ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] ☆--- Mystery Love ---☆ [TVXQ][YAOI]

    ลำดับตอนที่ #16 : ,,, Part 15 ,,, คำพูดที่ไม่ตรงกับใจ...

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ค. 57


    Title         :  Mystery Love
    Type        :  Long fiction
    Author      :  *..MooKiiE..*
    Category :  Comedy / Romance
    Paring      :  Yunho x Jaejoong / YooChun x JunSu

    Note         :  เรื่องนี้มุกได้แรงบันดาลใจมาจากซีรี่ส์เกาหลีเรื่อง The Master’s Sun นะคะ จึงทำให้เนื้อหาบางอย่างอาจคล้ายคลึงกันบ้าง

                                                                                                                                                                                                                                                              

    *******************************************************

     

    ขอให้มีความสุขในการอ่านค่ะ และ

    อย่าลืมกดเป็นแฟนพันธุ์แท้ฟิคเรื่องนี้กันนะคะ ^^


    Part 15

      

                    จุนซูได้แต่นั่งทำหน้าเซ็งเหมือนคนปวดท้องในขณะที่นั่งอยู่ในห้องอาหาร ผิดกับปาร์คยูชอนที่นั่งฉีกยิ้มหน้าระรื่นได้อย่างสบายใจ แม้แต่หญิงสาวสองคนที่มีสถานะเป็นกิ๊กของชายหนุ่มด้วยกันทั้งคู่ก็ยังดูอารมณ์ดีกับการทานข้าวร่วมกันมื้อนี้เลย ให้ตายซิ! ผู้หญิงพวกนี้ไม่รู้สึกอะไรกันเลยรึไงนะที่ต้องมานั่งกินข้าวกับคู่ควงของตนเองและกิ๊กอีกคนนึงของเขาอีกเนี่ย! โลกนี้ชักจะประหลาดมากขึ้นทุกทีๆ แล้วซิเนี่ย!

     

                    หญิงสาวทั้งสองคนยิ้มทักทายจุนซูเล็กน้อย เธอไม่ได้สนใจอะไรเขามากนักเพราะเขาไม่ใช่เป้าหมายของเธอ เป้าหมายของเธอคือปาร์คยูชอนต่างหาก

     

                    จุนซูนั่งเงียบตั้งแต่ได้เข้ามานั่งอยู่ในห้องนี้ แม้แต่ในตอนสั่งอาหารเขาก็โยนหน้าที่นี้ให้กับคนร่างสูง ไม่ว่ายูชอนจะสั่งอะไรมาเขาก็กินได้ทั้งนั้นแหละ อาหารแพงๆ แบบนี้มีไรให้กินก็กินไป พอดีเกิดมาเป็นคนอยู่ง่ายกินง่าย ไม่ค่อยจะเรื่องมากสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะกับของฟรี

     

                    จนกระทั่งอาหารจานต่างๆ ถูกนำมาเสิร์ฟลงบนโต๊ะจนเต็มไปทุกพื้นที่ จุนซูก็ใช้ตะเกียบคีบอาหารเข้าปากพร้อมเคี้ยวตุ้ยๆ แบบไม่สนใจใครแต่อย่างทันที อาหารอร่อยๆ ปลาแซลมอลสดๆ ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาได้อย่างทันตาเห็น

     

                    ยูชอนแอบอมยิ้มให้กับท่าทางของเจ้าเด็กแสบที่ดูจะมีความสุขกับการกินอย่างเอ็นดู ก่อนที่จะต้องหันหน้ากลับไปให้ความสนใจกับหญิงสาวทั้งสองคนที่พากันตักอาหารมาใส่จานของเขาจนเต็มไปหมด

     

                    “ยูชอนทานอันนี้นะคะ หน้าตาน่าทานเชียว”

     

                    “ยูชอนลองทานอันนี้ดูค่ะ อร่อยมากเลย”

     

                    ทั้งยูราและอินยองต่างก็พากันเอาอกเอาใจยูชอนอย่างเต็มที่จนยูชอนต้องเอ่ยปากห้ามและเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายที่คีบอาหารใส่จานให้พวกเธอบ้าง

     

                    จุนซูที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับยูชอนที่มีหญิงสาวนั่งประกบข้างทั้งซ้ายและขวามองการกระทำของคนทั้งสามคนอยู่อย่างเงียบๆ เออดีดูเป็นการเดทที่แปลกประหลาดดี สามคนเขาฉันเธอบวกกับคนนอกอีกหนึ่ง

     

                    “มองฉันแบบนั้น อยากให้ฉันคีบอาหารให้ด้วยหรอ?

                    ยูชอนเอ่ยปากแซวจุนซู

     

                    คนตัวเล็กเบ้ปากใส่

                    “ตะเกียบผมก็มี ผมคีบเองได้”

     

                    ยูชอนหัวเราะเบาๆ ก่อนที่จะกลับไปให้ความสนใจกับสองสาวสวยต่อ ส่วนจุนซูก็ไม่ได้ให้ความสนใจสามคนนั้นอะไรสักเท่าไหร่นัก เขาสนใจอาหารที่วางอยู่ตรงหน้านี้มากกว่า และก็เกือบจะลืมไปแล้วว่าก่อนที่จะเข้ามาในห้องนี้ ปาร์คยูชอนบอกว่าจะแก้เผ็ดเขาที่ทำให้รถไฟของหมอนี่มาชนกัน แต่ก็เห็นว่าบริหารจัดการได้ดีหนิ ดีจนเขาเองยังอึ้งเลย กิ๊กทั้งสองคนไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาเหมือนนางร้ายในละครหลังข่าวที่เขาเคยดู นึกว่าจะมีการตบ การจิกหัว หรือการด่าทออะไรกันประมาณนั้น แต่ก็เปล่า ทุกอย่างตกอยู่ภายใต้การควบคุมของปาร์คยูชอนได้เป็นอย่างดี

     

                    นี่ซินะคาสโนว่าตัวจริงเสียงจริง!

                    คนแบบนี้ไม่สมควรที่จะอยู่ใกล้ด้วยเลยสักนิด ทางที่ดีไม่สมควรที่จะรู้จักเลยต่างหาก!

     

                    หลังจากอาหารหมดไปได้สองสามจาน ยูราที่นั่งอยู่ฝั่งทางขวาก็เอ่ยปากพูดอะไรบางอย่างออกมา ซึ่งนั่นก็ทำให้จุนซูที่กำลังเคี้ยวตุ้ยๆ อยู่เงยหน้าขึ้นมามอง

     

                    “จริงซิคะ ยูชอนบอกว่ามีเรื่องที่จะบอกเราสองคนนี่นา เรื่องอะไรหรอคะ?

     

                    “นั่นซิคะอินยองก็อยากรู้ซะแล้วซิว่าเรื่องอะไร”

     

                    เออ! เขาเองก็อยากรู้เหมือนกัน

                    แม้ตัวเองจะไม่เกี่ยว แต่ไหนๆ ก็นั่งอยู่ในห้องนี้แล้ว ก็ขออยากรู้เรื่องอะไรนั่นด้วยคนก็แล้วกันนะ! รู้ตามมารยาทอ่ะเคยได้ยินป่าว?

     

                    ยูชอนยกยิ้มบาง ก่อนที่เขาจะละสายตากลับมาจ้องจุนซูที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เจ้าเด็กแสบขมวดคิ้วจนเกิดเป็นปมเล็กๆ ที่เห็นว่าเขากำลังจ้องมองอยู่ก่อนที่จะพูดแบบไม่มีเสียง ซึ่งเขาสามารถอ่านจากปากที่พะงาบๆ นั้นได้ว่า

                    มีอะไร

     

                    ยูชอนไหวไหล่ ก่อนที่จะหันหน้าไปคุยกับสองสาวต่อ

                    “เรื่องที่ผมจะบอกกับพวกคุณ อ่ามันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างสำคัญนะครับ”

     

                    หญิงสาวทั้งสองคนดูจะตื่นเต้นกับสิ่งที่ยูชอนกำลังจะพูดอยู่ไม่น้อย จุนซูเองก็แอบอยากรู้จริงๆ แล้วเหมือนกัน

     

                    “เรื่องใหญ่หรอคะ?

     

                    “เป็นข่าวดีรึป่าวน๊า”

                    สองสาวต่างก็ฉีกยิ้มออกมาด้วยความตื่นเต้น และแอบหวังให้สิ่งที่ยูชอนกำลังจะพูดนั้นให้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตนเอง

     

                    ยูชอนยิ้มบาง

                    “จะว่าดี มันก็ดีอยู่อ่ะนะ”

     

                    “ฉันอยากรู้แล้วล่ะค่ะ!

                    อินยองพูดออกมาเสียงดัง

     

                    ยูชอนทำสีหน้าลำบากใจก่อนที่จะพูดต่อ          

                    “บางทีถ้าพวกคุณได้ฟังมันแล้ว พวกคุณอาจจะไม่ยิ้มแบบในตอนนี้ก็ได้นะครับ”

     

                    “พวกคุณอาจจะอยากด่าผมเลยก็ได้”

     

                    หญิงสาวทั้งสองคนเริ่มมีสีหน้าวิตกกังวลนิดๆ แล้ว ผิดกับคิมจุนซูที่แอบยกยิ้มอยู่เงียบๆ กับความคิดของตนเองหลังจากที่ได้ยินคำพูดนั้นของยูชอน

                    ขนาดฉันยังไม่รู้ว่านายจะพูดอะไร ฉันยังด่านายแทบทุกวันเลยไอ้หน้าหนู ถ้ารู้นี่ฉันไม่สาปแช่งนายเลยหรอวะ อิยะฮะฮ่า!’

     

                    “รีบบอกมาเถอะค่ะ ฉันตื่นเต้นไปหมดแล้วเนี่ย!

                    ยูราเอ่ยปากเร่งชายหนุ่ม แม้จะแอบกลัวอยู่ในใจลึกๆ แต่ความอยากรู้นั้นมีมากกว่า

     

                    “ฉันหัวใจจะวายแล้วนะคะ อย่าแกล้งกันเลย”

                    อินยองเองก็เอ่ยปากเร่งเร้ายูชอนด้วยเช่นกัน

     

                เออ ฉันเองก็อยากรู้แล้วเว้ย รีบๆ พูดมา! ลีลาจริงไอ้หน้าหนู!’

                    จุนซูแอบด่ายูชอนในใจ แต่แล้วอยู่ๆ คนที่เขาเพิ่งจะด่าจบก็หันหน้ามาสบตาพร้อมกับจ้องมองเขาด้วยท่าทางแปลกๆ ซะอย่างงั้น อะไร? มองเขาทำไม นี่อย่าบอกนะว่าได้ยินที่เขาด่าในใจอ่ะ!

     

                    “คิมจุนซู”

                    ยูชอนที่อยู่ๆ ก็หันหน้ามามองคนตัวเล็กเอ่ยปากเรียกจุนซูด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ

     

                    “ห๊ะ?

                    ส่วนคนถูกเรียกก็ทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก สองสาวสวยก็พากันจ้องมองมาที่จุนซูเป็นตาเดียว

     

                    “นายว่าฉันควรจะพูดดีมั้ย?

     

                    งงซิครับ งงเลยงานนี้ อยู่ๆ หมอนี่ก็หันมาถามอะไรแปลกๆ อะไรของมันวะ? จุนซูได้แต่ขมวดคิ้วทำหน้ายุ่งด้วยความงง

                    “คุณอยากจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ จะมาถามผมทำไม?

     

                    ไม่ใช่เรื่องของเขาสักหน่อย จะมาถามความเห็นเขาทำไม ประหลาดคน!

                   

                แต่บางทีจุนซูอาจคิดผิด

                เรื่องมันอาจจะเกี่ยวกับจุนซูเต็มๆ เลยก็ได้

     

                    “นายพูดเองนะ แน่ใจใช่มั้ยว่าจะให้ฉันพูดจริงๆ น่ะ”

                    ยูชอนยกยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ในเมื่อคนตัวเล็กพูดออกมาแบบนี้มันก็เข้าทางเขาพอดี หึหึ!

                   

                    “เชิญตามสบายครับ”

                    จุนซูพูดด้วยใบหน้าเพลียๆ ก่อนที่จะยกแก้วน้ำที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมาดูด

     

                    “ในเมื่อเจ้าตัวอนุญาตแล้ว งั้นผมก็คงจะพูดได้”

                    ยูชอนหันมาพูดกับหญิงสาวทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มบาง

     

                    “ก่อนอื่นเลยผมคงต้องขอโทษคุณทั้งสองคนก่อน”

     

                    หญิงสาวทำหน้างง พวกเธอเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย

                    “ขอโทษทำไมคะ?

     

                    จุนซูที่ทำทีเป็นดูดน้ำเหมือนไม่สนใจเรื่องตรงหน้าทั้งๆ ที่หูนั้นกำลังตั้งใจฟังอย่างเต็มที่ แต่เอ๊ะ? ทำไมตาขวาของเขากระตุก กระตุกถี่เสียด้วยซิ เคยได้ยินพี่แจจุงบอกว่าขวาร้าย ซ้ายดี ตาขวามากระตุกถี่ๆ แบบนี้ เขาจะเจอเรื่องไม่ดีอย่างงั้นหรอ?

     

                    “ผมต้องขอโทษด้วยนะยูรา อินยอง”

     

                    “จริงๆ แล้วตอนนี้ผม……

     

                    ทุกคนภายในห้องนั้นต่างก็กำลังรอฟังประโยคถัดไปของยูชอนอย่างใจจดใจจ่อ

                    “กำลังคบหาดูใจกับใครบางคนอยู่”

     

                    เพียงแค่ยูชอนพูดประโยคนั้นออกมา ทั่วทั้งห้องก็ตกอยู่ภายใต้ความเงียบสงบ จุนซูถลึงตาเล็กๆ มองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างงงๆ บวกกับอาการตกใจเล็กน้อย ผิดกับสองสาวที่ดูจะอึ้งและช็อคไปแล้ว แต่จริงๆ แล้วพวกเธอควรจะชินนะ คนอย่างปาร์คยูชอนคบหาดูใจกับใครตั้งหลายคน อิย่ะฮะฮ่า!

     

                    “คุณไม่เคยพูดว่ากำลังคบหาดูใจกับใครมาก่อน”

                    อินยองพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเศร้า

     

                    “คนนี้คุณคงจริงจังด้วยซินะคะ”

                    ยูราพูดเสริมด้วยใบหน้าหงอยๆ

     

                    ส่วนจุนซูก็ได้แต่นั่งมองทั้งสามคนอย่างงงๆ ความสัมพันธ์ของคนพวกนี้ทำไมมันมึนงงแบบนี้วะเนี่ย! ทำไมสองสาวถึงดูเข้าใจอะไรกันง่ายขนาดนี้ นี่กิ๊กแบบผู้ดีใช่ป่ะ ไม่มีโวยวาย ไม่มีทุบตีร่างกายฝ่ายชายเลยสักนิด โอ้โห!! หายากสุดๆ หมอนี่ถือว่าเป็นคนที่ฉลาดในการเลือกคนมาเป็นกิ๊กด้วยมากๆ ขอลุกขึ้นปรบมือชื่นชมเลย!

     

                    “บอกได้ไหมคะว่าใคร”

     

                    เออ!! บอกมาดิ เขาเองก็อยากรู้เหมือนกัน ใครนะที่ตาบอดมาหลงคนแบบนี้ได้อ่ะ!’

     

                    ยูชอนยกยิ้ม เขาทำสายตาแพรวพราวระยิบระยับก่อนที่จะหันกลับมาสบตากับคิมจุนซูที่กำลังจ้องมองมาที่ตนเองอยู่เช่นกัน ก่อนที่จะเอ่ยปากพูด

                    “คิมจุนซู”

     

                    “ห๊ะ?

                    จุนซูขานรับด้วยความงงเพราะนึกว่าอีกฝ่ายเรียกชื่อตนเอง แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด

     

                    คำพูดเมื้อกี้นี้ของยูชอนเป็นคำตอบต่างหากล่ะ ไม่ใช่การเรียกแต่อย่างใด เพราะประโยคต่อมานั้นคือ

     

                    “คนที่ผมกำลังคบหาดูใจอยู่ด้วยในตอนนี้คือคิมจุนซู”

     

                    อึ้ง………

     

                    “คนที่นั่งอ้าปากค้างอยู่ตรงหน้าของพวกคุณนี่แหละครับ

     

                    “แฟนผม”

     

                    ตาขวากระตุก แม่นจริงๆ เรื่องแบบนี้

                    ความซวยพุ่งเข้าใส่แบบเต็มที่เลยครับงานนี้

     

                    นี่ซินะวิธีแก้เผ็ดที่แกเคยพูดเอาไว้ นี่ซินะ!! อ๊าก!! อยากตายหรอไอ้หน้าหนู!!!!’

    .          

    .

    .

    .

    .

                    แจจุงยืนมองเงาของตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกบานใหญ่ของห้องน้ำชายด้วยความตื่นเต้น นี่เป็นวันแรกที่เขาจะได้เริ่มต้นใหม่กับงานใหม่ ตำแหน่งใหม่ แต่ยังคงทำงานอยู่ที่เดิม ตำแหน่งงานที่ได้เลื่อนขั้น ไม่ใช่เลื่อนแค่ตำแหน่ง แต่เขายังได้เลื่อนระยะห่างให้ขยับเข้ามาใกล้กับชองยุนโฮเพิ่มมากขึ้นอีกต่างหาก

     

                    เมื่อวานยุนโฮพาเขาไปเข้าร้านเสื้อผ้าแบรนด์หรูกับเลขาคิมแล้วพวกเขาทั้งสองคนก็ให้พนักงานมาวัดตัวเขาพร้อมกับสั่งให้หาชุดสูทครบชุดมาให้เขาเกือบสิบชุด แจจุงได้แต่ยืนตาโตอ้าปากพะงาบๆ พูดอะไรไม่ออกเพราะเขาดันแอบเห็นป้ายราคาเสื้อผ้าแต่ละตัวนั้นแพงแบบเขาและจุนซูสามารถใช้เงินพวกนี้กินอยู่ได้ไปนานหลายเดือน เขากำลังจะเอ่ยปากร้องท้วงแต่ก็โดนท่านประธานหันมาทำหน้าดุใส่พร้อมกับบอกกับเขาว่าชุดทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นของขวัญต้อนรับงานตำแหน่งใหม่ของเขาก็แล้วกัน

     

                    จริงๆ แจจุงอยากจะบอกกับท่านประธานว่า ถ้าจะให้ของขวัญราคาแพงขนาดนี้

                เปลี่ยนมาให้เป็นเงินสดแทนจะดีกว่า

     

                    แจจุงถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่สิบ เขารู้สึกประหม่า รู้สึกไม่ชิน รู้สึกตื่นตระหนก รู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อมที่จะขึ้นไปพบกับชองยุนโฮในสถาพนี้

                   

                    เขารู้สึกว่าตัวเองนั้นช่างดูตลกในชุดสูทราคาแพงนี้เสียเหลือเกิน

                    “บางทีเราอาจจะเหมาะกับชุดพ่อบ้านมากกว่า”

     

                    ทั้งๆ ที่เขาเองก็ใส่ชุดสูทแบบปกติๆ ที่คนทั่วๆ ไปเขาใส่กัน เวลาที่เห็นท่านประธานแต่งตัวเนี๊ยบด้วยชุดสูทเต็มยศก็ออกจะดูเท่และดูสง่างามเสียด้วยซ้ำ เขาเห็นแล้วยังเคยคิดที่อยากจะใส่สูกผูกไทแบบท่านประธานดูบ้างเลย แต่ทำไมพอได้มาแต่งเข้าจริงๆ

                    “ทำไมมันถึงดูขัดหูขัดตาแบบนี้นะ”

     

                    “เนคไทสีชมพูดูตลกไปรึป่าวนะ”

                    แจจุงมองเนคไทสีชมพูหวานของตนเองอย่างพิจารณา ก่อนที่จะต้องตาโตเมื่อเห็นว่านี่เกือบจะถึงเวลาเข้างานของเขาแล้ว

     

                    “เกือบไปสายแล้วมั้ยล่ะคิมแจจุงเอ๋ย”

                    แจจุงรีบวิ่งไปยังลิฟต์ตัวที่หนึ่งซึ่งจะสามารถใช้ขึ้นไปยังชั้นสำนักงานของห้างสรรพสินค้าเดอะคิงดอมอย่างรวดเร็ว เขาใช้มือลูบๆ สาวๆ เส้นผมให้เข้าที่โดยใช้ประตูโลหะของลิฟต์ส่องเป็นกระจกเฉพาะกิจ

     

                    ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก แจจุงก็เริ่มใจสั่นก้าวขาไม่ค่อยจะออก หัวใจของเขาเต้นแรงไปตลอดทางที่เดินไปยังห้องทำงานของท่านประธาน เลขาคิมผู้ซึ่งมาทำงานเช้าอยู่เสมอๆ เงยหน้าขึ้นมามองแจจุงก่อนที่จะนิ่งไปสักพักหนึ่ง และรอยยิ้มจึงค่อยๆ ปรากฏออกมาในภายหลัง

     

                    แจจุงเองก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ ตอบกลับไป เขายกมือขึ้นลูบผมตัวเองเล็กน้อยเป็นการแก้เขิน

                    “สวัสดีครับคุณเลขาคิม แหะๆ มาแต่เช้าเลยนะครับ”

     

                    เลขาคิมยิ้มตอบอย่างใจดี

                    “นายน้อยมาเช้ากว่าผมอีก เข้าไปซิครับท่านประธานกำลังรอคุณอยู่”

     

                    แค่ได้ยินว่ายุนโฮมาแล้ว และกำลังนั่งรอเขาอยู่ในห้องอาการใจสั่นขาสั่นของแจจุงก็ดูจะกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง มือของเขาเริ่มชื้นเหงื่อ

                    “ผมควรจะเข้าไปมั้ย?

     

                    เลขาคิมถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ให้กับคำถามและสีหน้าที่ช่างน่าเอ็นดูของคนตรงหน้า

                    “เข้าไปเถอะครับ ไม่มีอะไรหรอก”

     

                    แจจุงยังคงยิ้มแหยๆ ก่อนที่จะพยักหน้ารับและเดินตรงไปที่ประตู เขาสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เพื่อเป็นการเรียกขวัญและกำลังใจ ให้ตายซิ! นี่หัวใจของเขาเต้นแรงมากจนจะกระเด็นออกมาเต้นอยู่ข้างนอกเสียแล้ว ตื่นเต้นชะมัด อย่างกับครั้งนี้เป็นการพบกันครั้งแรกของพวกเราอย่างงั้นแหละ

     

                    แจจุงตัดสินใจยกมือเคาะประตูไปสามที เพียงไม่นานเสียงทุ้มที่แสนจะคุ้นเคยก็เอ่ยปากอนุญาตให้เขาเข้าไป ในตอนที่เขากำลังจะเปิดประตูเข้าห้องทำงานของยุนโฮไป เลขาคิมก็เอ่ยปากเรียกเขาเอาไว้เสียก่อน แจจุงกันหน้ากลับไปมองอย่างงงๆ

     

                    เลขาคิมยิ้มให้แจจุงอย่างอ่อนโยนก่อนที่จะพูดให้กำลังใจคนตัวเล็ก

                    “สู้ๆ นะครับ”

     

                    “ขอบคุณฮะ”

                    แจจุงฉีกยิ้มพร้อมกับก้มหัวขอบคุณ

     

                    “น่ารักมากเลย”

     

                    “เอ๋?

     

                    “เข้าไปเถอะครับ ท่านประธานรอคุณอยู่”

     

                    ถึงจะยังงงๆ ในคำพูดของเลขาคิมอยู่ แต่แจจุงก็ต้องตัดความสงสัยนั้นทิ้งและเปิดประตูเข้าห้องทำงานบานใหญ่นั้นแทน

     

                    ภายในห้องนั้นเงียบสงบ ชองยุนโฮที่ก้มหน้าก้มตาเซ็นเอกสารอะไรบางอย่างอยู่ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองเขาและก็หยุดนิ่งค้างไปสักพักหนึ่ง สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉยไร้ความรู้สึกใดๆ แสดงออกมาให้รับรู้ จนแจจุงที่ยืนอยู่หน้าประตูชักเริ่มจะใจแป้วและใจเสียกับความเงียบในครั้งนี้ไปเสียแล้ว

     

                    “เอ่อ…. สะ….. สวัสดีครับท่าน….ประธาน”

                    แจจุงพูดออกมาอย่างตะกุกตะกักเพราะความประหม่าที่โดนสายตาคมๆ นั้นจ้องมองมา เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังโดนยุนโฮใช้สายตาสแกนร่างกายของเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเลยก็ว่าได้

     

                ทำไมต้องจ้องกันซะขนาดนั้นด้วยนะ รู้มั้ยว่าเขาเกร็งไปหมดแล้วเนี่ย!’

                   

                    “แหะๆ ผมใส่สูทแล้วมันดูตลกใช่มั้ยครับ ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”

     

                    “………………………

                    ยุนโฮยังคงจ้องคิมแจจุงนิ่ง ไม่ยอมพูดอะไรตอบกลับมา สายตาของเขานั้นนิ่งเกินกว่าจะอ่านความรู้สึกได้

     

                    “ผมว่าผมไม่เหมะกับชุดนี้เลยจริงๆ ท่านประธานคิดว่าผมควรจะ…..

                    แต่ยังไม่ทันที่แจจุงจะได้พูดจบอยู่ๆ ชองยุนโฮที่นั่งนิ่งอยู่นานก็ลุกขึ้นยืนจนคนตัวเล็กถึงกับทำหน้าเหวอไปเลยเพราะไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปรึป่าวทำไมท่านประธานถึงได้ลุกขึ้นยืนและเดินตรงมาที่เขาแบบนี้

     

                    “อ่ะเอ่อ………… ผะ…. ผม”

     

                    “เอาเอกสารนี้ไปอ่าน”

                    ยุนโฮไม่สนท่าทางประหม่าของคนตรงหน้า เขายื่นแฟ้มเอกสารที่ให้เลขาคิมได้เตรียมเอาไว้ให้กับแจจุงที่กำลังทำตาโตและรับแฟ้มของเขามาถืออย่างงงๆ

     

                    “อ่านให้เรียบร้อย นั่นคือรายละเอียดงานที่นายต้องทำอย่างคร่าวๆ เดี๋ยวเลขาคิมจะเป็นคนสอนงานให้นายเอง”

     

                    “ครับ”

     

                    “แล้วรู้รึยังว่าตัวเองทำตำแหน่งอะไร?

     

                    “ไม่รู้ครับ”

                    แจจุงส่ายหัวไปมาในตอนที่เอ่ยปากตอบ

     

                    “ผู้ช่วย”

                   

                    แจจุงเลิกคิ้วขึ้นถามพร้อมกับเอ่ยทวนชื่อตำแหน่งอีกครั้ง

                    “ผู้ช่วย?

     

                    “ผู้ช่วยคนพิเศษของฉันนั่นแหละตำแหน่งใหม่ของนาย”

     

                ‘ผู้ช่วยคนพิเศษ

                    อ่าฟังดูแล้วแค่ชื่อตำแหน่งก็ทำให้แจจุงใจเต้นแรงเสียแล้วซิ

     

                    “ตามฉันมาซิ เดี๋ยวจะพาไปดูห้องทำงาน”

                    ยุนโฮพูดก่อนที่จะเดินนำแจจุงออกจากห้องทำงานไป เลขาคิมที่ยืนรออยู่หน้าห้องเรียบร้อยแล้วรายงานความคืบหน้าของงานที่ตนเองได้รับมอบหมายให้ยุนโฮได้รับทราบอย่างทันที

     

                    “ผมจัดการห้องทำงานให้แจจุงเรียบร้อยแล้วครับ แต่สภาพห้อง……

     

                    “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง”

                    ยุนโฮตอบรับก่อนที่จะเดินนำแจจุงไปที่ห้องทำงานส่วนตัวของคนตัวเล็ก แจจุงเดินตามอยู่ไม่ห่าง เขามองสำรวจไปรอบๆ เพียงไม่นานยุนโฮก็พาเขามาหยุดอยู่ที่ประตูของห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง เขาหันหน้ากลับมามองแจจุงที่กำลังยืนมองประตูห้องนั้นอยู่

     

                    “นี่คือห้องทำงานของนาย”

     

                    “ห้องของผมหรอครับ?

                    นี่เขามีห้องทำงานส่วนตัวเลยหรอเนี่ย ว้าว! น่าดีใจชะมัดเลย

     

                    “แต่มันเป็นห้องเก็บของ”

     

                    แต่คำพูดต่อมาของยุนโฮก็ทำเอาคนที่กำลังดีใจอยู่ถึงกับผงะไปเลย

                    “เอ๋?

     

                    ยุนโฮเปิดประตูและใช้มือผลักบานประตูนั้นให้เปิดออกกว้าง สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำให้แจจุงเข้าใจในคำพูดเมื่อสักครู่นี้ของยุนโฮได้อย่างทันที ห้องทำงานของเขา เป็นห้องเก็บของนั่นเอง แจจุงมองเข้าไปภายในห้องอย่างอึ้งๆ มันเป็นห้องขนาดกลาง ไม่เล็กมาก แต่ก็ไม่ใหญ่มาก ภายในห้องนั้นเต็มไปด้วยกล่องกระดาษและสิ่งของมากมาย รวมไปถึงฝุ่นและหยากไย่เต็มไปหมด

     

                    “นายคงต้องทำความสะอาดสักหน่อย”

     

                ไม่หน่อยแล้วครับแบบนี้! เรียกว่าต้องล้างห้องเลยน่าจะดีกว่า

                    แจจุงแอบเถียงกลับไปในใจ

     

                    “ตอนนี้แม่บ้านยังไม่ว่างขึ้นมาช่วย นายก็ทำเองไปก่อนก็แล้วกันนะ”

     

                    “ครับ”

                    ไม่เป็นไร งานถนัด เคยทำความสะอาดทั้งที่บ้านและที่ห้างมาแล้ว แค่ทำความสะอาดห้องเล็กๆ แบบนี้ทำไมจะทำไม่ได้เนอะคิมแจจุงเอ๋ย

     

                ‘เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ไม่ว่าเขาจะได้เลื่อนขั้นยังไง ก็ไม่สามารถหนีพ้นจากงานทำความสะอาดได้ แหม่เกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆ เลยนะคิมแจจุงเอ๋ย

     

                    “คืนนี้มีงานแถลงข่าวเปิดตัวแบรด์ใหม่ในห้าง นายต้องไปกับฉันด้วย เดี๋ยวเลขาคิมจะมาอธิบายสิ่งที่นายต้องทำให้ฟังทีหลัง”

     

                    “เอ่อ…….. ครับ”

                    แม้จะยังไม่พร้อม แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธออกไปได้ นี่เขาต้องไปงานเลี้ยงด้วยสภาพที่เพิ่งจะทำความสะอาดห้องมาอย่างงั้นหรอเนี่ย

     

                    “จัดการห้องให้เรียบร้อยล่ะ และก็อย่าลืมจัดการตัวเองด้วย”

                    ชองยุนโฮพูดด้วยท่าทางนิ่งๆ ดวงตาคมกวาดสายตามองแจจุงตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอีกครั้งก่อนที่จะพูดต่อว่า

     

                    “หวังว่าฉันจะเห็นนายในสภาพที่ดูดี ไม่ใช่เด็กที่ไปเล่นสนุกจนมอมแมมนะ”

     

                    แจจุงเงยหน้ามองยุนโฮพร้อมกับยู่ปากใส่

                    “ไม่ใช่เด็กสักหน่อย”

     

                    ยุนโฮไม่ตอบ เขายกยิ้มที่มุมปากบางๆ ก่อนที่จะกลับหลังหันและก้าวขาเดินออกไปทางด้านหน้าเพื่อที่จะกลับไปที่ห้องทำงานของตนเอง แต่เขาก็เดินไปได้เพียงสามก้าวก่อนที่จะหันหน้ากลับมาแล้วใช้ดวงตาคมกวาดสายตามองร่างเล็กๆ ของแจจุงอีกครั้ง

     

                    แจจุงเอียงคอพร้อมกับเลิกคิ้วมองยุนโฮอย่างงงๆ

                    “มีอะไรหรอฮะ?

     

                    “ป่าว”

                    ยุนโฮตอบกลับสั้นๆ

     

                    “นายในชุดสูทนี่ดูแล้วก็

     

                    แจจุงใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขากำลังลุ้นในคำพูดต่อไปของยุนโฮ

     

                    “ตลกดีนะ”

                    ยุนโฮพูดแบบนั้นพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปากแล้วก็หันหลังเดินจากไป ทิ้งให้คิมแจจุงได้แต่ยืนทำหน้ายุ่งยู่ปากเข้าหากันอยู่คนเดียว

     

                    “ขนาดท่านประธานก็ยังบอกว่าเราตลกเลย กลับไปใส่ชุดพ่อบ้านเหมือนเดิมเหอะคิมแจจุงเอ๋ย”

                    คนตัวเล็กบ่นออกมาก่อนที่จะเดินคอตกเข้าไปในห้องทำงานของตนเอง มีเวลาให้คิดได้ไม่นาน งานที่ต้องทำอยู่ข้างหน้านี่ต่างหากที่เขาควรจะให้ความสนใจกับมัน ได้เวลาทำความสะอาดห้องทำงานแล้ว!

     

                    แต่ก็ยังอดคิดไม่ได้กับคำพูดเมื่อสักครู่นี้ของยุนโฮ

                    “นี่เราดูตลกจริงๆ น่ะหรอ?

    .

    .

    .

                    ยุนโฮเดินกลับมานั่งอยู่ในห้องทำงานของตนเอง เขานั่งเอนหลังพิงเบาะของเก้าอี้ทำงานด้วยท่าทางสบายๆ ส่วนภายในหัวก็กำลังคิดเรื่องอะไรบางอย่างอยู่ ซึ่งเรื่องนั้นก็คือ

     

                    “หึ! ตลกอย่างงั้นหรอ?

     

                    ภาพของคิมแจจุงที่อยู่ในชุดสูทและดวงตากลมๆ นั้นที่จ้องมองมาที่เขาด้วยความประหม่าหลังจากที่เปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานนั้น ความรู้สึกแรกที่พุ่งเข้ามาในหัวของเขาไม่ได้เป็นอย่างที่เขาได้เอ่ยปากบอกกับคนตัวเล็กนั่นไปเลยสักนิด ตลกอย่างงั้นหรอ? คิมแจจุงในชุดสูทดูไม่ได้ดูตลกเลยสักนิด

     

                                    ยุนโฮอมยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย

                     “จริงๆ แล้วฉันอยากจะบอกนายว่า

     

                    “นายน่ารักมากต่างหากล่ะ”

     

                นี่ต่างหากคือความรู้สึกจริงๆ ของท่านประธาน

                ความรู้สึกแท้จริง ที่ไม่ได้พูดมันออกไป

     

     

    TBC ^-----------^*

     

    *******************************************************

     

    Talk : )

     

    สวัสดีค่ะ
    กลับมาตามสัญญา ที่ทำได้บ้าง ทำไม่ได้บ้าง 555555
    แต่ก็พยายามแล้วนะ!

    คือเหนื่อยมากเลย
    ทำงานสามวันติด ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ กว่าจะเลิกงานก็สองทุ่มแล้วค่ะ
    กลับถึงบ้านสามทุ่ม อาบน้ำ กินข้าว สี่ทุ่ม

    เพลีย แรงเคี้ยวข้าวแทบไม่มี
    พยายามเข็นตัวเองมาอัพสุดๆ แล้วนะ TT

    หวังว่าทุกคนจะมีความสุขกับการอ่านนะคะ

    ขอประกาศ เมื่อหลายวันก่อน ไปค้นเจอฟิคเรื่องเก่าๆ ของตัวเองที่ยังเหลืออยู่ไม่กี่เล่ม
    คือเรื่อง Wonder Boy กับ Motivation Love ใครสนใจสองเรื่องนี้เมนชั่นหรือเมลมาสอบถามกันได้นะคะ ^^

    แวะมาฟอล หรือมาพูดคุยกันก็ได้ มุกตลกบ้างบางเวลา 555555
    Twitter >>> http://twitter.com/@MMooKiiEE  
    E-mail >>> mookiie_jong@hotmail.com

    ขอขอบคุณทุกๆ คนที่กดเข้ามาอ่านฟิคเรื่องนี้กันนะคะ
    หวังว่าจะอยู่ด้วยกันจนฟิคจบเลยเนอะ

    แล้วเจอกันใหม่ในตอนหน้าค่ะ

    ^-------------------------^*

     

    *******************************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×