คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ,,, Part 6 ,,, ชองยุนโฮ...คนชอบอ่อย
Type : Long fiction
Author : *..MooKiiE..*
Category : Comedy / Romance
Paring : Yunho x Jaejoong / YooChun x JunSu
Note : เรื่องนี้แต่งขึ้นมาจากจินตนาการล้วนๆ ไม่ได้ต้องการให้บุคคลที่อยู่ในฟิคเรื่องนี้เสียหายแต่อย่างใด เนื้อหาก็จะเกี่ยวกับ Boy’s loveนะค่ะ ถ้าใครไม่ชอบก็กรุณากดปิดลงไปเลยนะค่ะ ขอบคุณค่ะ ^ ^
*******************************************************
ยิ้มกว้างๆ เมื่ออ่านจบ ><
Part 6
โรงอาหารคณะนิเทศศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นตอนไหนก็มักจะมีบรรยากาศที่แสนจะคึกคักได้อยู่ตลอดเวลา เหล่าบรรดานักศึกษาที่พากันมานั่งกินข้าวด้วยกันเป็นกลุ่มๆ บางกลุ่มก็มานั่งพูดคุยจับกลุ่มนินทาเพื่อรอเวลาเรียนอย่างสนุกสนาน
แจจุง ยูชอน และชางมินที่เพิ่งจะเรียนวิชาคาบเช้าเสร็จเดินขนาบข้างกันมา ก่อนที่พวกเขาจะเลือกทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะประจำของพวกเขาทั้งสามคน
“ชางมิน คณะแพทย์เขาไม่คบแกเป็นเพื่อนรึไงว่ะ ทำไมต้องระเห็ดมากินข้าวกับพวกฉันทุกวันเลย”
แจจงถามชางมินออกมาด้วยความสงสัย ก็ตั้งแต่เข้ามหา’ลัยมา เขาก็แทบจะไม่เคยเห็นชางมินไปกินข้าวกับคนอื่นเลย นอกจากเขากับยูชอน หรือว่าไอ้นี่มันปากจัดเกินไป จนคนอื่นๆ ไม่อยากจะคบด้วย
“เออ นั่นดิ”
ยูชอนพยักหน้าเข้าร่วมการสงสัยด้วยอีกคน
“ถามอะไรสิ้นคิดจริงๆ ถึงว่าล่ะทำไมถึงไม่มีใครสอยลงมาจากคานเสียที”
รักษาความแรงได้อย่างคงที่คงวาเสียจริงเชียว
“พอดีฉันเพิ่งโสดแค่ช่วงนี้ว่ะ สงสัยมันคงด่าแกแหละแจจุง”
ยูชอนกลัวว่าแจจุงจะไม่รู้ว่าคนที่ชางมินด่านั้นคือคิมแจจุงคนสวย ก็เลยใจดีช่วยขยายความให้ฟังอีกทีหนึ่ง
“รู้แล้ว! ฉันไม่ได้โง่นะ”
คนสวยหันไปถลึงตาใส่ยูชอนที่กำลังหัวเราะชอบใจอยู่
“ก็นึกว่าไม่มีคนคบ คนเขาอุตส่าห์เป็นห่วง ชิ๊!”
“ห่วงตัวเองเถอะครับ เดี๋ยวนี้ไม่เห็นมีหนุ่มๆ ที่ไหนมาขายขนมจีบเลยนะ แสดงว่าช่วงนี้เรทติ้งกำลังตกล่ะซิ”
“ใครบอก! ตอนนี้ฉันไม่สนคนอื่นแล้วต่างหาก”
แจจุงตอบออกมา
“ตอนนี้มันกำลังเทียวจีบชองยุนโฮอยู่ไง หน้าด้านไปอ่อยเขาทุกวัน แต่เขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเอามันเลยว่ะ”
ยูชอนหันไปจิกกัดแจจุงกับชางมินอย่างสนุกสนาน
“ใครบอก! ตอนนี้ฉันกับยุนโฮกำลังไปได้สวยเลยต่างหาก”
“โม้ป่าวว่ะ”
ชางมินพูด
“ชอบคิดเข้าข้างตัวเองตลอดอ่ะ”
ยูชอนช่วยเสริมต่อ
“คราวนี้ฉันไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองนะ จะบอกให้ว่าเมื่อวันที่ฉันเอาดอกไม้ไปให้เขาน่ะ ยุนโฮเขา.... เขา.....”
แจจุงพูดไปก็เขินไป บิดไปบิดมาอยู่หลายรอบแต่ก็ยังไม่ยอมพูดต่อเสียที จนชางมินเริ่มเกิดความหมั่นไส้ขึ้นมา
“ไม่อยากรู้ล่ะ ไปหาของกินกันดีกว่า ป่ะ! ไอ้ปาร์ค”
ชางมินแกล้งเอ่ยแทรกขึ้นมา ก่อนที่จะทำท่าจะลุกออกจากเก้าอี้ที่นั่ง
“เห้ยๆ พูดแล้วๆ ก็คือว่า... ยุนโฮเขา.... เขาหอมแก้มฉันด้วยอ่ะ!”
ว่าแล้วก็เขินจนม้วนอายไปอีกรอบ
“ก็แค่หอมล่ะว่ะ ทำเป็นเขินไปได้”
ชางมินพูดออกมาก่อนที่จะลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวจะไปซื้อข้าวกลางวันมากิน
“ชอบแกล้งทำตัวเป็นคนอ่อนต่อโลกว่ะ สตอเบอรี่เก่งนะเราน่ะ”
ยูชอนก็ลุกตามชางมินมาติดๆ
“เดี๋ยวฉันจะรีบควงยุนโฮมาดูดปากโชว์พวกนายสองคนเร็วๆ เลย คอยดูซิ!”
คนสวยทำหน้ายุ่ง ก่อนที่จะลุกขึ้นและเดินตามเพื่อคนตัวสูงทั้งสองคนไป
หลังจากที่ซื้อข้าวกลางวันกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งสามคนก็รีบเดินกลับมาที่โต๊ะเพื่อที่จะได้ลงมือกินข้าวกลางวันกันเสียที ในระหว่างที่กินก็พูดคุยกันไปด้วย แซวกันไปแซวกันมาเผลอแปบเดียวข้าวที่เคยมีอยู่เต็มจานก็หมดลงไปเสียแล้ว
“ยังไม่อิ่มเลยว่ะ”
ชางมินที่เพิ่งจะกวาดข้าวที่มีอยู่เต็มจานลงท้องไปเมื่อสักครู่นี้บ่นออกมา
“ไปหาอะไรกินกันต่อดีกว่า”
ยูชอนเสนอ
“พวกนายสองคนอิ่มไม่เป็นกันหรือไง ข้าวก็ออกจะเต็มถ้วย”
“ใครจะไปกินเหมือนแมวดมแบบแกล่ะ แล้วจะเอาอะไรเพิ่มป่าวเดี๋ยวจะได้ซื้อมาให้”
ยูชอนถามออกมาก่อนที่จะยกแก้วน้ำที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมาดื่ม
“อยากกินยุนโฮเป็นของหวานน่ะ หามาให้หน่อยซิ”
“ไม่ต้องให้พวกฉันสองคนหาหรอก นู่น! ยุนโฮของนายเดินมาให้นายกินถึงที่ล่ะ”
ชางมินเพยิดหน้าให้แจจุงหันไปมองดูทางด้านหลังของตนเองที่กำลังมีใครบางคนเดินตรงเข้ามายังโต๊ะที่พวกเขาทั้งสามคนนั่งอยู่
แจจุงค่อยๆ หันหน้ากลับไปมองทางด้านหลังของตนเอง ก่อนที่รอยยิ้มหวานจะค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าสวยเมื่อเห็นว่าเป็นยุนโฮจริงๆ ที่กำลังเดินมาทางพวกเขาทั้งสามคน
และถ้าเขาไม่ได้คิดเข้าข้างตนเองจนเกินไป ดูเหมือนว่ายุนโฮกำลังจะเดินเข้ามาหาเขาเลยนะ และแจจุงมั่นใจขึ้นมาได้อย่างทันที เมื่อคนร่างสูงที่กำลังเดินตรงเข้ามานั้นส่งยิ้มบางๆ มาให้เขา ก่อนที่จะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า
“อ่า... เป็นแจจุงจริงๆ ด้วย นึกว่าจะจำผิดซะแล้ว”
ยุนโฮพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่ใบหน้าคมจะหันไปมองคนร่างสูงอีกสองคนที่กำลังนั่งมองหน้าเขาอยู่ ยุนโฮก้มหัวให้คนทั้งสองเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทาย
แจจุงหันไปมองยูชอนกับชางมินก่อนที่จะหันหน้ากลับมาหายุนโฮ แล้วจึงเอ่ยปากแนะนำให้คนทั้งสามได้รู้จักกัน ถึงแม้ว่าชางมินกับยูชอนจะรู้จักชองยุนโฮเป็นอย่างดีแล้วก็ตาม
“ยุนโฮ คนนี้ชางมิน และอีกคนก็คือยูชอน เพื่อที่แจจุงชอบพูดถึงบ่อยๆ น่ะ”
“สวัสดีครับ ผมชองยุนโฮนะครับ”
ยุนโฮกล่าวทำกทายอย่างเป็นมิตร
ทั้งยูชอนและชางมินก็ไม่ลืมที่จะส่งยิ้มบางๆ ตอบกลับไปเช่นกัน ก่อนที่ยูชอนจะเป็นคนพูดขึ้นมาก่อน
“พวกเราทั้งสองคนรู้จักยุนโฮดีอยู่แล้วล่ะ”
ชางมินยิ้ม ก่อนที่จะช่วยขยายใจความในประโยคของยูชอนอีกที
“ไอ้แจจุงมันชอบเอาเรื่องของยุนโฮมาคร่ำครวญให้พวกเราฟังน่ะ”
ยุนโฮเดินมาทรุดตัวลงนั่งตรงที่ว่างข้างๆ กับแจจุง ก่อนที่จะหันไปมองหน้าคนสวยที่กำลังถลึงตาใส่เพื่อนรักอยู่ด้วยรอยยิ้มขำ
“พวกนายสองคนจะรีบไปหาอะไรกินก็รีบไปกันเร็วๆ เลย!”
“เออๆ พวกเราไปก็ได้ ไม่อยากนั่งดูนายจีบยุนโฮสักเท่าไหร่หรอก ป่ะ! ชางมิน”
ยูชอนพูดออกมาก่อนที่จะลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปจากโต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่
“ยุนโฮอยู่กับแจจุงสองต่อสองก็ต้องระวังตัวเอาไว้ด้วยนะ”
ชางมินพูดออกมาก่อนที่จะลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ที่ตนเองนั่ง
ยุนโฮเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย ก่อนที่จะเอ่ยปากถามออกไป
“ทำไมหรอ?”
“ช่วงนี้แจจุงมันกำลังเปล่าเปลี่ยวใจน่ะ ระวังโดนมันจับไปปล้ำทำสามีล่ะกัน”
ชางมินหันไปยักคิ้วใส่แจจุงทีหนึ่งก่อนที่จะเดินตามยูชอนไป
“รักกันจริงๆ”
แจจุงบ่นออกมาด้วยสีหน้ายุ่งๆ ริมฝีปากอวบอิ่มยู่เข้าหากัน
“เพื่อนแจจุงนี่ตลกกันจังเลยเนอะ”
ยุนโฮหันหน้ามาคุยกับแจจุง
“ตลกที่ไหนล่ะ แบบนี้เขาเรียกว่ากวนเบื้องล่างล่ะซิไม่ว่า แล้วนี่ยุนโฮมีอะไรหรือเปล่าถึงได้มาหาแจจุงแบบนี้?”
“พอดีว่าผมอยากจะชวนแจจุงไปเดินห้างเป็นเพื่อนหน่อยน่ะ พอดีว่าของใช้ขาดหลายอย่าง แต่ผมก็ยังไม่คุ้นทางกับห้างที่นี่สักเท่าไหร่ ก็กลัวว่าจะหาซื้อของที่ต้องการได้ไม่ครบ”
“หลังเลิกเรียนหรอ?”
“อื้ม... ไม่ทราบว่าคิมแจจุงคนสวยพอจะสละเวลามาเดินห้างเป็นเพื่อนผมได้มั้ยครับ?”
ยุนโฮถามออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน แถมมิวายส่งรอยยิ้มแสนอบอุ่นมาให้ด้วยอีกต่างหาก
“ยุนโฮอุตส่าห์ชวนทั้งที แถมยังเป็นโอกาสที่จะทำให้แจจุงได้ใกล้ชิดกับยุนโฮอีก แล้วแบบนี้แจจุงจะกล้าปฏิเสธได้ไงล่ะ”
คนสวยพูดออกมาด้วยรอยยิ้มหวาน โอกาสดีๆ แบบนี้ต้องรีบคว้าเอาไว้ ถ้าปล่อยให้หลุดมือไป คิมแจจุงก็โง่เลยล่ะซิ!
“ขอบคุณนะครับ เพราะผมก็ไม่ค่อยได้ซื้อของใช้เองเท่าไหร่ มีแจจุงไปช่วยเลือกจะได้หายห่วง งั้นวันนี้เจอกันที่หน้าตึกตอนสี่โมงครึ่งนะ”
ยุนโฮพูดก่อนที่คนร่างสูงจะลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่าเพื่อนของคนร่างบางกำลังเดินกลับมาที่โต๊ะ
“อื้อ!”
แจจุงหยักหน้ารับ
“งั้นผมไปล่ะ”
ยุนโฮที่กำลังจะหันหลังเดินจากไป หันหน้ากลับมาหาแจจุงอีกครั้งหนึ่งเหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้ แจจุงเลิกคิ้วมองคนร่างสูงด้วยความสงสัย
“มีอะไรหรอ”
ยุนโฮยิ้ม เขาโน้มหน้าลงไปหาคนร่างบางที่กำลังนั่งอยู่ ก่อนที่จะกระซิบคำพูดบางอย่างออกไปที่ข้างใบหูเล็ก
“วันนี้ถือว่าเป็นการฝึกนะครับ เผื่ออนาคตแจจุงจะได้ชินกับการทำหน้าที่เป็นคุณภรรยาที่แสนดีของผมไง”
เมื่อพูดจบคนร่างสูงก็ผละออกไปทันที เขาหันไปยิ้มบางๆ ให้ชางมินและยูชอนสักเล็กน้อยก่อนที่จะเดินจากไป ส่วนแจจุงน่ะหรอ ตอนนี้ก็กำลังนั่งเขินหน้าแดงกับประโยคเมื่อสักครู่นี้ของยุนโฮอยู่นี่ไง
บึ้ม!!!!
คำพูดของยุนโฮทำให้แจจุงเขินจนต้องระเบิดตัวเองอีกแล้ว!
“เอ้าๆ ยิ้มจนเหงือกแห้งแล้ว หุบๆ หน่อย แค่เขามานั่งคุยด้วยแปบเดียวจะดีใจอะไรนักหนาว่ะ”
ชางมินพูดออกมาก่อนที่จะวางกองขนมที่ตนเองไปเดินซื้อมาลงบนโต๊ะ
“นั่นดิ บางทีก่อนที่เขาจะเดินมาหาแกเขาอาจจะเดินไปนั่งคุยกับคนอื่นมาก่อนแล้วก็ได้”
ยูชอนช่วยเสริม ฝ่ามือหนาหยิบซองขนมขึ้นมาแกะก่อนที่จะหยิบมันเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ
แจจุงส่งยิ้มหวานไปให้กับเพื่อนทั้งสองคน ทำทีเป็นไม่สนใจคำพูดของคนทั้งคู่
“วันนี้ยุนโฮเขามาชวนให้ฉันไปช่วยเขาซื้อของใช้ล่ะ”
ชางมินเคี้ยวขนมตุ้ยๆ ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยสีหน้านิ่งๆ
“เดี๋ยวนี้รับจ๊อบเป็นคนใช้ด้วยหรอว่ะ เก๋ว่ะ!”
“ว่างๆ มาช่วยชั้นเลือกซื้อกางเกงในบ้างดิ เป้าขาดมาหลายตัวแล้วเนี่ย นี่วันนี้ฉันก็ใส่ตัวที่มีรอยหนูแทะตรงก้นมาด้วยนะ”
ยูชอนรับช่วงต่อจากชางมินอย่างว่องไว
ทันทีที่ได้ฟังคำพูดของยูชอน ทั้งชางมินและแจจุงต่างก็พากันมองหน้าเพื่อนแสนซกมกของตัวเองด้วยสายตาระเหี่ยใจ ถึงแม้คำพูดนั้นมันฟังดูเหมือนจะพูดเล่น แต่แจจุงรับรองได้เลยว่ามันเป็นความจริง เพราะความซกมก หรือจะเรียกว่าความอนาถนั้นมันมีอยู่ในตัวของปาร์คยูชอนแบบเต็มร้อย
‘อี๋ มันใส่เข้าไปได้ไงว่ะนั่น’
ทั้งชางมินและแจจุงต่างก็มีความคิดนี้อยู่ในหัวสมองด้วยกันทั้งคู่
“อนาถว่ะปาร์ค”
ชางมินพูด
“อี๋! มันใช่เรื่องที่จะมาพูดให้คนอื่นเขาฟังมั้ยเนี่ย”
แจจุงพูดต่อ
ส่วนคนที่โดนเพื่อนทำหน้าตาขยะแขยงใส่น่ะหรอ กลับไม่สะทกสะท้านต่อสายตาแสนระอาของเพื่อนๆ เลยแม้แต่น้อย ยูชอนหยิบขนมเข้าปากแล้วก็เคี้ยวตุ้ยๆ ก่อนที่จะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“ก็กูเป็นคนเปิดเผยอ่ะ”
แบบนี้เขาเรียกว่าหน้าด้านมากกว่านะ... ปาร์คยูชอน
แจจุงส่ายหัวออกมาด้วยความระอาก่อนที่เขาจะหันกลับไปถลึงตาใส่ชางมินต่อ
“ชางมิน! ขืนนายแซวฉันอีก ฉันจะไม่เลี้ยงพิซว่านายอีกเลย”
แจจุงทำเป็นไม่สนใจความโสโครกของยูชอน เขาหันไปขู่ชางมิน ซึ่งคำขู่นี้ก็ใช้ได้ผลเสียเหลือเกิน เพราะมันทำให้ชางมินปิดปากเงียบ ไม่ต่อล้อต่อเถียง นั่งเคี้ยวขนมต่ออย่างสงบปากสงบคำ
“ส่วนแก! ถ้าไม่รู้จักเก็บปากห้อยๆ เอาไว้จีบจุนซูต่อล่ะก็ ฉันจะไม่ไปขอเบอร์โทรของจุนซูมาให้แกเด็ดขาด!”
เนื่องจากยูชอนเคยวานให้แจจุงไปช่วยขอเบอร์โทรศัพท์ของจุนซูมาให้ แจจุงก็เลยเอาข้อต่อรองนี้มาใช้ขู่
“ไม่เห็นจะต้องง้อเลย เรื่องแค่นี้ปาร์คขอเองก็ได้”
แต่เพราะถ้าให้แจจงช่วยมันจะง่ายกว่า ดังนั้นยูชอนก็เลยเลือกที่จะปิดปากเงียบเช่นเดียวกับชางมิน
“ฉันว่าไอ้ชองยุนโฮเนี่ยก็ชอบอ่อยไอ้แจจุงเหมือนกันนะ ว่ามั้ยยูชอน?”
ชางมินที่เพิ่งจะกินขนมห่อแรกหมด เอ่อ... อันที่จริงจะเรียกว่ากินก็คงจะไม่เหมาะ เรียกว่ากวาดลงท้องเลยดีกว่า หันหน้ามาถามความเห็นกับยูชอนที่นั่งอยู่ข้างๆ
“นั่นดิ ฉันว่าหมอนี่ก็คงจะสนใจนายเหมือนกันนั่นแหละ แค่ไปซื้อของ ถ้าไม่รู้จักทางก็ถามยามในห้างเอาก็ได้ ไม่เห็นจะต้องชวนแกไปช่วยเลย”
ยูชอนพยักหน้าเห็นด้วย
แจจุงมองใบหน้าของชางมินที ยูชอนทีก่อนที่จะเอ่ยปากถามออกไป
“พวกนายก็คิดแบบนั้นหรอ?”
“ชัวร์ซะยิ่งกว่าชัวร์! โอกาสลงจากคานมาถึงล่ะเพื่อน!!”
ยูชอนทำสีหน้าทะเล้น ยักคิ้วหลิ่วตาให้กับแจจุง
“ในเมื่อมันอ่อยมาซะขนาดนี้ ฉันว่าแกไม่ต้องเสียเวลาจีบมันแล้วล่ะ จับลากขึ้นเตียงแล้วปล้ำทำผัวไปเลย!”
ชางมินช่วยเสนอความคิด และก็เป็นวิธีที่ช่างฮาร์ดคอร์เสียเหลือเกิน
“บ้าหรอ!”
แจจุงพูดออกมาด้วยท่าทีเขินอาย อยู่ๆ จะให้เขาไปจับยุนโฮปล้ำได้ยังไงกัน เสียภาพพจน์คิมแจจุงคนสวยหมด
คนสวยนั่งเขินบิดไปบิดมา ก่อนที่จะพูดต่อว่า
“จะให้ฉันวิ่งเข้าไปจับยุนโฮปล้ำแบบนั้นอ่ะ ฉันคงจะทำไม่ได้หรอก”
ยูชอนและชางมินนั่งมองหน้าแจจุง รอฟังคำพูดของเพื่อนรักต่ออย่างตั้งใจ
“แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นนอนรอให้ยุนโฮวิ่งเข้ามาปล้ำแทนล่ะก็... ค่อยว่าไปอย่าง”
“นั่นไง! กูว่าล่ะว่ามันจะต้องมาแรงตอนจบ”
ยูชอนดีดนิ้วดังเปาะเมื่อสิ่งที่ตนเองคิดนั้นถูกต้อง
“จะทำไงก็ทำถอะ ขอให้ได้ยุนโฮมาครองให้สมกับความพยายามที่ทุ่มไปก็แล้วกัน”
ชางมินว่าออกมา ก่อนที่จะหันกลับไปให้ความสนใจกับกองขนมของตนเองต่อ
แจจุงยกยิ้มหวาน คนสวยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความมั่นใจสุดๆ ว่า...
“ไม่ต้องห่วง สามีของคิมแจจุงจะต้องชื่อว่าชองยุนโฮอย่างแน่นอน พวกนายสองคนคอยดูเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน”
.
.
.
.
.
หลังจากที่เรียนวิชาคาบบ่ายจบก็ปาเข้าไปเกือบจะสี่โมงครึ่งเสียแล้ว ดังนั้นแจจุงจึงรีบติดสปีดวิ่งไปรอยุนโฮที่หน้าตึกอย่างทันที ทิ้งให้ยูชอนต้องมาเดินทำหน้าเซ็งอยู่กับชางมินกันสองคน ก็จะไม่ให้เซ็งได้ยังไงกัน ก็ในเมื่อไอ้เพื่อนแสนฉลาดของเขามันดันลากเขาให้มาหาหนังสือที่ห้องสมุดเป็นเพื่อน แล้วคิดดูว่าคนอย่างปาร์ยูชอน คนที่ไม่เคยคิดจะย่างก้าวเข้ามาหาความรู้ในห้องสมุดเลยแม้แต่น้อย จะต้องมาทำตัวเป็นหนอนหนังสือในห้องสมุดแห่งนี้ ให้ตายเถอะ! ถ้าเปลี่ยนจากห้องสมุดมาเป็นชวนไปเดินห้างก็ว่าไปอย่าง นี่ถ้าไม่ติดว่าจะให้ไอ้คุณหมอมันช่วยทำรายงานให้นะ ป่านนี้เขาหนีกลับบ้านไปแล้ว ไม่มาเดินทำหน้าใกล้ตายอยู่ในนี้หรอก!
“ทำหน้าอย่างกับจะตาย ใช่ว่าในนี้จะไม่มีสาวๆ ให้แกเหล่อย่างนั้นแหละ”
ชางมินที่ทนไม่ไว้กับสภาพเหมือนคนใกล้ตายของยูชอนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ในขณะที่ดวงตาคมที่ถูกแว่นสายตากรอบดำสวมทับเอาไว้อยู่นั้นกำลังไล่รายชื่อหาหนังสือที่ตนเองต้องการอย่างช้าๆ
“พูดอย่างกับสาวๆ ที่มาขลุกอยู่ในห้องสมุดนี่มีแต่สวยๆ เลยนะ ช่วยหันไปดูรอบๆ ด้วย กูเห็นแล้วแถบตกใจ นึกว่าผีบรรณารักษ์เฝ้าห้องสมุด”
ชางมินหันมายิ้มขำให้กับคำพูดของยูชอนอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่จะหันกลับไปให้ความสนใจกับหนังสือตรงหน้าต่อ อ่า... เจอแล้ว หนังสือระบบการทำงานของหัวสมอง
“แกก็พูดเกินไป หาผู้หญิงที่นี่ทำเมีย ลูกออกมาฉลาดนะเว้ย!”
ชางมินพูดในขณะที่มือก็กำลังหยิบหนังสือเล่มที่ตนเองต้องการออกมาด้วย
“ไม่เป็นไรว่ะ กูขอเลือกคนสวยแต่ไม่มีสมองดีกว่า สงสารลูกที่เกิดมา กลัวจะตกใจตัวเองเวลาส่องกระจก”
ยูชอนเดิมตามชางมินไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย ในตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนกำลังเดินอยู่ในส่วนที่อยู่ทางด้านในของห้องสมุด เป็นส่วนที่เงียบสงบ เหมือนกับว่าไม่มีใครมานั่งขลุกตัวอยู่ที่นี่ยังไงอย่างงั้น
ชางมินยกยิ้มที่มุมปาก เขาเดินนำยูชอนไปเรื่อยๆ ในขณะที่ดวงตาคมก็ยังคงมองรายชื่อของหนังสืออย่างใจจดใจจ่อ หนังสือเล่มแรกที่หาเจอถูกถือโดยฝ่ามือข้างขวา
และในตอนนั้นเองที่เขากำลังหาหนังสืออยู่เพลินๆ ก็มีแรงสะกิดมาจากทางด้านหลัง ชางมินหันไปเลิกคิ้วใส่ยูชอนก่อนที่จะถามออกมาด้วยความสงสัย
“มีอะไรว่ะ?”
ยูชอนยกยิ้ม ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าของชางมินสักพักหนึ่งก่อนที่จะเบนสายตาไปที่ใครบางคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะซึ่งตั้งอยู่ทางด้านหลังของชั้นวางหนังสือที่พวกเขาทั้งสองคนกำลังยืนอยู่
“กูเปลี่ยนใจล่ะ”
“เปลี่ยนใจอะไรของมึง?”
“กูเปลี่ยนใจมาหาเมียในห้องสมุดแล้วยังไงล่ะ”
ยูชอนยิ้มกว้าง เมื่อพูดจบเขาก็เดินไปทางด้านหลังของชางมินอย่างทันที ยูชอนกำลังเดินเข้าไปหาใครคนหนึ่งที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ
ชางมินหันหน้ากลับไปมองตามแผ่นหลังของยูชอน ก่อนที่จะต้องยกยิ้มขึ้นมาเมื่อเห็นว่าใครคือคนที่ยูชอนเดินเข้าไปหา
ยูชอนค่อยๆ ก้าวเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กย่างช้าๆ เขาเดินอ้อมไปยืนอยู่ทางด้านหลัง ก่อนที่จะโน้มหน้าลงไปอยู่ในระดับเดียวกันกับศีรษะกลม ดวงตาคมก็จ้องมองเนื้อหาของหนังสือที่คนคนนั้นอ่านไปด้วย
“ขยันจังเลยน๊า~”
“เห้ย!”
จุนซูที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ดีๆ ถึงกับตกใจจนเผลอส่งเสียงดังออกไป เขากำลังจะอ้าปากด่าคนที่ไม่มีมารยาทแต่ก็ต้องถูกคนคนนั้นห้ามเอาไว้เสียก่อน
“จุ๊ๆ คุณนิติฯ ที่นี่ห้องสมุดนะครับ เขางดใช้เสียงดัง คุณไม่รู้หรือไง?”
ยูชอนเอ่ยพร้อมรอยยิ้มยียวน ก่อนที่จะทำตัวเสียมารยาทโดยการทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ ตัวของคนร่างบางโดยไม่ต้องรอให้ใครเอ่ยชวน
“ฉันทำเวรทำกรรมอะไรนักหนาถึงต้องมาเจอกับคนอย่างนายเนี่ย!”
จุนซูถลึงตามองคนข้างๆ ด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“เขาเรียกว่าสร้างบุญ สร้างกุศลร่วมกันมาต่างหาก”
“เหอะ! เวรกรรมของฉันจริงๆ แล้วนี่มานั่งทำอะไรไม่เห็นหรือไงว่าฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ ไม่มีเวลามานั่งเล่นแบบนายหรอกน่ะ”
“คุณนิติฯก็อ่านไปซิ ผมกลัวคุณเหงาก็เลยมานั่งเป็นเพื่อน ผมไม่กวนคุณหรอก”
“ถ้านายหวังดีกับฉันจริงๆ ฉันว่านายมาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลยน่าจะดีกว่านะ”
“ใจร้ายอ่ะ! คนเขาอุตส่าห์หวังดี”
ยูชอนทำท่าทีเป็นน้อยอกน้อยใจ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้จุนซูรู้สึกสงสารแต่อย่างใดเลย คนตัวเล็กทำทีเป็นไม่สนใจแล้วกลับไปก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่ออย่างหน้าตาเฉย
ยูชอนนั่งมองจุนซูอ่านหนังสืออยู่อย่างเงียบๆ เขาเห็นใบหน้าน่ารักนั้นดูตึงเครียดขึ้นมาเรื่อยๆ ก็จะไม่ให้เครียดได้ยังไงล่ะ ในเมื่อหนังสือที่คนตัวเล็กกำลังอ่านมันเป็นหนังสือกฎหมายของประเทศนี่นา เห็นความหนาแล้วปาร์คขอลาตาย หนาขนาดที่ถ้าจุนซูเอามาฝาดหัวเขา เขาคงสลบกลับบ้านไม่ถูกแหงๆ
ยูชอนหยิบบีบีของตนเองออกมาจากกระเป๋าเสื้อ นั่งกดเล่นฆ่าเวลาไปอย่างเรื่อยเปื่อย เมื่อสักครู่นี้เขาเห็นไอ้ชางมินมันกำลังเดินหาหนังสืออยู่ที่ชั้นหนังสือฝั่งตรงข้ามอยู่ สงสัยคงจะยังหาหนังสือได้ไม่ครบ
ในขณะที่ยูชอนกำลังกดมือถือเล่น อยู่ๆ เขาก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้เขายังไม่ได้หยอดขนมจีบขายคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ นี่เลย เมื่อคิดได้ดังนั้นยูชอนก็ไม่รอช้าที่จะคิดหาคำหม้อเสี่ยวๆ มาพูดหยอดจุนซูอย่างทันที
เขานั่งคิดอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจหันไปสะกิดคนตัวเล็กที่กำลังมีท่าทีเคร่งขรึมให้หันมาหาตนเอง
“คุณนิติฯ นี่~ คุณนิติฯ”
จุนซูถอนหายใจออกมาแรงๆ ก่อนที่จะหันหน้ามามองคนข้างๆ พร้อมๆ กับตวัดสายตามามองอย่างไม่ค่อยจะเป็นมิตรเสียเท่าไหร่นัก
“อะไร!?”
“ผมขอถามอะไรหน่อยดิ คุณช่วยดูให้หน่อยว่าผมเขียนคำนี้ถูกไหม?”
ยูชอนถือบีบีของตนเองขึ้นมา ก่อนที่จะยื่นมันไปให้คนข้างๆ ได้ดูด้วย
ดวงตาเรียวเล็กก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์ด้วยดวงตาขุ่นมัว ภายในหน้าจอนั้นมันมีตัวอักษรไม่กี่ตัวปรากฏเอาไว้อยู่
“นายเขียนว่าอะไร?”
ยูชอนทำหน้าตาใสซื่อ ก่อนที่จะตอบบออกไป
“เขียนคำว่ารักไง”
จุนซูทำหน้าฉุนหนักขึ้นมากว่าเก่า เขาก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้งหนึ่งก่อนที่จะใช้นิ้วเล็กๆ ของตนเองจิ้มลงไปตรงที่ที่คำคำนั้นปรากฏอยู่
“คำว่ารักบ้านนายมันเขียนแบบนี้หรอไง?”
เพราะในหน้าจอโทรศัพท์ของยูชอนนั้น มันมีตัวอักษรเพียงแค่สองตัวเท่านั้น
‘รก’
จุนซูมองหน้ายูชอน
“โรคจิตแล้วยังโง่อีกนะนายน่ะ แล้วสระมันหายไปไหนล่ะ อีตาทึ่ม!”
ยูชอนยิ้ม เขาเห็นชางมินกำลังยืนถือหนังสือและกำลังกวักมือเรียกเขาอยู่ ยูชอนพยักหน้าให้เป็นการรับรู้ก่อนที่จะหันกลับมามองคนตัวเล็กด้วยสายตาหวานเยิ้มและไม่ลืมที่จะตอบในสิ่งที่จุนซูถามออกไปด้วย
“เพราะรักของผมมันคือการเสีย ‘สละ’ ยังไงล่ะครับ”
จุนซูมองคนข้างๆ ด้วยสีหน้าอึ้งๆ ทำสีหน้าคล้ายกับว่าจะอ้วกออกมาหลังจากที่ได้ยินคำพูดของคนร่างสูง
“ผมก็เลยเสียสละเวลามานั่งเป็นเพื่อนคุณนิติฯไง แต่ว่าตอนนี้ผมคงต้องไปแล้วล่ะ”
ยูชอนทำสีหน้าเศร้าๆ ในขณะที่คนฟังยังคงรู้สึกคลื่นไส้กับมุขเสี่ยวๆ เมื่อสักครู่นี้ไม่หาย
“แต่ก่อนไป ผมต้องให้รางวัลคนขยันก่อน”
ยูชอนยิ้ม ก่อนที่คนร่างสูงจะขยับหน้าเข้าไปใกล้กับใบหน้ากลมพร้อมทั้งกดสันจมูกโด่งของตนเองลงบนผิวแก้มเนียนนุ่มและผละออกมาอย่างเร็วๆ
จุนซูเบิกตากว้างขึ้น นี่เขาโดนไอ้โรคจิตขโมยหอมแก้มอีกแล้วหรอเนี่ย!! เจอกันทีไรโดนมันขโมยหอมเสียทุกที เสียเปรียบให้ไอ้คนกะล่อนแบบนี้ตลอด!!
“ผมไปนะครับที่รัก แล้ววันหลังผมจะมาหม้อคุณใหม่นะฮันหนี~”
กว่าจะรู้ตัว ไอ้คนทำมันก็เดินจากไปไกลเสียแล้ว เขาเสียเปรียบให้ปาร์คยูชอนอีกจนได้
“คอยดูนะ ถ้าฉันเรียนจบไปเป็นทนายเมื่อไหร่ ฉันจะฟ้องนายให้เหลือแต่ตัวเลย คอยดูซิ!!”
คนตัวเล็กยกมือขึ้นถูแก้มของตนเองแรงๆ ก่อนที่จะพึมพำอะไรบางอย่างออกมาอย่างเบาๆ
“ทั้งๆ ที่คิดว่าไอ้มุขเสี่ยวนั่นชวนอวกแท้ๆ”
ฝ่ามือขาวเลือนขึ้นไปจับที่บริเวณหน้าอกของตนเอง
“แล้วทำไม... เราจะต้องไปใจเต้นกับคำพูดบ้าๆ แบบนั้นด้วยล่ะ!!”
ทั้งๆ ที่เขามั่นใจว่าตนเองแมนมาตลอด แมนมาตั้งแต่เกิด แต่ทำไม? เขาจะต้องใจเต้นแรงเพราะผู้ชายด้วยกันแบบนี้ด้วย ฮื่อ... ฉันไม่น่าเจอกับนายเลย ปาร์คยูชอน!!!
... ความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของคิมจุนซู ได้เดินทางมาถึงแล้วซินะ ...
... แก๊สเฉื่อยแบบคิมจุนซู กำลังจะเกิดปฏิกิริยาต่อสิ่งเร้าอย่างปาร์คยูชอนเสียแล้วซิ ...
TBC ^-----------------^*
*******************************************************
Talk ::
สวัสดีค่ะ มุกมาอัพฟิคให้แล้วนะค่ะ ><
จะมีใครรออ่านเรื่องนี้กันบ้างมั้ยเนี่ย
พาร์ทนี้ค่อนข้างจะเน้นไปที่ยูซูสักนิด ส่วนใครที่รอยุนแจอยู่ตอนหน้านะค่ะ
รับรองได้หวานจนละลาย
อ่า... หลังจากที่มุกถามไปว่าคิดว่ายุนโฮในเรื่องนี้เป็นคนยังไง
มีแต่คนคิดว่าเป็นคนดีอ่ะ หึหึ แอบยกยิ้มที่มุมปาก คิดว่าเป็นคนดีจริงอ่ะ??
จะว่าไงดี เอาว่ารออ่านตอนต่อๆ ไปเอาก็แล้วกันนะค่ะ ^^
ขอบคุณทุกๆ คนที่แวะเข้ามาอ่านเรื่องนี้กันนะค่ะ ชอบไม่ชอบยังไง หรือมีความรู้สึกยังไงต่อฟิคเรื่องนี้ก็เม้นบอกกันได้น๊า~
มุกได้อ่านทุกคอมเม้นอย่างแน่นอน่ะ
ใครอยากพูดคุยกับมุกก็ไปที่ทวิตเตอร์นะค่ะ ^^ >>> http://twitter.com/@MMooKiiEE
หรืออยากสอบถามเรื่องฟิค >>> mookiie_jong@hotmail.com[/B]
แล้วเจอกันในตอนหน้าค่ะ
จุ๊ฟๆ
^------------------------------^*
*******************************************************
ความคิดเห็น