คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ,,, Part 5 ,,, เกลียดจริงๆ คนเจ้าชู้เนี่ย!
Title : Mystery Love
Type : Long fiction
Author : *..MooKiiE..*
Category : Comedy / Romance
Paring : Yunho x Jaejoong / YooChun x JunSu
Note : เรื่องนี้มุกได้แรงบันดาลใจมาจากซีรี่ส์เกาหลีเรื่อง The Master’s Sun นะคะ จึงทำให้เนื้อหาบางอย่างอาจคล้ายคลึงกันบ้าง
*******************************************************
อย่าลืมกดเป็นแฟนพันธุ์แท้ฟิคเรื่องนี้กันนะคะ ^^
Part 5
“ปล่อยผมนะ! ปล่อยผมซิ!! ผมบอกแล้วไงว่าให้ปล่อยผม!!”
แจจุงดีดดิ้นไปมา ในตอนที่ร่างของเขากำลังถูกยามหิ้วปีกออกไปจากห้องทำงานของชองยุนโฮ คนร่างสูงที่เป็นเจ้าของห้องได้แต่ยืนกอดอกมองดูร่างของคนตัวเล็กที่ค่อยๆ ห่างออกไปช้าๆ ด้วยใบหน้าเรียบเฉย
แจจุงหันหน้ากลับมามองชองยุนโฮด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ ซึ่งเขาคงจะหวังมากไป ในเมื่อชองยุนโฮเป็นคนสั่งให้ยามมาหิ้วปีกเขาออกไปเอง
‘ไม่ได้! เขาจะยอมจากไปง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด! หลุมหลบภัยดีๆ ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ’
เขาจะต้องทำอะไรสักอย่าง…
และในตอนนั้นเองที่…
พรึ่บ!
‘ชะ……ช่วย……..ด้วย’
‘อย่า…..ไป’
ทางด้านหลังของยุนโฮ มีวิญญาณของผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่ ดวงตาที่แทบจะมีแต่ตาขาวของเธอจ้องมาที่เขาพร้อมกับส่งข้อความบางอย่างมาให้
‘ใช่แล้ว ถ้านี่เป็นสิ่งเดียวที่คนอย่างเขาพอจะทำได้แล้วล่ะก็…’
ดวงตากลมของแจจุงจ้องมองไปที่เธอ
‘ถ้าอยากให้ผมช่วยคุณ คุณก็ต้องช่วยผมก่อน’
วิญญาณหญิงสาวไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เธอเพียงแค่ใช้ดวงตาของเธอมองไปที่มือของยามทั้งสองคนที่กำลังฉุดกระชากลากดึงเขาอยู่เพียงเท่านั้น เรียวแรงของยามทั้งสองก็ดูจะน้อยลงไปอย่างทันที แจจุงได้โอกาสจึงรีบสะบัดแขนออกจากการจับกุมแล้ววิ่งกลับมายืนอยู่ตรงหน้าของชองยุนโฮที่กำลังทำหน้าดุจ้องมองเขาตาเขม็ง ยามสองคนตั้งท่าจะวิ่งเข้ามารวบตัวเขาเอาไว้อีกครั้งแต่ก็ถูกชองยุนโฮยกมือห้ามเอาไว้เสียก่อน คนร่างสูงส่งสายตาให้ยามทั้งสองคนออกจากห้องทำงานของตนเองไป และเมื่อภายในห้องทำงานเหลือเพียงแค่ชองยุนโฮและคิมแจจุง อ้อ! ยังมีวิญญาณของผีสาวอีกตนหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างก็ตกอยู่ภายใต้ความเงียบงัน
และแม้จะกลัวสายตาที่กำลังจ้องมองมาอยู่แค่ไหนก็ตาม แต่เขาก็ต้องสู้ สู้เพื่อพื้นที่เล็กๆ ที่จะได้อยู่ใกล้กับชองยุนโฮ!
แจจุงพยายามไม่เข้าใกล้ชองยุนโฮให้มากเกินไป เพราะถ้าหากตัวพวกเขาสัมผัสกัน วิญญาณผีตนนั้นก็จะหายไปอย่างทันที คนตัวเล็กสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนที่จะเงยหน้ามองสบตากับดวงตาคม
“ถะ… ถ้าคุณไม่ให้ผมช่วย ห้างคิงดอมต้องเดือดร้อนแน่!”
แม้จะกลัวแต่คิมแจจุงก็ทำใจกล้าพูดขู่คนร่างสูงออกไปแบบนั้น ไม่รู้ล่ะ ขู่ไว้ก่อน! จะได้ผลหรือไม่ได้ผลค่อยว่ากันอีกที
ยุนโฮปลายสายตามองดูผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าก่อนที่จะยกยิ้มที่มุมปากและส่งเสียงหัวเราะหึหึในลำคอ
“นี่นายกำลังขู่ฉันอยู่งั้นหรอ?”
แจจุงรีบส่ายหัวผับๆ
“ปะ…ป่าวครับ! ผะ….. ผมแค่….อยากจะช่วยคุณ”
“ช่วย?”
“ใช่ครับ”
ยุนโฮยืนกอดอกมองคนตรงหน้าที่กำลังยืนเม้มปากอยู่ด้วยสายตานิ่งๆ
“ช่วยยังไงล่ะ? อย่าบอกนะว่าจะช่วยปราบผีให้ฉัน”
แจจุงก้มหน้าลงมองปลายรองเท้าของตัวเองก่นอที่จะพยักหน้าและตอบกลับไปเสียงแผ่วเบา
“ครับ”
หลังจากคำตอบรับของแจจุง ทั่วทั้งห้องทำงานก็กลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง แจจุงแอบเห็นสายตาของวิญญาณสาวที่กำลังส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากเขาอยู่ทางด้านหลังของยุนโฮ
“เอาล่ะ… ถ้านายทำได้อย่างที่ปากพูดจริงๆ ฉันก็จะลองให้นายทำดูสักครั้ง”
ยุนโฮพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ หลังจากที่ยืนเงียบไปนาน
“จะ… จริงนะครับ!”
แจจุงเงยหน้ามองยุนโฮด้วยความตื่นเต้น
ยุนโฮที่ยืนกอดอกอยู่โน้มหน้าลงมาหาคนที่ตัวเล็กกว่าด้วยใบหน้าที่ยังคงเรียบเฉย แต่น้ำเสียงที่เขาให้พูดประโยคต่อมานั้นช่างฟังดูแล้วเสียวสันหลังเสียจริงเชียว
“แต่ถ้านายจัดการกับปัญหานี้ไม่ได้………”
“…………………….”
“ก็อย่าหวังว่าจะได้กลับมาเหยียบที่นี่อีกเลย!”
เอาล่ะคุณผี ถ้าอยากให้แจจุงช่วย คุณผีก็คงจะต้องช่วยแจจุงด้วยเหมือนกันนะ!
.
.
.
.
.
.
ภายในแผนกฟร้อนกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากที่พี่จินฮีเดินมาบอกว่าวันนี้คุณยูชอนจะลงมาดูการทำงานของแผนกหลังจากที่นัดครั้งก่อนต้องยกเลยไปเพราะแขกคนสำคัญของท่านประธาน วันนั้นทำเอาสาวๆ ในแผนกถึงกับทำหน้าเซ็งเพราะอุตส่าห์แต่งหน้าเต็มมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
“ทำไมคุณยูชอนไม่บอกก่อนล่วงหน้าเนี่ยว่าวันนี้จะลงมา ไม่งั้นนะฉันจะบล็อคตามาแล้วเนี่ย”
อิมยูนา หญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งพูดขึ้นมา
“นั่นซิ ดูสีปากฉันวันนี้ซิ ซีดไปรึป่าวนะ”
ซอยูริมพนักงานสาวสวยประจำแผนกเอ่ยขึ้นมาด้วยใบหน้าเป็นกังวล
“พอเลยพวกเธอ แต่งหน้ามาทำงานนะไม่ใช่มาเดินแบบไม่ต้องจัดเต็มขนาดนั้นก็ได้ กฎก็มีเขียนบอกเอาไว้อยู่ ก่อนสมัครเข้ามาก็จำกันได้ ทำไมพอได้ทำงานที่นี่แล้วก็เลยลืมกฎกันไปแล้วหรอจ๊ะ?”
พี่จินฮีหัวหน้าแผนกฟร้อนเอ่ยปากดุพนักงานสาวๆ ที่พากันตื่นเต้นจนแทบจะลืมหน้าที่ของตนเอง
“แต่วันนี้คุณยูชอนจะมาที่แผนกหนิคะ พวกเราก็อยากสวยกันบ้าง”
ยูนาเอ่ยตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ
“ระหว่างสวยให้คุณยูชอนดูแต่ไม่ได้ทำงานที่นี่แล้ว กับแต่งตัวตามกฎระเบียบแล้วยังได้เห็นหน้าคุณยูชอนอยู่… พวกเธอจะเลือกแบบไหนกันล่ะจ๊ะ?”
จุนซูแอบยกยิ้มบางๆ ที่มุมปากกับคำดุเจ็บๆ คันๆ ของพี่จินฮี เห็นสวยๆ เก่งๆ แบบนั้นไม่คิดเลยว่าจะกัดเจ็บขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ใจดีกับเขาเอาเสียมากๆ นี่ซินะคุณสมบัติของหัวหน้าที่จะสามารถปกครองคอยดูแลและควบคุมลูกน้องได้ น่าชื่นชมจริงๆ
“เลือกแบบหลังซิคะ”
จินฮีเหยียดยิ้ม
“ดีมากจ๊ะ เอาล่ะ! ตั้งใจทำงานกันได้แล้ว นู่น… ลูกค้ากรุ๊ปทัวร์พากันมาถึงแล้ว เตรียมตัวต้อนรับพวกเขาดีๆ ล่ะ”
“ครับ/ค่ะ”
พนักงานทุกคนตอบรับกันอย่างพร้อมเพรียงก่อนที่จะพากันไปยืนประจำตำแหน่งเพื่อเตรียมตัวทำหน้าที่ของตน จุนซูเองก็เช่นกัน เขายืนอยู่ข้างๆ พี่จินฮีที่เป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลเขาตลอดระยะเวลาการฝึกงานที่โรงแรมอห่งนี้
“สวยไปก็เท่านั้น คุณยูชอนเขามีตัวเลือกมากมาย สาวๆ พวกนี้คิดว่าตัวเองจะได้ตกถังข้าวสารรึไงกันนะ”
พี่จินฮีที่ยืนอ่านเอกสารอยู่ข้างๆ จุนซูบ่นขึ้นมาเบาๆ
“เอ่อ…. คุณยูชอนเขาเจ้าชูหรอฮะ?”
จุนซูเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย ทำไมพี่ๆ เขาถึงสนใจในตัวผู้ชายคนนี้กันจังเลยนะ รวย? หล่อ?
พี่จินฮีเงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารก่อนที่จะฉีกยิ้มกว้าง
“ไม่หรอกจ๊ะ”
“อ่า……”
บางทีเขาอาจคิดมากไป
“เรียกว่าเป็นบุคคลที่ชอบศึกษาเรื่องความรักน่าจะดีกว่า”
เอ่อ… คิมจุนซูล่ะเกลียดคนแบบนี้ที่สุด!!
แต่เกลียดแบบไหน ก็มักจะได้แบบนั้นนะจ๊ะจุนซูจ๋า~
.
.
.
เวลาประมาณบ่ายสามเป็นช่วงเวลาที่ลูกค้าเริ่มไม่ค่อยจะมาติดต่อที่เคาน์เตอร์แล้วและนั่นก็เป็นเวลาที่ปาร์คยูชอน ท่านประธานของโรงแรมเดอะ รอยัล เพลสได้ลงมาตรวจดูความเรียบร้อยที่แผนก สาวๆ หลายคนแอบกรี๊ดให้ได้ยินอยู่เบาๆ เพราะเจอสายตาพิฆาตจากท่านหัวหน้าแผนก
“วันนี้ที่แผนกเรียบร้อยดีนะครับ”
ยูชอนเอ่ยถามจินฮีที่ทำหน้าที่ดูแลแผนกนี้ด้วยรอยยิ้ม
“ค่ะ ลูกค้าส่วนมากที่มาในวันนี้เป็นกรุ๊ปทัวร์ชาวญี่ปุ่น สงสัยจะมาดูคอนเสิร์ตกันน่ะค่ะ”
เธอตอบกลับด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
“นี่คือรายงานที่คุณยูชอนขอฉันไว้เมื่อคราวที่แล้วค่ะ”
เธอส่งรายงานเบ่มหน้าให้กับคนร่างสูง
“ขอบคุณครับ อ่า… ว่าแต่ผมได้ยินมาว่าที่โรงแรมของเรารับนักศึกษาฝึกงานมาด้วย ที่แผนกนี้ได้รับกับเขามั้ยครับ?”
“มีค่ะ แต่วันนี้มาแค่คนเดียวเพราะอีกคนป่วย…… จุนซูจ๊ะ มาแนะนำตัวกับคุณยูชอนเขาหน่อยมา”
เธอหันไปเรียกจุนซูที่ยืนอยู่ไม่ไกลให้เดินเข้ามาอยู่ข้างๆ เธอ
จุนซูเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของปาร์คยูชอน เขาโค้งให้กับผู้ชายคนนั้นก่อนที่จะเอ่ยปากแนะนำตัว
“สวัสดีครับ ผมคิมจุนซู นักศึกษาปีสี่จากมหาวิทยาลัยโซลครับ”
“อืม… ตั้งใจฝึกงานล่ะ”
ยูชอนยิ้มบางก่อนที่จะตอบรับการทักทายด้วยคำพูดสั้นๆ เขามองดูใบหน้าของจุนซูเล็กน้อยก่อนที่จะหันไปคุยกับคิมจินฮีต่อ
“พรุ่งนี้ทางโรงแรมของเราจะมีแขกคนสำคัญมาพัก คุณจินฮีทราบแล้วใช่มั้ยครับ?”
“ค่ะ”
“รบกวนคุณช่วยเตรียมของต้อนรับเป็นเครื่องดื่มที่เขาชอบด้วยนะครับ และก็ช่วยขึ้นไปตรวจสอบห้องพักที่แม่บ้านจัดให้ทีว่าเรียบร้อยดีมั้ย”
ยูชอนพูดสั่งงานด้วยใบหน้าที่จริงจังและน้ำเสียงที่เป็นการเป็นงานจนจุนซูที่ยืนมองอยู่ใกล้ๆ ก็อดที่จะชื่นชมเสียไม่ได้
“ไม่มีปัญหาค่ะ”
เธอตอบรับอย่างขันแข็ง
“ผมฝากด้วยนะครับ”
ยูชอนเอ่ยปากบอกกับเธอด้วยรอยยิ้ม ซึ่งรอยยิ้มนั้นก็ทำเอาสาวๆ ทั้งแผนกแทบละลายลงไปกองกับพื้น
จุนซูมองยูชอนอย่างต้องการสังเกต พี่จินฮีบอกว่าหมอนี่เป็นคนเจ้าชู้นี่นา แต่ก็นะ เกิดมาหน้าตาดี บ้านรวย เป็นถึงเจ้าของโรงแรมใครๆ ก็อยากวิ่งเข้าหาทั้งนั้นแหละ ถ้าเกิดมาหน้ากลม ตาตี่ ตัวเล็ก บ้านจนแบบเขาซิ สาวๆ จะพุ่งเข้าใส่มะ? พูดแล้วก็ช้ำ เกิดมาไม่เคยมีแฟนกับเขาเสียที แถมยังโดนผู้ชายด้วยกันไล่จีบอยู่บ่อยๆ อีก ให้ตายเหอะ! แม่ไม่น่าให้ความสวยของแม่มาเยอะเลย ลูกแม่ทั้งสองคนเป็นผู้ชายนะครับ!
ดวงตาเรียวเล็กจ้องมองดูท่าทางของท่านประธานอยู่ห่างๆ
‘ไม่เห็นเหมือนคนเจ้าชู้เลยแหะ’
ในสายตาของจุนซู ปาร์คยูชอนคือผู้ชายหน้าตาดี ที่มีดีตรงรอยยิ้มและดวงตา เขาเหมือนผู้ชายอบอุ่นที่สามารถฆ่าคนให้ตายได้ด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงแหบๆ สุดเซ็กซี่ของเขา แต่เขาก็ดูเป็นผู้ชายที่อบอุ่นมากกว่าผู้ชายเจ้าชู้ หรือว่านี้จะเป็นภาพลวงตากันนะ?
ในขณะที่จุนซูกำลังยืนคิดอะไรอยู่เพลินๆ เสียงของรองเท้าส้นสูงที่ดังกระทบกับพื้นก็เรียกสายตาให้เขาหันกลับไปมองทางต้นเสียงได้อย่างไม่ยาก เพราะคิดว่าอาจจะเป็นลูกค้าที่เดินเข้ามาติดต่อที่เคาน์เตอร์ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิดเพราะช่วงขาเรียวยาวของเธอนั้นเดินตรงเข้าไปหาปาร์คยูชอน
“ขอโทษที่มาช้านะคะ รถติดมากๆ เลย”
หญิงสาวสวยที่สวมใส่ชุดเดรสสั้นสีครีมเอ่ยพูดกับคนที่เดินเข้ามาควงแขนด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
ยูชอนโอบกอดเอวบางๆ ของเธอเอาไว้หลวมๆ ก่อนที่จะก้มหน้าลงไปจ้องสบตาเธอและตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เป็นไรครับ ผมเพิ่งตรวจงานเสร็จพอดี”
“งั้นเราขึ้นไปที่ห้องทำงานของยูชอนกันเลยดีกว่านะคะ”
“ครับ”
ยูชอนตอบรับเธอ ก่อนที่จะหันหน้ากลับมามองพนักงานสาวๆ ที่กำลังทำหน้ายุ่งและจ้องมองหญิงสาวข้างกายของยูชอนด้วยความอิจฉา ทำไมพวกเธอถึงไม่มีโอกาสได้ยืนตรงที่นั้นบ้างนะ!
“ขอบคุณทุกคนที่ตั้งใจทำงานเพื่อโรงแรมของเรานะครับ พรุ่งนี้ก็ขอฝากด้วยนะ”
“ค่ะ/ครับ”
ทุกคนตอบรับกันอย่างพร้อมเพรียง
ยูชอนส่งยิ้มให้ทุกคนก่อนที่จะโอบเอวของหญิงสาวสวยหน้าตาเหมือนตุ๊กตาแต่หุ่นเหมือนนางแบบชุดว่ายน้ำเดินจากไป และเพราะจุนซูกำลังยืนมองพวกเขาอยู่เหมือนกับที่ทุกๆ คนกำลังมอง พวกเขาจึงได้เห็นช็อตที่ยูชอนและหญิงสาวคนนั้นจูบปากทักทายกันกลางล็อบบี้
จุนซูส่งเสียงหึในลำคอ เขาขอถอนคำพูด! ปาร์คยูชอนคนนี้น่ะเสือผู้หญิงชัดๆ
“ขอให้อย่าได้พบเจอกันบ่อยๆ เลยเหอะ!”
เขาเริ่มรู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากับหมอนี่ตะหงิดๆ แล้วแหะ!
เกลียดจริงๆ คนเจ้าชู้เนี่ย!
.
.
.
“พี่จินฮี… ถึงเวลาเลิกงานแล้ว งั้นผมไปทำงานที่ห้องอาหารต่อก่อนนะครับ”
จุนซูก้มดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ ก่อนที่จะเดินตรงไปหาพี่ที่ทำหน้าที่ดูแลเขาเพื่อขออนุญาตไปทำงานต่อ
“ทำงานหนักเกินไปรึป่าวจุนซู? ระวังร่างกายจะไม่ไหวเอานะ”
รุ่นพี่คนสวยพูดเตือนออกมาด้วยความห่วงใย ตั้งแต่วันแรกที่มาฝึกงานที่นี่จุนซูก็มาสอบถามเขาว่าที่โรงแรมมีงานพาร์ทไทม์อะไรให้ทำบ้าง ในตอนแรกเขาก็ไม่สนับสนุนให้จุนซูทำงานเพราะการยืนอยู่หน้าฟร้อนก็เป็นงานที่หนักมากพออยู่แล้ว แต่พอได้รับฟังเหตุผลจากรุ่นน้องคนนี้ เขาก็รู้สึกเห็นใจจนต้องช่วยหางานพาร์ทไทม์ที่ไม่หนักหนาสักเท่าไหร่ให้
ตัวก็เล็กนิดเดียว แต่กลับขยันเหมือนมดงาน น่าชื่นชมเสียจริงเชียว
“อย่าห่วงไปเลยพี่จินฮี… งานหนักกว่านี้ก็เคยทำมาแล้วครับ พนักงานเสิร์ฟงานไม่ได้หนักมาก ผมทำแค่สี่ชั่วโมงก็กลับบ้านแล้วแถมยังได้อาหารดีๆ กลับไปฝากพี่อีก”
จุนซูตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เพราะพี่จินฮีเป็นห่วงเขาก็เลยอนุญาตให้เขาทำงานที่ห้องอาหารได้แค่สี่ชั่วโมงเท่านั้น เข้างานที่แผนกฟร้อนตอนเจ็ดโมง เลิกงานตอนสี่โมง หลังจากนั้นก็ไปทำงานที่ห้องอาหารต่อจนถึงสองทุ่ม ไม่เป็นไร คิมจุนซูยังไหว!
“เอาเถอะ เลิกงานแล้วก็รีบๆ กลับบ้านไปพักล่ะ”
“ครับ… งั้นผมขอตัวก่อนนะ สวัสดีครับพี่ๆ ทุกคน พรุ่งนี้เจอกันนะฮะ”
จุนซูโบกมือลาทุกคนด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะรีบเดินไปขึ้นลิฟต์เพื่อไปที่ชั้นสองของโรงแรมที่มีห้องอาหารนานาชาติตั้งอยู่
ถ้าถามว่าทำไมเขาต้องทำงานหนักมากขนาดนี้ คำตอบก็คือเพราะครอบครัวของเขาไม่ได้รวย พวกเราไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง พอโตที่จะสามารถทำงานได้ทั้งเขาและพี่แจจุงต่างก็พากันหางานทำ จากเหตุการณ์ที่พี่แจจุงประสบอุบัติเหตุในครั้งนั้น พวกเราก็ใช้เงินในการรักษาค่าพยาบาลไปมากพอสมควร เงินเก็บที่มีก็เหลืออยู่น้อยนิด ไหนจะค่าเทอม ค่าเช่าห้อง ค่าอยู่ค่ากิน สารพัดรายจ่ายที่มีในแต่ละเดือนยิ่งทำให้จุนซูรู้ว่าตัวเองจะเอาแต่เรียนอย่างเดียวไม่ได้ เขาจะต้องหางานทำ ต้องช่วยแบ่งเบาภาระพี่แจจุง ก็ในเมื่อพวกเราเหลือกันแค่สองคนแล้วหนิเนอะ คุณป้าที่คอยดูแลพวกเราตั้งแต่ที่พ่อแม่เสียก็มีภาระต้องเลี้ยงดูครอบครัวของเขาเหมือนกัน คงไม่มีเงินส่งมาให้พวกเราใช้ได้บ่อยๆ พี่แจจุงไม่ได้บอกให้เขาหางานทำ แต่เขาเลือกที่จะทำเอง เพราะถ้าไม่ดิ้นรนด้วยตัวเอง พวกเราก็คงต้องอดตายกันแน่ๆ
ฟังดูแล้วเหมือนชีวิตตัวเองช่างรันทดนัก แต่ป่าวเลย จุนซูคิดว่าในตอนนี้ชีวิตของเขาก็มีความสุขดี
มีพี่ที่แสนดีแบบพี่แจจุง พี่ที่รักเขายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
“จุนซูเดี๋ยววันนี้ไปช่วยมินอารับแขกที่ทางหน้าร้านก่อนนะแล้วตอนทุ่มหนึ่งค่อยมาช่วยดูแลแขกในห้องอาหาร”
พี่มินซอกหัวหน้าบริกรเดินมาบอกกับจุนซูที่กำลังเก็บของใส่ล็อคเกอร์หลังเปลี่ยนชุดเสร็จ
“รับทราบฮะ!”
จุนซูตอบรับอย่างกระฉับกระเฉง
“โอเคไปทำงานได้!”
หลังจากพี่มินซอกเดินจากไป จุนซูก็รีบออกไปยืนอยู่หน้าทางเข้าห้องอาหารอย่างทันที มินอาหันมาฉีกยิ้มให้กับเขาก่อนที่พวกเราจะพูดคุยทักทายกันเล็กน้อยเพราะไม่อยากให้เสียการทำงาน
ช่วงเย็นเวลาประมาณสี่โมงถึงห้าโมงลูกค้ายังไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่นัก แต่พอหกโมงเย็นเท่านั้นแหละ ลูกค้าทั้งชาวเกาหลีทั้งชาวต่างชาติ ทั้งแขกในโรงแรมและแขกนอกโรงแรมต่างก็พากันมาใช้บริการที่ห้องอาหารกันอย่างหนาแน่น จุนซูมีหน้าที่พาแขกไปที่โต๊ะตามที่พวกเขาได้โทรมาจองเอาไว้ ส่วนบางท่านที่ไม่ได้จองเขาก็จะพาไปที่โต๊ะที่คิดว่าเหมาะสมที่สุด
จุนซูก้มหน้าลงมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือ ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงห้าสิบห้า ซึ่งก็หมายความว่าอีกห้านาทีเขาจะต้องไปทำหน้าที่ดูแลลูกค้าภายในห้องอาหารเสียแล้ว และในตอนที่กำลังยืนรอลูกค้าท่านต่อไปอยู่นั่นเอง เสียงพูดคุยของหญิงสาวและชายหนุ่มคู่หนึ่งก็ดังแทรกขึ้นมาพร้อมกับเสียงส้นรองเท้าของคนทั้งคู่ที่ดังกระทบกับพื้นหินอ่อนชั้นดี
จุนซูเงยหน้าขึ้นมา เขาฉีกยิ้มกว้างเหมือนกับทุกๆ ครั้ง แต่รอยยิ้มนั้นก็แทบจะหุบลงทันทีเมื่อเขาเห็นว่าลูกค้าคนใหม่ที่เดินมานั้นเป็นคนที่เขาเพิ่งจะเจอไปเมื่อตอนบ่าย!
ผู้ชายอ่ะคนเดิม แต่ผู้หญิงที่มาด้วยอ่ะคนใหม่!!
“คุณยูชอนสวัสดีค่ะ จองโต๊ะไว้เรียบร้อยแล้วใช่มั้ยคะ?”
มินอาที่ยืนอยู่ข้างๆ จุนซูเป็นคนเอ่ยปากทักทายคนร่างสูงขึ้นมาก่อน
“ครับ มุมเดิมที่ประจำของผมเลย”
ยูชอนตอบกลับเธอด้วยรอยยิ้มที่จุนซูเริ่มรู้สึกแล้วว่ารอยยิ้มของผู้ชายคนนี้มันเป็นรอยยิ้มของผู้ชายเจ้าชู้ชัดๆ
“ค่ะ… จุนซูพาคุณยูชอนไปที่โต๊ะหน่อยซิ มุม VIP โต๊ะตัวที่เก้าจ๊ะ”
มินอาหันมาบอกจุนซู ซึ่งยูชอนก็หันมามองหน้าของจุนซูตามมินอาด้วยเช่นกัน เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยในตอนที่เห็นใบหน้าของจุนซูชัดๆ
“อ้าว? เด็กฝึกงานที่แผนกฟร้อนหนิ”
“เชิญด้านในเลยครับ”
จุนซูไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขารีบเดินนำคนทั้งสองให้เข้าไปให้ห้องอาหารที่ถึงแม้จะมีแขกมาใช้บริการอย่างหนาแน่นแต่ก็ยังสามารถรักษาบรรยากาศเงียบสงบได้เป็นอย่างดี
จุนซูพาคนทั้งสองมาหยุดอยู่ที่โต๊ะที่ดีที่สุด เพราะเป็นโต๊ะที่เห็นวิวของกรุงโซลยามราตรีได้อย่างชัดเจน จุนซูผายมือให้กับคนทั้งคู่ เขาเดินไปเลื่อนเก้าอี้ให้กับสาวสวยในชุดราตรีสั้น เธอหันมายิ้มให้เขาเล็กน้อยเป็นการขอบคุณ จุนซูเดินถอยออกมา เขาเลือกที่จะหันไปฉีกยิ้มให้กับหญิงสาวแทนที่จะหันไปมองหน้าท่านประธานของโรงแรม
“ทานอาหารให้อร่อยนะครับ”
เขาโค้งให้กับคนทั้งคู่แล้วจึงกลับหลังหันและเดินจากไป
ดวงตาคมจ้องมองแผ่นหลังบางของคนตัวเล็กที่ค่อยๆ เดินห่างไปเรื่อยๆ ด้วยแววตาครุ่นคิด จนหญิงสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามต้องหันไปมองตาม
“ยูชอนมองอะไรอยู่หรอคะ?”
ยูชอนหันมามองเธอ เขาฉีกยิ้มพร้อมกับเลื่อนฝ่ามือไปกอบกุมฝ่ามือบอบบางของเธอ
“ป่าวครับ… ผมแค่กำลังคิดอะไรอยู่น่ะ”
“คิดถึงสาวที่ไหนอยู่ล่ะคะ”
เธอทำหน้ายุ่งเหมือนกำลังงอนคนร่างสูง ซึ่งมันก็ไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก เพราเธอรู้ดีว่าคนอย่างปาร์คยูชอนไม่ใช่คนที่พร้อมจะหยุดอยู่ที่ใคร เธอเองก็เป็นหนึ่งในหญิงสาวของเขาเพียงเท่านั้น
ยูชอนไม่ได้ตอบ เขาแค่กุมมือของเธอเอาไว้ ดวงตาคมละสายตากลับไปมองดูแผ่นหลังเล็กๆ ที่กำลังเดินฉีกยิ้มพาลูกค้าชาวต่างชาติคู่หนึ่งเดินเข้ามาในร้านด้วยสายตานิ่งๆ
‘ทีกับคนอื่นก็เห็นฉีกยิ้มทำตัวร่าเริง แต่ทำไมพออยู่ต่อหน้าเขาเด็กนั่นกลับทำหน้ายุ่งจ้องเขาตาเข็มง’
‘ทำอย่างกับไม่ชอบหน้าเขาอย่างงั้นแหละ’
‘เท่าที่จำได้… เราก็ไม่เคยไปหักอกหนุ่มการโรงแรมนี่หว่า’
ถึงจะคบคนมามากมาย แต่ปาร์คยูชอนก็ไม่ได้ความจำเสื่อมขนาดจำหน้าคนที่ตนเองเคยควงไม่ได้หรอกนะ แต่ก็จำได้แต่หน้านะ ชื่อน่ะลืมไปแล้ว
ส่วนทางด้านจุนซูที่กำลังเดินเติมน้ำให้แขกตามโต๊ะต่างๆ ก็เผลอหันไปเห็นภาพของปาร์คยูชอนกับหญิงสาวที่กำลังนั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่ไม่รู้คุยกันอีท่าไหน คุยไปคุยมาไหงมานั่งดูดปากกันซะงั้น ให้ตายเหอะ! ไม่รู้จักอายกันบ้างรึไงนะ
“กลางวันอีกคนมาหา ตกกลางคืนก็มากินข้าวกับอีกคน!”
“เหอะ! เกลียดหมอนี่ชะมัดเลยว่ะ”
คิดว่าตัวเองหล่อตายเลยซิไอ้หน้าหนู!!
TBC ^----------^*
*******************************************************
Talk : )
สวัสดีค่ะ
มุกมาแล้วววววววววววววว
มาตามนัดนะ เจอกันอาทิตย์ละครั้ง ><
มากกว่านี้ไม่ได้แล้วจริงๆ รายงานจ่อคิวหลายเล่มมาก
พาร์ทนี้เป็นของยูซูเล็กน้อย แต่ก็มียุนแจนะคะ
ตอนหน้าน้องแจจะเริ่มปลาบผีแล้วววววว
รออ่านกันนะคะ
ใครที่อยากพูดคุยกับมุก นี่ช่องทางค่ะ สอบถามเรื่องฟิค ทวงฟิค อยากได้ฟิคที่มุกเคยรวมเล่มเอาไว้ก็ทวิตเตอร์เลย
Twitter >>> http://twitter.com/@MMooKiiEE
E-mail >>> mookiie_jong@hotmail.com
ขอบคุณทุกๆ คนที่กดเข้ามาอ่านนะคะ
แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะทุกคน
^---------------------------------^*
*******************************************************
ความคิดเห็น