ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] ☆--- Mystery Love ---☆ [TVXQ][YAOI]

    ลำดับตอนที่ #7 : ,,, Part 6 ,,, เป็นคนเห็นผีหรือเป็นคนบ้า?

    • อัปเดตล่าสุด 3 มี.ค. 57


    Title         :  Mystery Love
    Type        :  Long fiction
    Author      :  *..MooKiiE..*
    Category :  Comedy / Romance
    Paring      :  Yunho x Jaejoong / YooChun x JunSu
    Note         :  เรื่องนี้มุกได้แรงบันดาลใจมาจากซีรี่ส์เกาหลีเรื่อง The Master’s Sun นะคะ จึงทำให้เนื้อหาบางอย่างอาจคล้ายคลึงกันบ้าง

                                                                                                                                                                                                                                                              

    *******************************************************

     

     อย่าลืมกดเป็นแฟนพันธุ์แท้ฟิคเรื่องนี้กันนะคะ ^^
     

    Part 6

     

                    หลายๆ คนคงจะจินตนาการไม่ออกเลยว่าเวลาที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ หลังทำการปิดให้บริการนั้นจะเป็นอย่างไร พวกเราคงจะเคยชินแต่กับบรรยากาศที่มีคนมากมายเดินพลุกพล่านไปมา แต่บรรยากาศก่อนห้างเปิดหรือหลังห้างปิดนั้นคงจะมีน้อยคนนักที่จะเคยได้เข้ามาสัมผัส

     

                แต่ตอนนี้คิมแจจุงได้สัมผัสกับบรรยากาศนั้นแล้ว!

     

                    “คะ….. คุณ…. ยุนโฮ ผะผมว่า…….

                    แจจุงที่เดินอยู่ทางด้านข้างของคนร่างสูงเอ่ยปากพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ดวงตากลมโตกวาดสายตามองบรรยากาศรอบๆ ข้างด้วยสายตาหวาดระแวง ทุกสิ่งทุกอย่างตกอยูในความมืดมิด มีเพียงแค่แสงไฟจากไฟฉายของเขาและยุนโฮแต่เพียงเท่านั้น ทำไมอ่ะ! เป็นถึงเจ้าของห้างทำไมไม่บอกให้เขาอย่าเพิ่งปิดไฟอ่ะ มืดๆ แบบนี้ผีก็ยิ่งชอบดิ

     

                    อะไร?

                    ยุนโฮตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ

     

                    บอกให้เขาช่วยเปิดไฟในห้างไม่ได้หรอฮะ ผมว่าแบบนี้……

     

                    ทำไม? มืดๆ แบบนี้นายจะมองหาผีไม่เจองั้นหรอ? ฉันนึกว่าผีชอบอยู่ในที่มืดๆ ซะอีก

                    ยุนโฮพูดตอบหน้าตายจนแจจุงไม่กล้าพูดต่อ เขาก็เลยได้แต่บ่นงุ้งงิ้งกับตัวเองเบาๆ

     

                    ผีน่ะชอบแต่ผมกลัวนี่นา…….

     

                    ยุนโฮยกยิ้มที่มุมปาก เขาไม่ได้พูดอะไรกลับไป เขาเพียงแค่ใช้ไฟฉายที่ถืออยู่ในมือดันให้คนด้านข้างที่ยืนทำหน้ายุ่งให้ก้าวขาเดินไปทางข้างหน้าต่อ ท่ามกลางบรรยากาศที่มืดมิด มีเพียงแค่เสียงฝีเท้าของพวกเขาสองคนเพียงเท่านั้นที่ดังสะท้อนให้ได้ยิน พวกเขาสองคนเดินอยู่ที่ชั้นหนึ่ง ตรงบริเวณหน้าลานน้ำพุที่มีคนถ่ายรูปติดวิญญาณของหญิงสาวคนนั้นได้

     

                    เจอมั้ย?

                    อยู่ๆ ชองยุนโฮก็ถามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ

     

                    ห๊ะ? อะไรนะครับ?

     

                    ฉันถามว่าเจอผีผู้หญิงคนนั้นรึยัง?

     

                    แจจุงกวาดสายตามองดูรอบๆ ก่อนที่จะหันมาสบตากับคนร่างสูงและส่ายหัวไปมา

                    ยังครับ

     

                    ผีผู้หญิงตนนั้นน่ะยังไม่เจอ แต่ก่อนหน้านี้ระหว่างทางที่เดินมาที่นี่เขาได้เจอผีตั้งหลายตัวแน่ะ ทั้งผีคุณลุงข้างถังขยะที่นั่งหมุนฝาถังขยะเล่นไปมา ผีคุณแม่บ้านที่กำลังตั้งใจถูพื้นอย่างขะมักเขม้น ส่วนในตอนนี้ เขาก็ได้พบเจอกับผีอีกหนึ่งตน ผีที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี

     

                    “นี่นายเห็นผีได้จริงๆ รึป่าวเนี่ย ฉันไม่มีเวลามาเดินเล่นกับนายนักหรอกนะ!

     

                    ผะ…. ผมเห็นผีได้จริงๆ นะ…. นี่! ตรงนี้…. กำลังมีผีนักเรียนชายยืนอยู่ เขาชื่อชิมชางมิน!

                    แจจุงรีบตอบกลับเสียงแข็ง เขาชี้ไปที่ที่ชางมินยืนอยู่ ชางมินได้แต่ยืนมองทั้งคู่แล้วก็หัวเราะออกมา

     

                    หมอนั่นไม่เชื่อพี่หรอก!”

                    และเขาก็ไม่ลืมที่จะให้กำลังใจที่ชายคนสวยคนนี้ด้วย เห็นมั้ยว่าเขาเป็นผีที่ดีจะตาย

     

                    แจจุงหันกลับไปทำตาโตใส่ชางมิน

                    ต้องเชื่อซิ

     

                    ก่อนที่เขาจะหันไปหาชองยุนโฮอีกครั้ง

                    ผมเห็นผีได้จริงๆ นะ! และนี่ผมก็กำลังคุยกับผีอยู่

     

                    ยุนโฮยืนนิ่งไม่ตอบอะไรกลับไปอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนที่เขาจะยกไฟฉายขึ้นมาส่งหน้าคิมแจจุงและพูดตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

                    ถ้านายเห็นผีได้จริงงั้นนายก็ไปบอกให้ผีตัวนั้นช่วยนายหาผีผู้หญิงซะซิ

     

                    แจจุงหยีตาลงเพราะแสงไฟฉายที่ถูกสาดเข้ามาที่หน้า เขาหันหน้ากลับไปมองชางมินที่ยืนนิ่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนที่จะวกกลับมามองใบหน้าของยุนโฮอีกครั้ง สายตาคมที่ทอดมองมาทำให้เขารู้สึกเจ็บแปลกๆ นิดๆ สายตาที่เหมือเขาเป็นแค่ตัวตลก

     

                    ทั้งๆ ตลอดระยะเวลาสามปี เขาก็มักจะเจอแต่สายตาแบบนี้ที่จ้องมองมา แต่ทำไมพอมันเป็นสายตาของชองยุนโฮ ถึงทำให้เขารู้สึกแปลกๆ แบบนี้ได้นะ

     

                    ฉันมีเวลาเล่นกับนายไม่มากนักหรอกนะ ถ้านายกำจัดผีตนนั้นไปไม่ได้……..

     

                    ก็รีบไสหัวของตัวเองไปซะ!”

                    ชองยุนโฮพูดเสียงดังใส่คนตรงหน้า เขาไม่ได้ตะคอกเขาเพียงแต่พูดด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าปกติก็เท่านั้น

     

                    อะ…. ฮะ เข้าใจแล้วครับ

                    แจจุงเม้มปากแน่น เขาจะยอมแพ้ไม่ได้ เขาจะยอมไปจากหลุมหลบภัยชั้นดีแบบนี้ง่ายๆ ไม่ได้เด็ดขาด!

     

                    คนตัวเล็กไม่รอช้า เขารีบเดินตรงเข้าไปหาชางมินที่ยืนกอดอกมองดูเขาและยุนโฮอยู่

                    ชางมิน…..

     

                    “…………………..

     

                    ช่วยฉันหน่อยเถอะนะ ช่วยไปตามผีผู้หญิงตนนั้นให้ที บอกเธอว่าฉันอยากจะช่วยเธอแล้ว ให้เธอออกมาหาฉันเถอะ

     

                    แล้วผมอ่ะ

                    ชางมินชี้นิ้วมาที่ตัวเอง

     

                    ห๊ะ?

     

                    พี่จะช่วยเธอ แล้วผมจะได้อะไรอ่ะ ถ้าผมไปตามหาเธอมาให้

     

                    พี่จะซื้อกาแฟให้นายทุกวันเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์

     

                    ผมไม่รู้ด้วยซิว่าเธอไปไหน คงจะหายากน่าดู

                    ชางมินบ่น

     

                    วันเสาร์นี้พี่สัญญาเลยว่าจะสั่งพิซซ่ามาให้นายกิน

     

                    ชางมินเหลือบตามองหน้าของแจจุงเล็กน้อยก่อนที่จะถามกลับไปสั้นๆ

                    กี่ถาด

     

                    สี่

     

                    เจ้าผีจอมกวนประสาทยิ้มร่า

                    โอเค เมื่อกี้เหมือนผมจะเห็นเธอเดินแว็บๆ อยู่ที่ชั้นสามล่ะ

     

                พรึ่บ!!!

                พอได้สิ่งตอบแทนที่น่าพึงพอใจ ชิมชางมินก็รีบไปทำหน้าที่ของตนเองอย่าทันที ช่างสมเป็นผีที่อยู่ในวัยกำลังกินกำลังนอนเสียจริงเชียว ไม่ได้เป็นผีที่เห็นแก่กินจริงๆ นะ!

     

                    แจจุงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขาได้แต่ยืนภาวนาให้ชางมินตามหาเธอจนพบด้วยเถอะ หลายครั้งที่เขาเคยช่วยเหลือพวกผีๆ ให้หลุดพ้นจากความเศร้าและได้ไปเกิดใหม่ มาคราวนี้ก็ขอให้บรรดาคุณผีเป็นฝ่ายช่วยเขาด้วยทีเถอะนะ!

     

                    ยุนโฮที่ยืนดูอยู่ไม่ไกลขมวดคิ้วจนเกิดเป็นปมขนาดย่อมขึ้นมา เขายกแขนขึ้นกอดอกในตอนที่ดวงตาคมกำลังจ้องมองผู้ชายตัวเล็กๆ ที่เมื่อสักครู่นี้กำลังยืนคุยอยู่คนเดียวอย่างพิจารณา

     

                    หมอนั่นยืนคุยอยู่คนเดียวได้ตั้งนานสองนาน

     

                    เหอะ! ถ้าไม่ได้เป็นคนเห็นผีก็เป็นคนบ้าล่ะวะ!

    .

    .

    .

    .

    .

                    สองทุ่มนั่นคือเวลาเลิกงานของจุนซู แต่กว่าที่เขาจะจัดการเปลี่ยนชุดและแวะไปเอาอาหารที่พี่ๆ จากทางห้องครัวได้จัดแบ่งเอาไว้ให้ก็เป็นเวลาเกือบสามทุ่มเสียแล้ว

     

                    จุนซูใช้ประตูทางด้านหลังเป็นทางออก เขาเดินลัดเลาะไปตามสวนหย่อมของทางโรงแรมเพื่อที่จะออกไปรอรถเมล์ที่ทางด้านหน้า และในตอนที่เขากำลังจะก้าวขาออกจากสวน สายตาของเขาก็ดันไปสะดุดเข้ากับร่างของคนสองคน

     

                    แผ่นหลังกว้างที่แลดูคุ้นตากับหญิงสาวสวยหุ่นนางแบบที่กำลังโอบกอดและแลกจูบกันอย่างร้อนแรง

                   

                    จุนซูไม่อยากจะสนใจหรอกนะ แต่จุดที่สองคนนั้นยืนกอดจูบลูบคลำกันอยู่มันเป็นทางที่เขาจะต้องใช้เดินน่ะซิ!

                    “ถ้าจะล้วงกันขนาดนี้ก็ไปเปิดห้องเลยเหอะ!

     

                    จุนซูยืนทำหน้ายุ่ง เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูซึ่งตอนนี้เข็มสั้นก็ได้ชี้อยู่ตรงเลขเก้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้ตายเหอะ! สามทุ่มแล้ว เขาต้องรีบกลับบ้านไปรอพี่แจจุงนะเว้ย นี่มันควรเป็นเวลาที่เขาจะต้องไปยืนรอรถเมล์ที่ป้ายซิ ไม่ใช่มายืนเฝ้ารอคนจูบกันแบบนี้!

     

                    จุนซูตัดสินในเดินตรงเข้าไปหาคนทั้งคู่อย่างไม่เกรงกลัว

                    “ขอโทษนะครับ กรุณาหลีกทางให้ผมหน่อย”

     

                    “อ๊ะ! ยะ…. ยูชอนคะ มีคนมาค่ะ อื้อ~ พอก่อนซิคะ”

                    เป็นฝ่ายหญิงสาวที่รู้สึกถึงการมีตัวตนของจุนซูเป็นคนแรก ส่วนฝ่ายชายก็เอาแต่ซุกไซร้ซอกคอของเธออย่างเมามันส์

     

                อดอยากปากแห้งอะไรขนาดนั้น

                    จุนซูเบะปากใส่การกระทำของคนทั้งคู่ เป็นถึงผู้บริหารระดับสูงของโรงแรม แต่ดันทำตัวน่าอายลากผู้หญิงมาฟัดอยู่ในสวน ถ้าอยากมากขนาดนั้นทำไมไม่พาขึ้นห้องไปวะ ห้องพักก็อยู่ใกล้ๆ แค่นี้ หรือว่าอดใจไม่ไหว อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศดูว่างั้น? ไม่น่าเชื่อเลยว่าหมอนี่จะเป็นคนเดียวกันกับคนเมื่อตอนกลางวัน ทั้งๆ ที่เวลาทำงานก็ดูเหมือนจะเป็นคนดี มีความรับผิดชอบ ไหงพออยู่กับสาวๆ แล้วถึงได้กลายเป็นไอ้หนูหน้าหม้อไปได้ เสียดายความรู้สึกที่เคยคิดว่าหมอนี่เป็นคนดีชะมัด!

     

                    ยูชอนผละใบหน้าออกมาจากซอกคอของหญิงสาว เขาจิ๊ปากออกมาด้วยความหงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะ ก่อนที่ดวงตาคมจะตวัดสายตากลับไปมองยังต้นตอของคนที่ทำให้เขาอดขย้ำเหยื่อ

     

                    สิ่งแรกที่เขาเห็นคือดวงตาเรียวเล็กที่กำลังจ้องมองมาที่เขาอย่างไม่สบอารมณ์ ใบหน้าที่แสนจะคุ้นตาแม้จะเพิ่งเจอกันเพียงไม่กี่ครั้งแต่ก็ทำให้เขาจดจำได้กำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยความหงุดหงิด ยูชอนยกยิ้มที่มุมปาก ในตอนแรกเขาก็ว่าตัวเองคิดมากไปเองว่าเด็กนี่ไม่ชอบหน้าเขา แต่ถ้าดูจากสายตาที่กำลังจ้องมองมาอยู่ในตอนนี้ เขาว่าเขาไม่ได้คิดไปเองแล้วล่ะ

     

                    เด็กฝึกงานคนนี้ไม่ชอบเขาจริงๆ

                และก็ดูเหมือนจะไม่ชอบเขาเอาเสียมากๆ ซะด้วยซิ

     

                    “ขอโทษนะครับ จริงๆ ผมก็ไม่อยากจะรบกวนคุณทั้งสองคนนักหรอก แต่พอดีตรงนี้มันเป็นทางเดิน ที่เขาเอาไว้ใช้เดินกัน ผมก็เลยต้องขอขัดจังหวะพวกคุณสักนิด”

                    จุนซูจงใจย้ำคำว่าทางเดินให้ได้ยินกันอย่างชัดๆ เผื่อมันจะทำให้ต่อมความอายของคนทั้งคู่กลับมาทำงานได้บ้าง ถ้าพวกเขายังมีความรู้สึกนั้นหลงเหลืออยู่บ้างอ่ะนะ

     

                    หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างยูชอนหันไปมองคนร่างสูง เธอเองก็รู้สึกเขินอายอยู่นิดๆ กับเรื่องนี้ ดวงตาคมมองใบหน้าบึ้งๆ ของจุนซูอยู่สักพักก่อนที่จะก้มหน้าลงไปกระซิบเบาๆ ที่ข้างใบหูของเธอ

     

                    จุนซูไม่รู้ว่าพวกเขาพูดอะไรกัน ได้ยินแค่ประโยคที่บอกว่า แล้วเจอกัน แต่เพียงเท่านั้น

     

                    หญิงสาวคนนั้นพยักหน้ารับเบาๆ เธอหันหลังเตรียมตัวเดินออกไปจากที่ตรงนั้น แต่ก็ไม่สามารถทำได้ดังใจหวังเพราะฝ่ามือหนาของยูชอนได้คว้าแขนของเธอเอาไว้ก่อนที่จะออกแรงดึงให้ร่างเล็กๆ นั่นเข้ามาอยู่ในวงแขนของตัวเอง และทั้งคู่ก็จูบกัน

     

                    ต่อหน้าต่อตาคิมจุนซูที่กำลังยืนมองการกระทำของพวกเขาตาเขม็ง

                รู้ทั้งรู้ว่าเขายืนอยู่ตรงนี้ แต่ก็ยังจะทำเรื่องน่าอายแบบนี้อยู่อีก ให้ตายเหอะ! หน้าด้านชะมัด!’

     

                    “ต่อมความอายของพวกคุณนี่คงตายด้านกันไปแล้วซินะ!

                    จุนซูพูดออกมาด้วยความหงุดหงิด เขาหันหน้าหนีจากภาพตรงหน้า ใจจริงเขาอยากจะเดินผ่าวงของสองคนนี้ไปเลยด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่าไอ้หมอนี่มันเป็นเจ้าของโรงแรมที่เขากำลังฝึกงานอยู่อ่ะนะ เขายังไม่อยากหาที่ฝึกงานใหม่ในตอนนี้ ก็คงจะต้องทนๆ ไปก่อน แค่สี่เดือนเอง ท่องไว้แค่สี่เดือน

     

                    พวกเขาจูบกันไม่นาน หญิงสาวเป็นฝ่ายผละใบหน้าออกมาก่อน จุนซูสังเกตเห็นว่าใบหน้าของเธอนั้นแดงก่ำในตอนที่เธอเดินสวนเขากลับเข้าไปในโรงแรม

     

                    อย่างน้อยฝ่ายหญิงก็ยังพอมีความอายหลงเหลืออยู่บ้างอ่ะนะ แต่ฝ่ายชายนี่ซิคาดว่าตั้งแต่เกิดมาคงจะไม่รู้จักคำๆ นี้ คนบ้าอะไรมายืนจูบโชว์คนอื่นแล้วยังมีหน้ามายืนยิ้มทะเล้นให้เขาอีก!

     

                    “หึหึ”

                    ยูชอนยืนหัวเราะ เขามองดูใบหน้ากลมๆ ที่กำลังมุ่ยหน้าอยู่ด้วยรอยยิ้มขำ เห็นแล้วก็อยากแกล้ง ไม่รู้ซิ ทั้งๆ ที่เพิ่งเจอกันแท้ๆ แต่เด็กคนนี้ก็มีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เขาอยากรู้จัก อาจจะเริ่มจากที่เด็กนี่ไม่ชอบเขาล่ะมั้ง

     

                    “หัวเราะอะไรไม่ทราบครับ?

                    แม้น้ำเสียงจะดูหาเรื่องไปนิด แต่เขาก็ยังพูดจาสุภาพอยู่นะ

     

                    “ตลกดี”

                    ยูชอนตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ เขายกยิ้มก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้จุนซูให้มากขึ้น

     

                    “ตลก?

                    จุนซูทำหน้างง ตลกเรื่องอะไรวะ? ไม่เห็นมีเรื่องอะไรน่าขำตรงไหน ไอ้บ้ากามนี่มันเมารึป่าวเนี่ย!?

     

                    ยูชอนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของจุนซู โน้มหน้าลงไปหาคนที่ตัวเล็กกว่าก่อนที่จะเอ่ยปากพูด

                    “ก็ตลกนายไง แสดงออกซะชัดเลยนะว่าไม่ชอบฉัน ไม่กลัวต้องหาที่ฝึกงานใหม่หรอ?

     

                    จุนซูฟังแล้วก็ถึงกับทำตาโตด้วยความตกใจ หมอนี่รู้ได้ไงว่าเขาไม่ชอบ ให้ตายเหอะ! นี่เขาแสดงออกมากไปซินะ แต่ถึงแม้จะกลัว แต่คนตัวเล็กก็ยังทำใจกล้าเถียงกลับไป

                    “นี่คุณขู่ผมหรอ?

     

                    “ป่าวฉันแค่สงสัย และก็อยากรู้มากๆ ด้วยว่าฉันไปทำอะไรให้เด็กฝึกงานอย่างนาย ทำไมนายถึงไม่ชอบฉันซะขนาดนี้”

     

                    “ผมบอกตอนไหนว่าผมไม่ชอบคุณ”

     

                    “นายไม่ได้พูดมันออกมา แต่สายตาและสีหน้านายมันบอก ทั้งเมื่อตอนเย็นและเมื่อกี้ ท่าทางของนายมันทำให้ฉันรู้สึกว่านายไม่ค่อยชอบหน้าฉันแหะ”

     

                    “คุณคิดมากไปมั้งครับ”

                    จุนซูเถียงกลับ อันที่จริงต้องเรียกว่าแถกลับน่าจะถูกกว่า ก็จะให้ทำไงอ่ะ! เขายังไม่อยากหาที่ฝึกงานใหม่หนิ และถ้าโดนถอนออกกลางคันแบบนี้จะมีใครที่ไหนอยากรับเขาเข้าไปฝึกงานล่ะ แล้วที่ฝึกงานที่สามารถทำงานพาร์ทไทม์ไปด้วยได้แบบนี้ก็ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ

     

                    “บอกมาซิว่าทำไมนายถึงไม่ชอบฉัน”

                    ยูชอนไม่ฟังในสิ่งที่คนตัวเล็กแก้ตัว

     

                    “เอ๊ะ! ก็บอกว่าคุณคิดมากไง คุณคิดไปเองทั้งนั้นแหละ!

     

                    “อ๊ะ? จริงซิ หรือว่านายอิจฉาฉันที่มีสาวๆ เข้าหาเยอะแยะ”

     

                    จุนซูทำหน้าเพลีย ไม่ใช่แล้วมั้งอิตาบ้า! ใครเขาจะไปอิจฉานายในเรื่องนั้นกัน! เพราะเรื่องนั้นมันยิ่งทำให้ฉันหมั่นไส้จนไม่ชอบขี้หน้านายมากกว่า!

     

                    ดวงตาคมของยูชอนกวาดสายตามองดูคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยสายตาเจ้าเล่ห์

                    “แต่ถ้าดูจากรูปร่างและหน้าตาของนายแล้ว อืม….. นายไม่น่าจะอิจฉาฉันที่มีสาวๆ เยอะหรอกมั้ง”

     

                    ยูชอนยกยิ้มที่มุมปากก่อนที่จะโน้มหน้าเข้าไปใกล้กับใบหน้าขาวๆ นั่นให้มากขึ้นกว่าเดิม

                    “แต่น่าจะอิจฉาสาวๆ ที่โดนฉันจูบซะมากกว่าใช่มั้ย?

     

                    เอาล่ะเว้ย!! ไม่ต้องทงไม่ต้องทนมันแล้ว!! พูดหยามกันขนาดนี้ถ้าไม่ต่อยปากสักทีให้หายแค้นใจก็ไม่ใช่คิมจุนซูแล้วเว้ย!!!

     

                    “อยากโดนฉันจูบบ้างใช่มั้ยล่ะ?

     

                    ทันทีที่ยูชอนพูดประโยคนั้นจบ คิมจุนซูก็สวนกลับไปอย่างทันที ไม่ได้สวนกลับด้วยคำพูดนะ แต่สวนกลับด้วยการกระทำ

     

                ผลัวะ!!!

     

                    จุนซูปล่อยหมัดพุ่งใส่ที่ข้างแก้มของคนที่สูงกว่าด้วยอารมณ์ที่โกรธจัด ใบหน้าขาวๆ กลายเป็นสีแดงก่ำ เขาหอบหายใจแรงก่อนที่จะพูดตอกกลับคนร่างสูงที่ยังคงตกอยู่ในอาการมึนงงอยู่

                                    “จูบมือฉันไปก่อนเหอะ ไอ้หน้าหนู!

     

                    ยูชอนได้แต่ยืนกุมแก้มของตัวเองที่ตอนนี้เริ่มรู้สึกชาๆ อย่างงงๆ ไอ้เด็กนี่มันกล้าต่อยเราด้วยว่ะ แถมยังหมัดหนักอีกต่างหาก ไม่มีความกลัวในตำแหน่งของเขาเลยซินะ เป็นเด็กที่กล้าเสียจริงเชียว! น่าสนใจดีแหะ

     

                    “และถ้ายังไม่พอ จะลองจูบเท้าฉันดูด้วยมั้ยล่ะห๊ะ?

                    จุนซูตะโกนพูดออกมาอย่างเหลืออด ดวงตาเรียวเล็กจ้องใบหน้าคมด้วยแววตาขุ่นเคือง และยิ่งทวีความโมโหมากขึ้นไปอีกเมื่อคนตรงหน้าที่เพิ่งโดนเขาต่อยไปเมื่อกี้กลับยกยิ้มได้อย่างหน้าตาเฉย

     

                นอกจากจะเป็นคนลามกแล้วยังโรคจิตด้วยรึไงวะเนี่ย!’

     

                    “ยิ้มอะไร?

                    จุนซูถามออกไปด้วยใบหน้าและน้ำเสียงหาเรื่อง

     

                    ยูชอนยิ้มก่อนที่จะตอบกลับไป

                    “ยิ้มให้นายไง หึ! ดูเหมือนนายจะไม่กลัวฉันเลยซินะ ไม่กลัวต้องไปหาที่ฝึกงานใหม่หรือไง?

     

                    “ไม่!! ถ้าคุณอยากไล่ผมออกก็ไล่เลย! แล้วก็หลีกทางให้ผมด้วย ผมจะรีบกลับบ้าน!

                    ณ จุดๆ นี้ความโกรธของเขามีมากกว่าความกลัวอยู่มากโข

     

                    ยูชอนยืนเฉย ทำเหมือนกับไม่ได้ยินในสิ่งที่จุนซูพูดอย่างไงอย่างงั้น

     

                    จุนซูจิ๊ปากออกมาด้วยความหงุดหงิด เขาตัดสินใจเดินชนไหล่ของคนร่างสูงไปเพื่อที่จะได้กลับบ้านของตัวเองเสียที ส่วนเรื่องที่ฝึกงานเดี๋ยวค่อยไปนอนคิดอีกทีว่าจะเอายังไงต่อดี แต่ยังไม่ทันจะได้เดินผ่านคนร่างสูงไป แขนของเขาก็ถูกดึงจากทางด้านหลัง เพราะด้วยความแรงบวกกับขนาดตัวที่มีไม่มากทำให้ร่างของจุนซูลอยหวือไปปะทะกับอกแกร่งของยูชอนได้อย่างรวดเร็ว

     

                    จุนซูเงยหน้า เขากำลังจะอ้าปากด่าคนร่างสูง แต่ก็ไม่สามารถทำได้อย่างใจหวังเมื่ออยู่ๆ ใบหน้าของคนๆ นั้นก็โน้มหน้าลงมาหาเราอย่างรวดเร็วและในเวลาต่อมาริมฝีปากของเขาก็โดนทาบทับด้วยริมฝีปากของคนคนนั้น

     

                    จุนซูตาโตด้วยความตกใจ ทั้งอึ้งทั้งงงในเวลาเดียวกัน เขาได้แต่เบิกตากว้างและปล่อยให้ริมฝีปากของตัวเองถูกทาบทับ กว่าจะเรียกสติและเรี่ยวแรงของตัวเองได้ก็ผ่านไปเกือบนาทีหนึ่งแล้ว

     

                    จุนซูใช้ฝ่ามือของตัวเองทั้งสองข้างผลักร่างของยูชอนอย่างแรง ริมฝีปากของเขาเป็นอิสระแล้ว จุนซูหอบหายใจหนัก ใบหน้าขาวๆ ไม่มีส่วนไหนที่ไม่เป็นสีแดงจัด ดวงตาเรียวเล็กตวัดสายตาขึ้นมองใบหน้าคมอย่างเกรี้ยวกราด แค่นึกถึงเหตุการณ์เมื่อกี้นี้ก็ทำเอาจุนซูขนลุกจนแทบอยากจะอ้วก นี่เขาโดนไอ้โรคจิตนี่จูบหรอเนี่ย!!

     

                                ผลัวะ!!!

                    และในเมื่อไม่รู้จะแก้แค้นยังไง จุนซูก็เลยมอบหมัดให้ยูชอนอีกครั้งเป็นสิ่งตอบแทน ก่อนที่จะตะโกนใส่หน้าของคนร่างสูงและวิ่งออกไปจากที่ตรงนั้นอย่างรวดเร็ว

     

                    “ไอ้โรคจิต!!!

     

                    และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่มีคนด่าเขาว่าไอ้โรคจิต หึหึ

     

                    ยูชอนหันไปมองตามแผ่นหลังของคนตัวเล็ก เขายกมือขึ้นมาจับที่ริมฝีปากของตัวเองก่อนที่จะหัวเราะออกมา

                    “หึ! ฉันไม่ไล่นายออกง่ายๆ หรอก”

     

                    เรื่องสนุกๆ แบบนี้

                เขาต้องเก็บไว้เล่นกันนานๆ

     

    TBC ^----------^*

     

    *******************************************************

     

    Talk : )

     

    สวัสดีค่ะ
    มุกมาแล้วววววววววววววว
    มัวแต่ปั่นวิว ปั่นเทรนด์ ทำรายงาน เยอะแยะไปหมด แทบไม่มีเวลาว่างเลย 55555

    ใครว่างก็อย่าลืมไปช่วยกันนะคะพาร์ทนี้เป็นพาร์ทที่ทุกคนออกครบ
    แต่เน้นไปที่ยูซูอีกและ แต่พาร์ทหน้ายุนแจเต็มๆ แน่นอน รออ่านได้เลยค่ะ
    เห็นหลายคนบอกพี่ยุนเย็นชา เย็นชาอะไร เค้าเรียกว่ามาดนิ่งค่ะ 5555
    เดี๋ยรอดูการเปลี่ยนแปลงดีกว่านะ

    เอาล่ะ ขอไปทำหน้าที่ติ่งต่อก่อนนะคะ ><
    ใครที่อยากพูดคุยกับมุก นี่ช่องทางค่ะ สอบถามเรื่องฟิค ทวงฟิค อยากได้ฟิคที่มุกเคยรวมเล่มเอาไว้ก็ทวิตเตอร์เลย

    Twitter >>> http://twitter.com/@MMooKiiEE
    E-mail >>> mookiie_jong@hotmail.com

    ขอบคุณทุกๆ คนที่กดเข้ามาอ่านนะคะ

    แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะทุกคน
    ^---------------------------------^*
     

    *******************************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×