คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 : มิใช่ฝัน
03
ทิวาเก็บมือมาวางไว้บนตักอย่างเรียบร้อย เหลือเพียงสายตาเท่านั้นที่จะล่วงละเมิดบุคคลตรงหน้าได้ ขอบคุณดวงจันทร์ที่ส่องแสงลอดเข้ามาให้เด็กสาวคนนี้ได้เฝ้ามองใบหน้าของอีกคน ถ้ามันเป็นเพียงความฝันก็ถือว่าเป็นฝันที่ดีมากสำหรับเธอ แต่ถ้ามันไม่ใช่ฝันล่ะ...?
ความคิดนั้นทำให้เด็กสาวเริ่มส่องสายตามองหาของที่หล่อนพอจะใช้ยืนยันถึงการมาที่นี่ แต่ไม่ทันที่จะได้หาหนังสือเจ้ากรรมกลับเรียกทิวาให้กลับสู่ที่ที่เธอจากมา แสงสว่างส่องออกมาจากหนังสือเล่มเดิม เด็กสาวเริ่มลนลาน ใจก็ยังไม่อยากกลับ แต่ถ้ายังดื้อดึงที่จะอยู่ต่อก็ไม่รู้จะได้กลับบ้านของตนอีกหรือไม่ สายตาเหลือบมองคนที่นอนอยู่อย่างอาลัย
....หวังว่าข้าจะได้พบท่านอีกนะเจ้าค่ะ
แสงสว่างเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น ทิวาเดินตรงไปที่แท่นอ่านหนังสือ ข้างหนังสือเล่มนั้นมีพวงหยกแกะสลักวางอยู่พอดิบพอดี ไม่ทันทีจะลังเล เด็กสาวคว้าพวงหยกนั้นก่อนจะพุ่งตัวหายเข้าไปในหนังสือ ก่อนจะกลับมาโผล่ที่ห้องของตนดังเดิม เมื่อรู้ตัวว่าได้กลับมาสู่สถานที่เดิมของตน เธอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา มือขวาที่กำแน่นก็ค่อยๆคลายออก
....พวงหยกนั่น!!!!!! มันอยู่ในมือข้า!!!!!!!!
“ขันทีชาง ขันทีชาง!!!!!” เสียงตะโกนลั่นตำหนักตะวันออกตั้งแต่เช้าตรู่ทำให้เหล่าขันทีนางในข้ารับใช้ทั้งหลายที่ยืนสัปหงกอยู่ด้านหน้าถึงกับสะดุ้งกันเป็นแถว
“พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท ทรงตะโกนลั่นเยี่ยงนี้ มีเหตุอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าเห็นพวงหยกที่เสด็จแม่ให้ข้าหรือไม่ ข้าจำได้ว่าวางไว้ตรงนี้ แล้วทำไมมันไม่อยู่แล้ว หรือข้าจะลืมไว้ตรงไหน” ภาพองค์รัชทายาที่กำลังเดินวนอยู่ในห้อง กองหนังสือที่ถูกรื้อจนระเกะระกะทำให้ขันทีชางต้องรีบพุ่งเข้าไปช่วยเก็บในทันที
“กระหม่อมก็เห็นว่าพระองค์ทรงวางไว้บนแท่นอ่านหนังสือนิพ่ะย่ะค่ะ”
“แล้วมันจะหายไปไหนได้ หรือมีคนมาขโมยไป?” ความคิดนั้นทำเอาเท้าของเขาที่กำลังก้าวไปทั่วห้องถึงกับหยุดลง ความรู้สึกเหมือนมีคนมานั่งข้างๆเขาตอนที่นอนเมื่อคืนนั้นแล่นกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง
“จะเป็นไปได้ยังไงล่ะพ่ะย่ะค่ะ ทหารหลวงยืนกระจายกันคุ้มตำหนักนี้อย่างแน่นหนา อีกอย่างกระหม่อมก็ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกประตูนั่น ไม่มีใครสามารถเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตหรอกพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีชางกล่าวพลางยืดอกมั่นใจในความปลอดภัยของตัวองค์รัชทายาท มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะปล่อยให้คนนอนเข้ามาในตำหนักขององค์รัชทายาท เพราะนี่คือว่าที่พระราชาของประเทศนี้ในอนาคตเชียวนะ
“จะให้กระหม่อมออกคำสั่งให้ทหารและนางในช่วยกันค้นหาหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“แค่หยกอันเดียว อย่าทำให้เรื่องมันใหญ่โตเลยเถอะ” องค์รัชทายาทถอนหายใจก่อนทรุดตัวลงนั่งหลังแท่นอ่านหนังสือที่ถูกจัดให้เข้าที่เรียบร้อยแล้ว
.....มันหายไปไหนกันนะ
พวงหยกอันสวยห้อยอยู่ในมือเรียวตรงหน้าของเด็กสาวที่กำลังยิ้มแก้มปริราวกับตกอยู่ในห้วงแห่งความฝันอันแสนหวาน สายตาจับจ้องแค่เพียงจี้หยกที่อยู่ตรงหน้าของเธอนั้น จนถึงเช้าจนถึงตอนนี้ทิวาก็ยังนั่งยิ้มน้อยนิ้มใหญ่อยู่ในห้องกับพวงหยกนี้มาตลอดทั้งวันไม่ยอมออกไปไหน อิ่มผู้เป็นบ่าวคนใช้ก็อดห่วงเจ้านายของตนไม่ได้จนต้องขอเข้ามาถามไถ่อาการ แต่พอเข้ามาก็โดนไล่ออกไปอยู่ตลอด จนสุดท้ายก็ได้เพียงแต่นั่งเฝ้าเจ้านายอยู่หน้าประตูห้องด้านนอกเพียงเท่านั้น
“คุณทิวาของบ่าวไม่ออกไปวิ่งเล่นข้างนอกแบบนี้จะดีหรือเจ้าค่ะ?” แม้เสียงพูดจะดังเล็ดลอดเข้าไปในห้องแต่ก็ไม่ได้หลุดเข้าไปในหูของเด็กสาวที่ตกในภวังค์เลยแม้แต่น้อย
แม้ใจจะอยากอยู่ในห้องมากเพียงใด แต่สุดท้ายเมื่อถึงเวลาทานอาหารก็ต้องยอมออกจากห้องอยู่ดี แล้วยิ่งได้ยินว่าคุณหญิงไอริณจัดแจงเตรียมสำหรับเอง มีหรือที่เด็กชั่งกินอย่างทิวาจะมีพลาด
“วันนี้เห็นขลุกอยู่แต่ในห้อง ไม่ออกไปวิ่งเล่นเหมือนทุกวัน เป็นอะไรรึเปล่าทิวา?”
“ทิวาไม่ได้เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะคุณแม่ เห็นว่าวันนี้อากาศมันร้อนกว่าทุกวันเลยไม่อยากออกจากห้องเท่านั้นเองเจ้าค่ะ” เพียงแค่เห็นรอยยิ้มกว้างของเด็กสาวนั้นก็ทำให้ผู้เป็นแม่นั้นหมดห่วง แถมดูท่าลูกสาวตัวดีจะมีความสุขกว่าทุกวันเสียด้วย
“แม่ลูกคุยอะไรกันอยู่รึ”
“เจ้าคุณพ่อ!!!!!!!” ไม่ทันสิ้นเสียง เด็กสาวก็รีบลุกวิ่งไปหาเจ้าของเสียงเมื่อครู่ทันที
“ทิวาลูกพ่อ วิ่งมาหาพ่อเยี่ยงนี้ไม่กลัวโดนแม่โบยขาลายรึ?” พ่อหรือท่านคุณหลวงศิลา หมอหลวงผู้เลื่องชื่อในพระนคร สวมกอดกับลูกสาวของตนก่อนจะลูบหัวอย่างเอ็นดู
“วิ่งจนเรือนไหวเช่นนี้ เห็นทีคงจะต้องโบยจนเดินไม่ได้แล้วกระมัง” คำดุจากผู้เป็นแม่ทำเอาทิวารีบแอบอยู่หลังของพ่อทันที
“เจ้าก็ดุมากเกินเหตุ ว่าแต่นี่เพิ่งยกสำหรับรึ ข้ามาถูกเวลาจริงๆเลยนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสียงหัวเราะจากคุณหลวงศิลาพอจะทำให้ไอริณลืมโทษของลูกสาวได้บ้าง อย่างที่ว่าเรือนท่านคุณหลวงศิลาผู้นี้มักเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเสมอ ไม่แค่เจ้านายแต่บ่าวไพร่เองก็มีสิทธิ์หัวเราะได้เหมือนกัน
“ว่าแต่พวงหยกนั่นดูแปลกตานัก ลูกไปได้มากจากที่ไหนรึ?” ประโยคเปิดเรื่องสนทนาบนโต๊ะอาหารจากผู้เป็นพ่อทำเอาทิวากับหยุดมือที่กำลังจะตักแกงมัสมั่นของโปรดทันที
....แล้วจะบอกเจ้าเจ้าคุณพ่อว่าอย่างไรล่ะ ทิวาเอ๊ยยย
“เอ่อ...เจอเจ้าค่ะ! พอดีทิวารื้อห้องจนเจอเจ้าค่ะ” คำแถของเจ้าตัวทำให้เจ้าของคำถามหมดข้อสงสัย แต่ไอริณ
กลับเห็นพิรุธนั้นแทน
“แต่แม่จำไม่ได้ว่าเคยมีพวงหยกเช่นนี้นะทิวา”
“โถไอริณ เจ้าจะจำของทุกชิ้นบนเรือนนี้ได้เชียวหรือ เจ้าอาจจะได้มันมานานแล้วก็ได้นะ ว่าแต่พ่อขอดูหน่อยได้รึไม่ทิวา?” แทนคำขอบคุณที่เจ้าคุณพ่อช่วยพูดออกหน้าแทน ทิวาเลยยอมปลดพวงหยกจากเข็มขัดแล้วส่งให้ผู้เป็นพ่อทันที
“หยกชิ้นนี้งามมากเลยนะลูก ดูแล้วไม่น่าจะใช่หยกจากทางจีนด้วย” คุณหลวงศิลาพักจากการเป็ฯหมอมาสวมบทบาทเป็นช่างดูอัญมณีชั่วคราว
“ข้าเคยเห็นเนื้อหยกแบบนี้จากไหนกันนะ....อ่า....โซซอน หยกโซซอน ดูจากลายแกะนี้น่าจะมาจากเมืองหลวงซะด้วย” เพราะเป็นผู้ที่ต้องออกศึกษาหาความรู้ไว้ประดับหัวอยู่ตลอด จึงไม่แปลกที่คุณหลวงศิลาผู้นี้จะเคยเห็น
“โซซอนนี่ขึ้นชื่อเรื่องโสม สมุนไพรชั้นดีที่ใครๆล้วนก็ต้องการที่จะได้ลิ้มลอง แต่ราคาใช่ว่าจะถูก หากวันไหนข้าเจอแล้วจะลองหาซื้อกลับมาฝาก” คุณหลวงศิลาพูดพลางคืนพวงหยกนั้นคืนกลับสู่ทิวา ก่อนจะหันไปพูดกับคุณหญิงไอริณที่นั่งมองหยกนั้นอย่างตาไม่กระพริบ
“ช่วยไม่ได้ ทิวาเป็นคนเจอ โชคร้ายที่เจ้าลืมของสวยๆงามๆเช่นนั้นนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสียงหัวเราะดังลั่นไปทั่วทั้งเรือน แม้จะมีประโยคพ่อแง่แม่งอนต่อแต่ก็ไม่สามารถเรียกทิวาออกจากห้วงความคิดนั้นได้
.....โซซอน จะใช่ที่ที่ข้าไปจริงๆหรือ?
เสียงย่ำกลองบอกเวลาสองยาม ดึกพอที่จะทำให้คนทั้งเรือนหลับใหลไปหมดแล้ว แต่มีเพียงทิวาเท่านั้นที่ยังนั่งรอคอยการเรียกหาจากหนังสือแปลมเล่มเดิมอยู่ เด็กสาวยังคงนั่งกอดหนังสือพร้อมกับพวงหยกนั้นไว้แนบกาย แม้ตาจะปิดลงสักกี่ครั้ง สุดท้ายเธอก็สะดุ้งกลับมาตื่นเหมือนทุกที จนหนังสือผู้เฝ้าประตูพิศวงก็ใจอ่อนยอมเปิดทางให้เด็กสาวได้ไปยังที่ที่เคยเยือนอีกครั้ง แสงส่องจากหนังสือทำให้ตาของทิวาตื่นอย่างเต็มที่ เธอรีบจัดแจงตัวเองอย่างดีและไม่ลืมที่จะกำพวงหยกนั้นไวในมือ
....ชายผู้นั้นจะทำอะไรอยู่นะ
ถึงนี่จะเป็นครั้งที่สองแต่หล่อนก็ยังไม่ค่อยคุ้นชินกับการเดินทางอย่างนี้ซักเท่าไหร่ ครั้งนี้ทิวาก็มาที่ห้องเดิมเหมือนครั้งก่อน ทุกอย่างเหมือนที่เธอมาครั้งแรกทุกประการรวมถึงบุคคลที่นอนอยู่ด้วย
....ทิวามาแล้วเจ้าค่ะ
เด็กสาวค่อยๆเดินมานั่งข้างๆร่างที่นอนหลับอยู่ แสงจันทร์คืนนี้ก็เป็นใจเช่นเดิม เพียงแค่ได้มองหัวใจดวงน้อยๆของทิวาก็กลับเต้นระรัว แม้จะไม่ได้มีสิทธิ์ได้พูดคุยกับอีกคนแต่นั่นก็ทำให้เธอมีความสุขได้ แค่รุกล้ำเข้ามาก็ผิดแล้ว เรื่องพูดคุยยิ่งเป็นไม่ได้อย่างแน่นอน
.....วันนี้หลับฝันดีไหมเจ้าค่ะ ทิวาเอาพวงหยกอันนี้มาคืนเจ้าค่ะ
เด็กสาวยิ้มให้คนที่นอนอยู่ ทิวาอยากเอาพวงหยกนี่มาคืนตั้งแต่โดนทักบนโต๊ะสำรับใจจะขาด เพราะเธอไม่รู้ว่าหยกนี่จะมีค่ามากแค่ไหน แล้วการที่มันหายไปจะทำให้คนที่เธอกำลังนั่งมองอยู่นั้นเดือดร้อนหรือไม่ ทั้งที่อยากจะได้ยินเสียงคนที่นอนอยู่แต่ก็ทำได้เพียงแต่พูดอยู่คนเดียวในใจ เสียงถอนหายใจของเธอแผ่วเบาเสียยิ่งกว่าเสียงกระพือปีกของนกในยามเช้า เป็นไปได้เธอก็อยากเข้าไปปรากฏตัวในฝันของเขา อยากให้เขาได้รู้จักเธอบ้าง ดวงจันทร์เคลื่อนคล้อยมานานจนได้เวลาที่ทิวาจะต้องกลับ วันนี้เธอรบกวนเวลานอนของเขานานกว่าครั้งก่อน นานพอที่จะทำให้เธอได้คิดเรื่องอะไรหลายๆอย่าง ร่างเล็กหายไปในหนังสือเหมือนครั้งก่อน เหลือเพียงกลิ่นหมออ่อนๆของดอกจำปีที่ลอยฟุ้งไปทั่วห้องจากตัวของเด็กสาว
......ทำไมข้าถึงไปได้แค่เฉพาะเวลายามค่ำคืน หรือต้องการเพียงแค่ให้ข้าได้เฝ้ามองผู้นั้นเหมือนที่ข้าเฝ้ามองพระจันทร์เช่นนั้นหรือ
มาอัพแล้วค่ะT^T
วันนี้ไรเตอร์ท้องเสีย กว่าลากตัวเองมาพิมพ์ได้นี่แทบกระอักเลือด5555555
ใครที่หวังว่าพระเอกจะตื่นมาเจอก็แห้วไปก่อนนะคะ 555555
หวังว่าจะชอบในฟิคเรื่องนี้นะคะ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นค่ะ><
ความคิดเห็น