ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MidnightSun MiddayMoon [TiwaxGiyul]

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 5 : บทสนทนากลางแสงจันทร์

    • อัปเดตล่าสุด 22 มิ.ย. 58


    05

                        “เจ้าเป็นใคร  เข้ามาในห้องข้าได้อย่างไร” เสียงเข้มแต่พูดอย่างแผ่วเบาราวกับว่าต้องการให้เพียงคนที่อยู่ใต้ร่างของเขาได้ยินเท่านั้น  กียุลยังคงจ้องตาคนที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างไม่ละสายตา

                   .....ผู้หญิง  ดูท่าอายุยังน้อย

                        ผู้ที่ถูกกดอยู่อยู่กับที่นอนได้แต่เบิกตากว้าง เหงื่อเม็ดใสเริ่มผุดที่หน้าผาก  เสียงร้องทั้งหมดหายเข้าไปในลำคออย่างประหลาด ปากเรียวได้แต่สั่นพะงาบๆอยู่อย่างนั้น

                   “จะให้ข้าเรียกทหารมาใช่ไหม ตอบข้ามาเดี๋ยวนี้!

                   “มะ มะ ไม่เจ้าค่ะ  วะ ไว้ชีวิตข้าด้วยเถอะเจ้าค่ะ”

                   “แล้วจะให้ข้าทำอย่างไรกับเจ้า  บุกรุกเข้ามาในที่ของข้าได้อย่างไร”

                   “ขะ ข้า ไม่ได้มีเจตนาร้ายอันใดกับท่าน  ปะ ปล่อยข้าเถอะ  ข้าจะเล่าทุกอย่างให้ท่านฟัง ได้โปรด...”

                   บทสนทนาที่กระซิบอย่างแผ่วเบาระหว่างคนทั้งสองนั้นไม่ได้เล็ดลอดออกไปให้คนภายนอกได้รับรู้เลยแม้แต่น้อย  ถึงจะมีขันทีข้ารับใช้มากมายอยู่อยู่ด้านนอกแต่ส่วนใหญ่ก็ล้วนหลับใหลกันเสียหมด  องค์รัชทายาทจ้องมองหาความจริงจากนัยน์ตาคู่สวยที่อยู่ใต้ร่างเขา  แววตาที่ดูหวาดกลัวแต่ใสบริสุทธิ์ทำให้เขาใจอ่อน  เด็กผู้หญิงตัวสั่นเทาเช่นนี้จะเป็นมือลอบสังหารได้อย่างไรกัน

                   มือหนาค่อยๆคลายแรงจับ เมื่อได้โอกาสร่างเล็กรีบปัดมือนั้นออกแล้วพลิกตัวลุกขึ้นหนีไปหลบที่อีกมุมนึงของห้องที่แสงจันทร์สาดส่องไม่ถึง

                   “เจ้าจะบอกข้าได้หรือยังว่าเจ้าเป็นใคร” ถึงแม้ดวงจันทร์จะสาดส่องแสงลงมาได้เพียงน้อยนิด  แต่ขาก็รู้ว่าบุคคลคู่สนทนาอีกคนนั้นอยู่ส่วนไหนของห้อง ร่างสูงลุกขึ้นเดินไปหาอีกคนก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามอย่างแผ่วเบา  แต่แม้ความมืดจำทำให้เห็นได้ไม่ใช่  แต่อีกคนก็รู้ถึงความสง่างามในท่าทีเหล่านั้น

                   “ขะ ข้า...ออกมาจากหนังสือเล่มนั้นเจ้าค่ะ” นิ้วเรียวชี้ไปทางแท่นหนังสือที่อยู่อีกฝั่งนึงของห้อง ผู้ที่ได้รับคำตอบถึงกับผงะ กียุลถึงถอยตัวออกห่างทันที

                   “งะ งั้นเจ้าก็คือวิญญาณรึ”

                   “ไม่นะเจ้าค่ะ  ข้าเป็นคน ท่านยังจับตัวข้าได้อยู่เลยนะเจ้าค่ะ”  ร่างเล็กเอนตัวออกมาจากมุมห้องก่อนจะคลานเข้าไปใกล้ที่คนที่ถอยหนีพร้อมยื่นมือเล็กเข้าไปใกล้เพื่อให้พิสูจน์

                   “คนที่ไหนเค้าจะออกมาจากหนังสือ...” เสียงพูดขาดหายไปทันทีเมื่อเขากลับไปคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ก่อน  เขาจับตัวคนที่อยู่ตรงหน้าได้  ยิ่งแววตาที่สะท้อนแสงจันทร์นั้นบอกได้อย่างดีว่าบุคคลตรงหน้าไม่ใช่ผีสางวิญญาณแน่ๆ คิ้วเข้มเริ่มจะขมวดเป็นปม  ในใจยังร้องทักถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ต่างๆนานาแม้จะมีหลักฐานมากขนาดนี้ก็ตาม

                   “ถ้าท่านไม่เชื่อ ก็รอดูตอนที่ข้ากลับซิเจ้าค่ะ”

                   วันนี้เป็นอีกวันที่จันทร์ยังเต็มดวง  แสงจันทร์เคลื่อนคล้อยจนได้สาดส่องเข้ามาในห้องได้อย่างเต็มที่เหมือนจงใจให้คนทั้งสองได้เห็นหน้ากันอย่างแจ่มชัด  แสงจันทร์สว่างมากพอที่จะทำให้กียุลลืมความคิดที่จะจุดเชิงเทียนเพื่อมองคนตรงหน้า คิ้วเข้มยังคงขมวดเป็นปมจนอีกคนต้องเอียงหน้ามองด้วยความสงสัย  ดวงตากลมโตกระพริบถี่เหมือนจะถามคนตรงหน้าว่ามองอะไร ร่างสูงยังคงจ้องมองอย่างพินิจ ตั้งแต่ผม หน้าผาก ตา จมูก ปาก เขามองไล่ลงมาจนถึงคอขาว  การแต่งกายที่ดูแปลกทีเพียงผ้านุ่งแค่อกโชว์ให้เห็นไหล่ขาว เครื่องประดับสร้อยคอนั่นก็ดูแปลกตา รวมทั้งกระโปรงนุ่งที่ไม่ได้บานมีเข็มขัดรัดที่เอว  ทุกสิ่งทุกอย่างบอกกียุลได้เป็นอย่างดีว่าบุคคลที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้อยู่ในเมืองเดียวกับเขาเป็นแน่

                   “แล้วเจ้าชื่ออะไร”

                   “ทิวาเจ้าค่ะ” เด็กสาวตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม  รอยยิ้มนั่นกดความสงสัยทั้งหมดที่กียุลมีจมหายไปในคอ คำตอบของคนตรงหน้าทำให้กียุลต้องขวมดคิ้วหนักกว่าเดิมอีก (นี่แกขมวดจนผูกเป็นโบได้แล้วนะกียุล//ไรเตอร์)

                   “ชื่อก็แปลก  แต่งกายก็แปลก...”

                   “ท่านก็แปลกในสายตาข้าเช่นกันเจ้าค่ะ”

                   เสียงบ่นพึมพำนั้นหายไป เหลือไว้เพียงความเงียบและสายตาทั้งสองคู่ที่ยังจ้องมองกันอยู่  แม้ในใจของกียุลจะมีความถามมากมายอยากจะถามคนตรงหน้าแต่ดูเหมือนจะมีเยอะเกินไปจนไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนจนเขาได้แต่ปิดปากนั้นเงียบไว้  ส่วนอีกคนก็ได้แต่สงบสติอารมณ์ไว้ไม่ให้เสียงหัวใจเต้นดังจนไปถึงหูคนตรงข้าม  ถึงอยากจะกรีดร้องดีใจซักเพียงไหนก็ทำไมได้เพราะเธอดีใจเหลือเกินที่ได้พุดคุยกับเขาอย่างไม่เคยนึกฝันมาก่อน

                   “เอ๊ะ! ทิวาต้องกลับแล้วเจ้าค่ะ”

                   “กลับ? เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าถึงเวลากลับ ข้ายังมีเรื่องที่ต้องถามเจ้าอีกมากมายเชียวนะ” แม้มืออยากจะคว้าอีกคนไว้แต่ก็ได้แต่หักห้ามใจ เพิ่งเจอกันเพียงครั้งแรกแต่ใจเขากลับเป็นเช่นนี้ไปเสียแล้ว

                   “หนังสือมันเรืองแสง ท่านไม่เห็นหรือเจ้าค่ะ”

                   “ไม่ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”

                   “มีแต่ข้าที่มองเห็นหรือเนี่ย  กราบขอประทานโทษด้วยนะเจ้าค่ะที่มารบกวนเวลาของท่าน”

                   “เจ้าจะมาอีกใช่ไหม?”

                   “ทิวาตอบไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ” เหลือเพียงรอยยิ้มก่อนที่เด็กสาวจะหายไปในหนังสือ กียุลรีบวิ่งเข้าไปใกล้หนังสือเล่มนั้น สุดท้ายมันก็กลายเป็นหนังสือปกติเช่นเดิม

                   ตุ้บ!!!!!!

                        “อะ อะ องค์รัชทายาท นั่นมันอะไรกัน ผ ผ ผะ ผีหรือพ่ะย่ะค่ะ”

                   “เจ้าเห็นด้วยหรือขันทีชาง?”

                   “หะ หะ เห็นพ่ะย่ะค่ะ!!!!!!!!!!

    ...........................

     

    “เจ้าช่วยเก็บมันเป็นความลับก่อนแล้วกัน  ข้าไม่อยากให้ทหารแห่กันมาที่ตำหนักของข้าไปมากกว่านี้”

    “แน่ใจนะพ่ะย่ะค่ะ ว่าไม่ใช่ผีสางนางไม้  ให้กระหม่อมเชิญแม่หมอมาแบบลับๆดีไหมพ่ะย่ะค่ะ”

    “ข้าบอกให้เก็บไว้เป็นความลับ  ไม่ได้สั่งให้เจ้าไปเชิญหมอผี เดี๋ยวนี้กล้าขัดคำสั่งองค์รัชทายาทรึ?”

    “มะ ไม่พ่ะย่ะค่ะ  กระหม่อมจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

                   กียุลล้มตัวลงนอนอีกครั้งหลังจากอธิบายทุกสิ่งอย่างให้ขันทีชางฟัง  แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อาจข่มตาหลับต่อได้เลย  จนสุดท้ายแสงอาทิตย์ก็มาเยือนห้องนอนของเขาอีกครั้ง  ในใจของกียุลไม่อาจหยุดคิดเรื่องของเด็กสาวที่พบเจอเมื่อคืน อายุเท่าไหร่  บ้านอยู่ที่ไหน  พ่อแม่เป็นใคร  เขาจะมีโอกาสได้พบเธออีกไหม  คำถามมากมายพรั่งพรูออกมาในหัวของเขาจนอยากจะเขียนเรียบเรียงลงกระดาษให้เสีย

                   “องค์รัชทายาท  พระพันปีมาเชิญให้เสด็จไปที่ตำหนักด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

                   “พระพันปี? ได้ ข้าจะไป”

                   ไม่บ่อยนักที่พระพันปีจะเรียกองค์รัชทายาทอย่างเขาไปพบ เพราะทุกวันก็มีเหล่าเสนาบดีเดินเข้าตำหนักนั้นก็ให้ควั่ก  จึงไม่มีเหตุอันใดที่เขาจะต้องไปเยือนตำหนักนั้นให้บ่อยครั้ง  แต่คนที่คุมวังนี้อย่างเบื้องหลังเช่นพระพันปีมีหรือจะไม่สนในกษัตริย์องค์ต่อไปอย่างกียุล  ยิ่งเรื่องการควบคุมผู้หญิงที่อยู่ในวังนี้เป็นหน้าที่หลักของนางแล้ว มีหรือจะไม่คิดใช้อำนาจจากพระชายาขององค์รัชทายาท  และตอนนี้องค์รัชทายาทเองก็ถึงวัยที่ต้องมีคู่ครองแล้วเสียด้วย

                   “มาแล้วหรือเพค่ะองค์รัชทายาท  หม่อมฉันชงชาดอกบัวรออยู่เลยเพค่ะ”

                   “เสด็จย่ามีธุระอันใดถึงได้เชิญข้ามาถึงตำหนักด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

                   “เสด็จย่าอย่างหม่อมฉันฉันจะขอร่มโต๊ะดื่มชากับหลานของตนจำเป็นต้องมาเหตุธุระด้วยหรือเพค่ะ  ฮ่าๆๆๆๆ”

    เสียงหัวเราะของพระพันปีไม่ได้ทำให้คนตรงหน้ามีอารมณ์ร่วมเลยแม้แต่น้อย  กียุลยังคงก้มหน้ามองถ้วยชาอย่างเดิม

                   “ปีนี้พระองค์อายุกี่ชันษาแล้วเพค่ะ?”

                   “15 พ่ะย่ะค่ะ”

                   “อายุเท่านี้สมควรถึงเวลามีคู่ครองแล้วนะเพค่ะ”

                   “เสด็จย่าทรงหมายถึงการอภิเษกสมรสของข้างั้นรึ”

                   คำพูดของกียุลหยุดถ้วยชาของพระพันปีที่ใกล้จะถึงริมฝีปาก  ดวงตาของหญิงชราเหลือบขึ้นมองคนตรงหน้า  นางทราบดีว่าหลานของตนฉลาดและหัวดื้อถึงเพียงไหน  หากนางจะมัดมือชกเอาเด็กสาวในตระกูลของตนมาเป็นพระชายาขององค์รัชทายาทเพื่อต่ออายุการคุมอำนาจในวังหลวงแห่งนี้ เห็นทีว่าเขาคงไม่อยู่นิ่งเป็นแน่

                   “พระชายาขององค์รัชทายาทก็คือแม่ของแผ่นดินในภายภาคหน้ามือพระองค์ขึ้นครองราชย์  ถือเป็นเรื่องสำคัญนะเพค่ะ”

                   “ข้ายังไม่พร้อมจะแต่งงานตอนนี้”

                   “หากไม่ตัดสินพระทัยตอนนี้แล้วพระองค์จะทรงรอถึงเมื่อใดกันเพค่ะ”

                   “หากเรื่องที่เสด็จย่าจะพูดมีเท่านี้  เห็นทีข้าต้องขอตัวก่อน  โปรดรักษาสุขภาพด้วย”

                   ไม่ทันจะรอเสียงตอบจากอีกคน  กียุลก็ลุกขึ้นแล้วหมุนตัวเดินออกจากตำหนักแห่งนี้ทันที  เขารู้ดีว่าการอภิเษกสมรสขององค์รัชทายาทเป็นเพียงเครื่องมือทางการเมืองอย่างหนึ่ง  ตัวเค้าเองก็เช่นกัน ถ้าหากยังไม่ได้อำนาจพระราชามาอยู่ในมือ เขาก็เป็นเพียงหมากตัวนึงในวังหลวงแห่งนี้เท่านั้น

                   ......เจ้าจะมีเรื่องให้กลุ้มใจเช่นข้าบ้างไหม  ทิวา

     

    ไรเตอร์กลับมาแล้วววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว

    ฮืออออออ ขอโทษที่หายไปนานเลยค่ะ พอดีมีปัญหาเรื่องสุขภาพ เข้าโรงพยาบาลทุกอาทิตย์

    เรื่องที่ปวดหลังนั่นแหละค่ะTT

    กราบขอประทานโทษทุกคนจริงๆค่ะ

    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×