ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] ☆--- Mystery Love ---☆ [TVXQ][YAOI]

    ลำดับตอนที่ #4 : ,,, Part 3 ,,, หมอนั่นเป็นใครกันนะ?

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.พ. 57


    Title         :  Mystery Love
    Type        :  Long fiction
    Author      :  *..MooKiiE..*
    Category :  Comedy / Romance
    Paring      :  Yunho x Jaejoong / YooChun x JunSu
    Note         :  เรื่องนี้มุกได้แรงบันดาลใจมาจากซีรี่ส์เกาหลีเรื่อง The Master’s Sun นะคะ จึงทำให้เนื้อหาบางอย่างอาจคล้ายคลึงกันบ้าง

                                                                                                                                                                                                                                                              

    *******************************************************

     ขอให้มีความสุขในการอ่านค่ะ ^^


     

    Part 3

     
     

                    เช้าวันจันทร์ที่แสนสดใส เสียงนกร้องที่ดังอยู่นอกหน้าต่างบวกกับแสงแดดอ่อนๆ ที่สาดส่องเข้ามายังห้องนอนขนาดเล็กทำให้แจจุงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา

     

                    คนตัวเล็กค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นนั่ง เขาหาวออกมาวอดหนึ่งก่อนที่จะพยายามตั้งสติของตนเองให้กลับคืนมาหลังจากที่นั่งสะลึมสะลืออยู่นาน และหลังจากที่แจจุงตื่นนอนได้ไม่นาน นาฬิกาปลุกที่เขาตั้งเอาไว้เมื่อคืนก็ดังขึ้น

     

                    มือขาวๆ ยื่นออกไปกดปิดการทำงานของมันก่อนที่ดวงตากลมจะหันกลับมามองบุคคลที่นอนอยู่ข้างกายของตนเองตลอดทั้งคืนพร้อมกับยิ้มบางๆ ออกมาด้วยความเอ็นดู

     

                    “อื้อ~

                    เสียงครางออกมาเบาๆ เหมือนลูกแมวพร้อมกับบิดตัวไปมา ก่อนที่ดวงตาเรียวเล็กจะค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างช้าๆ

     

                    “เช้าแล้วหรอฮะ?

     

                    แจจุงอมยิ้ม เขายกมือขึ้นลูบหัวของน้องชายเบาๆ อย่างรักใคร่

                    “นอนต่อก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่อาบน้ำเสร็จแล้วจะเข้ามาปลุกอีกที”

     

                    จุนซูที่ยังไม่ตื่นดีพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนที่จะปิดเปลือกตาลงพร้อมกับซุกใบหน้าลงไปในผ้าห่มแสนนุ่มเพียงไม่นานคนตัวเล็กก็หลับสนิทได้อีกครั้ง

     

                    แจจุงมองดูใบหน้าน่ารักของจุนซูที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่จะลุกออกจากเตียง เขาหยิบผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าก่อนที่จะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระร่างกายให้สดชื่นเพื่อพร้อมรับกับการเริ่มต้นใหม่

     

                งานใหม่ในตำแหน่งคนทำความสะอาดของห้างสรรพสินค้าเดอะคิงดอม

     

                    คิดแล้วก็ตลกตัวเอง ทำงานในห้องสมุดสบายๆ อยู่ดีๆ ไม่ชอบ อยากไปทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดซะงั้น แม้จะมีอยู่หลายเหตุผลที่เขาไม่ควรทำงานที่นั่น สถานที่ใหญ่ๆ แบบนั้น ย่อมเป็นจุดศูนย์รวมของบรรดาวิญญาณเร่ร่อนมากมายที่เขาไม่อาจจะหลีกหนีจากการพบเจอมันได้ แต่เหตุผลพวกนั้นก็ไม่ได้สำคัญเท่าเหตุผลเพียงหนึ่งเดียวที่ทำให้แจจุงตัดสินใจไปทำงานที่ห้างนั่นได้เลย

     

                เหตุผลที่ชื่อว่าชองยุนโฮ

                เพียงแค่เหตุผลนี้ ก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา

                   

                    แจจุงใช้เวลาอาบน้ำประมาณสิบนาที เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพร้อมกับกางเกงยีนส์สีเข้มตัวเก่งที่เขามักจะใส่มันอยู่เป็นประจำ คนตัวเล็กมองดูก้อนกลมๆ บนที่นอนแล้วก็ได้แต่ฉีกยิ้มออกมา

     

                    “จุนซูตื่นได้แล้ว”

                    แจจุงเดินไปปลุกน้องชายที่ข้างเตียง

     

                    “……………………..

                    นิ่งก้อนกลมๆ นั่นไร้ปฏิกิริยาตอบกลับ

     

                    แจจุงจึงต้องยื่นมือออกไปเขย่าพร้อมกับเอ่ยเรียกน้องชายอีกครั้ง

                    “จุนซู ตื่นได้แล้ว วันนี้เป็นวันฝึกงานวันแรกของน้องไม่ใช่หรอ?

     

                    ได้ผล! ก้อนกลมๆ ที่เคยอยู่นิ่งเริ่มขยับตัวไปมาบ้างแล้ว

                    “อื้อ~ พี่แจจุงอาบน้ำเสร็จแล้วหรอ?

     

                    “อืมรีบลุกไปอาบน้ำเร็ว เดี๋ยวพี่จะออกไปทำอาหารเช้าให้กิน”

                    แจจุงเดินกลับไปที่โต๊ะเครื่องแป้งพร้อมกับเช็ดผมที่เปียกหมาดๆ ของตนเอง ดวงตากลมโตมองดูเงาสะท้อนของจุนซูผ่านบานกระจกก่อนที่จะส่ายหัวไปมาด้วยความเอ็นดู น้องชายของเขาช่างขี้เกียจนัก แต่ก็ยังน่ารักอยู่เสมอในสายตาของคนเป็นพี่

     

                    “ขอไข่ดาวไม่สุกสองฟองนะฮะ”

                    จุนซูพูดก่อนที่จะลากร่างเอื่อยๆ ของตนเองเดินเข้าห้องน้ำไป

     

                    หลังจากที่แต่งตัวทาแป้งหวีผมเสร็จเรียบร้อยแล้วแจจุงก็เดินออกมาจากห้องนอนแล้วตรงไปที่ห้องครัวอย่างทันที ในทุกๆ วันเขาจะเป็นคนทำอาหารเช้าให้กับจุนซูและตัวเขาเอง จริงๆ เขาจะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องอาหารทุกมื้อเลยก็ว่าได้ ส่วนจุนซูก็จะช่วยเขาทำงานบ้านต่างๆ เท่าที่พอจะช่วยได้ เพราะพวกเขามีกันอยู่แค่สองคน หน้าที่ดูแลบ้านจึงต้องช่วยๆ กันทำ

     

                    พวกเขาทั้งสองคนเป็นคนกินง่าย เพราะพวกเขาไม่ได้มีเงินทองมากมายอะไรขนาดนั้น อาหารในทุกๆ เมื้อจึงเป็นอาหารธรรมดาๆ ที่ไม่มีอะไรพิเศษมากมาย แต่พวกเขาก็สุขใจแล้วที่ได้กินข้าวด้วยกันในทุกๆ วัน

     

                    กลิ่นไข่ดาวที่ถูกทอดให้สุกพอประมาณลอยครุ้งไปทั่วห้องพักขนาดเล็กๆ แห่งนี้

     

                    จุนซูที่อยู่ในชุดนักศึกษาเดินออกมาจากห้องนอนด้วยรอยยิ้ม เขารู้สึกมีความสุขทุกครั้งยามที่ได้กลิ่นหอมๆ ของอาหารที่พี่ชายสุดที่รักของเขาเป็นคนทำ

                    “หิวแล้วๆๆ”

     

                    แจจุงเดินถือจานอาหารเช้าที่บรรจุไข่ดาวและฮอทด็อกมาวางลงบนโต๊ะ ก่อนที่พวกเขาทั้งสองคนจะลงมือทานอาหารเช้าแบบง่ายๆ ด้วยกันในเช้าวันจันทร์ที่แสนจะสดใส

     

                    “อ่าจริงซิ พี่ลืมไปแล้วว่านายฝึกงานอยู่ที่โรงแรมไหน?

                    แจจุงพูดขึ้นมาหลังจากที่ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม

     

                    “เดอะ รอยัล เพลสฮะ โรงแรมใหญ่ๆ หรูๆ ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับห้างคิงดอมนั่นไงฮะ”

     

                    “โอ๊ะ! ใกล้กับห้างคิงดอมด้วยหรอ ดีจัง~

     

                    “ถ้าว่างเขาจะแวะไปหาพี่แจจุงที่ห้างนะฮะ”

                    จุนซูพูดด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อยในตอนที่คิดอะไรขึ้นมาได้

     

                    “แต่เขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ทำไมพี่ต้องไปเป็นพนักงานทำความสะอาดที่นั่นด้วย”

                    จุนซูพูดออกมาพร้อมกับทำหน้ายุ่งๆ ซึ่งมันดูน่ารักมากจนแจจุงต้องฉีกยิ้มออกมา

     

                    “แล้วพี่จะเล่าให้เราฟังทีหลังก็แล้วกัน”

     

                    “จริงๆ นะ พี่ต้องเล่าให้เขาฟังนะ!

     

                    แจจุงพยักหน้ารับ

                    “แน่นอน!”

     

                    ดวงตากลมโตก้มลงไปดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาพูดกับจุนซูด้วยรอยยิ้มบางๆ

                    “แต่ตอนนี้พวกเราต้องรีบออกจากบ้านกันแล้ว ก่อนที่จะไปทำงานวันแรกสายด้วยกันทั้งคู่นะน้องรัก”

     

                    จุนซูตาโต พวกเขาทั้งสองคนรีบเก็บของต่างๆ ลงกระเป๋าเป้ของตนเองก่อนที่จะรีบเดินออกจากห้องพักเพื่อที่จะไปขึ้นรถเมล์ที่หน้าปากซอยไปด้วยกัน

     

                    วันนี้เป็นวันที่จุนซูและแจจุงต่างก็ต้องไปเริ่มต้นใหม่ในที่ที่ตนไม่คุ้นเคยด้วยกันทั้งคู่

                และบางที การเริ่มต้นใหม่นี้

                    อาจจะทำให้ชีวิตของพวกเขา… ‘เปลี่ยนไป

    .

    .

    .

    .

    .

                    “สวัสดีครับ ผมคิมจุนซู นักศึกษาปีสี่จากมหาวิทยาลัยโซล ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนครับ หลังจากนี้ก็ต้องขอฝากเนื้อฝากตัวกับพี่ๆ ทุกคนด้วยนะครับ”

                    จุนซูก้มหัวทักทายรุ่นพี่ที่โรงแรมทุกคนด้วยความสุภาพก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาฉีกยิ้มจนตาหยีให้กับทุกๆ คน

     

                    “น้องๆ พวกนี้เขาจะมาฝึกงานกันที่โรงแรมของเราสามเดือนนะจ๊ะ รุ่นพี่ก็อย่าลืมสอนกันด้วยล่ะ”

                    พี่จินฮี หัวหน้าแผนกบริการส่วนหน้าสุดสวยเอ่ยปากพูดกับพนักงานทุกๆ คนหลังจากที่นักศึกษาฝึกงานทุกคนได้แนะนำตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว

     

                    “พวกเราจะตั้งใจสอนและดูแลน้องๆ เป็นอย่างดีเลยล่ะ”

                    พี่พนักงานผู้หญิงที่หน้าตาสวยหวานคนหนึ่งตอบกลับมา ซึ่งก็เรียกร้อยยิ้มจากน้องๆ ได้เป็นอย่างดี

     

                    “เอาล่ะได้เวลาทำงานกันแล้ว”

                    พี่จินฮีพูดขึ้นมาหลังจากที่ปล่อยให้รุ่นพี่และรุ่นน้องพูดคุยทักทายกันไปพอสมควร

     

                    “อ้อ! และก็อย่าลืมนะว่าวันนี้คุณยูชอนเขาจะลงมาดูการทำงานของแผนกเราด้วย”

     

                    “ไม่ลืมหรอกค่ะ ดูซิ วันนี้สาวๆ แผนกเราแต่งหน้าจัดเต็มกันซะทุกคนขนาดนี้”

     

                    “ฉันตื่นมาตั้งแต่ตีสี่เพื่อมาแต่งหน้าทำผม แต่ให้ตายเถอะ! ฉันลืมติดขนตามาได้ยังไงเนี่ย!

     

                    เสียงของสาวๆ แผนกต้อนรับที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้นทำให้จุนซูที่ยืนอ่านเอกสารการทำงานของทางโรงแรมอยู่ข้างๆ ต้องเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความสงสัย ดูท่าทุกคนจะตื่นเต้นเอาเสียมากๆ ว่าแต่ทำไมพวกเขาจะต้องตื่นเต้นกันด้วยนะ?

     

                    “นี่ซูจองทำไมพี่ๆ เขาต้องตื่นเต้นกันด้วยล่ะ”

                    จุนซูหันไปสะกิดถามหญิงสาวที่เป็นเพื่อนร่วมคณะของตนเอง

     

                    ซูจองเอ่ยตอบ

                    “ก็คุณยูชอนจะแวะมาที่แผนกนี่นา”

     

                    ยูชอน? ใครวะ? คงจะเป็นผู้บริหารล่ะมั้ง           

                    “ยูชอนนี่ใครอ่ะ? แล้วทำไมต้องตื่นเต้นด้วยล่ะ?

     

                    ซูจองทำหน้างงใส่จุนซู

                    “นี่นายไม่รู้จักคุณยูชอนหรอ? เขาเป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยเราเลยนะ”

     

                    จุนซูฟังแล้วก็ได้แต่งง

                    “ไม่รู้จักอ่ะ ช่างเหอะ ไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะอยากรู้นักหรอก”

     

                    จุนซูพูดพร้อมกับก้มหน้าลงไปอ่านเอกสารที่อยู่ในมือของตนเองต่อ ส่วนเรื่องของคนที่ชื่อยูชอนอะไรนั่น เขาเป็นถึงผู้บริหาร คงไม่ใช่บุคคลที่เขาจะได้เจออยู่บ่อยๆ นักหรอก ช่างมันเหอะ

     

                    แต่บางทีจุนซูอาจคิดผิด

    .

    .

    .

    .

    .

                สิ่งที่คาดหวังเอาไว้กลับไม่เป็นดั่งตามที่ใจหวัง เมื่องานที่แจจุงได้รับมอบหมายจากหัวหน้าแผนกแม่บ้านนั้นกลับเป็นงานที่แทบจะไม่มีโอกาสได้ออกไปเผชิญหน้ากับโลกภายนอกเลยแม้แต่น้อย        

     

                    “ให้ตายเถอะ ถ้าต้องทำความสะอาดอยู่แต่ในห้องน้ำแบบนี้แล้วเมื่อไหร่เราจะได้เจอชองยุนโฮกันล่ะ!

     

                ทำความสะอาดห้องน้ำชายนั่นแหละ หน้าที่ที่แจจุงต้องรับผิดชอบ

     

                    วันๆ ก็เจอแต่ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการช็อปปิ้งเดินเล่นในห้างสรรพสินค้า ผู้บริหารระดับสูงๆ อย่างชองยุนโฮจะมีโอกาสเข้ามาใช้ห้องน้ำที่ชั้นหนึ่งนี้สักกี่เปอร์เซนกันเชียว!

                    “แล้วแบบนี้เขาจะได้เจอชองยุนโฮมั้ยเนี่ย!!

     

                    แจจุงยืนบ่นกับตัวเองเบาๆ เขาถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย ในเวลาเช้าๆ ตอนห้างเพิ่งเปิดเช่นนี้ผู้คนยังไม่เยอะสักเท่าไหร่แจจุงจึงเดินไปหยิบผ้าและน้ำยาเช็ดกระจกออกมาเพื่อไปเช็ดกระจกให้เงางามตามหน้าที่ของตนเอง ส่วนเรื่องของชองยุนโฮนั้น เห๊อถ้าเขาทำบุญมาดี ตราบใดที่ยังได้ทำงานอยู่ที่นี่ สักวันหนึ่ง เขาก็คงจะได้พบกับยุนโฮเองแหละ

     

                    นายห้ามหมดหวังเด็ดขาดนะคิมแจจุง!

     

                    “นี่หนู

                    และในตอนที่แจจุงคิดอะไรเพลินๆ อยู่นั่นเอง เสียงของคุณป้าที่แจจุงจำได้ว่าเป็นหัวหน้าแผนกแม่บ้านของทางห้างสรรพสินค้าก็ดังขึ้นขัดความคิดของเขา

     

                    “เอ่อ…. ฮะ? คุณป้ามีอะไรรึป่าวครับ?

                    แจจุงถามด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อม เขารู้สึกเกร็งๆ เล็กน้อยในตอนที่ถูกสายตาของคุณหัวหน้าแม่บ้านกวาดสายตามองดูเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างต้องการสังเกต

     

                อะไรกัน! ทำไมคุณป้าเขาต้องมองเราซะขนาดนั้นด้วย แล้วทำไมต้องทำหน้าดุด้วยเล่า! นี่เขายังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ เพิ่งทำงานไปไม่ถึงสองชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ อย่าบอกนะว่าเขาจะโดนไล่ออกน่ะ ไม่เอานะ!!’

                    แจจุงเริ่มคิดวิตกกังวลไปต่างๆ นานา

     

                    “อืมหน้าตาสะอาดสะอ้าน น่าจะพอไหวอยู่แหละมั้ง”

                    คุณหัวหน้าแม่บ้านพูดพึมพำกับตนเองเบาๆ แต่มันก็ดังพอที่จะทำให้แจจุงได้ยิน

     

                    “เอ๊ะ?

                    แจจุงได้แต่ยืนทำหน้าเหวอด้วยความมึนงง

     

                    “หนูไม่ต้องทำความสะอาดห้องน้ำแล้วนะจ๊ะ”

                    เธอพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ

     

                    แต่คนฟังกลับใจแป้วทันทีที่ได้ยิน นี่เขาจะโดนไล่ออกอย่างงั้นหรือ?

                    “คะคุณป้าฮะ ผะ…. ผม”

     

                    “เดี่ยวหนูเปลี่ยนไปทำความสะอาดที่ชั้นของผู้บริหารก็แล้วกันนะ”

     

                    “ห๊ะ?

                    แจจุงงงหนัก

     

                    “ไปๆ หนูรีบขึ้นไปทำก่อนเลย คุณยุนโฮเขายิ่งบ่นอยู่ว่าชั้นนั้นมันสกปรกมาก”

                    คุณป้าพูดก่อนที่จะรีบเดินมาจูงมือแจจงุที่กำลังยืนงงอยู่ให้เดินตามตนเองไป

     

                    ชื่อของใครบางคนทำให้แจจุงหายใจสะดุด ก่อนที่จังหวะหัวใจของเขาจะเปลี่ยนเป็นเต้นรัวเร็ว

                    “มะเมื่อกี้คุณป้าพูดว่าอะไรนะครับ? ใครที่บ่นนะ?

     

                    คุณป้าถอนหายใจออกมาก่อนที่จะเอ่ยตอบแจจุงกลับไป

                    “ก็คุณชองยุนโฮไง คุณยุนโฮลูกชายเจ้าของห้างนี้น่ะรู้จักใช่มั้ย?

     

                    แจจุงยิ่งใจเต้นแรงขึ้นไปอีก สวรรค์เข้าข้างเขาแล้ว บุญอะไรก็ตามที่เขาเคยได้ทำมามันได้ส่งผลให้เขาได้ขยับเข้าไปใกล้ชองยุนโฮมากขึ้นไปอีกนิดแล้ว!

     

                    “ขึ้นไปทำความสะอาดที่ชั้นนั้นก็ทำตัวดีๆ หน่อยล่ะ คุณยุนโฮเขาเป็นคนเจ้าระเบียบ อย่าไปทำอะไรขัดหูขัดตาคุณเขาเชียว เดี๋ยวจะโดนไล่ออกเอา”

                    นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่คุณป้าหัวหน้าแม่บ้านพูดกับเขาก่อนที่จะส่งแจจุงขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นยี่สิบ ชั้นสูงสุดของสำนักงาน ชั้นที่มีห้องทำงานของชองยุนโฮ

     

                    คุณป้าอาจไม่รู้ว่าเขานี่แหละตัวสร้างปัญหาเลย             

                    บางที คิมแจจุงอาจโดนไล่ออกตั้งแต่วันแรกที่ทำงานเลยก็ได้

     

                    แต่ใครจะยอมไปง่ายๆ กันล่ะ! อุตส่าห์มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชองยุนโฮตั้งมากขนาดนี้แล้วเชียว

     

                    “รอก่อนนะ หลุมหลบภัยของฉัน”

                    แจจุงพูดกับตัวเองเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม เขามองดูเลขจำนวนชั้นที่ลิฟต์เคลื่อนตัวผ่านไปทีละชั้นๆ ด้วยความตื่นเต้น แต่แล้วอะไรบางอย่างก็ทำให้ความตื่นเต้นนั้นหายไป และเปลี่ยนเป็นความกลัวที่ค่อยๆ เกิดขึ้นทีละนิด

     

                ที่ด้านหลังของเขา

                เหมือนมีใครสักคนยืนอยู่

     

                    แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง จะมีใครอยู่ในลิฟต์กับเขาได้อย่างไรกัน ในเมื่อเขาขึ้นลิฟต์ตัวนี้มาแค่คนเดียว! และไม่ต้องเสียเวลาคิดอะไรให้ยุ่งยาก สัมผัสที่หกที่เขามีอยู่ในตัวก็บอกเขาได้เป็นอย่างดีเลยว่ากำลังมีใครบางคนยืนจ้องเขาอยู่ทางด้านหลัง และใครคนนั้นก็ไม่ใช่คน

     

                    แจจุงเม้มปากนาน มือของเขาเริ่มชื้นเหงื่อ ดวงตากลมโตจ้องมองดูเลขชั้นอีกครั้ง ให้ตายเถอะเพิ่งชั้นสิบเอ็ดเองหรอ

     

                    คนตัวเล็กเริ่มวิตกกังวลมากยิ่งขึ้น ในใจก็ได้แต่ภาวนาให้ลิฟต์รีบๆ เคลื่อนตัวไปถึงชั้นยี่สิบเร็วๆ แต่ทำไมนะ ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าแต่ละชั้นที่ลิสต์เคลื่อนตัวผ่านไปนั้นมันช่างช้าเสียเหลือเกิน นี่เขาจะช็อคตายก่อนได้ออกจากลิฟต์มั้ยเนี่ย!

     

                    “ไม่ชิน ยังไงฉันก็ทำตัวให้ชินกับเรื่องแบบนี้ไม่ได้จริงๆ”

                    แจจุงพูดกับตัวเองออกมาเบาๆ ในตอนนี้เขาแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้วเชียว และดูเหมือนว่าใครอีกคนที่อยู่ในลิฟต์กับเขาจะรู้ว่าเขากลัว ผีตนนั้นจึงได้ทำให้ความกลัวของเขานั้นเพิ่มมากขึ้นไปอีก

     

                    เสียงลมหายใจที่ดังอยู่หลังต้นคอทำเอาขนของแจจุงพร้อมใจกันรุกตั้งชัน หัวใจดวงน้อยเต้นรัวเร็ว เงาเหล็กของลิฟต์สะท้อนภาพของผู้หญิงที่ผมปกปิดใบหน้าของเธอไปเกินครึ่งหน้า เธอแต่งชุดขาว ตัวเธอก็ขาวซีดไม่แพ้ชุดที่เธอสวมใส่

     

                    “อะอะ……. อา”

                   

                    แจจุงมั่นใจว่าเสียงที่เขาได้ยินอยู่นั้นไม่ใช่เสียงของตัวเองแน่นอน ก็ในเมือเขาเม้มปากแน่นขนาดนี้เขาจะส่งเสียงพูดอะไรออกไปได้อย่างไรกัน! และก็คงจะไม่ต้องคิดให้ปวดหัวว่าเสียงเมื่อสักครู่นี้เป็นเสียงของใคร ถ้าไม่ใช่เสียงของบุคคลที่ยืนหายใจรดต้นคอของเขาอยู่ในตอนนี้

     

                ขอให้ประตูลิฟต์รีบๆ เปิดออกเร็วๆ ทีเถอะ

                แจจุงได้แต่ภาวนาอยู่ในใจ

     

                ชั้นที่ 16

                ลมหายใจที่อยู่ด้านหลังเริ่มขยับเข้ามาใกล้ เขาได้ยินมันอย่างชัดเจน

     

                ชั้นที่ 17

                เสียงของหญิงสาวคนนั้น กำลังพยายามพูดอะไรบางอย่าง

     

                ชั้นที่ 18

                ฝ่ามือเย็นๆ ของผีสาวตนนั้นวางแหมะลงบนไหล่ของแจจุง คนตัวเล็กหัวใจเต้นรัว เขาเริ่มหายใจติดขัด

     

                ชั้นที่ 19

                เธอออกแรงบีบหัวไหล่ของเขา ก่อนที่ใบหน้าของเธอจะค่อยๆ ขยับใกล้เข้ามากระซิบอะไรบางอย่างที่ใบหูของเขา แจจุงทำได้เพียงแค่หลับตาแน่น เสียงของเธอฟังดูไม่ได้ศัพท์ แจจุงไม่รู้ว่าเธอต้องการจะพูดอะไร น้ำเสียงของเธอช่างแหบเกินกว่าเขาจะจับใจความได้

     

                ชะ…….. ช่วย…….’

                    นั่นคือสิ่งเดียวที่แจจุงฟังออก

     

                ชั้นที่ 20

     

                ติ๊ง!!!

                    ประตูลิฟต์เปิดออก แจจุงไม่รอช้าเขารีบพุ่งตัวออกจากลิฟต์อย่างทันที ไม่รอให้ประตูลิฟต์เปิดออกดีเสียด้วยซ้ำ และเพราะความกลัวที่มีอยู่มากล้นจนทำให้แจจุงไม่ทันได้มองว่ามีใครบางคนยืนอยู่ตรงหน้าเพื่อรอลิฟต์อยู่ คนตัวเล็กพุ่งชนคนคนนั้นเข้าอย่างจัง ใบหน้าเล็กจมอยู่ที่แผงอกของคนคนนั้น

     

                    คนตัวเล็กเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจ แต่เหนือความรู้สึกตกใจ เขากลับรับรู้ได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง

                ‘สิ่งที่เรียกได้ว่าความปลอดภัย

     

                    และคนคนเดียวที่จะทำให้แจจุงรู้สึกแบบนี้ได้ก็มีแต่

     

                    “อะไรกันนักกันหนา! คนยิ่งรีบๆ อยู่”

     

                    ชองยุนโฮเสียงนี้เป็นเสียงของชองยุนโฮแน่นอน

     

                แจจุงรีบผละกายออกมา พร้อมกับก้มหัวลงต่ำแล้วพร่ำคำว่าขอโทษออกมาหลายสิบคำ

                    “ขอโทษฮะๆ”

     

                    คำพูดของป้าหัวหน้าแม่บ้านลอยเข้ามาในหัว ถ้าเขาทำให้ยุนโฮไม่พอใจเขาก็อาจจะโดนไล่ออก เรื่องผีเมื่อสักครู่นี้กลายเป็นเรื่องเล็กไปเลย เมื่อเจอเรื่องของชองยุนโฮเข้ามาแทนที่ เขาจะยอมโดนไล่ออกไม่ได้อย่างเด็ดขาด!

     

                    “จิ๊!

                    ดวงตาคมจ้องมองคนที่ก้มหัวขอโทษเขาด้วยแววตาหงุดหงิด ไม่รู้จะกลัวอะไรเขากันนักกันหนา แม่บ้านหลายคนที่ขึ้นมาทำความสะอาดที่ชั้นนี้ก็อยู่ได้ไม่นานกันสักคน คนคนนี้ก็คงจะเหมือนกับคนอื่นๆ ที่เกรงกลัวเขาเพียงเพราะเห็นว่าเขาเป็นลูกเจ้าของห้าง นี่เขาชักจะสงสัยขึ้นมาจริงๆ แล้วว่าคนพวกนี้กลัวเขาเพราะฐานะของเขาหรือกลัวเขาเพราะตัวของเขาเอง

     

                    ยุนโฮถอนหายใจออกมา เรื่องเล็กแค่นี้ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องมาใส่ใจ ปัญหาใหญ่ที่เขาเพิ่งจะได้รับจากเลขาคิมนี่ต่างหากที่เขาต้องรีบไปจัดการ

                   

                    “จะไปทำอะไรก็รีบไปทำไป”

                    ยุนโฮพูดก่อนที่จะเดินเข้าลิฟต์ไปพร้อมกับเลขาคิม และก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่แจจุงเงยหน้าขึ้นมา แต่ก็น่าเสียดายชองยุนโฮก้มหน้าดูหน้าจอโทรศัพท์ซะงั้น

     

                    แต่เลขาคิมกลับเห็นใบหน้าของคิมแจจุงอย่างชัดเจน เขาฉีกยิ้มให้กับคนตัวเล็กด้วยรอยยิ้มที่แสนจะใจดี พร้อมกับพูดออกมาเบาๆ ก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิด

                    “เจอกันอีกแล้วนะครับ”

     

                    แล้วประตูลิฟต์ก็ปิดลง พร้อมรอยยิ้มกว้างของคิมแจจุง

                    “ให้ตายเถอะ! เรายังไม่ถูกไล่ออก”

     

                    แจจุงยืนคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ด้วยรอยยิ้มบางๆ

                    “ต่อไปนี้เราก็จะได้เจอกันทุกวันแล้วนะคุณหลุมหลบภัย”

    .

    .

    .

                    ภายในลิฟต์

                   

                    “เมื่อกี้เลขาคิมพูดอะไรนะครับ?

                    ชองยุนโฮที่เงยหน้าขึ้นมาจากจอมือถือเอ่ยปากถามเลขาคิมด้วยใบหน้างงๆ

     

                    “ป่าวหนิครับ”

     

                    ยุนโฮขมวดคิ้ว เมื่อกี้นี้เขาว่าเขาได้ยินเสียงของเลขาคิมพูดอะไรสักอย่างอยู่นะ แต่ช่างมันเหอะ ชีวิตของเขามีเรื่องที่คิดมากพอแล้ว อย่าหาอะไรมาให้รกหัวสมองอีกเลย แต่ว่าก็ยังมีบางสิ่งบางอย่างที่ติดอยู่ในหัวของเขาอยู่ดี เรื่องของพ่อบ้านคนที่เขาเพิ่งเจอเมื่อกี้นี้

     

                    “ผมรู้สึกแปลกๆ กับพ่อบ้านคนเมื่อกี้นี้ เหมือน……

                    ยุนโฮพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว

     

                    “เหมือนอะไรครับ?

                    เลขาคิมถามกลับด้วยรอยยิ้มขำๆ

     

                    “เหมือนผมเคยเจอเขา เสียงของเขาคุ้นมาก”

     

                    เลขาคิมหัวเราะออกมาเบาๆ เขารู้สึกได้ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นกำลังจะเข้ามาทำให้ห้างแห่งนี้นั่นเปลี่ยนไป และก็อาจจะทำให้ชีวิตของนายน้อยของเขาเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน

                    “อาจจะเป็นใครบางคนที่คุณเพิ่งเจอก็ได้นะครับ”

                   

                    ยุนโฮฟังคำพูดของเลขาคิมแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเพิ่งเจออย่างงั้นหรอ?

                หมอนั่นเป็นใครกันนะ?’

     

     

    TBC ^----------^*

     

     

    *******************************************************

     

    Talk : )


    สวัสดีค่ะ
    มุกมาแล้วววววววววววววว
    มีใครรออ่านเรื่องนี้อยู่มั้ยนะ?

    ช่วงนี้งานเยอะค่ะ มีแต่งานที่จะต้องส่ง ทั้งๆ ที่ยังฝึกงานไม่เสร็จ แทบไม่มีเวลาเลย TT

    พูดถึงฟิคกันเล็กน้อย
    พาร์ทนี้จุนซูโผล่ออกมาและ ส่วนยูชอนครั้งนี้มาแต่ชื่อ
    ใครที่รอชางมินอยู่ อีกไม่นานค่ะ เดี๋ยวมินมินก็ออกมาแล้ว ><
    ยุนแจแลดูไม่คืบหน้าเลย รอก่อนๆ
    ฝึกงานเสร็จจะรีบแต่งอย่างรวดเร็วค่ะ

    ใครที่อยากพูดคุยกับมุก นี่ช่องทางค่ะ สอบถามเรื่องฟิค ทวงฟิค อยากได้ฟิคที่มุกเคยรวมเล่มเอาไว้ก็ทวิตเตอร์เลย
     

    Twitter >>> http://twitter.com/@MMooKiiEE  
    E-mail >>> mookiie_jong@hotmail.com

    แล้วเจอกันตอนหน้านะคะทุกคน
    ^---------------------------------^* 

     

    *******************************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×