คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 : ตำราพาลิขิต
01
พุทธศักราช 2245 กรุงศรีอยุธยา
"คุณทิวาเจ้าค่ะ จะวิ่งไปไหนแต่เช้าเจ้าค่ะ รอบ่าวด้วย" บ่าวคนใช้รีบผาดผ้าสไบสีหม่นคว้าตะกร้าข้าวของวิ่งตามเจ้านายที่ดูรีบร้อนจนผิดลักษณะ
"เร็วเข้าซิอิ่ม วันนี้สำเภาจากจีนมาเทียบท่า ข้าอยากไปดูใจจะขาดแล้ว" แววตาสีทับทิมเป็นประกายทันทีที่พูดถึงที่หมาย หญิงสาววัยแรกแย้มยิ้มร่าไม่หุบ
"วันก่อนก็มีสำเภาจีนมาเทียบท่านิเจ้าค่ะ ไม่เห็นจะน่าตื่นเต้นเท่าวันนี้เลยนิเจ้าค่ะ" บ่าวสาวถามอยากสงสัย สำเภาจีนมาก็บ่อยไป แต่ทำไมวันนี้นายของหล่อนกลับตื่นเต้นผิดหูผิดตา
"ก็คนที่ตลาดเขาพูดกันว่า สำเภาลำนี้ไม่ได้มาขายของเหมือนลำก่อนๆ แต่เอาของแปลกมาให้ดูตั้งหาก ฉันก็อยากดูเหมือนชาวบ้านเขานะ"
"ของแปลกที่ว่านี่อะไรกันหรือเจ้าค่ะ คนสามตา ปลามีมืออย่างไรหรือเจ้าค่ะ"
"อยากรู้ก็ต้องไปดูกับตาตัวเองซิอิ่ม สิบปากว่ามิเท่าตาเห็นหรอกนะ เร็วเข้าๆ"
"อะ อ่าา เอาอย่างนั้นก็ได้เจ้าค่ะ" อิ่มรีบถกผู้นุ่งโจงกระเบนวิ่งตามเจ้านายของตนทันที
ผู้คนมากมายยืนมุงอยู่ตรงท่าเทียบเรือสำเภา เสียงพูดเซ็งแซ่ระงมเหมือนยกกันมาทั้งตลาด เด็กสาวเบียดเสียดแหวกฝูงผู้คนพร้อมกับบ่าวคนสนิทจนได้ไปยืนอยู่ตรงหน้าสุด สำเภาจีนลำใหญ่ที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหราต่างจากลำอื่นๆที่เคยพบเห็นตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าเด็กสาว
"วังลี้ อั๊วมีของลีจากจีงแผ่งลินใหญ่มาให้ชาวเสียนหลอไล้ลูกัน ของล้ำค่ามักมายที่หาลูไม่ล่ายจากที่ไหน พวกอีสงใจชิ้งไหนก็ซื้อล่ายยยย" สาวจีนร่างท้วมแต่งตัวงาม ทรงผมแปลกตาประดับประดาด้วยปิ่นทองมากมายตะโกนบอกพร้อมสะบัดพัดขนหางนกยูงไปทางด้านหลัง
"บ่าวตื่นเต้นมากเลยเจ้าค่ะคุณทิวา"
"อิ่มก็ตั้งใจดูซิ อยากได้อะไรก็บอกแล้วกัน ถ้ามันไม่แพงข้าจะซื้อให้"
"แค่พาอิ่มมาดูก็เป็นบุญหัวแล้วเจ้าค่ะ"
ของมากมายถูกหยิบออกมาแสดงให้ดูกันอยากหลากตา ทั้งถ้วย ไห ชาม หม้อ ที่ถูกตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม รูปปั้นแบบจีนที่ถูกประดับประดาด้วยกระเบื้องหลากสี แม้จะมีราคาที่สูงลิบลิ่วแต่ก็ยังมีคนยอมจ่ายเพื่อจะได้ครอบครองสิ่งของล้ำค่าสวยงามเช่นนี้
"ยังไม่มีของที่ถูกตาอีกหรือเจ้าค่ะคุณทิวา" บ่าวคนสนิทถามนายของตนที่ดูท่าทางเหมือนรอคอยของบางสิ่งอยู่
"ไม่รู้เหมือนกันน่ะอิ่ม มันก็สวยอยู่หรอก แต่ถ้าซื้อกลับบ้านไปมีหวังโดน คุณแม่โบยไม่ยั้งแน่ๆ" สิ่งของมากมายผ่านหน้าเด็กสาวไป ทุกอย่างล้วนมีค่าแต่กลับไม่ได้ดึงดูดหรือทำให้ทิวาอยากครอบครองมันเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่เธออาจจะเดินออกจากฝูงชนแล้วนั้นได้ในทันที แต่ทิวาก็เลือกที่จะยืนดูต่อไป
“ของชิ้งต่อป่าย...ย๊า!!! นี่ลื้อหยิงหลังสือมาทำไมกัง” นายหญิงใหญ่ของเรือตะวาดคนใช้ที่หยิบหนังสือออกมาแทนจะเป็นชามโถไหหรือภาพวาดเลอค่า
“ข้าขอซื้อหนังสือเล่มนั้น!!!!”
“คุณทิวา!!!!!”
“ทำไมถึงซื้อหนังสือเล่มนี้มาเจ้าค่ะ มันดูไม่มีอะไรเลยนะเจ้าค่ะ” บ่าวคนสนิทกล่าวพลางเดินตามเด็กสาวเจ้านายของตน
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันอิ่ม แต่มันเหมือนดึงดูดข้ามากมากจนต้องซื้อมันมา”ทิวาจ้องมองหนังสือที่อยู่ในมือหล่อนอย่างงงงวย
“อิ่มว่า เรากลับไปดูที่บ้านเถอะเจ้าค่ะ”
“ข้างในอาจจะมีอะไรก็ได้ เรารีบกลับบ้านกันเถอะอิ่ม”
ทิวาค่อยๆแกะเชือกมัดหนังสือออกอย่างระมัดระวัง มือเรียวเปิดคลี่หนังสือออกอย่างช้าๆ ตัวหนังสือที่ไม่คุ้นตามากมายเต็มไปหมด แสงไฟจากเทียนที่วูบไหว บรรยากาศที่เงียบเชียบ ยิ่งทำให้หล่อนรู้สึกดำดึงลงไปในหนังสือเล่มนี้
...อ่านไม่ออกสักตัว แต่เหตุใดถึงหยุดเปิดมิได้
หน้าหนังสือเริ่มปรากฏรูปวาดขึ้นบ้างเมื่อเปิดผ่านไปเรื่อยๆ ภาพวาดพู่กันของกลุ่มคนสวมชุดแปลกตาในเมืองที่ไม่เคยเห็น ฝ่ามือลูบหน้ากระดาษอย่างแผ่วเบา สายตานั้นจดจ้องกับรูปวาดอย่างไม่กระพริบ ราวกับว่าตัวของหล่อนได้หลุดเข้าไปในเมืองนั้นเสียแล้ว
ฮันยาง เมืองหลองของโซซอน
“เสด็จพี่เก่งที่สุดไปเลยเพค่ะ”เสียงปรบมือดังสนั่นโผล่ขึ้นท่ามกลางความเงียบในลานยิงธนูกว้างของวังหลวง ต้นเสียงที่ดูตื่นเต้นรีบวิ่งลงจากอัศจรรย์ผู้ชมไปที่ลานยิงทันที
“เจ้าก็ชมมากเกินไป องค์หญิงของพี่ก็เก่งเหมือนกัน” เจ้าของลูกธนูดอกที่เข้าเป้าเมื่อครู่พูดพลางขยี้หัวเด็กสาวที่วื่งเข้ามากระโดดโลดเต้นอยู่ข้างๆ
“ใครจะกล้าไปเทียบความเก่งกับองค์รัชทายาทของประเทศนี้กันละเพค่ะ” เด็กสาวได้แต่ปัดมือพี่ชายของตนออก ก่อนจะจัดทรงผมของตนให้เข้าที่เข้าทาง
“องค์หญิงซองฮวางเสด็จมาที่ลานธนูทำไมละพะย่ะค่ะ มันอันตรายนะพะย่ะค่ะ”ขันทีคนสนิทขององค์รัชทายาทรีบวิ่งตามเข้ามาทันที
“หม่อนฉันเพียงแวะนำตำราที่อาจารย์จากต้าตูฝากมาถวายองค์รัชทายาทเองเพค่ะ” แววตาคมเป็นประกายของร่างสูงจับจ้องอยู่ที่หนังสือในมือน้องสาว ถึงแม้เขาจะเป็นคนสนใจในการอ่านหนังสืออย่างมากแต่หนังสือเล่มนี้กลับให้ความรู้สึกที่แปลกออกไป มือหนายื่นออกไปรับหนังสือเล่มนั้นพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัว เพราะความอยากรู้ในวิชาหรืออย่างอื่นกันแน่ที่ทำให้เขาตื่นเต้นได้ถึงเพียงนี้…
“พระองค์จะทรงอ่านจนจบเล่มเลยหรือพะย่ะค่ะ” เมื่อเห็นว่าล่วงเลยเวลามาจนดึกดื่น ขันทีอย่างเขาจึงได้เอ่ยถามเจ้านายของตน
“จะให้จบเล่มก็คงเช้าพอดี ข้าจะนอนแล้ว เจ้ามายกแท่นนี่ไปเก็บเถอะ” องค์รัชทายาทปิดหนังสือลงก่อนจะเอนตัวลงนอนบนฟูก ปล่อยให้ขันทีได้ทำหน้าที่ของตน
“กระหม่อมจะดับไฟนะพะย่ะค่ะ”
ความมืดเข้าปกคลุมทั่วทั้งห้องทันทีที่แสงเทียนดับลง แต่ยังมีแสงจันทร์ส่องเข้ามาทางหน้าต่าง เขาไม่อาจข่มตาลงนอนได้ สายตาเขายังคงเหลือบมองไปทางแท่นอ่านหนังสือ ภาพตัวอักษรแล่นผ่านเข้ามาในสมอง ไม่ใช่เพราะติดใจในเนื้อหาแต่ดูเหมือนว่าในหนังสือเล่มนี้จะมีอะไรซ่อนอยู่อีก หากว่าพรุ่งนี้เขาไม่ต้องตื่นแต่เช้าไปคารวะพระราชาผู้เป็นพ่อดังเช่นทุกวัน มีหวังเขาคงได้นั่งดูหนังสือเล่มนี้จนถึงฟ้าสางเป็นแน่
“องค์หญิงเพค่ะ เหตุใดจึงทรงรีบร้อนนำตำราเล่มนั้นไปถวายองค์รัชทายาทด้วยละเพค่ะ จะทรงให้วันถัดไปก็ย่อมได้มิใช่หรือเพค่ะ” ซังกุงคนสนิทเอ่ยถามองค์หญิงที่กำลังเขียนอะไรบางอย่าง ปลายพู่กันหยุดพร้อมกับเสียงถามของข้ารับใช้ ใบหน้าเด็กสาวอายุเพียงสิบเอ็ดปีกลับคลี่ยิ้มออกอย่างเยือกเย็นราวกับรู้ความเป็นไปของทุกสิ่งบนโลกใบนี้
“เพราะตำราเล่มนั้นเป็นของเสด็จพี่ ข้ามีหน้าที่เพียงแค่ส่งตำราเล่มนี้ให้ถึงมือเจ้าของให้เร็วที่สุดเพียงเท่านั้นเอง ไม่มีเหตุอันใดที่ข้าจะต้องเก็บของสิ่งนั้นไว้กับตัวให้เสียเวลา”
....นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นของกงล้อแห่งชะตาชีวิตเพียงเท่านั้น สิ่งนี้จะนำพาซึ่งสิ่งที่เหมาะสม ต่อจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับชะตาของฟ้าที่เป็นผู้ลิขิตทุกสรรพสิ่งบนโลก....
ความคิดเห็น