ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] ☆--- Mystery Love ---☆ [TVXQ][YAOI]

    ลำดับตอนที่ #6 : ,,, Part 5 ,,, เกลียดจริงๆ คนเจ้าชู้เนี่ย!

    • อัปเดตล่าสุด 27 ต.ค. 57


    Title         :  Mystery Love
    Type        :  Long fiction
    Author      :  *..MooKiiE..*
    Category :  Comedy / Romance
    Paring      :  Yunho x Jaejoong / YooChun x JunSu
    Note         :  เรื่องนี้มุกได้แรงบันดาลใจมาจากซีรี่ส์เกาหลีเรื่อง The Master’s Sun นะคะ จึงทำให้เนื้อหาบางอย่างอาจคล้ายคลึงกันบ้าง

                                                                                                                                                                                                                                                              

    *******************************************************

     

    อย่าลืมกดเป็นแฟนพันธุ์แท้ฟิคเรื่องนี้กันนะคะ ^^

    Part 5

     

                    “ปล่อยผมนะ! ปล่อยผมซิ!! ผมบอกแล้วไงว่าให้ปล่อยผม!!

                    แจจุงดีดดิ้นไปมา ในตอนที่ร่างของเขากำลังถูกยามหิ้วปีกออกไปจากห้องทำงานของชองยุนโฮ คนร่างสูงที่เป็นเจ้าของห้องได้แต่ยืนกอดอกมองดูร่างของคนตัวเล็กที่ค่อยๆ ห่างออกไปช้าๆ ด้วยใบหน้าเรียบเฉย

     

                    แจจุงหันหน้ากลับมามองชองยุนโฮด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ ซึ่งเขาคงจะหวังมากไป ในเมื่อชองยุนโฮเป็นคนสั่งให้ยามมาหิ้วปีกเขาออกไปเอง

     

                ‘ไม่ได้! เขาจะยอมจากไปง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด! หลุมหลบภัยดีๆ ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ

                เขาจะต้องทำอะไรสักอย่าง

     

                    และในตอนนั้นเองที่

     

                พรึ่บ!

     

                ‘ชะ……ช่วย……..ด้วย

                ‘อย่า…..ไป

     

                    ทางด้านหลังของยุนโฮ มีวิญญาณของผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่ ดวงตาที่แทบจะมีแต่ตาขาวของเธอจ้องมาที่เขาพร้อมกับส่งข้อความบางอย่างมาให้

     

                ใช่แล้ว ถ้านี่เป็นสิ่งเดียวที่คนอย่างเขาพอจะทำได้แล้วล่ะก็…’

     

                    ดวงตากลมของแจจุงจ้องมองไปที่เธอ

                ถ้าอยากให้ผมช่วยคุณ คุณก็ต้องช่วยผมก่อน

     

                    วิญญาณหญิงสาวไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เธอเพียงแค่ใช้ดวงตาของเธอมองไปที่มือของยามทั้งสองคนที่กำลังฉุดกระชากลากดึงเขาอยู่เพียงเท่านั้น เรียวแรงของยามทั้งสองก็ดูจะน้อยลงไปอย่างทันที แจจุงได้โอกาสจึงรีบสะบัดแขนออกจากการจับกุมแล้ววิ่งกลับมายืนอยู่ตรงหน้าของชองยุนโฮที่กำลังทำหน้าดุจ้องมองเขาตาเขม็ง ยามสองคนตั้งท่าจะวิ่งเข้ามารวบตัวเขาเอาไว้อีกครั้งแต่ก็ถูกชองยุนโฮยกมือห้ามเอาไว้เสียก่อน คนร่างสูงส่งสายตาให้ยามทั้งสองคนออกจากห้องทำงานของตนเองไป และเมื่อภายในห้องทำงานเหลือเพียงแค่ชองยุนโฮและคิมแจจุง อ้อ! ยังมีวิญญาณของผีสาวอีกตนหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างก็ตกอยู่ภายใต้ความเงียบงัน

                   

                    และแม้จะกลัวสายตาที่กำลังจ้องมองมาอยู่แค่ไหนก็ตาม แต่เขาก็ต้องสู้ สู้เพื่อพื้นที่เล็กๆ ที่จะได้อยู่ใกล้กับชองยุนโฮ!

     

                    แจจุงพยายามไม่เข้าใกล้ชองยุนโฮให้มากเกินไป เพราะถ้าหากตัวพวกเขาสัมผัสกัน วิญญาณผีตนนั้นก็จะหายไปอย่างทันที คนตัวเล็กสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนที่จะเงยหน้ามองสบตากับดวงตาคม

     

                    “ถะถ้าคุณไม่ให้ผมช่วย ห้างคิงดอมต้องเดือดร้อนแน่!

                    แม้จะกลัวแต่คิมแจจุงก็ทำใจกล้าพูดขู่คนร่างสูงออกไปแบบนั้น ไม่รู้ล่ะ ขู่ไว้ก่อน! จะได้ผลหรือไม่ได้ผลค่อยว่ากันอีกที

     

                    ยุนโฮปลายสายตามองดูผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าก่อนที่จะยกยิ้มที่มุมปากและส่งเสียงหัวเราะหึหึในลำคอ

                    “นี่นายกำลังขู่ฉันอยู่งั้นหรอ?

     

                    แจจุงรีบส่ายหัวผับๆ

                    “ปะป่าวครับ! ผะ….. ผมแค่….อยากจะช่วยคุณ”

     

                    “ช่วย?

     

                    “ใช่ครับ”

     

                    ยุนโฮยืนกอดอกมองคนตรงหน้าที่กำลังยืนเม้มปากอยู่ด้วยสายตานิ่งๆ

                    “ช่วยยังไงล่ะ? อย่าบอกนะว่าจะช่วยปราบผีให้ฉัน”

     

                    แจจุงก้มหน้าลงมองปลายรองเท้าของตัวเองก่นอที่จะพยักหน้าและตอบกลับไปเสียงแผ่วเบา

                    “ครับ”

     

                    หลังจากคำตอบรับของแจจุง ทั่วทั้งห้องทำงานก็กลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง แจจุงแอบเห็นสายตาของวิญญาณสาวที่กำลังส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากเขาอยู่ทางด้านหลังของยุนโฮ

     

                    “เอาล่ะ ถ้านายทำได้อย่างที่ปากพูดจริงๆ ฉันก็จะลองให้นายทำดูสักครั้ง”

                    ยุนโฮพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ หลังจากที่ยืนเงียบไปนาน

     

                    “จะจริงนะครับ!

                    แจจุงเงยหน้ามองยุนโฮด้วยความตื่นเต้น

     

                    ยุนโฮที่ยืนกอดอกอยู่โน้มหน้าลงมาหาคนที่ตัวเล็กกว่าด้วยใบหน้าที่ยังคงเรียบเฉย แต่น้ำเสียงที่เขาให้พูดประโยคต่อมานั้นช่างฟังดูแล้วเสียวสันหลังเสียจริงเชียว

                    “แต่ถ้านายจัดการกับปัญหานี้ไม่ได้………

     

                    “…………………….

     

                    “ก็อย่าหวังว่าจะได้กลับมาเหยียบที่นี่อีกเลย!

     

                เอาล่ะคุณผี ถ้าอยากให้แจจุงช่วย คุณผีก็คงจะต้องช่วยแจจุงด้วยเหมือนกันนะ!

    .

    .

    .

    .

    .

    .

                    ภายในแผนกฟร้อนกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากที่พี่จินฮีเดินมาบอกว่าวันนี้คุณยูชอนจะลงมาดูการทำงานของแผนกหลังจากที่นัดครั้งก่อนต้องยกเลยไปเพราะแขกคนสำคัญของท่านประธาน วันนั้นทำเอาสาวๆ ในแผนกถึงกับทำหน้าเซ็งเพราะอุตส่าห์แต่งหน้าเต็มมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ

     

                    “ทำไมคุณยูชอนไม่บอกก่อนล่วงหน้าเนี่ยว่าวันนี้จะลงมา ไม่งั้นนะฉันจะบล็อคตามาแล้วเนี่ย”

                    อิมยูนา หญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งพูดขึ้นมา

     

                    “นั่นซิ ดูสีปากฉันวันนี้ซิ ซีดไปรึป่าวนะ”

                    ซอยูริมพนักงานสาวสวยประจำแผนกเอ่ยขึ้นมาด้วยใบหน้าเป็นกังวล

     

                    “พอเลยพวกเธอ แต่งหน้ามาทำงานนะไม่ใช่มาเดินแบบไม่ต้องจัดเต็มขนาดนั้นก็ได้ กฎก็มีเขียนบอกเอาไว้อยู่ ก่อนสมัครเข้ามาก็จำกันได้ ทำไมพอได้ทำงานที่นี่แล้วก็เลยลืมกฎกันไปแล้วหรอจ๊ะ?

                    พี่จินฮีหัวหน้าแผนกฟร้อนเอ่ยปากดุพนักงานสาวๆ ที่พากันตื่นเต้นจนแทบจะลืมหน้าที่ของตนเอง

     

                    “แต่วันนี้คุณยูชอนจะมาที่แผนกหนิคะ พวกเราก็อยากสวยกันบ้าง”

                    ยูนาเอ่ยตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ

     

                    “ระหว่างสวยให้คุณยูชอนดูแต่ไม่ได้ทำงานที่นี่แล้ว กับแต่งตัวตามกฎระเบียบแล้วยังได้เห็นหน้าคุณยูชอนอยู่พวกเธอจะเลือกแบบไหนกันล่ะจ๊ะ?

     

                    จุนซูแอบยกยิ้มบางๆ ที่มุมปากกับคำดุเจ็บๆ คันๆ ของพี่จินฮี เห็นสวยๆ เก่งๆ แบบนั้นไม่คิดเลยว่าจะกัดเจ็บขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ใจดีกับเขาเอาเสียมากๆ นี่ซินะคุณสมบัติของหัวหน้าที่จะสามารถปกครองคอยดูแลและควบคุมลูกน้องได้ น่าชื่นชมจริงๆ

     

                    “เลือกแบบหลังซิคะ”

     

                    จินฮีเหยียดยิ้ม

                    “ดีมากจ๊ะ เอาล่ะ! ตั้งใจทำงานกันได้แล้ว นู่นลูกค้ากรุ๊ปทัวร์พากันมาถึงแล้ว เตรียมตัวต้อนรับพวกเขาดีๆ ล่ะ”

     

                    “ครับ/ค่ะ”

                    พนักงานทุกคนตอบรับกันอย่างพร้อมเพรียงก่อนที่จะพากันไปยืนประจำตำแหน่งเพื่อเตรียมตัวทำหน้าที่ของตน จุนซูเองก็เช่นกัน เขายืนอยู่ข้างๆ พี่จินฮีที่เป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลเขาตลอดระยะเวลาการฝึกงานที่โรงแรมอห่งนี้

     

                    “สวยไปก็เท่านั้น คุณยูชอนเขามีตัวเลือกมากมาย สาวๆ พวกนี้คิดว่าตัวเองจะได้ตกถังข้าวสารรึไงกันนะ”

                    พี่จินฮีที่ยืนอ่านเอกสารอยู่ข้างๆ จุนซูบ่นขึ้นมาเบาๆ

     

                    “เอ่อ…. คุณยูชอนเขาเจ้าชูหรอฮะ?

                    จุนซูเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย ทำไมพี่ๆ เขาถึงสนใจในตัวผู้ชายคนนี้กันจังเลยนะ รวย? หล่อ?

     

                    พี่จินฮีเงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารก่อนที่จะฉีกยิ้มกว้าง     

                    “ไม่หรอกจ๊ะ”

     

                    “อ่า……

                    บางทีเขาอาจคิดมากไป

     

                    “เรียกว่าเป็นบุคคลที่ชอบศึกษาเรื่องความรักน่าจะดีกว่า”

     

                    เอ่อคิมจุนซูล่ะเกลียดคนแบบนี้ที่สุด!!

     

                แต่เกลียดแบบไหน ก็มักจะได้แบบนั้นนะจ๊ะจุนซูจ๋า~

    .

    .

    .

                    เวลาประมาณบ่ายสามเป็นช่วงเวลาที่ลูกค้าเริ่มไม่ค่อยจะมาติดต่อที่เคาน์เตอร์แล้วและนั่นก็เป็นเวลาที่ปาร์คยูชอน ท่านประธานของโรงแรมเดอะ รอยัล เพลสได้ลงมาตรวจดูความเรียบร้อยที่แผนก สาวๆ หลายคนแอบกรี๊ดให้ได้ยินอยู่เบาๆ เพราะเจอสายตาพิฆาตจากท่านหัวหน้าแผนก

     

                    “วันนี้ที่แผนกเรียบร้อยดีนะครับ”

                    ยูชอนเอ่ยถามจินฮีที่ทำหน้าที่ดูแลแผนกนี้ด้วยรอยยิ้ม

     

                    “ค่ะ ลูกค้าส่วนมากที่มาในวันนี้เป็นกรุ๊ปทัวร์ชาวญี่ปุ่น สงสัยจะมาดูคอนเสิร์ตกันน่ะค่ะ”

                    เธอตอบกลับด้วยรอยยิ้มเช่นกัน

     

                    “นี่คือรายงานที่คุณยูชอนขอฉันไว้เมื่อคราวที่แล้วค่ะ”

                    เธอส่งรายงานเบ่มหน้าให้กับคนร่างสูง

     

                    “ขอบคุณครับ อ่าว่าแต่ผมได้ยินมาว่าที่โรงแรมของเรารับนักศึกษาฝึกงานมาด้วย ที่แผนกนี้ได้รับกับเขามั้ยครับ?

     

                    “มีค่ะ แต่วันนี้มาแค่คนเดียวเพราะอีกคนป่วย…… จุนซูจ๊ะ มาแนะนำตัวกับคุณยูชอนเขาหน่อยมา”

                    เธอหันไปเรียกจุนซูที่ยืนอยู่ไม่ไกลให้เดินเข้ามาอยู่ข้างๆ เธอ

     

                    จุนซูเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของปาร์คยูชอน เขาโค้งให้กับผู้ชายคนนั้นก่อนที่จะเอ่ยปากแนะนำตัว

                    “สวัสดีครับ ผมคิมจุนซู นักศึกษาปีสี่จากมหาวิทยาลัยโซลครับ”

     

                    “อืม ตั้งใจฝึกงานล่ะ”

                    ยูชอนยิ้มบางก่อนที่จะตอบรับการทักทายด้วยคำพูดสั้นๆ เขามองดูใบหน้าของจุนซูเล็กน้อยก่อนที่จะหันไปคุยกับคิมจินฮีต่อ

     

                    “พรุ่งนี้ทางโรงแรมของเราจะมีแขกคนสำคัญมาพัก คุณจินฮีทราบแล้วใช่มั้ยครับ?

     

                    “ค่ะ”

     

                    “รบกวนคุณช่วยเตรียมของต้อนรับเป็นเครื่องดื่มที่เขาชอบด้วยนะครับ และก็ช่วยขึ้นไปตรวจสอบห้องพักที่แม่บ้านจัดให้ทีว่าเรียบร้อยดีมั้ย”

                    ยูชอนพูดสั่งงานด้วยใบหน้าที่จริงจังและน้ำเสียงที่เป็นการเป็นงานจนจุนซูที่ยืนมองอยู่ใกล้ๆ ก็อดที่จะชื่นชมเสียไม่ได้

     

                    “ไม่มีปัญหาค่ะ”

                    เธอตอบรับอย่างขันแข็ง

     

                    “ผมฝากด้วยนะครับ”

                    ยูชอนเอ่ยปากบอกกับเธอด้วยรอยยิ้ม ซึ่งรอยยิ้มนั้นก็ทำเอาสาวๆ ทั้งแผนกแทบละลายลงไปกองกับพื้น

     

                    จุนซูมองยูชอนอย่างต้องการสังเกต พี่จินฮีบอกว่าหมอนี่เป็นคนเจ้าชู้นี่นา แต่ก็นะ เกิดมาหน้าตาดี บ้านรวย เป็นถึงเจ้าของโรงแรมใครๆ ก็อยากวิ่งเข้าหาทั้งนั้นแหละ ถ้าเกิดมาหน้ากลม ตาตี่ ตัวเล็ก บ้านจนแบบเขาซิ สาวๆ จะพุ่งเข้าใส่มะ? พูดแล้วก็ช้ำ เกิดมาไม่เคยมีแฟนกับเขาเสียที แถมยังโดนผู้ชายด้วยกันไล่จีบอยู่บ่อยๆ อีก ให้ตายเหอะ! แม่ไม่น่าให้ความสวยของแม่มาเยอะเลย ลูกแม่ทั้งสองคนเป็นผู้ชายนะครับ!

     

                    ดวงตาเรียวเล็กจ้องมองดูท่าทางของท่านประธานอยู่ห่างๆ

                ไม่เห็นเหมือนคนเจ้าชู้เลยแหะ

     

                    ในสายตาของจุนซู ปาร์คยูชอนคือผู้ชายหน้าตาดี ที่มีดีตรงรอยยิ้มและดวงตา เขาเหมือนผู้ชายอบอุ่นที่สามารถฆ่าคนให้ตายได้ด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงแหบๆ สุดเซ็กซี่ของเขา แต่เขาก็ดูเป็นผู้ชายที่อบอุ่นมากกว่าผู้ชายเจ้าชู้ หรือว่านี้จะเป็นภาพลวงตากันนะ?

     

                    ในขณะที่จุนซูกำลังยืนคิดอะไรอยู่เพลินๆ เสียงของรองเท้าส้นสูงที่ดังกระทบกับพื้นก็เรียกสายตาให้เขาหันกลับไปมองทางต้นเสียงได้อย่างไม่ยาก เพราะคิดว่าอาจจะเป็นลูกค้าที่เดินเข้ามาติดต่อที่เคาน์เตอร์ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิดเพราะช่วงขาเรียวยาวของเธอนั้นเดินตรงเข้าไปหาปาร์คยูชอน

     

                    “ขอโทษที่มาช้านะคะ รถติดมากๆ เลย”

                    หญิงสาวสวยที่สวมใส่ชุดเดรสสั้นสีครีมเอ่ยพูดกับคนที่เดินเข้ามาควงแขนด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

     

                    ยูชอนโอบกอดเอวบางๆ ของเธอเอาไว้หลวมๆ ก่อนที่จะก้มหน้าลงไปจ้องสบตาเธอและตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

                    “ไม่เป็นไรครับ ผมเพิ่งตรวจงานเสร็จพอดี”

     

                    “งั้นเราขึ้นไปที่ห้องทำงานของยูชอนกันเลยดีกว่านะคะ”

     

                    “ครับ”

                    ยูชอนตอบรับเธอ ก่อนที่จะหันหน้ากลับมามองพนักงานสาวๆ ที่กำลังทำหน้ายุ่งและจ้องมองหญิงสาวข้างกายของยูชอนด้วยความอิจฉา ทำไมพวกเธอถึงไม่มีโอกาสได้ยืนตรงที่นั้นบ้างนะ!

     

                    “ขอบคุณทุกคนที่ตั้งใจทำงานเพื่อโรงแรมของเรานะครับ พรุ่งนี้ก็ขอฝากด้วยนะ”

     

                    “ค่ะ/ครับ”

                    ทุกคนตอบรับกันอย่างพร้อมเพรียง

     

                    ยูชอนส่งยิ้มให้ทุกคนก่อนที่จะโอบเอวของหญิงสาวสวยหน้าตาเหมือนตุ๊กตาแต่หุ่นเหมือนนางแบบชุดว่ายน้ำเดินจากไป และเพราะจุนซูกำลังยืนมองพวกเขาอยู่เหมือนกับที่ทุกๆ คนกำลังมอง พวกเขาจึงได้เห็นช็อตที่ยูชอนและหญิงสาวคนนั้นจูบปากทักทายกันกลางล็อบบี้

     

                    จุนซูส่งเสียงหึในลำคอ เขาขอถอนคำพูด! ปาร์คยูชอนคนนี้น่ะเสือผู้หญิงชัดๆ

                    “ขอให้อย่าได้พบเจอกันบ่อยๆ เลยเหอะ!

     

                เขาเริ่มรู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากับหมอนี่ตะหงิดๆ แล้วแหะ!

                เกลียดจริงๆ คนเจ้าชู้เนี่ย!

    .

    .

    .

                “พี่จินฮี ถึงเวลาเลิกงานแล้ว งั้นผมไปทำงานที่ห้องอาหารต่อก่อนนะครับ”

                    จุนซูก้มดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ ก่อนที่จะเดินตรงไปหาพี่ที่ทำหน้าที่ดูแลเขาเพื่อขออนุญาตไปทำงานต่อ

     

                    “ทำงานหนักเกินไปรึป่าวจุนซู? ระวังร่างกายจะไม่ไหวเอานะ”

                    รุ่นพี่คนสวยพูดเตือนออกมาด้วยความห่วงใย ตั้งแต่วันแรกที่มาฝึกงานที่นี่จุนซูก็มาสอบถามเขาว่าที่โรงแรมมีงานพาร์ทไทม์อะไรให้ทำบ้าง ในตอนแรกเขาก็ไม่สนับสนุนให้จุนซูทำงานเพราะการยืนอยู่หน้าฟร้อนก็เป็นงานที่หนักมากพออยู่แล้ว แต่พอได้รับฟังเหตุผลจากรุ่นน้องคนนี้ เขาก็รู้สึกเห็นใจจนต้องช่วยหางานพาร์ทไทม์ที่ไม่หนักหนาสักเท่าไหร่ให้

    ตัวก็เล็กนิดเดียว แต่กลับขยันเหมือนมดงาน น่าชื่นชมเสียจริงเชียว

     

                    “อย่าห่วงไปเลยพี่จินฮี งานหนักกว่านี้ก็เคยทำมาแล้วครับ พนักงานเสิร์ฟงานไม่ได้หนักมาก ผมทำแค่สี่ชั่วโมงก็กลับบ้านแล้วแถมยังได้อาหารดีๆ กลับไปฝากพี่อีก”

                    จุนซูตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เพราะพี่จินฮีเป็นห่วงเขาก็เลยอนุญาตให้เขาทำงานที่ห้องอาหารได้แค่สี่ชั่วโมงเท่านั้น เข้างานที่แผนกฟร้อนตอนเจ็ดโมง เลิกงานตอนสี่โมง หลังจากนั้นก็ไปทำงานที่ห้องอาหารต่อจนถึงสองทุ่ม ไม่เป็นไร คิมจุนซูยังไหว!

     

                    “เอาเถอะ เลิกงานแล้วก็รีบๆ กลับบ้านไปพักล่ะ”

                   

                    “ครับงั้นผมขอตัวก่อนนะ สวัสดีครับพี่ๆ ทุกคน พรุ่งนี้เจอกันนะฮะ”

                    จุนซูโบกมือลาทุกคนด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะรีบเดินไปขึ้นลิฟต์เพื่อไปที่ชั้นสองของโรงแรมที่มีห้องอาหารนานาชาติตั้งอยู่

     

                    ถ้าถามว่าทำไมเขาต้องทำงานหนักมากขนาดนี้ คำตอบก็คือเพราะครอบครัวของเขาไม่ได้รวย พวกเราไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง พอโตที่จะสามารถทำงานได้ทั้งเขาและพี่แจจุงต่างก็พากันหางานทำ จากเหตุการณ์ที่พี่แจจุงประสบอุบัติเหตุในครั้งนั้น พวกเราก็ใช้เงินในการรักษาค่าพยาบาลไปมากพอสมควร เงินเก็บที่มีก็เหลืออยู่น้อยนิด ไหนจะค่าเทอม ค่าเช่าห้อง ค่าอยู่ค่ากิน สารพัดรายจ่ายที่มีในแต่ละเดือนยิ่งทำให้จุนซูรู้ว่าตัวเองจะเอาแต่เรียนอย่างเดียวไม่ได้ เขาจะต้องหางานทำ ต้องช่วยแบ่งเบาภาระพี่แจจุง ก็ในเมื่อพวกเราเหลือกันแค่สองคนแล้วหนิเนอะ คุณป้าที่คอยดูแลพวกเราตั้งแต่ที่พ่อแม่เสียก็มีภาระต้องเลี้ยงดูครอบครัวของเขาเหมือนกัน คงไม่มีเงินส่งมาให้พวกเราใช้ได้บ่อยๆ พี่แจจุงไม่ได้บอกให้เขาหางานทำ แต่เขาเลือกที่จะทำเอง เพราะถ้าไม่ดิ้นรนด้วยตัวเอง พวกเราก็คงต้องอดตายกันแน่ๆ

     

                    ฟังดูแล้วเหมือนชีวิตตัวเองช่างรันทดนัก แต่ป่าวเลย จุนซูคิดว่าในตอนนี้ชีวิตของเขาก็มีความสุขดี

     

                มีพี่ที่แสนดีแบบพี่แจจุง พี่ที่รักเขายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

     

                    “จุนซูเดี๋ยววันนี้ไปช่วยมินอารับแขกที่ทางหน้าร้านก่อนนะแล้วตอนทุ่มหนึ่งค่อยมาช่วยดูแลแขกในห้องอาหาร”

                    พี่มินซอกหัวหน้าบริกรเดินมาบอกกับจุนซูที่กำลังเก็บของใส่ล็อคเกอร์หลังเปลี่ยนชุดเสร็จ

     

                    “รับทราบฮะ!

                    จุนซูตอบรับอย่างกระฉับกระเฉง

     

                    “โอเคไปทำงานได้!

     

                    หลังจากพี่มินซอกเดินจากไป จุนซูก็รีบออกไปยืนอยู่หน้าทางเข้าห้องอาหารอย่างทันที มินอาหันมาฉีกยิ้มให้กับเขาก่อนที่พวกเราจะพูดคุยทักทายกันเล็กน้อยเพราะไม่อยากให้เสียการทำงาน

     

                    ช่วงเย็นเวลาประมาณสี่โมงถึงห้าโมงลูกค้ายังไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่นัก แต่พอหกโมงเย็นเท่านั้นแหละ ลูกค้าทั้งชาวเกาหลีทั้งชาวต่างชาติ ทั้งแขกในโรงแรมและแขกนอกโรงแรมต่างก็พากันมาใช้บริการที่ห้องอาหารกันอย่างหนาแน่น จุนซูมีหน้าที่พาแขกไปที่โต๊ะตามที่พวกเขาได้โทรมาจองเอาไว้ ส่วนบางท่านที่ไม่ได้จองเขาก็จะพาไปที่โต๊ะที่คิดว่าเหมาะสมที่สุด

     

                    จุนซูก้มหน้าลงมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือ ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงห้าสิบห้า ซึ่งก็หมายความว่าอีกห้านาทีเขาจะต้องไปทำหน้าที่ดูแลลูกค้าภายในห้องอาหารเสียแล้ว และในตอนที่กำลังยืนรอลูกค้าท่านต่อไปอยู่นั่นเอง เสียงพูดคุยของหญิงสาวและชายหนุ่มคู่หนึ่งก็ดังแทรกขึ้นมาพร้อมกับเสียงส้นรองเท้าของคนทั้งคู่ที่ดังกระทบกับพื้นหินอ่อนชั้นดี

     

                    จุนซูเงยหน้าขึ้นมา เขาฉีกยิ้มกว้างเหมือนกับทุกๆ ครั้ง แต่รอยยิ้มนั้นก็แทบจะหุบลงทันทีเมื่อเขาเห็นว่าลูกค้าคนใหม่ที่เดินมานั้นเป็นคนที่เขาเพิ่งจะเจอไปเมื่อตอนบ่าย!

     

                ผู้ชายอ่ะคนเดิม แต่ผู้หญิงที่มาด้วยอ่ะคนใหม่!!

     

                    “คุณยูชอนสวัสดีค่ะ จองโต๊ะไว้เรียบร้อยแล้วใช่มั้ยคะ?

                    มินอาที่ยืนอยู่ข้างๆ จุนซูเป็นคนเอ่ยปากทักทายคนร่างสูงขึ้นมาก่อน

     

                    “ครับ มุมเดิมที่ประจำของผมเลย”

                    ยูชอนตอบกลับเธอด้วยรอยยิ้มที่จุนซูเริ่มรู้สึกแล้วว่ารอยยิ้มของผู้ชายคนนี้มันเป็นรอยยิ้มของผู้ชายเจ้าชู้ชัดๆ

     

                    “ค่ะจุนซูพาคุณยูชอนไปที่โต๊ะหน่อยซิ มุม VIP โต๊ะตัวที่เก้าจ๊ะ”

                    มินอาหันมาบอกจุนซู ซึ่งยูชอนก็หันมามองหน้าของจุนซูตามมินอาด้วยเช่นกัน เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยในตอนที่เห็นใบหน้าของจุนซูชัดๆ

     

                    “อ้าว? เด็กฝึกงานที่แผนกฟร้อนหนิ”

     

                    “เชิญด้านในเลยครับ”

                    จุนซูไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขารีบเดินนำคนทั้งสองให้เข้าไปให้ห้องอาหารที่ถึงแม้จะมีแขกมาใช้บริการอย่างหนาแน่นแต่ก็ยังสามารถรักษาบรรยากาศเงียบสงบได้เป็นอย่างดี

     

                    จุนซูพาคนทั้งสองมาหยุดอยู่ที่โต๊ะที่ดีที่สุด เพราะเป็นโต๊ะที่เห็นวิวของกรุงโซลยามราตรีได้อย่างชัดเจน จุนซูผายมือให้กับคนทั้งคู่ เขาเดินไปเลื่อนเก้าอี้ให้กับสาวสวยในชุดราตรีสั้น เธอหันมายิ้มให้เขาเล็กน้อยเป็นการขอบคุณ จุนซูเดินถอยออกมา เขาเลือกที่จะหันไปฉีกยิ้มให้กับหญิงสาวแทนที่จะหันไปมองหน้าท่านประธานของโรงแรม

                   

                    “ทานอาหารให้อร่อยนะครับ”

                    เขาโค้งให้กับคนทั้งคู่แล้วจึงกลับหลังหันและเดินจากไป

     

                    ดวงตาคมจ้องมองแผ่นหลังบางของคนตัวเล็กที่ค่อยๆ เดินห่างไปเรื่อยๆ ด้วยแววตาครุ่นคิด จนหญิงสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามต้องหันไปมองตาม

                    “ยูชอนมองอะไรอยู่หรอคะ?

     

                    ยูชอนหันมามองเธอ เขาฉีกยิ้มพร้อมกับเลื่อนฝ่ามือไปกอบกุมฝ่ามือบอบบางของเธอ

                    “ป่าวครับผมแค่กำลังคิดอะไรอยู่น่ะ”

     

                    “คิดถึงสาวที่ไหนอยู่ล่ะคะ”

                    เธอทำหน้ายุ่งเหมือนกำลังงอนคนร่างสูง ซึ่งมันก็ไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก เพราเธอรู้ดีว่าคนอย่างปาร์คยูชอนไม่ใช่คนที่พร้อมจะหยุดอยู่ที่ใคร เธอเองก็เป็นหนึ่งในหญิงสาวของเขาเพียงเท่านั้น

     

                    ยูชอนไม่ได้ตอบ เขาแค่กุมมือของเธอเอาไว้ ดวงตาคมละสายตากลับไปมองดูแผ่นหลังเล็กๆ ที่กำลังเดินฉีกยิ้มพาลูกค้าชาวต่างชาติคู่หนึ่งเดินเข้ามาในร้านด้วยสายตานิ่งๆ

                   

                ทีกับคนอื่นก็เห็นฉีกยิ้มทำตัวร่าเริง แต่ทำไมพออยู่ต่อหน้าเขาเด็กนั่นกลับทำหน้ายุ่งจ้องเขาตาเข็มง

                ‘ทำอย่างกับไม่ชอบหน้าเขาอย่างงั้นแหละ

     

                ‘เท่าที่จำได้เราก็ไม่เคยไปหักอกหนุ่มการโรงแรมนี่หว่า

     

                    ถึงจะคบคนมามากมาย แต่ปาร์คยูชอนก็ไม่ได้ความจำเสื่อมขนาดจำหน้าคนที่ตนเองเคยควงไม่ได้หรอกนะ แต่ก็จำได้แต่หน้านะ ชื่อน่ะลืมไปแล้ว

     

                    ส่วนทางด้านจุนซูที่กำลังเดินเติมน้ำให้แขกตามโต๊ะต่างๆ ก็เผลอหันไปเห็นภาพของปาร์คยูชอนกับหญิงสาวที่กำลังนั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่ไม่รู้คุยกันอีท่าไหน คุยไปคุยมาไหงมานั่งดูดปากกันซะงั้น ให้ตายเหอะ! ไม่รู้จักอายกันบ้างรึไงนะ

     

                    “กลางวันอีกคนมาหา ตกกลางคืนก็มากินข้าวกับอีกคน!

     

                    “เหอะ! เกลียดหมอนี่ชะมัดเลยว่ะ”

                    คิดว่าตัวเองหล่อตายเลยซิไอ้หน้าหนู!!

     

     

    TBC ^----------^*

     

    *******************************************************

     

    Talk : )

     

    สวัสดีค่ะ
    มุกมาแล้วววววววววววววว
    มาตามนัดนะ เจอกันอาทิตย์ละครั้ง ><
    มากกว่านี้ไม่ได้แล้วจริงๆ รายงานจ่อคิวหลายเล่มมาก
     

    พาร์ทนี้เป็นของยูซูเล็กน้อย แต่ก็มียุนแจนะคะ
    ตอนหน้าน้องแจจะเริ่มปลาบผีแล้วววววว
    รออ่านกันนะคะ

    ใครที่อยากพูดคุยกับมุก นี่ช่องทางค่ะ สอบถามเรื่องฟิค ทวงฟิค อยากได้ฟิคที่มุกเคยรวมเล่มเอาไว้ก็ทวิตเตอร์เลย

    Twitter >>> http://twitter.com/@MMooKiiEE  
    E-mail >>> mookiie_jong@hotmail.com

    ขอบคุณทุกๆ คนที่กดเข้ามาอ่านนะคะ
    แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะทุกคน

    ^---------------------------------^*

     

    *******************************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×