ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MidnightSun MiddayMoon [TiwaxGiyul]

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 : ตำราพาลิขิต

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 872
      2
      2 พ.ค. 58

    01

    พุทธศักราช 2245 กรุงศรีอยุธยา

     

    "คุณทิวาเจ้าค่ะ จะวิ่งไปไหนแต่เช้าเจ้าค่ะ รอบ่าวด้วย" บ่าวคนใช้รีบผาดผ้าสไบสีหม่นคว้าตะกร้าข้าวของวิ่งตามเจ้านายที่ดูรีบร้อนจนผิดลักษณะ

    "เร็วเข้าซิอิ่ม วันนี้สำเภาจากจีนมาเทียบท่า ข้าอยากไปดูใจจะขาดแล้ว" แววตาสีทับทิมเป็นประกายทันทีที่พูดถึงที่หมาย หญิงสาววัยแรกแย้มยิ้มร่าไม่หุบ                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                             

    "วันก่อนก็มีสำเภาจีนมาเทียบท่านิเจ้าค่ะ ไม่เห็นจะน่าตื่นเต้นเท่าวันนี้เลยนิเจ้าค่ะ" บ่าวสาวถามอยากสงสัย สำเภาจีนมาก็บ่อยไป แต่ทำไมวันนี้นายของหล่อนกลับตื่นเต้นผิดหูผิดตา

    "ก็คนที่ตลาดเขาพูดกันว่า สำเภาลำนี้ไม่ได้มาขายของเหมือนลำก่อนๆ แต่เอาของแปลกมาให้ดูตั้งหาก ฉันก็อยากดูเหมือนชาวบ้านเขานะ"

    "ของแปลกที่ว่านี่อะไรกันหรือเจ้าค่ะ คนสามตา ปลามีมืออย่างไรหรือเจ้าค่ะ"

    "อยากรู้ก็ต้องไปดูกับตาตัวเองซิอิ่ม สิบปากว่ามิเท่าตาเห็นหรอกนะ เร็วเข้าๆ"

    "อะ อ่าา เอาอย่างนั้นก็ได้เจ้าค่ะ" อิ่มรีบถกผู้นุ่งโจงกระเบนวิ่งตามเจ้านายของตนทันที

     

     

    ผู้คนมากมายยืนมุงอยู่ตรงท่าเทียบเรือสำเภา เสียงพูดเซ็งแซ่ระงมเหมือนยกกันมาทั้งตลาด เด็กสาวเบียดเสียดแหวกฝูงผู้คนพร้อมกับบ่าวคนสนิทจนได้ไปยืนอยู่ตรงหน้าสุด สำเภาจีนลำใหญ่ที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหราต่างจากลำอื่นๆที่เคยพบเห็นตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าเด็กสาว

    "วังลี้ อั๊วมีของลีจากจีงแผ่งลินใหญ่มาให้ชาวเสียนหลอไล้ลูกัน ของล้ำค่ามักมายที่หาลูไม่ล่ายจากที่ไหน พวกอีสงใจชิ้งไหนก็ซื้อล่ายยยย" สาวจีนร่างท้วมแต่งตัวงาม ทรงผมแปลกตาประดับประดาด้วยปิ่นทองมากมายตะโกนบอกพร้อมสะบัดพัดขนหางนกยูงไปทางด้านหลัง

    "บ่าวตื่นเต้นมากเลยเจ้าค่ะคุณทิวา"

    "อิ่มก็ตั้งใจดูซิ อยากได้อะไรก็บอกแล้วกัน ถ้ามันไม่แพงข้าจะซื้อให้"

    "แค่พาอิ่มมาดูก็เป็นบุญหัวแล้วเจ้าค่ะ"

    ของมากมายถูกหยิบออกมาแสดงให้ดูกันอยากหลากตา ทั้งถ้วย ไห ชาม หม้อ ที่ถูกตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม รูปปั้นแบบจีนที่ถูกประดับประดาด้วยกระเบื้องหลากสี แม้จะมีราคาที่สูงลิบลิ่วแต่ก็ยังมีคนยอมจ่ายเพื่อจะได้ครอบครองสิ่งของล้ำค่าสวยงามเช่นนี้ 

    "ยังไม่มีของที่ถูกตาอีกหรือเจ้าค่ะคุณทิวา" บ่าวคนสนิทถามนายของตนที่ดูท่าทางเหมือนรอคอยของบางสิ่งอยู่

    "ไม่รู้เหมือนกันน่ะอิ่ม มันก็สวยอยู่หรอก แต่ถ้าซื้อกลับบ้านไปมีหวังโดน  คุณแม่โบยไม่ยั้งแน่ๆ"                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                 สิ่งของมากมายผ่านหน้าเด็กสาวไป ทุกอย่างล้วนมีค่าแต่กลับไม่ได้ดึงดูดหรือทำให้ทิวาอยากครอบครองมันเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่เธออาจจะเดินออกจากฝูงชนแล้วนั้นได้ในทันที แต่ทิวาก็เลือกที่จะยืนดูต่อไป

    “ของชิ้งต่อป่าย...ย๊า!!! นี่ลื้อหยิงหลังสือมาทำไมกัง” นายหญิงใหญ่ของเรือตะวาดคนใช้ที่หยิบหนังสือออกมาแทนจะเป็นชามโถไหหรือภาพวาดเลอค่า 

    “ข้าขอซื้อหนังสือเล่มนั้น!!!!

    “คุณทิวา!!!!!

     

     

    “ทำไมถึงซื้อหนังสือเล่มนี้มาเจ้าค่ะ มันดูไม่มีอะไรเลยนะเจ้าค่ะ” บ่าวคนสนิทกล่าวพลางเดินตามเด็กสาวเจ้านายของตน

    “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันอิ่ม แต่มันเหมือนดึงดูดข้ามากมากจนต้องซื้อมันมา”ทิวาจ้องมองหนังสือที่อยู่ในมือหล่อนอย่างงงงวย

    “อิ่มว่า เรากลับไปดูที่บ้านเถอะเจ้าค่ะ”

    “ข้างในอาจจะมีอะไรก็ได้ เรารีบกลับบ้านกันเถอะอิ่ม”

     

    ทิวาค่อยๆแกะเชือกมัดหนังสือออกอย่างระมัดระวัง มือเรียวเปิดคลี่หนังสือออกอย่างช้าๆ ตัวหนังสือที่ไม่คุ้นตามากมายเต็มไปหมด แสงไฟจากเทียนที่วูบไหว บรรยากาศที่เงียบเชียบ ยิ่งทำให้หล่อนรู้สึกดำดึงลงไปในหนังสือเล่มนี้

    ...อ่านไม่ออกสักตัว แต่เหตุใดถึงหยุดเปิดมิได้

    หน้าหนังสือเริ่มปรากฏรูปวาดขึ้นบ้างเมื่อเปิดผ่านไปเรื่อยๆ ภาพวาดพู่กันของกลุ่มคนสวมชุดแปลกตาในเมืองที่ไม่เคยเห็น  ฝ่ามือลูบหน้ากระดาษอย่างแผ่วเบา สายตานั้นจดจ้องกับรูปวาดอย่างไม่กระพริบ  ราวกับว่าตัวของหล่อนได้หลุดเข้าไปในเมืองนั้นเสียแล้ว

     

    ฮันยาง  เมืองหลองของโซซอน

                    “เสด็จพี่เก่งที่สุดไปเลยเพค่ะ”เสียงปรบมือดังสนั่นโผล่ขึ้นท่ามกลางความเงียบในลานยิงธนูกว้างของวังหลวง ต้นเสียงที่ดูตื่นเต้นรีบวิ่งลงจากอัศจรรย์ผู้ชมไปที่ลานยิงทันที

    “เจ้าก็ชมมากเกินไป องค์หญิงของพี่ก็เก่งเหมือนกัน” เจ้าของลูกธนูดอกที่เข้าเป้าเมื่อครู่พูดพลางขยี้หัวเด็กสาวที่วื่งเข้ามากระโดดโลดเต้นอยู่ข้างๆ

    “ใครจะกล้าไปเทียบความเก่งกับองค์รัชทายาทของประเทศนี้กันละเพค่ะ” เด็กสาวได้แต่ปัดมือพี่ชายของตนออก ก่อนจะจัดทรงผมของตนให้เข้าที่เข้าทาง

    “องค์หญิงซองฮวางเสด็จมาที่ลานธนูทำไมละพะย่ะค่ะ มันอันตรายนะพะย่ะค่ะ”ขันทีคนสนิทขององค์รัชทายาทรีบวิ่งตามเข้ามาทันที

    “หม่อนฉันเพียงแวะนำตำราที่อาจารย์จากต้าตูฝากมาถวายองค์รัชทายาทเองเพค่ะ” แววตาคมเป็นประกายของร่างสูงจับจ้องอยู่ที่หนังสือในมือน้องสาว ถึงแม้เขาจะเป็นคนสนใจในการอ่านหนังสืออย่างมากแต่หนังสือเล่มนี้กลับให้ความรู้สึกที่แปลกออกไป มือหนายื่นออกไปรับหนังสือเล่มนั้นพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัว เพราะความอยากรู้ในวิชาหรืออย่างอื่นกันแน่ที่ทำให้เขาตื่นเต้นได้ถึงเพียงนี้

     

    “พระองค์จะทรงอ่านจนจบเล่มเลยหรือพะย่ะค่ะ” เมื่อเห็นว่าล่วงเลยเวลามาจนดึกดื่น ขันทีอย่างเขาจึงได้เอ่ยถามเจ้านายของตน

    “จะให้จบเล่มก็คงเช้าพอดี  ข้าจะนอนแล้ว เจ้ามายกแท่นนี่ไปเก็บเถอะ” องค์รัชทายาทปิดหนังสือลงก่อนจะเอนตัวลงนอนบนฟูก ปล่อยให้ขันทีได้ทำหน้าที่ของตน

    “กระหม่อมจะดับไฟนะพะย่ะค่ะ”

    ความมืดเข้าปกคลุมทั่วทั้งห้องทันทีที่แสงเทียนดับลง  แต่ยังมีแสงจันทร์ส่องเข้ามาทางหน้าต่าง เขาไม่อาจข่มตาลงนอนได้ สายตาเขายังคงเหลือบมองไปทางแท่นอ่านหนังสือ ภาพตัวอักษรแล่นผ่านเข้ามาในสมอง ไม่ใช่เพราะติดใจในเนื้อหาแต่ดูเหมือนว่าในหนังสือเล่มนี้จะมีอะไรซ่อนอยู่อีก หากว่าพรุ่งนี้เขาไม่ต้องตื่นแต่เช้าไปคารวะพระราชาผู้เป็นพ่อดังเช่นทุกวัน  มีหวังเขาคงได้นั่งดูหนังสือเล่มนี้จนถึงฟ้าสางเป็นแน่

     

    “องค์หญิงเพค่ะ เหตุใดจึงทรงรีบร้อนนำตำราเล่มนั้นไปถวายองค์รัชทายาทด้วยละเพค่ะ จะทรงให้วันถัดไปก็ย่อมได้มิใช่หรือเพค่ะ” ซังกุงคนสนิทเอ่ยถามองค์หญิงที่กำลังเขียนอะไรบางอย่าง ปลายพู่กันหยุดพร้อมกับเสียงถามของข้ารับใช้  ใบหน้าเด็กสาวอายุเพียงสิบเอ็ดปีกลับคลี่ยิ้มออกอย่างเยือกเย็นราวกับรู้ความเป็นไปของทุกสิ่งบนโลกใบนี้

    “เพราะตำราเล่มนั้นเป็นของเสด็จพี่ ข้ามีหน้าที่เพียงแค่ส่งตำราเล่มนี้ให้ถึงมือเจ้าของให้เร็วที่สุดเพียงเท่านั้นเอง ไม่มีเหตุอันใดที่ข้าจะต้องเก็บของสิ่งนั้นไว้กับตัวให้เสียเวลา”

     

    ....นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นของกงล้อแห่งชะตาชีวิตเพียงเท่านั้น สิ่งนี้จะนำพาซึ่งสิ่งที่เหมาะสม ต่อจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับชะตาของฟ้าที่เป็นผู้ลิขิตทุกสรรพสิ่งบนโลก....

    เสียงคำพูโของท่านอาจารย์แห่งดาราผู้เชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์ยังคงก้องอยู่ในหัวของเด็กสาว องค์หญิงที่ได้รับพลังจากหล่อนนั้นไม่อาจสงสัยในคำพูดของอาจารย์ผู้เป็นเสมือนตัวแทนจากทวยเทพที่มองเห็นชะตาชีวิตของทุกสิ่งรวมถึงกษัตริย์ของประเทศนี้ด้วย แต่ชะตาชีวิตของคนจะผูกกันได้ด้วยหนังสือเล่มเดียวจริงหรือ
     
    ------------------------------------------------
     
    พวีดดดด ตอนแรกมาแล้วค่ะTT
    เหนื่อยกับลักษณะการบรรยายแบบนี้อยู่ค่ะ
    หวังว่าจะรอติดตามเรื่องนี้นะคะ
    คอมเม้นเป็นกำลังใจด้วยนะคะ
    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×