คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ,,, Part 7 ,,, เมื่อคิมแจจุงปราบผี
Title : Mystery Love
Type : Long fiction
Author : *..MooKiiE..*
Category : Comedy / Romance
Paring : Yunho x Jaejoong / YooChun x JunSu
Note : เรื่องนี้มุกได้แรงบันดาลใจมาจากซีรี่ส์เกาหลีเรื่อง The Master’s Sun นะคะ จึงทำให้เนื้อหาบางอย่างอาจคล้ายคลึงกันบ้าง
*******************************************************
อย่าลืมกดเป็นแฟนพันธุ์แท้ฟิคเรื่องนี้กันนะคะ ^^
Part 7
“ฉันให้เวลานายอีกสองวัน”
“ถ้านายยังกำจัดผีตัวนั้นไม่ได้… ฉันก็จะกำจัดนายเอง!”
นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่ชองยุนโฮพูดกับเขาหลังจากที่ภารกิจปราบผีเมื่อคืนต้องล้มเหลวไม่เป็นท่าเนื่องจากผีสาวตนนั้นหายตัวไปอย่างลึกลับ ขนาดชางมินเองก็ยังหาเธอไม่พบ วิญญาณผีตนอื่นๆ ที่เขาเข้าไปสอบถามต่างก็พากันส่ายหน้ายามที่เขาถามถึงเธอ
ให้ตายเหอะ! นี่เขาจะกลายเป็นฝ่ายที่โดนกำจัดออกไปจากที่นี่อย่างงั้นหรอ?
“ไม่ได้นะ! ฉันไม่ยอมไปง่ายๆ แบบนั้หรอก!!”
แจจุงตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง
เนื่องจากอยู่ในช่วงทำภารกิจปราบผีอยู่ ชองยุนโฮจึงใจดีอนุญาตให้เขาละเว้นจากการทำหน้าที่ทำความสะอาดไปก่อน อันที่จริงน่าจะเป็นการกำจัดเขาให้พ้นจากสายตาเสียมากกว่า นี่เขาไม่ได้ไปทำตัวเกะกะอะไรเลยนะ แค่แอบแว๊บไปดูชองยุนโฮที่ห้องทำงานบ้างเป็นครั้งคราว อาสาเอาน้ำไปเสิร์ฟให้ทุกๆ ครึ่งชั่วโมง เข้าไปเช็ดกวาดปัดถูในห้องอยู่บ่อยๆ ก็แค่นั้นเอง ไม่ได้ส่งเสียงหรือก่อกวนอะไรเลยนะจริงๆ
“พี่แจจุง!!”
เสียงของชิมชางมินที่มาพร้อมกับการปรากฏตัวอย่างกะทันหันทำเอาคิมแจจุงที่กำลังตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ
“ชางมิน! พี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง ถ้าพี่ตกใจจนช็อคตายไปจะทำไง”
แจจุงหันไปดุชางมินที่ทำหน้าตาทะเล้นไม่ได้รู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเองเลยสักนิด
“ก็คงเสียใจ”
ชางมินตอบกลับมาด้วยใบหน้านิ่งๆ
แจจุงเกือบจะเชื่อในคำพูดนั้นอยู่แล้วเชียว ถ้าไม่ได้ฟังประโยคต่อมาเสียก่อน
“คงจะไม่มีใครซื้อกาแฟให้ผมกินอีกแล้ว”
แจจุงฟังแล้วได้แต่ทำหน้าเพลีย
“สรุปฉันมีค่ากับนายแค่เรื่องกินซินะ”
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ เดี๋ยวค่อยเสียใจทีหลัง ที่ผมมาที่นี่เพราะผมมีข่าวดีมาบอกพี่แหละ รับรองเลยว่าถ้าพี่ได้ฟังแล้วพี่จะต้องรีบไปซื้อกาแฟมาให้ผมเป็นสิบๆ แก้ว”
“ให้มันเป็นข่าวดีจริงๆ ก่อนเหอะ มีอะไรก็รีบๆ พูดมาเลย คนยิ่งเครียดๆ อยู่”
ชางมินทำหน้าทะเล้น
“อย่าลืมพิซซ่าของผมล่ะ”
“แถมกาแฟอีกสองแก้วเลยเอ้า!! รีบๆ พูดมา”
ชางมินฉีกยิ้มด้วยความพึงพอใจ ก่อนที่จะเอ่ยปากพูดบางสิ่งบางอย่างออกมา
“ผมหาผีผู้หญิงคนนั้นเจอแล้วล่ะ”
แจจุงฟังแล้วก็ถึงกับทำตาโตด้วยความตื่นเต้น
“และผมก็รู้แล้วด้วยว่าเธอต้องการให้พี่ช่วยเธอเรื่องอะไร”
แจจุงมองชางมินด้วยสายตาซาบซึ้งและดีใจแบบสุดๆ
‘ดีมากชิมชางมิน งานนี้ถือว่านายทำได้ดีมาก’
“แล้วพี่จะเพิ่มไก่ทอดให้นายนะ”
.
.
.
.
.
“นี่ครับ… สิ่งที่นายน้อยต้องการ”
เลขาคิมวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะของชองยุนโฮ หลังจากที่ได้รับคำสั่งให้ช่วยสืบเรื่องอะไรบางอย่างให้เมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว
ยุนโฮรับแฟ้มนั้นมาเปิดดู เขากวาดสายตาอ่านเอกสารต่างๆ ที่อยู่ภายในนั้นอย่างเงียบๆ ฝ่ามือหนาผลิกแผ่นกระดาษไปทีละหน้าอย่างช้าๆ เรียวคิ้วเข้มค่อยๆ ขมวดเป็นปมขนาดเล็กยามที่สายตาคมไล่กวาดสายตาผ่านตัวอักษรไปทีละตัวในแต่ละบรรทัด
“ขอบคุณมากนะครับเลขาคิมสำหรับข้อมูลพวกนี้”
คนสูงอายุกว่าฉีกยิ้มบาง
“ไม่เป็นไรครับ มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วที่ต้องคอยช่วยเหลือเรื่องการทำงานของนายน้อย”
ยุนโฮขมวดคิ้วก่อนที่จะบ่นพึมพำออกมาเบาๆ
“นายน้อยอีกละ!”
เลขาคิมหัวเราะออกมาเบาๆ
“ว่าแต่คุณจะเอาข้อมูลพวกนี้ไปทำไมกันครับ? ผู้หญิงคนนั้นเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรอครับ?”
ยุนโฮถอนหายใจออกมา เขาเอนหลังพิงพนักพิงอย่างเหนื่อยล้ากับปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้ ยิ่งนานวันเรื่องผีในห้างคิงดอมก็เป็นยิ่งกลายเป็นเรื่องใหญ่โตที่ประชาชนภายนอกให้ความสนใจ แต่เพราะเรื่องนี้นั่นเองที่ทำให้ลูกค้าของเขาน้อยลง เปิดโอกาสให้คู่แข่งได้แย่งส่วนแบ่งทางการตลาดไปอย่างง่ายดาย
ไม่มีอะไรพิสูน์ได้ว่าผีผู้หญิงที่อยู่ในรูปนั้นเป็นเรื่องจริงไร้การตัดต่อหรือไม่ ไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าห้างของเขามีผีจริงๆ และก็ไม่มีอะไรที่จะยืนยันได้อีกนั่นแหละว่าคิมแจจุงจะสามารถจัดการปัญหานี้ได้
เพียงแค่นึกถึงใบหน้าเหวอๆ มึนๆ ของอีกฝ่ายชองยุนโฮก็แทบจะอยากหัวเราะออกมาอยู่แล้ว
“คนเบ๊อะๆ แบบนั้นจะไปทำอะไรได้”
“ครับ? เมื่อกี้นายน้อยพูดอะไรนะครับ?”
“ไม่มีอะไรครับ”
ยุนโฮรีบเอ่ยปากปฏิเสธก่อนที่จะทำทีเป็นก้มหน้าลงดูแฟ้มที่อยู่ในมืออีกครั้ง
“ผู้หญิงคนนี้… คุณคิดว่าเธอเป็นผีที่อยู่ในรูปนั้นรึป่าวครับ?”
เลขาคิมตัดสินใจถามในสิ่งที่ตนเองสังสัยออกไป
ยุนโฮนิ่งไปสักพักหนึ่ง ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาและเอ่ยปากตอบกลับไป
“ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะผมก็ยังไม่เคยเห็นผีผู้หญิงคนนั้นเองกับตา”
บังเอิญเขาไม่ใช่คนเห็นผีซะด้วยซิ และบุคคลที่อ้างว่าตัวเองเห็นผีก็ไม่ได้บอกอะไรกับเขาเลยว่าผีตนนั้นเป็นใคร คาดว่าหมอนั่นเองก็คงจะไม่รู้เหมือนกัน ไม่รู้ว่าเห็นผีจริงรึป่าว บอกจะมาปราบผีให้ ปราบยังไงเห็นเดินหาผีทั่วห้างเกือบทั้งคืนก็ยังหาไม่เจอ! น่าจะไล่ออกตั้งแต่เมื่อคืนให้รู้แล้วรู้รอด!
แล้วนี่นายเบ๊อะนั่นไปปราบผีถึงไหนแล้วล่ะวันนี้เขายังไม่เห็นหน้าเลย หรือถอดใจลาออกไปแล้ว หึ! ก็ดีเขาจะได้ไม่ต้องเหนื่อยไล่
“วันนี้หมอนั่นไปไหนซะล่ะครับ”
ยุนโฮถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ในขณะที่ยังคงให้ความสนใจอยู่ที่เอกสารภายในมือ
“หมอนั่น? ใครครับ?”
เลขาคิมถามกลับไป แม้ภายในในจะมีใครอยู่เอาไว้ในในแล้วก็ตาม
“คิมแจจุง”
เลขาคิมอมยิ้มหลังจากที่ได้ฟังคำตอบจากนายน้อยตระกูลชองก่อนที่จะรีบตอบคำถามของยุนโฮกลับไป
“เมื่อชั่วโมงที่แล้วตอนที่นายน้อยประชุมอยู่ เขามาขออนุญาตผมไปไหนสักที่ เห็นบอกอยู่แถวๆ ชองดัมดง”
“ชองดัมดง?”
ยุนโฮเลิกคิ้วขึ้น เขาพลิกหน้ากระดาษกลับไปที่หน้าแรก ดวงตาคมกวาดสายตามองหาที่อยู่ของผู้หญิงคนนี้อย่างรวดเร็ว
“ชองดัมดง……. หรือว่า….”
ยุนโฮลุกออกจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว เขารีบเดินออกปากห้องทำงานพร้อมกับหยิบแฟ้มเอกสารนั้นติดมือไปด้วย เลขาคิมยืนมองด้วยความมึนงงก่อนที่จะรีบเดินตามยุนโฮออกไป
“นายน้อยจะไปไหนครับ?”
“ชองดัมดง”
“เอ่อ”
เลขาคิมอ้าปากเตรียมจะพูด แต่ก็โดนยุนโฮพูดสวนกลับมาเสียก่อน
“ผมจะไปคนเดียว ไม่ต้องตามมานะครับ”
เมื่อพูดจบแล้วชองยุนโฮก็เดินเข้าลิฟต์พร้อมกับกดปุ่มปิดประตูไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เลขาคิมได้แต่ยืนทำหน้างงอยู่ที่หน้าลิฟต์คนเดียว แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น เขาก็พอจะรู้อยู่บ้างว่านายน้อยจะไปหาใคร
“อ่า… คงจะไปช่วยกันปราบผีซินะ”
.
.
.
.
.
เงียบ… มันเงียบเกินไป… มันเงียบเกินกว่าที่ควรจะเป็น
จุนซูกวาดสายมองดูบรรยากาศหน้าฟร้อนอย่างพิจารณา เขาเองก็ยังงงๆ มึนๆ อยู่เหมือนกันที่ตัวเองไม่ถูกไล่ออกหรือโดนต่อว่าอย่างที่ควรจะเป็น ก็แหม… วีรกรรมที่เขาไปก่อเอาไว้เมื่อวานมันน้อยเสียที่ไหน ต่อยหน้าเจ้าของโรงแรมพร้อมกับตะโกนด่าอย่างไม่ไว้หน้าแบบนั้น
‘อ่า… ไม่คิดว่าตัวเองจะยังมีชีวิตรอดอยู่ที่นี่ได้อีกนะเนี่ย’
“หรือหมอนั่นจะลงมาด่าเราที่แผนกเอง”
จุนซูพึมพำออกมาเบาๆ เขาขมวดคิ้วจนหน้ายุ่ง
จินฮีที่ยืนอยู่ไม่ไกลเห็นสีหน้าที่ดูวิตกกังวลของจุนซูก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้จึงต้องเดินเข้ามาถามไถ่
“ทำหน้ายุ่งเชียว เป็นอะไรรึป่าวจุนซู?”
จุนซูสะดุ้งเพราะมัวแต่คิดอะไรอยู่คนเดียวก่อนที่เขาจะหันมายิ้มแหยๆ ให้กับพี่สาวคนสวย
“ไม่มีอะไรฮะ แค่กำลังคิดเรื่องรายงานนิดหน่อย”
“ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องไปทำงานที่ร้านอาหารก็ได้นะ เดี๋ยวพี่บอกเขาให้”
จีนฮีพูดด้วยความเป็นห่วง
จุนซูส่ายหน้าพร้อมกับฉีกยิ้มบาง
“ไม่เป็นไรฮะ ถ้าไม่ทำแล้วผมจะเอาเงินที่ไหนจ่ายค่าเทอมล่ะ”
“เห๊อ… ตามใจเราก็แล้วกัน แต่ถ้ามีอะไรก็มาปรึกษาพี่ได้นะ”
“ครับ”
จุนซูพยักหน้ารับ เขาหันหน้าพร้อมกับกวาดสายตามองดูรอบๆ กาย เมื่อเห็นว่าทางสะดวกคิมจุนซูก็ตัดสินใจถามในสิ่งที่ตนเองสงสัยออกไป
“พี่จินฮีฮะ คือว่า… วันนี้…… คุณยูชอนเขาไม่ลงมาที่แผนกหรอฮะ?”
หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย
“ไม่รู้ซิ คุณยูชอนไม่ได้บอกอะไรไว้ ถามทำไมจ๊ะ? เอ… อย่าบอกนะว่าจุนซูก็หลงเสน่ห์คุณยูอนเข้าเหมือนกัน”
ฟังคำพูดนั้นแล้วคิมจุนซูแทบเบ้ปากออกมาอย่างทันที เขารีบส่ายหัวพึบพั่บพร้อมกับเอ่ยปากปฏิเสธ
“ไม่ใช่ฮะ!”
“คนแบบหมอนั่นใครจะไปหลงลงวะ แหวะ!”
ก่อนจะแอบพึมพำกับตัวเองเบาๆ
จีนฮีหัวเราะออกมา
“มีเรื่องอะไรจะคุยกับคุณยูชอนรึป่าวจ๊ะ บอกพี่ได้นะ เดี๋ยวพี่ไปบอกเขาให้”
“เรื่องคุยคงไม่มี แต่เรื่องด่านี่มีเพียบเลย”
“เอ๊ะ?”
จีนฮีทำหน้างง
จุนซูฉีกยิ้ม
“ไม่มีอะไรแล้วล่ะครับ พี่จินฮีไปทำงานต่อเถอะฮะ”
จีนฮีถึงจะยังงงๆ อยู่แต่เธอก็พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะเดินกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ จุนซูถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ ส่วนภายในหัวก็คิดนู่นคิดนี่เต็มไปหมด
สรุปปาร์คยูชอนจะเอายังไงกับเขา อันที่จริงเมื่อคืนนี้เขานอนคิดเรื่องหาที่ฝึกงานใหม่พร้อมกับหาข้อมูลเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วเพราะคิดว่ายังไงเรื่องนี้ปาร์คยูชอนก็คงจะไม่ปล่อยให้จบง่ายๆ แน่ ก็เขาเล่นจัดเต็มใส่หมอนั่นซะขนาดนั้น วันนี้เขาเตรียมตัวจะเข้ามาลาพวกพี่ๆ ที่แผนกพร้อมกับไปลาออกที่ห้องอาหารเสียด้วยซ้ำ แต่พอมาถึงที่ฟร้อนก็ต้องแปลกใจเพราะมันไม่ได้มีเรื่องเหมือนที่เขาคิดเอาไว้เลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนทุกคนจะไม่รู้ว่าเมื่อวานนี้เขาไปก่อวีรกรรมอะไรไว้ เป็นไปได้มั้ยว่าเรื่องเหล่านั้นยังไม่ถูกส่งลงมา แต่การมีเรื่องกับผู้บริหารไม่น่าจะปล่อยให้เงียบได้หนิ เพียงแค่ยูชอนเอ่ยปากบอกกับผู้จัดการ แค่โทรมาแป๊บเดียว… คิมจุนซูก็ต้องระเห็ดออกจากโรงแรมนี้ไปแล้ว ไม่มีโอกาสได้มายืนเสนอหน้าแบบนี้หรอก
“หรือว่าหมอนั่นจะไม่เอาเรื่องเราวะ”
แต่ไม่น่าใช่… เมื่อวานก็แอบขู่เขาอยู่เหมือนกัน
“ช่างเหอะ! ไม่คิดละเว้ย!”
‘จะลงมาด่าก็มา จะไล่ฉันก็พร้อมไป! ไม่กลัวมันหรอก ไอ้ไก่ลามก!!’
หลังจากนั้นจุนซูก็กลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ เขาต้อนรับแขกทุกคนตามที่พี่ๆ สอน ยิ้มแย้มแจ่มใสพูดคุยทักทายกับแขกได้เป็นอย่างดีแม้จะมีเรื่องให้อารมณ์เสียอยู่ในใจ แต่เขาก็สามารถแยกมันออกจากกันได้อย่างน่าเหลือเชื่อ จนเวลาผ่านไปสักพัก อยู่ๆ พี่จินฮีที่ขอตัวไปรับโทรศัพท์จากทางผู้บริหารก็เดินเข้ามาบอกกับเขาว่า…
“จุนซูจ๊ะ… คุณยูชอนโทรมาบอกเมื่อกี้ว่าหลังพักกลางวันเสร็จให้ขึ้นไปพบที่ห้องด่วน”
นั่นไง… สาส์นท้ารบได้ถูกส่งมาแล้ว
และมีหรอที่คิมจุนซูจะหนี ไม่มีทางซะละ เอาเป็นว่าเขาขอรับคำท้าในศึกครั้งนี้ก็แล้วกัน
มาซิ! ถ้าลามกมาเดี๋ยวคิมจุนซูจะจับถอนขนให้เลย!!!
.
.
.
.
.
“บ้านหลังนี้หรอ? แน่จะนะว่านายพาฉันมาถูกน่ะ”
ดวงตากลมกวาดสายตามองดูบ้างหลังใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยความไม่แน่ใจ ก่อนที่จะหันหน้าไปถามเจ้าผีตัวแสบที่เป็นคนพาเขามาที่นี่
“ไม่รู้ดิ ทำไมไม่ถามเจ้าของบ้านเขาเองล่ะ”
ชางมินตอบกลับมาหน้าตาย
แจจุงเบ้ปาก
“แล้วเธออยู่ให้ฉันถามมั้ยล่ะ!”
ชางมินหัวเราะ ดวงตาคมมองทะลุไปทางด้านหลังของแจจุงก็ที่จะพยักเพยิดหน้าไปทางนั้น แล้วอยู่ๆ แจจุงก็เกิดความรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมา ขนอ่อนๆ ของเขาตั้งลุกชันอย่างกะทันหันอย่างพร้อมเพรียงกัน เอาล่ะ… เซ้นส์สัมผัสที่หกของเขาเลยทำงานอีกแล้ว
“ขะ… ข้าง….. หลังฉัน?”
ชางมินไม่ตอบ เขาฉีกยิ้มพร้อมกับพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ
ปึก!!!
สัมผัสเย็นวาบที่วางแหมะลงมาบนไหล่ของเขาทำเอาแจจุงสะดุ้งอย่างสุดตัว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสัมผัสนี้เป็นของใคร ก็ในเมื่อหางตาของเขามันเห็นอยู่แว๊บๆ ว่ามีมือขาวๆ มาวางอยู่ที่ไหล่เขา
“ซะ…. ซอนมี? ซอนมีหรอ?”
ใช่แล้ว… ชื่อของผีตนนั้นก็คือซอนมี เด็กสาววัยใส หน้าตาดี ฐานะทางบ้านก็ดี เธอกำลังจะสอบเข้ามหา’ลัยอยู่ไม่กี่เดือนข้างหน้า อนาคตของเธอกำลังจะสดใสสวยงามตามฉบับวัยรุ่นทั่วๆ ไป แต่แล้ว… ความตายก็มาพรากเอาเธอออกจากสิ่งสวยงามพวกนั้นไปเสียก่อน
และเพราะมีปัญหาบางอย่างที่ทำให้เธอไม่สามารถไปจากโลกนี้ได้อย่างสงบใจ เขา… ผู้ที่สามารถมองเห็นเธอ และบังเอิญอยากช่วยชองยุนโฮปลาบผี จึงต้องมารับหน้าที่ในการช่วยเหลือเธอในครั้งนี้ไป
แต่ก็อยากจะขอร้องสักนิด ถ้าจะมาขอให้ช่วย ก็ช่วยมาแบบดีๆ จะได้มั้ย? มาแบบเลือดอาบ ตัวซีด ผมปิดไปครึ่งหน้าแบบนี้… ถ้าเขาเห็นแล้วช็อคตายไปก่อนใครจะช่วยพวกคุณกันห๊ะ!? แต่ก็นั่นแหละ ได้แต่คิด แต่ไม่กล้าพูดออกไปหรอก แค่สบตาพวกเขา คิมแจจุงก็กลัวจนตัวสั่นแล้วเหอะ!
แจจุงต้องรวบรวมสติและความกล้าอยู่ตั้งนานกว่าที่จะทำใจหันหลังกลับไปมองเธอได้ และแค่เขาหันไป… แค่นิดเดียว ย้ำ! ว่าแค่นิดเดียว… ใบหน้าขาวๆ ของเธอก็มาจ่อประชิดอยู่ตรงหน้าของเขาเสียแล้ว
‘ทำอะไรไม่เกรงใจคนเห็นผีที่กลัวผีแบบเขาบ้างเลย ให้ตายซิ!’
“ละ…. หลังนี้… ถะ…… ถูกแล้วใช่มั้ย?”
แจจุงกลืนน้ำลยลงคืออึกใหญ่หลังพูดจบ
‘กด…… กริ่ง……’
เสียงของเธอช่างเย็นชวนเสียวสันหลังซะเหลือเกิน มาพูดข้างๆ หูแบบนี้ใครเขาจะไปกล้าขยับตัวกันล่ะ แค่หายใจยังผวาเลย ณ จุดนี้ ไม่เกิดเป็นคิมแจจุงไม่รู้หรอกว่ามันน่ากลัวขนาดไหน
ชางมินที่ยืนกอดอกมองดูอยู่ข้างๆ หัวเราะพร้อมกับยิ้มขำ ก็ผีเหมือนกัน จะไปกลัวพวกเดียวกันทำไมล่ะ จริงมั้ย?
“เขาบอกให้พี่กดกริ่ง”
“ระ… รู้แล้ว!!”
“ซะ…… ซอนมี คือ…… ไม่ต้องมายืนใกล้ผมขนาดนี้ก็ได้นะ คือ…..”
‘กด………กริ่ง’
“รู้….รู้แล้ว!”
ทำไมต้องขู่กันด้วยเล่า!
แจจุงสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนที่จะค่อยๆ เอื้อมมือออกไปกดกริ่งที่กำแพงข้างประตู เขากดย้ำลงไปประมาณสองครั้ง ก่อนที่จะถอยหลังออกมายืนรออยู่ข้างๆ ชางมิน ซอนมีเองก็ยืนอยู่ข้างๆ เขาเช่นกัน เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าชุดสีขาวที่เธอสวมใส่มีคราบเลือดที่เปื้อนเปรอะอยู่ทางด้านหลัง จริงๆ บางอารมณ์ใบหน้าขาวๆ ของเธอก็มีคราบเลือดเปื้อนด้วยเหมือนกัน
‘เลือดพวกนี้คงจะได้มาจากอุบัติเหตุที่เป็นต้นเหตุการตายของเธอซินะ’
แจจุงแอบลอบมองวิญญาณเด็กสาวด้วยแววตาสงสาร เขาเองก็มีน้องที่กำลังเรียนอยู่ ถ้าเกิดจุนซูเป็นอะไรไป เขาก็คงจะเสียใจมาก ขนาดเขาที่ไม่ใช่พ่อแม่ยังเจ็บปวด แล้วนับประสาอะไรกับบิดามารดาที่ให้กำเนิดเธอมา พวกเขาก็คงจะเจ็บปวดและโศกเศร้ากับการจากไปของซอนมีมากแน่ๆ ก็เพราะแบบนี้ไง เขาถึงอยากช่วยเธอ แม้เขาอาจจะไม่สามารถทำให้ความเจ็บปวดของพวกเขาหายไปได้ทั้งหมด แต่แค่ลดน้อยลง แม้จะน้อยนิด แต่มันก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี
และในตอนที่เขากำลังยืนคิดอะไรเพลินๆ อยู่นั่นเอง ประตูบ้านบานเล็กก็ถูกเปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง ใบหน้าของเธอยังอ่อนเยาว์อยู่ตามฉบับของผู้ดีมีเงิน แต่ใบหน้านั้นกลับเต็มไปด้วยความเศร้าประดับเอาไว้
“คุณเป็นใคร?”
คุณป้าคนนั้นเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับจ้องมองใบหน้าของแจจุงด้วยความสงสัย
แจจุงทำหน้าเหรอหรา เขารีบหันหน้ากลับไปมองซอนมีที่ยืนอยู่ข้างๆ ทันที
‘แม่………’
สิ่งที่หลุดออกมาจากปากของซอนมีก็ทำให้เขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้คือแม่ของซอนมีนั่นเอง และเธอก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เขามาที่นี่เสียด้วย
“เอ่อ… คือ……. ผมชื่อคิมแจจุงฮะ”
“ฉันจำได้ว่าฉันไม่รู้จักเธอนะ”
แจจุงอึ้งไปสักพัก เขาหันไปมองซอนมีที่เอาแต่ยืนร้องไห้และจ้องมองแม่ของเธอก่อนที่จะรวบรวมความกล้าและตัดสินใจพูดเข้าประเด็นที่ทำให้เขามายืนอยู่ที่นี่ในวันนี้อย่างทันที
เขาต้องช่วยซอนมี…
เพราะถ้าเขาช่วยซอนมีให้ไปสู้สุขคติได้ เขาก็จะได้อยู่ใกล้ชองยุนโฮต่อไป
ของเดิมพันในครั้งนี้ช่างสำคัญนัก
ท่านประธาน…
หลุมหลบภัยของเขา
“ผมมาที่นี่เพราะซอนมีขอร้องให้ผมมาครับ”
ชื่อของซอนมีทำให้คุณป้าคนนั้นยืนนิ่งพร้อมกับมีสีหน้าตกใจไปได้สักพักหนึ่ง ก่อนที่ใบหน้าเรียบเฉยของเธอจะเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราด แม้แต่แจจุงเองก็ยังตกใจเลย
“ออกไปจากหน้าบ้านฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ! กล้าดียังไงเอาเรื่องลูกฉันมาล้อเล่นแบบนี้!! เธอรู้มั้ยว่าซอนมีตายไปแล้ว!? คนที่ตายไปแล้วจะไปบอกให้เธอมาที่นี่ได้ยังไง!! ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้!!”
แม่ของซอนมีทั้งตะโกนด่าทั้งผลักไสแจจุงอย่างเอาเป็นเอาตาย
แจจุงตกใจทำอะไรไม่ถูก ซอนมีเองก็เอาแต่ตะโกนเรียกคุณแม่ๆ พร้อมกับร้องไห้อย่างหนัก ส่วนชางมินก็… หายไปแล้ว เออดี… ถือว่าทำดี
“เดี๋ยวซิครับคุณป้า ก็เพราะผมรู้ว่าเธอตายไปแล้วยังไงล่ะครับ ผมถึงต้องมาที่นี่!”
“เธอจะมาหลอกอะไรฉัน! หัวอกคนเป็นแม่ที่เพิ่งจะสูญเสียลูกสาวไปมันยังเจ็บปวดไม่พออีกหรือไง เธอยังจะมาหลอกอะไรฉันอีกห๊ะ!!”
เธอตะโกนออกมาพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา
“ซอนมีเธอให้ผมมาบอกคุณ…….”
“ออกไป!!”
“เธออยากขอโทษและขอให้คุณเลิกโทษตัวเองได้แล้วว่าสาเหตุที่ทำให้เธอตายมันเป็นเพราะคุณ คุณได้ยินมั้ยว่าเธออยากจะขอโทษ!!”
แจจุงเองก็ไม่ยอมแ เขาตะโกนพูดออกมาอย่างสุดเสียงเช่นกัน และดูเหมือนว่ามันจะได้ผล เพราะคุณแม่ของซอนมีเริ่มนิ่งลงไปบ้างแล้ว ดวงตาที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาของเธอมองมาที่เขาอย่างอึ้งๆ แจจุงจึงใช้จังหวะนี้ในการส่งต่อคำพูดที่ซอนมีต้องการส่งถึงแม่ของเธออย่างทันที
“ในวันนั้นที่พวกคุณทะเลาะกัน ในวันที่ซอนมีมาบอกคุณว่าเธอไม่อยากเรียนหมอ พวกคุณทะเลาะกันแรงมากจนซอนมีวิ่งหนีออกจากบ้านไป เธอโกรธคุณจริง แต่เธอไม่ได้คิดฆ่าตัวตาย ที่เธอโดนรถชนในวันนั้น มันเป็นอุบัติเหตุ รถคันนั้นทำผิดกฎจราจร ขับด้วยความเร็วแล้วพุ่งเข้ามาชนเธอเอง คุณไม่ได้เป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอตายเลยนะครับ”
หญิงวัยกลางคนมองแจจุงด้วยดวงตาสั่นระริกก่อนที่น้ำตาของเธอจะไหลออกมาเป็นสาย เธอทรุดนั่งลงกับพื้นจนแจจุงต้องรีบเข้าไปช่วยพยุง ซอนมีเองที่ถึงแม้จะเป็นวิญญาณเธอก็รีบเข้าไปโอบกอดแม่ของเธออย่างทันที แม้ว่าท่านจะไม่รู้สึกถึงสัมผัสนี้ที่เธอมอบให้ แต่เธอก็อยากจะทำ…
“เธอ…… ซอนมี……. ให้เธอมาบอกกับฉันจริงๆ น่ะหรอ?”
“ครับ”
“เธอเห็นซอนมีใช่มั้ย? เธอติดต่อกับลูกสาวฉันได้ใช่รึป่าว? บอกเขาที บอกให้เขากลับมาหาฉันที”
“เธอ… ตอนนี้ซอนมีกำลังนั่งกอดคุณอยู่”
เพียงแค่นั้นเธอก็ปล่อยเสียงโหออกมาอีกรอบ
“ซอนมีลูกแม่! ฮือ!!! แม่ขอโทษ แม่ขอโทษ”
‘คุณแม่………’
ใบหน้าขาวซีดของเธอหันกลับมาจ้องแจจุง
‘บอกเขาที ช่วยบอกคุณแม่ของฉันที……’
“ซอนมีไม่อยากให้คุณโทษตัวเอง ถ้าคุณมัวแต่โทษตัวเองแบบนี้เธอก็จะไปสู่สุขคติไม่ได้นะครับ”
“แต่ถ้าไม่เป็นเพราะฉัน ถ้าฉันไม่ขัดใจเธอ ลูกของฉันก็คงจะไม่ออกไปข้างนอก และเธอก็คงจะไม่ถูกรถชนแบบนี้!”
“คุณไม่อยากให้เธอหมดห่วงหรอครับ? เลิกโทษตัวเองแบบนี้เถอะ เพราะยิ่งคุณทำแบบนี้ เธอก็จะไปจากที่นี่ไม่ได้”
“เธอจะมาเข้าใจอะไรฉัน!”
“เข้าใจซิครับ ผมรู้ว่าคุณป้าเจ็บปวดแค่ไหน ซอนมีเองก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน เธอแค่อยากให้แม่ของเธอเลิกโทษตัวเอง ถ้าคุณคิดว่าตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกต้องตาย ตอนนี้ลูกของคุณก็กำลังคิดว่าตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อกับแม่ของเธอต้องร้องไห้เหมือนกัน มันบาปนะครับ คุณกำลังทำให้เธอบาปมากขึ้น…”
“……………………”
“เลิกโทษตัวเองเถอะครับ นั่นคือสิ่งที่ซอนมีต้องการและอยากจะขอร้องให้คุณทำ… เพื่อเธอ”
“ซอนมี…….. ลูกฉัน…. ต้องการแบบนั้นจริงๆ น่ะหรอ?”
“……………………”
“ถ้าแม่ทำตามที่ลูกขอ… ลูกจะไปสู่สุขคติได้ใช่มั้ยลูก…”
ซอนมีโอบกอดคุณแม่ของเธอเอาไว้
‘คุณแม่คะ…… หนูขอโทษ เลิกร้องไห้เถอะนะ ทำเพื่อหนูนะคะ’
“ได้…. แม่จะทำ……. แม่จะพยายาม……… แม่จะทำเพื่อลูกของแม่”
“ซอนมี ลูกรู้ใช่มั้ยว่าพ่อกับแม่รักลูกมากแค่ไหน ลูกรับรู้ใช่มั้ย?”
‘รู้…… หนูรู้ค่ะ’
แจจุงฉีกยิ้ม เขาเองก็ห้ามตัวเองไม่ให้ร้องไห้กับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้ไม่ได้
“เธอรู้ครับ… ซอนมีรู้ว่าพวกคุณรักเธอมาก”
“แม่จะไม่โทษตัวเองแล้ว….. ชาติหน้า… กลับมาเป็นลูกที่น่ารักของแม่อีกนะซอนมี หนูต้องกลับมานะ”
แม่ว่าเธอจะไม่สามารถมองเห็นลุกของเธอได้ แต่สัมผัส… สายใยของความเป็นแม่ บุคคลที่ให้กำเนิดซอนมีเองก็สามารถสัมผัสได้ถึงสายใยบางๆ จากลูกของเธอ
ซอนมีโอบกอดคุณแม่ของเธอเอาไว้ เธอฉีกยิ้มกว้างออกมา ชุดสีขาวที่เธอสวมใส่ไม่ได้มีคราบเลือดเปรอะเปื้อนอีกต่อไปแล้ว เส้นผมของเธอกลับมายาวสวยไม่ปกปิดใบหน้าขาวซีดนั้นเอาไว้ ดวงตาของเธอไม่ได้ดูน่ากลัวเหมือนอย่างเคย
‘แล้วหนูจะกลับมา……’
ร่างของเธอค่อยๆ สลายหายไปในอากาศอย่างช้าๆ และก่อนที่เธอจะจากไป รอยยิ้มของซอนมีก็ได้ถูกส่งมาให้กับแจจุงที่กำลังฉีกยิ้มให้กับเธอเช่นกัน
‘ขอบคุณ……’
และนั่นก็เป็นประโยคสุดท้ายบนโลกใบนี้ของซอนมี
ดวงตากลมโตมองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีครามพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างออกมา… โชคดีนะซอนมี
.
.
.
ไม่ไกลจากหน้าบ้านของซอนมี มีร่างของใครบางคนที่ได้ยืนมองดูเหตุการณ์พวกนั้นอยู่ตั้งแต่ต้นจนจบ ดวงตาคมมองดูร่างบางของแจจุงที่กำลังช่วยพยุงร่างของคุณป้าคนนั้นเข้าไปในบ้านด้วยแววตาครุ่นคิด
ยุนโฮขมวดคิ้วพร้อมกับทำหน้ายุ่ง
“หมอนั่นเห็นผีได้จริงๆ หรอเนี่ย…”
“นี่คิมแจจุงช่วยปราบผีในห้างของฉันสำเร็จแล้วใช่มั้ย?”
ช่วยบอกเขาทีว่ามันไม่จริง
“ให้ตายเหอะ!!”
ชองยุนโฮสบถออกมาอย่างหัวเสีย และยังไม่ทันทีจะได้คิดอะไรต่อ คิมแจจุงที่หายเข้าไปในบ้านหลังใหญ่เมื่อสักครู่ก็โผล่ออกมา และดันตาดีมองเห็นเขาที่ยืนอยู่ตรงนี้อีกต่างหาก
นายคนสติไม่ดีก็ฉีกยิ้มกว้างขึ้นมาด้วยความดีใจพร้อมกับตะโกนเรียกชองยุนโฮอย่างสุดเสียง
“ท่านประธานฮะ!!!”
“ท่านประธาน! ผมปราบผีให้คุณเรียบร้อยแล้วนะครับ!”
ร่างบอบบางวิ่งดุ๊กๆ เข้ามาหาคนร่างสูงที่ยืนล้วงกระเป๋าทำหน้าตาไม่รับแขกอย่างอารมณ์ดี
ใบหน้าขาวใสช้อนสายตามองดูใบหน้าคมด้วยดวงตาเป็นประกาย ไหนๆ เขาก็ทำดีไปแล้ว งั้นขอรางวัลเป็นสิ่งตอบแทนหน่อยก็แล้วกันนะ
แจจุงไม่รอช้า แขนเล็กๆ คล้องไปที่เรียวแขนของคนร่างสูงกว่าอย่างทันที หัวกลมๆ ถูไถไปมาบนแขนของอีกฝ่าย ชองยุนโฮขมวดคิ้วพร้อมกับพยายามผลักหัวนั้นให้ถอยออกจากแขนของตัวเองแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะคิมแจจุงในตอนนี้กำลังตีมึนอย่างสุดความสามารถอยู่!
ถือว่าเป็นการปลอบขวัญเขาก็แล้วกันเนอะ
“ผมปราบผีให้คุณได้แล้ว… ทีนี้ผมผมก็อยู่กับคุณต่อได้แล้วใช่มั้ย?”
“……………………”
ชองยุนโฮขมวดคิ้วทำหน้ายุ่ง ส่วนแจจุงก็ยังคงฉีกยิ้กว้างอย่างมีความสุข โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่า…
‘ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันหาวิธีปราบนายใหม่ก็ได้’
เดี๋ยวฉันจะขนผีทั้งห้างมาให้นายปราบเลยคอยดูซิ!
TBC ^----------^*
*******************************************************
Talk : )
สวัสดีค่ะ
มุกมาแล้วววววววววววววว
มาซะค่ำเลย เพราะงานเยอะค่ะ รายงานจะต้องส่งแล้ว
ถ้ารายงานไม่เสร็จอาทิตย์หน้ามุกอาจจะไม่ได้มาอัพนะคะ ขอโทษล่วงหน้าก่อนเนอะ
ขอทอล์คสั้นๆ พอ
พาร์ทนี้ขาดยูชอนเนอะมาแต่ชื่อ 55555
ชอบชางมินเรื่องนี้ กวนดี แต่จริงๆ ก็แต่งให้กวนทุกเรื่องอ่ะ
เอาล่ะ ขอไปทำรายงานต่อก่อนนะคะ ><
ใครที่อยากพูดคุยกับมุก นี่ช่องทางค่ะ สอบถามเรื่องฟิค ทวงฟิค อยากได้ฟิคที่มุกเคยรวมเล่มเอาไว้ก็ทวิตเตอร์เลย
Twitter >>> http://twitter.com/@MMooKiiEE
E-mail >>> mookiie_jong@hotmail.com
ขอบคุณทุกๆ คนที่กดเข้ามาอ่านนะคะ
แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะทุกคน
^-------------------------------^*
*******************************************************
ความคิดเห็น