คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 : เฝ้ามอง
02
“คุณทิวา ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ วันนี้คุณท่านหลวงศิลามีแขกมาที่เรือนนะเจ้าค่ะ” บ่าวสาวปลุกนายของตนที่งีบหลับอยู่คาโต๊ะหนังสือ ดวงตากลมค่อยๆปรือขึ้นรับแสงแดดยามเช้า
“นี่ข้านอนที่โต๊ะเลยหรืออิ่ม...” ทิวาผู้เพิ่งตื่นรีบจัดโต๊ะของตนให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะสะดุดกับหนังสือที่เปิดคาไว้ ภาพของชายหนุ่มบนหน้ากระดาษทำให้เด็กสาวถึงกับชะงัก แม้จะเป็นเพียงรูปวาดแต่ก็ดูสง่าน่าหล่อเหลา เครื่องแต่งกายที่ดูสูงส่งสะกดดวงตากลมโตคู่นี้ไว้อย่างดี
“ทำอะไรอยู่เจ้าค่ะคุณทิวา เดี๋ยวจะโดนคุณท่านเอ็ดเอานะเจ้าค่ะ” เสียงทักจากบ่าวทำเอาทิวาสะดุ้งตื่นจากภวังค์ ทันใดนั้นเองลมก็พัดหน้ากระดาษจนตีกลับไปหมด ทิวารีบคว่ำหนังสือนั้นไว้ ก่อนจะรีบเปิดหารูปนั้นอีกครั้ง
.....ไม่มี หายไปไหนกันนะ หรือเราจะตาฝาดไป?
แสงแดดยามบ่ายพาให้ผู้คนต่างพากันหาที่หลบพักร้อน รวมถึงคุณหนูแห่งเรือนท่านหลวงศิลาที่เลือกมานั่งพักหลบแดดที่ศาลาริมน้ำข้างเรือนใหญ่
“น้ำมะตูมเย็นชื่นใจมาแล้วเจ้าค่ะ”
“ขอบใจจ๊ะ”
“ยังอ่านหนังสือเล่มนี้อยู่อีกหรือเจ้าค่ะ” ท่าทางที่ดูเหมือนกับจะอยากจะฉีกหนังสือเล่มนั้นออกเป็นแผ่นๆตั้งแต่เช้าของนาย ทำเอาบ่าวคนใช้อย่างอิ่มถึงกับอดถามไม่ได้
“เมื่อเช้าข้าเจอหน้าที่มีรูปวาดคนด้วย มันไม่เหมือนรูปอื่นๆเลยนะ แต่ตอนนี้ข้าเปิดหาเท่าใดก็ไม่พบ ฮือ....อยู่ไหนกันนะ” จะนั่งหา นอนหา เดินหา ยืนหา ตีลังกาหา พลิกแล้ว เขย่าแล้วหรืออย่างไร ทิวาก็ไม่เจอหน้านั้นซักที ความหงุดหงิดทำให้เธออยากขว้างมันลงน้ำอยู่หลายครั้ง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม้พ้นเอากลับมากอดไว้ที่อกเหมือนเดิม
“วันนี้กระหม่อมขอจบบทเรียนเพียงเท่านี้ก่อนพ่ะย่ะค่ะ” อาจารย์ด้านอักษรปิดตำราเรียนการปกครองเล่มโต ก่อนจะเงยหน้ามองลูกศิษย์ของตนที่กำลังนั่งเหม่อลอยอยู่
“ทรงคิดอะไรอยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ” อาจารย์ผู้ที่กำลังเอ่ยทักองค์รัชทายาทนั้นถือได้ว่าเป็นผู้มีปัญญาหาตัวจับยาก รอบรู้ในทุกเรื่อง แต่อายุอานามของเขาก็ได้แก่อย่างที่คิด เป็นเพียงคนหนุ่มที่มีรูปงดงาม จึงเป็นเหมือนพระสหายขององค์รัชทายาทที่มักมีเรื่องให้ปรึกษาอยู่บ่อยครั้ง
“ข้าเพิ่งได้ตำราเล่มใหม่จากต้าตู แต่เมื่อข้าได้อ่าน ข้าก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงส่งตำราเล่มนั้นมาให้ข้า ที่วังหลวงแห่งนี้ก็มีตำราที่ข้ายังไม่ได้แสวงหามาอ่านตั้งมากมายอยู่แล้ว”
“แล้วในตำราเล่มนั้นว่าอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ”
“ก็เป็นบทกวีเกี่ยวกับการเดินทางทั่วไป มีกล่าวถึงการพบผู้คนแปลกตา อ๋อ... มีเกี่ยวกับการจากลาคนรักด้วย มีภาพวาดอยู่บ้าง ดูท่านักกวีผู้นั้นจะต้องจากเมืองจากคนรักแล้วรู้สึกเศร้าเลยแต่งกวีพวกนี้ขึ้นมาซินะ แต่นี่ก็ไม่กวีเลื่องชื่อโด่งดัง เหตุใดถึงส่งมาให้ข้ากัน”
“แล้วพระองค์ทรงติดพระทัยในเรื่องใดกันพ่ะย่ะค่ะ ทุกวันนี้พระองค์ทรงตรากตรำร่ำเรียนแต่ตำราด้านการเมืองการปกครอง ผู้มอบหนังสือให้พระองค์อาจเพียงต้องการให้พระองค์ได้ละจากตำราที่แสนน่าเบื่อหน่ายพวกนั้น แล้วเพลิดเพลินกับบทกวีไร้นามก็เป็นได้พ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทที่ได้ยินคำกล่าวเช่นนั้นก็ได้แต่ก้มหน้าคิดถึงเรื่องที่วุ่นวายอยู่ในหัว ที่อาจารย์ด้านอักษรกล่าวมานั้นก็ถูก ในเวลาค่ำซึ่งเป็นเวลาทบทวนตำรา เขาก็มักจะเลือกแต่เรื่องที่เกี่ยวประเทศ แต่เมื่อเขาได้รับตำราเล่มนั้นมาเขาก็ได้ละจากเนื้อหาที่แสนน่าปวดหัวพวกนั้นแล้วเดินทางไปตามบทกวีพวกนั้น ดูเหมือนเขาจะคิดมากเกินไปซินะ
.....แล้วเหตุใดข้าถึงได้ติดใจตำราเล่มนั้นนักนะ
เวลายามค่ำกลิ่นดอกราตรีหอมฟุ้งไปทั่วทั้งเรือน บ่าวคนใช้จัดแจงที่นอนให้พร้อม แต่เด็กสาวผู้เป็นเจ้านายกลับไม่มีทีท่าง่วงนอนแต่อย่างใด ยังคงนั่งเปิดหนังสือเล่มเดิมอยู่ที่โต๊ะอ่านหนังสือ
“นี่ก็ถึงเวลานอนแล้วนะเจ้าค่ะคุณทิวา เข้านอนเถอะเจ้าค่ะ”
“ถ้าอิ่มง่วงก็ไปนอนเถอะ ทิวาอยู่คนเดียวได้”
“อิ่มขอตัวไปนอนก่อนะเจ้าค่ะ รีบเข้านอนนะเจ้าค่ะคุณทิวา” สิ้นเสียงอิ่มก็เดินออกจากห้องนอนไป ความเงียบเข้าปกคลุมภายในห้อง ทิวายังคงนั่งดูหนังสือเล่มนั้นอย่างตั้งอกตั้งใจเช่นเดิม เธอเปิดพลิกไปมาทั้งเล่มเหมือนที่ทำมาทั้งวัน เวลาล่วงเลยผ่านไป หนังตาเจ้ากรรมเริ่มทำท่าจะปิดลง แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ไปนอน แม้จะทำท่าจะเอนหลับก็สะดุ้งตื่นอยู่หลายครั้ง มือยังคงเปิดหน้าหนังสือต่อไป จนในที่ภาพวาดชายหนุ่มก็กลับมาปรากฏให้เห็นอีกครั้ง ทิวาเบิกตากว้างทันทีพร้อมขยี้ตาให้หายจากความง่วง
.....ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม
มือเรียวลูบภาพนั้นอย่างโหยหา หลังจากเฝ้ารอจะได้เห็นอีกซักครั้งมาทั้งวัน รอบนี้เธอจ้องมองอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อวิเคราะห์ความงามของรูปวาดหน้านี้อย่างดี ราวกับหล่อนกำลังจ้องมองนัยน์ตาคู่สวยของคนในภาพ...เหมือนเขามายืนอยู่ตรงหน้า ระหว่างที่ทิวากำลังถูกสะกดจากรูปวาดนั้น แสงประกายสว่างวาบเกิดขึ้นบนหน้าหนังสือ แสงสว่างจ้าไปทั่วห้องจนทิวาต้องยกมือขึ้นบัง ทันใดนั้นเองแสงนั้นก็ดูดร่างของเธอเข้าไปโดยที่ไม่ทันตั้งตัว
แค่ไม่ถึงหนึ่งอึดใจแสงนั้นก็พาเด็กสาวมาถึงจุดหมายปลายทาง ร่างของทิวาพุ่งออกมาจากหนังสือเล่มที่ถูกวางทิ้งไว้ ร่างเล็กทรุดกองอยาหน้าแท่นอ่านหนังสือ เบื้องหน้ามีตึความมืดปกคลุม มือเล็กค่อยๆควานหาสิ่งของที่พอจะเป็นหลักให้พยุงตัวขึ้นยืนได้ แสงจันทร์เต็มดวงเล็ดลอดเข้ามาพอให้แสงว่างได้บ้าง ทิวาหมุนตัวไปรอบๆพร้อมกวาดสายตามองไปทั่วเพื่อหาคำตอบให้กับคำถามที่มีมากมายอยู่ในหัว
.....แปลกตา ที่นี่ที่ไหนกันนะ เหมือนจะเป็นห้องอะไรซักอย่าง ตกแต่งเหมือนชาวจีนเลย ดูท่าจะเป็นคนมีฐานะ
ดวงตากลมโตยังคงกวาดมองไปทั่วด้วยความสงสัยและสนใจ เธอมองจากด้านบนไล่จากเพดานมาผนังที่มีฉากบังตั้งวางอยู่....จนมาถึง
....คน? มีคนนอนอยู่!!!!!!!
ดวงตาของเด็กสาวเบิกกว้างด้วยความตกใจ มือทั้งสองข้างรีบยกมาปิดปากที่กลัวจะมีเสียงร้องเล็ดลอดหลุดออกไปจนทำให้บุคคลที่นอนอยู่เบื้องหน้าจะตื่นขึ้น สองเท้าค่อยๆถอยห่างอย่างระวัง
.....ถ้าเขาตื่นขึ้นมาละ นี่ข้ามาบุกรุกที่ผู้อื่นนะ อาจะถูกฆ่าก็เป็นได้นะ ไม่นะ!!!!!!!!!!
สติที่กำลังจะแตกพาเด็กสาวให้ก้าวเท้าถอยห่างออกไปเรื่อย แต่สายตาของเธอกลับยังจดจ้องอยู่ที่บุคคลนั้น แสงจันทร์ที่ลอดผ่านเจข้ามมาในห้องเคลื่อนไปส่องใบหน้าของบุคคลที่หลับใหลอยู่ ทันทีที่เด็กสาวเห็นใบหน้านั้นได้อย่างชัดเจน เท้าที่กำลังจะก้าวถอยหลังกลับหยุดชะงัก มือซ้ายที่ยกขึ้นปิดปากก็เลื่อนออกไปหยิกแก้มของตน
.....เจ็บ!!!!! นี่เราไม่ได้ฝัน มันคือเรื่องจริง!!!!!!! เขา....
จิตใจกลับสั่งการก่อนสมองจะได้คิด สองเท้าก้าวเข้าหาคนที่นอนอยู่อย่างแผ่วเบาก่อนจะทรุดลงนั่งข้างตัวอีกคน แสงจันทร์ฉายให้เห็นผิวขาวนวล คิ้วเข้มรับกับสันจมูกที่โด่งเข้ารูป พอมองพร้อมกับริมฝีปากชมพูที่เข้าทรง มันงดงามยิ่งสียกว่าภาพวาดซะอีก ดวงตากลมใสของทิวาไม่อาจละสายตาจากภาพวาดที่มีชีวิตนี้ได้เลย ความงดงามที่เธอเฝ้ามองหามาทั้งวัน บัดนี้กำลังหลับใหลสู่ห้วงนิทราอยู่ตรงหน้า มือเรียวยื่นออกไปตามความต้องการของใจ เพียงปลายนิ้วสัมผัสสมองกลับสั่งการให้ดึงมือนั้นกลับมาทันที
.....ไม่ได้!!!! จะทำให้เขาตื่นไม่ได้นะ!!!!!
--------------------------------------------------------------------------------------
มาอัพแล้วค่าาาา มาพร่อมอาการปวดหลังเลยT^T
ถ้ามีเมาส์ปากกาเมื่อไห่จะวาดภาพในเรื่องนี้มาให้ได้ฟินกันนะคะ>////<
ขอบคุณทุกคอมเม้นค่า><
ความคิดเห็น