คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ,,, Part 10 ,,, เด็กเสี่ย
Title : Mystery Love
Type : Long fiction
Author : *..MooKiiE..*
Category : Comedy / Romance
Paring : Yunho x Jaejoong / YooChun x JunSu
Note : เรื่องนี้มุกได้แรงบันดาลใจมาจากซีรี่ส์เกาหลีเรื่อง The Master’s Sun นะคะ จึงทำให้เนื้อหาบางอย่างอาจคล้ายคลึงกันบ้าง
*******************************************************
อย่าลืมกดเป็นแฟนพันธุ์แท้ฟิคเรื่องนี้กันนะคะ ^^
Part 10
ยูชอนขับรถพาจุนซูมาดินเนอร์ที่ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากโรงแรมของเขาสักเท่าไหร่นัก แต่เพราะการจราจรที่แสนจะติดขัดในช่วงเย็นของกรุงโซลทำให้เขามาถึงที่ร้านอาหารแห่งนี้เกือบจะหกโมงเย็นเสียแล้ว
ร้านนี้ถือว่าเป็นร้านโปรดของเขาอีกร้านหนึ่งเลยก็ว่าได้ และก็เป็นอีกร้านที่เขามักจะพาสาวๆ ในสต็อกมาดินเนอร์ด้วย เพียงแค่พนักงานเห็นหน้าเขา ก็รีบพากันจัดหามุมในร้านที่ดีที่สุดให้แก่ปาร์คยูชอนคนนี้อย่างทันที ซึ่งทุกๆ คนที่เขาพามาต่างก็ชื่นชอบและถูกใจร้านอาหารร้านนี้ด้วยกันทั้งนั้น ทุกๆ คนที่เขาเคยพามายิ้มและชมไม่หยุด แต่ในกรณีของคิมจุนซูนั้น… คงจะเป็นข้อยกเว้น เพราะนายคนนี้เป็นคนเดียวที่ทำหน้าบึ้งตึงไม่ฉีกยิ้ม ไม่พูดชม ไม่ได้รู้สึกดีใจเหมือนคนอื่นๆ ที่เขาพามาเลยสักนิด
ตั้งแต่ที่พวกเขาก้าวขาเหยียบเข้ามาภายในร้าน… ไม่ใช่ซิ ต้องบอกว่าตั้งแต่เขาลากคิมจุนซูออกมาจากโรงแรม หมอนี่ก็ทำหน้ายุ่งมาตลอดทางเลยต่างหาก เหมือนโดนเขาบังคับให้มา ซึ่งเขาก็บังคับให้หมอนี่มาด้วยจริงๆ นั่นแหละ แต่การที่ได้มาดินเนอร์กับปาร์คยูชอน บุคคลที่ใครหลายๆ คนอยากร่วมโต๊ะและอาจจะอยากร่วมเตียงด้วยในบางครั้งมันน่ารังเกียจมากขนาดนั้นเลยหรอวะ?
เรื่องแบบนี้มันควรดีใจดิเห้ย!
“นั่งหน้าย่นแบบนั้นนานๆ ระวังริ้วรอยจะเพิ่มมาเป็นสิบเส้นนะ”
ยูชอนพูดขึ้นมาในขณะที่กำลังก้มหน้าเปิดดูเมนูอาหารอยู่
จุนซูทำหน้ายุ่ง พร้อมกับหายใจฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ
“พูดมากๆ ระวังจะได้แผลที่ปากเพิ่มนะครับ”
ยูชอนเงยหน้าขึ้นมามองคนตรงหน้าก่อนที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ
“ไม่ชอบฉันมากเลยหรือไง”
“อย่าเรียกว่าไม่ชอบเลยครับ… เรียกว่าเกลียดขี้หน้ามากเลยน่าจะถูกกว่า”
โอ่ว… โดนไปเต็มๆ เลยนะปาร์คยูชอน หึ! ดี.. เป็นแบบนี้ก็ดี สีสันในชีวิต ปกติมีแต่คนวิ่งเข้าหา นานๆ ทีจะเจอคนที่เกลียดขี้หน้าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
‘แล้วฉันจะรอดูว่านายจะเกลียดฉันได้อีกนานแค่ไหน หึ!’
เอาจริงๆ เขาก็เป็นคนที่ค่อนข้างหลงตัวเองพอสมควร มีสาวๆ วิ่งเข้าหาตั้งแต่ยังไม่โตเป็นวัยรุ่นดี พอเข้าสู่ช่วงมหา’ลัยจนถึงตอนนี้ ทั้งสาวสวยหุ่นดี ทั้งหนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักก็ต่างพุ่งเข้าหาเขาไม่ขาดสาย แม้หน้าตาเขาจะไม่ได้ดีมาก หล่อสู้เพื่อนสนิทอย่างชองยุนโฮไม่ได้ แต่เขาคิดว่าเสน่ห์ของเขานั้นก็มีมากเกินกว่าที่ใครจะต้านทานไหว
หรือบางทีเขาออาจะหลงตัวเองมากเกินไป
เพราะดูท่าคิมจุนซูน่าจะเป็นข้อยกเว้น…
“หึหึ”
ยูชอนหัวเราะออกมา จนจุนซูที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามยังต้องมองด้วยสายตางงๆ
“เป็นบ้าป่าววะ โดนด่าแล้วยังหัวเราะได้อีก”
คนตัวเล็กแอบบ่นกับตัวเองเบาๆ ซึ่งยูชอนก็ได้ยินประโยคนั้นอย่างชัดเจนแต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรกลับไป เพราะพนักงานดันเดินมารับออร์เดอร์ที่โต๊ะของพวกเขาเสียก่อน
“อยากกินอะไรก็สั่งได้เลยนะตามสบาย”
ยูชอนเอ่ยปากพูดกับคนตัวเล็กที่นั่งขมวดคิ้วมองดูเมนูอาหารอย่างงงๆ
จุนซูขมวดคิ้ว ไอ้นี่ก็แพง ไอ้นู่นก็แพง ราคาอาหารแค่จานเดียวนี่เขากินได้เป็นอาทิตย์เลยนะ! แล้วนี่เขาจะได้ค่าจ้างจากการกินข้าวกับหมอนี่จริงๆ ป่ะเนี่ย และเงินค่าอาหารมื้อนี้จะหักจากค่าจ้างเขามั้ย?
“มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง ก็บอกแล้วไงว่านี่คืองานของนาย อยากกินอะไรก็สั่งซะ หน้าที่ของนายคือการมากินข้าวเป็นเพื่อนฉัน”
ยูชอนพูดขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่เห็นจุนซูนั่งขมวดคิ้วพร้อมกับนั่งจองเมนูอาหารจนมันแทบจะทะลุ
“คุณสั่งเหอะ ผมกินได้หมดแหละ”
จุนซูตัดปัญหาด้วยการปิดเมนูแล้วโยนหน้าที่นั้นให้กับคนตรงหน้าแทน
ยูชอนไหวไหล่ก่อนที่จะหันไปสั่งอาหารกับพนักงานสาว ซึ่งของแต่ละอย่างที่เขาสั่งไป… ก็ล้วนแต่เป็นของแพงของขึ้นชื่อของร้านนี้ทั้งนั้น แล้วทุกคนที่เขาพามาทานก็ล้วนแต่ชอบเมนูพวกนี้ด้วยกันทุกคน
จุนซูนั่งกอดอกมองดูหน้าของปาร์คยูชอนที่กำลังนั่งมองเขาพร้อมกับอมยิ้ม
“งานของผมคือการกินข้าวกับคุณแค่นี้ใช่มั้ย?”
“แล้วอยากกินอย่างอื่นนอกจากกินข้าวป่าวล่ะ?”
จุนซูถลึงตาใส่ปาร์คยูชอนพร้อมกับกร่นด่าไอ้หน้าหนูนั่นอยู่ในใจ
‘ดูท่าปาร์คยูชอนจะอยากได้รอยที่ปากเพิ่ม!’
แต่จุนซูก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะหนักงานเริ่มนำอาหารออกมาเสิร์ฟลงบนโต๊ะทีละอย่างแล้ว ดวงตาเรียวเล็กมองดูอาหารหน้าตาน่าทานที่วางอยู่เต็มโต๊ะด้วยดวงตาเป็นประกาย ลืมเรื่องหงุดหงิดเมื่อก่อนหน้านี้ไปจนหมด
ยูชอนมองคนตรงหน้าพร้อมกับอมยิ้ม เหมือนเด็กๆ เลยแหะ แค่เห็นของกินก็อารมณ์ดีขึ้นมาได้แล้ว
“ดูท่านายจะหิว”
จุนซูที่เผลอจ้องอาหารตรงหน้านานไปหน่อยเงยหน้าขึ้นมามองคนร่างสูงก่อนที่จะรีบปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ
“อะไร? ใครหิว?”
แม้จุนซูจะปฏิเสธออกมาแบบนั้น แต่เสียงของท้องที่ดังประท้วงออกมาก็เป็นคำตอบได้เป็นอย่างดีว่าในตอนนี้คิมจุนซูกำลังหิว…
โครก….
เสียงท้องร้องที่ดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบทำให้ยูชอนต้องหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง ส่วนคนที่เป็นต้นเหตุของเสียงนั้นก็ได้แต่นั่งหน้าแดงทำอะไรไม่ถูก ไอ้ท้องบ้า! จะมาร้องอะไรตอนนี้ ขายขี้หน้าเขาหมดเลย!
“นายไม่หิว แต่ท้องนายน่าจะหิวนะ หึ!… ร้องซะดังเชียว”
ยูชอนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทะเล้นก่อนที่เขาจะเอื้อมมือออกไปตักกุ้งชิ้นโตใส่จานให้คนตัวเล็ก การทำแบบนี้ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สาวๆ ที่เขาพามาทานข้าวชอบให้เขาทำให้พวกเธอ ดูแลเทคแคร์และเอาใจใส่
“ขอบคุณ”
แต่ดูเหมือนว่าคิมจุนซูจะไม่ชอบแบบนั้น…
“แต่ทีหลังไม่ต้องนะฮะ… ผมมีมือผมตักกินเองได้”
โอเค… อะไรที่ทำแล้วคนอื่นๆ ชอบ ให้ลืมมันไปได้เลยเพราะคิมจุนซูคนนี้ไม่ชอบอะไรแบบนั้นเลยสักอย่าง!
‘ให้มันรู้ไปซิว่าเสน่ห์ของปาร์คยูชอนจะทำอะไรคิมจุนซูคนนี้ไม่ได้เลย’
.
.
.
กว่าที่พวกเขาทั้งสองคนจะทานอาหารเย็นเสร็จก็เกือบจะทุ่มครึ่งเสียแล้ว จุนซูเลือกทานไอศกรีมรสวนิลาเป็นของหวานปิดท้าย ส่วนปาร์คยูชอนก็เลือกดื่มชาตามสไตล์ผู้ดี โถ… ผู้ดีแต่ฐานะอ่ะดิ นิสัยไม่เห็นจะผู้ดีตามไปด้วยเลย!
“ค่าจ้างของนายจะถูกโอนเข้าบัญชีในวันที่หนึ่งของทุกๆ เดือนนะ”
ยูชอนพูดขึ้นมาหลังจากที่เขาวางแก้วชาลง
จุนซูเงยหน้าขึ้นมาจากถ้วยไอศกรีมแล้วเลิกคิ้วขึ้นมองคนตรงหน้า
“จริงๆ วันนี้คุณไม่ต้องให้ค่าจ้างผมก็ได้นะ แค่ค่าอาหารที่กินไปก็แพงกว่าค่าจ้างผมและ”
ถึงจะไม่ชอบขี้หน้าหมอนี่สักเท่าไหร่ แต่คิมจุนซูก็ไม่ชอบเอาเปรียบใคร การที่อีกฝ่ายพาเขามาเลี้ยงข้าวในร้านหรูๆ แบบนี้มันไม่ใช่งานเลยสักนิด งานบ้าอะไรจะสบายและอิ่มขนาดนี้! สู้ให้เขากลับไปทำงานที่ห้องอาหารอย่างเดิมยังจะสบายใจกว่า แค่มากินข้าวด้วยกันเพียงแค่นี้ก็ได้เงินแล้ว งานง่ายๆ แบบนี้มันทำให้คิมจุนซูรู้สึกแปลกๆ
เหมือนเขาเป็นเด็กเสี่ยยังไงก็ไม่รู้
“ได้ไง ฉันพูดแล้วหนิว่าฉันจะจ้ายค่าจ้างให้นาย”
“แต่แค่มากินข้าวด้วยกันแบบนี้มันไม่ได้เรียกว่างานสักนิดเลยนะฮะ! ผมไม่อยากเอาเปรียบคุณ”
ยูชอนมองหน้าจุนซูพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น หมอนี่กำลังจะปฏิเสธเงินที่เขาให้อย่างงั้นน่ะหรอ?
“แค่กินข้าวกับฉันก็ได้เงินแล้ว งานง่ายๆ แบบนี้นายไม่ชอบหรือไง?”
จุนซูถอนหายใจออกมา
“ใครๆ เขาก็ชอบงานสบายๆ กันทั้งนั้นแหละ”
“แล้วทำไมถึงจะไม่รับเงินค่าจ้างจากฉัน”
“ก็เงินมันมากไปเมื่อเทียบกับปริมาณงานที่ผมทำ เอาจริงๆ แค่มากินข้าวด้วยกันแบบนี้มันไม่สามารถเรียกว่างานได้เลยด้วยซ้ำ ทีหลังคุณก็ช่วยใช้ผมให้ทำงานจริงๆ เถอะ เอางานที่ใช้หัวสมองหน่อยนะ งานไร้สาระแบบนี้ผมไม่ถือว่าเป็นงาน”
ยูชอนมองคนตรงหน้าด้วยสายตาประหลาดใจปนอึ้งเล็กน้อย เขาไม่เคยเจอใครที่ปฏิเสธเงินจากเขา งานง่ายๆ เงินมากๆ แบบนี้มีแต่คนวิ่งเข้าหา แต่เด็กนี่ไม่ใช่แบบนั้น… คิมจุนซูนั้นแตกต่าง
‘แต่แตกต่างเพราะตัวตน หรือเพราะต้องการเรียกร้องความสนใจเขาก็ไม่อาจจะทราบได้’
แต่ถ้าทำเพื่อเรียกร้องความสนใจจริงๆ ล่ะก็… บอกเลยว่าหมอนี่ทำสำเร็จ
เขาเริ่มสนใจเด็กคิมจุนซูนี่ขึ้นมาจริงๆ เสียแล้วซิ
ยูชอนยกยิ้มมุมปาก
“โอเค ต่อไปฉันจะหางานจริงๆ มาให้นายทำ เตรียมตัวเหนื่อยเอาไว้ได้เลย”
“ถ้ามันเป็นงานจริงๆ ผมก็ไม่กลัวหรอก”
งานที่เหนื่อยกว่านี้ หนักกว่านี้เขาก็เคยเจอมาแล้ว ถ้างานที่ปาร์คยูชอนให้เขาทำมันเป็นงานจริงๆ เขาก็พร้อมที่จะเหนื่อย เพราะงานที่เงินดีๆ แบบนี้ใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ
“แต่การกินข้าวกับฉันก็ยังถือว่าเป็นอีกงานหนึ่งที่นายยังต้องทำอยู่นะ”
ยูชอนพูดด้วยรอยยิ้มและดวงตาที่ทะเล้น
“เอ๊ะ?”
“กินอิ่มแล้วใช่มั้ย? งั้นฉันเรียกเช็คบิลเลยละกัน”
ยูชอนไม่สนใจสายตาของคิมจุนซูที่จ้องมองมา คนตัวเล็กทำหน้ายุ่งพร้อมกับส่งเสียงฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ
จุนซูมองคนตรงหน้าด้วยความหงุดหงิด!
‘เดี๋ยวคราวหน้าจะแอบซื้อยาถ่ายมาผสมให้กิน! คอยดูซิ!’
.
.
.
“จอดตรงอพาร์ทเม้นท์ข้างหน้านี่ล่ะฮะ”
จุนซูพูดขึ้นมาเมื่อรถของยูชอนขับมาใกล้กับอพาร์ทเม้นท์ที่เขาพักอยู่ อันที่จริงเขาบอกว่าเขาจะกลับเองได้เพราะจากร้านอาหารนั้นมันก็ไม่ไกลจากที่พักของเขาสักเท่าไหร่นัก อีกเหตุผลก็คือเขาไม่อยากจะอยู่กับปาร์คยูชอนนานๆ แต่ไอ้หน้าหนูน็บอกจะมาส่ง จับเขายัดใส่รถแล้วก็บังคับให้เขาบอกทางกลับบ้านโดยที่เขาได้แต่มองหน้ามันด้วยความหงุดหงิดใจ ยิ่งเห็นว่าเขาหงุดหงิด ปาร์คยูชอนก็ยิ่งชอบใจ ประสาทชะมัด!
รถยนต์คันหรูจอดอยู่ตรงทางเข้าหน้าอพาร์ทเม้นท์ที่ดูจะธรรมดาๆ เขามองมันสักพักหนึ่งก่อนที่จะหันมามองคนตัวเล็กที่กำลังจะเปิดประตูลงจากรถโดยไม่คิดจะเอ่ยปากขอบคุณเขาสักนิด อันที่จริงเขาก็ไม่ได้หวังที่จะได้ยินคำนั้นหรอกนะ เพราะสิ่งที่ปาร์คยูชอนต้องการนั้นมันมากกว่านั้น
ฝ่ามือหนาเอื้อมออกไปคว้าข้อมือของคนตัวเล็กเอาไว้ จุนซูก้มลองมองที่มือของตนเองก่อนที่จะหันกลับมามองหน้าของปาร์คยูชอนด้วยสายตามึนงง อะไรอีกวะ? คนจะรีบเข้าบ้าน!
“เดี๋ยวซิ ฉันเพิ่งนึกได้ว่าฉันยังไม่ได้กินของหวานเลย”
ยูชอนพูดขึ้นมาด้วยสายตากรุ่มกริ่ม
จุนซูขมวดคิ้วงงหลังจากที่ได้ฟัง
“หน้าปากซอยมีเซเว่น คุณไปหากินเอาในนั้นก็แล้วกัน”
ยูชอนหัวเราะออกมาหลังจากที่ได้ยิน
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น”
“อะไร?”
จุนซูมองคนตรงหน้าอย่างไม่ค่อยจะไว้ใจ ก็ดูสายตาของหมอนั่นที่ใช้มองเขาในตอนนี้ซิ เป็นประกายซะขนาดนั้น! ใครจะไปกล้าไว้ใจวะ
“ฉัน… อยากกินของหวานจากปากของนาย”
แล้วริมฝีปากหนาก็จู่โจมเข้าทาบทับริมฝีปากอวบอิ่มของคนตัวเล็กอย่างทันที จุนซูพยายามใช้มือของตนเองผลักร่างของคนตรงหน้าแต่ก็ไม่สามารถทำได้อย่างใจหวังเมื่อยูชอนรวบมือทั้งสองข้างของเขาเอาไว้เสียก่อน
“อื้อ!!”
จุนซูได้แต่ส่งเสียงร้องอยู่ในลำคอ ในตอนนั้นเขาเผลออ้าปากจึงทำให้เรียวลิ้นของปาร์คยูชอนสอดเข้ามาเกี่ยวกระหวัดลิ้นของเขาที่พยายามหลบหลีก
จุนซูทั้งทุบ ทั้งดิ้น ทั้งส่งเสียงร้องประท้วงแต่ปาร์คยูชอนก็ยังไม่ยอมหยุด เขายังคงดูดดึงริฝีปากของจุนซูอย่างนึกสนุก นานหลายนาทีกว่าที่คนร่างสูงจะผละใบหน้าออกมา จุนซูหอบหายใจแรง เขาเงยหน้าขึ้นตวัดสายตามองคนที่ยังคงทำหน้าระรื่นด้วยสายตาขุ่นเคือง
ครั้งที่สองแล้วนะที่เขาโดนไอ้หน้าหนูนี้จูบ!!
ยูชอนมองหน้าคนตัวเล็กด้วยความพึงพอใจ
“ดูท่างานของฉันจะทำให้นายเหนื่อยนะ”
ดวงตาเรียวเล็กแทบจะลุกเป็นไฟ เขาจ้องหน้าคนร่างสูงด้วยความโกรธก่อนที่จะเปิดประตูแล้วลงจากรถไป ยังไม่อยากด่า ไม่อยากเห็นหน้าหมอนี่ในตอนนี้เพราะกลัวจะเผลอฆ่ามันตายเสียก่อน หงุดหงิด!
แต่ก่อนที่จะเดินเข้าอพาร์ทเม้นท์ไป จุนซูก็นึกขึ้นได้ว่าในกระเป๋าของตัวเองมีกระป๋องแป้งอยู่ เขาไม่รอช้ารีบหยิบมันออกมาก่อนที่จะเทใส่มือให้เต็มและเดินหันหลังกลับไปเคาะกระจกรถของปาร์คยูชอนที่ยังคงจอดอยู่ที่เดิม
ยูชอนลดกระจกลง ก่อนที่จะยกยิ้ม
“อยากให้ฉันจูบอีกรึไง?”
จุนซูเหยียดยิ้มก่อนที่จะยกมือข้างที่เต็มไปด้วยแป้งมาจ่ออยู่ที่ปากของตนเองและออกแรงเป่า…
ฟู่~~~~
คงไม่ต้องบอกว่าสภาพหน้าของปาร์คยูชอนจะเป็นเช่นไร เอาเป็นว่าตอนนี้ทั้งหน้าและผมของปาร์คยูชอนขาวโพลนไม่เหลือที่ว่างเลยก็แล้วกัน
“อิย่ะฮะฮ่า!!!”
จุนซูหัวเราะสะใจ เขามองใบหน้าขาวๆ ของปาร์คยูชอนด้วยรอยยิ้ม
“ถือว่าเป็นของตอบแทนจากผมก็แล้วกันนะฮะ”
แล้วคนตัวเล็กก็เดินหันหลังจากไป ทิ้งให้ปาร์คยูชอนนั่งเช็ดแป้งปัดผมของตัวเองอยู่คนเดียว ปาร์คยูชอนมองสภาพของตัวเองผ่านประจกมองหลัง ก่อนที่จะกระตุกยิ้มที่มุมปาก
“แสบนักนะคิมจุนซู”
.
.
.
.
.
แจจุงยืนขมวดคิ้วอยู่ตรงทางเข้าด้านหน้าของห้างสรรพสินค้าเดอะคิงดอม อันที่จริงวันนี้เป็นวันหยุดของแจจุง แต่เขาก็ไม่สามารถนอนอยูบ้านเฉยๆ ดั่งใจหวังได้ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานทำให้เขาไม่สามารถทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ วิญญาณผีผู้หญิงตนนั้น… เธอกำลังรอความช่วยเหลือจากเขา แม้จะไม่มีข้อมูลอะไรเลยก็ตาม แต่เขาก็ต้องช่วยเธอ
“รู้แค่ว่ามีรองเท้าสีแดงเองอ่ะ”
แจจุงบ่นกับตัวเองเบาๆ
“ลองไปถามพนักงานที่เคาน์เตอร์ดูซิ”
ชิมชางมินที่อยู่ๆ ก็โผล่มาแบบไม่ให้สุ่มให้เสียงออกความคิดเห็น
แจจุงปลายสายตามองวิญญาณเด็กหนุ่มหน้าตาทะเล้นตรงหน้า
“ตามฉันมาทำไม?”
ชางมินฉีกยิ้ม
“อยากกินกาแฟอ่ะ”
แจจุงถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย คิดอยู่แล้วเชียวว่าหมอนี่ต้องโผล่มาเพราะของกิน แต่จะให้ทำไงได้ ก็เขาดันไปสัญญากับชางมินเอาไว้เองนี่นาว่าถ้าช่วยปลาบผีให้จะซื้อของกินที่อยากกินให้ ก็ต้องทนรับสภาพต่อไปนะคิมแจจุงเอ๋ย
“เงินเดือนฉันจะหมดก็เพราะค่าของกินนายเนี่ยแหละ!”
“อย่าบ่นไปเลยน่า… เดี๋ยวเงินเดือนพี่ก็จะมากขึ้นแล้ว”
ชางมินพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
แจจุงเลิกคิ้วมองด้วยความสงสัย
“อะไร?”
ผีจอมทะเล้นไหวไหล่ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ไม่บอก”
แจจุงขมวดคิ้วงง
ชางมินยกยิ้มที่มุมปาก
“อีกไม่นาน… จะมีเรื่องที่ดีมากๆ เกิดขึ้นกับพี่”
เมื่อพูดจบชิมชางมินก็หายตัวไปกับบรรยากาศอย่างทันที แต่ก็ยังไม่ลืมส่งเสียงเตือนคิมแจจุงเรื่องกาแฟของเขาเอาไว้อีกด้วย
แจจุงได้แต่ยืนงงอยู่คนเดียวที่ทางเข้าห้างสรรพสินค้า เขายืนคิดถึงคำพูดของชางมินที่ทิ้งเอาไว้ก่อนจากไป ไม่ใช่เรื่องกาแฟที่จะต้องซื้อให้อีกฝ่ายนะ แต่เป็นเรื่อง ‘ดีๆ’ ที่หมอนั่นบอกว่ากำลังจะเกิดขึ้นกับเขาต่างหาก
ตั้งแต่ประสบอุบัติเหตุ จนต้องกลายมาเป็นคนเห็นผีได้จนถึงทุกวันนี้ เรื่องดีๆ ก็ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขานานมากแล้ว
“จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับชองยุนโฮมั้ยนะ”
แจจุงบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนที่จะยกยิ้มบางๆ ขึ้นมาเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ระหว่างเขากับยุนที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ อ้อมกอดที่แสนจะอบอุ่นนั่นยังคงตราตรึงอยู่ในความรู้สึกเหมือนมันเพิ่งเกิดเมื่อสักครู่นี้
“ขอให้เกี่ยวกับยุนโฮด้วยเถอะ!”
เพราะถ้าเป็นเรื่องของยุนโฮแล้ว… ทุกๆ เรื่องแจจุงก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีเอาเสียมากๆ
เพราะเรื่องของชองยุนโฮคือเรื่องดีๆ อีกอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของคิมแจจุง
.
.
.
“เอ่อ ขอโทษนะฮะ… ไม่ทราบว่ามีใครเก็บรองเท้าสีแดงข้างซ้ายเอาไว้ได้บ้างมั้ยฮะ?”
แจจุงเอ่ยปากถามพนักงานสาวสวยที่ยืนประจำเคาน์เตอร์ของห้างสรรพสินค้า
ดวงตากลมโตของเธอมองแจจุงด้วยสายตางงๆ เท่าที่เธอจำได้ คนคนนี้เหมือนจะเป็นพนักงานทำความสะอาดนี่นา… คนที่ดูเหมือนจะสติไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“ไม่หนิ ฉันยังไม่เห็นมีใครเก็บรองเท้าได้เลยสักคน หรือถ้าเก็บได้ ถ้าแค่ข้างเดียวแบบนั้น แม่บ้านอาจจะเอาไปทิ้งแล้วก็ได้นะ”
แจจุงฟังแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา สิ่งที่เขารู้ก็มีอยู่แค่นี้… มีแค่รองเท้า แต่ถ้าหารองเท้าไม่เจอแบบนี้ แล้วเขาจะช่วยเธอได้อย่างไรล่ะ
“ถ้าคุณอยากให้ผมช่วยคุณ… คุณก็ต้องช่วยผมด้วยซิ”
แจจุงพูดออกมาเบาๆ แต่มันก็ดังพอที่จะให้พนักงานสาวสวยคนนั้นได้ยิน เธอเลิกคิ้วขึ้นมองคนตรงหน้าก่อนที่จะเอ่ยปากถาม
“รองเท้านายหรอ?”
แจจุงรีบส่ายหัวผึบพั่บ
“ไม่ใช่ฮะ มีผู้หญิงคนหนึ่งเธอทำหาย”
หญิงสาวคนนั้นพยักหน้ารับเบาๆ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ถามอะไรกลับไป ป้าแม้บ้านคนหนึ่งก็เดินตรงเข้ามาหาเธอเสียก่อน และภายในมือของเธอก็มี… รองเท้าส้นสูงสีแดงข้างหนึ่งถือมาด้วย
ดวงตากลมโตของแจจุงจ้องมองรองเท้าสีแดงนั้นด้วยความตกตะลึง ก่อนที่จะฉีกยิ้มออกมาด้วยความดีใจ รองเท้าที่เหมือนกับรองเท้าของผีผู้หญิงตนนั้น เขาจำได้ และก็มั่นใจด้วยว่ามันต้องเป็นของเธอ ในที่สุดเขาก็เจอ!
“ป้าไม่กล้าทิ้ง กลัวว่าจะเป็นของลูกค้าคนไหนทำหล่นหาย แต่มันมีอยู่ข้างเดียวนะป้าหาดูทั่วแล้วก็เจอแค่ข้างนี้ข้างเดียว”
แหงล่ะ! ก็อีกข้างอยู่ที่เท้าของผีตนนั้นนี่นา
“แต่ดูจากหนังแล้วท่าจะราคาแพง ป้าเลยเอามาให้หนูเก็บไว้ดีกว่า เผื่อเจ้าของเขาจะมาถามหา”
คุณป้ายื่นรองเท้าให้กับพนักงานสาวที่ยื่นมือออกมารับ
หมับ!
ฝ่ามือขาวๆ ของแจจุงคว้ารองเท้าข้างนั้นที่อยู่ในมือของพนักงานสาวเอาไว้ เธอตวัดสายตาขึ้นมามองแจจุงด้วยสายตาไม่พอใจ
“ปล่อย”
แจจุงส่ายหัว
“นี่ไงรองเท้าที่ผมบอกคุณ ขอผมเถอะนะ”
“ปล่อย!”
พนักงานสาวยังคงยืนยันคำเดิม เธอยึดรองเท้าที่อยู่ในมือของเธอแน่น
“ขอผมเถอะ! ผมตามหารองเท้าคู่นี้จริงๆ นะ”
“ฉันบอกให้ปล่อยไง!”
“ไม่! ผมจะเอา”
พนักงานสาวอีกคนที่เพิ่งไปเข้าห้องน้ำเสร็จมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าก่อนที่จะรีบหันไปเรียกรปภ.ที่เดินผ่านมาพอดี เธอรีบวิ่งเข้าไปช่วยเพื่อนของเธอดึงรองเท้าคู่นั้นจากแจจุง ส่วนรปภ.ก็วิ่งไปดึงแจจุงให้หยุดแย่งรองเท้าจากพนักงานสาว
“ปล่อยซิ! ปล่อย!! นั่นมันร้องเท้าของผมนะ!!”
แจจุงพยายามดีดดิ้น เขาพยายามสะบัดการจับกุมของรปภ. แต่ก็ทำได้ลำบากเสียเหลือเกินเพราะเขาคนนั้นช่างตัวใหญ่กว่าแจจุงยิ่งนักเมื่อมีแม่บ้านเข้ามาช่วย
“รองเท้านี่มันเป็นของผู้หญิง มันจะไปเป็นของนายได้ยังไง? ”
“ของผมจริงๆ ของคนรู้จักผม ผมมาตามหามันให้เธอ!”
“แอบอ้างมากกว่า พนักงานทำความสะอาดจะมีรองเท้าแพงๆ แบบนี้ได้ไง”
พนักงานอีกคนที่เพิ่งมาใหม่เอ่ยปากพูด
“ไม่จริง! รองเท้าข้างนั้นของคนรู้จักผมจริงๆนะ!”
แจจุงออกแรงดิ้นอย่างสุดแรงเพื่อที่จะวิ่งไปชิงรองเท้าข้างนั้นจากพนักงานสาว ตอนนี้ลูกค้าที่เดินผ่านไปผ่านมาเริ่มหยุดดูและมุงดูเหตุการณ์เหล่านั้นอย่างสนอกสนใจ
ผลั่ก!!!
เพราะออกแรงดิ้นและสะบัดมากไป ผลที่ได้ก็คือร่างของคิมแจจุงที่โดนเหวี่ยงลงไปกระทบกับพื้นอย่างแรง
เสียงอุทานของทั้งลูกค้าและพนักงานดังขึ้นก่อนที่จะเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงซุบซิบนินทา ทุกสายตามองตรงมาที่ร่างของแจจุงที่นั่งกองอยู่กับพื้นกันหมด ท่ามกลางเสียงซุบซิบนินทาของทุกๆ คน
‘หมอนั่นสติไม่ดีหรอ?’
‘เป็นคนบ้ารึป่าวน่ะ’
‘น่ากลัวจริงๆ’
‘ห้างใหญ่ๆ แบบนี้ปล่อยให้คนบ้าเข้ามาได้ยังไงกันนะ’
ดวงตากลมโตกวาดสายตามองดูบรรยากาศรอบๆ ตัว มองดูสายตาของทุกๆ คนที่จ้องมองมาที่เขาเหมือนว่าเขาเป็นตัวประหลาดก็รู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหล
‘ทำไมเขาต้องเจอแต่เรื่องแบบนี้ด้วย ทำไม! ทำไม!’
ทั้งๆ ที่เขาเป็นฝ่ายช่วยเหลือผีพวกนั้น แต่ทำไมเขาต้องมาโดนคนอื่นมองเหมือนว่าเขาเป็นคนบ้าอยู่เสมอ…
ดวงตากลมโตมีน้ำใสๆ เอ่อคลอ เสียงซุบซิบนินทาที่ดังอยู่ข้างกายยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ แต่อยู่ๆ เสียงของผู้คนมากมายก็ถูกกลบด้วยเสียงนิ่งๆ ของใครบางคนเข้า…
เพียงแค่เขาเอ่ยปากพูด ทุกๆ เสียงก็เงียบงัน ทุกสายตาต่างก็พ่กันจ้องมองไปที่เขาคนนั้นเป็นสายตาเดียว
“ลงไปนั่งเล่นอะไรที่พื้นน่ะคิมแจจุง”
TBC ^----------^*
*******************************************************
Talk : )
สวัสดีค่ะ
มุกกลับมาแล้ววววววววว
หายไปสองอาทิตย์เต็มๆ
ที่หายไปเพราะโน๊ตบุ๊คเสียค่ะ พาน้องไปเข้าศูนย์มา นานเป็นอาทิตย์เลยกว่าจะได้คืน
ได้มาก็ต้องรีบเคลียรายงานฝึกงานให้เสร็จอีก
แล้วก็ต้องอ่านหนังสือสอบวิชาสุดท้ายของการเรียนปีสี่ด้วย
ในที่สุดก็ทำทุกอย่างจนเสร็จหมดเรียบร้อยแล้วค่ะ
ขอประกาศเลยว่า ตอนนี้มุกเรียนจบแล้ว เย้ๆ ><
กำลังจะเริ่มต้นเข้าสู่วัยทำงานแล้ว แค่คิดก็เศร้าแล้วอ่ะ 55555
พอละๆ พูดเรื่องตัวเองมากไปและ
พาร์ทนี้ออกครบทุกคนใช่มั้ย? ครบทุกคนหรือป่าวหว่า ฮิฮิ
หายไปสองอาทิตย์ยังมีคนรออ่านอยู่มั้ยนะ? ขอโทษที่ทำให้รอกันนะคะ
อยากทวงหรืออยากคุยอะไรติดต่อที่ทวิตได้เลยนะ
Twitter >>> http://twitter.com/@MMooKiiEE
E-mail >>> mookiie_jong@hotmail.com
ขอบคุณทุกๆ คนที่กดเข้ามาอ่าน
แล้วเจอกันในตอนหน้าค่ะ
^----------------------^*
*******************************************************
ความคิดเห็น