ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] ☆--- Mystery Love ---☆ [TVXQ][YAOI]

    ลำดับตอนที่ #11 : ,,, Part 10 ,,, เด็กเสี่ย

    • อัปเดตล่าสุด 7 เม.ย. 57


    Title         :  Mystery Love
    Type        :  Long fiction
    Author      :  *..MooKiiE..*
    Category :  Comedy / Romance
    Paring      :  Yunho x Jaejoong / YooChun x JunSu
    Note         :  เรื่องนี้มุกได้แรงบันดาลใจมาจากซีรี่ส์เกาหลีเรื่อง The Master’s Sun นะคะ จึงทำให้เนื้อหาบางอย่างอาจคล้ายคลึงกันบ้าง

                                                                                                                                                                                                                                                              

    *******************************************************

     

    อย่าลืมกดเป็นแฟนพันธุ์แท้ฟิคเรื่องนี้กันนะคะ ^^


    Part 10

     

                    ยูชอนขับรถพาจุนซูมาดินเนอร์ที่ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากโรงแรมของเขาสักเท่าไหร่นัก แต่เพราะการจราจรที่แสนจะติดขัดในช่วงเย็นของกรุงโซลทำให้เขามาถึงที่ร้านอาหารแห่งนี้เกือบจะหกโมงเย็นเสียแล้ว

     

                    ร้านนี้ถือว่าเป็นร้านโปรดของเขาอีกร้านหนึ่งเลยก็ว่าได้ และก็เป็นอีกร้านที่เขามักจะพาสาวๆ ในสต็อกมาดินเนอร์ด้วย เพียงแค่พนักงานเห็นหน้าเขา ก็รีบพากันจัดหามุมในร้านที่ดีที่สุดให้แก่ปาร์คยูชอนคนนี้อย่างทันที ซึ่งทุกๆ คนที่เขาพามาต่างก็ชื่นชอบและถูกใจร้านอาหารร้านนี้ด้วยกันทั้งนั้น ทุกๆ คนที่เขาเคยพามายิ้มและชมไม่หยุด แต่ในกรณีของคิมจุนซูนั้นคงจะเป็นข้อยกเว้น เพราะนายคนนี้เป็นคนเดียวที่ทำหน้าบึ้งตึงไม่ฉีกยิ้ม ไม่พูดชม ไม่ได้รู้สึกดีใจเหมือนคนอื่นๆ ที่เขาพามาเลยสักนิด

     

                    ตั้งแต่ที่พวกเขาก้าวขาเหยียบเข้ามาภายในร้านไม่ใช่ซิ ต้องบอกว่าตั้งแต่เขาลากคิมจุนซูออกมาจากโรงแรม หมอนี่ก็ทำหน้ายุ่งมาตลอดทางเลยต่างหาก เหมือนโดนเขาบังคับให้มา ซึ่งเขาก็บังคับให้หมอนี่มาด้วยจริงๆ นั่นแหละ แต่การที่ได้มาดินเนอร์กับปาร์คยูชอน บุคคลที่ใครหลายๆ คนอยากร่วมโต๊ะและอาจจะอยากร่วมเตียงด้วยในบางครั้งมันน่ารังเกียจมากขนาดนั้นเลยหรอวะ?

     

                เรื่องแบบนี้มันควรดีใจดิเห้ย!

     

                    “นั่งหน้าย่นแบบนั้นนานๆ ระวังริ้วรอยจะเพิ่มมาเป็นสิบเส้นนะ”

                    ยูชอนพูดขึ้นมาในขณะที่กำลังก้มหน้าเปิดดูเมนูอาหารอยู่

     

                    จุนซูทำหน้ายุ่ง พร้อมกับหายใจฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ

                    “พูดมากๆ ระวังจะได้แผลที่ปากเพิ่มนะครับ”

     

                    ยูชอนเงยหน้าขึ้นมามองคนตรงหน้าก่อนที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ

                    “ไม่ชอบฉันมากเลยหรือไง”

     

                    “อย่าเรียกว่าไม่ชอบเลยครับเรียกว่าเกลียดขี้หน้ามากเลยน่าจะถูกกว่า”

     

                    โอ่วโดนไปเต็มๆ เลยนะปาร์คยูชอน หึ! ดี.. เป็นแบบนี้ก็ดี สีสันในชีวิต ปกติมีแต่คนวิ่งเข้าหา นานๆ ทีจะเจอคนที่เกลียดขี้หน้าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

                แล้วฉันจะรอดูว่านายจะเกลียดฉันได้อีกนานแค่ไหน หึ!’

     

                    เอาจริงๆ เขาก็เป็นคนที่ค่อนข้างหลงตัวเองพอสมควร มีสาวๆ วิ่งเข้าหาตั้งแต่ยังไม่โตเป็นวัยรุ่นดี พอเข้าสู่ช่วงมหาลัยจนถึงตอนนี้ ทั้งสาวสวยหุ่นดี ทั้งหนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักก็ต่างพุ่งเข้าหาเขาไม่ขาดสาย แม้หน้าตาเขาจะไม่ได้ดีมาก หล่อสู้เพื่อนสนิทอย่างชองยุนโฮไม่ได้ แต่เขาคิดว่าเสน่ห์ของเขานั้นก็มีมากเกินกว่าที่ใครจะต้านทานไหว

     

                หรือบางทีเขาออาจะหลงตัวเองมากเกินไป

                เพราะดูท่าคิมจุนซูน่าจะเป็นข้อยกเว้น

                   

                    “หึหึ”

                    ยูชอนหัวเราะออกมา จนจุนซูที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามยังต้องมองด้วยสายตางงๆ

     

                    “เป็นบ้าป่าววะ โดนด่าแล้วยังหัวเราะได้อีก”

                    คนตัวเล็กแอบบ่นกับตัวเองเบาๆ ซึ่งยูชอนก็ได้ยินประโยคนั้นอย่างชัดเจนแต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรกลับไป เพราะพนักงานดันเดินมารับออร์เดอร์ที่โต๊ะของพวกเขาเสียก่อน

     

                    “อยากกินอะไรก็สั่งได้เลยนะตามสบาย”

                    ยูชอนเอ่ยปากพูดกับคนตัวเล็กที่นั่งขมวดคิ้วมองดูเมนูอาหารอย่างงงๆ

     

                    จุนซูขมวดคิ้ว ไอ้นี่ก็แพง ไอ้นู่นก็แพง ราคาอาหารแค่จานเดียวนี่เขากินได้เป็นอาทิตย์เลยนะ! แล้วนี่เขาจะได้ค่าจ้างจากการกินข้าวกับหมอนี่จริงๆ ป่ะเนี่ย และเงินค่าอาหารมื้อนี้จะหักจากค่าจ้างเขามั้ย?

     

                    “มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง ก็บอกแล้วไงว่านี่คืองานของนาย อยากกินอะไรก็สั่งซะ หน้าที่ของนายคือการมากินข้าวเป็นเพื่อนฉัน”

                    ยูชอนพูดขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่เห็นจุนซูนั่งขมวดคิ้วพร้อมกับนั่งจองเมนูอาหารจนมันแทบจะทะลุ

     

                    “คุณสั่งเหอะ ผมกินได้หมดแหละ”

                    จุนซูตัดปัญหาด้วยการปิดเมนูแล้วโยนหน้าที่นั้นให้กับคนตรงหน้าแทน

     

                    ยูชอนไหวไหล่ก่อนที่จะหันไปสั่งอาหารกับพนักงานสาว ซึ่งของแต่ละอย่างที่เขาสั่งไปก็ล้วนแต่เป็นของแพงของขึ้นชื่อของร้านนี้ทั้งนั้น แล้วทุกคนที่เขาพามาทานก็ล้วนแต่ชอบเมนูพวกนี้ด้วยกันทุกคน

     

                    จุนซูนั่งกอดอกมองดูหน้าของปาร์คยูชอนที่กำลังนั่งมองเขาพร้อมกับอมยิ้ม

                    “งานของผมคือการกินข้าวกับคุณแค่นี้ใช่มั้ย?

     

                    “แล้วอยากกินอย่างอื่นนอกจากกินข้าวป่าวล่ะ?

     

                    จุนซูถลึงตาใส่ปาร์คยูชอนพร้อมกับกร่นด่าไอ้หน้าหนูนั่นอยู่ในใจ

                    ดูท่าปาร์คยูชอนจะอยากได้รอยที่ปากเพิ่ม!’

     

                    แต่จุนซูก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะหนักงานเริ่มนำอาหารออกมาเสิร์ฟลงบนโต๊ะทีละอย่างแล้ว ดวงตาเรียวเล็กมองดูอาหารหน้าตาน่าทานที่วางอยู่เต็มโต๊ะด้วยดวงตาเป็นประกาย ลืมเรื่องหงุดหงิดเมื่อก่อนหน้านี้ไปจนหมด

     

                    ยูชอนมองคนตรงหน้าพร้อมกับอมยิ้ม เหมือนเด็กๆ เลยแหะ แค่เห็นของกินก็อารมณ์ดีขึ้นมาได้แล้ว

                    “ดูท่านายจะหิว”

     

                    จุนซูที่เผลอจ้องอาหารตรงหน้านานไปหน่อยเงยหน้าขึ้นมามองคนร่างสูงก่อนที่จะรีบปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ

                    “อะไร? ใครหิว?

     

                    แม้จุนซูจะปฏิเสธออกมาแบบนั้น แต่เสียงของท้องที่ดังประท้วงออกมาก็เป็นคำตอบได้เป็นอย่างดีว่าในตอนนี้คิมจุนซูกำลังหิว

     

                โครก….

                    เสียงท้องร้องที่ดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบทำให้ยูชอนต้องหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง ส่วนคนที่เป็นต้นเหตุของเสียงนั้นก็ได้แต่นั่งหน้าแดงทำอะไรไม่ถูก ไอ้ท้องบ้า! จะมาร้องอะไรตอนนี้ ขายขี้หน้าเขาหมดเลย!

     

                    “นายไม่หิว แต่ท้องนายน่าจะหิวนะ หึ!… ร้องซะดังเชียว”

                    ยูชอนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทะเล้นก่อนที่เขาจะเอื้อมมือออกไปตักกุ้งชิ้นโตใส่จานให้คนตัวเล็ก การทำแบบนี้ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สาวๆ ที่เขาพามาทานข้าวชอบให้เขาทำให้พวกเธอ ดูแลเทคแคร์และเอาใจใส่

     

                    “ขอบคุณ”

     

                    แต่ดูเหมือนว่าคิมจุนซูจะไม่ชอบแบบนั้น

     

                    “แต่ทีหลังไม่ต้องนะฮะผมมีมือผมตักกินเองได้”

     

                    โอเคอะไรที่ทำแล้วคนอื่นๆ ชอบ ให้ลืมมันไปได้เลยเพราะคิมจุนซูคนนี้ไม่ชอบอะไรแบบนั้นเลยสักอย่าง!

                ‘ให้มันรู้ไปซิว่าเสน่ห์ของปาร์คยูชอนจะทำอะไรคิมจุนซูคนนี้ไม่ได้เลย

    .

    .

    .

                    กว่าที่พวกเขาทั้งสองคนจะทานอาหารเย็นเสร็จก็เกือบจะทุ่มครึ่งเสียแล้ว จุนซูเลือกทานไอศกรีมรสวนิลาเป็นของหวานปิดท้าย ส่วนปาร์คยูชอนก็เลือกดื่มชาตามสไตล์ผู้ดี โถผู้ดีแต่ฐานะอ่ะดิ นิสัยไม่เห็นจะผู้ดีตามไปด้วยเลย!

     

                    “ค่าจ้างของนายจะถูกโอนเข้าบัญชีในวันที่หนึ่งของทุกๆ เดือนนะ”

                    ยูชอนพูดขึ้นมาหลังจากที่เขาวางแก้วชาลง

     

                    จุนซูเงยหน้าขึ้นมาจากถ้วยไอศกรีมแล้วเลิกคิ้วขึ้นมองคนตรงหน้า

                    “จริงๆ วันนี้คุณไม่ต้องให้ค่าจ้างผมก็ได้นะ แค่ค่าอาหารที่กินไปก็แพงกว่าค่าจ้างผมและ”

     

                    ถึงจะไม่ชอบขี้หน้าหมอนี่สักเท่าไหร่ แต่คิมจุนซูก็ไม่ชอบเอาเปรียบใคร การที่อีกฝ่ายพาเขามาเลี้ยงข้าวในร้านหรูๆ แบบนี้มันไม่ใช่งานเลยสักนิด งานบ้าอะไรจะสบายและอิ่มขนาดนี้สู้ให้เขากลับไปทำงานที่ห้องอาหารอย่างเดิมยังจะสบายใจกว่า แค่มากินข้าวด้วยกันเพียงแค่นี้ก็ได้เงินแล้ว งานง่ายๆ แบบนี้มันทำให้คิมจุนซูรู้สึกแปลกๆ

     

                    เหมือนเขาเป็นเด็กเสี่ยยังไงก็ไม่รู้

     

                    “ได้ไง ฉันพูดแล้วหนิว่าฉันจะจ้ายค่าจ้างให้นาย”

     

                    “แต่แค่มากินข้าวด้วยกันแบบนี้มันไม่ได้เรียกว่างานสักนิดเลยนะฮะ! ผมไม่อยากเอาเปรียบคุณ”

     

                    ยูชอนมองหน้าจุนซูพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น หมอนี่กำลังจะปฏิเสธเงินที่เขาให้อย่างงั้นน่ะหรอ?

                    “แค่กินข้าวกับฉันก็ได้เงินแล้ว งานง่ายๆ แบบนี้นายไม่ชอบหรือไง?

     

                    จุนซูถอนหายใจออกมา

                    “ใครๆ เขาก็ชอบงานสบายๆ กันทั้งนั้นแหละ”

     

                    “แล้วทำไมถึงจะไม่รับเงินค่าจ้างจากฉัน”

     

                    “ก็เงินมันมากไปเมื่อเทียบกับปริมาณงานที่ผมทำ เอาจริงๆ แค่มากินข้าวด้วยกันแบบนี้มันไม่สามารถเรียกว่างานได้เลยด้วยซ้ำ ทีหลังคุณก็ช่วยใช้ผมให้ทำงานจริงๆ เถอะ เอางานที่ใช้หัวสมองหน่อยนะ งานไร้สาระแบบนี้ผมไม่ถือว่าเป็นงาน”

     

                    ยูชอนมองคนตรงหน้าด้วยสายตาประหลาดใจปนอึ้งเล็กน้อย เขาไม่เคยเจอใครที่ปฏิเสธเงินจากเขา งานง่ายๆ เงินมากๆ แบบนี้มีแต่คนวิ่งเข้าหา แต่เด็กนี่ไม่ใช่แบบนั้นคิมจุนซูนั้นแตกต่าง

     

                    แต่แตกต่างเพราะตัวตน หรือเพราะต้องการเรียกร้องความสนใจเขาก็ไม่อาจจะทราบได้

                    แต่ถ้าทำเพื่อเรียกร้องความสนใจจริงๆ ล่ะก็บอกเลยว่าหมอนี่ทำสำเร็จ

     

                เขาเริ่มสนใจเด็กคิมจุนซูนี่ขึ้นมาจริงๆ เสียแล้วซิ

                   

                    ยูชอนยกยิ้มมุมปาก

                    “โอเค ต่อไปฉันจะหางานจริงๆ มาให้นายทำ เตรียมตัวเหนื่อยเอาไว้ได้เลย”

     

                    “ถ้ามันเป็นงานจริงๆ ผมก็ไม่กลัวหรอก”

                    งานที่เหนื่อยกว่านี้ หนักกว่านี้เขาก็เคยเจอมาแล้ว ถ้างานที่ปาร์คยูชอนให้เขาทำมันเป็นงานจริงๆ เขาก็พร้อมที่จะเหนื่อย เพราะงานที่เงินดีๆ แบบนี้ใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ

     

                    “แต่การกินข้าวกับฉันก็ยังถือว่าเป็นอีกงานหนึ่งที่นายยังต้องทำอยู่นะ”

                    ยูชอนพูดด้วยรอยยิ้มและดวงตาที่ทะเล้น

     

                    “เอ๊ะ?

     

                    “กินอิ่มแล้วใช่มั้ย? งั้นฉันเรียกเช็คบิลเลยละกัน”

                    ยูชอนไม่สนใจสายตาของคิมจุนซูที่จ้องมองมา คนตัวเล็กทำหน้ายุ่งพร้อมกับส่งเสียงฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ

     

                    จุนซูมองคนตรงหน้าด้วยความหงุดหงิด!

                    เดี๋ยวคราวหน้าจะแอบซื้อยาถ่ายมาผสมให้กิน! คอยดูซิ!’

    .

    .

    .

                    “จอดตรงอพาร์ทเม้นท์ข้างหน้านี่ล่ะฮะ”

                    จุนซูพูดขึ้นมาเมื่อรถของยูชอนขับมาใกล้กับอพาร์ทเม้นท์ที่เขาพักอยู่ อันที่จริงเขาบอกว่าเขาจะกลับเองได้เพราะจากร้านอาหารนั้นมันก็ไม่ไกลจากที่พักของเขาสักเท่าไหร่นัก อีกเหตุผลก็คือเขาไม่อยากจะอยู่กับปาร์คยูชอนนานๆ แต่ไอ้หน้าหนูน็บอกจะมาส่ง จับเขายัดใส่รถแล้วก็บังคับให้เขาบอกทางกลับบ้านโดยที่เขาได้แต่มองหน้ามันด้วยความหงุดหงิดใจ ยิ่งเห็นว่าเขาหงุดหงิด ปาร์คยูชอนก็ยิ่งชอบใจ ประสาทชะมัด!

     

                    รถยนต์คันหรูจอดอยู่ตรงทางเข้าหน้าอพาร์ทเม้นท์ที่ดูจะธรรมดาๆ เขามองมันสักพักหนึ่งก่อนที่จะหันมามองคนตัวเล็กที่กำลังจะเปิดประตูลงจากรถโดยไม่คิดจะเอ่ยปากขอบคุณเขาสักนิด อันที่จริงเขาก็ไม่ได้หวังที่จะได้ยินคำนั้นหรอกนะ เพราะสิ่งที่ปาร์คยูชอนต้องการนั้นมันมากกว่านั้น

     

                    ฝ่ามือหนาเอื้อมออกไปคว้าข้อมือของคนตัวเล็กเอาไว้ จุนซูก้มลองมองที่มือของตนเองก่อนที่จะหันกลับมามองหน้าของปาร์คยูชอนด้วยสายตามึนงง อะไรอีกวะ? คนจะรีบเข้าบ้าน!

                   

                    “เดี๋ยวซิ ฉันเพิ่งนึกได้ว่าฉันยังไม่ได้กินของหวานเลย”

                    ยูชอนพูดขึ้นมาด้วยสายตากรุ่มกริ่ม

     

                    จุนซูขมวดคิ้วงงหลังจากที่ได้ฟัง

                    “หน้าปากซอยมีเซเว่น คุณไปหากินเอาในนั้นก็แล้วกัน”

     

                    ยูชอนหัวเราะออกมาหลังจากที่ได้ยิน

                    “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น”

     

                    “อะไร?

                    จุนซูมองคนตรงหน้าอย่างไม่ค่อยจะไว้ใจ ก็ดูสายตาของหมอนั่นที่ใช้มองเขาในตอนนี้ซิ เป็นประกายซะขนาดนั้น! ใครจะไปกล้าไว้ใจวะ

     

                    “ฉันอยากกินของหวานจากปากของนาย”

     

                    แล้วริมฝีปากหนาก็จู่โจมเข้าทาบทับริมฝีปากอวบอิ่มของคนตัวเล็กอย่างทันที จุนซูพยายามใช้มือของตนเองผลักร่างของคนตรงหน้าแต่ก็ไม่สามารถทำได้อย่างใจหวังเมื่อยูชอนรวบมือทั้งสองข้างของเขาเอาไว้เสียก่อน

     

                    “อื้อ!!

                    จุนซูได้แต่ส่งเสียงร้องอยู่ในลำคอ ในตอนนั้นเขาเผลออ้าปากจึงทำให้เรียวลิ้นของปาร์คยูชอนสอดเข้ามาเกี่ยวกระหวัดลิ้นของเขาที่พยายามหลบหลีก

     

                    จุนซูทั้งทุบ ทั้งดิ้น ทั้งส่งเสียงร้องประท้วงแต่ปาร์คยูชอนก็ยังไม่ยอมหยุด เขายังคงดูดดึงริฝีปากของจุนซูอย่างนึกสนุก นานหลายนาทีกว่าที่คนร่างสูงจะผละใบหน้าออกมา จุนซูหอบหายใจแรง เขาเงยหน้าขึ้นตวัดสายตามองคนที่ยังคงทำหน้าระรื่นด้วยสายตาขุ่นเคือง

     

                    ครั้งที่สองแล้วนะที่เขาโดนไอ้หน้าหนูนี้จูบ!!

     

                    ยูชอนมองหน้าคนตัวเล็กด้วยความพึงพอใจ

                    “ดูท่างานของฉันจะทำให้นายเหนื่อยนะ”

     

                    ดวงตาเรียวเล็กแทบจะลุกเป็นไฟ เขาจ้องหน้าคนร่างสูงด้วยความโกรธก่อนที่จะเปิดประตูแล้วลงจากรถไป ยังไม่อยากด่า ไม่อยากเห็นหน้าหมอนี่ในตอนนี้เพราะกลัวจะเผลอฆ่ามันตายเสียก่อน หงุดหงิด!

     

                    แต่ก่อนที่จะเดินเข้าอพาร์ทเม้นท์ไป จุนซูก็นึกขึ้นได้ว่าในกระเป๋าของตัวเองมีกระป๋องแป้งอยู่ เขาไม่รอช้ารีบหยิบมันออกมาก่อนที่จะเทใส่มือให้เต็มและเดินหันหลังกลับไปเคาะกระจกรถของปาร์คยูชอนที่ยังคงจอดอยู่ที่เดิม

     

                    ยูชอนลดกระจกลง ก่อนที่จะยกยิ้ม

                    “อยากให้ฉันจูบอีกรึไง?

     

                    จุนซูเหยียดยิ้มก่อนที่จะยกมือข้างที่เต็มไปด้วยแป้งมาจ่ออยู่ที่ปากของตนเองและออกแรงเป่า

                    ฟู่~~~~

                   

                    คงไม่ต้องบอกว่าสภาพหน้าของปาร์คยูชอนจะเป็นเช่นไร เอาเป็นว่าตอนนี้ทั้งหน้าและผมของปาร์คยูชอนขาวโพลนไม่เหลือที่ว่างเลยก็แล้วกัน

     

                    “อิย่ะฮะฮ่า!!!

                    จุนซูหัวเราะสะใจ เขามองใบหน้าขาวๆ ของปาร์คยูชอนด้วยรอยยิ้ม

                   

                    “ถือว่าเป็นของตอบแทนจากผมก็แล้วกันนะฮะ”

     

                    แล้วคนตัวเล็กก็เดินหันหลังจากไป ทิ้งให้ปาร์คยูชอนนั่งเช็ดแป้งปัดผมของตัวเองอยู่คนเดียว ปาร์คยูชอนมองสภาพของตัวเองผ่านประจกมองหลัง ก่อนที่จะกระตุกยิ้มที่มุมปาก

                    “แสบนักนะคิมจุนซู”

    .

    .

    .

    .

    .

                    แจจุงยืนขมวดคิ้วอยู่ตรงทางเข้าด้านหน้าของห้างสรรพสินค้าเดอะคิงดอม อันที่จริงวันนี้เป็นวันหยุดของแจจุง แต่เขาก็ไม่สามารถนอนอยูบ้านเฉยๆ ดั่งใจหวังได้ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานทำให้เขาไม่สามารถทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ วิญญาณผีผู้หญิงตนนั้นเธอกำลังรอความช่วยเหลือจากเขา แม้จะไม่มีข้อมูลอะไรเลยก็ตาม แต่เขาก็ต้องช่วยเธอ

     

                    “รู้แค่ว่ามีรองเท้าสีแดงเองอ่ะ”

                    แจจุงบ่นกับตัวเองเบาๆ

     

                    “ลองไปถามพนักงานที่เคาน์เตอร์ดูซิ”

                    ชิมชางมินที่อยู่ๆ ก็โผล่มาแบบไม่ให้สุ่มให้เสียงออกความคิดเห็น

     

                    แจจุงปลายสายตามองวิญญาณเด็กหนุ่มหน้าตาทะเล้นตรงหน้า

                    “ตามฉันมาทำไม?

     

                    ชางมินฉีกยิ้ม

                    “อยากกินกาแฟอ่ะ”

     

                    แจจุงถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย คิดอยู่แล้วเชียวว่าหมอนี่ต้องโผล่มาเพราะของกิน แต่จะให้ทำไงได้ ก็เขาดันไปสัญญากับชางมินเอาไว้เองนี่นาว่าถ้าช่วยปลาบผีให้จะซื้อของกินที่อยากกินให้ ก็ต้องทนรับสภาพต่อไปนะคิมแจจุงเอ๋ย

     

                    “เงินเดือนฉันจะหมดก็เพราะค่าของกินนายเนี่ยแหละ!

     

                    “อย่าบ่นไปเลยน่าเดี๋ยวเงินเดือนพี่ก็จะมากขึ้นแล้ว”

                    ชางมินพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

     

                    แจจุงเลิกคิ้วมองด้วยความสงสัย

                    “อะไร?

     

                    ผีจอมทะเล้นไหวไหล่ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

                    “ไม่บอก”

     

                    แจจุงขมวดคิ้วงง

     

                    ชางมินยกยิ้มที่มุมปาก

                    “อีกไม่นานจะมีเรื่องที่ดีมากๆ เกิดขึ้นกับพี่”

     

                    เมื่อพูดจบชิมชางมินก็หายตัวไปกับบรรยากาศอย่างทันที แต่ก็ยังไม่ลืมส่งเสียงเตือนคิมแจจุงเรื่องกาแฟของเขาเอาไว้อีกด้วย

     

                    แจจุงได้แต่ยืนงงอยู่คนเดียวที่ทางเข้าห้างสรรพสินค้า เขายืนคิดถึงคำพูดของชางมินที่ทิ้งเอาไว้ก่อนจากไป ไม่ใช่เรื่องกาแฟที่จะต้องซื้อให้อีกฝ่ายนะ แต่เป็นเรื่อง ดีๆ ที่หมอนั่นบอกว่ากำลังจะเกิดขึ้นกับเขาต่างหาก

     

                    ตั้งแต่ประสบอุบัติเหตุ จนต้องกลายมาเป็นคนเห็นผีได้จนถึงทุกวันนี้ เรื่องดีๆ ก็ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขานานมากแล้ว

                   

                    “จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับชองยุนโฮมั้ยนะ”

                    แจจุงบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนที่จะยกยิ้มบางๆ ขึ้นมาเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ระหว่างเขากับยุนที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ อ้อมกอดที่แสนจะอบอุ่นนั่นยังคงตราตรึงอยู่ในความรู้สึกเหมือนมันเพิ่งเกิดเมื่อสักครู่นี้

     

                    “ขอให้เกี่ยวกับยุนโฮด้วยเถอะ!

                    เพราะถ้าเป็นเรื่องของยุนโฮแล้วทุกๆ เรื่องแจจุงก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีเอาเสียมากๆ

     

                    เพราะเรื่องของชองยุนโฮคือเรื่องดีๆ อีกอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของคิมแจจุง

    .

    .

    .

                    “เอ่อ ขอโทษนะฮะไม่ทราบว่ามีใครเก็บรองเท้าสีแดงข้างซ้ายเอาไว้ได้บ้างมั้ยฮะ?

                    แจจุงเอ่ยปากถามพนักงานสาวสวยที่ยืนประจำเคาน์เตอร์ของห้างสรรพสินค้า

     

                    ดวงตากลมโตของเธอมองแจจุงด้วยสายตางงๆ เท่าที่เธอจำได้ คนคนนี้เหมือนจะเป็นพนักงานทำความสะอาดนี่นาคนที่ดูเหมือนจะสติไม่ค่อยดีเท่าไหร่

                    “ไม่หนิ ฉันยังไม่เห็นมีใครเก็บรองเท้าได้เลยสักคน หรือถ้าเก็บได้ ถ้าแค่ข้างเดียวแบบนั้น แม่บ้านอาจจะเอาไปทิ้งแล้วก็ได้นะ”

     

                    แจจุงฟังแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา สิ่งที่เขารู้ก็มีอยู่แค่นี้มีแค่รองเท้า แต่ถ้าหารองเท้าไม่เจอแบบนี้ แล้วเขาจะช่วยเธอได้อย่างไรล่ะ

     

                    “ถ้าคุณอยากให้ผมช่วยคุณคุณก็ต้องช่วยผมด้วยซิ”

                แจจุงพูดออกมาเบาๆ แต่มันก็ดังพอที่จะให้พนักงานสาวสวยคนนั้นได้ยิน เธอเลิกคิ้วขึ้นมองคนตรงหน้าก่อนที่จะเอ่ยปากถาม

     

                    “รองเท้านายหรอ?

     

                    แจจุงรีบส่ายหัวผึบพั่บ

                    “ไม่ใช่ฮะ มีผู้หญิงคนหนึ่งเธอทำหาย”

     

                    หญิงสาวคนนั้นพยักหน้ารับเบาๆ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ถามอะไรกลับไป ป้าแม้บ้านคนหนึ่งก็เดินตรงเข้ามาหาเธอเสียก่อน และภายในมือของเธอก็มีรองเท้าส้นสูงสีแดงข้างหนึ่งถือมาด้วย

     

                    ดวงตากลมโตของแจจุงจ้องมองรองเท้าสีแดงนั้นด้วยความตกตะลึง ก่อนที่จะฉีกยิ้มออกมาด้วยความดีใจ รองเท้าที่เหมือนกับรองเท้าของผีผู้หญิงตนนั้น เขาจำได้ และก็มั่นใจด้วยว่ามันต้องเป็นของเธอ ในที่สุดเขาก็เจอ!

     

                    “ป้าไม่กล้าทิ้ง กลัวว่าจะเป็นของลูกค้าคนไหนทำหล่นหาย แต่มันมีอยู่ข้างเดียวนะป้าหาดูทั่วแล้วก็เจอแค่ข้างนี้ข้างเดียว”

     

                    แหงล่ะ! ก็อีกข้างอยู่ที่เท้าของผีตนนั้นนี่นา

     

                    “แต่ดูจากหนังแล้วท่าจะราคาแพง ป้าเลยเอามาให้หนูเก็บไว้ดีกว่า เผื่อเจ้าของเขาจะมาถามหา”

                    คุณป้ายื่นรองเท้าให้กับพนักงานสาวที่ยื่นมือออกมารับ

     

                หมับ!

                ฝ่ามือขาวๆ ของแจจุงคว้ารองเท้าข้างนั้นที่อยู่ในมือของพนักงานสาวเอาไว้ เธอตวัดสายตาขึ้นมามองแจจุงด้วยสายตาไม่พอใจ

     

                    “ปล่อย”

     

                    แจจุงส่ายหัว

                    “นี่ไงรองเท้าที่ผมบอกคุณ ขอผมเถอะนะ”

     

                    “ปล่อย!

                    พนักงานสาวยังคงยืนยันคำเดิม เธอยึดรองเท้าที่อยู่ในมือของเธอแน่น

     

                    “ขอผมเถอะ! ผมตามหารองเท้าคู่นี้จริงๆ นะ”

     

                    “ฉันบอกให้ปล่อยไง!

     

                    “ไม่! ผมจะเอา”

     

                    พนักงานสาวอีกคนที่เพิ่งไปเข้าห้องน้ำเสร็จมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าก่อนที่จะรีบหันไปเรียกรปภ.ที่เดินผ่านมาพอดี เธอรีบวิ่งเข้าไปช่วยเพื่อนของเธอดึงรองเท้าคู่นั้นจากแจจุง ส่วนรปภ.ก็วิ่งไปดึงแจจุงให้หยุดแย่งรองเท้าจากพนักงานสาว

     

                    “ปล่อยซิ! ปล่อย!! นั่นมันร้องเท้าของผมนะ!!

                    แจจุงพยายามดีดดิ้น เขาพยายามสะบัดการจับกุมของรปภ. แต่ก็ทำได้ลำบากเสียเหลือเกินเพราะเขาคนนั้นช่างตัวใหญ่กว่าแจจุงยิ่งนักเมื่อมีแม่บ้านเข้ามาช่วย

     

                    “รองเท้านี่มันเป็นของผู้หญิง มันจะไปเป็นของนายได้ยังไง?

     

                    “ของผมจริงๆ ของคนรู้จักผม ผมมาตามหามันให้เธอ!

     

                    “แอบอ้างมากกว่า พนักงานทำความสะอาดจะมีรองเท้าแพงๆ แบบนี้ได้ไง”

                    พนักงานอีกคนที่เพิ่งมาใหม่เอ่ยปากพูด

     

                    “ไม่จริง! รองเท้าข้างนั้นของคนรู้จักผมจริงๆนะ!

                    แจจุงออกแรงดิ้นอย่างสุดแรงเพื่อที่จะวิ่งไปชิงรองเท้าข้างนั้นจากพนักงานสาว ตอนนี้ลูกค้าที่เดินผ่านไปผ่านมาเริ่มหยุดดูและมุงดูเหตุการณ์เหล่านั้นอย่างสนอกสนใจ

     

                ผลั่ก!!!

                    เพราะออกแรงดิ้นและสะบัดมากไป ผลที่ได้ก็คือร่างของคิมแจจุงที่โดนเหวี่ยงลงไปกระทบกับพื้นอย่างแรง

     

                    เสียงอุทานของทั้งลูกค้าและพนักงานดังขึ้นก่อนที่จะเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงซุบซิบนินทา ทุกสายตามองตรงมาที่ร่างของแจจุงที่นั่งกองอยู่กับพื้นกันหมด ท่ามกลางเสียงซุบซิบนินทาของทุกๆ คน

     

                    หมอนั่นสติไม่ดีหรอ?’

                ‘เป็นคนบ้ารึป่าวน่ะ

                น่ากลัวจริงๆ

                ห้างใหญ่ๆ แบบนี้ปล่อยให้คนบ้าเข้ามาได้ยังไงกันนะ  

     

                    ดวงตากลมโตกวาดสายตามองดูบรรยากาศรอบๆ ตัว มองดูสายตาของทุกๆ คนที่จ้องมองมาที่เขาเหมือนว่าเขาเป็นตัวประหลาดก็รู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหล

     

                ทำไมเขาต้องเจอแต่เรื่องแบบนี้ด้วย ทำไม! ทำไม!’

                    ทั้งๆ ที่เขาเป็นฝ่ายช่วยเหลือผีพวกนั้น แต่ทำไมเขาต้องมาโดนคนอื่นมองเหมือนว่าเขาเป็นคนบ้าอยู่เสมอ

     

                    ดวงตากลมโตมีน้ำใสๆ เอ่อคลอ เสียงซุบซิบนินทาที่ดังอยู่ข้างกายยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ แต่อยู่ๆ เสียงของผู้คนมากมายก็ถูกกลบด้วยเสียงนิ่งๆ ของใครบางคนเข้า

     

                    เพียงแค่เขาเอ่ยปากพูด ทุกๆ เสียงก็เงียบงัน ทุกสายตาต่างก็พ่กันจ้องมองไปที่เขาคนนั้นเป็นสายตาเดียว

     

     

                    “ลงไปนั่งเล่นอะไรที่พื้นน่ะคิมแจจุง”

     

     

     

    TBC ^----------^*

     

     

    *******************************************************

     

    Talk : )

     

    สวัสดีค่ะ
    มุกกลับมาแล้ววววววววว
    หายไปสองอาทิตย์เต็มๆ
    ที่หายไปเพราะโน๊ตบุ๊คเสียค่ะ พาน้องไปเข้าศูนย์มา นานเป็นอาทิตย์เลยกว่าจะได้คืน
    ได้มาก็ต้องรีบเคลียรายงานฝึกงานให้เสร็จอีก
    แล้วก็ต้องอ่านหนังสือสอบวิชาสุดท้ายของการเรียนปีสี่ด้วย
    ในที่สุดก็ทำทุกอย่างจนเสร็จหมดเรียบร้อยแล้วค่ะ

    ขอประกาศเลยว่า ตอนนี้มุกเรียนจบแล้ว เย้ๆ ><

    กำลังจะเริ่มต้นเข้าสู่วัยทำงานแล้ว แค่คิดก็เศร้าแล้วอ่ะ 55555

    พอละๆ พูดเรื่องตัวเองมากไปและ
    พาร์ทนี้ออกครบทุกคนใช่มั้ย? ครบทุกคนหรือป่าวหว่า ฮิฮิ

    หายไปสองอาทิตย์ยังมีคนรออ่านอยู่มั้ยนะ? ขอโทษที่ทำให้รอกันนะคะ
    อยากทวงหรืออยากคุยอะไรติดต่อที่ทวิตได้เลยนะ

    Twitter >>> http://twitter.com/@MMooKiiEE  
    E-mail >>> mookiie_jong@hotmail.com

    ขอบคุณทุกๆ คนที่กดเข้ามาอ่าน
    แล้วเจอกันในตอนหน้าค่ะ
    ^----------------------^*

     

    *******************************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×