ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] ☆--- Mystery Love ---☆ [TVXQ][YAOI]

    ลำดับตอนที่ #12 : ,,, Part 11 ,,, วางแผน

    • อัปเดตล่าสุด 14 เม.ย. 57


    Title         :  Mystery Love
    Type        :  Long fiction
    Author      :  *..MooKiiE..*
    Category :  Comedy / Romance
    Paring      :  Yunho x Jaejoong / YooChun x JunSu
    Note         :  เรื่องนี้มุกได้แรงบันดาลใจมาจากซีรี่ส์เกาหลีเรื่อง The Master’s Sun นะคะ จึงทำให้เนื้อหาบางอย่างอาจคล้ายคลึงกันบ้าง

                                                                                                                                                                                                                                                              

    *******************************************************

     
     

    ขอให้มีความสุขในการอ่านค่ะ และ

    อย่าลืมกดเป็นแฟนพันธุ์แท้ฟิคเรื่องนี้กันนะคะ ^^


     

    Part 11

     

                   

                    “ลงไปนั่งเล่นอะไรที่พื้นน่ะคิมแจจุง”

     

                    เสียงนั้นดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของใครบางคนที่เรียกเสียงฮือฮาจากทุกๆ คนที่ยืนอยู่ในบริเวณนั้น ทั้งพนักงานสาวรวมไปถึงรปภ. ต่างก็เบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจเมื่อคนคนนี้เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของคิมแจจุง

     

                ชองยุนโฮ

     

                    ทุกๆ สายตาจ้องมองไปที่ชายหนุ่มร่างสูงที่ดูดีแม้เขาจะมีสีหน้าเรียบเฉยไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ เลยก็ตาม

     

                “ทำไมถึงลงไปนั่งเป็นคนบ้าที่พื้นแบบนั้นล่ะคิมแจจุงยืนขึ้นซิ”

                    คนร่างสูงยืนมองคนที่นั่งอยู่ที่พื้นด้วยสายตานิ่งๆ ที่ด้านหลังของเขามีเลขาคิมที่เดินตามมาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ กัน

     

                    ดวงตากลมช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้านิ่งๆ ของคนร่างสูงที่กำลังก้มหน้าลงมองเขาเช่นกัน ไม่รู้ทำไมแต่พอเขาเห็นชองยุนโฮที่มายืนอยู่ตรงหน้า น้ำตาที่คลออยู่ตรงเบ้าตาก็แทบจะพากันกลิ้งไหลลงมาเสียแล้ว

     

                    ไม่รู้ว่าทำไมยุนโฮถึงเดินมาที่นี่ ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเดินเข้ามาหาเรา แต่คิมแจจุงก็อยากจะขอบคุณเขาเสียเหลือเกินขอบคุณที่เข้ามาช่วย

     

                    ยุนโฮขมวดคิ้ว เขามองคนตัวเล็กที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่พื้นด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย

                    “ฉันบอกให้ยืนขึ้นไงล่ะ”

     

                    หลังที่พูดประโยคนั้นจบ ฝ่ามือหนาก็ถูกยื่นออกไปอยู่ตรงหน้าของคิมแจจุง ทุกการกระทำของท่านประธานตกอยู่ในสายตาของทุกๆ คนที่ยืนอยู่ในบริเวณนั้น พวกเขาต่างก็แปลกใจกับการกระทำของคนร่างสูง ทุกสายตามองดูคนทั้งคู่ด้วยความสนอกสนใจ สนใจว่าคนที่นั่งอยู่ตรงพื้นนั่นเป็นใครกัน ทำไมท่านประธานถึงต้องเอื้อมมือออกไปให้เขาจับแบบนั้น

     

                    ดวงตากลมโตจ้องมองฝ่ามือหนาที่อยู่ตรงหน้าของตนเองด้วยแววตาที่สั่นระริก ทั้งตื้นตัน ทั้งดีใจ และแปลกใจไปด้วยในเวลาเดียวกัน

                    ยุนโฮเข้ามาช่วยเขาอย่างงั้นหรอ? นี่มันเรื่องจริงใช่มั้ย เขาไม่ได้ฝันไปนะ

     

                    “ท่านประธาน”

                    แจจุงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ เขาเบะปากจะร้องไห้เหมือนเด็กๆ

     

                    ยุนโฮเห็นท่าทางงอแงแบบนั้นของคนตรงหน้าก็นึกขำอยู่ในใจ พยายามกลั้นยิ้มเอาไว้แล้วแสดงสีหน้าเรียบเฉยออกมา

                    “จับมือฉันแล้วลุกขึ้นมาได้แล้ว”

     

                    แจจุงพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ยื่นมือออกไปวางลงบนฝ่ามือหนาของคนร่างสูง ทันทีที่ปลายนิ้วของเขาสัมผัสเข้ากับฝ่ามือใหญ่ ความอบอุ่นก็พุ่งเข้ามาใส่ความรู้สึกของแจจุงอย่างทันที น้ำตาหยดแรกก็กลิ้งไหลออกมาจากดวงตากลม

     

                    “ขี้แยจริงๆ”

                    ยุนโฮขมวดคิ้วพร้อมกับเอ่ยปากต่อว่าคนตรงหน้า

     

                    หลังจากที่แจจุงวางฝ่ามือลงบนฝ่ามือหนาของยุนโฮ คนร่างสูงก็กอบกุมฝ่ามือนั้นเอาไว้ก่อนที่จะออกแรงดึงให้คนตัวเล็กลุกขึ้นมายืนอยู่ข้างๆ ตนเอง แจจุงเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมที่ยังคงมีสีหน้านิ่งเฉยก่อนที่จะแอบอมยิ้มกับตัวเองเบาๆ

                    “ขอบคุณฮะ”

     

                    ยุนโฮปรายสายตามองคนตัวเล็กก่อนที่จะหันกลับไปมองพนักงานสาวสองคนที่ยืนทำหน้าซีดแล้วมองมาที่ตนท่านประธานห้างฉีกยิ้มก่อนที่จะหันไปบอกลูกค้าที่กำลังยืนมุงดูเหตุการณ์อยู่

                    “พอดีมีเรื่องที่เข้าใจผิดกันเล็กน้อย เดี๋ยวผมจะจัดการตรงส่วนนี้เอง ต้องขอโทษทุกๆ คนด้วยนะครับ”

     

                    ยิ้มการค้าถูกส่งไปให้กับลูกค้าทุกคน ซึ่งทุกๆ คนต่างก็เข้าใจดีจึงพากันเดินออกจากสถานที่แห่งนั้นเพื่อไปช็อปปิ้งต่อ จนบริเวณนั้นเหลือเพียงแค่ชองยุนโฮ คิมแจจุง เลขาคิม กับพนักงานสาวอีกสองคน ส่วนรปภ.ก็ได้กลับไปทำหน้าที่ของตนเสียแล้ว อันที่จริงน่าจะชิ่งเพราะกลัวความผิดที่ทำคนรู้จักของท่านประธานล้มต่างหาก

     

                    “วันนี้วันหยุดนายไม่ใช่หรอ? มาเล่นซนอะไรที่นี่”

     

                    แจจุงทำปากยู่ พูดอย่างกับเขาป็นเด็กๆ

                    “ไม่ได้มาเล่นซนนะฮะ ผมมาช่วยผีต่างหาก!

     

                    ชองยุนโฮถึงกับถอนหายใจออกมา ผีอีกแล้วให้ตายเหอะ! รอบตัวหมอนี่มีแต่ผีรึไงกัน!

                    “ช่วยผียังไงฉันเห็นนายไปยืนทะเลาะกับพนักงานอยู่น่ะ”

     

                    “ก็เธอไม่ยอมให้รองเท้ากับผมหนิ!

                    ได้ทีคนตัวเล็กก็รีบฟ้องท่านประธานอย่างทันที เรื่องแบบนี้ยุนโฮต้องช่วยเขาได้แน่ๆ

     

                    “รองเท้า?

     

                    “ใช่ฮะ รองเท้าส้นสูงสีแดงข้างนั้นเป็นของผีที่วิ่งตามผมมาเมื่อคืน”

                    แจจุงชี้ไปที่รองเท้าที่อยู่ในมือของพนักงานสาว ดวงตาคมมองตามทิศทางที่นิ้วสั้นๆ นั่นชี้ไปก่อนที่จะขมวดคิ้ว ช่วงขาเรียวก้าวเดินตรงเข้าไปหาพนักงานสาวที่ยืนทำหน้าตาตื่นตกใจก่อนที่จะเอ่ยปากพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ

     

                    “ผมขอดูรองเท้าข้างนี้หน่อย”

     

                    “คะค่ะ!

                    เธอรีบส่งรองเท้าส้นสูงสีแดงให้กับยุนโฮอย่างทันที ต่างจากตอนที่แจจุงขอเธอที่ตอนนั้นต้องออกแรงยื้อกันอย่างสุดความสามารถ คนตัวเล็กเบะปากใส่ที่ยุนโฮแค่พูดไม่กี่คำก็ได้รองเท้าข้างนั้นมาอย่างงายดายเสียแล้ว

     

                    ดวงตาคมจ้องมองรองเท้าที่ถืออยู่อย่างพิจารณา ยุนโฮหันมามองแจจุงก่อนที่จะเอ่ยปากถาม

                    “แน่ใจนะว่าข้างนี้”

     

                    คนตัวเล็กรีบพยักหน้า

                    “แน่ใจฮะ ผมจำได้”

     

                    ยุนโฮยืนนิ่งไปอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนที่จะยื่นรองเท้าข้างนั้นให้กับแจจุง

                    “อ่ะถ้ามั่นใจก็เอาไป”

     

                    “เอ๊ะ?

     

                    “รองเท้าข้างนี้คงจะทำให้นายช่วยผีตนนั้นได้ซินะ ถ้าใช่ก็เอาไปซะ”

     

                    แจจุงฉีกยิ้มกว้าง ดวงตากลมช้อนสายตาขึ้นมองคนตรงหน้าด้วยดวงตาเป็นประกาย

                    “ขอบคุณฮะ ขอบคุณจริงๆ”

     

                    “อืม”

     

                    แจจุงฉีกยิ้มกว้าง ดวงตากลมโตยังคงจ้องมองใบหน้านิ่งๆ ของชองยุนโฮอยู่เช่นเดิม อยากจะมองใบหน้าของคนนี้ต่อนานๆ อยากสัมผัสตัวของเขาจังเลยนะ คนตัวเล็กยืนคิดอะไรไปอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เขามีภารกิจที่จะต้องรีบไปทำ ถ้าทำเสร็จเร็วๆ ก็จะได้แอบมองท่านประธานต่อได้

     

                หมับ!

                    ฝ่ามือขาวๆ เอื้อมออกไปคว้าฝ่ามือหนาของยุนโฮมากุมเอาไว้ ยุนโฮสะดุ้งตกใจเล็กน้อย เขามองมือของตนเองที่โดนมือเล็กๆ นั่นจับก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองคิมแจจุงที่ยังคงยืนฉีกยิ้มให้กับเขา

     

                    “จริงๆ ผมก็อยากยืนมองท่านประธานให้นานกว่านี้ แต่พอดีมีธุระที่ต้องไปทำ เดี๋ยวถ้าผมจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้วผมจะรีบไปหานะฮะ”

     

                    ยุนโฮยืนฟังพร้อมกับขมวดคิ้ว แต่เขาก็ไม่ได้ดึงมือของตนเองออกจากการกอบกุมของฝ่ามือขาวๆ นั่นหรอกนะ นั่นซิทำไมเขาถึงไม่ทำแบบนั้นกันล่ะ ทำไมถึงยังยอมปล่อยให้คิมแจจุงจับมือของตัวเองเอาไว้แบบนั้น เขาเองก็งงกับตัวเองอยู่เหมือนกัน

     

                    แต่ที่รู้ๆ ก็คือมือของหมอนั่นก็นุ่มดีเหมือนกันแหะ

     

                    “เดี๋ยวผมมานะฮะ”

     

                    “………………….

     

                    “ขอกำลังใจหน่อย”

     

                หมับ!!!

                เมื่อพูดจบร่างเล็กๆ ของคิมแจจุงก็พุ่งเจ้าไปกอดร่างของชองยุนโฮอย่างทันที ท่ามกลางสายตาของพนักงานสาวที่ยืนมองเหตุการณ์เหล่านี้มาตั้งแต่ต้น พวกเธอเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจ มองดูคิมแจจุงด้วยสายตาตกตะลึง แม้แต่เลขาคิมเองก็ยังตกใจกับการกระทำของแจจุงที่ช่างกล้าหาญเสียเหลือเกิน เขามองภาพของคนทั้งคู่ก่อนที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างเอ็นดู แม้การกระทำของแจจุงจะแปลก แต่การกระทำของนายน้อยของเขานี่กลับแปลกกว่า

     

                    ทำไมถึงยืนนิ่งให้เขากอดแบบนั้นกันล่ะครับนายน้อยชองยุนโฮ

     

                เมื่อได้กอดจากชองยุนโฮเป็นกำลังใจในการทำภารกิจแล้วคิมแจจุงก็ผละตัวออกมา เขาฉีกยิ้มกว้างก่อนที่จะหันหลังแล้ววิ่งออกจากที่ตรงนั้นไป ปล่อยให้ดวงตาคมจ้องมองแผ่นหลังเล็กๆ ที่ค่อยๆ ไกลออกไปด้วยความมึนงง นี่เขาเพิ่งโดนคิมแจจุงกอดไปอย่างงั้นหรอ ให้ตายซิ! สองรอบแล้วนะ เดี๋ยวก็คิดค่ากอดซะหรอก!

     

                    “เลขาคิม”

     

                    “ครับ”

     

                    “ช่วยจัดการเรื่องของคิมแจจุงให้ผมที”

                    น้ำเสียงของชองยุนโฮนั่นช่างนิ่งเสียจนคนฟังยังแอบหวั่นใจ

     

                    “เอ๊ะ? ใจให้ไล่เขาออกอย่างงั้นหรอครับ?

                    เขาเองก็เอ็นดูเด็กคนนั้นอยู่ไม่น้อย แม้จะชอบทำตัวแปลกๆ แต่ก็ดูท่าจะเป็นคนดีที่ไม่มีพิษมีภัยอะไร แถมยังทำให้นายน้อยของเขาทำตัวแปลกๆ ตามไปด้วยอีกต่างหาก ส่วนเรื่องที่เด็กคนนั้นเห็นผีได้ เขาก็คิดว่าน่าจะเป็นความจริง เพราะนายน้อยเองก็ดูเหมือนจะเชื่อที่เด็กคนนั้นพูดอยู่เหมือนกัน ถ้าจะต้องไล่เด็กดีๆ แบบนั้นออก เขาก็คงจะเสียดายน่าดู

     

                    “ป่าว”

                    ยุนโฮตอบกลับมาด้วยใบหน้านิ่งๆ นั่นซิทำไมเขาถึงไม่ไล่หมอนี่ออก ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นเขามีแต่ความคิดนี้อยู่ในหัว

     

                    “ครับ?

                    หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของนายน้อย เลขาคิมก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจอีกครั้ง แต่คำพูดต่อมาของชองยุนโฮยิ่งทำเขาแปลกใจมากกว่าหลายสิบเท่า

     

                    “ช่วยหาตำแหน่งที่จะสามารถอยู่ข้างๆ ผมได้ให้เขาที”

     

                ในเมื่ออยากอยู่ใกล้ฉันนัก

                ฉันก็จะช่วยทำให้นายได้สมหวังเอง

    .

    .

    .

    .

    .

                วันนี้เป็นวันหยุดของจุนซู เขาวางแผนเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าวันนี้จะจัดห้องเพราะการฝึกงานทำให้เขาไม่มีเวลาได้ทำความสะอาดห้องสักเท่าไหร่นัก พี่แจจุงเองก็ไม่ว่าง ผ้าปูที่นอนของพวกเราก็ไม่ได้เปลี่ยนมาเกือบจะสองอาทิตย์เสียแล้ว

     

                    จุนซูตื่นขึ้นมาในตอนสายๆ ของวันหลังจากที่ได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว และสงสัยว่าเขาจะตื่นสายจนเกินไปพี่แจจุงถึงได้ไม่อยู่ในห้องเสียแล้ว

     

                    “วันนี้ก็เป็นวันหยุดของพี่แจจุงนี่นาหายไปไหนของเขาอีกแล้วล่ะเนี่ย”

                    คนตัวเล็กบ่นพึมพำก่อนที่จะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเพื่อไปอาบน้ำให้ร่างกายได้สดชื่น

     

                    จุนซูใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนที่จะเดินออกมาหาของกินที่ห้องรับแขกเล็กๆ คนตัวเล็กฉีกยิ้มกว้างจนดวงตาเรียวกลายเป็นเส้นขีดเมื่อพบว่าบนโต๊ะอาหารมีอาหารเช้าที่พี่ชายทำเตรียมเอาไว้ให้แล้ว พี่แจจุงเป็นพี่ชายที่น่ารักมากๆ เสียเหลือเกิน เขารู้สึกว่าตัวเองช่างเป็นน้องที่โชคดีนักที่มีพี่เป็นคิมแจจุง ถึงใครจะมองว่าพี่ชายของขาไม่ปกติก็ตาม แต่สำหรับเขา

     

                คิมแจจุงเป็นพี่ชายที่แสนดีมากจริงๆ  

     

                    จุนซูนั่งกินข้าวเช้าเงียบๆ คนเดียว เขาเปิดโทรทัศน์เพื่อดูฆ่าเวลาเล่นเพื่อไม่ให้ห้องนั้นเงียบจนเกินไป ในตอนที่เขากำลังจะลุกเอาถ้วยชามไปล้าง เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางเอาไว้อยู่บนโต๊ะกินข้าวก็ดังขึ้น คนตัวเล็กวางจานลงที่ซิงค์ก่อนที่จะเดินกลับมาหยิบโทรศัพท์ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยตอนที่เห็นเบอร์โทรแปลกๆ โทรเข้ามา แต่ก็กดรับแต่โดยดีเพราะคิดว่าอาจจะเป็นพี่ที่ทำงานหรือบริษัทสักแห่งที่เขาเคยไปสมัครงานพาร์ทไทม์เอาไว้

     

                    “สวัสดีครับ คิมจุนซูพูดสายครับ”

     

                    ปลายสายยังคงเงียบ จนจุนซูต้องละสายตาออกมาดูว่าสายตัดไปแล้วรึป่าวแต่เมื่อเห็นว่าปลายสายยังคงอยู่ดีเขาจึงกรอกเสียงทักทายลงไปอีกรอบ และเสียงที่ตอบกลับมานั้นก็ทำเคิมจุนซูถึงกับอยากปาโทรศัพท์ทิ้ง

                    [สวัสดีครับนักศึกษาฝึกงานที่น่ารักของฉัน]

     

                เพราะปลายสายนั้นคือปาร์คยูชอน

               

                แม้แต่วันหยุด ไอ้หน้าหนูนี่ก็จะตามมาหลอกหลอนเขาให้ได้เลยซินะ!’

     

                [วันนี้นายต้องมาทำงานกับฉัน]

                    และถึงแม้ว่านี่จะเป็นวันหยุด แต่คิมจุนซูก็ยังต้องได้เห็นหน้าของปาร์คยูชอนอยู่ดี

     

                ให้ตายซิ! หมดกันความฝันวันหยุดที่แสนหวาน

    .

    .

    .

                    จุนซูมาถึงโรงแรมหลังจากที่วางสายจากยูชอนไปหนึ่งชั่วโมง พี่ๆ ในแผนกต่างก็มองเขาอย่างงงๆ ในตอนที่เห็นหน้าเขาเดินเข้ามาที่ฟร้อน แม้แต่พี่จินฮีเองก็ยังทักว่าเขามึนหรือลืมไปหรือเปล่าว่าวันนี้เป็นวันหยุดของตัวเอง จุนซูได้แต่ส่งยิ้มแหยๆ ไปให้กับทุกคน และในตอนที่เขาจะเอ่ยปากตอบคำถามในสิ่งที่พี่ๆ พากันสงสัยเขาก็ถูกขัดจังหวะด้วยการปรากฏตัวของใครบางคน ใครบางคนที่ทำเอาสาวๆ ในแผนกถึงกับมองตามด้วยดวงตาเป็นประกาย

     

                ปาร์คยูชอน

     

                    ให้ตายซิ! ยังไงเขาก็ยังหาสาเหตุที่ทำให้ใครต่อใครพากันหลงใหลในตัวหมอนี่ไม่ได้จริงๆ หล่อ? ก็อาจจะหล่ออยู่อ่ะนะ แต่เขาก็คิดว่าปาร์คยูชอนนั้นหน้าเหมือนหนูอยู่ดี รวย? อันนี้ไม่เถียงเพราะรวยจริง เสน่ห์แรง? หน้าผากหมอนั่นน่าจะร้อนแรงกว่า เอาจริงๆ ถ้าจับองค์ประกอบบนใบหน้าของปาร์คยูชอนแตกย่อยออกมาคนละส่วน จุนซูคิดว่าไม่เห็นจะมีส่วนไหนดีเลยสักอย่าง ปากก็ห้อย ตาก็ตี่ จมูกก็ไม่ได้โด่งอะไรมาก หน้าผากยังกว้างเป็นลานบินอีก ว่างๆ จะขอยืมไปให้เครื่องบินแลนด์ดิ้งจอดหน่อยก็แล้วกัน

     

                    แต่ถึงจะคิดแบบนั้น แต่ก็ไม่รู้ทำไม พอทุกๆ ส่วนที่ว่ามานั้น พอมันมารวมกันอยู่บนใบหน้าของปาร์คยูชอน มันกลับไม่ได้น่าเกลียดอย่างที่คิด เพราะถ้าหมอนี่หน้าตาขี้เหร่ ก็คงจะไม่มีสาวมาหาไม่ซ้ำหน้ากันแบบนี้หรอก พูดแล้วก็หมั่นไส้! อย่าให้คิมจุนซูรวยบ้างก็แล้วกัน บอกเลยว่าคิวแน่น ขายดีกว่าปาร์คยูชอนแน่ๆ ต้องมีแต่คนวิ่งเข้าหาแน่ๆ

     

                แต่จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายที่วิ่งเข้ามานี่ก็ไม่อาจจะทราบได้ เกรงกลัวว่าจะเป็นอย่างหลังเสียมากกว่า   

                   

                    “วันนี้จุนซูเขามาช่วยงานผมน่ะครับ”

                    ยูชอนไขข้อสงสัยของใครหลายๆ คนนั้นด้วยรอยยิ้ม ที่ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นแทบจะละลายลงไปกองอยู่ที่พื้น

     

                    “ถ้างานเยอะมาก น้องจุนซูช่วยไม่ไหวก็มาบอกพวกเราได้นะคะ พวกเราพร้อมช่วยคุณยูชอนเต็มที่เลยค่ะ”

                    พนักงานสาวสวยคนหนึ่งพูดกับท่านประธานด้วยรอยยิ้มหวาน

     

                    ยูชอนยิ้มก่อนที่จะเอ่ยปากตอบเธอออกไป

                    “ขอบคุณครับ แต่ตอนนี้ผมขอ เลือก จุนซูเขาก่อนก็แล้วกันนะ”

     

                    จุนซูและใครหลายๆ คนต่างก็พากันสะดุดกับคำว่า เลือกของยูชอน จุนซูมองหน้าคนร่างสูงพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์

     

                ถามฉันสักคำยังว่าฉันอยากถูกนายเลือกมั้ย? หืม?’

     

                    “ผมขอตัวพาจุนซูไปทำงานก่อนนะครับ พวกคุณก็สู้ๆ กับการทำงานกันล่ะ”

     

                    “ค่ะ!

                    ทุกคนตอบรับด้วยรอยยิ้มอย่างพร้อมเพรียงกัน คาดว่าวันนี้สาวๆ ในแผนกฟร้อนคงจะมีกำลังใจทำงานกันอย่างเต็มที่ ก็แหมท่านประธานลงมาให้กำลังใจกันถึงที่แบบนี้เลยนี่นา

                   

                    ปาร์คยูชอนละสายตาจากสาวๆ กลับมามองคนตัวเล็กที่ยืนหน้าตาไม่สบอารมณ์อยู่ข้างๆ แล้วก็รู้สึกอารม์ดีขึ้นมาเพราะสนุกที่ได้แกล้งคนนี้เล่น

                    “ไปทำงานกันเถอะคุณผู้ช่วย”

     

                    จุนซูเดินตามยูชอนขึ้นมายังชั้นบน เขาฉีกยิ้มทักทายคุณเลขาหน้าห้องเล็กน้อยตามมารยาทก่อนที่จะเดินตามคนร่างสูงเข้าห้องทำงานไป

     

                    ยูชอนเดินมาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งของตนเอง เขาผายมือให้คนตัวเล็กนั่งที่เก้าอี้ที่ตั้งอยู่ทางด้านหน้าของเขา ถึงแม้ว่าจะทำหน้าตาบอกบุญไม่รับแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ยูชอนรู้สึกผิดหรืออะไรเลยก็ตาม แหมก็เมื่อวานเล่นเป่าแป้งใส้หน้าเขาซะขาวโพลนไปยันหัวขนาดนั้น คิดหรอว่าวันนี้เขาจะยอมให้เจ้าเด็กแสบนี่ได้นอนพักอยู่ที่บ้านอย่างสบายใจงั้นหรอ? ฝันไปเถอะ!

     

                    “วันนี้มันเป็นวันหยุดของผม”

                    จุนซูต้องการพยายามจะสื่อว่าปาร์คยูชอนควรมีจิตสำนึกหรือมารยาทเสียบ้าง แต่ก็ดูเหมือนว่าคำพูดของเขามันจะไม่ส่งผลใดๆ กับคนคนนี้เอาเสียเลย

     

                    “ผมถึงต้องโทรไปตามคุณให้มาทำงานยังไงล่ะ”

                    ยูชอนตอบกลับมาด้วยรอบยิ้ม

     

                    จุนซูถลึงตาเล็กๆ ใส่คนตรงหน้า พร้อมกับตะโกนด่าอยู่ภายในใจ

     

                    “เอาน่าๆ ผมให้เงินคุณสองเท่าจากที่ตกลงกันเอาไว้ก็แล้วกัน”

     

                    พอได้ยินคำว่าเงินเท่านั้นแหละ จุนซูก็ดูจะอารมณ์ดีขึ้นมานิดนึง ขอย้ำ!ว่านิดนึง! เพราะคนตัวเล็กยังคงนั่งหน้าบึ้งตึงอยู่เช่นเดิม

                    “ไหนล่ะงานที่จะให้ผมทำ?

     

                    ยูชอนยกยิ้ม

     

                    จุนซูมองดูรอยยิ้มนั้นอย่างไม่ค่อยจะไว้ใจ เมื่อวานเราแกล้งเป่าแป้งใส่หมอนี่ไปซะเต็มหน้า วันนี้ก็เลยกะจะมาแก้แค้นเขาซินะ คิดหรอว่าคนอย่างคิมจุนซูจะไม่หาทางสู้ตอบน่ะ เดี๋ยวคอยดูก็แล้วกัน ถ้าจูบเขาอีกวันนี้จะเอาพริกไทยเป่าใส่หน้าเลย! คอยดูซิ!

     

                    “หวังว่าคราวนี้มันจะเป็นงานจริงๆ นะครับ”

     

                    ยูชอนไหวไหล่ เขายังคงฉีกยิ้มทะเล้นเอาไว้อยู่

                    “เป็นงานที่ต้องวางแผน งานใช้หัวสมองดีเชียวล่ะ”

     

                    จุนซูพยักหน้ารับเบาๆ          

                    “งานอะไร?

     

                    ยูชอนไม่ตอบ เขายื่นโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูราคาแพงมาให้จุนซูที่ก้มหน้าลงมองมันอย่างงงๆ คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับเลิกคิ้วใส่เขา

     

                    “อะไรครับ?

                    เอาโทรศัพท์ให้เขาทำไม จะให้เอาไปโทรหาใครอย่างงั้นหรอ?

     

                    ปาร์คยูชอนหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาก่อนที่จะส่งมันให้กับจุนซู คนตัวเล็กรับมาพร้อมกับก้มหน้าอ่านอย่างงงๆ ภายในนั้นมีชื่อของสาวๆ เกือบสิบคนพร้อมกับชื่อร้านอาหารและห้างสรรพสินค้าเขียนเอาไว้อยู่ บางอันก็เขียนเป็นกิจกรรมที่จะทำร่วมกัน เช่นดูหนัง ฟังเพลง จุนซูจ้องมองกระดาษในมือพร้อมกับขมวดคิ้วและสบถออกมาอยู่ในใจ

                    นี่มันใบอะไรวะเนี่ย!’

     

                    และดูเหมือนว่าปาร์คยูชอนจะเข้าใจในความสงสัยของคนตัวเล็ก เขาจึงช่วยอธิบายงานที่ได้มอบหมายให้คิมจุนซูได้ฟังอย่างสั้นๆ และง่ายๆ

                    “งานของนายก็คือ…….

     

                    “ช่วยจัดตารางเดทให้กับฉัน”

     

                    จุนซูฟังแล้วถึงกับอึ้ง นิ่งค้างไปหลายวินาที

                โอ้โหว! เป็นงานวางแผนและใช้สมองมากเลยซิไอ้หน้าหนู!! งานมีสาระสุดๆ

     

                    “นายก็แค่ใช้มือถือของฉันส่งข้อความไปหาสาวๆ พวกนี้เพื่อนัดวันสถานที่และวันเดทตามที่ได้เขียนเอาไว้ในกระดาษ ส่วนเรื่องวันเวลานายก็เรียงไปคนละวันก็แล้วกัน เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ส่วนเวลาก็เป็นหลังหกโมงเย็น เข้าใจนะ?

     

                    จุนซูทำหน้าเพลีย ทำไมคนอย่างเขาต้องมาทำงานอะไรที่มันไร้สาระแบบนี้ด้วยวะ นี่คือการเอาคืนกันเรื่องเมื่อวานใช่มั้ย? ดีๆ ถือว่าทำดี นี่ถ้าไม่เห็นว่าเงินเดือนดีนะเขาไม่มีทางตกลงรับปากทำงานกับหมอนี่แน่ๆ วันธรรมดาก็เจอกันทุกวัน นี่วันหยุดก็ยังต้องมาเห็นหน้ากันอีก ยิ่งเกลียดๆ ขี้หน้าก็ยิ่งต้องมาเจอ กรรมอะไรของเขานะ!

     

                    แต่เอาเถอะ เดือนหน้ามีค่าใช้จ่ายเยอะ มีอะไรให้ทำก็ทนๆ ทำไปก่อนก็แล้วกัน จุนซูได้แต่คิดแบบนั้นอยู่ในใจ

     

                    “เดี๋ยวฉันจะไปประชุม ถ้ามีใครโทรเข้ามา ถ้าเป็นผู้หญิงก็จดชื่อเอาไว้แล้วบอกว่าเดี๋ยวถ้าฉันประชุมเสร็จแล้วจะโทรกลับ เข้าใจมั้ย?

     

                    “ครับ”

     

                    “โอเค งั้นฉันไปล่ะ”

                    ยูชอนก้มหน้าลงดูเวลาก่อนที่จะลุกขึ้นยืน ดวงตาคมจ้องมองดูคนตัวเล็กที่นั่งขมวดคิ้วแล้วก็ได้แต่อมยิ้มอย่างมีความสุข การแกล้งคนนี่มันสนุกแบบนี้นี่เองซินะ ยิ่งเฉพาะกับการได้แกล้งคิมจุนซู อ่ารู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กเลยแหะ

     

                    “สนุกกับงานวางแผนไปนะคุณผู้ช่วย”

                    ยูชอนพูดพร้อมกับหัวเราะอารมณ์ดีออกจากห้องไป

     

                    จุนซูที่นั่งอยู่ภายในห้องทำงานเพียงคนเดียวหยิบกระดาษที่มีรายชื่อของสาวๆ ขึ้นมาดู ก่อนที่จะละสายตาออกไปมองโทรศัพท์มือถือที่ดันสั่นเตือนว่ามีคนโทรเข้ามา

     

                    ดวงตาเรียวเล็กมองดูชื่อของบุคคลปลายสาย ก่อนที่จะมีความคิดดีๆ พุ่งเข้ามาในหัว

     

                    คนตัวเล็กหยิบโทรศัพท์มือถือนั้นขึ้นมามองพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปาก อ่ารอยยิ้มนี่ก็ช่างเจ้าเล่ห์ไม่แพ้กับรอยยิ้มเมื่อสักครู่นี้ของยูชอนเลยแหะ

     

                    “ถ้าวางแผนให้รถไฟชนกันมันจะสนุกแค่ไหนนะ อิยะฮะฮ่า!

                   

                สมแล้วที่ปาร์คยูชอนเรียกคิมจุนซูว่าเจ้าเด็กแสบ!

                   

     

     

    TBC ^----------^*

     

     

    *******************************************************

     

    Talk : )

     

    สวัสดีค่ะ
    มุกมาแล้วววววววว
    สวัสดีวันปีใหม่ไทยค่ะ ^^
    วันสงกรานต์แบบนี้จะมีคนรออ่านมั้ยนะ
    แต่มุกไม่ได้ไปเที่ยวไหน นอนอยู่บ้านค่ะ TT
    แต่หลังจากนี้ไป อีกสองอาทิตย์ข้างหน้ามุกจะไม่ว่างแล้วอ่ะ จะต้องไปทำงานแล้วอ่ะ ไม่รู้ว่าจะมีแรงกลับบ้านมาอัพฟิคมั้ยนะคะ

    แต่ก็จะพยายามน๊า

    ใครที่เดินทางไปเที่ยวไหนก็เดินทางปลอดภัยนะคะ เที่ยวให้สนุกนะ

    ช่องทางการติดต่อมุก ปกติอยู่ทวิตเตอร์มากสุด
     Twitter >>> http://twitter.com/@MMooKiiEE  
    E-mail >>> mookiie_jong@hotmail.com

    แล้วเจอกันในตอนหน้านะคะ

    ^-----------------------^*

     

     *******************************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×