คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ,,, Part 8 ,,, ความหวาดกลัว
Title : Mystery Love
Type : Long fiction
Author : *..MooKiiE..*
Category : Comedy / Romance
Paring : Yunho x Jaejoong / YooChun x JunSu
Note : เรื่องนี้มุกได้แรงบันดาลใจมาจากซีรี่ส์เกาหลีเรื่อง The Master’s Sun นะคะ จึงทำให้เนื้อหาบางอย่างอาจคล้ายคลึงกันบ้าง
*******************************************************
อย่าลืมกดเป็นแฟนพันธุ์แท้ฟิคเรื่องนี้กันนะคะ ^^
Part 8
เวลาบ่ายโมง เป็นเวลาที่คิมจุนซูมายืนรอปาร์คยูชอนอยู่ที่หน้าห้องตามเวลาที่อีกฝ่ายได้นัดเขาเอาไว้ แต่สิ่งที่เขาพบกลับเป็นเพียงคุณชินเฮ เลขาสาวสวยของเจ้าประธานหน้าหนูคนนั้นแทน
ไม่รู้จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้อย่างไร เอาเป็นว่าเขาโมโหและหงุดหงิดจนอยากจะกระโดดถีบหมอนั่นเลยก็ว่าได้ คนอุตส่าห์รีบกินข้าวรีบทำธุระส่วนตัวให้เสร็จเพื่อที่จะได้มาให้ตรงเวลานัด แต่อีคนนัดนี่ซิ! หายหัวไปไหน! เป็นถึงเจ้าของโรงแรมแท้ๆ แต่กลับทำตัวเหลวไหล ไม่ตรงเวลา รวยซะเปล่าแต่ไม่มีเงินซื้อนาฬิการึไง! มันน่าตบเหม่งให้หน้าผากยุบเสียจริงเชียว!!
13.20น. ปาร์คยูชอนก็ยังไม่มา…
13.35น. แม้แต่เงาของปาร์คยูชอน ก็ยังไม่ปรากฏให้เห็น
13.55น. แม้แต่เส้นผมก็ยังไม่มี…
“ไอ้หน้าหนูนั่น! มันแกล้งเราชัดๆ”
จุกซูที่นั่งรออยู่ตรงโซฟาหน้าห้องกัดฟันพูดออกมาอย่างเหลืออด นัดให้เขามาหาแต่ตัวเองกลับออกไปข้างนอก แบบนี้มันแกล้งกันชัดๆ ใบหน้ากลมๆ นั่นประดับคำว่าหงุดหงิดตัวโตๆ เอาไว้อยู่ จนชินเฮที่นั่งมองอยู่ไม่ไกลยังไม่กล้าชวนคุยเลย
เวลาบ่ายสองสิบนาที เป็นเวลาที่เสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินตรงเข้ามาจุนซูที่กำลังนั่งทำหน้ายุ่งพร้อมจะเขมือบหัวทุกคนที่ทำให้ไม่สบอารมณ์ได้ทุกเมื่อ ดวงตาเรียวเล็กมองเห็นปลายรองเท้าหนังราคาแพงก็พอจะรู้ได้อย่างทันทีเลยว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานี้เป็นใคร
ถ้าปาร์คยูชอนรู้สึกสำนึกสักนิด และไม่คิดจะเพิ่มดีกรีความโกรธให้กับจุนซู เขาก็คงจะไม่พูดประโยคนี้ออกมา…
“อ้าว? จริงซิ… ฉันลืมไปเสียสนิทเลยว่านัดเธอเอาไว้”
พรึ่บ!!!!
ประโยคที่เหมือนเป็นดั่งเชื้อเพลงที่ราดลงบนน้ำมัน ตอนนี้อารมณ์ของคิมจุนซูได้ปะทุขึ้นแล้ว ดีใจด้วยปาร์คยูชอน นายทำสำเร็จ!
“โถ… ผมก็ไม่นึกไม่ฝันเลยนะครับว่าผู้บริหารระดับสูงๆ อย่างเจ้าของโรงแรมนี้เขาจะมีสมองน้อย เอ้ย! เป็นคนขี้ลืม”
นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น… ในเมื่อเดินหน้ามาซะขนาดนี้แล้วก็คงจะไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้วล่ะมั้ง
ยูชอนที่ฉีกยิ้มอยู่ถึงกับหุบยิ้มลงอย่างทันที คนร่างสูงทำหน้านิ่งก่อนที่จะหันกลับไปมองหญิงสาวที่เป็นเลขาของตนเองพร้อมกับพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เดี๋ยวผมจะคุยธุระกับเด็กคนนี้ ห้ามให้ใครเข้าไปรบกวน แม้จะเป็นเรื่องสำคัญแค่ไหนก็ให้โทรเข้าไปบอกผมเอา”
“ขะ….. เข้าใจค่ะ”
ไม่รู้ว่าเจ้านายของเธออยู่ในอารมณ์ไหน แต่น้ำเสียงกับใบหน้านิ่งๆ แบบนี้ก็น้อยครั้งนักที่เธอจะได้เห็น
ใบหน้าคมหันกลับมามองคนตัวเล็กที่นั่งทำหน้ายุ่งก่อนที่จะเอ่ยปากพูดขึ้นมา
“เรามีเรื่องที่จะต้องเคลียกัน… ช่วยตามผมเข้ามาในห้องด้วยคุณนักศึกษาฝึกงาน”
จุนซูทำหน้าไม่สบอารมณ์ เขาหันไปมองเลขาสาวซึ่งเธอก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ ให้กับเขาเพียงเท่านั้น แม้จะไม่อยากตามเข้าไป แต่ในเมื่อตอนนี้เขายังเป็นนักศึกษาฝึกงานอยู่ที่นี่ ยังมีไอ้หน้าหนูปาร์คยูชอนเป็นเจ้าของโรงแรมและเป็นเจ้านายอยู่ก็ต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้
เอาซิ เป็นไงเป็นกัน! ต่อยปากหมอนี่เขาก็เคยทำมาแล้ว ถ้ามันคิดจะทำอะไรลามกอีกก็เอาแจกันทุ่มหัวมันเลยละกันงานนี้!!
.
.
.
“เชิญนั่งครับ… คุณนักศึกษาฝึกงาน”
ยูชอนผายมือให้จุนซูนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่หน้าโต๊ะทำงานของตนเองพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปากอย่างทะเล้นก่อนจะเดินไปทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ทำงานของตน
จุนซูเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้อย่างจำใจ เขาทำหน้านิ่งพร้อมกับจ้องมองใบหน้าของคนตรงหน้าอย่างไม่นึกกลัว
“มีอะไรกับผมก็รีบๆ พูดมาเถอะ จะไล่ออกไม่ให้ฝึกงานที่นี่แล้วก็พูดมาได้เลย”
ยูชอนที่ได้ฟังคำพูดของเด็กรุ่นน้องตรงหน้าถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
“นายดูไม่เป็นเดือดเป็นร้อนเท่าไหร่เลยนะ ดูเหมือนจะเตรียมตัวรับผลของการกระทำมาดีแหะ”
จุนซูสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างหงุดหงิด ก่อนที่จะพูดตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
“ขอใจความหลักด้วยครับ ผมขี้เกียจฟังคุณเพ้อเจ้อ”
จึก!!!
โดนด่าอีกแล้วไงล่ะปาร์คยูชอนเอ๋ย… หึ! เด็กคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ
“ฉันรู้มาว่านายคือรุ่นน้องที่มหา’ลัย เพราะฉะนั้น… เรื่องเมื่อวานฉันจะไม่เอาผิดนายก็แล้วกันนะ”
ยูชอนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ แถมยังส่งยิ้มให้จุนซูด้วยอีกต่างหาก
จุนซูชะงักไปเล็กน้อยหลังจากที่ได้ยิน เขาเลิกคิ้วพร้อมกับมองหน้าของอีกฝ่ายด้วยความสงสัย
“ห๊ะ? เมื่อกี้คุณพูดว่าไงนะ?”
ยูชอนยกยิ้มก่อนที่จะตอบกลับไป
“ฉันบอกว่าฉันจะไม่เอาเรื่องนายที่นายชกฉันเมื่อวานตั้งสองหมัด ดูซิปากฉันเขียวยังเขียวอยู่เลย”
จุนซูเพิ่งสังเกตเห็นรอยเขียวช้ำที่มุมปากของอีกฝ่าย แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกผิดอะไรขึ้นมาหรอกนะ กลับกันเขากลับรู้สึกสะใจแทนซะงั้น
“คุณจะมาเอาผิดผมได้ยังไงก็ในเมื่อเรื่องเมื่อวานผมไม่ได้ผิดเลยสักนิด!”
จุนซูเถียงกลับไปด้วยความโมโห
ยูชอนไหวไหล่ไม่สนใจในคำพูดของอีกฝ่าย
“ต่อยเจ้าของโรงแรมเลยนะ ไม่ผิดจริงๆ น่ะหรอ?”
“ก็ใครใช้ให้คุณมาจูบผมล่ะ! โดนแค่ต่อยอ่ะมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ ถ้ามีไม้หน้าสามอยู่ตรงนั้นผมเอามาฟาดหัวให้หน้าผากคุณยุบไปแล้ว!”
เอาล่ะ ตอนนี้คิมจุนซูได้ฟิวส์ขาดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บอกแล้วว่างานนี้เขาพร้อมรบเต็มร้อย จะเอาไงก็ว่ามา จะไล่ออกตอนนี้ก็พร้อมไป
“โหดซะด้วย”
ทั้งๆ ที่จุนซูกำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนั้นแต่ยูชอนกลับนั่งมองอย่างสบายใจ เขานั่งยิ้มอย่างสบายอารมณ์ผิดกับคนตัวเล็กที่นั่งหน้าบึ้งพร้อมพุ่งเข้ามาต่อยเขาได้ทุกเมื่อ
“สรุปจะเอายังไงก็ว่ามา แต่ขอบอกเลยว่าเรื่องเมื่อวานยังไงผมก็ไม่ผิด!”
จุนซูยังคงยืนกรานในคำพูดของตัวเอง ก็ในเมื่อไอ้หน้าหนูนั่นมันมาจูบเขาเอง เขาไม่ถีบกลับไปก็บุญแค่ไหนแล้ว!
“ก็ไม่อะไรมาก… ฉันแค่จะไล่นายออกจากการทำงานที่ห้องอาหารก็แค่นั้นเอง”
ยูชอนยังคงมีท่าทีสบายๆ ในตอนที่พูดประโยคนี้ออกมา ผิดกับคนฟังอย่างคิมจุนซูที่นั่งเบิ่งตาเล็กๆ นั่นด้วยความตกใจหลังจากที่ได้ยิน
“คุณจะไล่ผมออก?”
“แค่ไม่ให้ไปทำงานที่ห้องอาหารแล้วต่างหาก ส่วนเรื่องฝึกงานฉันยังให้นายฝึกที่นี่ต่อ”
จุนซูทำหน้าเครียด ถ้าเขาโดนไล่ออกจากการทำงานพาร์ทไทม์ที่ห้องอาหารรายได้ที่เขาเคยมีก็จะหายไปด้วย ค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งเรื่องเรียน ทั้งค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน ลำพังแต่พี่แจจุงก็ใช่ว่าจำได้เงินเดือนเยอะ พนักงานทำความสะอาดไม่ได้เงินเดือนดีอะไรมากมาย อย่างน้อยถ้าเขาได้ทำงานที่ห้องอาหาร เงินเดือนที่เขาได้รับก็พอจะนำมาช่วยแบ่งเบาภาระกับพี่แจจุงได้บ้าง
ยูชอนมองใบหน้าตึงเครียดของคนตัวเล็กด้วยความรู้สึกสนุก จริงๆ ก่อนหน้านี้เขาได้ให้ผู้ช่วยช่วยตรวจสอบข้อมูลและหาประวัติของคิมจุนซูมาบ้างพอสมควรแล้ว และเขาก็รับรู้ด้วยว่าที่คนตัวเล็กนี่ต้องทำงานพิเศษหลังฝึกงานเสร็จเพราะต้องการหารายได้เพื่อไปช่วยเหลือครอบครัวที่มีฐานะปานกลางเนื่องจากอาศัยอยู่กับพี่ชายแค่สองคน
และใครที่กำลังต่อว่าเขาอยู่ว่าเขาเป็นคนใจร้ายทั้งๆ ที่รู้อย่างนี้แล้วแท้ๆ แต่ยังจะไปไล่จุนซูออกอีกก็ขอให้คิดใหม่ เพราะจริงๆ แล้วคนอย่างปาร์คยูชอนนั้นใจดีมาก เขารวย เขาหล่อ ใจสปอร์ตกับคนน่ารักๆ เสมอนั่นแหละ หึหึ
“ฉันรู้ว่านายต้องการหารายได้พิเศษระหว่างฝึกงาน”
ยูชอนพูดขึ้นมาด้วยท่าทางสบายๆ
จุนซูที่กำลังตกอยู่ในห้วงความคิดของตนเองดึงสติกลับมาพร้อมกับจ้องมองยูชอนด้วยความไม่เข้าใจ ไอ้หน้าหนูนี่จะมาไม้ไหนอีก ถ้าลามกใส่เขาอีกคราวนี้เขาถีบกลับจริงๆ ด้วย!
“และพอดีฉันก็เป็นคนที่ใจดีพอสมควรอ่ะนะ”
วงเล็บ… เฉพาะกับคนที่น่ารักเท่านั้น
จุนซูมองอีกฝ่าด้วยสายตาเบื่อหน่าย หลงตัวเองชะมัด เหอะ!
“ฉันก็เลยจะให้นายมาเป็นผู้ช่วยฉันแทน”
จุนซูฟังแล้วถึงกับทำตาโต หน้าเหวอ
ยูชอนโน้มหน้าเข้าไปใกล้กับใบหน้ากลมๆ ของจุนซู เขายกยิ้มทะเล้นก่อนที่จะพูดต่อว่า…
“เงินดี งานไม่หนัก แค่อยู่ใกล้ๆ คอยรับใช้ฉันก็พอ”
จุนซูฟังแล้วก็ถึงกับทำหน้าเพลีย… ให้เป็นผู้ช่วยที่ทำหน้าที่คอยช่วยเรื่องงานหรือเรื่องไหน ช่วยพูดให้เคลียที
“ไม่ทำก็ได้นะ ฉันไม่ได้บังคับ แต่อยากจะบอกว่างานนี้ฉันให้เงินมากกว่างานที่ห้องอาหารสามเท่า”
“ไม่ได้เป็นงานที่ทำทุกวัน ถ้าฉันมีงาน ฉันก็จะเรียกนายมาเอง ถ้าว่างๆ ยังอยากกลับไปทำงานที่ห้องอาหารรอก็ยังได้ นี่ฉันใจดีสุดๆ ไปเลยนะเนี่ย”
จุนซูนั่งเงียบ ฟังปาร์คยูชอนพล่ามไปอย่างเรื่อยๆ โดยภายในหัวก็คิดประมวลผลถึงข้อดีข้อเสียของงานนี้ไปด้วย
ข้อดี… เงินดี รายได้เยอะ
ข้อเสีย… ต้องทำงานกับไอ้หน้าหนูจอมลามกนี่ยังไงล่ะ! เจอกันวันแรกยังโดนจูบเลย ถ้าต้องเจอกันบ่อยๆ นี่เขาไม่เผลอตัวไปเป็นเมียมันเลยหรอวะ!
แต่ในเมื่อไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง ชีวิตยังต้องดิ้นรน บนโลกนี้มนุษย์อย่างเรายังต้องใช้เงินในการดำลงชีวิตอยู่ ทางเลือกของเขาก็คงจะมีไม่มาก ดังนั้นจุนซูจึงตอบปารูคยูชอนกลับไปว่า…
“ผม… ตกลง”
ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นรนกันต่อไป แค่สี่เดือนเอง ไม่นานหรอก ท่องเอาไว้ อดทนๆ
‘แต่เพื่อความปลอดภัย… เดี๋ยวเขาจะเตรียมพกสเปรย์พริกไทย ที่ช็อตไฟฟ้า คัตเตอร์ กรรไกรเอาไว้ให้พร้อม’
ยูชอนยกยิ้มพอใจ เขายกนิ้วขึ้นลูบริมฝีปากของตัวเองช้าๆ รสจูบเมื่อวานยังคงติดตรึงอยู่ในความรู้สึก…
‘มีเรื่องสนุกๆ มาให้เล่นแก้เบื่ออีกแล้ว’
.
.
.
.
.
กลับมาอีกครั้งกับความรู้สึกเดิมๆ บรรยากาศเดิมๆ ณ ห้างสรรพสินค้าเดิมๆ ที่ทำยังไง คิมแจจุงก็ไม่ชิน ไม่ชินอย่างเด็ดขาด ก็ใครจะไปชินล่ะ! บรรยากาศตอนห้างปิดนี่มันน่าชินมากเลยซิ!
“รู้ทั้งรู้ว่าเราเห็นผีได้ แต่ก็ยังให้มาทำความสะอาดตอนห้างปิดอีก แบบนี้มันแกล้งกันชัดๆ”
แจจุงถูพื้นไปพร้อมกับบ่นไป ดูก็รู้ว่าชองยุนโฮน่ะแกล้งเขา มีอย่างที่ไหน มันเลยเวลาเลิกงานของเขาไปแล้วแท้ๆ แต่ก็บอกให้หัวหน้าแม่บ้านมาขอให้เขาอยู่ทำโอทีเพราะเห็นพื้นห้างสกปรก และอีกอย่าง… ตรงโซนนี้มันไม่ใช่โซนที่เขารับผิดชอบเลยสักนิด เขารับผิดชอบทำความสะอาดแค่ชั้นที่ยุนโฮอยู่ต่างหาก!
แม้ว่าบรรยากาศวันนี้มันจะไม่ได้น่ากลัวเท่าเมื่อครั้งนั้น แต่ลองนึกสภาพดูว่าในสถานที่ใหญ่ๆ แต่กลับเงียบเหงาไร้ผู้คน ไร้เสียงพูดคุยแบบนี้ เรียกได้ว่าแทบจะได้ยินเสียงมดหายใจเลยก็ว่าได้ เป็นคุณ… คุณจะไม่กลัวหรอ? จริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีเขาอยู่แค่คนเดียวหรอกนะที่ทำความสะอาดอยู่ในตอนนี้ คนอื่นๆ ก็พอมีบ้าง แต่ก็อยู่กันคนละโซน คนละชั้น ถ้าเป็นคนอื่นเขาอาจจะไม่ค่อยกลัวกันหรอก ก็เขาไม่ได้เห็นอะไรแปลกๆ แบบเราหนิ! มันเป็นเรื่องธรรมดาที่คนอย่างคิมแจจุงจะกลัวการอยู่ในที่วังเวงๆ แบบนี้ เพราะเขารู้อยู่เสมอว่า…
ในสถานที่แห่งนี้… ไม่ได้มีเขาอยู่แค่คนเดียว
แต่จะทำไงได้ล่ะ ท่านประธานเขาขอมาหนิเนอะ ลูกจ้างชั้นรากหญ้าแบบคิมแจจุงจะไปค้านอะไรได้ ทำได้เพียงก้มหน้าถูพื้นต่อไปก็แค่นั้นแหละ และในตอนที่เขากำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่นั่นเอง บางสิ่งบางอย่างก็เกิดขึ้น
พรึ่บ!!!
ขนอ่อนของแจจุงพากันลุกพรึ่บ! มันมาอีกแล้ว… ความรู้สึกนี้มันกลับมาอีกครั้ง ความรู้สึกที่บอกเราว่ากำลังมีบางสิ่งบางอย่างจ้องมองมาที่เขา และสิ่งนั้นที่ว่า.. ก็ไม่น่าจะใช่คน
แจจุงหยุดถือพื้น ฝ่ามือของเขาเริ่มชื้นเหงื่อ ตามไรผมของเขาก็เช่นกัน
“ชะ……. ชางมิน……หรอ?”
แม้โอกาสที่จะเป็นชางมินนั้นแทบจะติดลบ แต่เขาก็ยังภาวนาให้สายตาคู่ที่กำลังจ้องมองมาที่เขาอยู่นั้นเป็นผีรุ่นน้องที่ชอบกวนประสาท แต่คำขอของเขาก็ไม่เป็นจริง เพราะเสียงที่กำลังดังเข้ามาใกล้เขาเรื่อยๆ นั้นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีเลยว่าไม่มีทางเป็นชิมชางมินได้แน่ๆ
กึก! กึก!…. กึก!!
เพราะมันเป็นเสียงของร้องเท้าส้นสูงที่ดังกระทบกับพื้น ซึ่งคนอย่างชางมิน… คงไม่มีทางใส่ร้องเท้าส้นสูงหรอกนะ
แจจุงตัวสั่นด้วยความกลัว บอกแล้วว่าจะให้เจอผีเป็นร้อยเป็นล้านตัวยังไงเขาก็ไม่ชิน ทำไมไม่เข้ามาหาเขาด้วยสภาพดีๆ บ้างล่ะ ทำไมต้องมาทำให้เขากลัวตลอดเลย! เดี๋ยวจะไม่ช่วยแล้วนะ! เอาจริงๆ ถึงจะพูดออกไปแบบนั้นแต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่คิมแจจุงจะเห็นแก่ตัวไม่ช่วยเหลือผีพวกนั้น
กึก! กึก!…. กึก!!
เสียงส้นสูงที่ถูกลากไปกับพื้นนั้นเริ่มใกล้เข้ามาหาแจจุงที่ยังคงยืนอยู่กับที่
กึก…… กึก… กึก กึก!
เขาเริ่มรู้สึกได้ถึงความเย็นที่เริ่มใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ
คนร่างบางรวบรวมความกล้า แม้ตัวจะสั่น หน้าจะซีด หัวใจจะเต้นระรัวมากแค่ไหน แต่เขาก็อยากหันไปมองให้แน่ใจว่าสิ่งที่อยู่ด้านหลังเขานั้นเป็นคนหรือว่าผี
‘เอาวะ! เป็นไงเป็นกัน!’
ใบหน้าขาวๆ ค่อยๆ หันกลับไปมองที่ด้านหลังของตัวเองอย่างช้าๆ เขามองไล่ไปตามพื้นก่อนที่ดวงตากลมจะไปสะดุดเข้ากับปลายเท้าของใครบางคนเข้า
ปลายเท้าขาวซีด ซีดเกิดกว่าจะเท้าของมนุษย์ และถ้ากลัวว่าเขาจะคิดไปเอง เท้าที่ว่างเปล่าข้างหนึ่งกับอีกข้างที่สวมร้องเท้าส้นสูงสีแดงเอาไว้ก็เป็นสิ่งยืนยันในความคิดของเขาได้เป็นอย่างดีว่านี่… ไม่น่าจะใช่เท้าคน
เพราะคงไม่มีใครที่ไหนมาเดินลากร้องเท้าส้นสูงข้างเท้าเปล่าข้างในเวลาที่ห้างปิดแล้วแบบนี้หรอกนะ
อึก… แจจุงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ เขาค่อยๆ ไล่สายตาจากปลายเท้าขาวซีดนั่นขึ้นไปเรื่อยๆ และสิ่งที่เห็นก็ยิ่งทำให้คนตัวเล็กหัวใจเต้นระรัวด้วยความหวาดกลัว
ปลายเท้าขาวซีด เท้าข้างซ้ายของเธอสวมรองเท้าส้นสูงสีแดง แต่เท้าขวาของเธอว่างเปล่า มองไล่ตามเรียวขาขาวซีดนั้นขึ้นไปอีก ขาข้างขวาที่ปราศจากร้องเท้าของเธอกลับมีเลือดสีแดงค่อยไหลลงมาตามแรงโน้มถ่วงโลกซะอย่างงั้น และถ้าแค่นั้นมันยังทำให้แจจุงผวามากไม่พอ ใบหน้าด้ายซ้ายของเธอที่ยุบไปทั้งแถบบวกกับเลือดสีแดงสดที่เปรอะเปื้อนใบหน้าของเธอนั้นก็ทำให้แจจุงแทบช็อค
กึก…… กึก… กึก กึก!
หญิงสาวที่อยู่ในชุดเดรสสั้นสีดำ ค่อยๆ ลากขาข้างที่ไร้ร้องเท้าของเธอเดินตรงเข้ามาหาแจจุงอย่างช้าๆ เสียงส้นร้องเท้าดังกระทบกับพื้นดัง กึก… กึก
‘ชะ…… ช่วย………. ด้วย’
แจจุงตัวสั่น เขากำไม้ถูพื้นแน่น สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กว่าที่จะคิดได้ว่าตัวเองควรจะวิ่งก็ตอนที่ผีตนนั้นอยู่ห่างจากที่ที่ตนยืนอยู่ไม่มากเสียแล้ว ก่อนที่เขาจะช่วยเธอ เขาคงต้องช่วยไม่ให้ตัวเองต้องช็อคตายไปเสียก่อน
ตึง!!!
คนตัวเล็กปล่อยไม้ถูพื้นลงกับพื้นก่อนที่จะออกตัววิ่งด้วยความเร็ว วิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้จะไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะวิ่งไปที่ไหนก็ตาม เสียงของส้นรองเท้าที่กระทบกับพื้นยังคงดังไล่ตามหลังเขามาอยู่ไม่ห่าง
“จะมาตามหลอกหลอนกันทำไม! มาปรากฏตัวขอร้องผมดีๆ ไม่เป็นกันรึไงนะ”
แจจุงอดที่จะบ่นออกมาอย่างเสียไม่ได้ตอนที่เขากำลังวิ่งหนีผีตนนั้น และเพราะไม่ทันได้ระวังหรือเพราะวิ่งด้วยความเร็วมากจนเกินไป รองเท้าที่ค่อนข้างจะหลวมเพราะใส่มานานแล้วก็ดันหลุดออกจากเท้าของเขาซะอย่างงั้น
แจจุงหันหน้ากลับไปมองรองเท้าที่กระเด็นห่างจากจุดที่เขายืนอยู่ กำลังตัดสินใจว่าจะวิ่งกลับไปเอาดีมั้ย แต่ผีสาวที่กำลังเดินลากขามาทางเขาด้วยความเร็วแบบสปีดจนแทบจะเรียกได้ว่าเดินเร็วก็ทำให้แจจุงตัดสินใจที่จะออกวิ่งต่อโดยที่เท้าเปล่าข้างหนึ่งนี่แหละ เพราะเสียงของเธอกำลังไล่ตามหลังเขามาเสียแล้ว
‘ช่วย…. ด้วย’
แม้ทั้งเขาและผีตนนั้นจะมีร้องเท้าแค่ข้างเดียวด้วยกันทั้งคู่ แต่มันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการวิ่งหนีของเขาเลย ส่วนผีตนนั้น… ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการลากขาวิ่งไล่ตามเขาด้วยเช่นกัน ให้ตายซิ!
‘เออดี!! มีรองเท้าคนละข้างเท่ากันแล้วงานนี้ เท่าเทียมกันดี!’
.
.
.
และในช่วงเวลาเดียวกันกับที่คิมแจจุงกำลังวิ่งหน้าตั้งหนีผีร้องเท้าส้นสูงอยู่นั่นเอง ชองยุนโฮที่เพิ่งจะเคลียงานเสร็จในเวลาเกือบจะห้าทุ่มครึ่งก็กำลังจะเดินทางกลับไปพักผ่อนที่คอนโดของตนเอง
คนร่างสูงนั่งประจำอยู่ที่นั่งคนขับ เนื่องจาวันนี้เลขาคิมรู้สึกไม่ค่อยสบายเขาก็เลยให้คุณลุงกลับไปพักผ่อนตั้งแต่ทุ่มนึงแล้ว ดังนั้นวันนี้ผู้บริหารระดับสูงอย่างเขาจึงต้องขับรถกลับบ้านเอง ซึ่งจริงๆ แล้วชองยุนโฮก็ชอบแบบนี้อยู่เหมือนกัน อยากไปไหนมาไหนคนเดียวเหมือนตอนสมัยเรียน แต่เพราะด้วยตำแหน่งและหน้าที่การงานทำให้เขาไม่สามารถทำอะไรได้อย่างใจหวัง
“คิดแล้วก็อยากกลับไปเรียนอีกจัง”
ยุนโฮบ่นพึมพำกับตนเอง เขากดเปิดเพลงฟังพร้อมกับฮัมตามเพลงโปรดของตัวเองไปอย่างสบายใจ ก่อนที่จะสตาร์ทรถและขับเคลื่อนออกไปตามทาง
ตอนนี้ยุนโฮอารมณ์ดี เขาขับรถพร้อมกับฮัมเพลงไปด้วยอย่างมีความสุข โยกหัวไปตามจังหวะเพลงพร้อมกับอมยิ้มไปด้วย และที่เขาอารมณ์ดีแบบนี้ได้ก็เพราะวันนี้เขาสามารถกำจัดคิมแจจุงไม่ให้มาทำตัวลับๆ ล่อๆ แอบมองเขาได้ยังไงล่ะ
แต่บางทีชองยุนโฮอาจคิดผิด หรือบางทีเขาไม่ควรจะคิดถึงหมอนั่นเลยจริงๆ เพราะเพียงแค่นึกถึง ร่างของคิมแจจุงที่วิ่งหน้าตื่นเหมือนกับหนีอะไรมาก็มาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเขาเสียแล้ว ยุนโฮชะลอรถเพื่อหยุดมองดูว่าแจจุงนั้นเป็นอะไร และดูเหมือนว่าแจจุงจะจำรถเขาได้ เพราะหมอนั่นดันพุ่งตรงเข้ามาเคาะกระจกรถพร้อมกับตะโกนเรียกเขาอย่างเสียงดัง แถมยังมิวายหันไปมองทางด้านหลังของตนเองอย่างหวาดๆ อีกต่างหาก
“ท่านประธานฮะ!! ช่วยผมด้วย เปิดประตูรถให้ผมหน่อย!”
ยุนโฮไม่รู้หรอกว่าแจจุงนั้นดีใจมากแค่ไหนที่วิ่งออกมาแล้วเจอรถของยุนโฮขับออกมาพอดี ยุนโฮไม่รู้หรอกว่าตัวเองเป็นที่พึ่งเดียวของแจจุงในตอนนี้ ยุนโฮคงไม่มีทางรู้เรื่องพวกนี้แน่ๆ เพราะคนที่นั่งอยู่ในรถกลับทำสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ กลับมาทั้งสิ้น
ยุนโฮเลิกคิ้วขึ้นมองแจจุงที่ทุบกระจกรถของตัวเองเหมือนคนเสียสติ แถมยังมองไปทางด้านหลังของตัวเองตลอด ซึ่งเขาก็ได้มองตามไปแล้ว แต่กลับไม่เห็นอะไรเลยสักอย่าง พบแต่ความว่างเปล่า
“ท่านประธาน!! เปิดประตูหน่อยฮะ!!”
ยุนโฮขมวดคิ้วพร้อมกับทำหน้ายุ่ง พร้อมกับตอบกลับคิมแจจุงกลับไปอย่างเย็นชาว่า…
“ไม่”
แล้วรถยนต์คันหรูก็เคลื่อนตัวจากไปทิ้งให้แจจุงยืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง ไม่ซิ… ตอนนี้ไม่ลำพังแล้วเพราะเสียงส้นรองเท้าที่ดังกระทบกับพื้นมันกลับมาให้เขาได้ยินอีกครั้งเสียแล้ว
แจจุงยืนตัวสั่น ทั้งหน้าทั้งตัวของเขาขาวซีด หัวใจเต้นแรง ตอนนี้เขาทั้งเสียใจและหวาดกลัวจนแทบจะร้องไห้ออกมาเสียแล้ว ทำไมยุนโฮถึงไม่มาช่วยเขา… ทำไม…
กึก…… กึก… กึก กึก!
‘ระ…… รอง….เท้า’
กึก กึก กึก กึก!
‘ชะ… ช่วย’
เสียงรองเท้าส้นสูงนั้นใกบ้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ แจจุงได้แต่ยืนตัวสั่นขาก้าวไม่ออกอยู่กับที่
ยุนโฮที่ขับรถออกไปแล้วมองร่างของคิมแจจุงที่ยืนตัวสั่นยกมือปิดหูผ่านกระจกมองหลัง คนตัวเล็กที่ใส่ชุดพนักงานทำความสะอาดที่ยืนตัวสั่นเหมือนลูกนกตกน้ำนั่น ทำให้คนมองอย่างเขาเกิดความรู้สึกอะไรบางอย่าง…
และไม่รู้ว่าเพราะอะไร ชองยุนโฮถึงได้ปรับเกียร์และขับรถถอยหลังกลับไปในที่ที่แจจุงยืนอยู่
เอี๊ยด!!!!!!!
เสียงของยางรถยนต์ที่เกิดแรงเสียทานกับพื้นดังสั่นไปทั่วทั้งลานจอดรถ ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงเปิดปิดประตูและการปรากฏตัวของ… ชองยุนโฮ
“นี่นายมายืนโวยวายทำอะไรอยู่ตรงนี้ห๊ะ? เป็นอะไรไปอีก?”
ชองยุนโฮมองดูคนตัวเล็กที่หลับตาปี๋ ยกมือขึ้นปิดหูของตัวเองด้วยความหงุดหงิด เขากำลังจะอ้าปากต่อว่าแจจุงเพิ่มอยู่แล้วเชียวถ้าอยู่ๆ คนร่างบางนั่นจะไม่พุ่งตัวเข้ามากอดเขาเอาไว้เต็มแรงเสียก่อน
หมับ!!!!!
แจจุงพุ่งตัวเข้าไปกอดชองยุนโฮแน่น เรียวแขนเล็กโอบไปที่รอบเอวของอีกฝ่าย ใบหน้าขาวๆ ซบลงไปที่แผ่นอกแข็งแกร่งนั่น
อบอุ่น… ปลอดภัย
นั่นคือความรู้สึกที่แจจุงได้รับจากการกอดคนคนนี้ พร้อมกับ…
พรึ่บ!!!!!!
วิญญาณของผีสาวตนนั้น… ได้หายไปแล้ว
“ขะ….. ขอบคุณ….. ขอบคุณฮะท่านประธาน”
แจจุงเอ่ยปากขอบคุณด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ขอบคุณจริงๆ ขอบคุณที่ยอมกลับมาช่วยกัน ขอบคุณจริงๆ ที่ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยได้แบบนี้
ยุนโฮทีตกใจทำอะไรไม่ถูกตอนโดนแจจุงสวมกอด เขาที่ตั้งใจว่าจะผลักคนตัวเล็กนั่นออกก็ต้องหยุดการกระทำนั้นเอาไว้เมื่อรับรู้ได้ถึงแรงสั่นจากตัวและน้ำเสียงของคนคนนี้
‘หมอนี่ไปเจออะไรมา และทำไมถึงได้กลัวเสียขนาดนี้’
นั่นคือสิ่งที่ยุนโฮสงสัย
แค่ได้สัมผัสตัวของยุนโฮ ความกลัวที่มรก่อนหน้านี้ก็มลายหายไปจนหมดสิ้น
‘คุณคือหลุมหลบภัยของผมจริงๆ ท่านประธาน’
TBC ^----------^*
*******************************************************
Talk : )
สวัสดีค่ะ
มาโผล่ดึกๆ เลย
ว่าจะไม่อัพแท้ๆ แต่ก็กลัวคนอ่านจะขาดตอน
แต่ตอนนี้รายงานตัวเองยังไม่เสร็จเลยนะคะ ฮื่ออออออ
เมื่อวานไปงานบายเนียร์มาด้วย
อาทิตย์หน้าอาจจะไม่ได้มาอัพจริงๆ นะงานนี้ถ้ารายงานยังไม่เสร็จ ช่วยรอกันหน่อยนะคะ
เพราะจะส่งสิ้นเดือนนี้แล้ว
ขอเวลาไปปั่นรายงานต่อก่อนน๊า
Twitter >>> http://twitter.com/@MMooKiiEE
E-mail >>> mookiie_jong@hotmail.com
ขอบคุณทุกๆ คนที่กดเข้ามาอ่าน
แล้วเจอกันในตอนหน้าค่ะ
^--------------------^*
*******************************************************
ความคิดเห็น