ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MidnightSun MiddayMoon [TiwaxGiyul]

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 : มิใช่ฝัน

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ค. 58


    03

                    ทิวาเก็บมือมาวางไว้บนตักอย่างเรียบร้อย เหลือเพียงสายตาเท่านั้นที่จะล่วงละเมิดบุคคลตรงหน้าได้  ขอบคุณดวงจันทร์ที่ส่องแสงลอดเข้ามาให้เด็กสาวคนนี้ได้เฝ้ามองใบหน้าของอีกคน  ถ้ามันเป็นเพียงความฝันก็ถือว่าเป็นฝันที่ดีมากสำหรับเธอ  แต่ถ้ามันไม่ใช่ฝันล่ะ...?

                    ความคิดนั้นทำให้เด็กสาวเริ่มส่องสายตามองหาของที่หล่อนพอจะใช้ยืนยันถึงการมาที่นี่  แต่ไม่ทันที่จะได้หาหนังสือเจ้ากรรมกลับเรียกทิวาให้กลับสู่ที่ที่เธอจากมา  แสงสว่างส่องออกมาจากหนังสือเล่มเดิม เด็กสาวเริ่มลนลาน  ใจก็ยังไม่อยากกลับ แต่ถ้ายังดื้อดึงที่จะอยู่ต่อก็ไม่รู้จะได้กลับบ้านของตนอีกหรือไม่  สายตาเหลือบมองคนที่นอนอยู่อย่างอาลัย

                    ....หวังว่าข้าจะได้พบท่านอีกนะเจ้าค่ะ

                    แสงสว่างเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น ทิวาเดินตรงไปที่แท่นอ่านหนังสือ  ข้างหนังสือเล่มนั้นมีพวงหยกแกะสลักวางอยู่พอดิบพอดี  ไม่ทันทีจะลังเล เด็กสาวคว้าพวงหยกนั้นก่อนจะพุ่งตัวหายเข้าไปในหนังสือ  ก่อนจะกลับมาโผล่ที่ห้องของตนดังเดิม เมื่อรู้ตัวว่าได้กลับมาสู่สถานที่เดิมของตน เธอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา มือขวาที่กำแน่นก็ค่อยๆคลายออก

                    ....พวงหยกนั่น!!!!!!  มันอยู่ในมือข้า!!!!!!!!

                   

     

                    “ขันทีชาง ขันทีชาง!!!!!” เสียงตะโกนลั่นตำหนักตะวันออกตั้งแต่เช้าตรู่ทำให้เหล่าขันทีนางในข้ารับใช้ทั้งหลายที่ยืนสัปหงกอยู่ด้านหน้าถึงกับสะดุ้งกันเป็นแถว

                    “พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท ทรงตะโกนลั่นเยี่ยงนี้ มีเหตุอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”

                    “เจ้าเห็นพวงหยกที่เสด็จแม่ให้ข้าหรือไม่  ข้าจำได้ว่าวางไว้ตรงนี้  แล้วทำไมมันไม่อยู่แล้ว หรือข้าจะลืมไว้ตรงไหน” ภาพองค์รัชทายาที่กำลังเดินวนอยู่ในห้อง  กองหนังสือที่ถูกรื้อจนระเกะระกะทำให้ขันทีชางต้องรีบพุ่งเข้าไปช่วยเก็บในทันที

                    “กระหม่อมก็เห็นว่าพระองค์ทรงวางไว้บนแท่นอ่านหนังสือนิพ่ะย่ะค่ะ”

                    “แล้วมันจะหายไปไหนได้  หรือมีคนมาขโมยไป?” ความคิดนั้นทำเอาเท้าของเขาที่กำลังก้าวไปทั่วห้องถึงกับหยุดลง  ความรู้สึกเหมือนมีคนมานั่งข้างๆเขาตอนที่นอนเมื่อคืนนั้นแล่นกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง

                    “จะเป็นไปได้ยังไงล่ะพ่ะย่ะค่ะ ทหารหลวงยืนกระจายกันคุ้มตำหนักนี้อย่างแน่นหนา อีกอย่างกระหม่อมก็ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกประตูนั่น ไม่มีใครสามารถเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตหรอกพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีชางกล่าวพลางยืดอกมั่นใจในความปลอดภัยของตัวองค์รัชทายาท  มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะปล่อยให้คนนอนเข้ามาในตำหนักขององค์รัชทายาท เพราะนี่คือว่าที่พระราชาของประเทศนี้ในอนาคตเชียวนะ

                    “จะให้กระหม่อมออกคำสั่งให้ทหารและนางในช่วยกันค้นหาหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

                    “แค่หยกอันเดียว อย่าทำให้เรื่องมันใหญ่โตเลยเถอะ” องค์รัชทายาทถอนหายใจก่อนทรุดตัวลงนั่งหลังแท่นอ่านหนังสือที่ถูกจัดให้เข้าที่เรียบร้อยแล้ว

                    .....มันหายไปไหนกันนะ

     

     

                    พวงหยกอันสวยห้อยอยู่ในมือเรียวตรงหน้าของเด็กสาวที่กำลังยิ้มแก้มปริราวกับตกอยู่ในห้วงแห่งความฝันอันแสนหวาน  สายตาจับจ้องแค่เพียงจี้หยกที่อยู่ตรงหน้าของเธอนั้น  จนถึงเช้าจนถึงตอนนี้ทิวาก็ยังนั่งยิ้มน้อยนิ้มใหญ่อยู่ในห้องกับพวงหยกนี้มาตลอดทั้งวันไม่ยอมออกไปไหน  อิ่มผู้เป็นบ่าวคนใช้ก็อดห่วงเจ้านายของตนไม่ได้จนต้องขอเข้ามาถามไถ่อาการ  แต่พอเข้ามาก็โดนไล่ออกไปอยู่ตลอด  จนสุดท้ายก็ได้เพียงแต่นั่งเฝ้าเจ้านายอยู่หน้าประตูห้องด้านนอกเพียงเท่านั้น

                    “คุณทิวาของบ่าวไม่ออกไปวิ่งเล่นข้างนอกแบบนี้จะดีหรือเจ้าค่ะ?” แม้เสียงพูดจะดังเล็ดลอดเข้าไปในห้องแต่ก็ไม่ได้หลุดเข้าไปในหูของเด็กสาวที่ตกในภวังค์เลยแม้แต่น้อย

                   

                    แม้ใจจะอยากอยู่ในห้องมากเพียงใด แต่สุดท้ายเมื่อถึงเวลาทานอาหารก็ต้องยอมออกจากห้องอยู่ดี แล้วยิ่งได้ยินว่าคุณหญิงไอริณจัดแจงเตรียมสำหรับเอง มีหรือที่เด็กชั่งกินอย่างทิวาจะมีพลาด

                    “วันนี้เห็นขลุกอยู่แต่ในห้อง ไม่ออกไปวิ่งเล่นเหมือนทุกวัน เป็นอะไรรึเปล่าทิวา?”

                    “ทิวาไม่ได้เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะคุณแม่  เห็นว่าวันนี้อากาศมันร้อนกว่าทุกวันเลยไม่อยากออกจากห้องเท่านั้นเองเจ้าค่ะ” เพียงแค่เห็นรอยยิ้มกว้างของเด็กสาวนั้นก็ทำให้ผู้เป็นแม่นั้นหมดห่วง แถมดูท่าลูกสาวตัวดีจะมีความสุขกว่าทุกวันเสียด้วย

                    “แม่ลูกคุยอะไรกันอยู่รึ”

                    “เจ้าคุณพ่อ!!!!!!!” ไม่ทันสิ้นเสียง เด็กสาวก็รีบลุกวิ่งไปหาเจ้าของเสียงเมื่อครู่ทันที

                    “ทิวาลูกพ่อ วิ่งมาหาพ่อเยี่ยงนี้ไม่กลัวโดนแม่โบยขาลายรึ?”  พ่อหรือท่านคุณหลวงศิลา หมอหลวงผู้เลื่องชื่อในพระนคร สวมกอดกับลูกสาวของตนก่อนจะลูบหัวอย่างเอ็นดู

                    “วิ่งจนเรือนไหวเช่นนี้ เห็นทีคงจะต้องโบยจนเดินไม่ได้แล้วกระมัง” คำดุจากผู้เป็นแม่ทำเอาทิวารีบแอบอยู่หลังของพ่อทันที

                    “เจ้าก็ดุมากเกินเหตุ  ว่าแต่นี่เพิ่งยกสำหรับรึ  ข้ามาถูกเวลาจริงๆเลยนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสียงหัวเราะจากคุณหลวงศิลาพอจะทำให้ไอริณลืมโทษของลูกสาวได้บ้าง  อย่างที่ว่าเรือนท่านคุณหลวงศิลาผู้นี้มักเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเสมอ  ไม่แค่เจ้านายแต่บ่าวไพร่เองก็มีสิทธิ์หัวเราะได้เหมือนกัน

                    “ว่าแต่พวงหยกนั่นดูแปลกตานัก ลูกไปได้มากจากที่ไหนรึ?” ประโยคเปิดเรื่องสนทนาบนโต๊ะอาหารจากผู้เป็นพ่อทำเอาทิวากับหยุดมือที่กำลังจะตักแกงมัสมั่นของโปรดทันที

                    ....แล้วจะบอกเจ้าเจ้าคุณพ่อว่าอย่างไรล่ะ ทิวาเอ๊ยยย

                    “เอ่อ...เจอเจ้าค่ะ! พอดีทิวารื้อห้องจนเจอเจ้าค่ะ” คำแถของเจ้าตัวทำให้เจ้าของคำถามหมดข้อสงสัย   แต่ไอริณ

    กลับเห็นพิรุธนั้นแทน

                    “แต่แม่จำไม่ได้ว่าเคยมีพวงหยกเช่นนี้นะทิวา”

                    “โถไอริณ  เจ้าจะจำของทุกชิ้นบนเรือนนี้ได้เชียวหรือ  เจ้าอาจจะได้มันมานานแล้วก็ได้นะ  ว่าแต่พ่อขอดูหน่อยได้รึไม่ทิวา?”  แทนคำขอบคุณที่เจ้าคุณพ่อช่วยพูดออกหน้าแทน ทิวาเลยยอมปลดพวงหยกจากเข็มขัดแล้วส่งให้ผู้เป็นพ่อทันที

                    “หยกชิ้นนี้งามมากเลยนะลูก  ดูแล้วไม่น่าจะใช่หยกจากทางจีนด้วย” คุณหลวงศิลาพักจากการเป็ฯหมอมาสวมบทบาทเป็นช่างดูอัญมณีชั่วคราว

                    “ข้าเคยเห็นเนื้อหยกแบบนี้จากไหนกันนะ....อ่า....โซซอน  หยกโซซอน  ดูจากลายแกะนี้น่าจะมาจากเมืองหลวงซะด้วย” เพราะเป็นผู้ที่ต้องออกศึกษาหาความรู้ไว้ประดับหัวอยู่ตลอด จึงไม่แปลกที่คุณหลวงศิลาผู้นี้จะเคยเห็น

                    “โซซอนนี่ขึ้นชื่อเรื่องโสม สมุนไพรชั้นดีที่ใครๆล้วนก็ต้องการที่จะได้ลิ้มลอง แต่ราคาใช่ว่าจะถูก หากวันไหนข้าเจอแล้วจะลองหาซื้อกลับมาฝาก” คุณหลวงศิลาพูดพลางคืนพวงหยกนั้นคืนกลับสู่ทิวา ก่อนจะหันไปพูดกับคุณหญิงไอริณที่นั่งมองหยกนั้นอย่างตาไม่กระพริบ

                    “ช่วยไม่ได้ ทิวาเป็นคนเจอ โชคร้ายที่เจ้าลืมของสวยๆงามๆเช่นนั้นนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสียงหัวเราะดังลั่นไปทั่วทั้งเรือน แม้จะมีประโยคพ่อแง่แม่งอนต่อแต่ก็ไม่สามารถเรียกทิวาออกจากห้วงความคิดนั้นได้

                    .....โซซอน จะใช่ที่ที่ข้าไปจริงๆหรือ?

     

                    เสียงย่ำกลองบอกเวลาสองยาม  ดึกพอที่จะทำให้คนทั้งเรือนหลับใหลไปหมดแล้ว  แต่มีเพียงทิวาเท่านั้นที่ยังนั่งรอคอยการเรียกหาจากหนังสือแปลมเล่มเดิมอยู่  เด็กสาวยังคงนั่งกอดหนังสือพร้อมกับพวงหยกนั้นไว้แนบกาย  แม้ตาจะปิดลงสักกี่ครั้ง สุดท้ายเธอก็สะดุ้งกลับมาตื่นเหมือนทุกที  จนหนังสือผู้เฝ้าประตูพิศวงก็ใจอ่อนยอมเปิดทางให้เด็กสาวได้ไปยังที่ที่เคยเยือนอีกครั้ง  แสงส่องจากหนังสือทำให้ตาของทิวาตื่นอย่างเต็มที่ เธอรีบจัดแจงตัวเองอย่างดีและไม่ลืมที่จะกำพวงหยกนั้นไวในมือ

                    ....ชายผู้นั้นจะทำอะไรอยู่นะ

                    ถึงนี่จะเป็นครั้งที่สองแต่หล่อนก็ยังไม่ค่อยคุ้นชินกับการเดินทางอย่างนี้ซักเท่าไหร่  ครั้งนี้ทิวาก็มาที่ห้องเดิมเหมือนครั้งก่อน  ทุกอย่างเหมือนที่เธอมาครั้งแรกทุกประการรวมถึงบุคคลที่นอนอยู่ด้วย

                    ....ทิวามาแล้วเจ้าค่ะ

                    เด็กสาวค่อยๆเดินมานั่งข้างๆร่างที่นอนหลับอยู่  แสงจันทร์คืนนี้ก็เป็นใจเช่นเดิม เพียงแค่ได้มองหัวใจดวงน้อยๆของทิวาก็กลับเต้นระรัว  แม้จะไม่ได้มีสิทธิ์ได้พูดคุยกับอีกคนแต่นั่นก็ทำให้เธอมีความสุขได้ แค่รุกล้ำเข้ามาก็ผิดแล้ว เรื่องพูดคุยยิ่งเป็นไม่ได้อย่างแน่นอน

                    .....วันนี้หลับฝันดีไหมเจ้าค่ะ  ทิวาเอาพวงหยกอันนี้มาคืนเจ้าค่ะ

                    เด็กสาวยิ้มให้คนที่นอนอยู่  ทิวาอยากเอาพวงหยกนี่มาคืนตั้งแต่โดนทักบนโต๊ะสำรับใจจะขาด เพราะเธอไม่รู้ว่าหยกนี่จะมีค่ามากแค่ไหน  แล้วการที่มันหายไปจะทำให้คนที่เธอกำลังนั่งมองอยู่นั้นเดือดร้อนหรือไม่ ทั้งที่อยากจะได้ยินเสียงคนที่นอนอยู่แต่ก็ทำได้เพียงแต่พูดอยู่คนเดียวในใจ เสียงถอนหายใจของเธอแผ่วเบาเสียยิ่งกว่าเสียงกระพือปีกของนกในยามเช้า เป็นไปได้เธอก็อยากเข้าไปปรากฏตัวในฝันของเขา อยากให้เขาได้รู้จักเธอบ้าง ดวงจันทร์เคลื่อนคล้อยมานานจนได้เวลาที่ทิวาจะต้องกลับ  วันนี้เธอรบกวนเวลานอนของเขานานกว่าครั้งก่อน นานพอที่จะทำให้เธอได้คิดเรื่องอะไรหลายๆอย่าง  ร่างเล็กหายไปในหนังสือเหมือนครั้งก่อน เหลือเพียงกลิ่นหมออ่อนๆของดอกจำปีที่ลอยฟุ้งไปทั่วห้องจากตัวของเด็กสาว

                    ......ทำไมข้าถึงไปได้แค่เฉพาะเวลายามค่ำคืน  หรือต้องการเพียงแค่ให้ข้าได้เฝ้ามองผู้นั้นเหมือนที่ข้าเฝ้ามองพระจันทร์เช่นนั้นหรือ

     

     

    มาอัพแล้วค่ะT^T

    วันนี้ไรเตอร์ท้องเสีย กว่าลากตัวเองมาพิมพ์ได้นี่แทบกระอักเลือด5555555

    ใครที่หวังว่าพระเอกจะตื่นมาเจอก็แห้วไปก่อนนะคะ 555555

    หวังว่าจะชอบในฟิคเรื่องนี้นะคะ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นค่ะ><

    CR.SQW

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×