้วพี่โตตัวของต้นไม้เป็นคนปลูกดอกไม้สวยๆพวกนี้หรอจ๊ะ"มิ้นมองดุกุหลาบขาวที่ถูกปลูกรอบๆบ้านอย่างสนใจ
"ใช่ครับ พี่ตัวโตบอกว่าแฟนเค้าชอบกุหลาบขาว ชอบนอนดูดาวด้วย แถมต้นไม้ยังเคยได้ยินพีตัวโตทำหน้าเศร้าๆแล้วก็แต่งเพลงเพราะๆให้แฟนเค้าด้วยนะครับ"
"แล้วพี่โตตัวของต้นไม้ไปไหนซะละ"
"พี่โตตัวไปซิ้อของในเมืองสำหรับจัดงานวันเกิดให้พี่คุรหนูคืนนี้นะครับ"
"งั้นหรอ ยังมีผู้ชายที่รักมั่นคงอย่างนี้อยู่ด้วยหรอเนี่ย"มิ้นพูดเบาๆด้วยความเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก
"พี่คุณหนูครับ ต้นไม้หิวข้าวแล้วเรากลับกันเถอะนะครับ"ต้นไม้ลูบท้องตัวเองแล้วทำหน้าตาหน้าสงสาร
"ก้ได้จ๊ะงั้นเรากลับกันเถอะ"
มิ้นอดเหลียวกับมามองภูล้อมดาวด้วยความรู้สึกแปลกๆไม่ได้
"นายเป็นใครกันแน่นะนายตัวโต ทำไมพอฉันได้ยินชื่อนายฉันถึงต้องคิดถึง เขา นะ ฉันอิจฉาคนรักของนายจริงๆทำไพ่ตุ้ยเค้าถึงไม่รักฉันอย่างที่นายรักคนรักของนายบ้างนะ"มิ้นคิดในใจเศร้าๆก่อนเดินออกมาจากภูล้อมดาวโดยไม่ได้สังเกตุเห็นร่างสูงๆที่เพิ่งจะเดินขึ้นบันไดบ้านไปแม้แต่น้อย
สนามหญ้าหน้าคฤหาสน์ภูดาวถูกจัดแต่งให้เป็นงานวันเกิดเล็กๆของคุณหนูน้อยแห่งไร่ภูดาว เวทีขนาดย่อมถูกผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนใช้งานโดยสมาชิกในครอบครัววัฒนกุลที่ต่างขึ้นไปร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน พวกผู้ใหญ่รวมกลุ่มกันพูดคุยและรับประทานอาหารที่ถูกจัดไว้แบบบุพเฟกันอย่างครื้นเครง จะมีก็เพียงแต่หญิงสาวร่างเพรียวบางในชุดกระโปรวไหมพรมถักสีขาวยาวคลุมเข่า ชายกระโปรงถูกตกแต่งด้วยดอกไม้ไหมพรมดอกเล็กๆดูน่ารักผู้เป็นเจ้าของวันเกิดกลับยืนนิ่งเงียบอยู่เพียงลำพัง มือเรียวดึงผ้าคลุมขนนุ่มสีขาวสวยให้กระชับกับไหล่บางเมื่อสายลมหนาวพัดผ่านร่างบางจนผมสวยเหยียดตรงพัดพริ้วไปตามสายลมแต่ดูเหมือนเจ้าของเรือนผมสวยจะไม่ใยดีกับมันเลย ดวงตาเรียวสวยเหม่อมองดุหมู่ดาวบนท้องฟ้าอย่างเศร้าๆ
"มิ้นมายืนทำอะไรอยู่คนเดียวเนี่ย"เสียงใสๆของเพื่อนสาวลูกครึ่งทำเอามิ้นถึงกับสะดุ้งอย่างตกใจ
"ร่าอะมาเงียบๆ มิ้นตกใจหมดเลยนะ"ใบหน้าสวยง้ำลงอย่างขัดใจ
"โอ๋ๆ ร่าขอโทษนะ อย่าทำหน้างอแบบนี้เดียวไม่สวยนะจ๊ะ"ซาร่าสวมกอดเพื่อนสาวอย่างเอาใจ
"ร่า วันนี้เธอแลปกๆนะ ทำไมถึงตามใจมิ้นจังเลยอะ"มิ้นมองซาร่าอย่างสงสัยทำเอาคนตัวเล็กกว่าสะดุ้งอย่างมีพิรุธ
"ป่าวนะ ไม่เห็นมีอะไรแปลกเลย มิ้นรีบเข้าไปในงานเหอะทุกคนเขาตามหาตัวเจ้าของวันเกิดกันใหญ่แล้ว ไปกันเถอะมิ้น"ซาร่าออกแรงฉุดมิ้นที่ยังทำหน้าไม่ค่อยเชื่อนักเข้าไปในงานทันที
เสียงเพลงสุขสันต์วันเกิดดังขึ้นทันทีเมื่อมิ้นเดินเข้าไปภายในงาน ก้อถือเค้กสตอเบอรี่ก้อนโตเข้ามาหาเจ้าของวันเกิด มิ้นมองหน้าคุณย่า พ่อ แม่ และญาติๆทุกคนอย่างตื้นตันใจ
"ขอบคุณทุกคนมากนะค่ะที่จัดงานวันนี้ให้มิ้น วันนี้มิ้นมีความสุขมากเลยค่ะ"มิ้นยิ้มกว้างพร้อมกับหยาดน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง
"อะไรที่เป็นความสุขของหนู พวกเรายินดีทำทุกอย่างจ๊ะ"แม่เลี้ยงมินตราลูบหัวหลานสาวคนเดียวอย่างแสนรัก
"อธิฐานและเป่าเทียนซะสิลูก"คุณวาสนาบอกลูกสาวเบาๆ
มิ้นหลับตาลงช้าๆแล้วอธิฐานในใจเบาๆว่า
**ขอให้มิ้นได้พบกับรักแท้อีกสักครั้งนะค่ะ**
ทันทีที่เทียนถูกป่าจนดับลงดนตรีเพลงๆหนึ่งก็ถูกบรรเลงขึ้น
***เหม่อมองบนฟ้าไกล จ้องมองด้วยความสงสัย
ว่าใครกันนะใคร ที่พาให้เธอเดินหลงทางมาเจอกับฉัน
มีคนเป็นล้านคน ช่างไร้เหตุจริงๆ ที่เราเจอกัน
จากเป็นคนที่ไม่เชื่ออะไร สุดท้ายก็ได้แต่ถามตัวเองซ้ำๆ
*ตกลงคือพรหมลิขิตใช่ไหม ที่เขียนให้เป็นอย่างนั้น
ตกลงให้เรารักกันใช่มั้ย อย่างนั้นขอได้หรือไม่
โปรดอย่าทำให้เราพลัดพราก
ให้เรารักกัน เนิ่นนานถึงจนวันตาย
โอ้วโอว ฉันขอได้ไหม***
"เสียง เสียงนั้นมัน ไม่จริง ต้องไม่ใช้เขา"
มิ้นพูดขึ้นอย่างแผวเบาร่างบางเดินผ่ากลุ่มคนที่รายล้อมไปด้านหน้าของเวทีราวกับฝันไป ดวงตาเรียวที่คลอไปด้วยน้ำตาเบิกโตขึ้นเมื่อเห็น"เขา"
"...พี่ตุ้ย..."
"...มิ้น..."
เสียงเบาๆหลุดรอดออกของตุ้ยอย่างแผ่วเบา
ฟ้า...ทำให้เขาและเธอต้องจากกันไกล แต่พรหมลิขิต...กลับนำทางให้เขามาพบกันอีกครั้ง
"พี่ตุ้ย"
ตุ้ยมองหญิงสาวร่างบางผู้เป็นเจ้าของหัวใจของเขามาเนินนานอย่างตกตะลึง ชายหนุ่มรู้สึกราวกับโลกทั้งโลกหยุดหมุนทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆตัวเหมือนกับจะเลือนหายไปในพริบตา ตอนนี้ทั้งในสายตาและหัวใจของเขามีเพียงแต่เธอคนเดียวเท่านั้น
"มิ้น"
มิ้นมองภาพชายหนุ่มที่เธอรักหมดใจผ่านหยาดน้ำตาที่เอ่อคลอดวงตาคู่สวยทั้ง 2 ข้าง เธออยากจะโผเข้ากอดเขาให้หายคิดถึง แต่บางคำพูดของเขามันยังคงดังก้องอยู่ในหัวใจกลับเหนี่ยวรักเธอเอาไว้
***ผมเกลียดคุณ คุณกลับไปเถอะ กลับไปอยู่บนโลกของคุณ ***
มิ้นกัดริมฝีปากบางแน่นจนรู้สึกเจ็บ ดวงตาเศร้าฉายแววเข้มแข็งออกมาอีกครั้ง หญิงสาวตัดสินใจหมุนตัวกลับแล้วออกวิ่งไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางความตกใจของทุกคน
"...มิ้น...."ตุ้ยเอ่ยชื่อเธออย่างแผ่วเบา เขารู้สึกเหมือนร่างกายมันหมดเรียวแรงไปเสียเฉยๆ
"เห้ย...มัวยืนนิ่งอยู่ทำไม รีบตามไปซะสิเด้วลูกสาวฉันหนีไปอีกจะหาว่าฉันไม่เตือนนะ"คุณโกวิทย์ตะโกนลั่นอย่างขัดใจ ตุ้ยมองหน้าคุณดกวิทยือย่างไม่เชื่อสายตา สติที่เคยหลุดไปชั่วขณะของเขาดุเหมือนมันจะเริ่มพฟื้นคืนมาแล้ว
***จริงสิ เราจะมายืนบื่ออยู่ทำไม มิ้นกลับมาแล้ว กลับมาแล้วจริงๆ พี่ไม่มีทางแล่อยให้หัวใจของพี่หลุดลอยไปอีกครั้งหรอก พี่ไม่ยอม***ตุ้ยบอกกับตัวเอง แล้วหันไปยิ้มกว้างให้คุณโกวิทย์
"ขอบคุณมากครับที่เตือนสติผม ผมจะรีบไปตามมิ้นกลับมาเองครับ"ตุ้ยกระโดดลงจากเวที แล้วออกวิ่งไปตามหัวใจที่หายไปของเขาทันที
ตุ้ยวิ่งไปจนทันร่างน้อยที่อยู่ห่างจากเขาแค่คืบเดียว มือหนาฉุดข้อมือบางของเธอเอาไว้แล้วดึงร่างน้อยนั้นมาแนบกายทันที
"ปล่อยมิ้นนะ มิ้นบอกให้ปล่อย"เสียงใสตวาทใส่ตุ้ยอย่างไม่พอใจ ใบหน้าขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อเปียกชื้นไปด้วยเหงืององ้ำลง
"พี่ไม่ปล่อยจนกว่าเราจะคุยกันให้เข้าใจก่อน"ตุ้ยยึดไหล่บางที่สั่นน้อยๆจากการหอบของมิ้นเอาไว้แน่น
"คุยอะไร มิ้นไม่มีอะไรจะคุยกับพี่แล้ว"มิ้นสะบัดหน้าหนีตุ้ยทันที
"มิ้นอย่าหนีพี่อีกเลย อย่าทิ้งพี่ไป ได้โปรดเถอะนะมิ้น"ตุ้ยมองมิ้นด้วยสายตาเว้าวอน
"มิ้นไม่ได้หนี พี่ตุ้ยลืมไปแล้วหรอค่ะว่าพี่ตุ้ยเป็นคนไล่มิ้นไปเอง พี่ตุ้ยบอกว่าไม่อยากเห็นหน้ามิ้น พี่ตุ้ยเกลียดมิ้น"เสียงใสของมิ้นเริ่มสั่นเรือ ดวงตาเรียวสวยเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา หญิงสาวกัดริมฝีปากตัวเองไว้แน่นราวกับจะพยายามสะกดน้ำใสๆที่กำลังจะไหลออกมาจากดวงตานั้น
ตุ้ยมองร่างบางในมือทั้ง 2 ข้างของเขาวั่นไหวเบาๆอย่างปวดร้าว เพราะคำพุดอย่างไร้สติของเขาในวันนั้นเองที่ทำให้ผู้หญิงคนี่เขารักที่สุดต้องเจ็บปวด คำว่า"เกลียด"เพียงคำเดียวทำให้เธอหลบลี้หนีหน้าเขามากว่า 1 ปีเต็ม เป็นเพราะเขาเพียงคนเดียวที่ทำให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้
ตุ้ยประคองใบหน้าสวยของมิ้นไว้อย่างทะนุถนอมและมองจ้องไปในดวงตาที่คลอด้วยน้ำตาของเธอ
"มิ้นครับ พี่ไม่เคยเกลียดมิ้นเลยนะ"
"ไม่จริง พี่ตุ้ยเป็นคนพูดเองนะว่าเกลียดมิ้น"มิ้นส่ายหน้าไม่เชื่อราวกับเด็กเล็กๆ
"มิ้นฟังพี่นะ สิ่งที่พี่พูดไปวันนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง พี่พูดไปเพราะความโมดหและทิฐิภายในใจของพี่เอง ตอนนั้นพี่ยอมรับว่าพี่โกรธมิ้นมากมิ้นหลอกลวงพี่ มิ้นรู้ไหมว่าพี่เจ็บมากแต่ไม่ใช่ที่มิ้นโกหกพี่นะ แต่เป็นเพราะมิ้นจะจากพี่ไปโดยไม่ให้โอกาสที่ได้ทำใจเลย ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมาไม่มีวันไหนเลยนะมิ้นที่พี่จะไม่คิดถึงมิ้น พี่ยังคงมองเห็นหน้ามิ้น ได้ยินเสียงมิ้นทั้งในยามหลับและตื่น พี่เคยบอกตัวเองหลายครั้งนะว่าให้ลืมมิ้นไป แต่พี่ก็ทำไม่ได้ มิ้นรู้ไหมว่าเป็นเพราะอะไร"ตุ้ยมองดาวหน้าใสๆไร้เดียงสาของมิ้นสะบัดเบาๆอย่างเอ็นดู ก่อนจะพูดคำที่เขาไม่เคยพูดกับใครนอกจากเธออกไป
"ก้เพราะ พี่รักมิ้น รักมาก ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร แต่หัวใจพี่มันก็ยังบอกว่าคนที่พี่รักคือมิ้น"
"พี่ตุ้ย"เสียงปนสะอื้นของมิ้นดังขึ้นพร้อมกับหยาดน้ำตาที่สะกดกลั้นไว้มานาน
"อย่าร้องไห้นะคนดี เราสองคนเจ็บกันมามากพอแล้ว"ตุ้ยเกลี่ยนิ้วยาวลงบนแก้มชื่นของมิ้นเบาๆ
ตุ้ยมองหน้าสวยของหญิงคนรักนิ่งก่อนจะตัดสินใจถามบางสิ่งที่สำคัญกับชีวิตของเขาเหลือเกินกับเธอ
"มิ้น เรากลับมาเริ่มต้นกันใหม่ได้ไหม"
มิ้นมองหน้าตุ้ยนิ่ง เธอยังจะต้องลังเลอะไรอีกในเมื่อตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่มีวินาทีใดเลยที่เธอจะไม่รักและไม่คิดถึงเขา เธอยังจะกลัวอะไรอีก มิ้นตัดสินใจแล้วว่าเธอจะลองทำตามหัวใจตัวเองอีกสักครั้ง
มิ้นยิ้มให้ตุ้ยก่อนเอ่ยปากพูดออกไปว่า
"ตกลงค่ะ เรามาเริ่มต้นกันใหม่"
ตุ้ยยิ้มกว้าง หัวใจของเขาพองโตไปหมด มือใหญ่คว้าร่างบางมากอดเอาไว้แน่นอย่างแสนรัก โอบกอดที่เขาและเธอต่างรอคอยมานานแสนนาน ตุ้ยมองริมฝีปากสีชมพูสวยของมิ้นก่อนจะก้มลงไปจนริมฝีปากของเขาและเธอห่างกันไม่ถึงคืบ แต่แล้วเสียงจากด้านหลังก็ทำเอาเขาและเธอถึงกับชะงัก
"อะแฮม ทำอะไรก้เกรงใสเพื่อนมาดิวะ ไอ ตุ้ย"ตุ้ยและมิ้นหันไปตามเสียงกวนๆนั้นแล้วคนทั้งคู่ก็ต้องตกใจสุดขีด
"พี่ตูน พี่บอย มาได้ไงค่ะ"มิ้นร้องถามอย่างตกใจ
"ไม่ใช่แค่ตูนกับบอยหรอก พวกเราก็มาจ๊ะ"เพชร บลูน่า แอปเปิ้ล และลูกตาลยืนยิ้มให้ตุ้ยและมิ้น
"เป็นไงลูกเซอร์ไพท์ไหมลูก"คุณวาสนาที่ยืนอยู่เคียงข้างคุณโกวิทย์และแม่เลี้ยงมินตราอมยิ้มขำๆกับหน้าตาตื่นของลูกสาว
"อ้อ...มิ้นรู้แล้วที่มิ้นเจอกับพี่ตุ้ยนี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญใช่ไหมค่ะ มันเป็นแผนของพวกเธอใช่ไหมฮะ"มิ้นหันไปมองก้อ ต้าและซาร่าอย่างเอาเรื่อง
"ไม่ใช่ฝีมือพวกเรานะ คนวางแผนนะคนนู้นน"ก้อชี้ไปที่ชายวัยกลางคนที่ยืนนิ่งไม่พูดไม่จา
ตาเรียวเล็กของมิ้นเบิกโพรงอย่างตกใจสุดขีด
"//คุณพ่อ//"
"ใช่พ่อเอง ใครจะอยากเห็นลูกสาวตัวเองเศร้าโศกเสียใจกินไม่ได้นอนไม่หลับจนผอมแห้งแบบนี้ละ"คุรโกวิทย์กอดอกพุดไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"คุณพ่ออ แล้ว เออ คุณพ่อไม่เกลียดพี่ตุ้ยแล้วหรอค่ะ"มิ้นถามอย่างกลัวๆ
"พ่อไม่เคยพูดว่าเกลียดเขาซะหน่อย"คุรโกวิทย์เหล่มองตุ้ยที่ยืนยิ้มแก้มแทบแตกอยู่แล้ว
"ขอบคุณมากครับคุณพ่อ"ตุ้ยพูดทะเล้นพร้อมกับโอบเอวมิ้นแน่นทันที
"เห้ยๆๆๆ อย่ามาเลี้ยงฉันว่าพ่อ ฉันมีลูกสาวคนเดียว แล้วก็เอามืออกไปจากเอวลูกฉันด้วย"คุรโกวิทย์หนวดกระดิกอย่างโมโห
"ไม่ทันแล้วครับคุณพ่อ ลูกสาวคุณพ่อคนเนี่ยผมขอนะคร๊าบบบ"ตุ้ยยิ้มกวนๆก่อนจะฉุดมือวิ่งที่ยืนเอ๋ออยู่วิ่งไปท่ามกลางเสียงกร่นด่าของว่าที่พ่อตา
"พี่ตุ้ยจะพามิ้นไปไหนค่ะ"
"ตามพี่มาเถอะมิ้น ไว้ใจพี่นะครับ"
มิ้นจับมือตุ้ยแน่พร้อมกับรอยยิ้มหวาน แน่นอนเธอต้องไว้ใจเขาแน่นก็ทั้งชีวิตและหัวใจของเธอได้มอบให้เขาไปหมดแล้วนิ
ความคิดเห็น