ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : last drop chapter 2
chapter 2
เสียงบานประตูสบเข้ากับกรอบไม้เรียกให้ชายหนุ่มร่างเล็กที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์หันมาสนใจคนที่เข้ามาในร้าน หญิงสาววัยใกล้สามสิบที่เขาไม่คุ้นหน้าส่งยิ้มให้เขาน้อยๆก่อนจะเดินไล่สายตาไปตามชั้นไม่ที่เรียงรายไว้ด้วยหนังสือทั้งเล่มเล็กใหญทั้งเก่าใหม่คละปนกันไป เธอมีท่าทางสบายๆไม่ต่างจากเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่และกระเป๋าย่ามที่เธอสะพายอยู่ เสียงฝีเท้าเบาๆดังขึ้นตัดความเงียบในบ้างเป็นจังหวะ จนเวลาผ่านไปราวยี่สิบนาทีเห็นจะได้ หนังสือเล่มหนึ่งจึงถูกวางลงบนเคาน์เตอร์
“ เล่มนี้ราคาเท่าไหร่คะ...”
“ ครับ.. ”
“ พอดีว่า เล่มนี้มันไม่มีป้ายราคาน่ะค่ะ ”
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเหลือบมองหนังสือเล่มที่วางบนเคาน์เตอร์แล้วไม่แปลกใจเลยที่มันไม่มีป้ายราคาติดเอาไว้เหมือนเล่มอื่นๆ แต่นั่นกลับทำให้ความรู้สึกอื่นเข้ามาแทนที่... เขาใจหายเมื่อเห็นว่าหนังสือเล่มนั้นคือเล่มที่เข้าเพิ่งตัดใจวางมันลงไปบนชั้นเมื่อวานนี้...
...มันเคยเป็นสมบัติของเขา เขาไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งมันจะต้องกลับมาวางอยู่บนชั้นที่ร้านนี่อีกครั้งทำให้เขาละเลยที่จะติดป้ายบอกราคาค่างวดให้มัน...
“ คุณคะ.. ” หญิงสาวท้วงทักอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเขานิ่งไปพักใหญ่
“ อ่ะ ขอโทษครับ.. เดี๋ยวผมเช็คให้นะครับ ”
“ ค่ะ..”
“ เล่มนี้ หนึ่งหมื่นเจ็ดพันวอนครับ ”
จองซูรับเงินมาแล้วบริการห่อปกใสให้หนังสือมือสองเล่มนั้น หญิงสาวเจ้าของรอยยิ้มจริงใจจ้องมองมาที่มือของจองซูก่อนจะเอ่ยทำลายควางเงียบภายในร้าน
“ คุณดูมือเบาจังเลยนะคะ ดูแลหนังสือดีจัง..”
“ ครับ ” ปาร์คจองซูตอบสั้นๆแต่ต่อไมตรีให้ยาวด้วยรอยยิ้มรับคำชม
“ ดีจังนะคะ ที่หนังสือเล่มนี้ได้มาอยู่ที่นี่...”
หญิงสาวยังคงว่าต่อไป แต่สีหน้าไม่เข้าใจก็ทำให้เธอต้องขยายความต่อไปอีก
“ ฉันตามหามันอยู่น่ะค่ะ...”
“ เรื่องนี้น่ะเหรอครับ ”
“ ไม่ใช่เรื่องนี้หรอกค่ะ แต่เป็นเล่มนี้ต่างหาก... มันเคยเป็นของฉันมาก่อน แต่ฉันเผลอหยิบมันใส่กล่องหนังสือที่จะขายตอนย้ายบ้านน่ะค่ะ”
“ แล้วมันใช่เล่มที่เคยเป็นของคุณแน่ๆใช่ไหมครับ ”
“ ค่ะ.. ตรงปกหลังนี่น่ะ ยังมีรอยขาดที่ฉันเคยทำไว้อยู่เลย ดีใจจัง ที่ฉันเจอมัน ”
... นั่นสินะ ของที่รัก แม้จะเป็นเพียงเรื่องรายละเอียดเล็กๆน้อยๆแต่ก็จำได้ขึ้นใจ...
“ นี่ครับ เรียบร้อยแล้ว... ผมดีใจด้วยนะครับ ”
“ ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ไว้จะแวะมาใหม่นะคะ”
“ ยินดีครับ ”
ปาร์คจองซูยังคงส่งลูกค้าออกจากร้ายด้วยรอยยิ้มเหมือนเช่นเคย แต่มันกลับค่อยๆจางลงตามเสียงปิดประตูที่ค่อยๆเลือนไปเช่นกัน ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองไปยังที่ว่างบนชั้นที่ถูกหนังสือเล่มข้างๆเอียงเอนลงมาคร่อมไว้
...ของที่ไม่ใช่ของของเขา จะยังไง ก็ไม่ใช่ของของเขา ต่อให้ถูกชะตาต้องใจมากแค่ไหน วันหนึ่ง เราก็ต้องจากกันไปอยู่ดี แต่ก็ดีแล้ว... ในที่สุดหนังสือเล่มนั้นโชคดี ที่ได้กลับไปอยู่ในที่ของมัน เจ้าของมันมารับมันกลับไปแล้ว...
...เธอคนนั้นคงมีความสุข ที่ได้กลับออกไปจากที่นี่พร้อมกับความหวังที่เติมเต็ม... หลายคนเดินเข้ามาที่นี่เพื่อมองหาโลกอีกใบ โลกใบใหม่ที่มีบรรทัดตัวหนังสือเป็นเส้นนำทาง... หากถูกใจ หนังสือเหล่านั้นก็พร้อมรอให้เป็นเจ้าของในราคาประหยัด ใครหลายคนกลับออกไปพร้อมกับโลกใบเล็กที่คาดหวังจะได้เจอ แล้วเข้าล่ะ... เขาอยากพาตัวเองเข้าไปฝังตัวอยู่ในโลกแบบไหนกัน... มันนานเหลือเกินแล้วที่เขาหาโลกใบนั้นไม่เจออีกเลย ที่ที่เคยเป็นของเขา อ้อมกอดที่เขาอยากจะกลับไปซุกตัวเพื่อถามหาความอบอุ่น อยู่ที่ไหน...
.
.
“ นี่ยองอุน อาทิตย์นี้นายไม่มีงานใช่ไหม” เสียงอ้อนเอื่อยๆเอ่ยถามในขณะที่กำลังสอดซุกตัวลงใต้ผ้าห่มนวมผืนหนา ร่างเพรียวสมส่วนขยับตัวยุกยิกนิดหน่อยเพื่อให้เครื่องนอนรองรับร่างกายในองศาที่โปรดปราน
“ ใช่ ว่างทั้งวันเลย.. ” คนตัวโตที่เดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำเอ่ยตอบ
“ งั้นขอนะ ”
“ ขอ?.. ” คำขอสั้นๆทำให้เจ้าของตัวล่ำๆอุ่นๆต้องทวนซ้ำเพื่อถามใจความขยาย
“ ขอวันอาทิตย์นี้ของนายได้ไหม? ”
“ นายอยากไปที่ไหนเป็นพิเศษเหรอ ” ว่าพลางแกล้งทุ่มตัวลงมาเบียดเบียนพื้นที่บนฟูกนุ่มๆ ทั้งที่อีกฝั่งก็ยังว่าง คราวนี้ร่างสูงครุ่นคิดไปถึงการออกเดท หรือบางทีอาจจะเป็นอาหารมื้อค่ำนอกบ้านซักมื้อที่คนน่ารักของเขาอยากได้
“ ก็เปล่า.. แค่อยากให้นายอยู่บ้านด้วยกัน ”
“ แค่อยู่บ้านเฉยๆเนี่ยเหรอ? ”
“ อื้อ ได้มั้ย..”
“ ทำไมต้องไม่ได้ด้วยล่ะ.. เวลาของฉันเป็นของนายอยู่แล้วไม่ใช่เหรอไง ยกเว้น..”
“ เวลาหน้าที่ ” ร่างเล็กใต้ผ่าห่มผืนหนาเหยียดยิ้มจนตาปิดเพราะภูมิใจและปลื้มกับคำๆเดิมที่ใครคนนี้มักจะบอกเขาเสมอๆ ...เวลาของคิมยองอุนยกให้ปาร์คจองซูคนเดียว เว้นเสียแต่ว่าเวลาของหน้าที่เท่านั้นที่ต้องแบ่งกับเรื่องส่วนตัวให้เป็นสัดส่วน...
ปาร์คจองซูไม่เพียงแค่รู้ดี แต่เขารู้สึกถึงมันดี เพราะแม้ว่ายองอุนจะตั้งใจให้กับงานมากแค่ไหน แต่คนๆนี้ก็ไม่เคยทำให้เขารู้สึกว่าเป็นรองเลยแม้แต่น้อย คิมยองอุนจึงเป็นคนที่พอดีที่สุดในสายตา คนตัวใหญ่ที่นอนเบียดเบียนจนเขาอุ่นไปทั้งใจอยู่ในตอนนี้รู้จักจังหวะและการถ่ายเทระหว่างหน้าที่ ความฝัน และความอิ่มเอมในชีวิต การอยู่ใกล้ๆคนที่ชื่อคิมยองอุนมันทำให้เขาเพียงพอใจจนไม่อยากวิ่งไขว่คว้าอะไรนอกเหนือไปจากชีวิตพอดีๆแบบนี้อีกแล้ว
...ใครหลายคนและคนหลายคู่อาจเลิกราหรือจำต้องเดินแยกทางกันไปด้วยว่าเส้นทางฝันและความต้องการอันสูงสุดนั้นต่างทิศผิดทางกันไป แต่เขาก็มั่นใจว่า ไม่ใช่เขากับคิมยองอุน...
“ ก็รู้อยู่นี่นา แล้วจะต้องมาขอทำไมอีก ”
“ ก็จองไว้ เพราะอาทิตย์นี้ฉันอยากอยู่บ้านกับนายเป็นพิเศษ ”
“ อะไรของนายเนี่ย...”
“ ไม่รู้ล่ะ ฉันอยากอยู่บ้านเฉยๆกับนาย ”
“ นี่.. จองซูไม่อยากออกไปข้างนอกบ้างเหรอ ให้ยองอุนพาไปเที่ยวก็ได้นะ อยากกินอาหารดีๆยองอุนก็พาไปได้ ว่าไง..อยากเรียกร้องอะไรจากยองอุนบ้าง ยองอุนรอฟังอยู่นะ” มืออุ่นๆเสยผมที่ปรกหน้าผากของจองซูออกเบาๆแล้วโน้มใบหน้าลงมาเสียจนหน้าผากติดกัน คำเรียกขานที่ใช้ชื่อแทนสรรพนามเป็นการบอกให้รู้ว่าผู้ชายตัวใหญ่คนนี้กำลังเอาแต่ใจเขา และรอให้เขาเอาแต่ใจตัวเองอยู่
“ อยู่บ้านก็พอ...” เสียงใสยังคงเอ่ยคำเดิมที่แสดงว่าไม่ได้ต้องการอะไรมาไปกว่าการพักผ่อนสบายๆอยู่บ้านกับคนตัวอุ่นๆของเขา
“ เฮ้อ.. แบบนี้ฉันก็ถูกตราหน้าว่าเป็นแฟนที่ไม่ได้เรื่องน่ะสิ ”
“ ช่างปะไร..”
“ โอเคๆ ยองอุนตามใจจองซูอยู่แล้ว.. แต่ถ้างั้นบอกได้ไหมว่าทำไมเราถึงจะต้องอยู่บ้านด้วยกันวันอาทิตย์นี้”
“ เพราะพยากรณ์อากาศบอกว่าฝนจะตกน่ะสิ...”
“ แล้วฉันก็เลือกหนังสือไว้แล้วด้วย ”
เขาชอบอ่านหนังสือพร้อมกับคิมยองอุน ท่ามกลางเสียงฝนที่คอยกล่อมให้รู้สึกแสนสบาย
.
.
นั่นแหละคือโลกที่เขาใฝ่ฝันถึง... มันไม่มากมายไปกว่าลังหลังอุ่นที่มีคิมยองอุนกับเขาและยองอุนนั่งอ่านหนังสือด้วยกันอยู่บนอาร์มแชร์ตัวนั้น เขาโปรดปรานช่วงบ่ายของวันหยุดที่อากาศชื้นเพราะฟ้าครึ้มฝน ยิ่งหากวันใดที่เมฆฉ่ำจนอุ้มน้ำไว้ไม่ไหวเขาจะยิ่งดีใจเป็นพิเศษ เขาชอบวันแบบนั้นเพราะใครอีกคนจะยกเวลาดีๆเหล่านั้นให้เขา ยอมแชร์ความอุ่นในร่างกายให้ถ่ายเทมาสู่คนที่ต้านทานอากาศเย็นได้ต่ำแบบเขา ยอมให้เขาเบียดร่างลงบนเก้าอี้ที่เล็กเกินกว่าที่คนสองคนจะนั่งลงไป ยอมรอพลิกหน้าหนังสือให้เขาเพื่อที่จะอ่านหน้าต่อไปพร้อมกันแม้ว่าเขาจะอ่านช้ากว่าเป็นไหนๆ และยอมให้เขาหลับไปแบบนั้นทั้งๆที่เรายังอ่านไม่ถึงครึ่งบทดีเพราะอากาศแสนสบาย เสียงฝน และเสียงลมหายใจของใครอีกคน
เขารู้สึกโหยแต่กลับไม่รู้ว่าจะหาช่วงเวลาเหล่านั้นได้จากที่ไหนอีกแล้ว
เขาคิดถึง และยิ่งคิดถึงมากขึ้นเมื่อหยาดฝนฉ่ำเย็นนั้นร่วงลงมากลบหยดน้ำตาพร่ำเพรื่อของเขา
เขาคิดถึงจนกระทั่งเคยคิดเข้าข้างตัวเองว่าคิมยองอุนอาจจะยังอยู่ใกล้ๆ และบางทีที่นั่นอาจจะเป็นบ้านไม้หลังเก่าๆบนเนินเล็กๆที่อยู่ไม่ห่างจากสวนสาธารณะ
เขาคิดถึง เพราะอะไรๆรอบตัวเขาล้วนมีความทรงจำเกี่ยวกับคิมยองอุนรวมอยู่ด้วยทั้งนั้น
แต่สิ่งเหล่านั้นกลับค่อยๆหายไป ...ไม่ต่างอะไรจากคิมยองอุน...
ไม่ว่าจะเป็นกระพรวนสีฟ้า หรือว่าหนังสือเล่มนั้นที่ได้กลับไปหาเจ้าของของมันอีกครั้ง
...หนังสือเล่มสุดท้ายนั่นที่ยังไม่มีโอกาสได้อวดหน้ากระดาษให้สายตาเขาได้ชม เขาไม่เคยคิดจะเปิดมัน มันจึงได้แต่รอเก้ออยู่แบบนั้น ไม่ต่างอะไรจากตัวเขา...
...เขารอจนรู้ซึ้งถึงการเสียสมดุลของจิตใจจนเคว้งคว้าง เขาเพิ่งได้รู้จักความยะเยือกเย็นที่ร้ายกาจของสายฝน ตั้งแต่วันนั้นที่เขาต้องตื่นขึ้นมากล่าวคำอรุณสวัสดิ์กับความว่างเปล่าในห้องเพียงลำพัง...
.
.
เสียงฟ้าร้องดังปลุกคนที่นอนขดตัวอยู่ในผ้าห่มนวมนิ่มให้ตื่นขึ้นตั้งแต่เช้ามืด วันนี้ฝนเม็ดใหญ่สาดมาเคาะประตูหน้าต่างเรียกเขาให้ลุกจากที่นอนกลิ่นอุ่นตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่แตะที่ขอบฟ้า แต่ถึงกระนั้นจองซูกลับไม่ถือโทษเพราะว่าการได้ลุกขึ้นมาสูดกลิ่นดินเปียกๆในอากาศเป็นสิ่งที่เขายินดีแลกกับการนอนสบายจนสายโด่ง ดวงตาที่ในเวลาปกติมักจะกลมโตเสมอปรือนิดๆเมื่อมันเพิ่งเปิดออกจากการหลับไหล ปาร์คจองซูหันมองทางซ้ายมือของตัวเองเหมือนทุกครั้งที่เขาตื่นขึ้นในตอนเช้า มันไม่ใช่สิ่งที่เขาเคยทำมาแต่เล็ก แต่มันกลายเป็นนิสัยที่ติดมาตั้งแต่ที่ตอนที่เขาแชร์ครึ่งนึงของเตียงนี้กับคนตัวอุ่น เขาเคยนั่งคิดเล่นเรื่อยเปื่อยไปว่ามันเป็นคงพฤติกรรมที่ทำให้เขารู้สึกวางใจ เพราะเขามองเห็นคิมยองอุนที่ยังอยู่ตรงนี้ เขาจึงสามารถได้มองเห็น ได้ยินเสียง ได้กอดกันเบาๆ ได้กินข้าวด้วยกัน ได้ใช้เวลาห่างกันบ้างใกล้กันบ้าง ได้เปิดประตูรอรับกลับบ้าน และได้เข้านอนพร้อมกัน
...แต่ในเช้านี้ปาร์คจองซูกลับพบเพียงรอยยับย่นบนที่นอนเปล่าๆ กลิ่นคุ้นที่ปราศจากไออุ่นเพราะอากาศเย็นชื้นคงพามันจากไปนานแล้ว...
คิมยองอุนหายไปจากที่ที่ควรจะอยู่
“ ยองอุน..”
จองซูเรียกหาด้วยเสียงที่ดังกว่าเสียงลมเพียงเล็กน้อยในคราวแรก
“ ยองอุน ”
และเรียกด้วยเสียงที่ดังขึ้น
“ ยองอุน ”
เมื่อไม่มีเสียงตอบรับกลับมาครั้งนี้เสียงเรียกจึงดังทัดเทียมกับเสียงฝน และตามมาด้วยการผวาตัวผุดลุกขึ้นจากที่นอนในทันที
ปาร์คจองซูเดินผ่านม่านผ้าใบที่ใช้กั้นส่วนของห้องนอนกับห้องนั่งเล่นที่เขากับคิมยองอุนตั้งชื่อให้มันว่าห้องจิปาถะ แต่เขาก็ยังไม่เห็นว่าจะมีเงาของคนตัวอุ่นซ่อนอยู่ตรงไหนเลย
ในห้องนอนเขาไม่เจอคิมยองอุน ในห้องน้ำนั่นก็ไม่มีใคร ใต้โต๊ะ บนโซฟา หรือว่าในสวนริมชาน เขาก็ไม่พบคิมยองอุน.. แม้ว่าในเช้าวันนี้จะอากาศสบายดีเพราะฝนตก แต่ว่าจิตใจของเขา มันกลับไม่คิดจะสนใจอะไรๆที่เคยชอบเหล่านั้นอีกแล้ว
...แล้วยองอุนหายไปไหน...
ในนาทีแรกที่ตื่นขึ้นมาไม่เจอคนตัวอุ่น เขาบอกตัวเองว่าบางทียองอุนอาจจะออกไปเดินตลาดเช้าคนเดียว ยองอุนคงเห็นเขานอนหลับสบายเลยไม่อยากปลุก เขาตั้งสมมติฐานในใจแบบนั้นแม้ว่าฝนฟ้าข้างนอกจะคอยล้มล้างมันอยู่ตลอดเวลา ...ก็มันไม่จำเป็นเลยที่จะต้องออกไปเดินตลาดเช้าในวันที่ฝนตกจนเฉอะแฉะแบบนี้...
แต่ตอนนี้เขาอยากจะลองคิดแบบนั้น อย่างน้อยก็เบาใจ
จองซูยังไม่พาตัวเองออกจากชุดนอนตัวเก่ง แต่กลับพาตัวเองมานั่งจุ่มอยู่บนอาร์มแชร์ตัวเดิม สมองของเขาเริ่มหมุนวงล้อกลับไปเพื่อทบทวนว่าเมื่อคืนที่ผ่านมานั้นทุกอย่างเป็นปกติเหมือนที่เคยเป็นหรือไม่
จองซูจำได้ว่าเมื่อเย็นวาน เขากับยองอุนนั่งทานข้าวด้วยกันที่นี่ อาหารเย็นของเราเป็นแกงกระหรี่ที่อุ่นซ้ำจนข้นอร่อย เราคุยกันนิดหน่อย ก่อนที่จะขอหนุนตักหนาๆของยองอุนนอนเล่นเพราะเมื่อยมาทั้งวัน จองซูเลือกเปิดเพลงโปรดให้บรรยากาศรอบกายไม่เงียบเหงาจนเกินไป เขานอนเล่นจนเกือบเคลิ้มหลับไป แต่กลับเป็นอันต้องลุกไปอาบน้ำเพราะยองอุนปลุกเขาได้ทันก่อนที่เขาจะหลับไป เราอาบน้ำพร้อมกัน เช็ดผมให้กันและเป็นเขาก่อนที่กระโดดลงฟูกทันทีที่ผมแห้ง ...สุดท้ายเขายังจำได้ว่า ...เขาหลับไปพร้อมกับอ้อมแขนอุ่นๆที่ห่มรอบกายเขา...
มันน่าจะเป็นค่ำคืนที่แสนดีไม่ใช่หรือ ทำไมเช้าวันนี้เขาถึงนั่งอยู่ที่นี่เพียงลำพัง
จองซูเริ่มมองหาร่องรอยที่ยองอุนอาจจะทิ้งไว้ให้อีกครั้ง บางทีนั่นอาจจะเป็นกระดาษโน้ตที่ทิ้งข้อความไว้ หรืออะไรก็ตามที่บอกเขาว่ายองอุนอาจจะออกไปธุระ เรื่องงาน อีกไม่นานก็กลับมา
แต่เขาก็หาอะไรไม่พบเลย
เขามั่นใจว่าไม่มีอะไรผิดเพี้ยนไปจากเดิมแต่ปาร์คจองซูรู้สึกว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลกจนใจของเขาวูบโหวง
ทุกอย่างอยู่ในที่ของมัน แก้วน้ำ จานชามของเรา เสื้อผ้า ข้าวของของเรา ทุกอย่างเก็บเรียบร้อยในที่ของมัน
...ไม่รู้ว่าเขารู้สึกไปเองหรือไม่ว่าทุกอย่างมันดูเรียบร้อยจนเกินไป ราวกับว่ามันจะไม่ถูกใช้งานอีกแล้ว...
‘ ยองอุน.. ทำงานอยู่เหรอ ถ้าว่างแล้วล่ะก็ โทรหาจองซูหน่อยนะ ’
กว่าค่อนวันแล้วที่เขาติดต่อกับคิมยองอุนไม่ได้ อย่างดีที่สุดเขาก็ได้แค่รอให้ใครคนนั้นได้ฟังข้อความของเขาที่ฝากไว้
‘ ยองอุน.. นายอยู่ที่ไหนน่ะ โทรหาจองซูเดี๋ยวนี้เลย ’
‘ ยองอุน.. วันนี้เราจะนอนอ่านหนังสือด้วยกันไง นายลืมใช่มั้ย ’
‘ ยองอุน.. รีบกลับนะ จองซูจะรอกินข้าวเย็นพร้อมยองอุน ’
‘ ยองอุน.. ยองอุนอยู่ที่ไหนเหรอ บอกจองซูหน่อยสิ ฉันเป็นห่วงนายนะ ’
‘ ยองอุน.. นายโกรธอะไรฉันรึเปล่า อย่างแกล้งกันแบบนี้สิ ’
‘ ยองอุนอา.. นายไปอยู่ที่ไหนกัน....’
‘ ยองอุน...’
สุดท้ายปาร์คจองซูก็เหลือแรงเพียงแค่เรียกชื่อออกไปเท่านั้น จนเวลาล่วงเลยเข้าวันใหม่ แต่ก็ยังไร้วี่แววของคิมยองอุน เพื่อนของยองอุนไม่มีใครบอกว่ายองอุนไปที่บ้าน ที่ทำงานยองอุนก็ไม่ได้ไป อยู่ๆสัญญาณระหว่างเขากับคิมยองอุนก็ตัดขาดกันไปเสียดื้อๆแบบนี้ เขาใจเสียจนทำอะไรไม่เป็น
ฝนที่ตกหนักตลอดทั้งวันทำให้อากาศเย็นชื้นกว่าปกติ เขาเคยชอบ แต่เวลานี้เขากลับรู้สึกว่าฝนยิ่งซ้ำเติมให้ใจเขาสั่น ปาร์คจองซูยังคงนั่งซุกตัวอยู่ที่อาร์มแชร์ เขายกเข่าขึ้นมากอดเอาไว้ให้คลายหนาว แต่มันก็แทบช่วยอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ หนังสือเล่มที่เขาเลือกวางอยู่ในระยะสายตามองเห็นยิ่งทำให้เขาใจเสีย เมื่อสองวันก่อนยองอุนบอกว่าเราจะอ่านหนังสือด้วยกันวันนี้ ตอนนี้เขามีหนังสืออยู่ที่นี่แล้ว แต่กลับเป็นคิมยองอุนที่ขาดหายไป ...ไม่ดีเลย เขารู้สึกไม่ดีเลยจริงๆ...
...ยิ่งตัวของเขาหดกระชับเข้าเพราะต้องกอดตัวเองให้หลบพ้นจากอากาศแสนเย็นนั่นมากเท่าไร ใจของเขาก็ยิ่งหดเล็กลงเรื่อยๆมากเท่านั้น...
เขาก็ได้แต่รอ...
แล้วเวลาก็ผ่าน... จากวินาที นาที ชั่วโมง วัน สัปดาห์ เดือน เคลื่อนสู่ปี จวบจนวันนี้คิมยองอุนก็ยังไม่กลับมา ไม่มีสิ่งใดบอกให้เขารู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหน้าที่ของเขาคืออะไร เขาต้องรู้สึกอย่างไร เขาต้องรอใช่ไหม บางทีคำตอบอาจคือคำว่าไม่เพราะคิมยองอุนไม่เคยร้องขอให้เขารอคอย
...มันไม่ใช่ความรู้สึกสูญเสีย แต่มันคือการสูญหาย ทั้งคิมยองอุน และกะจิตกะใจของปาร์คจองซู...
เขาโง่หรื่อบ้ากันแน่ที่อยู่แบบนั้นมาได้แรมปี แต่เอาเถอะ อย่างไรวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายที่เขาจะทำตัวไร้เวลา เพราะเขาจะไม่รออีกแล้ว... หนังสือเล่มนั้นที่เขาเก็บไว้รอคิมยองอุนมาอ่านด้วยกันเขาก็ขายไปแล้ว มีคนมาพามันกลับบ้านไปแล้ว
...เขาเองก็คงจะต้องเดินต่อไปด้วยตัวเองได้แล้วเหมือนกัน...
......................................................................
เสียงล้อรถยนตร์เคลื่อนผ่านแอ่งน้ำเจิ่งนองทำให้ปาร์คจองซูต้องคอยหันมองเป็นระยะ ละอองฝนที่ร่มคันเดียวไม่สามารถจะกั้นเอาไว้ได้ทำให้เสื้อของเขาเริ่มชื้นเย็น หากว่าโดนน้ำสาดใส่อีกเห็นทีว่าเขาอาจจะป่วยจนไม่สามารถมาทำงานได้ในวันรุ่งขึ้น เขาไม่อยากเปียก แต่ฝนที่ตกตลอดเวลาในช่วงที่พายุเข้าทำให้เขาตัดสินใจออกจากร้านทั้งที่ฝนยังไม่หยุดตก
เมื่อเส้นทางนั้นตัดจากถนนใหญ่เข้าสู่ช่วงที่เป็นย่านที่อยู่อาศัย ความวุ่นวายที่ค่อยๆลดระดับลงทำให้ปาร์คจองซูลดความเร็วในการเดินลงด้วยเช่นกัน ใช่ว่าเขาอยากจะอยู่ท่ามกลางสายฝนนี่เสียเมื่อไหร่ เพียงแต่เขาไม่อยากจะรีบจนต้องเหนื่อยโดยใช่เหตุก็เท่านั้น
...ท้องฟ้าเปื้อนฝนในช่วงค่ำวันนี้แป็นสีแดงช้ำๆ จนทำให้อดคิดโทษไม่ได้ว่าเพราะท้องฟ้าวันนี้ เลยพาให้อารมณ์เขาช้ำตามไปด้วย.....
จองซูเดินผ่านสวนสาธารณะที่เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้เคยเป็นที่หย่อนใจที่เขาแสนจะโปรดปราน แสงดวงไฟสว่างตัดความสลัวของบรรยากาศรอบข้างทำให้เขาอดที่จะหันมองเข้าไปภายในไม่ได้ ทีแรกเขาตั้งใจไว้เพียงแค่มองผ่าน แต่เมื่อมองเห็น ณ ที่จุดสิ้นสุดของปลายสายตาที่เขามองไปนั้น กลับทำให้ปลายเท้าของเขาไม่สามารถขยับก้าวต่อไปได้อีก...
...ที่ม้านั่งหินใกล้กับดวงไฟสว่างนั้น ใครบางคนยืนอยู่ตรงนั้นเพื่อหลบฝนอยู่ใต้ร่มไม้ ถ้าสายตาเขาไม่ฟ่าฟางจนเกินไป ใครคนนั้นกำลังมองมาที่เขาเช่นกัน รูปร่างนั้นคุ้นตา คุ้นเสียจนเขาคิดว่าเขาตาฝาด เขากำลังฝัน หรือเขาอาจจะฟั่นเฟือน...
ปาร์คจองซูหลับตาลงพักใหญ่เพื่อล้างสิ่งที่เขาสมมติฐานว่าไม่ใช่ความจริง และเมื่อลืมตาขึ้น รอยยิ้มเหงาก็วาดขึ้นบนใบหน้าของปาร์คจองซู... นั่นสินะ จะมีอยู่ได้ยังไง ดูให้เต็มตาอีกครั้งสิจองซู ไม่มีอะไร ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นทั้งสิ้นเห็นไหม...
... เขาคิดไปเอง เพ้อไปเอง เข้าข้างตัวเองมากไปก็เท่านั้น ไปต่อได้แล้วปาร์คจองซู...
เขาบอกตัวเองแบบนั้น
กึก!
แต่เพียงแค่ก้าวออกไปเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น ร่างเขาก็ปะทะเข้ากับใครบางคนเข้าในทันที
ร่มสีขาวร่วงลงบนพื้นที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นท้าทายสายฝนเพื่อมองให้ชัดแก่สายตาว่าคนตรงหน้าเขาคือใคร
...ใบหน้าที่เคยคุ้นนั้นก็ปรากฏชัดแก่สายตา...
“ ยองอุน...”
to b con.
......................................................................
ตอนที่สองนี่อาจจะสั้นซักนิด แต่ก็ฝากด้วยนะคะ ^ ^
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์นะคะ ขอบคุณมากๆ >..<
to b con.
......................................................................
ตอนที่สองนี่อาจจะสั้นซักนิด แต่ก็ฝากด้วยนะคะ ^ ^
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์นะคะ ขอบคุณมากๆ >..<
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น