ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] ☆--- Mystery Love ---☆ [TVXQ][YAOI]

    ลำดับตอนที่ #9 : ,,, Part 8 ,,, ความหวาดกลัว

    • อัปเดตล่าสุด 17 มี.ค. 57


    Title         :  Mystery Love
    Type        :  Long fiction
    Author      :  *..MooKiiE..*
    Category :  Comedy / Romance
    Paring      :  Yunho x Jaejoong / YooChun x JunSu
    Note         :  เรื่องนี้มุกได้แรงบันดาลใจมาจากซีรี่ส์เกาหลีเรื่อง The Master’s Sun นะคะ จึงทำให้เนื้อหาบางอย่างอาจคล้ายคลึงกันบ้าง

                                                                                                                                                                                                                                                              

    *******************************************************

     
     

    อย่าลืมกดเป็นแฟนพันธุ์แท้ฟิคเรื่องนี้กันนะคะ ^^



    Part 8

                   

                    เวลาบ่ายโมง เป็นเวลาที่คิมจุนซูมายืนรอปาร์คยูชอนอยู่ที่หน้าห้องตามเวลาที่อีกฝ่ายได้นัดเขาเอาไว้ แต่สิ่งที่เขาพบกลับเป็นเพียงคุณชินเฮ เลขาสาวสวยของเจ้าประธานหน้าหนูคนนั้นแทน

     

                    ไม่รู้จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้อย่างไร เอาเป็นว่าเขาโมโหและหงุดหงิดจนอยากจะกระโดดถีบหมอนั่นเลยก็ว่าได้ คนอุตส่าห์รีบกินข้าวรีบทำธุระส่วนตัวให้เสร็จเพื่อที่จะได้มาให้ตรงเวลานัด แต่อีคนนัดนี่ซิ! หายหัวไปไหน! เป็นถึงเจ้าของโรงแรมแท้ๆ แต่กลับทำตัวเหลวไหล ไม่ตรงเวลา รวยซะเปล่าแต่ไม่มีเงินซื้อนาฬิการึไง! มันน่าตบเหม่งให้หน้าผากยุบเสียจริงเชียว!!

     

                    13.20. ปาร์คยูชอนก็ยังไม่มา

     

                13.35. แม้แต่เงาของปาร์คยูชอน ก็ยังไม่ปรากฏให้เห็น

               

                13.55. แม้แต่เส้นผมก็ยังไม่มี

     

                    “ไอ้หน้าหนูนั่น! มันแกล้งเราชัดๆ”

                    จุกซูที่นั่งรออยู่ตรงโซฟาหน้าห้องกัดฟันพูดออกมาอย่างเหลืออด นัดให้เขามาหาแต่ตัวเองกลับออกไปข้างนอก แบบนี้มันแกล้งกันชัดๆ ใบหน้ากลมๆ นั่นประดับคำว่าหงุดหงิดตัวโตๆ เอาไว้อยู่ จนชินเฮที่นั่งมองอยู่ไม่ไกลยังไม่กล้าชวนคุยเลย

     

                    เวลาบ่ายสองสิบนาที เป็นเวลาที่เสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินตรงเข้ามาจุนซูที่กำลังนั่งทำหน้ายุ่งพร้อมจะเขมือบหัวทุกคนที่ทำให้ไม่สบอารมณ์ได้ทุกเมื่อ ดวงตาเรียวเล็กมองเห็นปลายรองเท้าหนังราคาแพงก็พอจะรู้ได้อย่างทันทีเลยว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานี้เป็นใคร

     

                    ถ้าปาร์คยูชอนรู้สึกสำนึกสักนิด และไม่คิดจะเพิ่มดีกรีความโกรธให้กับจุนซู เขาก็คงจะไม่พูดประโยคนี้ออกมา

     

                    “อ้าว? จริงซิฉันลืมไปเสียสนิทเลยว่านัดเธอเอาไว้”

     

                พรึ่บ!!!!

                    ประโยคที่เหมือนเป็นดั่งเชื้อเพลงที่ราดลงบนน้ำมัน ตอนนี้อารมณ์ของคิมจุนซูได้ปะทุขึ้นแล้ว ดีใจด้วยปาร์คยูชอน นายทำสำเร็จ!

     

                    “โถผมก็ไม่นึกไม่ฝันเลยนะครับว่าผู้บริหารระดับสูงๆ อย่างเจ้าของโรงแรมนี้เขาจะมีสมองน้อย เอ้ย! เป็นคนขี้ลืม”

                    นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้นในเมื่อเดินหน้ามาซะขนาดนี้แล้วก็คงจะไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้วล่ะมั้ง

     

                    ยูชอนที่ฉีกยิ้มอยู่ถึงกับหุบยิ้มลงอย่างทันที คนร่างสูงทำหน้านิ่งก่อนที่จะหันกลับไปมองหญิงสาวที่เป็นเลขาของตนเองพร้อมกับพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

                    “เดี๋ยวผมจะคุยธุระกับเด็กคนนี้ ห้ามให้ใครเข้าไปรบกวน แม้จะเป็นเรื่องสำคัญแค่ไหนก็ให้โทรเข้าไปบอกผมเอา”

     

                    “ขะ….. เข้าใจค่ะ”

                    ไม่รู้ว่าเจ้านายของเธออยู่ในอารมณ์ไหน แต่น้ำเสียงกับใบหน้านิ่งๆ แบบนี้ก็น้อยครั้งนักที่เธอจะได้เห็น

     

                    ใบหน้าคมหันกลับมามองคนตัวเล็กที่นั่งทำหน้ายุ่งก่อนที่จะเอ่ยปากพูดขึ้นมา

                    “เรามีเรื่องที่จะต้องเคลียกันช่วยตามผมเข้ามาในห้องด้วยคุณนักศึกษาฝึกงาน”

     

                    จุนซูทำหน้าไม่สบอารมณ์ เขาหันไปมองเลขาสาวซึ่งเธอก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ ให้กับเขาเพียงเท่านั้น แม้จะไม่อยากตามเข้าไป แต่ในเมื่อตอนนี้เขายังเป็นนักศึกษาฝึกงานอยู่ที่นี่ ยังมีไอ้หน้าหนูปาร์คยูชอนเป็นเจ้าของโรงแรมและเป็นเจ้านายอยู่ก็ต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้

     

                    เอาซิ เป็นไงเป็นกัน! ต่อยปากหมอนี่เขาก็เคยทำมาแล้ว ถ้ามันคิดจะทำอะไรลามกอีกก็เอาแจกันทุ่มหัวมันเลยละกันงานนี้!!

    .

    .

    .

                    “เชิญนั่งครับคุณนักศึกษาฝึกงาน”

                    ยูชอนผายมือให้จุนซูนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่หน้าโต๊ะทำงานของตนเองพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปากอย่างทะเล้นก่อนจะเดินไปทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ทำงานของตน

     

                    จุนซูเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้อย่างจำใจ เขาทำหน้านิ่งพร้อมกับจ้องมองใบหน้าของคนตรงหน้าอย่างไม่นึกกลัว

                    “มีอะไรกับผมก็รีบๆ พูดมาเถอะ จะไล่ออกไม่ให้ฝึกงานที่นี่แล้วก็พูดมาได้เลย”

     

                    ยูชอนที่ได้ฟังคำพูดของเด็กรุ่นน้องตรงหน้าถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ

                    “นายดูไม่เป็นเดือดเป็นร้อนเท่าไหร่เลยนะ ดูเหมือนจะเตรียมตัวรับผลของการกระทำมาดีแหะ”

     

                    จุนซูสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างหงุดหงิด ก่อนที่จะพูดตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ

                    “ขอใจความหลักด้วยครับ ผมขี้เกียจฟังคุณเพ้อเจ้อ”

     

                    จึก!!!

                    โดนด่าอีกแล้วไงล่ะปาร์คยูชอนเอ๋ยหึ! เด็กคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ

     

                    “ฉันรู้มาว่านายคือรุ่นน้องที่มหาลัย เพราะฉะนั้นเรื่องเมื่อวานฉันจะไม่เอาผิดนายก็แล้วกันนะ”

                    ยูชอนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ แถมยังส่งยิ้มให้จุนซูด้วยอีกต่างหาก

     

                    จุนซูชะงักไปเล็กน้อยหลังจากที่ได้ยิน เขาเลิกคิ้วพร้อมกับมองหน้าของอีกฝ่ายด้วยความสงสัย

                    “ห๊ะ? เมื่อกี้คุณพูดว่าไงนะ?

     

                    ยูชอนยกยิ้มก่อนที่จะตอบกลับไป

                    “ฉันบอกว่าฉันจะไม่เอาเรื่องนายที่นายชกฉันเมื่อวานตั้งสองหมัด ดูซิปากฉันเขียวยังเขียวอยู่เลย”

     

                    จุนซูเพิ่งสังเกตเห็นรอยเขียวช้ำที่มุมปากของอีกฝ่าย แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกผิดอะไรขึ้นมาหรอกนะ กลับกันเขากลับรู้สึกสะใจแทนซะงั้น

     

                    “คุณจะมาเอาผิดผมได้ยังไงก็ในเมื่อเรื่องเมื่อวานผมไม่ได้ผิดเลยสักนิด!

                    จุนซูเถียงกลับไปด้วยความโมโห

     

                    ยูชอนไหวไหล่ไม่สนใจในคำพูดของอีกฝ่าย

                    “ต่อยเจ้าของโรงแรมเลยนะ ไม่ผิดจริงๆ น่ะหรอ?

     

                    “ก็ใครใช้ให้คุณมาจูบผมล่ะ! โดนแค่ต่อยอ่ะมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ ถ้ามีไม้หน้าสามอยู่ตรงนั้นผมเอามาฟาดหัวให้หน้าผากคุณยุบไปแล้ว!

                    เอาล่ะ ตอนนี้คิมจุนซูได้ฟิวส์ขาดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บอกแล้วว่างานนี้เขาพร้อมรบเต็มร้อย จะเอาไงก็ว่ามา จะไล่ออกตอนนี้ก็พร้อมไป

     

                    “โหดซะด้วย”

                    ทั้งๆ ที่จุนซูกำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนั้นแต่ยูชอนกลับนั่งมองอย่างสบายใจ เขานั่งยิ้มอย่างสบายอารมณ์ผิดกับคนตัวเล็กที่นั่งหน้าบึ้งพร้อมพุ่งเข้ามาต่อยเขาได้ทุกเมื่อ

     

                    “สรุปจะเอายังไงก็ว่ามา แต่ขอบอกเลยว่าเรื่องเมื่อวานยังไงผมก็ไม่ผิด!

                    จุนซูยังคงยืนกรานในคำพูดของตัวเอง ก็ในเมื่อไอ้หน้าหนูนั่นมันมาจูบเขาเอง เขาไม่ถีบกลับไปก็บุญแค่ไหนแล้ว!

     

                    “ก็ไม่อะไรมากฉันแค่จะไล่นายออกจากการทำงานที่ห้องอาหารก็แค่นั้นเอง”

                    ยูชอนยังคงมีท่าทีสบายๆ ในตอนที่พูดประโยคนี้ออกมา ผิดกับคนฟังอย่างคิมจุนซูที่นั่งเบิ่งตาเล็กๆ นั่นด้วยความตกใจหลังจากที่ได้ยิน

     

                    “คุณจะไล่ผมออก?

     

                    “แค่ไม่ให้ไปทำงานที่ห้องอาหารแล้วต่างหาก ส่วนเรื่องฝึกงานฉันยังให้นายฝึกที่นี่ต่อ”

     

                    จุนซูทำหน้าเครียด ถ้าเขาโดนไล่ออกจากการทำงานพาร์ทไทม์ที่ห้องอาหารรายได้ที่เขาเคยมีก็จะหายไปด้วย ค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งเรื่องเรียน ทั้งค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน ลำพังแต่พี่แจจุงก็ใช่ว่าจำได้เงินเดือนเยอะ พนักงานทำความสะอาดไม่ได้เงินเดือนดีอะไรมากมาย อย่างน้อยถ้าเขาได้ทำงานที่ห้องอาหาร เงินเดือนที่เขาได้รับก็พอจะนำมาช่วยแบ่งเบาภาระกับพี่แจจุงได้บ้าง

     

                    ยูชอนมองใบหน้าตึงเครียดของคนตัวเล็กด้วยความรู้สึกสนุก จริงๆ ก่อนหน้านี้เขาได้ให้ผู้ช่วยช่วยตรวจสอบข้อมูลและหาประวัติของคิมจุนซูมาบ้างพอสมควรแล้ว และเขาก็รับรู้ด้วยว่าที่คนตัวเล็กนี่ต้องทำงานพิเศษหลังฝึกงานเสร็จเพราะต้องการหารายได้เพื่อไปช่วยเหลือครอบครัวที่มีฐานะปานกลางเนื่องจากอาศัยอยู่กับพี่ชายแค่สองคน

     

                    และใครที่กำลังต่อว่าเขาอยู่ว่าเขาเป็นคนใจร้ายทั้งๆ ที่รู้อย่างนี้แล้วแท้ๆ แต่ยังจะไปไล่จุนซูออกอีกก็ขอให้คิดใหม่ เพราะจริงๆ แล้วคนอย่างปาร์คยูชอนนั้นใจดีมาก เขารวย เขาหล่อ ใจสปอร์ตกับคนน่ารักๆ เสมอนั่นแหละ หึหึ

     

                    “ฉันรู้ว่านายต้องการหารายได้พิเศษระหว่างฝึกงาน”

                    ยูชอนพูดขึ้นมาด้วยท่าทางสบายๆ

     

                    จุนซูที่กำลังตกอยู่ในห้วงความคิดของตนเองดึงสติกลับมาพร้อมกับจ้องมองยูชอนด้วยความไม่เข้าใจ ไอ้หน้าหนูนี่จะมาไม้ไหนอีก ถ้าลามกใส่เขาอีกคราวนี้เขาถีบกลับจริงๆ ด้วย!

     

                    “และพอดีฉันก็เป็นคนที่ใจดีพอสมควรอ่ะนะ”

                    วงเล็บเฉพาะกับคนที่น่ารักเท่านั้น

     

                    จุนซูมองอีกฝ่าด้วยสายตาเบื่อหน่าย หลงตัวเองชะมัด เหอะ!

     

                    “ฉันก็เลยจะให้นายมาเป็นผู้ช่วยฉันแทน”

                   

                    จุนซูฟังแล้วถึงกับทำตาโต หน้าเหวอ

     

                    ยูชอนโน้มหน้าเข้าไปใกล้กับใบหน้ากลมๆ ของจุนซู เขายกยิ้มทะเล้นก่อนที่จะพูดต่อว่า

                    “เงินดี งานไม่หนัก แค่อยู่ใกล้ๆ คอยรับใช้ฉันก็พอ”

     

                    จุนซูฟังแล้วก็ถึงกับทำหน้าเพลียให้เป็นผู้ช่วยที่ทำหน้าที่คอยช่วยเรื่องงานหรือเรื่องไหน ช่วยพูดให้เคลียที

     

                    “ไม่ทำก็ได้นะ ฉันไม่ได้บังคับ แต่อยากจะบอกว่างานนี้ฉันให้เงินมากกว่างานที่ห้องอาหารสามเท่า”

     

                    “ไม่ได้เป็นงานที่ทำทุกวัน ถ้าฉันมีงาน ฉันก็จะเรียกนายมาเอง ถ้าว่างๆ ยังอยากกลับไปทำงานที่ห้องอาหารรอก็ยังได้ นี่ฉันใจดีสุดๆ ไปเลยนะเนี่ย”

     

                    จุนซูนั่งเงียบ ฟังปาร์คยูชอนพล่ามไปอย่างเรื่อยๆ โดยภายในหัวก็คิดประมวลผลถึงข้อดีข้อเสียของงานนี้ไปด้วย

     

                    ข้อดีเงินดี รายได้เยอะ

                ข้อเสียต้องทำงานกับไอ้หน้าหนูจอมลามกนี่ยังไงล่ะ! เจอกันวันแรกยังโดนจูบเลย ถ้าต้องเจอกันบ่อยๆ นี่เขาไม่เผลอตัวไปเป็นเมียมันเลยหรอวะ!

     

                    แต่ในเมื่อไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง ชีวิตยังต้องดิ้นรน บนโลกนี้มนุษย์อย่างเรายังต้องใช้เงินในการดำลงชีวิตอยู่ ทางเลือกของเขาก็คงจะมีไม่มาก ดังนั้นจุนซูจึงตอบปารูคยูชอนกลับไปว่า

     

                    “ผมตกลง”

                    ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นรนกันต่อไป แค่สี่เดือนเอง ไม่นานหรอก ท่องเอาไว้ อดทนๆ

     

                แต่เพื่อความปลอดภัยเดี๋ยวเขาจะเตรียมพกสเปรย์พริกไทย ที่ช็อตไฟฟ้า คัตเตอร์ กรรไกรเอาไว้ให้พร้อม

     

                ยูชอนยกยิ้มพอใจ เขายกนิ้วขึ้นลูบริมฝีปากของตัวเองช้าๆ รสจูบเมื่อวานยังคงติดตรึงอยู่ในความรู้สึก

                    มีเรื่องสนุกๆ มาให้เล่นแก้เบื่ออีกแล้ว

    .

    .

    .

    .

    .

                    กลับมาอีกครั้งกับความรู้สึกเดิมๆ บรรยากาศเดิมๆ ณ ห้างสรรพสินค้าเดิมๆ ที่ทำยังไง คิมแจจุงก็ไม่ชิน ไม่ชินอย่างเด็ดขาด ก็ใครจะไปชินล่ะ! บรรยากาศตอนห้างปิดนี่มันน่าชินมากเลยซิ!

                   

                    “รู้ทั้งรู้ว่าเราเห็นผีได้ แต่ก็ยังให้มาทำความสะอาดตอนห้างปิดอีก แบบนี้มันแกล้งกันชัดๆ”

                    แจจุงถูพื้นไปพร้อมกับบ่นไป ดูก็รู้ว่าชองยุนโฮน่ะแกล้งเขา มีอย่างที่ไหน มันเลยเวลาเลิกงานของเขาไปแล้วแท้ๆ แต่ก็บอกให้หัวหน้าแม่บ้านมาขอให้เขาอยู่ทำโอทีเพราะเห็นพื้นห้างสกปรก และอีกอย่างตรงโซนนี้มันไม่ใช่โซนที่เขารับผิดชอบเลยสักนิด เขารับผิดชอบทำความสะอาดแค่ชั้นที่ยุนโฮอยู่ต่างหาก!

     

                    แม้ว่าบรรยากาศวันนี้มันจะไม่ได้น่ากลัวเท่าเมื่อครั้งนั้น แต่ลองนึกสภาพดูว่าในสถานที่ใหญ่ๆ แต่กลับเงียบเหงาไร้ผู้คน ไร้เสียงพูดคุยแบบนี้ เรียกได้ว่าแทบจะได้ยินเสียงมดหายใจเลยก็ว่าได้ เป็นคุณคุณจะไม่กลัวหรอ? จริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีเขาอยู่แค่คนเดียวหรอกนะที่ทำความสะอาดอยู่ในตอนนี้ คนอื่นๆ ก็พอมีบ้าง แต่ก็อยู่กันคนละโซน คนละชั้น ถ้าเป็นคนอื่นเขาอาจจะไม่ค่อยกลัวกันหรอก ก็เขาไม่ได้เห็นอะไรแปลกๆ แบบเราหนิ! มันเป็นเรื่องธรรมดาที่คนอย่างคิมแจจุงจะกลัวการอยู่ในที่วังเวงๆ แบบนี้ เพราะเขารู้อยู่เสมอว่า

     

                    ในสถานที่แห่งนี้ไม่ได้มีเขาอยู่แค่คนเดียว

     

                    แต่จะทำไงได้ล่ะ ท่านประธานเขาขอมาหนิเนอะ ลูกจ้างชั้นรากหญ้าแบบคิมแจจุงจะไปค้านอะไรได้ ทำได้เพียงก้มหน้าถูพื้นต่อไปก็แค่นั้นแหละ และในตอนที่เขากำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่นั่นเอง บางสิ่งบางอย่างก็เกิดขึ้น

     

                พรึ่บ!!!

                    ขนอ่อนของแจจุงพากันลุกพรึ่บ! มันมาอีกแล้วความรู้สึกนี้มันกลับมาอีกครั้ง ความรู้สึกที่บอกเราว่ากำลังมีบางสิ่งบางอย่างจ้องมองมาที่เขา และสิ่งนั้นที่ว่า.. ก็ไม่น่าจะใช่คน

     

                    แจจุงหยุดถือพื้น ฝ่ามือของเขาเริ่มชื้นเหงื่อ ตามไรผมของเขาก็เช่นกัน

                    “ชะ……. ชางมิน……หรอ?

     

                    แม้โอกาสที่จะเป็นชางมินนั้นแทบจะติดลบ แต่เขาก็ยังภาวนาให้สายตาคู่ที่กำลังจ้องมองมาที่เขาอยู่นั้นเป็นผีรุ่นน้องที่ชอบกวนประสาท แต่คำขอของเขาก็ไม่เป็นจริง เพราะเสียงที่กำลังดังเข้ามาใกล้เขาเรื่อยๆ นั้นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีเลยว่าไม่มีทางเป็นชิมชางมินได้แน่ๆ

     

                กึก! กึก!…. กึก!!

                    เพราะมันเป็นเสียงของร้องเท้าส้นสูงที่ดังกระทบกับพื้น ซึ่งคนอย่างชางมินคงไม่มีทางใส่ร้องเท้าส้นสูงหรอกนะ

     

                    แจจุงตัวสั่นด้วยความกลัว บอกแล้วว่าจะให้เจอผีเป็นร้อยเป็นล้านตัวยังไงเขาก็ไม่ชิน ทำไมไม่เข้ามาหาเขาด้วยสภาพดีๆ บ้างล่ะ ทำไมต้องมาทำให้เขากลัวตลอดเลย! เดี๋ยวจะไม่ช่วยแล้วนะ! เอาจริงๆ ถึงจะพูดออกไปแบบนั้นแต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่คิมแจจุงจะเห็นแก่ตัวไม่ช่วยเหลือผีพวกนั้น

     

                กึก! กึก!…. กึก!!

                    เสียงส้นสูงที่ถูกลากไปกับพื้นนั้นเริ่มใกล้เข้ามาหาแจจุงที่ยังคงยืนอยู่กับที่

     

                กึก…… กึกกึก กึก!

                    เขาเริ่มรู้สึกได้ถึงความเย็นที่เริ่มใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ

     

                    คนร่างบางรวบรวมความกล้า แม้ตัวจะสั่น หน้าจะซีด หัวใจจะเต้นระรัวมากแค่ไหน แต่เขาก็อยากหันไปมองให้แน่ใจว่าสิ่งที่อยู่ด้านหลังเขานั้นเป็นคนหรือว่าผี

     

                เอาวะ! เป็นไงเป็นกัน!’

     

                    ใบหน้าขาวๆ ค่อยๆ หันกลับไปมองที่ด้านหลังของตัวเองอย่างช้าๆ เขามองไล่ไปตามพื้นก่อนที่ดวงตากลมจะไปสะดุดเข้ากับปลายเท้าของใครบางคนเข้า

     

                    ปลายเท้าขาวซีด ซีดเกิดกว่าจะเท้าของมนุษย์ และถ้ากลัวว่าเขาจะคิดไปเอง เท้าที่ว่างเปล่าข้างหนึ่งกับอีกข้างที่สวมร้องเท้าส้นสูงสีแดงเอาไว้ก็เป็นสิ่งยืนยันในความคิดของเขาได้เป็นอย่างดีว่านี่ไม่น่าจะใช่เท้าคน

     

                    เพราะคงไม่มีใครที่ไหนมาเดินลากร้องเท้าส้นสูงข้างเท้าเปล่าข้างในเวลาที่ห้างปิดแล้วแบบนี้หรอกนะ

     

                    อึกแจจุงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ เขาค่อยๆ ไล่สายตาจากปลายเท้าขาวซีดนั่นขึ้นไปเรื่อยๆ และสิ่งที่เห็นก็ยิ่งทำให้คนตัวเล็กหัวใจเต้นระรัวด้วยความหวาดกลัว

     

                    ปลายเท้าขาวซีด เท้าข้างซ้ายของเธอสวมรองเท้าส้นสูงสีแดง แต่เท้าขวาของเธอว่างเปล่า มองไล่ตามเรียวขาขาวซีดนั้นขึ้นไปอีก ขาข้างขวาที่ปราศจากร้องเท้าของเธอกลับมีเลือดสีแดงค่อยไหลลงมาตามแรงโน้มถ่วงโลกซะอย่างงั้น และถ้าแค่นั้นมันยังทำให้แจจุงผวามากไม่พอ ใบหน้าด้ายซ้ายของเธอที่ยุบไปทั้งแถบบวกกับเลือดสีแดงสดที่เปรอะเปื้อนใบหน้าของเธอนั้นก็ทำให้แจจุงแทบช็อค

     

                                กึก…… กึกกึก กึก!

                หญิงสาวที่อยู่ในชุดเดรสสั้นสีดำ ค่อยๆ ลากขาข้างที่ไร้ร้องเท้าของเธอเดินตรงเข้ามาหาแจจุงอย่างช้าๆ เสียงส้นร้องเท้าดังกระทบกับพื้นดัง กึกกึก

     

                ‘ชะ…… ช่วย………. ด้วย

     

                    แจจุงตัวสั่น เขากำไม้ถูพื้นแน่น สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กว่าที่จะคิดได้ว่าตัวเองควรจะวิ่งก็ตอนที่ผีตนนั้นอยู่ห่างจากที่ที่ตนยืนอยู่ไม่มากเสียแล้ว ก่อนที่เขาจะช่วยเธอ เขาคงต้องช่วยไม่ให้ตัวเองต้องช็อคตายไปเสียก่อน

     

                ตึง!!!

                    คนตัวเล็กปล่อยไม้ถูพื้นลงกับพื้นก่อนที่จะออกตัววิ่งด้วยความเร็ว วิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้จะไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะวิ่งไปที่ไหนก็ตาม เสียงของส้นรองเท้าที่กระทบกับพื้นยังคงดังไล่ตามหลังเขามาอยู่ไม่ห่าง

     

                    “จะมาตามหลอกหลอนกันทำไม! มาปรากฏตัวขอร้องผมดีๆ ไม่เป็นกันรึไงนะ”

                    แจจุงอดที่จะบ่นออกมาอย่างเสียไม่ได้ตอนที่เขากำลังวิ่งหนีผีตนนั้น และเพราะไม่ทันได้ระวังหรือเพราะวิ่งด้วยความเร็วมากจนเกินไป รองเท้าที่ค่อนข้างจะหลวมเพราะใส่มานานแล้วก็ดันหลุดออกจากเท้าของเขาซะอย่างงั้น

     

                    แจจุงหันหน้ากลับไปมองรองเท้าที่กระเด็นห่างจากจุดที่เขายืนอยู่ กำลังตัดสินใจว่าจะวิ่งกลับไปเอาดีมั้ย แต่ผีสาวที่กำลังเดินลากขามาทางเขาด้วยความเร็วแบบสปีดจนแทบจะเรียกได้ว่าเดินเร็วก็ทำให้แจจุงตัดสินใจที่จะออกวิ่งต่อโดยที่เท้าเปล่าข้างหนึ่งนี่แหละ เพราะเสียงของเธอกำลังไล่ตามหลังเขามาเสียแล้ว

     

                ช่วย…. ด้วย

     

                    แม้ทั้งเขาและผีตนนั้นจะมีร้องเท้าแค่ข้างเดียวด้วยกันทั้งคู่ แต่มันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการวิ่งหนีของเขาเลย ส่วนผีตนนั้นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการลากขาวิ่งไล่ตามเขาด้วยเช่นกัน ให้ตายซิ!

     

                    เออดี!! มีรองเท้าคนละข้างเท่ากันแล้วงานนี้ เท่าเทียมกันดี!’

    .

    .

    .

                    และในช่วงเวลาเดียวกันกับที่คิมแจจุงกำลังวิ่งหน้าตั้งหนีผีร้องเท้าส้นสูงอยู่นั่นเอง ชองยุนโฮที่เพิ่งจะเคลียงานเสร็จในเวลาเกือบจะห้าทุ่มครึ่งก็กำลังจะเดินทางกลับไปพักผ่อนที่คอนโดของตนเอง

     

                    คนร่างสูงนั่งประจำอยู่ที่นั่งคนขับ เนื่องจาวันนี้เลขาคิมรู้สึกไม่ค่อยสบายเขาก็เลยให้คุณลุงกลับไปพักผ่อนตั้งแต่ทุ่มนึงแล้ว ดังนั้นวันนี้ผู้บริหารระดับสูงอย่างเขาจึงต้องขับรถกลับบ้านเอง ซึ่งจริงๆ แล้วชองยุนโฮก็ชอบแบบนี้อยู่เหมือนกัน อยากไปไหนมาไหนคนเดียวเหมือนตอนสมัยเรียน แต่เพราะด้วยตำแหน่งและหน้าที่การงานทำให้เขาไม่สามารถทำอะไรได้อย่างใจหวัง

     

                    “คิดแล้วก็อยากกลับไปเรียนอีกจัง”

                    ยุนโฮบ่นพึมพำกับตนเอง เขากดเปิดเพลงฟังพร้อมกับฮัมตามเพลงโปรดของตัวเองไปอย่างสบายใจ ก่อนที่จะสตาร์ทรถและขับเคลื่อนออกไปตามทาง

     

                    ตอนนี้ยุนโฮอารมณ์ดี เขาขับรถพร้อมกับฮัมเพลงไปด้วยอย่างมีความสุข โยกหัวไปตามจังหวะเพลงพร้อมกับอมยิ้มไปด้วย และที่เขาอารมณ์ดีแบบนี้ได้ก็เพราะวันนี้เขาสามารถกำจัดคิมแจจุงไม่ให้มาทำตัวลับๆ ล่อๆ แอบมองเขาได้ยังไงล่ะ

     

                    แต่บางทีชองยุนโฮอาจคิดผิด หรือบางทีเขาไม่ควรจะคิดถึงหมอนั่นเลยจริงๆ เพราะเพียงแค่นึกถึง ร่างของคิมแจจุงที่วิ่งหน้าตื่นเหมือนกับหนีอะไรมาก็มาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเขาเสียแล้ว ยุนโฮชะลอรถเพื่อหยุดมองดูว่าแจจุงนั้นเป็นอะไร และดูเหมือนว่าแจจุงจะจำรถเขาได้ เพราะหมอนั่นดันพุ่งตรงเข้ามาเคาะกระจกรถพร้อมกับตะโกนเรียกเขาอย่างเสียงดัง แถมยังมิวายหันไปมองทางด้านหลังของตนเองอย่างหวาดๆ อีกต่างหาก

     

                    “ท่านประธานฮะ!! ช่วยผมด้วย เปิดประตูรถให้ผมหน่อย!

                    ยุนโฮไม่รู้หรอกว่าแจจุงนั้นดีใจมากแค่ไหนที่วิ่งออกมาแล้วเจอรถของยุนโฮขับออกมาพอดี ยุนโฮไม่รู้หรอกว่าตัวเองเป็นที่พึ่งเดียวของแจจุงในตอนนี้ ยุนโฮคงไม่มีทางรู้เรื่องพวกนี้แน่ๆ เพราะคนที่นั่งอยู่ในรถกลับทำสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ กลับมาทั้งสิ้น

     

                    ยุนโฮเลิกคิ้วขึ้นมองแจจุงที่ทุบกระจกรถของตัวเองเหมือนคนเสียสติ แถมยังมองไปทางด้านหลังของตัวเองตลอด ซึ่งเขาก็ได้มองตามไปแล้ว แต่กลับไม่เห็นอะไรเลยสักอย่าง พบแต่ความว่างเปล่า

     

                    “ท่านประธาน!! เปิดประตูหน่อยฮะ!!

     

                    ยุนโฮขมวดคิ้วพร้อมกับทำหน้ายุ่ง พร้อมกับตอบกลับคิมแจจุงกลับไปอย่างเย็นชาว่า

                    “ไม่”

     

                    แล้วรถยนต์คันหรูก็เคลื่อนตัวจากไปทิ้งให้แจจุงยืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง ไม่ซิตอนนี้ไม่ลำพังแล้วเพราะเสียงส้นรองเท้าที่ดังกระทบกับพื้นมันกลับมาให้เขาได้ยินอีกครั้งเสียแล้ว

     

                    แจจุงยืนตัวสั่น ทั้งหน้าทั้งตัวของเขาขาวซีด หัวใจเต้นแรง ตอนนี้เขาทั้งเสียใจและหวาดกลัวจนแทบจะร้องไห้ออกมาเสียแล้ว ทำไมยุนโฮถึงไม่มาช่วยเขาทำไม

     

                                กึก…… กึกกึก กึก!

     

                    ระ…… รอง….เท้า

     

                                กึก กึก กึก กึก!

                    ชะช่วย

     

                    เสียงรองเท้าส้นสูงนั้นใกบ้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ แจจุงได้แต่ยืนตัวสั่นขาก้าวไม่ออกอยู่กับที่

     

                    ยุนโฮที่ขับรถออกไปแล้วมองร่างของคิมแจจุงที่ยืนตัวสั่นยกมือปิดหูผ่านกระจกมองหลัง คนตัวเล็กที่ใส่ชุดพนักงานทำความสะอาดที่ยืนตัวสั่นเหมือนลูกนกตกน้ำนั่น ทำให้คนมองอย่างเขาเกิดความรู้สึกอะไรบางอย่าง

     

                    และไม่รู้ว่าเพราะอะไร ชองยุนโฮถึงได้ปรับเกียร์และขับรถถอยหลังกลับไปในที่ที่แจจุงยืนอยู่

     

                เอี๊ยด!!!!!!!

                    เสียงของยางรถยนต์ที่เกิดแรงเสียทานกับพื้นดังสั่นไปทั่วทั้งลานจอดรถ ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงเปิดปิดประตูและการปรากฏตัวของชองยุนโฮ

     

                    “นี่นายมายืนโวยวายทำอะไรอยู่ตรงนี้ห๊ะ? เป็นอะไรไปอีก?

                    ชองยุนโฮมองดูคนตัวเล็กที่หลับตาปี๋ ยกมือขึ้นปิดหูของตัวเองด้วยความหงุดหงิด เขากำลังจะอ้าปากต่อว่าแจจุงเพิ่มอยู่แล้วเชียวถ้าอยู่ๆ คนร่างบางนั่นจะไม่พุ่งตัวเข้ามากอดเขาเอาไว้เต็มแรงเสียก่อน

     

                หมับ!!!!!

                    แจจุงพุ่งตัวเข้าไปกอดชองยุนโฮแน่น เรียวแขนเล็กโอบไปที่รอบเอวของอีกฝ่าย ใบหน้าขาวๆ ซบลงไปที่แผ่นอกแข็งแกร่งนั่น

     

                    อบอุ่นปลอดภัย

                    นั่นคือความรู้สึกที่แจจุงได้รับจากการกอดคนคนนี้ พร้อมกับ

     

                พรึ่บ!!!!!!

                    วิญญาณของผีสาวตนนั้นได้หายไปแล้ว

     

                    “ขะ….. ขอบคุณ….. ขอบคุณฮะท่านประธาน”

                    แจจุงเอ่ยปากขอบคุณด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ขอบคุณจริงๆ ขอบคุณที่ยอมกลับมาช่วยกัน ขอบคุณจริงๆ ที่ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยได้แบบนี้ 

     

                    ยุนโฮทีตกใจทำอะไรไม่ถูกตอนโดนแจจุงสวมกอด เขาที่ตั้งใจว่าจะผลักคนตัวเล็กนั่นออกก็ต้องหยุดการกระทำนั้นเอาไว้เมื่อรับรู้ได้ถึงแรงสั่นจากตัวและน้ำเสียงของคนคนนี้

     

                หมอนี่ไปเจออะไรมา และทำไมถึงได้กลัวเสียขนาดนี้

                    นั่นคือสิ่งที่ยุนโฮสงสัย

     

                    แค่ได้สัมผัสตัวของยุนโฮ ความกลัวที่มรก่อนหน้านี้ก็มลายหายไปจนหมดสิ้น

                    คุณคือหลุมหลบภัยของผมจริงๆ ท่านประธาน

     

     

    TBC ^----------^*

     

     

    *******************************************************

     

    Talk : )

     

    สวัสดีค่ะ
    มาโผล่ดึกๆ เลย
    ว่าจะไม่อัพแท้ๆ แต่ก็กลัวคนอ่านจะขาดตอน
    แต่ตอนนี้รายงานตัวเองยังไม่เสร็จเลยนะคะ ฮื่ออออออ 
    เมื่อวานไปงานบายเนียร์มาด้วย
    อาทิตย์หน้าอาจจะไม่ได้มาอัพจริงๆ นะงานนี้ถ้ารายงานยังไม่เสร็จ ช่วยรอกันหน่อยนะคะ
    เพราะจะส่งสิ้นเดือนนี้แล้ว
    ขอเวลาไปปั่นรายงานต่อก่อนน๊า

    Twitter >>> http://twitter.com/@MMooKiiEE  
    E-mail >>> mookiie_jong@hotmail.com

    ขอบคุณทุกๆ คนที่กดเข้ามาอ่าน

    แล้วเจอกันในตอนหน้าค่ะ

    ^--------------------^*

     

    *******************************************************

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×